น้ำตาดอกไม้ (นิดา)

น้ำตาดอกไม้ (นิดา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742533533
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 280.00 บาท 70.00 บาท
ประหยัด: 210.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“ตื่น โรบิน...ตื่นเสียทีสิ...” ฉันได้ยินเสียงแม่แร'ม่ง ร่างกายทุก

ส่วนสั่นสะเทือนรุนแรง ทีแรกฉันคิดว่าตอนนั้นกำลังฝืนไป ฝืนว่ากำลังว่าย

อยู่ในกระแสน้ำวนที่ลึกแสนลึกแทบว่าจะปราศจากก้นบึ้ง และตัวฉันกำลัง

พยายามตะเกียกตะกายพาตัวให้ผุดพ้นแอ่งน้ำสีดำนั้น แรงสั่นสะเทือนจาก

มือของแม่แต่ละครั้ง ทำให้คิดว่ากำลังจะตะกายโลดพ้นน้ำ มาทุกที

ฉันส่ง เสียงร้องครวญคราง

“เงียบๆนะ...” แม่ส่งเสียงข่มขู่ “เดี๋ยวตากับยายก็ตกใจตื่น;ขนมาหรอก

แล้วทีนี้ก็ไม่เป็นอันได้ทำอะไรกันละ...ให้ตายสิ โรบิน แม่บอกแกซ้ำแล้วซํ้าอีกว่า

เราจะต้องออกจากบ้านอันกี่โมง .แล้วนี่จะว่ายังไง กระเป๋าก็อังไม่ได้จัดเลยด้วยซํ้า”

ก็ถูกของแม่ กระเป๋าเดินทางของฉันยังเปิดอำวางอยู่บนพื้นหน้าเตียงนอน

นี่เอง มีเสื้อผ้ากองสุมอยู่สองสามชิ้น แม่บอกให้จัดกระเป๋าตั้งแต่เมื่อคืนก่อนเข้า

นอน สั่งแล้วสั่งอีกไม,ให้เอาอะไรไปมาก แต่นั้นก็เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจว่าจะ

เอาสิ่งไหนไป สิ่งไหนจะทิ้งไว้ที่นี่ แต่สำหรับสมบดของแม่ละก็ แม่จะเอาติดตัวไป

ตั้งหมด...

เรื่องก็คือว่า แม่กำลังจะเสียจากบ้านนี้ จะไปเป็นนักร้องลูกทุ่งมีชื่อมีเสียง

ก็ต้องแต่งตัวให้สวยเลิศล้ำอำไพกันหน่อย แม่จึงขนเอาเสื้อผ้า หมวก รองเทา

และเครื่องประดับประดามี รวมทั้งแผ่นเพลงที่กัดกันเองในบ้าน เป็นเสียงร้องเพลง

ของแม่ซึ่งแม่คิดว่า ล้าผู้กำกับฯ หรือผู้สร้างนักร้องแนวคันหรี่คนไหนได้ยินได้ฟัง

ก็จะรีบวิ่งมาขอเซ็นสัญญากับแม่กันเป็นทิวแถว

ก็ใช่ละ เราจะพากันไปอยู่ที่เมืองไหนได้ นอกจาก ‘แนชวิลล์’ นครแห่ง

เสียงเพลง

ฉันลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นประคองสองข้าแก้มแล้วตบเบาๆหลายๆครั้ง ทำ

เหมือนคุณตา เวลาที่ล้างหน้าโกนหนวดโกนเคราเสร็จแล้วใช้ยาหลังโกนหนวด

ทาไปทั่วบริเวณ

รู้สึกถึงความชาชืดที่สองข้างแกม ก็บอกได้ว่าผิวหนังยงไม่ตื่นชิ้นรับอรุณ

สมองก็นั่งแล่นข้าแสนข้า เหมือนไม่อยากทำงาน แม่ยืนมองดูฉันอย่างโกรธๆ

จมูกเล็กๆของแม่เชิดเหมือนเช่นทุกครั้งที่อารมณ์ไม่ปลอดโปร่ง แล้วแมกเหยียด

มุมปากออกจนสุดความกว้าง น่าประหลาดที่แม่มีริมฝีกปากเล็กและแคบมาก ไม่

สมกับความเป็นนักร้องที่สามารถแผดเสียงได้ดังก้องเท่าที่ต้อการได้เสมอ ทั้งๆที่

มีริมฝีปากเล็กบางถึงปานนั้นก็เถอะ ผู้หญิงสาว ๆ หลายคนกลับริษยาริมฝีปากของ

แม่ไปตาม ๆ กัน ถึงขนาดที่เพื่อนของแม่บางคนไปทำศัยกรรมเพื่อให้มีริมฝีปาก

เหมือนของแม่

ใคร ๆ พากนพูดว่าแม่กับฉันนั้นน่าจะเป็นพี่น้องกันมากกว่าแม่กับลูก เรา

มีรูปร่างเล็กบางกะทัดรัดเหมือนกัน ผมสีสนิมเหมือนกัน แล้วยังนัยน์ตาสีฟ้า...

เหล่านั้นเป็นประโยคที่แม่ชอบฟังแล้วก็เก็บมาชื่นชมต่อไปอีกนาน ตรงกัน

ข้ามกับประโยคที่แม่ไม่ชอบฟัง ก็คือเมื่อผู้มากล่าวอ้างว่าแม่มีลูกสาวที่โตเกือบ

เป็นสาวแล้วคนหนึ่ง...ก็คือฉันนี่แหละ พูดเสมอว่าไม,อยากไหใครรู้ว่าแม่มีลูก

แล้ว

แม่เพิ่งมีอายุครบสามสิบสองเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง ดูทำแม่จะกลัว ๆ อยู่

เหมือนกันว่านี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วละ ที่จะได้ก้าวชิ้นสู่ระดับนักร้องเพลงลูกทุ่ง

อย่างที่ใฝ่ฝัน

แม่จึงกำชับฉันเป็นหนักหนาว่าไม่ให้แสดงตัวเป็นลูกสาว ให้เป็นน้องสาว

คนเล็กก็แล้วกัน...ฉันอายุสิบหกปี ในขณะที่แม่พูดให้ใคร ๆ คิดว่าแม่นั้นอายุแค่ยี่สิบ

ปีกลางๆเท่านั้น...ไม่ยอม มีเลข ‘สาม’ นำหน้าเป็นอันขาด

แม่กับฉันสูงพอๆกัน คือประมาณห้าฟุตสิบนิ้ว แต่แม่ก็จะดูสูงเพรียวกว่า

เพราะรองเท้าของแม่ไมมีอื่นเลยนอกจากบู๊ตล้นสูงปรี๊ด แม่ชอบสวมกางเกงยืนสิ’ที่

คับติ้วยกสะโพกตลอดเวลาไม,ว่ากลางวันกลางคืน แม้เวลาที่ออกไปร้องเพลงตาม

บาร์ตามคลับสั่ว ๆ แถวชานเมือง แม่สวมเสื้อเชิ้ตแล้วรวบชายมาผูกไว้ที่สะเอว เวลา

เดินยักเยื้อง ปมที่ผูก,ไว้ก็'จะเผย'ไห้เห็นหน้าท้องลับๆล่อๆ ซึ่งแม่คิดว่าเป็นเสน่ห์

เย้ายวนใจชายดีนัก

หล่อนมองฉันอย่างที่เรียกได้ว่า ‘ตาด้าง’ แล้วจึงสะบัดหน้าหันหนีไปทางอื่น

พูดอะไรพึมพำกับตัวเองเป็นเชิงว่าเด็กวัยรุ่นทุกวันนี้ล้วนแล้วแต่ได้การไม่ได้ไปเสีย

ทั้งนั้น...

ก่อนที่จะถูกตำรวจจับได้น่ะ ฉันประหลาดใจเสียนักแล้วที่การกระทำของ

ฉันมันช่างง่ายดายเสียนี่กระไร ขโมยของมาได้อย่างสะดวกทั้งๆที่เครื่องจันขโมย

ก็มีอยู่ทั่วร้าน แต่มัน'เม,เคยล่งเสียงสัญญาณอันตรายเลยสักครั้ง ข้างพวกพนัก-

งาน'ขาย'ของก็เอาแต่คุยกัน ไม่สนใจไยดีเรื่องการลักเล็กขโมยน้อยแบบนี้กันสักคน

บางทีฉันเกิดความรู้สึกท้าทายถึง'ขนาดหยิบของใส่กระเป๋าเอาซึ่ง ๆ หน้า ก็ไม่ยักมี

ใครสังเกตเห็น บ่อยครั้งที่ฉันเอาของที่ขโมยมาได้ออกโยนทั้งไร้ขางถนนง่าย ๆ ยัง

รั้นเอง เพราะมันเป็นของที่ไม่สามารถนำมาใช้ที่บ้านได้ด้วยซ้ำ

พอเกิดเรื่อง ตาก็เล่นงานแม่เสียยกใหญ่ หาว่าเป็นแบบอย่างที่ไม,ดีสำหรับ

ฉันมาแต่ไหนแต่ไร แต่งเนื้อแต่งตัวก็ไม่เหมาะสม แล้วยังไปเที่ยวร่อนร้องเพลง

ตามสถานที่ที่...แม้แต่ผีมันยังไม่อยากไป

แล้วในที่สุด ตาก็จะส่งเสียงกราดเกรี้ยวดุด่ามาถึงฉันในฐานะที่เป็น ‘ตรา

บาป’

ยายเคยห้ามปรามไม่ให้ตาพูดจากราดเกรี้ยวแบบนั้น แต่ตาก็ยิ่งโมโหโกรธ

มากขึ้นอีกเป็นสิบเป็นร้อยเท้านึ่ง ตาพูดว่าเป็นการดีที่แม่ใช่ชื่อ ‘เคย แจ๊ค-

สัน’ เวลาไปร้องเพลงตามสถานบันเทิง เพราะแจ๊คสันเป็นนามสกุลของยายตอน

ที่ยังไม่ได้แต่งงาน

‘ใครๆจะได้ไม่รู้แกเป็นลูกเด้าเหล่าใคร ฉันเองก็จะได้แกล้งทำเป็นไม่รู้

เหมือนกันว่า นังนักร้องที่ชื่อเคย์ แจ๊คสันนี่น่ะมันเป็นใครกัน...’

‘ไม่ต้องแกล้ง พ่อก็ไม่รู้อยู่แล้วละว่าฉันเป็นลูกใคร’...แม่ลอยหน้าเถียงอย่าง

ไม่ลดละ ‘พ่อไม่เคยทำตัวเป็นพ่อ และไม่มีวันที่จะเป็น...คอยดูนะ สักวันหนึ่ง ฉัน

จะเอาเรื่องนี้แหละมาเขียนเป็นเพลง ใหัคนฟังกันทั้งโลกเลยเขียว’

‘โอ ลอร์ด...โอ ลอร์ด...’ ตาล่งเสียงสวดมนต์ภาวนาราวกับกำลังจะขับไล่

ภูตผีปีศาจ จะว่าไปตามจริงแล้ว ตาล่งเสียงด่าว่าโขมงโฉงเฉงไปยังรั้นเอง ไม,เคย

ลงไม้ลงมือกับแม่หรือฉันแม้แต่แปะเดียว อาจเป็นได้ว่าตาระวังในเรื่องนี้เป็นพิเศษ

เพราะตาเป็นผู้ที่มีร่างสูงใหญ่ และแข็งแรงกว่าอายุหกสิบห้าปีของตาเป็นอันมาก

ความแข็งแรงของตานั้น ฉันคิดว่าตาน่าจะอุ้มแกะใหญ่ๆสักตัว ด้วยการ

ออกแรงเพียงเล็กห้อย แล้วพาเดินไปไดไกลเป็นไมล์ๆ ด้วยซํ้า...

แม่ของฉันนั้น มีนิสัยรักสวยรักงามเป็นอย่างยิ่ง เวลาจะออกจากบ้านไป

ไหนๆ เธอจะแต่งตัวอย่างพีถีพีอัน มีหนำซ้ำยังอาบน้ำผสมน้ำหอมบ่อยๆ อ้างว่า

บ้านเราทำฟาร์มเลี้ยงแกะ กลิ่นสาบของสัตว์ไม่ว่าแกะหรือหมูอบอวลไปทั้งบ้าน ล้า

ไม่ใช้น้ำหอมกลบ กลิ่นตัวของแม่ก็คงเหมือนกลิ่นสัตว์พวกนั้นแน่นอน

เวลาที่แม่ใช้น้ำเปลืองแบบนั้น ตาก็จะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ถงขนาดยกกำปั้น

ทุบโต๊ะตัง เปรี้ยง ๆ

‘คอยดู...สิ้นเดือนจะเพิ่มค่าเช่าบ้าน...’

หลังจากที่แม่จบโรงเรียนมัธยม แม่ก็ไปทำงานที่ซูเปอร์มาร็เก็ตแห่งหนึ่ง

หลังทำงานก็ไปร้องเพลงตามบาร์เล็ก ๆ ร่วมกับเพื่อนนักดนตรีอีกสองคน เมื่อเห็น

ว่าแม่หาเงินได้ ตาก็เรียกเล็บค่าเช่าบ้าน ถึงแม้จะเป็นจำนวนเงินไม,มากมายอะไร

นัก แต่เงินเดือนที่แม่ได้รับจากซูเปอร์มาร์เก็ตก็แทบจะหมดพอดี

เมื่อเป็นเช่นนี้ แม่ก็ต้องทุ่มเทเวลาให้กับการร้องเพลงมากกว่าปกติ และ

ฉันก็แอบรู้ว่าแม่พยายามประหยัดเงินก้อนนี้ไว้สำหรับอะไรสักอย่างที่คงจะสำคัญ

ไม่น้อย...

คืนหนึ่ง แม่๓มาหาฉันในห้อง ปิดประดูเสียสนิทแน่นหนาแล้วยืนพิงประตู

บานนั้นไว้ สายตาที่มองดูฉันนั้นเต็มไปด้วยประกายวิบวับอย่างผู้ที่ประสบชัยชนะ

อะไรมาสักอย่าง

                “โรบินรู้ไหม เราจะพากันไปเสียจากไอ้บ้านบ้า ๆ นี่ด้วยกันคืนพรุ่งนี้นะ...”

เสียงของแม่แผ่วเนาเหมือนเสียงกระซิบ แต่กระแสเสียงและการเน้นคำพูดประโยค

สำคัญนั้นออกมาก็ทำให้ฉันได้ยินถนัด

“อะไรนะ แม่...เราจะไปไหนกัน...”

“ฉันหางาน'ที่แนชัวิลล์ใดไแล้วละ โรบิน...” แม่กระซิบกระซาบต่อไป “แม่

จะไปร้องเพลงกับวงดนตรีเล็กๆ มีด้วยกันแค่สามคนเท่านั้นแหละ เล้าของวงชื่อ

คอรี่ เลวิส เขาเป็นมือกลองด้วย แล้วก็มีเพื่อนอีกสองคน ทีนี้เขาเกิดขาดนักร้อง

ขึ้นมา คอรี่ก็เลยติดต่อมา...ตอนที่อยู่โรงเรียนมัธยมน่ะ เขากับแม่เคยเป็นแฟน

กันมาด้วยนะ...”

“แล้วนักร้องประจำวงของเขาไปไหนเสียล่ะ แม่?” ฉันถาม

“ก็หนีตามไอ้นายหน้าขายรถไปน่ะซี เห็นว่าจะไปเบฟเวอร์ลี่ ฮิลส์ด้วยกัน

โน่นแน่ะ แต่ฉันว่าคงไปไม่ถึงหรอก รถคงยางแตกเสียนัดครึ่งทางกระมัง แต่นั่น

ก็ช่างหัวมันเถอะ เราไม่ต้องไปสนใจไยดี ถือเสียว่ามันกลายเป็นโข'คดีของเราก็

แล้วกัน วงของเราน่ะเล่นอยู่ในบาร์ที่มีพวกเจ้าของค่ายเพลงไปนั่งฟังกันอยู่เป็น

ประจำเชียวนะ...”

“แนชวิลล์...” ฉันพึมพำ “แนชวิลล์เชียวเหรอ แม่...”

“รักจะเป็นนักร้องคันทรี่น่ะนะ...” แม่ทำเสียงโอ่ “ถ้าไม่ให้ถึงแนชวิลล์ละก็

...เป็นไม่มีทางเกิดหรอก โรบิน แต่ไม่ต้องมามัวถามโน่นถามนี่อยู่เลย รีบๆเก็บ

ของใส่กระเป๋าเสียเร็ว ๆ ดีกว่า แล้วก็อย่าทำเสียงโครมครามล่ะ เดี๋ยวก็รู้กันไปทั่ว

เมืองหรอก”

แม่มีรถโฟล์กเต่าเก่าแก่สีเหลืองจ๋อยอยู่คันหนึ่งหนึ่ง สภาพของรถยาแย่เต็มประดา

ห้องรถก็มีสนิมขึ้นกรังจนเป็นรู เวลานั่งไปแล้วก้มลงมองก็จะเห็นพื้นถนนได้ทีเดียว

“แม่..เขาว่าไอ้เมืองแนชวิลล่นนน่ะมันอยู่ไกลไม่ใช่เหรอ?” ฉันถามอย่างกังวล

“ก็แกมนไม่สนใจเรียนหนังสือน่ะซี โรบิน...” แม่กลับหันมาทำเสียงเบื่อ ๆ

“ไม่งั้นก็จะรู้หรอกว่า แนชวิลล์นั่นมันอยู่ห่างจากบวันเราแค่สี่ร้อยไมล์เท่านั้นเอง...”

แล้วแม่ก็ทำนัยน์ตาเคลิ้ม

“แต่ในฝันของแม่น่ะมันอยู่ไกลตั้งล้าน ๆ ไมล์เชียวนะ”

“ถึงยังงั้นก็เถอะ” ฉันกังไม,คลายกังวล “แล้วแม่ว่าไอ้รถตัดหญ้าสีเหลือง

ของแม่น่ะ จะพาเราไปถึงจริง ๆ เหรอ?”

“โอย ตายแล้ว...” แม่ร้องอย่างลิ้นความอดทน “ทำไมถึงปากเสียขนาด

นั้นน่ะ จะบอกให้นะ ถึงกังไงเราก็จะไปให้ถึงจนได้หรอก ตอนนี้ไม่ต้องพูดอะไร

แล้ว เดี๋ยวตาก็ตื่นขึ้นมาหรอก...”

“แล้วเราจะไปอยู่ที่นั้นนานสักแค่ไหนล่ะ แม่...” ฉันถามอีก

“ตายจริง นี่กังไม,เข้าใจอีกรี...” แม่ร้อง “เราไปแล้วไปสับย่ะ ไม่มีวันจะ

หวนกลับมาอีกหรอก ที่จริงน่ะ ฉันก็ไม่อยากเอาแกไปด้วยนักหรอก แต่ไม่รู้จะ

ทิ้งไว้ยังไง ตากับยายแก่มากแล้ว ไม่มีทางจะดูแลอบรมแกได้หรอก ยิ่งถ้าแก

ชอบมีเรื่องเดือดร้อนมาไหไม่เว้นแต่ละวันแบบนี้ด้วยน่ะ...”

“แล้วทำไมแม่ถึงต้องไปล่ะ...” ฉันถามอีก

“มันเป็นโอกาสสุดท้ายของฉันน่ะซี ถ้าไม่ไป ก็หมายความว่าหมดสิ้นทั้ง

หมดไม่ว่าความหวังหรือความฝัน ไอ้เรื่องที่จะให้นั่งแหกปากร้องเพลงอยู่แต่ที่บาร์

สั่ว ๆ บ้านเราทิ้งปีทิ้งชาติน่ะ ฉันไม่เอาแล้ว...เบื่อจะตายอยู่แล้วรู้''

จากนั้นแม่ก็บ่นว่าเรื่องการคบเพื่อนของฉัน การที่ฉันไม่ค่อยจะใส่ใจใน

การเรียนสักเท่าไร

“ไปให้พ้นๆพวกเพื่อนๆเสเพลของแกเสียทีน่ะดีแล้วละ...” แม่ว่า “ไม่ต้อง

ไปคิดถึงคะนึงหาอะไรกันหรอก คบกันมีแต่พากันไปหาเรื่องยุ่งยาก...”

แม่กำชับฉันเรื่องไม่ให้ทำเสียงหนวกหูให้ตากับยายตื่นขึ้นมาชักถามให้เรื่อง

แตก นั่นแสดงว่าแม่ยำมีความกลัวเกรงล่าของฉันอยู่ไม่น้อย ข้างฝ่ายฉันก็อด

คิดถึงยายไม่ได้เช่นกัน ถึงอย่างไร ยายก็เป็นที่พึ่งสำหรับเราแม่ลูกมาแต่ไหน

แต่ไร เมื่อฉันยังเล็กๆอยู่ ยายก็ต้องคอยดูแลทำโน่นทำนี่ให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

เวลาที่แม่ต้องทำงานล่วงเวลาที่ซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วบังต้องไปร้องเพลงที่บาร์จนดึก

จนตื่น ที่สำคัญก็คือ ยายเป็นลนทำงานบ้านเกือบทั้งหมดรวมทั้งการทำอาหาร

สำหรับทุกคน...    

แม่ออกไปจากท้องแล้ว ฉันก็เข้าห้องน้ำแล้วออกมาจัดการเก็บของลงกระเป๋า

จนเสร็จเรียบร้อย เสื้อผาของฉันมีไม,มากนัก และแมกสัญญาว่าเมื่อไปถึงแนชวิลล์

แล้ว จะซื้อหาเสื้อผ้าใหม่ ๆ อีกหลายชุด เพราะแม่จะมีงานดีๆทำ และมีรายได้

มากขึ้นเป็นกอบเป็นกำ

ฉันไม่อาจนี้ปฏิเสธได้ว่าแม่ไม่ใช่นักร้องที่มีเสียงไพเราะน่าฟัง อีกทิ้งมีรูปร่าง

หน้าตาสวยงามเวลาที่ปรากฏตัวบนเวที ทำมกลางแสงสี แต่การที่แม่จะได้เซ็น-

สัญญากับค่ายเพลงใหญ่ ๆ ได้อัดแผ่นนับแสนนับล้านแผ่นนี้นออกจะดูไกลเกินความ

ฝันของแม่ไปมากโขกระมัง

แต่ฉันไม่ได้พูดเช่นนั้นกับแม่หรอกนะ ล้าขืนพูดไป แม่จะโกรธเสียยิ่งกว่า

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024