มะลิเดือนแรม (สันติธร วินิจฉัยกุล)
ประหยัด: 157.50 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
เด็กหญิง ร่าง เล็ก หยิบ ผ้า สี แดง ลาย ดอก เบญจมาศ ขึ้น จาก ตะกร้า ครอบ
เตาเครื่อง หอม หลัง อบ กลิ่น เรียบร้อย บรรจง พับ เก็บ ใส่ หีบ วาง ดอก ชำ มะ-
นา ดลงบ น พับ ผ้า ผืน บน ปิด หีบ ลง เบาๆ ตอน นั้น เอง ที่ สายตา เหลือบ เห็น ใคร
สัก คนด้อมๆ มองๆ นอก หน้าต่าง หล่อน ชะโงก ดู เห็น เด็กชาย คน หนึ่ง ยืน
ชะเง้อ ชะแง้ อยู่ ข้าง ต้น จำปี ริมตลิ่ง
มา รี ยิ้ม ออก มา ไม่ รู้ตัว ค่อยๆ ย่อง ออก มา จาก ห้อง ผ่าน ครัว มารดา
ยัง ง่วน อยู่ กับ การ นวด แป้ง ตระเตรียม ทำ ขนม มอง ซ้าย มอง ขวา อีก ที หน้า ประตู
บ้าน เมื่อ ไม่ เห็น ใคร จึง รีบ ตรง ออก ไป หยุด ยืน ต่อหน้า หนุ่ม น้อย ที่ รอ อยู่
จุลศักราช ๑๐๔๑ ปี มะแม เอกศก เดือน ๕ ปี ที่ ๒๓ ใน รัชสมัยสมเด็จ
พระ รามา ธิ บดี ศรี สร รเพชญ์ มา รี อายุ ได้ สิบ สอง น้อย กว่า เด็กชาย ตรง หน้า สัก
สอง ปี เห็นจะ ได้ เขา เป็น ลูกชาย ของ ท่าน ออก พระ ราชา ภิรมย์ บ้าน คลองสระบัว
วัน นี้ เขา สวม เสื้อ สี น้ำตาล นุ่ง โจงกระเบน สี เหล็ก ใบหน้า คมคาย ยิ้มแป้นอยู่
เกือบ ตลอด เวลา คิ้ว บาง ริม แก้ม ใส ผิวพรรณ นวล ดี เสียงอ่อน หวาน นุ่มนวล
ยาม เอ่ย เสนาะ หู หล่อน เสมอ
“วัน นี้ มะลิ งาม นัก ชุด สี นี้ ดู เข้า กับ เจ้า” เด็ก หนุ่ม กล่าว ชม พลาง มอง
หล่อน ตั้งแต่ เรือน ผม จรด ปลาย เท้า
มา รี รู้ ดี ว่า พี่ สน ชม ชอบ เครื่อง แต่ง กาย แบบ ชาว ญี่ปุ่น ตั้งแต่ พบ กัน ครา
แรก ก็ บอก ว่า งาม นัก มา รี เอง แต่งตัว ตาม แบบฉบับ ธรรมเนียม ของ ชาว ญี่ปุ่น
เป็น สามัญ อยู่ แล้ว ได้ยิน คำ ชม นี้ เสมอ มา บาง ครั้ง พอ ทราบ ว่า อีก ฝ่าย ชอบ สี
อะไร ผ้า ลวดลาย ใด ก็ นึก อยาก สวม ใส่ ด้วย ผ้า และ สีสัน นั้น
อย่าง วัน นี้ หล่อน สวม ใส่ ชุด ยู คา ตะ สี น้ำเงิน ประดับ ลาย ดอก หญ้า และผีเสื้อ
สีชมพู อ่อน ผ้า โอ บิ คาด เอว สี เหลือง นวล ตาม ที่ พี่ สน ชอบ รวบ ผม เป็น มวย ไว้
ด้าน หลัง ศีรษะ ปัก ปิ่น สี นิล
“วัน นี้ มะลิ ต้อง ไป โบสถ์ หรือ เปล่า”
“ไป จ้ะ แต่ อีก สัก พัก น่ะ”
“อย่าง นั้น ตอน นี้ เรา ไป เดิน เล่น กัน เถอะ” หนุ่ม น้อย คว้า มือ เด็กหญิง จูง
กัน ไป ตาม ริม ฝั่ง น้ำ
แสงอาทิตย์ ยาม สาย ทอ เป็น ประกาย ระยับ ยิบ บน ผิวน้ำ สี มรกต ฝูง ปลา
ตัว น้อย คลอ เคล้า กอ บัว ซึ่งชู ช่อ อวด ดอก หลาก สี แมลงภู่ บิน ฉวัดเฉวียน ก่อน
ถลา ลง เกาะ เกสร สี เหลือง กลาง กลีบ ชมพู อ่อน เสียง นก ดัง แว่ว มา จากที่ ไหน
สัก แห่ง ต้น จำปี เรียงราย ริม ตลิ่ง ลม เย็น พัด ดอก เหลือง อ่อน ห้อย ระย้า ตาม
ปลาย ก้าน ให้ ส่าย ไหว ใบ อ่อน คอย ประคอง ปกป้อง อยู่ ใกล้ๆ กลีบ ดอก เผยออก
เล็กๆ ราว คำ เชื้อเชิญ ให้ ยล อย่าง ไว้เชิง
มา รี กุม มือ คน ข้างๆ เดิน กัน ไป ช้าๆ ทอด สายตา ยัง อีก ฟาก ฝั่ง น้ำ บ้าน
เรือน เรียงราย ส่วน ใหญ่ เป็น บ้าน ชั้น เดียว ใต้ถุน เตี้ย เหมือนกับ บ้าน ของตัว
เอง แต่ ก็ มี บ้าง ที่ เป็น ตึก แบบ ฝรั่ง ผู้คน ย่าน นั้น ส่วน ใหญ่ สวม ยู คา ตะ สี เรียบๆ
ที่ เป็น ชาย ก็ ถือ ดาบ เดิน ไป มา
แม่ เคย เล่า ว่า ชาว ญี่ปุ่น เดินทาง เข้า มา อโยธ ยา นาน หลาย สิบ ปี มา แล้ว
บ้าง มา เพื่อ การ ค้า บ้าง เคย เป็น นักรบ สูญเสีย เจ้านาย หลัง แพ้ สงคราม ก็แตก-
ฉาน ซ่านเซ็น ส่วน หนึ่ง จึง หลบ ลี้ มายัง อโยธ ยา หรือ บ้าง ก็ หนี จาก การบีบคั้น
เรื่อง ศาสนา เข้า มา ตั้ง ถิ่นฐาน เริ่มต้น ชีวิต ใหม่ ที่ นี่ ทำ การ ค้า เล็กๆน้อยๆ จำนวน
ไม่ น้อย หัน มา เป็น ทหาร รับจ้าง ที่ ฝีมือ ดี ซื่อสัตย์ ก็ได้ รับ แต่งตั้ง เป็นขุนนาง
ยศ ถา บรรดาศักดิ์ ใหญ่ โต ก็ มี
ที่ หมู่ บ้าน ฝั่ง กระโน้น มี เพื่อนบ้าน คน รู้จัก รัก ใคร่ ครอบครัว มา รี พำนักอยู่
ด้วย บาง ครอบครัว เดินทาง เข้า มา อโยธ ยา พร้อม กับ คุณ ตา คุณ ยาย เด็กหญิง
เคย สงสัย ว่า เพราะ อะไร บ้าน หล่อน จึง ไม่ อาศัย อยู่ หมู่ บ้าน ชาว ญี่ปุ่น ที่ ฝั่งกระโน้น
แม่ ตอบ เพียง สั้นๆ ว่า
“จะ ได้ เข้า โบสถ์ สะดวก”
ครอบครัว ของ มา รี เป็น ชาว คริสต์ พ่อ หล่อน เป็น หมอ ผู้ อุทิศ ตน เพื่อ
พระเป็นเจ้า โดย ผู้ เป็น ภรรยา ใช้ เวลา ว่าง เปิด ร้าน ขาย ขนม เล็กๆ หา รายได้
ตาม อัตภาพ อยู่ สุข สบาย ไม่ ทุกข์ ร้อน
มา รี เป็น พยาน รัก เพียง หนึ่ง เดียว ของ ทั้ง สอง พ่อ ของ หล่อน มี เชื้อสาย
เบ งก อล สี ผิว จึง ออก คล้ำ มา รี ได้ ผิว มา จาก ทาง พ่อ แม้ เทียบ กับ ชาว พื้นเมือง
อโยธ ยา แล้ว หล่อน ยัง ถือว่า นวล ขาว ทว่า ก็ ยัง ไม่สู้ ผิว กาย ผู้ เป็น แม่
แต่ กระนั้น ผิวพรรณ ผ่องใส ร่าง เรียว บาง น่า เอ็นดู ตาก ลม เป็น ประกาย
ปาก เล็ก ยิ้ม กว้าง ส่งเสียง หัวเราะ ใส บ่อยๆ ก็ ต้องใจ หนุ่ม น้อย ชา วอ โยธ ยา
ได้ มาก อยู่
“มะลิ ดู โน่น สิ” เด็กชาย บีบ มือ หล่อน ดึง พา มา หยุด ลง ตรง พุ่ม ต้นมะลิ
“ดอก มะลิ เต็ม ต้น เลย หอม นัก แล”
เด็กหญิง ก้ม ลงใกล้ ช่อ ดอก ขาว “หอม จริงๆ ด้วย”
“ดู นั่น สิ…” สน ชี้ ไป บน ใบ อ่อน เต่าทอง ตัว จิ๋ว คลาน ต้วมเตี้ยม สี แดง
จุด ดำ บน ตัว มัน ดู สด สวย ตัด กับ สี เขียว สน ยื่นมือ ให้ แมลง ตัว น้อย ไต่ ขึ้น มา
ส่ง ให้ มา รี เต่าทอง ไต่ จาก มือ ของ เด็กชาย ขึ้น ไป บน ผิว กาย อ่อน นุ่ม ของ หล่อน
ชื่นชม ใกล้ๆ อยู่ สัก ครู่ จึง ปล่อย กลับ ลง บน ใบ มะลิ ตาม เดิม
มา รี เอ่ย ถาม ตา ยัง มอง เต่าทอง ไต่ ตาม กิ่ง ก้าน พุ่ม มะลิ “วัน นี้ พี่ สน ไม่
ต้อง ไป เรียน หนังสือ หรือ”
“ที่จริง ก็ ต้อง ไป แต่ วัน นี้ เบื่อๆ เลย มา หา มะลิ”
“ทำไม ถึง เบื่อ ล่ะ”
เด็กชาย มุ่ย หน้า “ไป เรียน กับ ท่าน ครู ต้อง เรียน วิชา ดาบ วิชา มวย วิชา
ต่อสู้ ด้วย”
“ไม่ ชอบ ต่อสู้ หรือ”
“อื่อ ไม่ ชอบ เจ็บ ตัว พี่ ชอบ เรียน โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน มาก
กว่า ไม่ ก็ เรียน ภาษา ของ พวก ฝรั่ง”
“ต่อสู้ เก่งๆ จะ ได้ ไม่ ถูก ใคร รังแก”
เด็ก หนุ่ม มอง หล่อน “มะลิ อยาก ให้ พี่ ต่อสู้ เก่งๆ หรือ ถ้า เป็น อย่าง นั้น
พี่ จะ ตั้งใจ”
“เปล่า หรอก พี่ สน จะ ชอบ อะไร ก็ แล้วแต่ ใจ พี่ เถิด ไม่ ว่า อย่างไร พี่ ก็ ยัง
เป็น พี่ สน ของ ข้า”
มา รี ยิ้มแป้น คำ พูด จาก ใจ อัน ไร้เดียงสา จาก ความรู้สึก ตรง ไป ตรง มา
สน เอื้อม เด็ด มะลิ ออก มาด อก หนึ่ง จับ มือ ของ เด็กหญิง ขึ้น แบ นิ้ว เล็ก
เรียว ออก บรรจง วาง ดอก สี ขาว กลิ่น หอม จรุง ประคอง นิ้ว มือ กำ ลง
มา รี ยก ขึ้น สูด กลิ่น ของ ดอกไม้ ใน กำมือ แย้ม ยิ้ม จน เห็น ฟัน ขาว
“โต ขึ้น พี่ จะ มา แต่งงาน กับ มะลิ” เด็กชาย บอก
“จริง หรือ”
“อื้ม” หนุ่ม น้อย พยัก หน้า รับ เป็น มั่น เป็น เหมาะ
“ข้า จะ รอ”
“สัญญา นะ”
“อื้อ” คราว นี้ เด็กหญิง พยัก หน้า รับคำ บ้าง
* * *
กว่า มา รี จะ มา ถึง โบสถ์ เซ็นต์ โด มิ งโก ก็ ใกล้ เวลา เริ่ม พิธี เต็มที เมื่อ มอง
ผ่าน บาน ประตู เข้าไป ด้าน ใน สาย วัน อาทิตย์ ศาสนสถาน แห่ง นี้ ยัง มี คริสต์ศา-
สนิกชน มาก เช่น เคย ตาม แถว เก้าอี้ มี ผู้คน ทั้ง ชาว ตะวัน ตก และ ตะวันออก นั่งอยู่
เกือบ เต็ม ไม่ มีเสียง พูด คุย กัน เท่าไร นัก บรรยากาศ เงียบ สงบ แสงอาทิตย์
ยาม สาย สาด ผ่าน ช่อง กระจก สี เหนือ บาน หน้าต่าง ฉาบ แท่น พิธี และ รูป สลัก
องค์ ศาสดา บน ไม้กางเขน เบื้องหน้า ราวกับ สวรรค์ กำลัง ประทาน พร แด่ เหล่า
ศาสนิกชน ผู้ มา สวด สรรเสริญ
พ่อ เคย เล่า ให้ มา รี ฟัง ว่า โบสถ์ ใหญ่ กลาง หมู่ บ้าน ชาว โปรตุเกส แห่ง นี้ เป็น
สถานที่ สำหรับ ชาว คริสต์ ละแวก นี้ มา ประกอบ พิธี ทาง ศาสนา สร้าง มา หลาย
สิบ ปี แล้ว ถือ เป็น โบสถ์ เก่า แก่ แห่ง แรกๆ ใน อโยธ ยา มี บาทหลวง ชา ร์ล โทมัส
เป็น เจ้าอาวาส
มา รี ก้าว ผ่าน ปาก ประตู สูง ใหญ่ เดิน ช้าๆ ด้วย ท่วงท่า สงบ ตรง ไปยัง แถว
ม้า นั่ง ซึ่ง มารดา คอย อยู่
“หาย ไป ไหน มา น่า ดุ นัก” แม่ เอ็ด เบาๆ
มา รี ทำท่า สลด ลง พอ ให้ มารดา หยุด ตำหนิ
พิธี เริ่มต้น ขึ้น ใน ตอน นั้น เอง เสียง ขับร้อง เพลง เริ่ม ดัง พระคุณเจ้า โทมัส
พร้อม พระ อีก จำนวน หนึ่ง เดิน เข้า สู่ แท่น พิธี
“พระเจ้า สถิต อยู่ กับ ท่าน”
เสียง ประกาศ จาก ท่าน โท มัส แม้ เทียบเท่า เสียง พูด ปกติ แต่ ก็ ชัดเจน ใน
ท้อง โถง
พิธีกรรม ดำเนิน ไป ตาม ขั้น ตอน ปฏิบัติ มา รี ยืน นิ่ง สงบ ร้องเพลง และ
ฟัง คำ เทศน์ หล่อน ถูก สอน มา ตั้งแต่ จำ ความ ได้ ให้ เคร่งครัด ศาสนา ร่วม พิธี-
กรรม ด้วย กิริยา สำรวม ด้วย ใจ อัน ศรัทธา ยิ่ง พ่อ แม่ หล่อน เป็นตัว อย่าง ที่ ดีเป็น
แบบอย่าง ให้ ยึดถือ จึง ไม่ ยาก สำหรับ เด็ก น้อย ซุกซน ที่ ต้อง นิ่ง สงบ ยาม อยู่ ใน
มิสซา พิธี
หลัง พิธีกรรม เสร็จ สิ้น พ่อ กับ แม่ พา กัน ไป พูด คุย กับ คน รู้จัก เช่น ทุก ครา
มา รี ใช้ เวลา ระหว่าง นี้ ออก มา จาก โบสถ์ อ้อม ไป ด้าน ข้าง ตรง นั้น ถูก จัด แต่งเป็น
แปลง ดอก ลา เ วน เดอร์ สี ม่วง ระบาย อยู่ เต็ม สลับ แต้ม ด้วย สี เขียว ของ ใบ เด็ก
หญิงเดิน ระ เลีย ด ชม ความ งาม กลิ่น หอม สัมผัส อัน นุ่มนวล ของ กลีบ ดอก และ
เกสร แมลงปอ บิน โฉบ ลง เกาะ อิง กลีบ บาง ตรง หน้า หล่อน หยุด นิ่ง เพียง ยล
ด้วยสายตาใน ที แรก จาก นั้น เริ่ม เข้าไป ช้าๆ เจ้า แมลงปอ เกาะ อิง นิ่ง งัน บน กลีบ
สี ม่วง มา รี พยายาม ก้าว ไป ให้ ใกล้ ทว่า แมลงปอ ตัว จ้อย กลับ บิน หาย ไป รวดเร็ว
มา รี ทิ้ง ความ สนใจ จาก แมลงปอ มายัง ผีเสื้อ ตัว น้อย ที่ บิน ฉวัดเฉวียน อยู่
ต่อหน้า ผีเสื้อ ขนาด เล็ก กว่า ฝ่า มือ เล็กน้อย ปีก ประสม ด้วย หลาก สี บิน ล่อง
ลอย เสมือน กำลัง มอง หาด อก ที่ งดงาม ที่สุด สาว น้อย ทำตัว นิ่ง ไม่ เคลื่อนไหว
เกรง จะ ทำให้ แมลง ปีก สวย หลบ ลี้ หนี หาย
ได้ ผล ผีเสื้อ ถลา ลง เกาะ กลีบ ดอก ห่าง ไป ไม่ กี่ ก้าว ปีก บาง ขยับ เชื่อง
ช้า ราว ไม่ ใส่ใจ โลก รอบ ข้าง เวลา นี้ เอง ที่มา รี ได้ เห็น เจ้า ผีเสื้อ ชัดๆ ตัว มัน สี
น้ำตาล ไหม้ ปีก สี เหลือง อ่อน ประดับ แซม ด้วย สี ฟ้า และ ดำ
มา รี ขยับ ไป ใกล้ เอื้อม มือ ออก ไป ที ละ นิดๆ ตั้งใจว่า เมื่อ เข้า ใกล้ ได้ ระยะ
จะ โอบ ร่าง มัน ไว้ ใน อุ้ง มือ แต่ ก่อน จะ ทัน คว้า ตัว ผีเสื้อ ที่ เหมือน หลงลืม สิ่ง รอบ
ข้าง ก็ โผ บิน ออก ไป ทันที มา รี รีบ ถลา ตัว ติดตาม กระโดด ทาง โน้น ที ทาง นี้ ที
ไร้ ผล เจ้า ปีก สี สวย ยัง ถลา ร่อน อยู่ กลาง อากาศ หล่อน ติดตาม ไม่ ลดละ แต่
ไม่ อาจ แม้แต่ เข้า ใกล้ สาย ลม โชย แผ่ว แต่ เหมือนว่า จะ พัด ต้าน ให้ ปีก หลาก สี
โผ บิน ไป ได้ ไม่ ไกล ลม พัด พา ร่าง แมลง ปีก สวย ลอย อยู่ เหนือ ศีรษะ เป็น ที ให้
สาว น้อย รีบ เอื้อม มือ กระโจน ขึ้น เตรียม คว้า
แต่ ก็ ล้มเหลว หนำ ซ้ำ ยัง ทำเอา เสียหลัก จน เกือบ ล้ม หงาย เซ ไป ชน
อะไร สัก อย่าง
เมื่อ ตั้ง หลัก ได้ จึง หัน มอง ที่ อยู่ ต่อหน้า หล่อน เวลา นี้ คือ ชาย วัย ล่วง
สาม สิบ ผม สี น้ำตาล แดง ผิว กาย เป็นไป เช่น ชาว ตะวัน ตก ตา สี ฟ้า ใส แต่งกาย
ด้วย เสื้อ เชิ้ต เข้ารูป ทับ ด้วย แจ็กเกต สี น้ำตาล กางเกง ทรง หลวมๆ ยาว ถึง เข่า
สวม รองเท้า บู๊ต ใบหน้า ของ ผู้ นั้น ขึงขัง คิ้ว ขมวด จน มา รี ตกใจ ทำ อะไร ไม่ถูก
“ขออภัย เจ้า ค่ะ” หล่อน ก้ม ศีรษะ รีบ กล่าว ขอโทษ
ไม่ มี คำ ตอบโต้ กลับ มา อยู่ หลาย อึดใจ จน หล่อน เงย หน้า ขึ้น มอง
นัยน์ตา สี ฟ้า บน ใบหน้า นิ่ง จ้อง มอง มา ยาก จะ บอก ความรู้สึก หล่อน
เย็น ไป ทั้ง ตัว ไม่ กล้า ขยับ ทว่า รอย ยิ้ม เล็กๆ ที่ เผย จาก ริม ฝีปาก หนา ของ เขา
ต่อ มา พอ ช่วย ให้ หล่อน อุ่น ใจ ขึ้น
“เจ้า ชื่อ อะไร หรือ” ชาย ผู้ นั้น ถาม น้ำเสียง มิได้ เจือ อารมณ์ กรุ่น โกรธ
หล่อน โล่ง อก “ข้า…ข้า ชื่อ มา รี เจ้า ค่ะ”
“มา รี อย่าง นั้น หรือ” ชาย หนุ่ม พยัก หน้า น้อยๆ ยิ้ม ให้ อีก ครั้ง จาก นั้น
เดิน จาก ไป
“พิธี เพิ่ง เสร็จ ไป เมื่อ ครู่ นี้ เอง นะ เจ้า คะ” หล่อน พูด ตาม หลัง เขา ไป
ชาย แปลก หน้า ยั้ง ขา ไว้ ตอบ กลับ โดย มิได้ หัน หน้า กลับ “ฉัน ไม่ ได้ มา
สวด มนต์ หรอก ฉัน เพียง มา พบ ท่าน โท มัสน่ะ”
“อย่าง นั้น เอง หรือ เจ้า คะ” หล่อน ยัง ไม่ คลาย ความ สนใจ ใน ตัว เขา พลัน
ถาม ไล่ หลัง อีก ครั้ง
“แล้ว ท่าน มี นาม ว่า อะไร หรือ เจ้า คะ”
ชาย หนุ่ม ค่อย หัน กลับ มา ช้าๆ หาก ทว่า คราว นี้ บน ใบหน้า มี รอย ยิ้มละมุน
ละไม “ฉัน ฟอล คอน…ก็ องสต็องซ์ฟอล คอน”
๒
มา รี เห็น มารดา กำลัง จัดแจง นำ ขนม ก้อน กลม สี ขาว เสียบ ไม้ ใส่ ลง กล่อง
ไม้ รูป ทรง กลม อยู่ ใน ครัว
“ท่าน แม่ เรียก ข้า หรือ เจ้า คะ”
“ใช่ แม่ จะ ให้ เจ้า ทำ ธุระ ให้ แม่ หน่อย”
“อะไร หรือ เจ้า คะ”
คน เป็น แม่ ปิด ฝาก ล่อง ไม้ วาง ลง บน ผืน ผ้า แล้ว ห่อ ให้ มิดชิด เลื่อนให้
ลูกสาว
“แม่ อยาก ให้ เจ้า เอา ขนม ดัง โงะ กล่อง นี้ ไป ฝาก ที่ บ้าน ลุง มิ โยชิ ฝั่ง กระโน้น
หน่อย น่ะ”
มา รี ยิ้ม กว้าง เห็น ฟัน ขาว แอบ ดีใจ อยู่ ลึกๆ “ได้ เจ้า ค่ะ”
“ฝาก ด้วย นะ”
* * *
หลังจาก ลง เรือ ข้าม ฝาก แม่น้ำ มา ขึ้น ฝั่ง ตรง ท่า หมู่ บ้าน ชาว ญี่ปุ่น มา รี
ใช้ เวลา เดิน อีก สัก ครู่ จึง มา หยุด หน้า บ้าน ไม้ ชั้น เดียว ไม่ ถึง กับ ใหญ่ โต แต่ ก็
ไม่ เล็ก ซอมซ่อ ลุง มิ โยชิ เป็น พ่อค้า สำเภา มี ฐานะ ดี ความ เป็นอยู่ ถือว่า สุขสบาย
แม่ เคย เล่า ว่า คุณ ลุง เข้า มา ทำ การ ค้า ใน สยาม พร้อม ครอบครัว ตั้งแต่ ยัง เด็ก เมื่อ
เติบโต ก็ รับ กิจการ การ ค้า ต่อ มา เป็นที่ นับหน้าถือตา ใน บรรดา พ่อค้า อโยธ ยา
และ ต่าง ชาติ ภรรยา ของ แก หรือ ที่มา รี เรียก ว่า ป้า คา เ นะ เป็น ลูกพี่ลูกน้อง กับ
แม่ ดังนั้น จึง ถือ ได้ ว่า ครอบครัว ทั้ง สอง เป็น เครือ ญาติ กัน
มา รี ชะเง้อ ชะแง้ เข้าไป ใน บ้าน อยู่ สัก ครู่ จึง ส่งเสียง
“ขออภัย เจ้า ค่ะ”
ไม่ นาน ภรรยา เจ้าของ บ้าน จึง ออก มา ต้อนรับ เมื่อ เห็น ว่า เป็น หลาน สาว
ที่ รู้จัก รัก ใคร่ กัน ก็ เชื้อเชิญ
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)