ปูนปิดทอง (กฤษณา อโศกสิน)

ปูนปิดทอง (กฤษณา อโศกสิน)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742532574
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 410.00 บาท 102.50 บาท
ประหยัด: 307.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บ้านติดลูกไม้ แลเห็นอยู่ตรงนั้น...ใกล้เนื้อที่ว่างๆสองสามแปลง แต่

ไม่ไกลจากตึกรามขนาดและลักษณะด่าง ๆ บ้างลูกเรียกว่าบ้านหินอ่อน...

หรือบ้านศิลาแลง ตามชนิดของวัสดุก่อสร้างที่เจ้าของตกแต่งไว้จนมองปราด

ก็รู้ว่าเขาขอบอะไรมากที่สุด หรือ หายใจเป็นอะไร

แน่เหลือเกินว่า เจ้าของ ‘บ้านติดลูกไม้’ คงหายใจเป็นลวดลายฉลุสลัก

ของบ้านโบราณ บ้านของเขาขาว...ทรวดทรงงดงาม ไม,เชิงสมัยใหม่อย่างทรง

ลาดตาของบ้านแบบยุโรป มุงหลังคากระเบื้องโมเนียสีต่างๆเพื่ออวดหลังคา แต่

ไม่ใช่เทอะทะอย่าง ‘ใหญ่เข้าว่า’ เหมือนบางบ้าน มองดูผาดๆเหมือนจะเล็ก แต่

ความจริงแล้วใหญ่ทีเดียว สูงตระหง่าน สง่า มีลูกไม้ดีดระบายอยู่รอบชายคา

รอบหน้าต่าง และตามโค้งบางโค้ง

มีต้นปาล์มขวด สนฉัตร พุ่มใบของเถาไม้เลื้อย และกิ่งค้านของไม่ยืนค้น

อื่นๆ เช่นมะม่วง ประดู่แดง ตาเบบูย่า ฯลฯ โผล่ขึ้นมาให้เห็นทั่วไป

รถค้นหนึ่งแล่นมาจอดอยู่ตรงที่ว่างผืนใหญ่ค้านตรงกันข้าม มีผู้ชายผู้หญิง

และเด็กก้าวลงมา เพื่อจะวางโครงการปลูกบ้านลักหลังบนพื้นที่นั้นหลังจากวาง

โครงการมาแล้วหลายหน แต่ยังไม่สำเร็จ

“คุณคะ” ฝ่ายหญิงเอ่ยขึ้น “บ้านขาวนั้นสวยจังนะคะ”

ผู้ชายหันไปมอง พลางพยักพเยิดกับสถาปนิกที่มาด้วย

“เห็นพูดทุกครั้งเลย...เราน่ะ ไม่มีปัญญาสร้างบ้านแพงได้ขนาดนั้นหรอก

เท่าไหร่นะ คุณมนต์”

“แว่วๆมาว่า แปดล้านครับ”

“ตั้งแปดล้าน”

 “แต่เป็นแปดล้านก่อนหน้านี้สองปีนะฮะ...ตอนนั้นเครื่องก่อสร้างยังไม่แพง

เท่านี้”

“เดี๋ยวนี้คงราว ๆสิบล้านทั้ง” ฝ่ายชายทำเสียงประชด “บ้านแถวนี้มากล้านทั้งนั้น” สถาปนิกพูดอย่างเกรงใจ “ใช่...บรมอัครมหาเศรษฐีทั้งนั้นนี่”

“ของเราแค่สองสามล้าน...พอจะสู้เขาไหวไหม” ภรรยาเล้าของที่ดินถาม

“ไม่ต้องสู้อะไรนี่ฮะ”

“กลัวปลูกแล้วจะกลายเป็นโรงรถบ้านเศรษฐีละก็ เห็นจะไม่เป็นสุขแน่”

“ถ้านึกยังงั้นก็อย่าปลูก” สามีว่าพลางขมวดคิ้ว “เธอนี่ดูไม่มีความภูมิใจ

ในตัวของตัวเองเสียเลย ทำไมจะต้องไปเทียบกับคนอื่นด้วย เรามีแค่ไหน ก็อยู่

แค่นั้นชี พลาดทำมาชื้อไร้แล้วนี่”

“อย่าคิดมากดิกว่าฮะ...บ้านเล็ก ๆ แถว,นี้มีอีกตั้งหลายบ้าน”

ขณะที่คนทั้งสามกำลังโต้ตอบกันอยู่นั้น รถอีกคันหนึ่งก็แล่นมาถึงประตู

‘บ้านติดลูกไม้’

“เจ้าของน่ะใครกันนะคะ”

“ผู้ชายหนุ่ม ไม่มีครอบครัว” สถาปนิกบอก เนื่องด้วยคฤหาสน์งาม ๆ

ละแวกนี้ทั้งหมดย่อมเป็นที่รู้จักดีในบรรดาแวดวงของเขา บางหลังก็ไปปรากฏอยู่

ในหนังสือแบบบ้านที่มีชื่อเสียง “สงสัยจะคนนั้นแหละฮะ เล้าของ”

ทั้งสามคนรักษากิริยาโดยไม่หันไปมองอย่างจริงจัง เพียงแต่ชำเลืองผ่านๆ

“ในรถมีผู้หญิงด้วยนี่คะนั้น”

เจ้าของรถกดแตรแล้วจอดรออยู่ มีคนวิ่งออกมาเปิดประตูเหล็กโปร่ง ต่อ

จากบานประตูคือกำแพงอิฐบล็อก ซึ่งแทนที่จะวางขวางอย่างสามัญ หากแต่ทั้งอิฐ

ตามแนวทั้งตูแปลกตา

“ไม่เห็นเป็นไรนี่ ผู้ชายหนุ่มไม่มีสิทธิ์พาผู้หญิงนั่งรถไปไหนๆหรือ กระทั่ง

พามาบ้านก็เถอะ” สามีว่า “จริงไหม คุณมนต์”

“ร่ำรวยออกยังงี้ เดี๋ยวผู้หญิงตามมาเกาะจะว่ายังไง”

“ประสาท!”

ภรรยาเขาหัวเราะ พลางร้องเรียกลูกชายทั้งคู่ซึ่งวิ่งโลดไปตามถนนคอนกรีต

ให้กลับมา

ส่วนเจ้าของ ‘บ้านติดลูกไม้’ ขับรถเลยไปจอดหน้าตึก

หญิงสาวที่นั่งมาด้วยเปิดประตูก้าวลงมา พลางมองดูรอบ ๆ ครั้นหันไปก็พบ

สายตาของใครอีกสองสามคนรายเรียงอยู่ตรงหน้า สายตาเหล่านั้นมีแววยิ้มเหมือน

รู้ดีและรู้ทัน

“เหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกเลยนะคะ คุณเมือง” หล่อนพูดเมื่อออกเดินไป

ชะโงกดูสนามเรียบด้านข้าง มีกระถางชวนชมแผ่กิ่งจ้านได้รูปสวย ดอกสิชมพู

อมแดงบานกระจ่างอยู่ในแสงแดดตอนห้าโมงเย็น ส่วนไม้บางต้นไม่มีดอก และ

บางด้นดอกสิขาวกสินไปกับตัวบ้าน

เขาพยักหน้า เดินตามหล่อนไปยืนข้าง ๆ คนรับใช้ที่แลเห็นก็ลังอยู่ในอาการ

เดิมคือรอ แด,คนขับรถเป็นผู้มาจัดการถอยรถเข้าโรงซึ่งมีรถอีกสองคันจอดอยู่แล้ว

คือรถตู้คันหนึ่ง และรถจี๊ปสีเหลืองอมส้มอีกคันหนึ่ง ใหม่เอี่ยมทั้งสองคัน

“เข้าไปข้างในดิกว่า คุณไส” เขาชวน

“แหม...ขอเดินดูบ้านก่อนไม่ได้หรือคะ เดี๋ยวมืดก็เลยอดดูกัน”

“พรุ่งนี้ยังมีนีนา...วันอาทิตย์อีกทั้งวัน” เขาพูดยิ้ม ๆ

ฝ่ายหญิงหันมาเบิกตาโต ทำเขินนิดๆ

“ใครบอกว่าพรุ่งนี้ไลจะมา”

“ไม่ใช่พรุ่งนี้มา...หมายถึงกลับพรุ่งนี้!”               เขายิ้มมากขึ้นอีก...นัยน์ตาเป็น

ประกายอย่างหนึ่ง

“ยิ่งแย่ใหญ่” กำไลวงทำเสียงออกจริตเต็มที่ “คุณขยันรวบรัดตัดตอน จริง ๆ เลย”

“หิโตปเทศว่า พึงบังควรเป็นผู้ตัดตอนในบางโอกาส” เขาตอบพลางดึงแขน

หล่อนขึ้นบันไดหน้าดึกหลายขั้นรูปครึ่งวงกลม “แจ้วประโยชน์ก็จะตกแก่ผู้รู้จัก

ตัดตอน”

กำไลวงหัวเราะเสียงใส หล่อนกำลังตื่นเห่อผู้ชายคนนี้เป็นที่สุด หล่อนไม่

สนใจเรื่องวัยของเขาซึ่งเมื่อถึงขณะนี้ นับได้สามสิบห้า...เป็นวัยที่เกินเลยสำหรับ

ความเป็นโสด...แถมยงไม,เคยแต่งงานมาก่อน ไม่ว่าเมื่อใด

ในแวดวงชายโสดด้วยกัน...สองเมือง มธุรายังคงครองความเป็นเสือร้ายที่

ไม่มีใครชนะเขาได้เลย

สองเมืองพาหล่อนเดินเลยเข้าไปในห้องอาหารซึ่งเชื่อมกับห้องแพนทรี

กลางโต๊ะกลมมีแจกันดอกชวนชมวางอยู่บนผ้าลูกไม้กักสีเนื้อรายรอบถ้วยด้วย

กาแฟสองที่ จานเปลแก้วเล็กๆมีปั้นสิบทอดและขนมปังหน้าหมู กันด้วยน้ำจิ้ม

แตงกวาซอยประดับพริกแดงสดแซมด้วยหอมหัวเล็ก

ผู้หญิงวัยกลางคนเดินออกมาจากห้องด้านใน พร้อมด้วยเด็กสาวรับใช้ถือ

ถาดบรรจุเหยือกกาแฟมาด้วย พลางรินกาแฟลงในด้วยของคนทั้งสอง

“อาผมฮะ” เขาแนะนำ

แสงแดดอ่อน ๆ ผ่านเข้ามาตามหน้าต่างที่มีม่านขาวโปร่งรูดรวมกันอยู่ทุกช่อง

เพราะหน้าต่างเปิดกว้าง ลมจากสวนเล็ก ๆรำเพยเข้ามาเย็นชื่น

“ช่วยดูแลบ้าน คุมคน ทำอะไรๆทุกอย่าง บ้านเรียบร้อยสะอาดเป็น

ระเบียบอยู่ได้เพราะอา”

อาของเขายิ้มนิดๆ ดูอารมณ์ดี แต่ไม่ได้เข้ามายืนเกะกะกีดขวางอยู่ใน

บริเวณนั้น หากแต่เปิดประตูอีกบานทะลุไปยังห้องด้านข้าง

คนใช้วางเหยือกกาแฟไร้แล้วกลับออกไป เหลือเขากับหล่อนอยู่ด้วยกันตาม

ลำพัง

“บ้านคุณเมืองสบ๊ายสบาย เย็นนะคะ” กำไลวงจิบกาแฟพลางมองไปรอบ ๆ

ตามวิสัยผู้หญิงที่มักจะตื่นตากับของสวยของงาม

เขาพยักหน้าอย่างไม่สนใจ

“ฮะ...ก็เพดานสูง เขาออกแบบเผื่อขัดข้องเรื่องฟืนไฟ เครื่องแอร์นี่ผมจะ

ใช้ต่อเมื่อจำเป็น...สงไร้แล้วทุกคนว่าหัดอยู่ให้เย็นด้วยลมอย่าเย็นด้วยแอร์”

“ความจริงที่นี่จะว่าไปแล้ว แทบไม่ด้องพึ่งแอร์เลย มันเหมือนอยู่ใกล้ๆป่า

นะคะ”

“ป่าเศรษฐี!” เขาลงเสียงนิดๆ

“อ้าว! คุณจะว่าเขาได้ไง ในเมื่อคุณก็เศรษฐีเหมือนกัน”

เขาเลิกคิ้ว

“แต่ผมไม,เคยนึกยังงั้นเลย...ความจริงแล้วน่ะนะ...ผมเป็นคนจน...จนที่สุดใน

โลก!” สองเมืองพูดทีเล่นทีจริง มีแววเศร้าวาบขึ้นเล็กน้อย...เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แล้วก็จางไป

เขามองดูใบหน้าของผู้หญิงข้างๆ...ก็เป็นคนสวยคนงามแห่งเมืองหลวง ที่

หุ้มห่อด้วยกิเลสธรรมดาๆ ซึ่งสามารถพบปะไดไนที่ทั่วไป...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้า

คนคนนั้นมีเงิน...เขาก็สามารถจะเกี่ยวหล่อนไวได้ ไม่ยากเย็นกระไรเลย

สองเมืองเพิ่งรู้จักหล่อนเพียงเดือนเดียว...วันนี้เป็นวันแรกที่เขาพาหล่อน

มาบ้าน...เป็นเชิงชวนมาชมที่อยู่หลังงามของเขา เหมือนกับที่เขาเคยพาหญิงอื่นๆ

มาชม...ชมแล้วก็อยู่กิน อยู่คุย คุยแล้วก็อยู่นอน...นอนแล้วก็ขับรถกลับไปส่ง...

ก็เท่านั้น!

หล่อนพวกนี้ไม่คิดเงิน แต่คิดออกมาเป็นของขวัญ...อาจจะเป็นทองสักแท่ง

แห่งเล็กๆให้สมกับที่โลกกำลังตื่นทองและไข้หองโกงกัน

สองเมืองเคยชื้อทองสวิสให้สาวสวยคนหนึ่งห้อยคอ...เมื่อเร็ว ๆ นี้เอง...หล่อน

เป็นสาวรุ่นน่ารักที่เขาได้มาจากการเดินทางไปยุโรป...โดยรู้จักกันบนเครื่องบิน ต่อ

จากทองซึ่งหล่อนขอเขาอีกสองสามอัน เพื่อเอาไปให้แม่และน้องสาว ก็เป็นแหวน

แถวอีกหนึ่งวง

สามเดือนหลังจากนั้น เขาก็เบื่อ

“ถ้าคุณเมืองจน ใครรวยล่ะคะ” กำไลวงเอียงคอถามอย่างน่ารัก

ผิวหล่อนขาวราวกับนมสด ‘ปากแด๊งแดง’ คนไข้เก็บเอาไปพึมพำหลังบ้าน

‘แก้มก็เป็นจก ตาก็เฉี่ยวเชียว’

เขาไม่ตอบ ลุกขึ้นเดินหายออกไป ลักครู่ก็กลับมาพร้อมขวดเหล้าฝรั่ง

และแล้วสองใบ

“ผมกินไอ้นี่ดีกว่า”

“ไม่ละค่ะ ไลไม่เคยทาน” หล่อนอิดเอื้อน

“ลองหน่อยแล้วกัน เคยไม,เคย ก็ด้องรู้จักลอง” เขาบอกเรื่อยๆ แต่ใจ

คิดว่า ‘ดัดจริต’

                ที่เขาคิดเช่นนั้นเพราะรู้ดีว่า ผู้หญิงเช่นนี้สามารถทำอะไรก็ทำได้ หล่อนเคย

ทำมาแล้วทั้งนั้นไม่ว่าดีหรือเสีย เคยลองมาแล้วทั้งสิ้นไม่ว่าขมหรือหวาน

“นะ...ลองหน่อย” เขาแสร้งคะยั้นคะยอ พลางรินเหล้าราวๆหนึ่งเป๊กลงใน

แล้ว แล้วยกจ่อที่ริมผี!ปากหล่อนเชิงเอาใจเชิงสัพยอกหยอกเอิน

กำไลวงยกมือขึ้นแตะทับมือเขา หากยังไม,ยอมรับแล้วนั้นทันที...หลอนใช้

ช่วงเวลาที่ดูหวานสบตาเขาแน่วนึ่ง

ผู้ชายตรงหน้ามีความสมบูรณ์พร้อม ทั้งผิวพรรณ หน้าตา ตลอดเรือนร่าง

...ผิวเขาคลานิด ๆ แต่ละเอียด นับจากหน้าผากซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดของลักษณะ

มนุษย์ เรื่อยลงมาถึงคิ้ว ดวงตา จมูก ปาก และขากรรไกร ไม่ถึงกับสวยไม่มี

ที่ติ หากก็...ไม่สามารถจะดีได้...หน้าผากของเขาผึ่งผาย สดใส นัยน์ตาแหลมคม

บางครั้งดูเค็ม เข้ม แต่บางคราวก็โรยราลงไปคล้ายสำนึกในบางสิ่งที่อ่อนโยนอัน

อยู่ลึกลา จมูกโต่ง ริมฝีปากบางยาวแต่ค่อนล้างเป็นระแหงและดูเหมือนจะเป็นที่

รวมความรูสกบอบ1ชกบางอย่าง ไม่ผิดอะไรกับแสงซึ่งสะท้อนจากนัยน์ตา

เขามีเสน่ห์...แด,ลึก ๆ ลงไปดูน่ากลัวชอบกล

“นานทีหรอกนะคะ ที่ไลจะเจอผู้ชายอย่างคุณเมือง” หล่อนรับแล้วแล้วมือ

ก็แยกจากล้น

“ผมเป็นยังไง” เขาถาม

“คุณมีอะไรเป็นผู้ชายจริงๆ...จริงมากเลย...เท่าที่เห็นน่ะนะคะ...”

“แค่เดือนเดียว” เขาติง “คุณเห็นแค่ที่ ‘เห็น’ เท่านั้นแหละ”

“ไม่รู้ละ...จะยังไงแล้วแต่” หล่อนพูด เนื้อตัวหล่อนอยู่นึ่งไม่ได้เลย สอง

มือขวักไขว่ไปหมด “ไลว่าคุณเป็นผู้ล้ายผู้ชาย”

“อ้าว! ผมก็เป็นผู้ชายน่ะชี” สองเมืองหัวเราะ ทำให้ดวงหน้าซึ่งตามปกติ

ถ้าไม่แย้มยิ้มจะดูขรึมปนเศร้านั้น แล้งกระจ่างขึ้นทันควัน

“ไม่ใช่ค่ะ...ไลไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ได้เป็น...แต่ผู้ชายบางคนหล่อนะคะ

...หล่อแล้วเป็นผู้หญิง...ผู้ชายบางคนก็มีนิลัยผู้หญิง บางคนเชย บางคนขี้เหนียว

บางคนปากมาก บางคนไม่กล้าได้กล้าเสีย ไม่สปอร์ต...โอ๊ย...มันดั้งหลายอย่างที่

บนทอนความเป็นผู้ชายดีโดยเฉพาะบางคนเห็นแก,ตัววายร้าย...อุย...ขอโทษเถอะค่ะ

...ไลอยากพูดให้มันสะใจ”

“ตามสบายเถอะ ผมไม่ถือ ผมเองก็เป็นคนที่ชอบ ‘สะใจ’ เหมือนกัน”

“หรือคะ” หล่อนทำไม,รูไม,ชี้ แต่นัยน์ตาบอกว่าเขิน

แดดข้างนอกค่อย ๆ ลบเลือนลง คนใช้เข้ามาเปิดไฟในบ้าน

“เดี๋ยวไลอาบน้ำก่อนไหม’’

“ยังหรอกค่ะ” หล่อนหัวเราะด้วยทำทางแพรวพราว ทำหยิกทึ้งที่แขนเขา

นิดหนึ่ง

“เจ็บนะ” เขาว่า แต่ก็ยิ้ม ฉวยมือหล่อนไว้ “มือคุณสวยจริงกังกับเทียน

แน่ะ...ฝ่ามือก็นุ่ม...แต่คนฝ่ามือนุ่มนี่ใจโลเลนะ เพ้อฝันมากมายก่ายกองเสียด้วย”

“ไลเป็นยังงั้นจริงๆเลย’’ หล่อนบอก พลางไข้มือหล่อนกับมือเขา

“ทานไปด้วยชี ยอดรัก” เขาเตือน “กาแฟจะเย็นเสียหมด”

“ก็คุณล่ะ” กำไลวงทำเสียงซู่ซ่าทีเดียว

“ผมน่ะ ‘ร้อน’ แล้ว!”

“แหม...” หล่อนลากเสียงยาว ตีเขาเผียะที่แขน

สองเมืองได้แต่ยิ้มข้น มีแววเวทนาแวบขึ้นในหน้า สตรีใดยามเจรจากับ

ชายสามารถจะหยิกไป ทึ้งไป หัวเราะไป ตืดดิ้นไป...สตรีนั้นมีอารมณ์ใคร่รุนแรง

‘ เขาจึงแลเห็นสวรรค์อยู่รำไรในวันนี้’

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024