วิมานไฟ (กฤษณา อโศกสิน)

วิมานไฟ (กฤษณา อโศกสิน)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742534295
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 310.00 บาท 77.50 บาท
ประหยัด: 232.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“ขอ ให้ ความ สำเร็จ จง เป็น ของ แก นะ เรศ”

นั่น คือ ถ้อยคำ ของ ชาย วัย เลย กลางคน ผู้ ยืน อยู่ ณ ชานชาลา สถานี

เอ่ย ขึ้น กับ ชาย หนุ่ม รูป งาม ผิว คล้ำ ซึ่ง ยืน อยู่ ตรง หน้าต่าง รถ ชั้น หนึ่ง

“แน่นอน ครับ พ่อ” ผู้ เป็น บุตร ตอบ พลาง ยื่นมือ ออก ไป สัมผัส กับ มือ

ของ บิดา ที่ ยื่น ออก มา พ่อ ลูก บีบ มือ กัน แน่น เขย่า เล็กน้อย อย่าง ยินดี ใน ชัยชนะ

ที่ รอ อยู่ ข้าง หน้า แวว ตาคม ของ ชาย หนุ่ม เป็น ประกาย ขึ้น ด้วย ความ มั่นใจ “เชื่อ

ความ สามารถ ของ ผม เถอะ เชื่อ ความ แค้น ซึ่ง มี อิทธิพล มาก กว่า อะไร ทั้งสิ้น ใน

โลก นี้ ผม ไม่ เคย ลืม ความหลัง ที่ ขมขื่น ของ พ่อ ไม่ เคย ลืม ว่า เหตุ ใด เรา จึง เกือบ

จะ เหลือ แต่ ตัว กับ ร้าน ขาย ของ เล็กๆ พอ ประทัง ชีวิต และ เหตุ ใด เรา จึง ต้อง หนี

กรุงเทพมาอยู่ ที่ นี่…”

“ดีแล้ว” แวว ตา ของ บุรุษ วัย หก สิบ เศษ เป็น ประกาย อย่าง พึง พอใจ ใน

คำตอบ ของ บุตร ชาย คน โต “ถ้า แก ทำ สำเร็จ อะไรๆ ของ เรา ก็ จะ กลับคืน มาได้

ทั้งทุน ได้ ทั้ง กำไร…”

“ผม รู้ ดี พ่อ รอ เวลา นี้ มา นาน แล้ว”

บิดา พยัก หน้า

“รอ สิ รอ อยู่ ทุก ชั่วโมง ทุก นาที ถึง หาก พ่อ จะ ตาย ก่อน มัน พ่อ ก็ จะ ต้อง

ฝาก ความ แค้น ให้ แก เป็น คน สะสาง ต่อ ไป จน ได้ แต่ เมื่อ มัน ตาย ก่อน…ฮะ ฮะ…

พ่อ ก็ จะ ได้ มี โอกาส เห็น ชัยชนะ ของ เรา”

เสียง หวูด ดัง ขึ้น เป็น ครั้ง สุดท้าย ต่อ จาก นั้น รถ ด่วน ก็ ค่อยๆ เคลื่อน ออก

จาก ชานชาลา ภุม เรศ ยกมือ ทำ ความ เคารพ ผู้ บังเกิดเกล้า และ พูด เป็น ประโยค

ท้าย ว่า

“มี ข่าว ดี เมื่อ ไหร่ ผม จะ จดหมาย มา บอก เตือน น้องๆ ให้ ตั้งใจ เรียน ด้วย

นะ พ่อ”

แก พยัก หน้า แล้ว ต่อ จาก นั้น รถไฟ ก็ได้ พา คน ทั้ง สอง เคลื่อน ออก ห่าง จาก

กัน ทุก ขณะ

ชาย หนุ่ม ถอน ใจ ยาว เมื่อ ถอย หลังจาก หน้าต่าง ลง นั่ง บน เก้าอี้ รถ เที่ยว

นี้ ว่าง ทำให้ ทั้ง สบาย และ ครุ่นคิด คน เดียว ได้ อย่าง สงบ ไม่ อึกทึก จอแจ ด้วย เสียง

สนทนา ของ ผู้ ที่นั่ง ข้างๆ เหมือน ยาม รถ แน่น

เขา หยิบ หนังสือพิมพ์ ราย วัน ขึ้น มา วาง แต่ สิ่ง ที่ แล เห็น ตรง หน้า กลับ ไม่ ใช่

ตัว อักษร เล็กๆ ที่ ราย เรียง แน่นขนัด หาก แต่ เป็น ดวง หน้า ซึ่ง ภุม เรศ ยัง ไม่ เคย เห็น

เลย ใน ระยะ ที่ หล่อน ทั้ง สาม เติบโต เป็น สาว ขึ้น มา นี้ จึง จำ ได้ อย่าง เลือน ราง เต็มที

ติดตาม มา ตั้งแต่ สมัย ที่ เขา ก็ ยัง เป็น เด็ก และ สตรี ทั้ง สาม ยัง เยาว์ วัย เนื่องจาก

บริษัท ของ เขา และ ของ หล่อน อยู่ ใกล้ กัน ฝั่ง เดียวกัน บน ถนน เดียวกัน ห่าง

จาก กัน ราวๆ ห้า หก คูหา เท่านั้น บิดา มารดา ของ เขา และ ของ หล่อน รู้จัก กัน ขาย

สินค้า อย่าง เดียวกัน แย่ง ลูกค้า กัน หา ทาง โค่น ล้ม ซึ่ง กันและกัน และ ท้าย ที่สุด

ก็ เป็น ศัตรู กัน ล้างผลาญ กัน ตาม แต่ โอกาส จะ อำนวย จน บิดา เขา เป็น ฝ่าย พ่าย

แพ้ ย่อยยับ หมดตัว เลย ต้อง ถอย ร่น จาก ถิ่นฐาน บ้านเมือง ใน กรุงเทพมหานคร

ไป ตั้ง รกราก อยู่ ตอน ใต้ พยายาม ปลุกปล้ำ ตั้งตัวด้วย การ ค้าขาย แต่ ถึง กระนั้น

ก็ ไม่ มี ทาง เจริญ เท่า เก่า

ส่วน ศัตรู ของ บิดา นั้น เล่า วาสนา ยิ่ง หนุน นำ ให้ ร่ำรวย ยิ่ง ขึ้น คล้าย จะ

ไม่ มี ทาง เสื่อม เลย ตลอด ชาติ ปัจจุบัน นี้ ถึง แม้ ตัว ศัตรู จะ ถึงแก่กรรม ลง แล้ว แต่

ก็ ทิ้ง มรดก มหาศาล ไว้ ให้ ธิดา สาม คน เป็น หุ้น ตาม บริษัท ใหญ่ๆ เป็นที่ ดิน ซึ่งมี

สิ่งก่อสร้าง ปลูก ให้ เช่า ที่ดิน ว่าง เปล่า ที่ นา ตาม ต่าง จังหวัด เงินสด ใน ธนาคาร

รวม มรดก เหล่า นี้ เข้า ด้วย กัน แล้ว ก็ มี มูลค่า เหลือ พรรณนา มากมาย พอ ที่ จะ ทำ

ให้ สาม สตรี สาว ธิดา ของ เขา เก็บ ดอก เก็บ ผล เลี้ยงชีพ โดย ไม่ ต้อง ทำ งาน อื่น ไป

ได้ ตลอด ชีวิต

ยิ่ง คิด ความ แค้น ของ ภุม เรศ ก็ ยิ่ง กำเริบ ขึ้น จน กราม ของ เขา บด กัน แน่น

โดย ไม่ รู้ตัว!

ใคร คน หนึ่ง เดิน มา หยุด อยู่ ตรง ทาง เดิน ข้างๆ เมื่อ ภุม เรศ เงย หน้า ขึ้น ก็

แล เห็น ชาย หนุ่ม คน หนึ่ง กำลัง มอง ดู เก้าอี้ ตรงกันข้าม กับ เขา อย่าง ลังเล ภุม เรศ

จึง หด เท้า เข้า มา หา ตัว พร้อม เชื้อเชิญ

“นั่ง ซี ครับ ตรง นี้ ยัง ว่าง’’

นั่นแหละ ชาย ผู้ นั้น จึง ตัดสินใจ ได้ จัดแจง ยก กระเป๋า เดินทาง ขึ้น ไว้ บน

ตะแกรง เหนือ ศีรษะ แล้ว นั่ง ลง พลาง บอก ยิ้มๆ กับ ภุม เรศ ว่า

“เกือบ ไม่ ทัน รถ แน่ะ ครับ เส้น ยาแดง เดียว เท่านั้น”

เขา ยิ้ม ตอบ พลาง พินิจ ดู เพื่อน โดยสาร คน ใหม่

คง มีอายุ ประมาณ สาม สิบ ปี เป็น อย่าง มาก อ่อน กว่า เขา แน่ ผิวพรรณ ดี

ไม่ ถึง กับ ขาว แต่ ก็ ไม่ ใช่ คน ดำ นัยน์ตา ฉลาด เป็น ประกาย สดใส เยี่ยง คน หนุ่ม ที่

กำลัง ตื่นตัว ต่อ ชีวิต ผม ดำ สนิท ค่อนข้าง บาง หวี เรียบ แล เห็น เพียง แวบ แรก

ก็ รู้ ว่า เป็น คน น่า คบ และ อารมณ์ ดี ไม่ น้อย เลย

“คุณ จะ ไป กรุงเทพหรือ เปล่า” ภุม เรศ ถาม

“ผม มา จาก กรุงเทพครับ มา ทำ ธุระ ที่ หาดใหญ่ นี่เอง”

“อ้อ” เขา พึมพำ

“คุณ ล่ะ ครับ”

“ผม อยู่ สงขลา กำลัง จะ ไป กรุงเทพ”

“ความ จริง ผม ยัง ไม่ เสร็จ ธุระ หรอก ครับ แต่ ถึง ยัง ไง ก็ ต้อง กลับ” ชาย หนุ่ม

ผู้ ขึ้น มา ใหม่ พูด “เพราะ จะ ต้อง กลับ ให้ ทัน เผา ศพ คน รู้จัก มะรืน นี้”

“งั้น หรือ ครับ ถ้า งั้น เรา ก็ ไป กรุงเทพ เพราะ จุด มุ่งหมาย เดียวกัน ละ สิ” ภุม-

เรศ ตอบ “ผม ก็ จะ ไป เผา ศพ ด้วย เหมือน กัน”

“อ้อ…ศพ ญาติ หรือ ครับ” เขา ถาม เรื่อยๆ อย่าง ไม่ ตั้งใจ

“ไม่ ใช่ ญาติ หรอก ครับ เป็น คน รู้จัก กัน น่ะ เขา รู้จัก กับ คุณ พ่อ ของ ผม

พอ รู้ จาก หนังสือพิมพ์ ว่า แก ตาย ก็ เลย รอ ฟัง ข่าว งาน ศพ รอ มา ตั้ง ปี” ยิ้ม ผุด

ขึ้น บน ริม ฝีปาก รูป งาม…ยิ้ม อย่าง หยัน และ เต็ม ไป ด้วย เลศนัย! “เพิ่ง เผา…อ้อ…

แต่ ว่า ศพ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย นี่ เขา ต้อง ไว้ นานๆ หน่อย ใช่ ไหม ครับ อย่าง น้อยๆ ก็

ต้อง ถึง ปี”

“ก็ คง จะ ยัง งั้น” ชาย อ่อน อายุ กว่า ตอบ “ก็ อย่าง ศพ ที่ ผม จะ ไป เผา นี่ ก็

เหมือนกัน ตอน แรก ลูกสาว แก จะ เผา ตอน ร้อย วัน คุณ แม่ ผม ยัง ห้าม ไว้ เลย

แต่ ก็ น่า ให้อภัย เพราะ แก สมัยใหม่ เหมือนๆ ผม นี่แหละ เลย ไม่ค่อย จะ รู้ เรื่อง

แล้ว แก ก็ ไม่ มี แม่ ญาติ ผู้ใหญ่ ก็ ไม่ มี มี แต่ ทนายความ ประจำ อยู่ คน เดียว ก็

ได้ พึ่ง ความคิด ของ ทนาย คน นี้ แหละ เพราะ แก ก็ แก่ แล้ว เห็น อะไรๆ มา มาก”

ภุม เร ศพ ยัก หน้า พลาง ถาม อย่าง สงสัย ว่า “คน ที่ คุณ จะ ไป เผา นี่ ชื่อ

อะไร ล่ะ ครับ ฟังๆ ดู คล้าย กับ จะ เป็นราย เดียวกัน เพราะ ที่ ผม จะ ไป เผา นี่ เขา ก็

มี ลูกสาว และ ก็ มี ทนายความ ประจำ ตระกูล เหมือน กัน”

“ชื่อ คุณ สุวรรณ ครับ”

“นามสกุล ล่ะ ครับ” ภุม เรศ ถาม หลังจาก สะดุ้ง ถาม ทั้งๆ รู้อยู่ แล้ว

“วร ทิพย์ ครับ ลูกสาว คน เล็ก ของ แก เป็น…เอ้ อ… เพื่อน สนิท กับ ผม” ชาย

หนุ่ม พูด พลาง ยิ้ม อย่าง ที่ ภุม เรศ จับ ได้ ว่า กระดาก

“งั้น ก็ เป็น ศพ ราย เดียวกัน นั่นเอง” เขา ตอบ อย่าง ดีใจ ที่ ได้ พบ กับ สื่อ กลาง

เข้า โดย ไม่ คาด ฝัน

“แหม! งั้น ก็ดี น่ะ สิ ครับ” ชาย หนุ่ม พูด อย่าง ปราโมทย์ เช่น กัน “ความ

จริง เรา ควร จะ รู้จัก กัน ไว้ เพราะ ไม่ ใช่ ผู้ ร่วม ทาง กัน ธรรมดา เสีย แล้ว ผม ชื่อ

นฤ ชา วิทย พัน ธ์ ครับ บ้าน อยู่ ติด กับ คุณ สุวรรณ เรา เป็นเพื่อน บ้าน กัน มา นับ

สิบๆ ปี แล้ว ครอบครัว เรา สนิท กัน มาก”

“อ้อ…คุณ คง จะ รู้จัก ลูกสาว คุณ สุวรรณ ดี ทั้ง สาม คน”

“ครับ รู้จัก ดี โดย เฉพาะ คุณ หน่อย น้อง สุด ท้อง ผม สนิท มาก กว่า เพื่อน”

ภุม เรศ มอง หน้า ผู้ พูด อย่าง จะ ค้น ให้ ลึก ถึงแก่น

“ชื่อ อะไร มั่ง นะ ครับ” เขา แสร้ง ถาม ทั้งๆ รู้อยู่ เต็มอก “ผม ลืมๆ ไป แล้ว

เรา ไม่ ได้ ติดต่อ กัน เสีย นาน ความ จริง เขา ก็ ไม่ ได้ ส่ง การ์ด ให้ เรา หรอก แต่ คุณ

พ่อคุณ แม่ ผม น่ะ สิ ครับ เกิด นึกถึง ความหลัง เก่า แก่ สมัย ที่ คุณ พ่อ ยัง ค้าขาย อยู่

กรุงเทพ รู้จัก กับ คุณ สุวรรณ ดี มาก กับ คุณ อัมพร ภรรยา ของ แก ก็ คุ้นเคย กัน

พอใช้ ตอน นั้น คุณ อัมพร ยัง ไม่ เสีย ลูก แก ยัง เล็กๆ อยู่ ทั้ง สาม คน ผม ก็ เคย เห็น

แต่ จำ ได้ คลับคล้ายคลับคลา เท่านั้น…ไม่ ทราบ ว่า พวก ลูกๆ ของ แก จะ จำ ครอบครัว

เรา ได้ หรือ เปล่า”

“ไม่ เป็นไร ครับ จำ ไม่ ได้ ก็ ไม่ เป็นไร ใน ที่สุด ก็ ต้อง จำ ได้ เอง น่ะ แหละ

เพราะ คุณ มา เผา ด้วย ความ เคารพ นับถือ” นฤ ชา ตอบ อย่าง ผู้ ไม่ รู้ความ นัย

“ครับ ผม ก็ นึกยัง งั้น แหละ คง แนะนำ ตัวเอง ไม่ ยาก นัก”

“ถ้า ยัง ไง ผม ช่วย บ้าง ก็ได้” นฤ ชา บอก อย่าง เต็ม ไป ด้วย อัธยาศัย ไมตรี

“คุณ นิด คุณ น้อย คุณ หน่อย น่ะ ดี ทั้ง สาม คน”

“ชื่อ อะไร กัน มั่ง นะ ครับ”

“อ้อ! จริง ซี ขอโทษ ผม ลืม ตอบ ชื่อ ทา ทอง โรย ทอง แล้ว ก็ ริน ทอง

ครับ”

“อืมม์… นาม เพราะ หวัง ว่า รูป ก็ คง งาม”

“เธอ ทั้ง สาม เป็น ดาว ประกายพรึก เชียว ครับ” นฤ ชา ตอบ อย่าง ภาคภูมิ ใจ

“เสีย อย่าง เดียว คุณ พ่อ หวง ไม่ ยอม ให้ ออก สังคม เท่า ไหร่ นัก”

“คง เรียน สำเร็จ กัน แล้ว ทุก คน กระมัง”

“ครับ สำเร็จ แล้ว ก็ ไม่ ได้ เรียน สูง อะไร นัก จบ โรงเรียน การ บัญชี ของ

เอกชน ทั้ง สาม คน ความมุ่งหมาย ของ คุณ อา สุวรรณ ก็ เพื่อ จะ ให้ ดำเนิน กิจการ

ค้า สืบ ต่อ จาก ท่าน ได้ เท่านั้น คุณ นิด น่ะ เก่ง กว่า เพื่อน ใน ฐานะ เป็น ลูก คน โต เธอ

อ่อน กว่า ผม ปี เดียว แต่ ทำ งาน อย่าง ผู้ชาย อก สาม ศอก เวลา นี้ เธอ เป็น ผู้ อำนวย

การ บริษัท แทน คุณ พ่อ ของ เธอ ผู้หญิง อายุ ยี่สิบ แปด เท่านั้น ไม่ น่า เชื่อ นะ ครับ ว่า

จะ มี ความ สามารถ…”

“ทำไม จะ ไม่ น่า เชื่อ ผู้หญิง เดี๋ยวนี้ เก่ง ออก” ภุม เรศ พูด ไป ตาม แกน แต่

ความ จริง ใน สมอง เต็ม ไป ด้วย แผน! คำ บอก เล่า ของ นฤ ชา ย่อม เป็น ประโยชน์ ยิ่ง

อย่าง น้อยๆ ก็ ช่วย ให้ เขา ได้ความ รู้ เพิ่มเติม เกี่ยว กับ ผู้ ที่ เขา กำลัง จะ เดินทาง ไป

เผชิญหน้า “ผู้ชาย บาง คน ยัง แพ้ หลุดลุ่ย แล้วคุณ น้อย ล่ะ เป็น ยัง ไง มั่ง ผม จำ

ได้ ว่า เคย กระ ตุ ก เปีย แก เมื่อ เด็กๆ”

“เดี๋ยวนี้ ไม่ มี เปีย ผม สั้น ทรง สมัยใหม่ ทีเดียว”

“อ้อ! คง สวย”

“ครับ แต่งหน้า เก่ง เปรี้ยว ฉับไว ผิด กับ คุณ นิด ขา นั้น เก่ง จริง แต่ ไม่

ค่อย แต่งตัว และ ออก จะ รอบคอบ สุขุม เอางาน เอาการ คุณ น้อย ชอบ เต้นรำ

ชอบ เที่ยว ชอบ สังคม หรูหรา ตอน เรียน หนังสือ แก อุตส่าห์ เจียด เวลา ไป หัด

เต้นรำ จน เป็น ส่วน คุณ หน่อย…ไม่ เก่ง แล้ว ก็ ค่อนข้าง อ่อน ต่อ โลก เวลา พ่อ

อยู่ พ่อ ก็ ดูแล ครั้น ไม่ มี พ่อ พี่ ก็ ดูแล แก ไม่ ได้ ออก ไป ทำ งาน เหมือน พี่ๆ แต่ อยู่

บ้าน ดูแล บ้าน พูด ถึง ฝีมือ ทำ กับข้าว…” นฤ ชา หัวเราะ เก้อๆ “นอกจาก คุณ แม่

ของ ผม แล้ว ก็ มี คุณ หน่อย นี่แหละ ที่ ชนะ ใจ ผม”

ภุม เร ศร วบ รวม เรื่องราว ปะติดปะต่อ ขณะคิด ใน ใจ

‘ไอ้ หมอ นี่ ต้อง มี อะไร ตุกติก อยู่ กับ ยาย หน่อย แน่ๆ’

แต่ เวลา พูด ออก มา ดังๆ เขา พูด ว่า

“สาม คน สาม แบบ ใช่ ไหม”

“ครับ ถ้า เป็น ส้มตำ ก็ สามรส”

“เข้าใจ เปรียบ” ภุม เรศ พูด หัวเราะๆ แต่ หัวเราะ นั้น กลั้ว ด้วย เสียง เย้ย จาก

ห้วง หัวใจ “ยัง ไม่ มี แฟน ทั้ง สาม คน เลย หรือ คุณ”

“ครับ ยัง ไม่ มี ไอ้ คน ติดพัน น่ะ อย่า พูด ถึง เลย ยาว เหมือน หางว่าว แต่

นั่นแหละ คุณ…เอ้ อ… ผม ยัง ไม่ ทราบ นาม ของ คุณ เลย”

“ภุม เรศ ภมร ชัย ครับ”

“ภมร ชัย” เขา ขมวด คิ้ว น้อยๆ “นามสกุล นี้ ไม่ ทราบ ว่า ผม เคยได้ ยิน

ที่ไหน…”

“อาจจะ คล้ายๆ กัน ก็ได้ เพราะ ตระกูล ของ ผม ไม่ ใหญ่ โต อะไร คนใน ตระกูล

มี ไม่ กี่ คน” ภุมเรศ ตอบ อย่าง ขมขื่น “และ เดี๋ยวนี้ ส่วน มาก ก็ ยากจน”

นฤ ชา แล เห็น สีหน้า ของ คู่ สนทนา สลด ลง เช่น นั้น เขา จึง เปลี่ยน เรื่อง สนทนา

เสีย ใหม่ โดย ถาม ว่า

“คุณ จะ อยู่ กรุงเทพสัก กี่ วัน ครับ”

“ผม น่ะ หรือ” พราย ยิ้ม ปรากฏ ขึ้น อีก “อยู่ ตลอด ไป เลย”

“อ้าว…แล้ว สงขลา”

“เผอิญ มัน ไม่ หนี ผม ไป ไหน เสีย ด้วย” เขา ตอบ อย่าง จะ ให้ ขัน แต่ แวว ตา

นั้น ช่าง ขัด กับ คำ พูด เสีย จริงๆ “ผม ก็ เลย คิด จะ ทิ้ง มัน ไว้ นี่ สัก พัก ตั้งใจ จะ ลอง หา

งาน ทำ ที่ กรุงเทพดู บ้าง”

“อ้อ…คุณ ถนัด ด้าน ไหน ล่ะ ครับ”

“บัญชี ก็ดี เพราะ ผม สำเร็จ การ ค้า จาก ปี นัง”

“แหม! ดี ทีเดียว บางที…คุณ อาจจะ ได้ งาน เร็ว กว่า ที่ คิด ก็ได้” นฤ ชา

บอก พลาง นึกถึง นางสาว ทา ทอง ผู้ มี สิทธิ์ขาด เต็มที่ ใน การ บรรจุ คน เข้า ทำ งาน

“ก็ ไม่ ใช่ ที่ อื่น หรอก ครับ นอกจาก ใน บริษัท วรรณ จักร นั่นแหละ ยิ่ง คุณ เป็น

ลูกชาย ของ เพื่อน เก่า ของ พ่อ เธอ อยู่ ด้วย ยิ่ง ง่าย”

“เพื่อน เก่า!” ภุม เรศ ทวน คำ เพราะ อด รู้สึก ตะขิดตะขวง ใจ ไม่ ได้ ความ

จริง มัน ตรงกันข้าม ทีเดียว เพราะ ควร จะ ใช้ คำ ว่า ศัตรู เก่า มาก กว่า “ก็ ไม่ ถึง ยัง

งั้น หรอก ครับ เพียง แต่ เคย รู้จัก กัน เท่านั้น ระยะ หลังๆ ก็ ไม่ ได้ ติดต่อ กัน เลย”

“แต่ เมื่อ คุณ ยัง นึกถึง ขนาด เดินทาง มา เผา จน ได้ อย่าง นี้ ก็ นับ ว่า ต้อง มี ความ

นับถือ กัน พอควร ทีเดียว ละ”

ภุม เรศ ไม่ ตอบ ได้ แต่ ยิ้ม นิดๆ เท่านั้น

รถไฟ ยัง คง ใช้ ฝีจักร ต่อ ไป ได้ยิน เสียง ล้อ บด รางและ เสียง ข้อ ต่อ รถ ที่

โยก ขึ้นๆ ลงๆ ดัง กึกก้อง แต่ ถึง กระนั้น ก็ ไม่ ถึง กับ กลบ เสียง แห่ง ความ แค้น ซึ่ง

อึ งอ ล อยู่ ใน หัวใจ

นางสาว ทา ทอง!

ดูเหมือน จะ เป็นราย แรก ใน แผน ของ เขา!!

“ผม ไม่ ได้ ไป กรุงเทพเสีย นาน” ภุม เรศ เอ่ย ขึ้น อีก เพื่อ มิ ให้ ตน เอง จม อยู่

กับ ความ ครุ่นคิด จน แล ดู หมกมุ่น เขา ควร จะ ใช้ ระยะ เวลา เดินทาง ซึ่ง นาน พอดู นี้

ตักตวง ประโยชน์ จาก ชาย หนุ่ม ผู้ นี้ ให้ มาก ที่สุด เท่า ที่ จะ มาก ได้ อย่าง น้อย ก็ ผูก

มิตร กับ เขา ไว้ และ ดูเหมือน นฤ ชาก็ กำลัง กระหาย ที่ จะ เล่า ถึง สตรี ผู้ เป็นเพื่อน

บ้าน “เพราะ ไม่ มี อะไร ผูกพัน กับ กรุงเทพ เลย แม้แต่ ญาติ สัก คน ก็ ดูเหมือน จะ

ไม่ มี ส่วน มาก ผม เดินทาง เข้าๆ ออกๆ แถว ปี นัง สิงคโปร์ มลา ยู มาก กว่า จะ

ขึ้น ไป ทาง เหนือ…นาน ที ปี หน จึง จะ คิดถึง กรุงเทพ เคย มา เมื่อ สี่ ห้า ปี ก่อน เป็น

หน สุดท้าย…”

“ถึง ยัง งั้น เชียว หรือ แหม…คุณ หลง ทาง ใต้ มาก เกินไป เสีย แล้ว เขา ว่า

สาวๆ ทาง ใต้ เสน่ห์ แรง พอดู ไม่ ใช่ หรือ ครับ”

คราว นี้ ภุม เรศสะดุ้ง อารมณ์ ครุ่น แค้น สะดุด หยุด ลง เมื่อ คำ ของ นฤ ชา

 

                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024