พิษรัก...เพลิงปรารถนา (เพ็ญศิริ)

พิษรัก...เพลิงปรารถนา (เพ็ญศิริ)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742534424
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 280.00 บาท 70.00 บาท
ประหยัด: 210.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เทือกเขา เป็น แนว ยาว สูง ต่ำ ไม่ เทียม กัน เบื้องหน้า บัดนี้ กลาย เป็น สี ขาว

โพลน เมื่อ ถูก ปกคลุม ด้วย หิมะ ใน ช่วง ฤดูกาล ใบไม้ ร่วง กระ ไอ ความ เย็น โรยตัว

เหนือ ทิวเขา แนวยาว เหล่า นั้น ภาย ใต้ ผืน ฟ้า สี คราม กระจ่าง แผ่ กว้าง สุด ลูก หู ลูก ตา

เมื่อ ไล่ สายตา ต่ำ ลง มา สู่ เนิน หญ้า เขียว เรียบ ประดุจ ผืน ผ้า กำมะหยี่ มหึมา เป็นที่

พำนัก ของ ฝูง วัว อ้วนพี เป็น จำนวน มาก

สัตว์ เหล่า นี้ กำลัง ถูก คาว บอย หนุ่ม สาละวน วุ่นวาย อยู่ กับ เต้า นม อวบ เต้ง

ของ พวก มัน ตัว แล้ว ตัว เล่า ด้วย เครื่อง รีด นม ที่ ดูด น้ำนม ส่ง เข้า ถัง สเตนเลส ซึ่ง

ตั้ง ข้างๆ ตัวผู้ รีด แม่ วัว สี น้ำตาล แซม ขาว เคี้ยวเอื้อง ยืน เฉย ท่าทาง มัน กำลัง

มี ความ สุข กับ การ ปล่อย น้ำนม ริน ไหล ออก จาก ร่างกาย จนกว่า หยด สุดท้าย จะ

หมด สิ้น

ชาย หนุ่ม ผิว ขาว เหลือง ร่าง สูง โปร่ง ใบหน้า คมสัน ทรง ผม สั้น ดำ สนิท

บ่ง บอก สัญชาติ ชาว เอเชีย ได้ เป็น อย่าง ดี ดูเหมือน เขา กำลัง คลี่ ผ้า คลุม ไหล่

ลวดลาย รูป หมี พู ห์เพื่อ คลุม ไหล่ บอบบาง ของ ดรุณี สาว รุ่น วัย ยี่สิบ ปี ที่ ยืน อิงแอบ

อก อุ่น ทอด สายตา วาววับ มอง ทิวเขา หิมะ เบื้องหน้า ด้วย กิริยา นุ่มนวล อ่อนโยน

จับใจ

“อิน หนาว มาก มั้ย จ๊ะ ถ้า หนาว เรา กลับ ที่ พัก กัน ดี ไหม”

เจ้าของ ใบหน้า หล่อเหลา จัด ก้ม ลง กระซิบ เสียง นุ่ม ข้าง ซอก หู ที่ มี ไร ผม

สี น้ำตาล อม แดง เคลีย ยาม สะท้อน กับ เปลว ตะวัน แล้ว เป็น ประกาย ระยิบระยับ

งาม จับตา เขา โอบ กระ หวัด ร่าง บอบบาง หอม กรุ่น เข้า มา แนบ อก กว้าง เพื่อ ตั้งใจ

จะ ถ่ายทอด ไอ อุ่น ให้ เธอ ก่อน จะ ถือ วิสาสะ สูด กลิ่น หอม จรุง จาก เส้น ผม นุ่ม สลวย

นั่น หัวใจ ซึม ซับ กลิ่น สัมผัส หอม ละมุน นี้ ตราตรึง ไว้ ใน ซอก หัวใจ ตราบ นาน เท่า

นาน

“อิน ไม่ หนาว เท่าไร หรอก ค่ะ พี่ภีณ์ ยิ่ง อยู่ ใกล้ๆ พี่ ภีณ์ อิน อบอุ่น ดี ออก”

“แต่ หิมะ ยัง ไม่ ละลาย เลย นะ จ๊ะ”

ใบหน้า หวาน เจือ รอย ยิ้ม แสน สุข ประกาย ตา วาววับ สุกใส ไม่ ต่าง กับ แวว

ดาว ใน คืน ฟ้า กระจ่าง ด้วย หมู่ ดารา

“ถ้า เป็นไปได้ อิน อยาก จะ หยุด เวลา ไว้ ที่ นาที นี้ ที่ ที่ มี เพียง เรา สอง คน อยู่

ด้วย กัน ตลอด ไป”

สาว น้อย หมุน กาย หัน มา สบตา ดำ ใหญ่ กำลัง จับ จ้อง มอง วง หน้า อ่อน เยาว์

อย่าง ซาบซึ้ง ราวกับ ว่า เขา กำลัง ถูก มนต์ สะกด ให้ จิต ทั้งหมด จม จ่อ มอ ยู่ กับ นารี

สาว รุ่น ผู้ นี้ เพียง สิ่ง เดียว

วง หน้า รูป หัวใจ จิ้มลิ้ม พริ้มเพรา ด้วย เครื่อง หน้า ปาก นิด จมูก หน่อย แพ

ขน ตา งอน หนา ประดับ ล้อม ดวงตา กลม โต แก้ม แดง ระ เรื่อ เป็น พวง ยิ่ง เข้ม ขึ้น

เมื่อ เจ้าตัว ตระหนัก ว่า กำลัง ตก อยู่ ใน สายตา สิ เน่ หา ของ คน รัก หนุ่ม เขา ทน ห้าม

ใจ ตัวเอง ไม่ ให้ ก้ม ลง ไป ประทับ ปาก ร้อน ผ่าว แนบ ชิด กับ ริม ฝีปาก รูป กลีบ กุหลาบ

คู่ นั้น ไม่ ไหว เมื่อ ความต้องการ จาก ซอก ลึก ใน อก ร่ำ ร้อง อย่าง รุนแรง อก นุ่ม

เบียด ชิด กับ แผง อก กว้าง ยิ่ง ขึ้น ต่าง ก็ได้ ยิน เสียง หัวใจ กันและกัน กระหน่ำ เป็น

จังหวะ เพลง รัก ผิว นวล เนียน ร้อน ผ่าว บัดนี้ สั่น สะท้าน อยู่ ใน อ้อม แขน แข็ง แรง

ที่ ยัง กอด กระ หวัด เธอ ไม่ ยอม คลาย

“พี่ รัก อิน ที่สุด ไม่ เคย รัก ใคร อย่าง นี้ มา ก่อน เลย รัก มาก จริงๆ”

เสียง พูด อ่อนโยน พึมพำ บน กลีบ ปาก สุด หวาน ที่ เขา เพิ่ง จะ ตักตวง ความ

หวาน ชื่น จน อิ่มหนำ ผ่าน พ้น ไป หญิง สาว ซบ อก เขา หายใจ ลึกล้ำ อย่าง สุข แสน

กับ รส จูบ และ คำ หวาน นั้น สาย ลม หนาว พัด พลิ้ว รอบๆ ตัว แต่ ทั้ง คู่ กลับ อบอุ่น

ไม่ ต่าง กับ อยู่ ใกล้ กอง ไฟ

“พี่ ภีณ์ ต้อง รัก อิน คน เดียว นะ คะ อิน คง มี ชีวิต อยู่ ไม่ ได้ ถ้า ไม่ มี พี่ ภีณ์”

“จ้ะ สัญญา ชาติ นี้ ทั้ง ชาติ หน้า พี่ จะ ไม่ เหลียวแล สาว ใด นอกจาก อิน ทุ ภา

ค น นี้ เพียง คน เดียว”

“ถ้า ผิด คำ สัตย์ ล่ะ คะ”

“ถ้า พี่ ไม่ รักษา สัจจะก็ ขอ ให้ ฟ้า ดิน ประหาร เอาชีวิต…”

“อุ๊ย ไม่ นะ คะ พี่ ภีณ์ อย่า พูด อย่าง นี้”

ดวงตา งดงาม วาว กระจ่าง ขยาย เบิก กว้าง เธอ ยกนิ้ว เรียว ขึ้น ทาบ กลาง

ริม ฝีปาก บาง หยัก โค้ง ได้ รูป แก้วตา ดำ ฉาย แวว พรั่นพรึง โดย เปิดเผย ชายหนุ่ม

หัวเราะ หึๆ ตอบ สนอง เธอ ด้วย แวว ตา หยอกเย้า

“อิน กลัว พี่ ตาย หรือ”

“กลัว ที่สุด เลย ค่ะ บอก แล้ว ไง คะ ถ้า ไม่ มี พี่ภีณ์ อิน จะ มี ชีวิต ต่อ ไป ได้ ยัง ไง”

“จ้ะ…เรา จะ ไม่ ตาย ไม่ มี ใคร ตาย จาก ใคร เพราะ ถ้า ตาย เรา จะ ตาย พร้อมๆ

กัน”

อ้อม แขน แข็ง แรง ช้อน ร่าง บอบบาง ลอย ขึ้น ใน วง แขน โดย ง่ายดาย อิน-

ทุภา หลับตา สอด สอง แขน เรียว โอบ รอบ คอ ชาย หนุ่ม ไว้ ขณะ ที่ เขา กำลัง พา เธอ

เดิน ลง จาก เนิน หญ้า กว้าง ไกล ฝูง แม่ วัว ออก ไป ทุกที

พลัน ท้องฟ้า สี คราม กลับ สว่าง วาบ เมื่อ มี ประกาย คม เฉียบ พาด ผ่าน กลาง

แผ่น ฟ้า แยก ออก เป็น สอง ซีก

“เขา อยู่ ไหน…บอก ฉัน ซิ เขา อยู่ ที่ไหน”

เสียง เล็ก กรีด ร้อง ขึ้น พร้อมๆ กับ ร่าง บอบบาง บน เก้าอี้ สั่น เทา เธอ ยก

สอง มือ ขึ้น ปิด หน้า แน่น หมอ มารุต รีบ ผวา เข้า จับ ไหล่ สะท้าน คู่ นั้น เขย่า หมาย

เรียก สติ กลับคืน

“อิน ดี้… คุณ เป็น อะไร…บอก ผม ซิ ครับ”

“ฉัน…ฉัน เห็น เค้า เค้า ยืน อยู่ ที่ นั่น เค้า กำลัง คอย ฉัน อยู่ ใช่ มั้ย หมอ

ได้ โปรด บอก ฉัน ว่า เขา ยัง รอ คอย ฉัน”

“อิน ดี้…”

คน ป่วย สาว พยายาม ระงับ ความ ตื่นเต้น จาก ความ ทรง จำ ที่ กำลัง หวน กลับ

มา หลังจาก ที่ เธอ เฝ้า แต่ ฝัน ร้าย มา หลาย คืน หลาย เดือน หรือ อาจ นับ ปี…

บัดนี้ ภาพ พร่า เลือน ของ เขา กระจ่าง ขึ้น เขา ไม่ ได้ หลบ เธอ อยู่ หลัง ม่าน เมฆ มัว

อีก ต่อ ไป

“ฉัน จะ กลับ ไป หา เขา ค่ะ หมอ ช่วย พา ฉัน กลับ ไป หา เขา ด้วย…ได้ โปรด

เถอะ นะ คะ ฉัน รู้ ว่า เขา ยัง รอ คอย ฉัน”

หมอ มารุต อึ้ง…แม้ อีก ส่วน หนึ่ง ใน สำนึก จะ โปร่ง โล่ง เมื่อ ตรวน แห่ง ภาระ

หน้าที่ บรรลุ เป้าหมาย ไป ครึ่ง ทาง

* * *

“ถึง เวลา ที่ ลูก ต้อง ตัดสินใจ ทำ อะไร สัก อย่าง แล้วละ ภีณ์”

เสียง คำสั่ง ของ แม่ ดัง ชัดเจน แต่ สำหรับ เขา เสียง นั้น ฟัง ดู แผ่ว เบา ราวกับ

จะ มี ที่มา ไกล แสน ไกล เสีย เหลือเกิน ร่าง สูง ไหล่ กว้าง นั่ง นิ่ง ขึง ทันที ที่ ได้ยิน

คำ พูด นี้ รณภีณ์ ก็ รู้สึก ไม่ ต่าง กับ ถูก สาป ให้ กลาย เป็น หิน ใน ฉับพลัน

“ภีณ์ นี่ ได้ยิน ที่ แม่ พูด บ้าง มั้ย เนี่ย”

คุณ รัถ ยา ยื่น หน้า ข้าม ขอบ โต๊ะ เข้า มา ชะโงก หน้า ถาม ลูกชาย คน เดียว ของ

เธอ เสียง เข้ม ขึ้น

รณภีณ์ ขับ ไล่ ความ เจ็บ ราวถูกเข็มจี้จาก คำ พูด ของ แม่ ทิ้ง ไป แต่ มัน ก็ ยัง

คง เหลือ ร่องรอย ความ เจ็บ ตกค้าง กลาง ใจ เขา อยู่ นั่นเอง

“ฮะ คุณ แม่”

“ดีแล้ว แก ควร จะ เข้มแข็ง และ เอาจริงเอาจัง เสียที หลังจาก ปล่อย เลย

ตาม เลย มา นาน เกินไป ก่อน เรา ทุก คน จะ ไม่ เหลือ อะไร ไว้ เป็น หน้าตา วงศ์ ตระกูล

อยู่ อีก”

“เรา ทุก คน หรือ” รณภีณ์ อยาก ถาม ว่า เขา มี ส่วน เกี่ยวข้อง ต้อง รับผิดชอบ

อะไร กับ ความ ผิด พลาด ครั้ง นี้ นักหนา เล่า คน ก่อ มัน ขึ้น มา ทั้งหมด นั่น คือ พ่อ กับ

แม่ มิ ใช่ หรือ

คุณ รัถ ยา ทำ หน้า เบื่อ หน่าย รำคาญ เมื่อ เห็น ลูกชาย เอาแต่ นิ่ง งัน แทน การ

แสดง ความคิด เห็น ใดๆ ออก มา เสีย บ้าง อยู่ อย่าง นั้น

“พูด อะไร หน่อย ซิ ภีณ์ อย่า ทำตัว ปัญญาอ่อน แบบ นี้ แม่ ไม่ ชอบ”

“คุณ แม่ จะ ให้ ผม พูด อะไร ล่ะ ฮะ”

“อะไร ก็ได้ ที่ แม่ ฟัง แล้ว สบาย ใจ ขึ้น”

“ผม ว่า ถ้า ผม ไม่ พูด ซะ เลย มัน อาจจะ ดี กว่า นะ ครับ”

“ถ้า แก ไม่ พูด แม่ จะ รู้ ได้ ยัง ไง ว่า แก คิด อะไร”

“เออ อัน ที่จริง หนู ม่อน ก็ น่า รัก ดี นะ นาย ภีณ์ เค้า มี ชาติ ตระกูล ฐานะ ครอบ

ครัว มั่งคั่ง นั่ง กินนอน กิน เจ็ด ชาติ ก็ ใช้ ไม่ หมด พ่อ แม่ เค้า มี ลูกสาว แค่ สอง คน

แต่รวย ซะ ขนาด นั้น ใคร ได้ เกี่ยวดอง ด้วย รับรอง สบาย ชั่ว ชีวิต”

นาย ดุ รงค์ เดิน ถือ แก้ว ไวน์ เตร่ เข้า มา ร่วม วง กับ ลูก เมีย ด้วย เมื่อ เขา ได้ยิน

แต่ เสียง ภรรยา แว้ดๆ อยู่ คน เดียว

รณภีณ์ เหยียด ยิ้ม หยัน นิดหนึ่ง ทำไม จะ ไม่ สบาย ล่ะ หนู ตก ถัง…ไม่ ใช่ ซิ

ต้อง เรียก ว่า ตกยุ้งข้าว สาร ทีเดียว นี่ นา

ม่อน หรือ ศิ วา รัตน์ คือ หญิง สาว ที่ พ่อ แม่ ของ เขา หมายมั่น ปั้น มือ จะ จับ

เขา แต่งงาน ด้วย โดย เร็ว ที่สุด

หลังจาก เขา และ เธอ ร่วม งาน กัน มา ใน ฐานะ ทายาท หุ้นส่วน โรงแรมสยาม-

ค ริ ลตัล ประมาณ ปี เศษๆ เธอ เป็น ลูกสาว คน โต ของ นาย วิเชียร กับ คุณหญิง อิส รีย์

คหบดี นัก ธุรกิจ พัน ล้าน มี ธุรกิจ ใน เครือ เดียวกัน มากมาย รวม ทั้ง ถือ หุ้นใน

โรงแรม…แห่ง นี้ ถึง สี่ สิบ เปอร์เซ็นต์ อีก ด้วย

นอกจาก ศิ วา รัตน์ แล้ว คหบดี ทั้ง สอง ยัง มี มิ้น หรือ สว ริน ทร์ เป็น ลูกสาว

คน เล็ก อยู่ ด้วย อีก หนึ่ง คน

ส่วน ฝ่าย เขา พ่อ แม่ มี เขา เป็น ลูกชาย โทน อยู่ แค่ คน เดียว เท่านั้น

“ก็ แล้วแต่ คุณ พ่อคุณ แม่ ซิ ครับ ผม น่ะ ยัง ไง ก็ได้”

“เอ๊ะ นาย ภีณ์ แก พูด แบบ นี้ ได้ ไง คน เค้า จะ แต่งงาน กัน มัน ก็ ต้อง มี

ความ รัก เข้า มา เกี่ยวข้อง บ้าง หนู ศิ เค้า ไม่ ใช่ สัตว์ นะ จะ แค่ จับ มา ผสมพันธุ์ กัน

ก็ จบ”

แม่ ทวง ถาม ปัจจัย รอง ลง มา หลังจาก ที่ เขา สมัคร ใจง่าย ดาย แล้ว รณภีณ์

ถอน ใจ เฮือก รำคาญ ที่ ถูก แม่ เซ้าซี้ จน แทบ จะ ทน นั่ง เป็น นักโทษ ต่อ ไป ไม่ ไหว

อีก

“แค่ ผม ยอม แต่ง นี่ ก็ดี ถมเถ แล้ว นี่ ครับ คุณ แม่ ทำไม จะ ต้อง บังคับใจ ผม

ให้ รัก คน โน้น คน นี้ ด้วย อีก ล่ะ ครับ”

“ต๊าย ดู พูด เข้า คน ที่ แก ควร รัก น่ะ ใคร อื่น ที่ไหน ว่าที่ เจ้าสาว ของ แก แท้ๆ”

แม่ เขา ปรี๊ด เสียง แหลม คับ ห้อง รณภีณ์ คัน ปาก อยาก โต้ กลับ ออก ไป นัก

ว่า ไอ้ ความ รัก นี่ มัน บังคับ จับ เลือก กัน ได้ ด้วย หรือ มัน ก็ แค่ สิ่ง เร้นลับ ที่ ถูก ซุกซ่อน

อยู่ ใน หัวใจ ของ เขา ไม่ ได้ เอา ออก มา โชว์ ข้าง นอก เสีย หน่อย

“พอ เถอะ คุณ อย่า บังคับ ลูก นัก เลย ค่อย เป็น ค่อย ไป ดี กว่า คน เรา พอ แต่ง

กัน ไป เดี๋ยว ก็ รักๆ กันเอง น่ะ แหละ”

ชะรอย นาย ดุ รงค์ คง จะ สงสาร หน้า เกรียม ไหม้ ของ ลูกชาย อยู่ บ้าง เขา จึง

ปราม ภรรยา ให้ เพลาๆ อาการ เรียกร้อง ลง สัก หน่อย รณภีณ์ พา ร่าง สูง ลุก ขึ้น

เดิน ออก จาก ห้อง โถง เงียบๆ แต่ ก็ ยัง ไม่ วาย แว่ว เสียง เล็ก แหลม ของ แม่ ดัง ไล่

หลังมา อีก อยู่ ดี

เมื่อ อยู่ คน เดียว ตามลำพัง ชาย หนุ่ม ไม่ จำเป็น ต้อง บังคับ ใบหน้า ให้แช่มชื่น

เพื่อ ใคร อีก เขา ปลดปล่อย ความ ปวดร้าว ออก มา ทั้ง สีหน้า และ แวว ตาได้ เต็มที่

ชาย หนุ่ม เดิน เอื่อย ออก จาก บ้าน ใหญ่ สู่ ระเบียง ปีก ซ้าย ของ บ้าน มุมนั้น โล่ง

เงียบ พอ ให้ เขา อยู่ ส่วนตัว กับ ความรู้สึก ที่ ประดัง ประ เด จาก ส่วน ลึกข้าง ใน

มากมาย

ไม่ ว่า จะ เป็น ท้องฟ้า อากาศ ผืน ดิน เขา ยัง เห็น ดรุณี สาว ผู้ นั้น ปรากฏ

กาย แย้ม ยิ้ม ให้ เขา อยู่ ทุก หน ทุกแห่ง…เธอ ไม่ เคย สูญหาย ไป จาก เขา แม้ เขา จะ

ไม่ รู้ ว่า บัดนี้ เธอ อยู่ ที่ไหน ยัง มี ชีวิต อยู่ หรือ ไม่…ทำไม เธอ จึง เงียบ หาย จาก เขา

ยาว นาน ร่วม สอง ปี

“อิน ทุภา… คุณ อยู่ ไหน รู้ หรือ เปล่า พี่ กำลัง จะ ทำ ผิด สัจจะ ต่อ คุณ แล้ว”

หัวใจ ชาย หนุ่ม ครวญ คร่ำ รำพัน ถึง ดรุณี สาว นาง นั้น อย่าง โท มนัส สุด แสน

…ดวงตา กลม โต ดำ ขลับ ถัก ทอ ความ รัก ภักดี ที่ มี ต่อ เขา เพียง ผู้ เดียว ตลอด เวลา

รณภีณ์ ใจ สั่น หวิว เมื่อ ตระหนัก ว่า เขา กำลัง สิ้น สัจจะ ต่อ เจ้าของ แวว ตา ภูมิ ภักดิ์

คู่ นั้น

“จ้ะ สัญญา ไม่ ว่า ชาติ นี้ หรือ ชาติ หน้า พี่ จะ ไม่ เหลียวแล สาว ใด นอกจาก

อิน ทุ ภาค น นี้ คน เดียว ถ้า พี่ ผิด สัจจะ ก็ ขอ ให้ ฟ้า ดิน ประหาร เอาชีวิต พี่…”

คำ พูด ประโยค นี้ ยัง ดัง ก้อง เต็ม สอง หู รณภีณ์ ไม่ เว้น วาย…เขา เป็น คน ให้

สัจจะ นั้น และ เป็น คน ตระบัดสัตย์ นั้น เสีย เอง

                                                                ๒

“แม่ อยาก เห็น ม่อน ออกเรือน กับ ผู้ชาย ดีๆ สัก คน ซะ ที”

ทั้ง สีหน้า และ น้ำเสียง ของ คุณหญิง อิส รี ย์ ช่าง จริงจัง ยิ่ง นัก ดั่ง จะ บอก ลูกสาว

คน โต ให้ รู้ เป็น นัยๆ ว่า นี่ เป็น สิ่ง ที่ ท่าน ต้องการ เหนือ กว่า ครั้ง ใดๆ ที่ เคย พูด คุย กัน

มา บ้าง แล้ว

ศิ วา รัตน์ มอง หน้าที่ ยัง อิ่มเอิบ เกิน กว่า วัย ของ มารดา เต็มตา เธอ เพิ่ม

ความ ฉงน ฉงาย ใน อารมณ์ อีก เล็กน้อย เมื่อ กังขา ว่า เหตุ ใด ท่าน จึง ต้อง มา จริงจัง

ขนาด เท่า วัน นี้ ด้วย

“อายุ ของ หนู ก็ ไม่ น้อย แล้ว นะ เรียน จบ ออก มา ทำ งาน ก็ ตั้ง หลาย ปี ยัง จะ

รีๆ รอๆ อะไร อยู่ อีก รีบ แต่ง ซะ จะ ได้ มี หลาน ให้ แม่เลี้ยง บ้าง ดู อย่าง ราย คุณ-

หญิง จุฑามาศ นั่น ซิ มี หลาน สาว กำลัง น่า รัก น่า ชัง ให้ อุ้ม โอ๋ ตั้ง นาน เน”

“แม่ ม่อน รู้ นี่ ว่า คน มีอายุ แล้ว ก็ อยาก ชื่นชม หลาน ก่อน ตาย กัน ทั้งนั้น อีก

เรื่อง หนึ่ง เรา จะ ได้ สยบ เสียง เม้าธ์ พวก ปากหอยปากปู ทั้งหลาย เรื่อง เวร กรรม

บ้า บอ อะไร นั่น ซะ”

คราว นี้ น้ำเสียง คุณหญิง เข้ม ขึ้น เช่น เดียว กับประ กาย ตา เรืองรอง เป็น

สี เขียว เข้ม

“คุณ แม่ ก็ อย่า เอา มา เก็บ ใส่ใจ นัก ซิ คะ”

“มัน ไม่ เก็บ ได้ ยัง ไง ใครๆ เค้า ก็ หา ว่าที่ แม่ ไร้ เขย เพราะ เวร กรรม จาก พ่อ

เรา เคย เจ้าชู้ สำส่อน มา ก่อน”

หญิง สาว นั่ง ฟัง มารดา ระบาย ความ เจ็บแค้น แต่ วัน วาน อย่าง เงียบๆ มัน

เป็น ปกติ อยู่ แล้ว หาก วัน ใด คุณหญิง อิส รี ย์ จะ สะกิด แผลเก่า เรียก ความ เจ็บปวด

กลับคืน มา ทบทวน อีก ครั้ง

“ไอ้ นิสัย กิน ไม่ เลือก ขอ ให้ คลำ ไม่ มี หาง จน แม่ เกือบ จะ ทน ไม่ ไหว นั่น ไง คือ

บาป ครอบงำ ครอบครัว เรา ให้ ต้อง โดดเดี่ยว มา จนถึง ทุก วัน นี้”

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024