ปีกรักห่มฝัน (วัตตรา)
ประหยัด: 217.50 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
ภายในศูนย์การแสดงงานศิลปะซึ่งตั้งอยู่บนถนนสายที่สามหรือเติร์ด
สตรีทชองนครซานฟรานซิสโกนั้นมีเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างกึกก้องไม่ขาดสาย
เพื่อแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกรดออกแบบเฟอร์นิ-
เจอร์นานาชาติยอดเยี่ยมประจำปีในสาขาต่าง ๆ โดยงานนี้มีบริษัทเอกซนผู้
ผลิตเฟอร์นิเจอร์ยี่ห้อด้งชองโลกหลายแห่งร่วมกันจัดขึ้น
แล้วในที่สุดการประกาศรายชื่อผู้รับรางวัลพิเศษเป็นการส่งท้ายการจัดงาน
ในครั้งนี้ก็มาถึง ผู้ที่ลุ้นรางวัลนี้ มิใช่บรรดานักออกแบบมืออาชีพทั้งหลาย หาก
แต่ เป็นนักเรียนและนักศึกษาผู้มีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบเฟอร์นิเจอร์
สำหรับท้องนั่งเล่นโดยเฉพาะ ผู้จัดงานมีวัตถุประสงค์เพื่อมอบโอกาสที่ดีให้กับนัก
ศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษา อันล่ะเป็นหลักฐานสำคัญทางการศึกษาอีกใบหนึ่งให้
บัณฑิตได้ใช้เป็นใบเบิกทางในการก้าวสู่ตำแหน่งหน้าที่การงานในโอกาสต่อไป
ผู้ที่คว้ารางวัลนี้ไปครองนักศึกษาจากภาควิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์
ปีสุดท้ายสถาบันศิลปะที่ตั้งอยู่ทางเหนือของนครซานฟรานซิสโกนี่เอง
ผลงานชิ้นเอกที่ได้รับคะแนนสูงลิบลิ่วนั้นมีชื่อว่า ‘Seat 4 2’๑ หรือ
‘เก้าอี้คู่รัก’ ซึ่งเป็นงานคลปะสมัยใหม่ที่ผสมผสานระหว่างไท้กับผ้าและกลุ่มเส้นใย-
สังเคราะห์เข้าด้วยกันอย่างเรียบง่ายจนกลายเป็นเก้าอี้ทรงเก๋ซึ่งเหมาะสำหรับสอง
คนจะไข้เพื่อนั่งอิงแอบกัน หรือถ้าด้องการใช้เก้าอี้ตัวนี้เป็นเสมือนงานศิลปะสำหรับ
ประดับท้องก็เพียงแต่ปรับแกนพนักพิงกับเบาะที่รองนั่งให้ได้องศาเท่านั้น
มันเป็นเก้าอี้ที่ชายหนุ่มร่างสันทัดผิวคลี่กดวงหน้าคมคายให้ความสนใจตั้งแต่
แรกเห็น แต่...ผลงานการออกแบบที่ได้รับรางวัลชนะเลิศชิ้นนี้ติดป้ายโซล เอาต์
หรือขายไปแล้ว เขาจึงได้แต่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย
แต่แล้วชายหนุ่มก็แทบจะลืมลมหายใจไปในทันทีเมื่อหญิงสาวเล้าของผลงาน
ปรากฏตัวชิ้นบนเวที
เธอเป็นหญิงสาวผิวเหลืองลออร่างเล็กแบบบางที่อยู่ในชุดราตรีสิลำสนิทที่
เรียบง่ายหากดูเก๋ไก๋ด้วยการออกแบบเป็นสายไขว้พ้นทบไปมาในช่วงคอเผยให้เห็น
ช่วงลาดไหลเนียนกลมกลึงรับกับลำแขนเรียวเสลาอย่างมีศิลปะ ชายกระโปรงนั้น
สั้นเพียงแค่เช่าของหญิงสาว จึงเผยให้เห็นปลีน่องงดงามได้รูปยามที่เธอก้าวเดินอย่าง
มันใจเพื่อไปรับรางวัลจากประธานบริษัทแห่งหนึ่ง
รอยยิ้มคลี่เหนือรีมฝีเปากสิระเรื่องของเธอไม่ต่างจากแสงตะวันยามรุ่งอรุณที่
สดใสและให้ความหวังจนทำให้แสงไฟนับสิบนับร้อยดวงในท้องนี้มืดหม่นไปในพริบตา ฃ
และเมื่อกรินทร์รู้ตัวอีกทีเขาก็ไปหยุดยืนเบื้องหน้าเธอเสียแล้ว!
หากรอยยิ้มของหญิงสาวกลับส่งผ่านไปยังชายหนุ่มผิวขาวเหลืองรูปร่างสูง
โปร่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาแทน
ดอกทิวลิปช่อโตในมือของฝ่ายชายกับดวงตาที่เปล่งประกายระยิบระทับยิ่ง
กว่าดวงดาวบนผืนฟ้าของหญิงสาวทำให้กรินทร์พอจะเดาความสัมพันธ์ระหว่างคน
ตั้งคู่ไดไม่ยาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ละความพยายามที่'จะทำความรู้จักกับเธอ
ชายหนุ่มอาศัยทีท่าที่ พาที่สุขุมเยือกเย็นและชิ้นเชิงที่เหนือกว่าเดินเข้าไปหาคนทั้ง
คู่พร้อมกับกล่าวแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างนักธุรกิจ'ระดับประเทศที่มีความ
“ขอโทษนะครีบ ผมขอคุยกับคุณมุกใสหน่อยไดไหมครับ”
เขาจงใจพูดอย่างไม่รู้ไม่ชี้และเลือกที่จะมองข้ามรอยแปลกใจจนเกือบจะเป็น
ไม่พอใจที่ปรากฏในดวงตาคู่เรียวของชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่า ส่วนหญิงสาวกลับส่ง
ยิ้มอ่อนๆให้เขาอย่างมีอัธยาศัยที่ดี และเอ่ยทักเขาตอบอย่างสนใจว่า
“ตอนแรกดิฉันนึกว่าคุณเป็นเม็กชิกันเสียอีก”
กรีนทรียืมน้อย ๆ เมือได้ยินดังนั้น
ความคมเข้มสะดุดตาทำให้หลายครั้งที่เขาถูกเข้าใจผิดว่ามีเชื้อสายของชาว
อเมริกาใต้ และกรินทร์ก็ไม่รังเกียจความเข้าใจผิดอันนี้ ตราบใดที่มันอังเอื้อประ-
โยชน์ให้เขาอยู่ และในคราวนี้ก็เช่นอัน มันทำให้เขาไดโอกาสต่อบทสนทนากับอีก
ฝ่ายหนึ่งโดยไม่ติดขัด
“มีคนหลายคนบอกผมแบบนั้นเหมือนอัน แต่ผมเป็นคนไทยครับ นี่นาม
บัตรของผม”
เขาตอบพลางส่งนามบัตรแผ่นแข็งที่ออกแบบอย่างเรียบง่ายหากหรูหราในที
ให้กับหญิงสาว
มุกใสก้มมองกระดาษสีขาวงาข้างในมืออย่างสนใจ ขณะที่ชนัยชนม์ยืนล้วง
กระเป๋ากางเกงอย่างเบื่อหน่ายและไม่สนใจจะปรายตามองข้อความในกระดาษแผ่น
นั้นสักนิด แต่แฟนสาวของเขากลับอุทานอย่า^ตื่นเต้นเมื่อเห็นตำแหน่งที่ต่อท้ายชื่อ
ของชายหนุ่ม
“คุณเป็นประธานในกลุ่มฟิเนล่าหรือคะ”
เธอหมายถึงกลุ่มบริษัทโรงแรมและริสอรัตชื่อดังที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ใน
อันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ขณะเดียวกันคำพูดของมุกใสก็ทำให้ชนัยชนม์ขมวดคิ้ว
คล้ายไม่ชอบใจชื้นมาทันที
เพราะแม้เขาจะเป็นเสมือนแกะตำของตระกูล แต่ชนัยชนม์ก็ไม่ได้โง่งมเสีย
จนไม่รู้ว่ากลุ่มฟิเนล่านั้นเป็นคู่แข่งกับกลุ่มโรงแรมในเครือของครอบครัวเขา
“คุณมีธุระอะไรกันมุกหรอ”
ชนัยชนม์ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงคล้ายเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง หากกรินทร์ยังคง
ยิ้มอย่างใจเย็น
“ผมทราบว่าคุณมุกใสกำลังจะจบการศึกษาภายในไม่กี่วันนี้ เลยอยากจะ
ถามว่าเธอสนใจที่จะร่วมงานกับผมในฐานะนักออกแบบประจำโรงแรมของผมไหม”
“คงไม่ได้หรอกครับ เพราะผมอับมุกมีแผนที่น่าสนใจกว่านั้น”
ชนัยชนม์ตัดบทเสียงหนักแน่นและฉุดมือหญิงสาวออกไปจากวงสนทนาโดย
ไม่สนใจมารยาทใด ๆ แต่กรินทร์ไม่มีวันยอมละความพยายามง่าย ๆ เขาจึงพูดไล่
หลังคนทั้งคู่ไปว่า
“คุณมุกใสลองเก็บไปคิดดูนะครับ ผมรอคำตอบของคุณเสมอ”
“ไอ้ขี้หลีเอ๊ย!”
ชนัยชนม์คำรามออกมาอย่างฉุนเฉียวระหว่างที่เดินชมงานออกแบบซึ่งชนะ
การประกวดสำหรับใช้ในห้องครัว มุกใสส่ายศีรษะกึ่งเอ็นดูกึ่งเอือมระอาเพื่อนชาย
คนสนิท
“เรื่องอะไรไปว่าเขาแบบนั้น เขาก็แค่ชวนมุกไปทำงานด้วย’’
“แล้วทำไมมันไม่ไปชวนไอ้วนดำปีเดล่ะ มาชวนมุกทำไม’
ชายหนุ่มแย่งและพาดพิงไปถึงฝรั่งผิวดำรูปร่างใหญ่ที่ได้รับรางวัลการออกแบบ
ตกแต่งภายในยอดเยี่ยมประจำปีมาครอง นี้
“ก็เขาคงเห็น'ว่าเราเป็นคนไทยเหมือนกันมั้ง มุกใสสรุปอย่างคนที่มองโลก
ในแง่ดี และเมื่อเห็นอีกฝ่ายตั้งท่าจะต่อเถียง เธอก็โบกมือใส่หน้าเขา แล้ว
พูดว่า
“พอเถอะ เลิกพูดเรื่องเขาเสียที่เบื่อแล้ว ทีนี้กุ้งจะบอกมุกได้หรือยัง
ว่ารางวัลที่กังจะให้มุกที่มุกได้ที่หนึ่งในงานวันนี้คืออะไร’’
หน้าของชนัยชนม์ค่อยคลายความบึ้งตึ้งลงและดวงตาของเขาก็เริ่มเปล่งประ-
กายระยับแต่ลึกลับในทีขณะล้องมองลึกในดวงตาคู่สวยที่มีกรอบขนตาล้อมหนาของ
มุกใส
“เอาไว้บอกตอนที่เราไปดินเนอร์ด้วยกันคืนนี้ดิกว่า”
มุกใสนิ่วหน้านิดหนึ่งขณะกล่าวเสียงอ่อนว่า
“คืนนี้คงไม่ได้หรอก เพราะเขามีเลี้ยงฉลองให้กับผู้ที่ได้รับรางวัลน่ะ”
คำตอบของเธอให้ดวงหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนไปในทันทีตามประสาคนที่มี
อารมณ์อ่อนไหว มุกใสจึงบีบมืออีกฝ่ายหนึ่งคล้ายให้คำสัญญาว่า
“ เอาไว้คืนมะรืนนี้แล้วกันนะ”
“มุกรู้ไหมว่าโมซาร์ทไม่ได้จองได้ง่าย ๆ นะ นี่ผมต้องใช้เส้นเสียเกือบตายกว่า
จะได้โต๊ะสำหรับเราสองคนในคืนนี้’’
ชายหนุ่มโอดเพราะร้านอาหารที่เขาตั้งใจจะพาหญิงสาวไปฉลองสำหรับโอกาส
พิเศษในคาคืนนี้ถูกจัดเป็นหนึ่งในสิบของห้องอาหารที่โรแมนดิกที่สุดของนครชาน-
ฟรานซิสโกเลยทีเดียว คิวจองโต๊ะสำหรับเข้ารับประทานอาหารที่นี่ตองจองกันนาน
ล่วงหน้าไม่ตากว่าสองเดือน
แต่มุกใสกลับส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“ถ้าคิดจะเลี้ยงมุกน่ะ แค่อาหารจีนที่ไชน่าทาวน์ก็พอจ้ะ ไม่ต้องถึงร้าน
โมชาร์ทหรอก ทั้งแพงทั้งยุ่งยาก...เอาไว้แลัวมุกจะโทรนัดกักทีนะวันที่ว่าง ๆ
และปลอดโปร่งหน่อย”
คำตอบของหญิงสาวทำให้ชนัยชนม์อดหัวเราะไม่ได้ เขาแกล้งโค้งต่ำให้เธอ
แล้วกล่าวว่า
“ขอรับคุณนาย เพื่อคุณนายกระผมจะประหยัดเพื่ออนาคต ของเรา และจะ
รอวันที่คุณนายสะดวกที่สุดนะครับ”
คนฟังแก้มแดงจัดอย่างที่เคยเป็นเช่นนี้ทุกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดมีนัยถึงอนาคต
ที่จะมีร่วมกันของชายหนุ่ม เธอจึงหยิกหมับเข้าที่ต้นแขนเขาอย่างเขิน ๆ แล้ว,บ่น'ว่า
“ทะลึ่งแล้ว อนาคตของมุกก็ของกุ้งของกุ้งก็ของกุ้งสิ ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย”
“เดี๋ยวก็รู้ว่าอนาคตของเราสองคนจะเกี่ยวกันหรือเปล่า”
ชายหนุ่มพูดอย่างท้าทายก่อนจะชวนอีกฝ่ายดูงานศิลปะชิ้นต่อไปอย่างอารมณ์
ดีโดยไม่รู้เลยว่าคำตอบของคำถามที่เขาเพิ่งทั้งขึ้นนั้นไปกันคนละทิศละทางกับสิ่งที่
เขาต้องการอย่างน่าใจหาย เมื่อในใจของมุกใสเริ่มมีเรื่องนามบัตร,ของหนุ่มคนนั้น
เข้ามาให้คิด
โทรศัพท์มือถือของมุกใสดังเป็นจังหวะเพลงของศิลปินที่เธอชื่นชอบอยู่
หลายครั้งกว่าหญิงสาวยอมเงยหน้าชิ้นจากงานออกแบบที่ทำอยู่เพื่อเหลือบไป
มองตัวเลขที่โชว์บนหน้าจอ แล้วก็ต้องพบกับความแปลกใจเมื่อเห็นว่าเบอร์โทรศัพท์
ที่โทร.เข้ามานั้นเป็นหมายเลขยาวเหยียดจากเมืองไทย
ความสังหรณ์ใจผุดชิ้นทันที
นี่ไม่ใช่เวลาปกติที่นายชัยยศผู้เป็นพ่อจะโทรศัพท์หาเธอ!
ปลายนิ้วของเธอจึงสนระริกขณะกดรับสาย
เสียงที่เธอได้ยินผ่านหูโทรศัพท์ก็คือเสียงอู้ลี้ของนางวิมลแม่บ้านใหญ่ ก่อน
จะกลายเป็นเสียงสะอึกสะอื้นในที่สฺด
มุกใสทั้งดุและปลอบให้ฝ่ายนั้นพูดสิงทีเธอรอฟ้งด้วยความหวาดหวั่นออกมา
จนสำเร็จ
คำพูดของนางทำให้หญิงสาวได้รับรู้ว่าบริษัทส่งออกของนายชัยยศผู้เป็นพ่อ
กำลังถูกฟ้องล้มละลายเพราะขาดทุนย่อยยับมากว่าครึ่งปีแล้ว แต่เอื้องนี้ยังไม่ร้าย
แรงเท่ากับการที่พ่อของเธอโดนความเครียดรุมเร้าเล่นงานจนเส้นโลหิตแตกในสมอง
เมื่อสัปดาห์ก่อน!
“แล้วทำไมอาเพิ่งบอกหนู ล้าอาบอกเร็วกว่านี้หนูก็จะได้กลับบ้าน แล้วพ่อ
ก็จะไดไม่ต้องเครียดมากถึงขั้นล้มเจ็บแบบนี้” มุกใสกลั้นสะอื้นตัดพ้ออีกฝ่าย
“คุณชัยยศท่านขออาเอาไว้...ท่านบอกว่าหนูกำลังจะสอบเลยไม่อยากให้กลุ้ม
ใจ ท่านอยากเห็นหนูได้รับปริญญา” นางตอบและร้องไห้ไปด้วย แล้วอธิบายต่อ
อีกว่า
“นี่อาเห็นว่าท่านอาการไม่ดีขึ้นเลย ก็เลยอยากบอกให้หนูรู้ อาอยากให้
ท่านได้เห็นหนูอีกสักครั้ง”
ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าหามุกใสราวกับคลื่นใหญ่ ๆ หลายลูกที่โหมชัดเข้าสู่
ฝั่ง
เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการท่าผลงานเพื่อส่งเข้า
ประกวดและการท่างานขั้นสุดท้ายส่งอาจารย์จนไม่ค่อยได้ดีดต่อกับทางบ้าน และ
แม้จะคุยกับนายชัยยศบ้างแต่เธอก็ไม่ได้ระแคะระคายถึงวิกฤติการณ์ทางธุรกิจของ
ผู้เป็นบิดาเลย
มุกใสกำโทรศัพท์แน่นจนมันแทบจะแหลกคามือขณะบอกผู้ที่อยู่ปลายสายว่า
“อาบอกพ่อด้วยนะคะ ว่าให้รอหนูด้วย หนูจะรีบกลับไปให้เร็วที่สุด”
หญิงสาวไหคำมนสัญญาและเพิกเฉยกับสัญญาณสายข้อนของชนัยชนม์ที่
เรียกเข้ามา
ถึงแม้ว่าเธอจะวางโทรศัพท์กับทางเมืองไทยไปนานแล้วแต่มุกใสก็ยังไม่ยอม
โทร.ไปหาเพื่อนชายคนสนิท แต่เธอกลับหยิบกรอบรูปที่ใส่รูปคู่ของเขากับเธอขั้น
มาดูอย่างครุ่นคิดขณะเดียวกันสายลมด้นฤดูใบไม้ผลิที่พัดเข้ามาในห้องก็ทำให้กระดาษ
แข็งเล็ก ๆ แผ่นหนึ่งที่เธอวางไว้บนโต๊ะทำงานปลิวตกลงไปที่พื้น หญิงสาวก้มลงเก็บ
แล้วก็พบว่ามันคือนามบัตรของกรินทร์ ปุณณภิรมย์นั่นเอง!
เสียงกระดิ่งรถรางที่วิ่งอยู่บนถนนพาวซึ่งตัดกับถนนบุชดังแว่วเข้ามาใน
คาเฟ่หรูหราสไตล์ยุโรปแห่งนี้ เหมือนมันต้องการจะปลุกให้ชนัยชนม์กับมุกใสหลุด
จากภวังค์ความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างอาหารคามื้อนี้ มื้อที่ควรเป็นมื้อแห่งความสุข
และการเฉลิมฉลองตังที่ฝ่ายที่เป็นเล้ามือตั้งใจ แต่คนทั้งคู่กลับนิ่งเงียบด้วยเรื่อง
ราวในใจนั้นมากมายเกินกว่าจะคุยหยอกล้อกันอย่างที่เคยเป็น
ชนัยชนม์เป็นฝ่ายยิ้มเก้อ ๆ ให้หญิงสาวตรงหน้า ขณะที่มุกใสกะพริบ
ตาถี่ ๆ ด้วยความงงงันเล็กน้อยคล้ายเพิ่งรู้สึกตัวเองอยู่ที่ไหน
หลังจากที่มองสบตากันอย่างลังเลอยู่ชั่วครู่ทั้งสองก็กล่าวออกมาเกือบจะ พร้อมกันว่า
“ผมมีอะไรจะบอกมุก”
“มุกมีอะไรจะบอกกุ้ง”
แล้วชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายหัวเราะเบา ๆ ออกมาก่อนขณะที่หญิงสาวกลับยิ้ม
เจื่อนๆแทน
ความตื่นเต้นทำให้ชนัยชนม์มองเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดมากกว่าปกติของ
เพื่อนสาวคนสนิทและไม่สะดุดใจกับทีท่าเกือบจะเป็นเศร้าสร้อย'ของเธอ
“ถ้าอย่างนั้นมุกพูดก่อนดีมั้ย” ชนัยชนม์เสนอ
มุกใสลงเลอยู่ชั่วขณะก่อนจะพยักหน้ารับ น้ำลายในปากมีรสขมปร่าเสียจน
หญิงสาวแทบไม่รู้ว่าเธอเปล่งเสียงพูดไปได้อย่างไร
“มุกขอเลิกกับกุ้ง”
ชายหนุ่มมองหน้าเธออย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่เขายังคงผืนหัวเราะ
ขณะพูดว่า
“นี่มุกล้อเล่นใช่ไหม หรือว่ามันเป็นวันเอพริลฟูลเดย์
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)