เหนือปรารถนา (นิดา)

เหนือปรารถนา (นิดา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742534912
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 345.00 บาท 86.25 บาท
ประหยัด: 258.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

สอง วัน หลังจาก ที่ มี การ ค้น พบ โครงกระดูก ของ นาง ชี ที่ ถูก ฉาบ ปูน ทับ ฝัง

อยู่ ใน กำแพง เรา ทั้ง ห้า คน มา ชุมนุม กัน พร้อมหน้า ที่ เ ซน ต์ลา ร์นส ตัน อับบาส

ทั้งหมด มี จั สติ น และ จอ ห์น นี่ เซน ต์ลา ร์นส ตัน สองพี่น้อง เมล ยอร่า

มา ร์ ติ น ดิ๊ค คิม เบอร์ และ ฉัน…เคเ รน ซ่า คาร์ ลี ผู้ แม้ จะ มีชื่อ และ สกุล ฟังดู

โก้ หรู แต่ ใครๆ ก็ รู้ ว่า ฉัน เป็น เพียง เด็กหญิง ที่ มี ที่ พำนัก เป็น กระท่อม เล็กๆ หลัง

หนึ่งเท่านั้นเอง

ปราสาท ‘อับบาส’ คือ คฤหาสน์ ของ พวก สกุล ‘เซนต์ลาร์นสตัน’ ซึ่ง

เป็น มรดก ตกทอด มา นาน นับ ด้วย ศตวรรษ เล่า กัน ว่า แรก เริ่ม เดิมที คฤหาสน์

แห่ง นี้ เป็น คอน แวน ต์ เก่า แก่ สร้าง อย่าง มั่นคง แข็ง แรง และ โอ่อ่า ภาคภูมิ ด้วย

หิน ก้อน ใหญ่ๆ หอ รบ รอบๆ ปราสาท นั้น เป็น แบบ ‘นอร์ มัน’ อย่าง สมบูรณ์ ที่สุด

แต่ หลังจาก สมัย โบราณ เรื่อย มา จน ปัจจุบัน ได้ มี การ ตกแต่ง ซ่อมแซม เรื่อย มา

จนกระทั่ง ปีก หนึ่ง กลาย เป็น ศิลปกรรม สมัย ‘ทิว เดอร์’

ว่า ไป ตาม จริง แล้ว ก่อน หน้า นี้ ฉัน ก็ ไม่ เคย ย่างกราย เข้าไป ใน คฤหาสน์

หรอก แต่ ก็ นับ ว่า คุ้นเคย กับ บริเวณ ภายนอก ของ มัน ดี รวม ทั้งที่ ดิน รอบ

อาณาเขต ด้วย ถ้า จะ พูด ตาม ความ เป็น จริง แล้ว ปราสาท ‘อับบาส’ นี้ ก็ มิ ใช่

โบราณสถาน หรือ ศิลปสถานที่ น่า ทึ่ง อะไร หนักหนา ด้วย ปราสาท แบบ นี้ มี

มากมาย ทั่วไป ใน ประเทศ ของ เรา โดย เฉพาะ ที่ มณฑล ‘คอ ร์น วอ ล’ นี้

แต่ ‘พรหมจารี ทั้ง หก’ นั่น สิ ที่ ทำให้ ‘อับบาส’ เป็น ปราสาท ที่ แตก ต่าง

ไป จาก ที่ ต่างๆ

‘พรหมจารี ทั้ง หก’ คือ สมญา นาม ของ ก้อน ศิลา โบราณ หก ก้อน ซึ่ง ใน

ความเห็น ของ ฉัน…ถ้า แม้น ว่า นิยาย ปรัมปรา พื้นบ้าน นั้น สืบ เนื่อง มา จาก เรื่อง

จริง ก็ ต้อง นับ ว่าการ ตั้ง สมญา นาม นั้น ผิด โดย แท้ เพราะ ตาม เรื่อง มี อยู่ ว่า นางชี

หก นาง ซึ่ง อยู่ ที่ สำนัก ชี แห่ง นี้ ไม่ อาจ รักษา ความ เป็น พรหมจารี ไว้ ได้ นาง ทั้ง หก

จึง ถูก สาป กลาย เป็น หิน ปรากฏ ให้ เห็น จนกระทั่ง ถึง ทุก วัน นี้

ท่าน สาธุ คุณ ชา ร์ลส์ มา ร์ ติ น บิดา ของ เม ลยอ ร่า ผู้ มี งาน อดิเรก ค้น ประวัติ

เก่า แก่ มา เล่า สู่ กัน ฟัง ตั้ง ชื่อ ก้อน ศิลา ทั้ง หก นี้ ว่า ‘เม็น เฮ อร์’ ท่าน อธิบาย ว่า

ตาม ภาษา คอ ร์นิช นั้น คำ ว่า ‘เม็น’ แปล ว่า ‘ศิลา’ ส่วน คำ ว่า ‘เฮ อร์’ นั้น

แปล ว่า ‘ชั่ว กาล นาน’

นอกจาก นั้น ก็ ยัง มี เรื่อง ‘นาง ชี คน ที่ เจ็ด’ ต่อ ไป อีก เรื่อง นี้ ท่าน สาธุ คุณ

ชา ร์ลส์ อีก เช่น กัน ที่ เป็น ผู้ ค้น พบ ท่าน เล่า ว่า ปู่ทวด ของ ท่าน ซึ่ง เป็น นัก ประวัติ-

ศาสตร์ และ โบราณคดี เช่น เดียว กับ ท่าน ทำ บันทึก ไว้ เป็น หลักฐาน ท่าน เพิ่ง จะ

ค้น พบ บันทึก นี้ เมื่อ เร็วๆ มา นี้ เอง โดยที่ มัน ถูก ซ่อน อยู่ ใน หีบ เก่า แก่ ใบ หนึ่ง

เมื่อ ท่าน อ่าน พบ จึง นำ ออก มา เรียบเรียง เสีย ใหม่ แล้ว พิมพ์ ออก แจกจ่าย ให้

อ่าน กัน ทั่ว หมู่ บ้าน เป็น เรื่อง ของ นาง ชี คน ที่ เจ็ด ซึ่ง ไม่ เคย มี ใคร รู้ เรื่อง มา ก่อน

บัดนี้ ผู้คน ก็ ยิ่ง หลั่งไหล กัน มา ดู ศิลา ‘พรหมจารี ทั้ง หก’ กัน อย่าง คับคั่ง

แล้ว ไถ่ ถาม กัน ว่า นาง ชี อีก รูป หนึ่ง นั้น ถูก ซ่อน อยู่ ที่ไหน?

เรื่อง มี อยู่ ว่า นาง ชี สาว หก รูป และ ชี อาวุโส อีก หนึ่ง รูป ถูก จับ ได้ ว่า ไม่ รักษา

พรหมจรรย์ ของ ตน ไว้ จึง มี การ ลงโทษ อย่าง รุนแรง นาง ชี สาว หก รูป ถูก ขับ ออก

จาก คอน แวน ต์ แต่ ขณะ ที่ เดิน ออก จาก สำนัก ชี นั้น นาง ทั้ง หก มิได้ มี ความ หวั่น

เกรง ใน บาป ที่ กระทำ ขึ้น กลับ พา กัน เริง ระบำ เหมือน จะ ประกาศ ชัยชนะ ทั้ง หก

จึง ถูก สาป กลาย เป็น หิน หก ก้อน ตั้ง ตระหง่าน อยู่ ที่ ชาย ทุ่ง ใกล้ คอน แวน ต์ แห่ง นี้

สำหรับ นาง ชี อาวุโส นั้น โทษ ของ นาง ร้ายแรง กว่า จึง ต้อง รับ กรรม ที่ น่า

สยดสยอง กว่า…

ใน สมัย นั้น เป็นที่ เชื่อ กัน ว่า ถ้า แม้น มี การ ฝัง คน ทั้ง เป็น ใน กำแพง จน ตาย

ไป สถานที่ แห่ง นั้น จะ ประสบ โชคชัย และ เป็นการ ทำลาย ล้าง มลทิน ให้ สิ้น สูญ

นาง ชี คน ที่ เจ็ด จึง ถูก นำ ตัว มา ฝัง ไว้ ใน กำแพง แล้ว โบก ปูน ทับ ปล่อย ให้ ตาย ทั้ง เป็น

ท่าน สาธุ คุณ ชา ร์ลส์ เอง กล่าว ว่า เรื่อง ‘นาง ชี ทั้ง เจ็ด’ นั้น เป็น เรื่อง เหลวไหล

ศิลา หก ก้อน ที่ ชาย ทุ่ง นั้น อาจจะ มี มา ก่อน สร้าง คอน แวน ต์ แห่ง นี้ ได้ เพราะ ท่าน

มี ความเห็น ว่า ศิลา ทั้ง หก ก้อน นี้ มีอายุ เก่า แก่ กว่า สมัย คริสเตียน ด้วย ซ้ำ และ

หิน อย่าง นี้ มี ให้ เห็น ทั่ว มณฑล คอ ร์น วอ ล

แต่ คำ กล่าว อ้าง ของ ท่าน ไม่ มี ใคร ใน ตำบล ‘เซนต์ลาร์นสตัน’ ปรารถนา

จะ เชื่อถือ ด้วย พวก เขา ชื่นชม ใน นิยาย ปรัมปรา ที่ ฟัง ดู น่า สนุก ตื่นเต้น นั้น มาก

กว่า ยิ่ง เล่า สืบ ต่อ กันมา นาน เท่าใด ก็ ยิ่ง จะเพิ่ม ความ เชื่อ อย่าง แน่นแฟ้น ขึ้น

เพียงนั้น

ความ เชื่อ นั้น ยิ่งมั่นคง ขึ้น เมื่อ เกิด เรื่อง กำแพง ด้าน หนึ่ง ของ คฤหาสน์

‘อับบาส’ พัง ลง มา และ เซ อร์จั สติ น เซนต์ลาร์นสตัน มี บัญชา ให้ ช่าง ปูน มา ทำ

การ ซ่อมแซม ทันที

รู เบ็น เพ็นกาสเตอร์ เป็น ผู้ ถูก ตาม ตัว มา ทำ งาน นั้น เขา สาบาน ว่า เมื่อ

เข้าไป ถึง และ มอง ดู รอย ตรง ที่ กำแพง พัง ลง มา เขา เห็น ร่าง ของ ผู้หญิง คน หนึ่ง

ยืน อยู่ ที่ กำแพง นั้น

“ปรากฏ อยู่ สัก วินาที เดียว” รู เบ็น เล่า ด้วย เสีย ง หนักแน่น “ดู ราวกับ จะ

เป็น ภาพลวงตา หรือ ภาพ ที่ เห็น เวลา ฝัน ร้าย พอ กะ พริบตา ภาพ นั้น ก็ หาย ไป

เหลือ แต่ หินปูน ที่ ผุ พัง หลุด ออก มา และ…โครงกระดูก…”

ไม่ค่อย มี ใคร เชื่อถือ คำ บอก เล่า ของ รู เบ็น นัก เพราะ เขา เป็น คน แปลก

ไม่ เหมือน อย่าง เราๆ มี คน เล่า ให้ ฉัน ฟัง ว่า รู เบ็น ผู้ นี้ เคย ถูก ‘ผี สิง’ เขา จึง มี

อาการ แปลกๆ ตลอด มา คล้ายๆ คน บ้า สติ ไม่ เต็ม ฉะนั้น

หลาย คน พูด กัน ว่า รู เบ็น มัก จะ เห็น อะไร ที่ คน ธรรมดา ไม่ เห็น เพราะ อำนาจ

ของ ปีศาจ ที่ สิงสู่ ใน ตัว เขา

อย่างไรก็ตาม ความ จริง ก็ ปรากฏ ว่า มี โครงกระดูก ซ่อน อยู่ ใน กำแพง ที่

พัง ลง มา นั้น จริงๆ มี ผู้ ชำนาญ ทาง โบราณคดี มา ตรวจ ดู และ ยืนยัน ว่า เป็น โครง-

กระดูก ของ ผู้หญิง…

คราว นี้ คนใน หมู่ บ้าน ก็ ตื่นเต้น กัน ยกใหญ่ รวม ทั้ง ฉัน ด้วย ใครๆ ก็ อยาก

มา ที่ ‘อับบาส’ เพื่อ ดู สถานที่ เกิด เหตุ

วัน นั้น อากาศ ร้อน อบอ้าว ฉัน ออก จาก กระท่อม หลัง เที่ยง เล็กน้อย นั่น

หมาย ถึง ว่า หลังจาก การ รับประทาน อาหาร ด้วย กัน แล้ว ระหว่าง ฉัน โจ และ ‘ยายบี’

ยาย ของ เรา ทั้ง สอง อาหาร ที่ ยาย ทำให้ เรา กิน ตาม แบบ ‘คอ ร์นิช’ นี้ เรียก ว่า

‘ควิลเล็ต’ ซึ่ง ประกอบ ด้วย ถั่ว กวน กับ น้ำ ซุป แบบ เดียว กับ ที่ แบบ อังกฤษ แท้

ปรุง ด้วย ข้าวโอ๊ต อาหาร ชนิด นี้ เป็นที่ รู้จัก แพร่หลาย ใน มณฑล ‘คอ ร์น วอ ล’

เมื่อ เกิด ข้าว ยาก หมาก แพง ใน ระยะ หนึ่ง นาน มา แล้ว ด้วย มัน เป็น อาหาร ที่ มี

ราคา ถูก และ ให้ ประโยชน์ แก่ ร่างกาย อย่าง มากมาย อีก ด้วย

เป็นการ แน่นอน ที่ พวก ชาว สกุล ‘เซนต์ลาร์นสตัน’ ที่ อยู่ ที่ คฤหาสน์

‘อับบาส’ จะ ไม่ เคย ลิ้มรส อาหาร ชนิด นี้…

ฉัน ครุ่นคิด ใน ขณะ ที่ เดิน ออก จาก บ้าน เช่น นั้น และ อด ไม่ ได้ที่ จะ คิด ต่อ ไป

อีก ว่า อาหาร ของ พวก เขา ก็ คง เป็น…ไก่ฟ้า อบ ใส่ มา ใน จาน ขอบ ทอง กิน ไป

พลาง ดื่ม เหล้า องุ่น ที่ เสิร์ฟ มา ใน ถ้วย เงิน แบบ โบราณ ไป พลาง…

ที่จริง ฉัน ก็ ไม่ค่อย จะ รู้ เรื่อง อาหาร การ กิน ของ พวก คน ชั้น สูง แต่ อาศัยที่

ฉัน เป็น เด็ก ที่ มี จินตนาการ แรง กล้า ฉันจึง สามารถ สร้าง ภาพบนโต๊ะ อาหาร

ในปราสาท หรือ คฤหาสน์ ‘อับบาส’ ได้ อย่าง ชัดเจน

บ่อย ครั้ง ที่ ฉัน เปรียบเทียบ ความ เป็นอยู่ ของ ตัวเอง กับ พวก สกุล ‘เซนต์-

ลาร์นสตัน’ การ เปรียบเทียบ นั้น ก่อ ให้ เกิด ความ โกรธ แค้น ทุก ครั้ง…

ขณะ นั้น ฉัน มีอายุ เพียง ๑๒ ปี ผม ดำ รับ กับ ดวงตา สี ดำ แต่ ฉัน ช่าง

ผอม ผ่าย เสีย นี่ กระไร ถึง กระนั้น อะไร อย่าง หนึ่ง ใน ตัว ฉัน ก็ มัก ทำให้ ฉัน เป็นที่

สนใจ ของ ใครๆ เสมอ โดย เฉพาะ อย่าง ยิ่ง พวก ผู้ชาย เมื่อ มอง ดู ฉัน ครั้ง หนึ่ง

แล้ว น้อย คน นัก ที่ จะ ไม่ เหลียว กลับ มา มอง เป็น ครั้ง ที่ สอง หรือ สาม

ฉัน ไม่ค่อย รู้ รายละเอียด เกี่ยว กับ ตัวเอง นัก ใน วาระ นั้น นอก เสีย จาก มี

คน พูด เข้า หู บ่อย ว่า ฉัน เป็น เด็ก ที่ หยิ่ง ทะนง มาก คน หนึ่ง…หยิ่ง ทะนง เหมือน

นาง ชี ทั้ง เจ็ด…ใครๆ ว่า ดังนั้น เมื่อ กล่าว ถึง ฉัน…เคเ รน ซ่า คาร์ ลี หลาน สาว

คน เดียว ของ ‘ยาย บี’ ผู้ เดิน ด้วย ท่าทาง งาม สง่า ทั้งๆ ที่ ก้าว ออก มา จาก กระท่อม

มิ ใช่ พวก ลูก ผู้ดี ที่ อยู่ คฤหาสน์ อย่าง พวก ‘เซนต์ลาร์นสตัน’ หรือ ลูกสาว ของ

ท่าน สาธุ คุณ มา ร์ ติ น

กระท่อม ของ ยาย ตั้ง อยู่ ห่าง จาก ชาวบ้าน เห็นจะ เป็น ด้วย เหตุ นั้น กระมัง

ฉัน จึง ผิด กับ พวก เหล่า นั้น ยิ่ง นัก ทั้งๆ ที่ ตาม จริง แล้ว ครอบครัว ของ ฉัน กับ พวก

นั้น มิได้ มี อะไร ผิดแผก แตก ต่าง กัน เลย กระท่อม ทุก กระท่อม ก็ เหมือนๆ กัน คือ

ก่อ ด้วย ปูน สี ขาว หลังคา มุงด้วย หญ้า แห้ง

ถึง กระนั้น ฉัน ก็ คิด อยู่ ตลอด เวลา ว่า ภายใน กระท่อม ของ เรา ไม่ เหมือน

กับ ของ ใคร เหมือนกับ ครอบครัว ของ เรา ก็ ไม่ เหมือนกับ ครอบครัว ของ ใคร

ชาวบ้าน ยอม รับ อย่าง ราบคาบ ว่า ‘ยาย บี’ ของ ฉัน เป็น คน พิเศษ เช่น

เดียว กับ ฉัน ซึ่ง มี ความ หยิ่ง ทะนง ผิด เด็ก ชาวบ้าน คน อื่นๆ

สำหรับ โจ น้อง ชาย ของ ฉัน เล่า…แม้ ใน เวลา นี้ เขา จะ ดู เป็น เด็ก ธรรมดาๆ

คน หนึ่ง แต่ ฉัน ก็ได้ ตั้งใจ เสีย แล้ว ว่า เขา จะ เป็น เช่น นั้น ไม่ ได้ เขา จะ ต้อง ผิด กับ

เด็ก คน อื่นๆ ถึง เขา จะ ไม่ค่อย พอใจ ที่ จะ เป็น เช่น นั้น แต่ ฉัน นี่แหละ ที่ จะ ต้อง

ทำให้ เขา เป็น ให้ ได้ เขา จะ ต้อง เป็น เด็กชาย คน พิเศษ ที่ ไม่ เหมือน เด็กชาย คน

อื่นๆ ที่ เป็น ชาว กระท่อม เหมือน กัน

ฉัน วิ่ง ผ่าน โบสถ์ ผ่าน บ้าน นาย แพทย์ ประจำ ตำบล ของ เรา ข้าม ทุ่ง นา

ซึ่ง เป็น ทาง ลัด ตัด ไป สู่ คฤหาสน์ ‘อับบาส’

ไม่ ช้า ฉัน ก็ วิ่ง ไป ถึง ถนน ที่ ตัด คดเคี้ยว ยาว เกือบ หนึ่ง ไมล์ กว่า จะ ถึงตัว

คฤหาสน์ อัน งาม ตระหง่าน อยู่ ตรง หน้า สุด ถนน นั้น จะ เห็น ประตู เหล็ก ซึ่ง บัดนั้น

เปิด กว้าง ออก ทั้ง สอง บาน

จาก ประตู จะ ถึง สนาม กว้างใหญ่ ที่ราบ เรียบ และ เขียว ขจี แล้ว จึง จะ ถึง

ปราสาท เก่า แก่…

ฉัน หยุด ยืน หน้า ประตู นั้น ตา มอง ไป รอบๆ หู ฟัง เสียง นก ร้อง จู๋จี๋ ไกล

ออก ไป สามารถ จะ เห็น ยอด โดม ของ คฤหาสน์ ‘โด เวอร์’ ซึ่ง เป็น บ้าน ของ ดิ๊ค

คิม เบอร์

พอ เห็น เข้า ใจ ฉัน ก็ ฉุน โกรธ ขึ้น มา อีก ริษยา ดิ๊ค ที่ เขา ได้ อยู่ ใน บ้าน หรูหรา

เช่น นั้น ใน ขณะ ที่ ฉัน อยู่ กระท่อม…

ใจ ของ ฉัน เต้น ไม่ เป็น ส่ำ เมื่อ ตระหนัก ว่า อีก ไม่ กี่ ก้าว ฉัน ก็ จะ ล่วงล้ำ

เข้าไป ใน เขต หวงห้าม ผู้ บุกรุก…ใครๆ ก็ รู้ ว่า ท่าน เซ อร์จั สติ น ประมุข ของ สกุล

‘เซนต์ลาร์นสตัน’ รังเกียจ ผู้ บุกรุก เพียง ใด ท่าน มี มาตรการ ที่ โหดร้าย ทีเดียว

สำหรับ ผู้ ที่ ล่วงล้ำ เข้าไป ใน อาณา บริเวณ คฤหาสน์ ของ ท่าน

“แต่ เรา อายุ แค่ ๑๒ ขวบ เท่านั้น นี่ นา” ฉัน บอก ตัวเอง “ท่าน เซ อร์ คง

จะ ลงโทษ เด็ก อายุ ๑๒ ไม่ ได้ หรอก ถึง จะ จับ ได้ ก็ เถอะ”

‘ทำไม จะ ไม่ ได้…’ อีก เสียง หนึ่ง ใน สมอง ร้อง เถียง ออก มา ทันที ‘ดู แต่

แจ๊ค ทอม ส์ สิ เขา แอบ ไป ขโมย ไก่ฟ้า เพียง ตัว เดียว แท้ๆ ยัง ถูก จับ ส่งตัว ไป ไว้

ที่ สถาน กักกัน ที่ ‘โบ ตา นี่ เบย์’ นาน ตั้ง ๗ ปี ป่านนี้ ก็ ยัง ไม่ ได้ กลับ ออก มา

แล้ว ตอน ที่ ถูก จับ น่ะ แจ๊ค อายุ ๑๑ เท่านั้น เอง’

‘แต่ เรา ไม่ ได้ เข้า มา ขโมย ไก่ฟ้า นี่…’ ฉัน เถียง ดื้อดึง ‘จะ เข้า มา ดู อะไร

หน่อย เดียว เท่านั้น…แล้ว เขา ว่า กัน ว่า ท่าน เซ อร์น่ะ ใจดี กับ เด็ก ผู้หญิง มาก กว่า

เด็ก ผู้ชาย’

บัดนี้ ฉัน สามารถ มอง เห็น คฤหาสน์ ได้ ชัดเจน ถนัด ตา ช่าง งาม สง่า อะไร

เช่น นั้น หอ รบ แบบ นอร์ มัน และ หน้าต่าง ที่ แบ่ง เป็น ช่องๆ แบบ โบราณ หิน ก้อน

มหึมา ก่อ ขึ้น ไป สูง ตระหง่าน น่า เกรงขาม หัวใจ ของ ฉัน เต้น รัว ราวกับ ทรวง อก

จะ พัง…

จาก สนาม หน้า บ้าน ที่ กว้างใหญ่ ไพศาล นั้น มี ถนน เรียบ โรย กรวด เม็ด

ละเอียด อ้อม โค้ง ไป รอบตัว คฤหาสน์ อย่าง สวย งาม ยิ่ง มอง ไกล ออก ไป ก็ ยิ่ง

ตื่นตาตื่นใจ เพราะ ถัด จาก สนาม นั้น ตรง ส่วน ที่ กั้น ด้วย รั้ว ต้นไม้ ที่ ตัด เป็น

กำ แพงสี่เหลี่ยม จะ ถึง ทุ่ง หญ้า ด้าน ที่ ‘พรหมจารี ทั้ง หก’ ตั้ง อยู่

มอง ไกลๆ ไม่ เห็น ว่า ศิลา ทั้ง หก ก้อน นั้น จะ เหมือน รูปร่าง ผู้หญิง ตรง ไหน

เลย แต่ เขา ก็ เล่า กัน ว่า ใน คืน ที่ มี แสงจันทร์ เสี้ยว ส่อง สลัว หิน ทั้ง หก ก็ จะ กลาย

ร่าง เป็น นางชี ออก มา เริง ระบำ…

“สัก คืน หนึ่ง…คืน ที่ จันทร์ เสี้ยว ส่อง แสง สลัว ฉัน จะ แอบ มา ดู ให้ เห็น กับ

ตา ว่า มี นาง ชี ออก มา เต้นรำ จริง หรือ ไม่…”

ฉัน ออก คำสั่ง กับ ตัวเอง

ถัด จาก ‘พรหมจารี ทั้ง หก’ มี เหมือง ดีบุก เก่า แก่ เหมือง หนึ่ง ยัง คง เหลือ

ซาก ให้ เห็น ว่า ครั้ง หนึ่ง เคย มี คน ลง มา ทำ งาน ใน เหมือง นี้ ถ้า เข้าไป ใกล้ แล้ว

มอง ลง ไป จะ เห็น ก้น เหมือง ที่ ตก อยู่ ใน ความ มืด และ รกร้าง ว่าง เปล่า

เคย มี คน ถามไถ่ กัน อยู่ เสมอ ว่า เหตุ ไฉน พวก สกุล ‘เซนต์ลาร์นสตัน’ จึง

ไม่ กำจัด เหมือง เก่า นี้ ให้ พ้น ไป เสีย จาก ทุ่ง หญ้า กลับ ปล่อย ให้ ทิ้ง ไว้ อยู่ ใกล้ ศิลา

ศักดิ์สิทธิ์ ทั้ง หก นั้น อยู่ จนกระทั่ง บัดนี้

ยาย บี เล่า ให้ ฉัน ฟัง ว่า เรื่อง นี้ มี สาเหตุ มา แต่ นมนาน การ ที่ พวก นี้ ยัง คง

เก็บ เหมือง เก่า ไว้ เหมือน หนึ่ง จะ เป็นที่ ระลึก ถึง เหตุการณ์ ใน อดีต ก็ เพราะ ครั้ง

หนึ่ง สมาชิก คน หนึ่ง ของ ครอบครัว ประสบ กับ ความ หายนะ อย่าง หนัก ด้วย เขา

ผู้ นั้น เป็น นักการ พนัน ที่ อับ โชค เกือบ จะ ต้อง หมดตัว และ ขาย ปราสาท ของ สกุล

ไป ให้ แก่ เจ้าหนี้ อยู่ ก็ พอดี มี การ ขุด พบ ดีบุก ขึ้น ใน แผ่นดิน นี้

จาก นั้น ก็ มี การ ทำ เหมือง ดีบุก ก็ เริ่ม ขึ้น ซึ่ง หมาย ถึง รายได้ ก้อน มหึมา

ของ สกุล ทำให้ หมด สิ้น หนี้สิน และ กอบกู้ ฐานะ ขึ้น มา ได้ ใหม่ อีก ครั้ง หนึ่ง

สมัย ต่อ มา ประมุข คน หลังๆ ที่ รังเกียจ ประวัติ ของ เหมือง แห่ง นี้ ด้วย

เป็น สถานที่ ประกาศ ให้ คน รุ่น หลัง รู้ ถึง ความ เป็น นักการ พนัน ของ บรรพบุรุษ คน

หนึ่ง จึง สั่ง ปิด เหมือง นี้ ลง เสีย เพราะ ไม่ มี ความต้องการ ที่ จะ หา รายได้ ด้วย การขุด

ดีบุก ขึ้น มา ขาย อีก ต่อ ไป แล้ว

ยาย เล่า ว่าการ ปิด เหมือง ใน ครั้ง นั้น ทำให้ พวก คน งาน ต้อง ประสบ กับ ความ

ยากจน เพราะ ไร้ อาชีพ ไป หลาย ครอบครัว ทีเดียว แต่ ท่าน เซ อร์จั สติ น ประมุข

คน ปัจจุบัน ไม่ค่อย จะ เล็ง เห็น ความ ทุกข์ ยาก ของ ชาวบ้าน ท่าน นึกถึง แต่ ตัวเอง

และ ครอบครัว เท่านั้น การ ที่ ปิด เหมือง หาก ไม่ ทำลาย ลง ให้ สิ้น ซาก ก็ เพื่อ จะ แสดง

ว่า ทรัพย์ แผ่นดิน ของ สกุล ยัง คง มี อยู่ มากมาย เมื่อ ถึง ตา จน เมื่อ ใด ก็ จะ ทำ เงิน

ให้ ได้ ตาม ปรารถนา

ชาว คอ ร์นิช โดย ทั่วไป ไม่ ว่ายาก ดี มี จน มัก จะ เชื่อ ใน โชค ลาง ต่างๆ ฉัน จึง

คิด ว่าการ ที่ เซ อร์จั สติ น ทิ้ง เหมือง ไว้ ให้ ลูก หลาน ดู จนถึง ทุก วัน นี้ ก็ เพราะ ท่าน มี

ความ เชื่อ ว่า เหมือง แห่ง นี้ นำ โชค ลาภ มา สู่ สกุล วงศ์ ของ ท่าน นั่นเอง

อีก ประการ หนึ่ง การ ที่ ยัง คง ทิ้ง เหมือง ร้าง อยู่ ภายใน อาณา บริเวณ ของ

สกุล ก็ เป็น เครื่อง แสดง ถึง ความ อัคร ฐาน ทั้ง ใน อดีต และ ปัจจุบัน ก่อ ให้ เกิด ความ

เลื่อมใส ใน สายตา ชาวบ้าน ทั่วไป ได้ อีก ด้วย

อย่างไรก็ตาม ฉัน เคย ได้ยิน ชาวบ้าน พูด กัน เหมือน กัน ว่า เหมือง ดีบุก

แห่ง นั้น ไม่ มี ค่า แล้ว มี การ ขุด เอา ดีบุก ไป ขาย จน หมด สิ้น แล้ว จึง ปิด เหมือง กลบ

เกลื่อน เสีย เซ อร์จั สติ น รู้ความ จริง ใน เรื่อง นี้ จึง รีบ จัดการ ปิด เหมือง ก่อน ที่ ใคร

จะ รู้ ว่า มัน ไร้ ค่า

 

            (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024