วิหคโสภา (กฤษณา อโศกสิน)

วิหคโสภา (กฤษณา อโศกสิน)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742533847
ผู้แต่ง: กฤษณา อโศกสิน
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 290.00 บาท 72.50 บาท
ประหยัด: 217.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เปลวเพลิงลามเลียทั่วทุ่งหญ้า ประกายแดงฉานตัดกับสีดำของราตรี

คูโชติช่วง โมไนยขับรถพลาง มองคูไฟพลาง เมื่อได้ลมรำเพย เปลวลี

แดงอมสดเหล่านั้นถูกอำนาจลมพัดหวนกลับไปกลับมา กลายเป็นภาพที่

เต้นได้เหมือนกระดาษลีเพลิงที่ถูกดัดปลายหลายแฉก แล้วเป่าด้วยพัดลม

บนเวทีละคร

“สวยดีจังนะคะ” สตรีสาวที่นั่งคู่มากับเขาเอ่ยขึ้นเมื่อหันไปมองตามสายตา

ของชายหนุ่ม “สวยกว่าไฟป่าเป็น

“คุณเคยเห็นไฟป่าหรือ”

“เคยค่ะ...ดีฉันเคยอยู่บ้านนอกนาน เห็นเสมอแหละค่ะ บางทีภูเขาทั้ง

ภูเขาเป็นทะเลไฟไปหมด บางทีก็กินเนื้อที่จากอำเภอถึงอำเภอเลยค่ะ คุณคง

ได้ยินข่าวหนังสือพิมพ์มามาแล้วไม่ใช่หรือ

เขาพยักหน้า

“แต่ผมไม่ยักชอบความสวยแบบนี้ ความสวยที่เกิดจากการทำลาย

“ไฟป่าไม่มีใครจุดนี่คะ

ผมหมายถึง ไฟที่เห็นอยู่นั่น...ที่เขาเผาหญ้านั่นแหละ

                “ทำลายเพื่อจะสร้างต่างหากคะ” ทองกรแย้ง เขาเผาหญ้าเผาตอซัง”

เพื่อไคดินเตรียมหว่านครั้งใหม่ต่างหาก

เขาเหลือบดูหล่อนนิดหนึ่ง...เสี้ยวหน้าของหญิงสาวเป็นเงาคมอยู่ในความ

มืด ผมยาวถูกสมดีกระพือเป็นแพ

“จากดอนเมืองแล้วเราจะไปไหนกันดี”

“ก็...กลับบ้านซีคะ”

ยิ้มผุดขึ้นรวดเร็วบนริมฝีปากบางซึ่งประดับด้วยหนวดเดียวขริบเรียบร้อย

ของอีกฝ่าย

                “เอาเถอะ...แล้วค่อยตกลงกันใหม่...บางทีผู้จัดการอาจจะชวนเราไปบ้าน

แก แล้วดื่มเหล้ากันสักเป๊กก็ได้”

“ค่ะ...ดิฉันไม่ขัดข้อง แต่หลังจากนั้นก็จะขอตัวกลับบ้าน เป็นห่วงคุณแม่

ค่ะ เด็กคนใช้ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่นัก”

“คุณพ่อมาเยี่ยมบ้างหรือเปล่า”

สีหน้าอีกฝ่ายสลดลง

“มาค่ะ ตั้งแต่คุณแม่ป่วย คุณพ่อมาสองครั้ง ให้เงินไว้ใช้บ้าง แล้วก็สั่ง

ว่า ถ้าป่วยมากก็ใบ้ส่งโรงพยาบาล ท่านจะออกค่ารักษาพยาบาลเอง แต่ดิฉัน

...ไม่ได้หวังอะไรมากหรอก ถึงยังไง ๆ ก็ต้องตะเกียกตะกายด้วยตัวเองก่อน...”

“คุณคงไม่รังเกียจที่จะให้ผมช่วยบ้างเมื่อถึงเวลานั้น” เขาพูดอย่างใจจริง

...จริงใจจนแม้ตนเองก็อดพิศวงมิได้ เพราะนานทีปีหนความรู้สึกเช่นนี้จึงจะผุด

ขึ้นมาสักครั้ง

แต่ก็อาจเป็นเพราะบุคลิกพิเศษของหล่อนก็ได้ บวกกับความเป็นอยู่ที่

ชวนให้จิตใจโน้มน้าวไปไนทางอ่อนโยน ทองกรเป็นคนสุภาพ รักงาน หล่อน

เป็นเลขานุการที่ดีของเขา ขยัน ซื่อสัตย์ เต็มไปด้วยอัธยาศัย แม้นายเออร์สัน

 ผู้จัดการใหญ่ ซึ่งเดินทางไปปารีสและจะกลับมาโดยเครื่องบินเที่ยวนี้ ก็ชมเชย

ว่า หล่อนเป็นผู้หญิงไทยที่น่ารักน่าชื่นชม

“อย่าเลยค่ะ ขอบคุณ ดิฉันไม่อยากรบกวนถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ”

“ถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็รับกวนเถอะ...ผมมีพอช่วย” เขาตัดบทง่าย ๆ เพราะ

อย่างน้อย ทองกร ชาติยา ก็ยังทำให้เขาเกิดความรู้สึกดีกว่าความรู้สึกที่เคย

เกิดมาแล้วกับผู้หญิงอื่น ๆ “คุณเองก็ทำงานกับผม ไม่แปลกอะไรนักล้าจะช่วย

กันบ้างในยามทุกข์ยาก ”

“ถ้าคนอื่นรู เขาจะคิดอะไรไหมคะ”

โมไนยอดหัวเราะไม่ได้

“คุณควรใช้วิชาเลขานุการเข้าช่วยบ้างนะ”

ทองกรได้แต่ยิ้มจืด ๆ

“ดิฉันโง่เกินไปใช่ไหมคะ”

“ไม่ใช่หรอก...คุณเป็นคนดี เป็นคนฉลาดหาที่ติไม่ได้ แต่ส่วนมากคุณ

มักจะฉลาดให้กับผลประโยชน์ของนาย ส่วนผลประโยชน์ของตัวคุณเอง คุณ

มักจะมองข้ามไปเสียหมด”

“ดิฉันต้องทุ่มเททุกอย่างให้กับงานนี่คะ ดิฉันไม่อยากย้ายงานบ่อย ๆ

เพราะฉะนั้น ก็เลยพยายามทำดีที่สุด ให้'นายเอ็นดูมากที่สุด

“มิสเตอร์เออร์สันเอ็นดูเธอมาก...”

“ดิฉันดีใจ”

“คุณจะไม่ถามถึงความรู้สึกของหัวหน้าคุณบ้างละหรือ

ทองกรรู้สึกว่าโลหิตในกายตัวหล่อนฉีดแรงกว่าปกติ

 “ไม่กล้าหรอกค่ะ”

“ทำไมไม่กล้า”

“ก็...ไม่...ไม่จำเป็นอะไรไม่ใช่หรือคะ

“แต่จำเป็นมากสำหรับผม”/เข้าตอบเรียบ ๆ จิตใจสงบมากในเวลานั้น

เพราะทองกรไม่ใช่ ‘เหยื่อ’ ที่ชวนให้ตื่นเต้น

หล่อนซื่อและปราศจาทุบ

“ดิฉันยิ่งไม่ทราบว่าจะพูดอะไรดี

“ถามว่า...คุณรักฉันไหมก็แล้วกัน

ทองกรหันมามองเขา...ใจเต้นแรงก็จริง แต่หล่อนก็พอมิสติที่จะรู้ได้ด้วย

ตนเองว่า หัวหน้าของหล่อนเปล่งเสียงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ทำไมดิฉันจะต้องถามให้เสียเวลาด้วยล่ะคะ”

คุณไม่มีน้ำใจเลย เขาทำเสียงดุ แต่พรายยิ้มปรากฏเต็มแนวปาก “ผม

เองกลับอยากให้คุณถาม และกำลังตั้งใจตอบที่สุด ไม่เคยเห็นว่าเป็นการเสีย

ตรงไหน

                “คุณโมโหยคะ กรุณาอย่าพูดเล่นกับดิฉัน...ยกเว้นดิฉันเสียคนแล้วคุณจะ

ได้บุญแรง”

“ถ้าการที่ไม่รักคุณเป็นบุญแรง ผมก็ไม่รู้ว่าจะสร้างบุญอะไรที่ยิ่งกว่านี้”

“ดิฉันไม่ฟังแล้ว...” หล่อนยกมืออุดหู “นี่ดิฉันมากับคุณในฐานะลูกน้อง”

นะคะ...เราทำงานร่วมกัน”

“ผมไม่เคยคิดว่า คนเราจะอยู่ได้ด้วยงานอย่างเดียว”

“อย่าพูดต่อเลยค่ะ ดิฉันกลัวคุณ แล้วก็ไม่ทันคุณในทุกกรณี”

“คุณนี่น่าเอ็นดูนะ” เขาหัวเราะเบา ๆ

“ค่ะ...น่าเอ็นดู...”

“และน่ารักด้วย”

“อย่าถึงขนาดนั้นเลยค่ะ...ดิฉัน...”

“กลัว” เขาต่อ

หล่อนก็เลยหัวเราะ

“ถามจริงๆเถอะ คุณไม่เคยมีใครในใจเลยหรือ

“ไม่พยายามมีหรอกค่ะ กลัวชีวิตแต่งงาน คุณแม่ดิฉันเป็นตัวอย่างที่

เห็นชัดอยู่แล้ว คุณก็ทราบว่า ท่านเป็นภรรยาคนที่สองของของคุณพ่อ...และต่อ

จากท่าน ก็ยังมีอีกสองคน..”

เขาพยักหน้า

“แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงผู้ต้องเป็นอย่างคุณพ่อคุณแม่คุณ

นั่งโลกนี่นะ...การกลัวในสิ่งที่^และยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นความ

กลัวที่ขาดเหตุผล คุณก็เป็นคนหัวใหม่ ถึงไม่ใหม่มากก็ใหม่พอควร...งานการ

ที่คุณท่าอยู่ทุกวัน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณต้องปรับปรุงตัวเอง,ให้เข้ากับสิ่ง

แวดล้อม...ผมคิดว่าคุณต้องเข้าใจวิธีประยุกต์...”

“ดิฉันบกพร้องในข้อนี้หรือคะ”

รองล้าน ผมพูดเรื่องหัวใจ!”

“ดิฉันยังไม่มีหัวใจ”

“อารมณ์ล่ะ”

“ก็ยังไม่มีอีกเหมือนกัน”

“น่าสงสาร!”

“ใช้ค่าอื่นแทนก็ได้ค่ะ”

“คุณทองกร” เขาพูด “ผมไม่อยากเห็นวัยสาวของคุณฝานไปอย่างหงอย-

เหงาเลย...”

“ดิฉันเป็นห่วงคุณแม่ค่ะ”

“นั่นไม่ใช่จุดหมายปลายทาง...เราจะเอาดอกไม้ตูมกับดอกไม้ที่โรยแล้ว

มาปักแจกันเดียวกันไม่ได้ เป็นเรื่องขัดแย้งอย่างร้ายกาจ คนธรรมดาที่มีมัน-

สมองเป็นปกติ เขาไม่ทำ”

“คุณคิดว่าเครื่องบินจะดีเลย์ไหมคะ” ทองกรเปลี่ยนเรื่อง

เขาได้แต่ยิ้มอย่างเข้าใจความรู้สึก'ของหล่อน

“คุณเป็นเลขานุการที่สามารถ แต่เป็นผู้หญิงที่ไม่สามารถเลย

“ดิฉันยัง1ไม่สมัครจะเป็นผู้สามารถ…ดิฉันกลัว...

“กลัวคุณ”

 “ผมน่ากลัวมาก? น่ากลัวตรงไหน”

 “ทุกคนที่ที่'ทำงานกลัวคุณ’’

“ไม่มีอะไรจะน่ากลัวยิ่งไปกว่าความจริงใจ...” หล่อนยา

เขาเลิกคิ้วนิดๆ

“คุณกล่าวหาผมสำหรับคนอื่นหรือสำหรับตัวคุณเอง”

“สำหรับคนอื่น

“ถ้าอย่างนั้นก็ใช้ได้ แต่ถ้าสำหรับตัวคุณ ผมต้องขอโกรธ” คนโกรธ

พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ทองกรได้แต่ถอนใจเบายาวด้วยความเหนื่อย เหนื่อยต่อการที่จะต้องใช้

ไหวพริบสู้กับเขา

พอดีรถเลี้ยวเข้าไปในบริเวณทำอากาศยานดอนเมือง

ขณะนั่นยังไม่ถึงเวลาเครื่องบินลง มีเพื่อนชาติเดียวกับนายโรแนลด์

เออร์ลันหลายคนเดินกลับ1ไปกลับมาอยู่ตรงหน้าห้องด่าน โมไนยเคยรู้จักแล้ว

ทุกคน เขาจึงเข้าไปยืนรวมกลุ่มสนทนา และชวนชาวต่างชาติเหล่านั่นเข้าไป

นั่งในห้องบาร์ จนกระทั่งมีเสียงประกาศว่าเครื่องบินของสายการบินตังกล่าว”

มาถึงแล้ว

รออยู่ครู่หนึ่ง ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทก็ออกมาจากห้องศุลการักษ์ ข้างๆ

เขามีผู้หญิงไทยคนหนึ่ง เดินเคียงมาด้วย!

โมไนยมองดูหล่อนขณะที่ปราดเข้าไปสัมผัสมือกับผู้จัดการของเขา แล้ว

นายเออร์สันจึงหันจากเขาไปพูดกับหล่อน

“หวังว่าเราคงจะพบกันอีก”

“ค่ะ...คงพบกันอีกแน่ๆ” แล้ว'หล่อนก็สัมผัสมือกับนายเออร์สัน พูด

ภาษาอังกฤษคล่อง ทั้งการใช้ภาษาและนํ้าเสียง “เราต่างก็เป็นคนค้าขายเหมือน

กัน”

สายตาคมกริบของหล่อนปรายมาทางโมไนยนิดหนึ่ง แล้วตวัดกลับอย่าง

ไม่สนใจ

ร่างของหล่อนสูง ผอมเพรียวอย่างนางแบบ สวมกระโปรงสั้นเกือบจะ

เรียกว่า ‘ไมโคร’ แขนเสื้อยาวจรดข้อมือ แต่เวลายื่นมือออกมาสัมผัส นาฬิกา

เรือนโตบนข้อมือขวาโผล่ออกมาให้เห็นถนัด  ทองกรนึกในใจว่า ‘ใหญ่เกือบ

เท่านาฬิกาบิกเบน’

ทรงผมของหล่อนสั้น เจียนท้ายทอยไว้แหลมเป็นใบโพธิ์ ไว้จอนด้วย

 ความละเอียดสลวยของเส้นผมนะที่เหมือนตะวันตก ทำให้แบบผม

ของหล่อนกลายเป็นทรงงามรับกับใบหน้ารูปหัวใจที่แลดูประเปรียว เฉลียวฉลาด

หล่อนล่ำลานายเออร์สันแล้ว ก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังชายสูงวัยผู้หนึ่งกับกลุ่ม

เด็กหนุ่มเด็กสาว โมโนยลืมหลงคนที่อยู่รอบตัว ได้แต่มองตามสาวสภาผู้นั้น

ไปอย่างจดจ่อ ได้เห็นหล่อนสวมกอดชายสูงอายุ และจุมพิตแก้มทั้งสองด้วย

ธรรมเนียมตะวันตก

นึกโกรธนายเออร์สันที่ไม่แนะน่า

ผู้จัดการใหญ่โอบบ่าเขา พลางสัพยอก

“เป็นไง ฉันอยู่นี่แล้ว อย่าไปมองหาที่อื่นเลย”

เขาจึงได้แต่หันมายิ้มจืด ๆ

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024