อาทิตย์ส่องจันทร์ (กนกวลี พจนปกรณ์)

อาทิตย์ส่องจันทร์ (กนกวลี พจนปกรณ์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742532390
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 335.00 บาท 83.75 บาท
ประหยัด: 251.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

            สิตางศุ์เดินผ่านผู้โดยสารมานั่งเก้าอี้ประจำสำหรับพนักงานต้อนรับ

บนเครื่องบิน หลังจากกัปตันประกาศจะนำเครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณ-

ภูมิในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

            หล่อนดึงเข็มขัดนิรภัยมารัดกับลำตัวพลางผินหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง

ชุดเครื่องแบบที่มีหมวกทรงสูงสีแดงแถมมีพู่ห้อยไกวแกว่งจนหล่อนต้องรีบจับพู่นั้น

ไว้

                ภาพภูมิทัศน์ของเมืองไทยใกล้สนามบินที่มองจากมุมสูงแลดูคุ้นตา เพราะ

ได้นั่งตรงจุดนี้ และกัปตันก็ขับเครื่องบินมาวนจากจุดนี้ ไม่รู้กี่รอบกี่เที่ยวมาแล้ว

                ดังนั้นภาพที่ไหลผ่านเข้ามาทางสายจา จึงไม่ได้ถ่ายทอดลงไปในใจให้ลึก

เข้าไปจนถึงความรู้สึกได้ เพราะแท้ที่จริง ใจของหล่อนในยามนี้กลับคิดไปถึงบ้าน

                บ้านที่สิตางศุ์จะได้พบกับน้อง น้องที่บอกกับหล่อนทางโทรศัพท์ก่อนจะขึ้น

ทำงานในเที่ยวบินนี้ว่า ‘พี่ตางกลับมาหนนี้ ผมมีเรื่องสำคัญจะปรึกษา’

และมีความสำคัญต่อหล่อนทั้งสิ้น และหล่อนก็เชื่อ...น้องก็รู้สึกเช่นนี้กับหล่อนด้วย

เช่นกัน เพราะในชีวิตนี้ครอบครัวของหล่อนมีเพียงพี่และน้องสองคนเท่านั้น...สอง

คนเท่านั้นจริง ๆ

เปลือกตาสิตางศุ์เต้น เริ่มจากข้าและแรงขึ้น เร็วขึ้น แรงขึ้น หล่อนรีบ

สูดลมหายใจให้ลึก บอกตัวเองให้ผ่อนคลาย...สบาย ๆ

แต่ทันใดนั้นปลายหางตาเจ็บจี๊ด เจ็บก่อนที่จะปวดหนึบอยู่ภายในขมับ แสง

อาทิตย์เหมือนล่องวาบผ่านเข้ามาในดวงตา หัวใจสิตางศุ์เต้นระรัว มันเร็วและแรง

ราวกันจะทะลุออกมานอกตัว หล่อนต้องจิกมือที่เริ่มขึ้นเหงื่อไว้กับที่วางแขนของ

 

เกาอี้นั่ง

สิตางศุ์ใช่อาการกลัวเครื่องบินอย่างที่เพื่อนร่วมงานบางคนเคยเข้าใจ

แต่มันลึกและลับกว่านั้น

ถึงตอนนี้ ภาพที่มันหลอกหลอนหล่อนมากว่าสิบปีแช่งกันผุดขึ้นมาในใจ

ทุกอย่างเหมือนภาพป๊อปอัพ มันเรียงกันกระเด้งขึ้นมาให้เห็นต่อหน้าต่อตา

ถ้าไม่ด้องนั่งติดกับที่ เพราะเครื่องบินกำลังจะลงจอด หล่อนจะต้องลุกไป

ทำอะไรลักอย่าง อย่างน้อยก็วิ่งไปเปิดวิทยุหรือทีวี ให้ภาพให้เสียงรอบ ๆ ตัวดัง

เพื่อจะไดไล่สิ่งที่มันผุดพรายขึ้นมาในใจให้จางหายไปโดยเร็ว

หรือไม่เช่นนั้น บางทีหล่อนก็จะวิ่งเข้าห้องน้ำ ขอน้ำเย็น ๆ ราดใบหน้าสักนิด

 อาการเครียดแบบนี้จะหาย

หรือถ้าจะแย่ที่สุด สิตางศุ์เคยใช้วิธีซิทอัพ ก็แค่ทอดตัวลงไปนอนราบกับ

 พื้นแล้วยกลำตัวขึ้นนั่ง โดยเท้าและขายังแนบอยู่กับพื้น ทำติด ๆ กันเป็นชุด ซัก

สิบครั้ง หลอนจะหอบเหนื่อย จนลืมสิ่งที่เห็นวูบวาบขึ้นมาในใจนั้นได้

แต่ขณะนี้...เวลานี้ หล่อนทำอะไรไม่ได้สักอย่าง นอกจากนั่งนิ่งอยู่กับที่

เพราะเครื่องบินกำลังจะลงจอด และเข็มขัดก็รัดแน่นไท้ร่างติดอยู่กับพนักพิง

สิตางศุ์จึงทำได้เพียงหลับตา จิกเล็บกดลงไปบนพนัก กดไท้แน่น พร้อม

สงตัวเองอยู่ในใจ ‘ไม่คิด...ไม่เห็น...ทุกอย่างมันผ่าน'ไปแล้ว ไม่คิด ไม่เห็น’

เหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาริมหน้าผาก ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วกาย เวลาแห่งความ

ทุกข์ทรมานผ่านไปอย่างช้าแสนช้า ใจอยากกรีดร้อง...จะทนไม่ไหวแล้ว...จะทนไม่

ไหวแล้ว

แต่ก่อนที่สิตางศุ์จะสติแตก ร่างของหล่อนก็สะท้านสะเทือนจากแรงล้อของ

เครื่องบินโดยสารลำใหญ่ลงแตะกับพื้น

เสียงล้อเลื่อนเคลื่อนไปบนลานจอดตังถึกถ้อง

เพื่อนร่วมงานชาวไทยเหมือนกันที่นั่งข้าง ๆหันมาถาม

“ตาง...เป็นอีกแล้วหรือ อย่าร้องนะ อย่ากรีดเสียงเชียวนะ...อีกนิดเดียว

ทุกอย่างจะจบแล้ว อีกนิด...ทนไร้นะ”

มือที่จับพนักไร้ ยิ่งจิกรัดแน่น

 

เสียงล้อเครื่องบินดังกึงๆไปจนสุดทาง

พนักงานเริ่มปลดเข็มขัดเมื่อได้รับสัญญาณอนุญาตแล้ว สิตางศุ์รีบลุกอย่าง

รวดเร็ว ลุกก่อนสติจะแตก และความรีบร้อนนี้ทำให้หล่อนเซไปกระแทกมือเข้ากับ

ศีรษะของยูโดยสารคนหนึ่ง

“ขอโทษค่ะ” หล่อนรีบเอ่ยดัวยภาษาอังกฤษ

“ไม่เป็นไรครับ” เสียงตอบกลับมาเป็นภาษาไทย “ผมคนไทย ดีใจนะที่ได้”  

ยินคุณพูดภาษาไทยกัน”

สิตางศุ์อึ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้

“หน้าคุณซีดมาก” ยูโดยสารคนเดิมที่หล่อนเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาน่าจะอยู่

ในวัยที่ไม่ห่างไกลกับหล่อนมากนักเอ่ย “คุณไม่สบายรึเปล่า”

 “เปล่าค่ะ” หล่อนตอบและผลันหมุนตัวกสินไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ

เมื่อยูโดยสารกึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ หล่อนและเพื่อนๆที่

ทำงานจะต้องไปยืนส่งทุกคนลงจากเครื่อง

สิตางศุ์มายืนประจำที่ข้างประตู  ที่เปิดออกรับกับงวงทางเดินออกจากตัว

เครื่อง ซึ่งขณะนี้เข้ามาทอดรับอย่างสนิทแล้ว

อาการใจเต้นสั่นรัวจางหายไปแล้ว เหงื่อที่ผุดขึ้นมาจนจนชื้นเต็มฝ่ามือก็แห้ง

สนิท

“คุณเป็นพวกกลัวเครื่องบินหรือครับ” สุภาพบุรุษคนเมื่อครู่ เดินหิ้วกระเป๋า

ใบย่อมมาทักถามสิตางศุ์อีกแล้ว

ผู้โดยสารกำลังทยอยออกจากเครื่อง

รูปร่างเขาที่ซ่อนอยู่ในเสื้อยืดสีเข้ม สวมทับด้วยแจ็คเก้ตสีเทา แลดูกำยำ

แข็งแรงด้วยแผ่นอกที่เต็มไปตัวยกล้ามเนื้อ

สิตางศุ์’เหลือบมองใบหน้า ชายหนุ่มผู้นี้ ถือได้ว่าหน้าตาดี

“ผมชื่อรวีวัน...” เขาแนะนำตัว

“อะไรนะคะ” สิตางศุ์ฉงนฉงาย ใจแวบไปกึงน้องชาย น้องของหล่อนชื่อ

พร่างรพี ชื่อนิแหละ...เมือตอนทีพ่อแม่กังอยู่ ทังสองจะส่ายหน้าเสมอในยามที

น้องเล่นชนปนดื้อรั้นว่าพร่าง...ร้อนเหมือนชื่อ

นี่หล่อนมาเจอะเจอคนชื่อที่มีความหมายถึงดวงอาทิตย์อีกแล้วหรือ เขาจะ

 ใจร้อน หุนหันพลันแล่นเหมือนน้องหล่อนอีกไหม

“รวี'วัน” ชายหนุ่มตรงหน้า ยิ้มใส่นัยน์ตาหล่อน เมื่อเน้นออกเสียงชื่อตัว

เองล้าๆชัดๆอีกครั้ง

สิตางศุ์สีไม่อยากอธิบายขยายความว่ามิใช่ไม่ได้ยิน หล่อนได้ยินคำชื่อเขาชัดตั้ง

แต่คำแรกแล้ว แต่ที่อุทานออกไปเพราะไม่คิดว่าเขาจะมามีชื่อใกล้น้องชาย

คนเดียวเข้าให้นั่นเอง

แถวยูโดยสารที่ตามกันออกมาชะงัก หนุ่มคนไทยยืนขวางทางคนอื่น ๆ

เขาเองก็รู้ ดังนั้น เขาจึงรีบค้อมศีรษะให้หล่อนแล้วจากไปด้วยวาจาที่ทิ้ง

ท้ายไววา

“หวังว่าคงได้พบกันอีกนะครับ และครั้งต่อไปแอร์โฮสเตสไม่เมาเครื่อง

หรือกลัวความสูงเหมือนครั้งนี้นะ”

สิตางศุ์ออกจากโรงแรมหรูกลางเมืองที่บริษัทเช่าไว้ให้สำหรับลูกเรือ หลัง

จากเล้าไปเก็บกระเป๋าเดินทางเรียบร้อย

หลอนออกมาขึ้นแท็กซี่ในยามแสงตะวันฉายฉาน จุดหมายปลายทางคือ

บ้านที่ชะอำ

วันนี้ พร่างรพีโทร.มาตามแล้วหลายครั้งลายครั้ง

‘พี่ตาง ออกมารึยัง ออกมาเร็วๆสิ’ น้องชายหล่อนเร่งมาตามลาย เร่ง

 ตั้งแต่หล่อนเพิ่งลงจากเครื่อง

และเมื่อรู้ สิตางศุ์จะต้องแวะเข้าไปในโรงแรมก่อน น้ำเสียงของน้องผิดหวัง

‘ทำไมพี่ไม่เลยมาบ้านเลยล่ะ จะเล้าที่พักทำไม

‘ไม่ได้’ เดี๋ยววันเดินทาง พี่ต้องมาแต่งตัวที่โรงแรมแล้วขึ้นรถมาพร้อม

ลูกเรือคนอื่นๆ แล้วนี่พี่กังอยู่ในชุดทำงานเลย ต้องเล้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน’

พังเหตุผลแล้ว น้องชายยังมิลืมจะกำชับ ‘เร็วๆนะพี่’

ครั้นเมื่อสิตางศุ์ถึงโรงแรมในเวลาต่อมา พร่างรพีก็โทร.มาอีก

‘ถึงไหนแล้วครับพี่’

 ‘โอย...อะไรกันพร่างนี่’ หล่อนหัวเราะ ‘ใจร้อนไม่เปลี่ยนเลย เดี๋ยว...รอ

เดี๋ยว กำลังจะออกจากโรงแรมจ้า’

‘กว่าจะมาถึงบ้านได้ อีกตงหลายชั่วโมง’ น้องชายของหล่อนยังบ่น ‘แล้ว

มาหนนี้มากี่วันครับ’

‘พี่ค้างได้คืนเดียว...’

พร่างรพีเงียบไปในทันที ในความ เงียบ เช่นนี้ สิตางศุ์รู้ น้องไม่พอใจ

 แต่นี่คืองาน...งานที่ทำรายได้ไห้อย่างงดงามนี่นี่ แสนเหนื่อย

และฐานปฏิบัติงานก็มิได้อยู่ในเมืองไทย

เนื่องจากว่าสายการบินของหล่อนอยู่ในประเทศ กลุ่มตะวันออกกลาง ดังนั้น

ศูนย์ปฏิบัติงานจึงอยู่ที่โน่น

และในการทำงาน จะว่าไปแล้วสิตางศุ์ได้พักค้างที่ตะวันออกกลางมากกว่า

เมืองไทยเสียอีก

สายการบินนี้ มีเส้นทางการบินพกึงยุโรป อเมริกา และมาเอเชีย

บางทีเมื่อตารางทำงานออกมา หล่อนได้ไปยุโรป อเมริกา ซึ่งถ้าเป็นยุโรป

จะได้พักเพียงหนึ่งคืน แต่ถ้าไปอเมริกาจะได้หักยาวกว่า นั่นคือสองคืน ส่วนยามใด

ที่มาเมืองไทย ส่วนใหญ่ก็จะได้พักแค่คืนเดียว

นานๆครั้ง จึงจะโชคดีได้นอนอยู่ในโรงแรมกรุงเทพฯสองคืน และคราใด

ที่ได้พักนานสองคืนแบบนี้ สิตางศุ์มักจะนัดหมายให้น้องชายมาหาที่โรงแรมหรูของ

บริษัทซึ่งเช่าให้ลูกเรือทั้งหมดพัก แจ้วสองพี่น้องก็จะนอนเขลงกันคนละเตียง พูด

คุยกันด้วยเรื่องสารพัดสารพัน

แต่หนนี้ แม้มีเวลาเพียงวันเดียว พร่างรพีกลับขอให้หล่อนกลับบ้าน

ผมมีเรื่องสำคัญจะปรึกษาพี่’

‘เรื่องอะไร’ หล่อนถามน้องในเวลานั้น ‘คุยกันทางโทรศัพท์ก่อนได้มั้ย’

‘ไม่ได้ ผมอยากให้พี่ตางมาบ้าน แล้วเราจะได้ทำบุญให้พ่อกับแม่ด้วยไง’

 

เมื่อน้องยกเรื่อง'ของพ่อแม่ขึ้นมา สิตางศุ์ตกลง โดยไม่ชักถามเรื่องอื่นอีก

แท็กซี่พาหล่อนมาถึงทำรถ อีกสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อยจึงจะถึงบ้าน แวบ

นั้น...ความอยากพบน้องและอยากหักโดยเร็ว ทำให้หล่อนเอ่ยถามคนขับแท็กซี่วัย

กลางคน

“เหมาไปชะอำได้มั้ยคะลุง’’

“ทำไมจะไม่ได้” ชายผิวเข้มหันมาตอบยิ้ม ๆ

“งั้นไปโลดเลยค่ะ’’ สิตางศุ์บอกเสียงกลั้วหัวเราะ “หนูไม่ยิ้นรกโดยสารละ

นั่งรถลุงไปดีกว่า”

แท็กชี่หมุนพวงมาลัยออกจากสถานีขนส่ง หญิงสาวเอนหลังพิงพนักนุ่ม ๆ

อย่างสบายใจ ช่างเถอะ..ถึงจะราคาเหมาแบบนี้จะแพงกว่านั่งรถประจำทาง แต่

จะทำให้หล่อนถึงบ้านเร็ว นึกเสียว่าใช้เงินซื้อความสบายและความรวดเร็ว

 

ไม่ได้คิดจะงีบ แต่สิตางศุ์เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัว ลุงคนขับแท็กชี่

เรียกเมื่อรถเข้าเขตชะอำ

หล่อนลืมตาตื่น เหลียวมอง'รอบตัวอย่างงงงันอยู่ครู่ใหญ่ จึงตั้งสดีชี้ทาง

บอกให้คนขับพาไปล่งบ้านได้

“หนูหลับสนิทเลยนะ ชายสูงวัยเอ่ยบอกและสบตากับสิตางศุ์ผ่านกระจก

มองหลัง

หล่อนยิ้มขณะความเหนื่อยล้าจากทำงานเหมือนจับอยู่ทุกขุมขน

“ทีหลังต้องระวังบ้างนะ นั่งรถคนเดียวอย่าหลับอย่างนี้’’ น้ำเสียงคนขับ

เตือนอ่อนเบา

สิตางศุ์พยักหน้ารับอยู่จงเขาใจและอดจะเล่าไม่ได้ว่า

“วันนี้เหนื่อยมากค่ะ บินมาห้าชั่วโมง คนเต็มเครื่อง แทบไม่มีที่ว่าง หนู

ต้องบริการทุกที่นั่งแถมโซนที่หนูดูแลมีเด็กหลายคน และพวกแม่ๆก็ช่างขอ เดี๋ยว

เรียกหานั่นหานี่ ทั้งน้ำ ทั้งให้อุ่มนม  หาเกมไปให้เล่น แป๊บเดียวเด็กก็เบื่อ ต้อง

หาอย่างอื่นมาให้ทำอีก เพราะไม่อย่างนั้นคนอื่นๆบนเครื่องก็จะรำคาญ เท่านั้น

ไม่พอ บ้ายแถวยังมีขี้เมา เรียกหาแต่ไวน์...ลงมานี่หนูหมดแรงเลยละค่ะลุง”

คนขับรถหัวเราะ “งานทุกงานเหนื่อยทั้งนั้น แต่หนูยังดี ได้เงินเยอะ”

สิตางศุ์นิ่งเงียบ ใช่ งานบนเครื่องบินได้เงินมากก็จริง แด,ชีวิตก็เสี่ยงอยู่

ไม่น้อย

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024