วงเวียนชีวิต (สีฟ้า)

วงเวียนชีวิต (สีฟ้า)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742533618
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 300.00 บาท 75.00 บาท
ประหยัด: 225.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

กระเป้าเดินทางใบนั้นเป็นกระเป้าหนังเทียมธรรมดา มีป้ายสีขาว

ผูกติดไว้ อักษรตัวเขื่องบนป้ายอ่านได้ชัดเจนว่า

แสนดี แสงธรรม

เมื่อรถชะลอฝีจักรเข้าเทียบชานชาลา ผู้โดยสารต่างก็กุลีกุจอ เตรียมขน

สัมภาระของตนลงจากรถ บางคนก็ลุกขึ้นชะโงกหน้าต่าง ลุกขึ้นยกโน่นยกนี่

ดูวุ่นวายกันไปเกือบทุกคน บุรุษวัยกลางคนนายหนึ่งชะเง้อกายขึ้นดึงกระเป๋า

ของตนจากชั้นเหนือศีรษะ แต่ปรากฏว่ามีกระเป๋าอันผูกป้ายนาม  ‘แสนดี

แสงธรรม, วางซ้อนอยู่ เขาจึงยกลงมาวางบนพื้นข้างล่างพลางมองหาเจ้าของ

เมื่อไม่เห็นผู้ไดทำทำว่าเป็นเจ้าของกรัเป๋านั้นก็ร้องถามว่า

“กระฟ้าใครครับ กระเป๋าใบนี้ของใครครับ?’’

สาวน้อยผู้หนึ่งนั่งหันหลังให้เขา และเป็นคนเดียวที่นั่งกอดอกมองไปนอก

หน้าต่างอย่างเฉยเมย มิได้มีกิริยาท่าทางกระตือรือร้น กุลีกุจออย่างคนอื่น

หล่อนทำทำเหมือนกับว่าหล่อนเพิ่งตื่นจากภวังค์ ขณะที่ได้ยินเสียงชายหนุ่ม

ใหญ่ร้องถาม หล่อนเหลียวมาดูเขาแล้วก็ขยับกายเล็กน้อย กล่าวว่า

ของดิฉันเอง ว่างไว้ตรงนั้นแหละค่ะ

กิริยาท่าทางไม่ยินดียินร้ายของหล่อน ทำให้ผู้ถามเลิกคิ้วนิดๆ แต่แล้ว

ก็วางกระเป๋าของหล่อนแอบไว้ทางหนึ่ง โดยไม่กล่าวว่ากระไร ชำเลืองดูป้ายที่

ผูกติดกระเป๋าอีกครั้งหนึ่ง นึกรำพันอยู่ในใจว่า...ชื่อแปลก...ภาษาไทยแท้ๆ ฟัง

ง่ายโดยไม่ต้องเสยเวลาเปิดพจนานุกรม หาคำแปลให้มากเรื่อง...แสนดี...!

แต่เมื่อรถจอดเทียบสถานี บุรุษผู้นั้นลงจากรถแล้ว ธุรกิจและการพบปะ

ผู้คน ก็ทำให้เขาลืมหล่อนและชื่อแปลกๆของหล่อนเหมือนกับคนอื่นๆที่เขา

ได้พบปะอย่างฉาบฉวยทั่วไป

ส่วนแม่สาวน้อยเจ้าของนามแสนดีนั้น ยังคงนั่งกอดอกมองดูผู้คนวุ่นวาย

แย่งกันส่งของแย่งกันลงจากรถ ทั้ง ๆ ที่เป็นสถานีปลายทางซึ่งรถจะต้องหยุด

ณ ที่นั้นเลย จนกระทั้งผู้โดยสารคนสุดท้ายลงจากรถไปแล้ว หล่อนจึงลุกขึ้น

ยืนหยิบกระเป้ากันหนักอึ้งสำหรับแรงผู้หญิงร่างเล็กขึ้นมาหิ้วไว้...

หล่อนกลับขึ้นมากรุงเทพฯ อีกครั้งหนึ่ง กลับขึ้นมาเร็วกว่ากำหนดที่หล่อน

เคยกะเอาไว้ กำหนดนั้นมันควรจะเป็นอีกสองปีข้างหน้า และหล่อนควรจะ

ขึ้นมากรุงเทพฯ ด้วยความรู้สึกอันเปี่ยมล้นด้วยความสุข มิใช่อ้างว้างว้าเหว่

และปราศจากชีวิตจิตใจเหมือนขณะนี้...          

แสนดี'พยายามกลืนก้อนสะสันที่กำลังแล่นขึ้นมาจุกคอ...เมื่อหล่อนขึ้นมา

กรุงเทพฯ ครั้งแรก หล่อนเพิ่งจะมีอายุเพียงสิบเจ็ดปี เพิ่งจะจบชั้นมัธยมศึกษา

บริบูรณ์ แสนดียังจำ1ได้ถึงความตื่นเต้นในครั้งนั้น...

 

แสนดีพยายามสงบความคิด และอารมณ์อันฟุ้งซ่านของหล่อนเมื่อออก

มายืนหน้าสถานีแล้ว ถึงจะเคยมาอยู่กรุงเทพฯ เมื่อสี่ปีก่อนก่อน และอยู่นานถึงสี่ปี

แต่กรุงเทพฯ ก็ยังใหม่และยังเป็นกรุงเทพฯ ที่หล่อนไม่สู้จะคุ้นเคยอยู่ดีนั่นเอง

เพราะเมื่อสี่ปีก่อนหล่อนมาเรียน ชีวิตของหล่อนมุ่งแต่การเรียน ฝืนถึงอุดมคติ

และ,ใฝ่ดีสมกับชื่อของหล่อน..

รถยนต์รับจ้างนำแสนดีไปยังจุดหมายปลายทาง แสนดีพยายามมอง

หาประตูบ้านที่หลอนคิดว่าหลอนจำได้ เมื่อสี่ปีก่อนหล่อนเคยพักอาศัย แม้

จะเป็นการชั่วครั้งชั่วคราว แต่ครั้งหนึ่ง ๆ ก็เกินกว่าอาทิตย์ บัดนี้ประตูบ้าน

สีเขียวอ่อนนั้นหายไปไหนเสียหนอ? ทางด้านหน้าซึ่งเคยเป็นถนนโล่งๆก็มี

ตึกแถวสามชั้นสร้างบังเอาไว้เต็มไปหมด แสนดีมองหาทางเข้าสู่บ้านที่เคยมา

ขออาศัยอยู่ไม่เห็นจริง ๆ...

จนกระทั่งคนขับรถออกจะมีสีหน้าหงุดหงิด เพราะต้องขับรถย้อนเป็น

ครั้งที่สอง แสนดีจงได้สะดุดใจร้านอาหารเข้าร้านหนึ่ง ครั้งแรกหล่อนคิดว่า

เป็นร้านอาหารธรรมดา แต่เมื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง จึงได้เห็นว่าแบ้จริงเป็น

เพียงทางเดินเข้าสู่บ้าน ทว่าขนาบด้วยตึกแถวสองข้าง จนกระทั่งเมื่อมอง

อย่างฉาบฉวยดูคล้ายกับร้านอาหาร ข้างหน้ามีตู้กระจก ข้างในทั้งโต๊ะเก้าอี้

แสนดีเดินหิ้วกระเป้าผ่านสายตาของคนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่เข้าไป

ข้างใน ประตูเขียวเปิดกว้างทั้งสองบานจนมองไม่เห็นบานประตู แต่มองเห็น

เลยเข้าไปถึงในตัวตึกเก่าครํ่า จนบางตอนปูนสีเหลืองนวลกลายเป็นสีเขียว

ตะไคร่นา บางตอนกะเทาะเห็นอิฐสีแดงข้างใน ซุ้มการเวกหน้าตึกปกคลุม

ระเบียงเสียจนกระทั่งมืดครึ้ม มองเข้าไปไม่เห็นภายในบ้านตูทรุดโทรมยิ่งกว่า

เมื่อสี่ปีก่อนมากในสายตาของแสนดี

พอฝานประตูที่เปิดกว้างเข้าไป สตรีวัยห้าสิบกว่าผู้สาละวนอยู่กับเครื่อง

ครัวนอบอสู่ทางด้าน,ขวามือก็เงยหน้าขึ้นดูแสนดีขณะเดียวกับที่แสนดีมองดูนาง

นางขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเล็กน้อย หน้าตาแสดงความตื่นเต้นออกมานิดเดียว

เมื่ออุทานว่า

“หนูแสนดีใช่ไหมนั่น?”

แสนดียิ้มให้นาง ยกมือไหว้พอสมควรแก่อาวุโสของนาง รับคำว่า “ใช่ค่ะ ป้าน้อย”

“เอ๊อ...ไปยังไงมายังไงกันแม่หายเงียบไปเป็นสี่ห้าปี จู่ ๆ ก็โผล่เข้า

มายังกับขอมดำดิน นี่เพิ่งมาจากแต่งงานแล้วหรือยัง?”

คำถามประโยคสุดท้าย ดูเหมือนจะเข้าไปกระเทือนความรู้สึกของแสนดี

อยู่ไม่น้อย หน้าที่เผือดเพราะกันมาในรถไฟจึงตูเผือดลงไปอีก ยังไม่ทัน

ตอบว่ากระไร ‘ป้าน้อย’ ก็กล่าวพลางมือสาละวนตักแกงราดลงในจานข้าวส่งให้

เด็กเดินโต๊ะพลาง

“คุณพุ่มอยู่บนตึกแน่ะ คุณพวงก็อยู่ ขึ้นไปหาซีหนู”

“คุณพวก...คุณพวกมานานแล้วรีคะป้า?”

ผู้ถูกถามยกกระทะวางบนเตา ปากตอบเรื่อยๆว่า

“คุณพวกอยู่ที่นี่ เธอเลิกกับคุณประจิตแล้ว”

“อ้าว...!”

แสนดีอุทานอย่างตกใจ ป้าน้อยเหลือบตูหล่อนและตัดบทว่า

“ขึ้นไปหาเธอเถอะ?”

แสนดีเดินอ้อมไปยังหลังตึก หาได้ขึ้นบันไดหน้าตึกไม่ นึกรำพึงอยู่ในใจ

ว่า...เออหนอ...เบื้องหน้านั่นคือตึกแถวสามขึ้นสี่ชั้นทันสมัย ข้างหลังคือตึกเก่า

คร่ำทรุดโทรมเหมือนอดีตที่นับวันมีแต่จะลูกลืมเลือนไป...

เมื่อหล่อนอ้อมไปทางหลังตึกก็เห็นสตรีวัยกลางคนสองคนนั่งอยู่ที่เตียงไม้

หลังระเบียงตึกอันติดต่อกับเรือนครัว กำลังสาละวนช่วยกันบรรจุขนมลงใน

ลุงพลาสติก คนหนึ่งเหลือบมาเห็นหล่อนเข้าก็ทำกิริยาชะงัก แล้วก็อุทานว่า

“ต๊าย! นั่นแม่แสนดีหรือนั่น?”

แสนดีเข้าไปน้อมกายลงไหว้เกือบถึงตัวสตรีทั้งสองผู้ที่อุทานทักคนแรก

ถามต่อไปอย่างแปลกใจว่า

“นี่ไปยังไงมายังไงกันล่ะ ลงมาจากนครเมื่อไหร่ มาธุระหรือนี่?’’

“มาถึงเดี๋ยวนี้เองค่ะ”

แสนดีหยิบจดหมายซองสีฟ้าในกระเป๋าถือออกส่งให้แล้วนั่งคุกเข่าลง

บนพนหินหน้าเตียงไม้เก่า ๆ นั่น ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเปิดซองจดหมายตึงกระดาษ

ข้างในออกมาอ่าน...

แสนดีเหลือบมองสตรีผู้กำลังอ่านจดหมาย แล้วก็เหลือบไปยังอีกผู้หนึ่ง

ซึ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมสบตากันพอดี ฝ่ายนั้นถามเรื่อย ๆ ว่า

“เราแต่งงานแล้วรึยัง แสนดีดีด

หล่อนลูกถามเป็นคำรบสอง คราวนี้หน้าไม่เผือดตอบได้อย่างธรรมดา

ว่า

“ยังค่ะ”

“อ้าว...ไหนได้ข่าวว่าหมั้นหมายกับนายอะไรที่นครแล้วไม่ใช่รึ?”

แสนดีกลืนค้อนแข็ง ๆ ลงในคอ ยังไม่ทันตอบว่ากระไร ผู้ที่อ่านจดหมาย

อยู่ที่เงยหน้าขึ้น มองดูหล่อนอย่างสมเพช และกล่าวด้วยวาจาตรงไปตรงมา

ว่า

 

“แม่แกเขียนจดหมายถึงฉัน เล่าเรื่องของแกให้ฟ้ง ฉันเสียใจด้วยกับ

แก แสนดี อย่าเสียอกเสียใจอะไรให้มากเลย ผู้ชายในโลกมันก็เป็นอย่างนี้

เสียเกือบทุกคนนั่นแหละ เห็นแค่ตัวด้วยกันทั้งนั่น ดีแล้วที่ยังไม'ได้แต่งงาน

แต่งการกัน ถ้าแต่งงานค่อนที่ชายคนนั่นจะไปเมืองนอกแกจะชํ้าใจยิ่งกว่านี้”

ดวงตาของผู้กล่าวมีแววเมตตาฉายอยู่บาง ๆ และแววตานั่นก็พลอย

เบนไปจับยังสตรีนั่งนิ่งอยู่ขาง ๆ กล่าวว่า

“คู่หมั้นแม่แสนดีเขาสมัครเป็นเขยเสนาบดีไปแล้ว”

ผู้ดีคือนางสาวพุ่มแก้ว พิทักษ์นคราราช ธิดาของพระยาพิทักษ์นครา-

ราช เจ้าเมือง ในสมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง ถอนหายใจยาว กล่าว

เรื่อย ๆ ต่อไปว่า

                “คนเราเดี๋ยวนี้ มันต้องต่อมือตีนด้วยกันทั้งนั้นมันถึงจะทันเขา ต่อ

ด้วยเรียนด้วยวิชาความรู่ไม่พอ ก็ต้องหาทางลัด...แต่ว่า...เรื่องอำนาจ สมัยนี้

ก่อนถึงอำนาจวาสนาตกก็ยังไม่ฮวบฮาบเหมือนสมัยนี้ พอคนนั้นของแกจะ

อาศัยบารมีพ่อตาไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ต้องคอยดูกันต่อไป”

                แสนดีกัดเนื้อข้างในริมฝีปากล่างแน่นจนรู้สึกเจ็บ...แน่ละ! หล่อนจะต้อง

คอยดู พร้อมกับที่คอยดูหล่อนก็จะสาปแช่งให้ ‘พ่อตา’ ของเขาสิ้นอำนาจ

วาสนาโดยเร็ว หล่อนอยากจะประจักษ์นักว่า ความรักครั้งที่สองของราชิตที่

เขาอ้างว่าเป็นความรักโดยแท้จริง มิใช่ความฝันอย่างเด็ก ๆ เหมือนกับความ

สัมพันธ์ระหว่างเขาและหล่อนนั้นเป็นความจริง หรือว่าเป็นความทะเยอทะยาน

เพื่อจะ ‘ต่อมือต่อตีน’ อย่างที่คุณแม่พุ่มแก้วเธอว่า !

                ความติดฟุ้งซ้านของแสนดีชะงักลงอย่างตกใจ เมื่อได้ยินคุณพวกทอง

กัดฟันพูดเหมือนกับสำลักก้อนสะอื้นออกมาว่า

                “สันดานผู้ชาย! ใจดำเห็นแก่ตัว เลวยิ่งกว่าสัตว์!”

                แล้วคุณพวกทองก็ลุกขึ้นเดินกระแทกเท้าหนัก ๆ โดยเร็ว ลับเข้าไปใน

ห้องมืด ๆ ข้างใน คุณพุ่มแก้วมองตามด้วยสีหน้าสงบ แววตาแสดงความ

สมเพชอย่างลึกซึ้งเมื่อกล่าวตรงไปตรงมาตามนิสัยของเธอว่า

                “บ้านนี้มีผู้หญิงผัวทิ้งอยู่แล้วคนหนึ่ง เวลานี้เพิ่มผู้หญิงคู่รักทิ้งขึ้นมา

อีกคนหนึ่ง แต่รายนั้นเขายอมแพ้ เขาไม่สู้เก็บอัดมาไว้เป็นบ้าอยู่คนเดียว แก

ล่ะแม่แสนดี ยอมแพ้เขาหรือเปล่า?”

                แสนดีกัดริมฝีปากด้านในของตัวเองอีกครั้งหนึ่งคราวนี้ซ้ำรอยเก่าจน

หล่อนรู้สึกเจ็บ แต่ก็ยังไม่สาแก่ใจ เพราะความเจ็บนั้นยังไม่เทียบเท่ากับความ

เจ็บใจอันสาหัสลึกซึ้ง...แสนดีตอบด้วยเสียงเหมือนเค้นออกมาจากทรวงอกว่า

“ถ้าหนูยอมแพ้ หนูก็คงไม่มาจากเมืองนครดอกค่ะ”

พระท่านว่าความสุขอยู่ที่ใจนั้น ไม่มีผิดไปจากคำของท่าน

เมื่อแสนดียังเป็นนักเรียนรุ่นสาว แสนดีก็นอนในห้องแคบ ๆ มีเตียง

เหล็กและตู้เก่าๆรกๆอับอย่างนี้ แต่ในสมัยก่อนแสนดีมีความรู้สึกว่าหล่อนมี

ความสุข จนกระทั่งสิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องไม่สำคัญสำหรับหล่อน มา

บัดนี้แสนดีกลับอึดอัด และรู้สึกรำคาญความรุงรังรอบ ๆ กาย

หล่อนวางกระเป้าลงบนพื้นอย่างอ่อนใจ เปิดตู้ยืนไม้กรอบสลักลวดลาย

ซึ่งลวดลายนั้นหักแหว่งจนดูหาค่าไม่ได้ ภายในตู้รกด้วยผ้าห่มและหมอนเก่าๆ

เศษผ้า ถ้วยชามลายครามที่แตกหักชำรุดแล้ว และอะไรต่ออะไรอีกจิปาถะ

แสนดีถอนหายใจยาว ยังไม'มีแก่อกแก่ใจจะจัดจะ'รอ จึงเสือกกระเป้าเข้าไป

ใต้เตียงเหล็กเก่าๆไว้ก่อน

ความคิดของแสนดีวิ่งแล่นย้อนกลับไปยังบ้านเกิดของหล่อน กลับไป

หามารดาและบ้อง ๆ วาจาที่โต้ตอบกับมารดายังก้องอยู่ในหู...

‘แกจะเอาทิฐิผิด ๆ มาเป็นเครื่องตัดสินชีวิตของแกอย่างนั้นรึ แสนดี?

เกิดมาเป็นคนมันต้องพบกับความผิดหวังด้วยลันทุกคนนั่นแหละ คนโง่เท่านั่น

ที่ทำลายตัวเองเพราะความรัก’

แสนดีเถียงว่า

‘ใครบอกว่าหนูจะทำลายตัวเอง? หนูไม่อยากเป็นครูดักดานอยู่ที่นี่ อยาก

จะลองหันชีวิตของหนูไปทางอื่นบ้าง แม่จะใบ้หนูอยู่ให้ใคร ๆ เขาหัวเราะเยาะหนู

ว่าถูกผู้ชายทิ้งงั้นหรือคะ?’

‘มันไม่ใช่ความผิดของแก’

มารดาว่า แสนดียิ้มนิด ๆ อย่างขมขื่น

‘ค่ะ ไม'ใช่ความผิดของหนู แด'หนูก็อายเขา ใครๆ เขารู้ลันทั่วบ้าน

ทั่วเมืองว่าหนูลับราชิตเป็นคู่หนั่นลัน ข่าวราชิตแต่งงานลับลกสาวรัฐมนตรีก็

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024