365 วันพลิกชะตารัก (ชุด Valentine's design of love)
ประหยัด: 45.15 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 7 รายการราคา 49.00 บาท - 110.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
สามร้อยหกสิบห้าที่ว่ากำลังผ่านไป
หัวใจฉันจะต้องระหกระเหินไปถึงไหน
สามร้อยหกสิบห้าราตรีจากนี้ไป...ฉันจะอยู่ได้อย่างไร...
ถ้าปราศจากเธอ
บทนำ
ทั้งๆ ที่ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวย่างเข้าฤดูร้อนแท้ๆ แต่ฝนกลับตกกระหน่ำไม่ขาดสาย ยิ่งเข้าใกล้เทศกาลวาเลนไทน์อย่างนี้แล้วด้วย คนที่รอวันแห่งความรักอย่างฉันนี่ถึงกับเซ็งไปเลยทีเดียว เพราะอะไรน่ะรึ นั่นก็เป็นเพราะว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันที่ฉันจะได้รับของขวัญจากผู้ชายมากหน้าหลายตาที่หน้าตาไม่ได้คล้ายพ่อฉันหรือญาติผู้ชายแต่อย่างใด แต่เป็นใครก็ไม่รู้ที่มาหลงรักฉันกันมากมายน่ะสิ การได้รับความรักนี่เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขที่ซู้ดดด
โดยเฉพาะของฟรี
และไม่ว่าฝนจะตกเพียงใด แต่โลกทั้งใบของฉันก็กลายเป็นสีชมพูไปแล้วเพราะคนที่เดินเคียงข้างฉันตอนนี้คือชายหนุ่มรูปงามที่ใครๆ ต่างก็หมายปอง เขาดังมากในไดอารี่ออนไลน์ มีแฟนคลับมากหน้าหลายตา ซ้ำยังเป็นที่ใฝ่ฝันของสาวๆ หลายคนในโรงเรียนของเขา แต่ทว่า...เขากลับมาบอกรักฉัน แน่นอน...การมีรักต่างโรงเรียนมันเป็นเรื่องยาก ถ้าไม่ใช่รู้จักจากที่เรียนพิเศษก็ต้องมีชะตาต้องกันอย่างจริงจัง แต่เขา...เขามาบอกรักฉันผ่านไดอารี่ โฮ่ๆๆ
ไม่ๆๆ...อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้หาแฟนทางอินเตอร์เน็ตเหมือนที่สาวๆ มากมายชอบทำนะ และถึงแม้จะเป็นอินเตอร์เน็ตแต่นี่ก็เป็นการค้นพบรักแท้ผ่านไดอารี่ที่เราได้เห็นทั้งหน้าตาและมุมมองทางความคิดของเขา เป็นไงล่ะ ฉันมีทัศนคติที่ดีใช่มะ อิๆ
แต่ในขณะที่ฉันกำลังเดตกับป๊อบไอดอลผู้โด่งดังที่รู้จักผ่านไดอารี่อยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้นมาตอนที่ฉันกำลังโม้เรื่องตัวเองให้ผู้ชายตรงหน้าฟัง นั่นทำให้ฉันหงุดหงิดยิ่งนัก และเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาก็ยิ่งทำให้ฉันหงุดหงิดมากกว่าเดิม
“มีอะไรอัคคี ฉันกำลังยุ่ง!”
(ฉันมีเรื่องสำคัญน่ะสายน้ำ เธอว่างหรือเปล่า ออกมาเจอกันได้มั้ย)
“หูหนวกหรือไงเนี่ย ก็เมื่อกี้ตอนรับสายฉันก็บอกไปแล้วนี่ว่ากำลังยุ่ง!”
(...)
ความเงียบของเขาทำให้ฉันไม่สบายใจ ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทุกครั้งที่คุยกับอัคคี ฉันจะต้องหงุดหงิดใส่ทุกทีไปทั้งๆ ที่เขาก็เป็นเพื่อนที่ดีแสนดีของฉัน หรืออาจเป็นเพราะฉันมักจะเอาแต่ใจเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา มันก็เลยเกิดเป็นความเคยตัวเสียล่ะมั้ง
“เอ่อ ก็ได้ ต้องตอนนี้เลยเหรอ”
(ตอนไหนก็ได้ แต่อยากให้เป็นวันนี้)
“ได้ รอสักสองชั่วโมงก็แล้วกัน นายมาหาฉันที่เก่าเวลาเดิม ถ้าเรื่องไม่สำคัญล่ะก็...นายตายแน่!”
ฉันวางสายก่อนจะรีบปั้นหน้าให้เป็นนางเอกอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ฉันพยายามเป็นนางเอกมาแล้วทั้งวัน แต่ดันมากลายเป็นนางมารร้ายเอาตอนที่นายอัคคีโทรมาเนี่ยแหละ คู่เดตแสนฮอตนามว่าเปโซจะมองฉันเป็นคนยังไงนี่
“เปโซ วันนี้ฉันต้องขอตัวกลับเร็วนะ บังเอิญมีธุระ”
“เพราะโทรศัพท์เมื่อกี้น่ะเหรอ”
“ใช่ๆ ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
เปโซยิ้มให้ฉันอย่างไม่คิดอะไรมาก
“จะเป็นอะไรได้ยังไงในเมื่อติดธุระจริงๆ...แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย”
“แน่นอนที่สุด”
“ถ้าอย่างนั้น...วันวาเลนไทน์เลยเป็นไง น่าตื่นเต้นดีนะ”
ฉันทำเป็นเขินเอียงอายพร้อมส่ายหัวไปมาให้ดูมีจริตจะก้าน (ส่ายทำไม)
“ได้ ไว้เราเจอกันวันวาเลนไทน์”
และเมื่อแยกกับคู่เดตสุดหล่อได้ปุ๊บ ฉันก็ต้องรีบเร่งเดินทางมาหาอีตาเพื่อนที่บอกว่าอยากเจอฉันนักหนาเพราะมีเรื่องสำคัญจะคุย ไม่อยากจะบอกว่านายอัคคีนี่หน้าเหมือนแมวผสมหมาจริงๆ นะ เอ่อ ฉันไม่ได้บอกว่าเขาน่าเกลียดหรอกนะ แต่เขาชอบทำตัวมอมแมมหรือเรียกง่ายๆ ว่าเซอร์จนเกินไปน่ะ ผิดสเป็กของฉันมาก ดีนะที่เป็นแค่เพื่อนกัน สงสัยจัง...ใครมันจะยอมไปเป็นแฟนคนอย่างหมอนั่นได้
และเมื่อมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเรือติดแอร์ที่เราชอบมากินบ่อยๆ ตั้งแต่สมัยเรียนประถมจนนี่จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ยังไม่เลิกมา ฉันก็เห็นอัคคีนั่งเหม่อมองไปยังรูปภาพโฆษณาเครื่องดื่มที่มีเชียร์ ทิฆัมพรส่งยิ้มหวานทำเอาฉันต้องตบโต๊ะเพื่อเรียกสติเพื่อนให้กลับมาก่อนจะเคลิ้มมากไปกว่านี้
“นายนัดฉันเพื่อมาดูนายเหม่อมองนางเอกโฆษณาน้ำอัดลมเนี่ยนะ”
“อะไรกัน ฉันแค่มองเชียร์เพราะเขายิ้มสวยดีแค่นั้นเอง ไม่ได้เหม่ออย่างที่เธอโอเวอร์สักหน่อย”
“นายมีอะไรก็ว่ามา ฉันมีธุระต่อ”
...เพราะฉันต้องกลับไปนอนเอาแรงเนื่องจากเหนื่อยเพราะเดตมากเลย
“อ้าวเหรอ โอเคๆ ฉันใช้เวลาไม่นานหรอก นั่งก่อนสิ”
ฉันนั่งลงพร้อมโบกมือเรียกคนขายเพื่อสั่งเส้นเล็กน้ำตก อันที่จริงฉันชอบกินอะไรแบบนี้มากกว่ากินในร้านอาหารหรูๆ ที่เปโซพาฉันไปเลี้ยงอีกนะ แต่ทำไงได้...เพื่อจะเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกดี ฉันก็จำเป็นต้องเข้าร้านหรูๆ เพื่อเสริมสร้างออร่าให้ผู้คนบนโลกนี้รับรู้ โฮ่ๆๆ
“บอกมาว่ามีอะไรกันแน่ ถ้าไม่สำคัญล่ะก็ นายตายแน่”
“ฉันมีของสำคัญจะให้น่ะ”
“อะไร”
“นี่”
อัคคีส่งเหรียญบางอย่างมาให้ฉัน เมื่อมองดูของสิ่งนั้นแล้วฉันก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“เหรียญอะไรน่ะ”
“เหรียญที่ฉันชนะการแข่งขันคณิตศาสตร์ไง”
“แล้ว?”
“ให้เธอ”
“อย่าบอกนะว่าเรื่องสำคัญที่นายเรียกฉันมาถึงที่นี่ เรื่องที่ทำลายการเดตอันสวยงามของฉัน นายเรียกฉันมาเพื่อมอบเหรียญบ้าๆ นี่ให้อ่ะน่ะ”
“นี่เธอกำลังเดตอยู่หรอกเหรอสายน้ำ”
“ใช่สิ! เดตกับไอดอลสุดฮอตและป๊อบมากด้วย” พอพูดถึงแล้วฉันก็อดไม่ได้ที่จะบรรยายถึงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าเพื่อน “ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นคนพูดจาดี เสียงไพเราะ แถมดูมีเงินจนน่าตกใจ ตั้งแต่เดตกับผู้ชายมาฉันว่าเขาดูดีมากกว่าใครๆ เลยนะ”
“หระ...เหรอ”
“ใช่! แล้วนายก็เรียกฉันมาเพียงเพื่อจะให้เหรียญแทนที่ฉันจะได้เดตอย่างสวีตวี้ดวิ่วต่อ โธ่เอ๊ย ถ้ารู้ว่าจะให้เหรียญสับปะรังเคนี่ล่ะก็ ฉันไม่มาให้เสียเวลาหรอก!”
ฉันโยนเหรียญไปบนโต๊ะอาหารจนมันกลิ้งและหมุนบนโต๊ะราวๆ สามรอบก่อนจะแนบลงกับพื้นโต๊ะ อัคคีมองเหรียญนั่นด้วยสายตาที่ฉันไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก แต่มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ยังไงพิกล
“ทำไมนายต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วย”
“เปล่า”
“เปล่าอะไรกัน ก็นายทำอยู่นี่!” ฉันถอนหายใจแรงๆ ครั้งหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเหรียญนั่นมาใส่กระเป๋าถือ “พอใจหรือยังล่ะ เลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้ว เห็นแล้วรำคาญ!”
“ขอบคุณนะ”
“มีแค่นี้ใช่มั้ย ฉันกลับล่ะ ง่วง!”
“ไหนว่ามีธุระต่อไง”
“ธุระของฉันคือการนอนย่ะ แล้วนายก็กลับบ้านดีๆ ล่ะ เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว”
ฉันลุกขึ้นเตรียมจะเดินกลับออกไป แต่อัคคีก็รั้งเอาไว้ก่อน
“แล้วก๋วยเตี๋ยวที่เธอสั่งล่ะ”
“เออเนาะ”
นั่นก็เลยทำให้ฉันต้องนั่งลงเพื่อรอกินอาหารที่สั่งก่อน และเมื่ออาหารมาถึง ฉันก็ซดเข้าปากอย่างมูมมาม มองดูแล้วไร้ชาติตระกูลยิ่งนัก ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ฉันถึงไม่มีมารยาทเลยนะ
“ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอด้วย”
“ยังมีอีกเหรอ ว่ามา แง่มๆๆ”
“ฉันแอบรักเธอมาตั้งนานแล้ว”
พรวด!
ฉันพ่นเส้นเล็กในปากออกมาอย่างตกใจก่อนจะไอค่อกแค่กๆ ด้วยความแสบคอเพราะสำลัก อัคคีกุลีกุจอหยิบทิชชูพร้อมส่งน้ำให้ฉันดื่มแล้วช่วยลูบหลังเพื่อให้ฉันสบายขึ้น แต่ฉันปัดมือเขาออกอย่างโมโห
“แค่กๆ พูดบ้าอะไรออกมาน่ะ!”
“ฉันพูดจริงๆ”
“แต่เราเป็นเพื่อนกันนะ ไม่เห็นมีวี่แววว่านายจะชอบฉันมาก่อนเลยนี่”
“เธอโกรธเหรอ”
“ใช่! โกรธมากด้วย โกรธที่นายมาบอกฉันตอนกำลังกินก๋วยเตี๋ยวใส่พริกเท่าภูเขา ฮึ่ย! แอบรักฉันมาตั้งนาน ถุย! พูดออกมาได้ ถ้าแอบรักมานานแล้วเพิ่งมาบอกอะไรป่านนี้ยะ”
“จริงๆ ฉันก็ไม่คิดจะบอกหรอก ก็ตั้งใจจะให้เป็นความลับตลอดไป”
“แล้วมาบอกฉันทำไมกัน!”
“ฉันกลัวว่าพอกลับมาแล้วเธอจะชิงมีแฟนไปก่อน แล้วอีกอย่างถ้าบอกตอนนี้...เธอจะได้รู้ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ และลองคิดเรื่องฉันใหม่”
ฉันไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูดเลยนอกจากที่บอกว่า ‘ฉันกลัวว่าพอกลับมาแล้ว’ ซึ่งมันทำให้ฉันสะดุดใจอยู่ไม่น้อย
“นายพูดเหมือนว่ากำลังจะไปไหนน่ะ”
“ใช่ ฉันกำลังจะไป”
“ไปไหน”
“ฉันได้ทุนจากรัฐบาลไปเรียนต่อที่อเมริกา...จะไปวาเลนไทน์นี้”
สิ่งที่อัคคีบอกทำให้ฉันหัวเสียอย่างบอกไม่ถูกจึงหยิบชามก๋วยเตี๋ยวที่ใส่พริกเต็มที่นั่นสาดเข้าหน้าเขาไปอย่างจัง เล่นเอาคนทั้งร้านมองฉันอย่างตกใจ...รวมทั้งอัคคีด้วย
ส่วนตัวฉัน...ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงได้ขนาดนี้ เพื่อนที่อยู่กับฉันมาตั้งแต่ประถม ไม่ว่ามีอะไรฉันก็คุยกับเขาตลอด เรื่องการเรียนนี่ไม่ต้องพูดถึง ถ้าฉันไม่ทำการบ้าน เขาก็จะทำให้แล้วเขาก็ยังช่วยเก็งข้อสอบให้ฉันอีกด้วย ไม่ว่าอะไรก็ทำให้ตลอด แต่ตอนนี้...คนที่เคยเป็นเหมือนมือเหมือนเท้าให้ฉันกลับมาบอกอย่างสายฟ้าแลบว่า...
...เขาจะจากฉันไป
บ้าที่สุดเลย!
“นายจะไปตายที่ไหนก็ไปเลย ไม่เห็นจำเป็นต้องมาบอกฉัน สิ่งที่นายบอกมันไร้สาระมาก รักฉันอย่างนั้นเหรอ เรียนต่ออย่างนั้นสิ ให้เหรียญมาเพื่อเป็นที่ระลึกและทำให้ตัวเองดูดี เฮอะ!”
“เธอเป็นอะไรน่ะสายน้ำ ทำไมต้องมาสาดก๋วยเตี๋ยวใส่ฉันด้วย”
“ฉันบ้าไปแล้วมั้ง! ต่อไปนี้ไม่ต้องมาสนใจกันอีกแล้ว ต่อให้นายรักฉันมากเท่าไหร่ฉันก็ไม่เอา! คนที่ไม่มีอะไรดีเลยนอกจากสมองที่เรียนดีอย่างนายใครเขาจะอยากได้ ทำตัวก็สกปรกมอมแมมเป็นหมา บ้านก็จน นายเห่ยมาก ไปเถอะ ไปเรียนเมืองนอกเพื่อชุบตัวให้ตัวเองดูดี กลับมาแล้วฉันอาจจะหลงรักนายก็ได้!”
“...”
“หรือไม่ก็ไปแล้วไปลับไม่ต้องกลับมาอีกเลย ไป!”
ฉันเดินออกมาจากร้านโดยไม่แม้แต่จะควักเงินจ่าย ชิ ดีเหมือนกันในเมื่ออัคคีอยากทำให้ฉันโมโห เขาก็ควรจะตอบแทนค่าโมโหของฉันด้วยการจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยว! (แหม แพงมากจริงๆ เลยนะยะ) แต่การที่ฉันสาดก๋วยเตี๋ยวใส่หน้าเขานี่มันแรงเกินไปหรือเปล่านะ แต่ช่างเถอะทำไมฉันต้องไปแคร์คนอย่างนั้นด้วย ในเมื่อเขาอยากทิ้งให้ฉันอยู่เมืองไทยอย่างแสนเหงาและเปล่าเปลี่ยว เขาก็ควรจะได้รับการลงโทษอย่างสาสม ใช่ว่าฉันมีเขาเป็นเพื่อนคนเดียวเสียเมื่อไหร่
ฉันหาผู้ชายได้เยอะแยะไป เชอะ!
เจ็ดวันหลังจากนั้น
วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 25x2
วันนี้คือวันที่ทั้งโลกมีแต่สีชมพู เป็นวันที่ฉันเฝ้ารอที่จะได้รับของพิเศษจากผู้ชายมากหน้าหลายตาที่บางคนก็รู้จัก บางคนก็ไม่รู้จัก แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อมาโรงเรียนฉันก็ได้รับดอกไม้มากมาย (ดีใจด้วย นานๆ นางเอกของเจ้าปลาน้อยจะหน้าตาดีนะ) แต่คนที่ฉันแอบมีความหวังเล็กๆ ว่าเขาจะเอาของมาให้...อย่างน้อยก็เป็นการง้องอนฉันบ้างหลังจากเจ็ดวันที่ผ่านมาเขาไม่แม้แต่จะติดต่อฉันด้วยซ้ำ...หยิ่งนักนะอัคคี!
“เป็นอะไร หน้าหงอยเป็นตูดทั้งๆ ที่เพิ่งได้รับของมากมายแท้ๆ”
เทียนไข...เพื่อนสาวอารมณ์ดีที่วันนี้ก็ได้ของมามากมายเหมือนกัน (แต่น้อยกว่าฉัน ไม่ได้หรอก ใครห้ามเด่นกว่า อิๆ) เอ่ยทักทำให้ฉันต้องรีบฉีกยิ้มเพราะไม่อยากแสดงพิรุธมากนัก
“ฉันหงอยตรงไหน หน้าฉันเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความอารมณ์ดีเพราะได้ของเยอะแยะมากมาย นี่แกไม่เห็นตีนกาฉันเลยเหรอยะ”
“ถ้าเธอไม่ฉีกยิ้มก็ไม่เห็นเหมือนกันนะนี่”
“ปูทางให้ก็ขี่แพะไล่ทันหมาหน้าปากซอยเหมือนกันนะแกนี่ ชิ”
“ล้อเล่นน่า แกก็ยังคงสวยและน่ารักไม่ด้อยไปกว่าใคร...แต่น้อยกว่าฉัน”
นิสัยเหมือนฉันอีกด้วย
“แต่แกหน้าบูดจริงๆ นะ อ้อ เป็นเพราะอัคคีใช่มะ”
“ทำไมฉันต้องหน้าบูดเพราะไอ้คนกะโปโลอย่างนั้นด้วย”
“แหม แกก็พูดไป ฉันว่ามองดีๆ เขาก็หล่อนะเว้ย หน้าใสกิ๊งออกอย่างนั้น แค่ไม่ชอบหวีผมแล้วก็ชอบใส่แว่นน่าเกลียดๆ ที่เหมือนขโมยคุณตาใส่แค่นั้นเอง เสียดายเนอะ ฉันยังไม่ได้ล่ำลาเขาเลย”
เทียนไขทำหน้าเศร้าจับใจจนฉันหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
“ทำไมแกต้องทำหน้าอาลัยอาวรณ์ขนาดนั้นด้วย ขนาดฉันเป็นเพื่อนสนิทของหมอนั่นแท้ๆ ยังไม่รู้สึกอะไรเลย”
“แต่แกเข้มแข็งกว่าที่ฉันคิดจริงๆ นะ ขนาดเขาบินไปแล้วแกยังแค่ทำหน้าบูด ถ้าฉันเป็นเพื่อนสนิทของเขาเหมือนแกคงร้องไห้ขี้มูกโป่ง และวันนี้ฉันก็ไม่มีทางมาเรียนหรอก ยังไงซะก็ต้องไปส่งเขาที่สนามบิน”
ตุ้บ
ของที่ฉันได้รับมาวันนี้ทั้งหมดร่วงกราวจากมือลงไปที่พื้น รู้สึกหูอื้อตาลายอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่เสียงตะโกนตกใจของเทียนไขก็ยังไม่ทำให้ฉันสะดุ้งได้
“เฮ้ย ของตกหมดแล้ว แกทิ้งทำไมเนี่ย”
“แกว่ายังไงนะ”
“บอกว่าของตกหมดแล้ว”
“ไม่ใช่! อัคคีน่ะ เขาไปแล้วเหรอ!”
“เออสิ เขารู้กันหมดแหละว่าอัคคีขึ้นเครื่องตอนหกโมงเช้า เพื่อนห้องเขาก็พากันไปเลี้ยงล่ำลาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว! ที่ฉันรู้ก็เพราะเพื่อนห้องวิทย์ฉันบอกมาน่ะนะ เอ๊ะ อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้ว่าเขาไปวันนี้น่ะ”
“ฉันรู้ว่าเขาไปวันนี้”
“แล้วแกช็อกทำไมน่ะ”
“ฉันช็อกที่ไม่รู้ว่าเขาจะไปตอนหกโมงเช้า ทำไมไอ้บ้านั่นไม่บอกอะไรฉันเลย!”
“เฮ้ย แกจะไปไหนน่ะ”
“ฉันจะปีนกำแพงโดดเรียน”
“ทำไมต้องปีนกำแพงด้วย”
“ถ้าไม่ปีนจะออกไปสนามบินได้ยังไงล่ะ!”
“ฉันหมายถึงปีนออกไปทำไม ปีนไปเขาก็ไปถึงอเมริกาแล้ว กัปตันเครื่องบินคงไม่ใจดีบินกลับมาเพื่อให้แกไปล่ำลาเขาที่สุวรรณภูมิหรอกนะ”
“ฉันจะทำยังไงดีล่ะ...” จู่ๆ น้ำตามากมายก็ไหลออกมา ฉันยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วมองที่ฝ่ามือตัวเองอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมเขาไม่บอกฉันสักคำว่าจะไปเมื่อไหร่ ยังไง กี่โมง นี่เขาโกรธฉันเหรอ”
“ทำไมเขาต้องโกรธแกล่ะ”
“ฉะ...ฉัน...”
ฉันไล่เขา...ฉันด่าเขาไปตั้งเยอะแน่ะ บางทีที่เขาไม่ยอมบอกก็อาจเป็นเพราะโกรธฉันมากก็ได้ ฉันทิ้งของที่ได้มาทั้งหมดกองไว้ตรงนั้นแล้วเดินเหมือนคนไร้วิญญาณไปตามทางโดยไม่รู้ว่าสติของตัวเองได้บินตามอัคคีไปอเมริกาด้วยหรือเปล่า
คนอย่างหมอนั่น! กล้าดียังไงถึงมามีอิทธิพลกับคนอย่างฉัน! อยากจะไปไหนก็ไปสิ ฉันไม่สนนายหรอก ฉันก็มีชีวิตของฉัน และฉันอยู่ได้แน่ๆ ถ้าไม่มีนาย!
เมื่อคิดได้อย่างนั้นฉันก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมจะกดไปหาเปโซเพราะเรานัดกันเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเจ็ดวันที่แล้ว แต่จังหวะเดียวกันนั้นก็มีสายเข้ามาพอดี และมันก็เป็นเบอร์โทรศัพท์ของบ้านอัคคีนั่นเอง ฉันรีบกดรับโดยลืมไปเลยว่าตั้งใจจะโทรหาใคร
“นี่นายยังไม่ได้ไปใช่มั้ย ฉันว่าแล้วว่านายจะต้องอาลัยอาวรณ์ฉันจนไปไม่ได้ ก็นายแอบรักฉันนี่นา ฮ่ะๆๆ”
(สายน้ำ นี่ป้าเอง)
“อุ๊ย คุณป้า” ฉันรีบปรับน้ำเสียงถือดีของตัวเองเป็นมีมารยาทอย่างยากจะหาผู้ใดเปรียบ “สวัสดีค่ะ”
(...)
“ฮัลโหล”
(น้ำ...ฮึก...น้ำ...ลูก...)
“คุณป้าขา คุณป้าร้องไห้ทำไมคะ” ฉันพอจะจับน้ำเสียงของแม่อัคคีได้ว่ากำลังร้องไห้จึงรีบถามออกไปด้วยความตกใจ “ทะเลาะกับคุณลุงหรือคะ หรือว่าคิดถึงอัคคี”
(น้ำ...อัคคีจะไม่กลับมาอีกแล้ว ป้าจะทำยังไง ป้าจะทำยังไงดี)
“ทำไมเขาถึงจะไม่กลับมาล่ะคะป้า เขาไปเรียนไม่กี่ปีก็กลับแล้วนี่”
(เขาจะไม่กลับมาอีกแล้ว...เพราะเขาตายแล้ว)
“คะ?”
(เขาตายแล้ว เครื่องบินตกเพราะห้องเครื่องระเบิดและดิ่งลงทะเล จากรายงานผู้เสียชีวิต...เขาแจ้งมาแล้วว่าอัคคี...ไม่อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว)
1
นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว หรือนับเป็นจำนวนวันก็เท่ากับสามร้อยหกสิบห้าวัน สามร้อยหกสิบห้าคืน
จำนวนวันเหล่านั้นคือวันที่ฉันเอาแต่เศร้าโศกเสียใจจนไม่เป็นอันทำอะไร จนกระทั่งวันนี้...ครบหนึ่งปีแห่งการจากไปของอัคคี ฉันยืนอยู่หน้าโกศเก็บกระดูกของเขาแล้วมองภาพถ่ายขาวดำซึ่งเป็นภาพถ่ายสองนิ้วในชุดนักเรียน ที่ต้องใช้ภาพนี้คงเป็นเพราะอัคคีไม่เคยถ่ายรูปแบบอื่นเลยนอกจากรูปที่จำเป็นเพื่อใช้ติดเอกสารการติดต่อเรื่องเรียนเท่านั้น ฉัน
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
รีวิว (2)

23/02/2015
365 วันพลิกชะตารัก ในตอนนั้นถือเป็นนิยายที่แหวกแนวมาก ก็เพราะว่ามันเป็นนิยายทางเลือก แบบอ่านๆไปจะมีช้อยส์ให้เลือก แล้วการเลือกช้อยส์ที่ต่างกันก็จะนำไปสู่เนื้อเรื่องและตอนจบที่แตกต่างกัน เป็นไอเดียที่ดีมากๆ เลยนะ รู้สึกมันออกมาตอนโปรเจกวาเลนไทน์ล่ะมั้ง ใครเป็นแฟนคลับแจ่มใสจะรู้ว่าสำนักพิมพ์เค้าจะมีไอเดียใหม่ๆ สำหรับทุกโปรเจกเสมอ เราเป็นแฟนคลับของเจ้าปลาน้อยยยย (เกือบจะเรียกได้ว่าตัวยง แต่เพราะหลังๆเริ่มไม่ค่อยได้ตาม :P) และเรื่องนี้ก็ดึงดูดความสนใจเราได้อย่างดี เราชอบเสน่ห์อย่างนึงของงานเขียนของเจ้าปลาน้อยคือมันจับต้องได้ มันไม่เพ้อฝัน ไม่เว่อจนเกินไป เนื้อเรื่องส่วยใหญ่อยู่ในขอบเขตที่พอจะเกิดขึ้นได้จริง แบบไม่ได้รวยล้นฟ้า ไม่ได้สวยสลบอะไรประมานนั้น (ไม่ก็แฟนตาซีไปเลยอย่าง Black contract555) และที่สำคัญ เราชอบที่ตัวละครมันชื่อภาษาไทย หลายเล่มมาก ไปตามอ่านได้ โอเค ควรเข้าเรื่อง555 อย่างที่บอกว่ามันเป็นนิยายทางเลือก อ่านแล้วน่าติดตามและตื่นเต้นจริงๆ เพราะเราไม่รู้เลยว่าการเลือกของเรามันจะนำพาไปสู้จุดจบแบบไหน เราวางไม่ลงจริงๆ จำได้ว่าตอนนั้นไปเที่ยวเชียงใหม่กับที่บ้านแบบขับรถไป ละเราไปซื้อเล่มนี้ที่เชียงใหม่ ขากลับเรานั่งอ่านในรถมาตลอดทางเลยอ่ะ555 ละเราต้องไม่โกงแอบไปอ่านตอนจบก่อนด้วยนะ มันจะยิ่งลุ้นเข้าไปอีก แต่โชคดีที่เราเลือกทางดี ได้เนื้อเรื่องที่ไม่จบแบบผิดหวังมาก พออีกรอบมาลองเลือกอีกทาง เศร้าเลย จบแบบเจ็บๆ แต่เป็นอีกหนึ่งเล่มที่เราอยากบอกว่าต้องอ่านให้ได้

09/07/2014
365วันพลิกชะตารัก เป็นปลงานของพี่ปลาน้อยนามปากกาเจ้าปลาน้อยที่ออกเมื่อนานมากๆแล้วตอนช่วงวาเลนไทน์ปีใดปีหนึ่งช่วงนั้นคือซื้อครบทุกเล่มเลยอ่านไปจบทุกเล่มแล้วแต่ยังต้องค้นออกมารีวิวทีละเล่มเพราะนิยายเยอะหาไม่เจอฮ่าๆๆ อันที่จริงโปรเจคนี้เราชอบมากที่สุดและเฉพาะในโปรเจควาเลนไทน์อ่านะเพราะมีความรู้สึกว่าอ่านแล้วได้เป็นส่วนหนึ่งของตัวละครเพราะเราสามารถกำหนดตอนจบได้ว่าอยากให้เป็นแบบไหนเรียกง่ายๆว่ามีส่วนร่วมไปกับเนื้อเรื่องมีหมดทุกอารมณ์เลยอยากให้จบแบบมีความสุขหรืออยากให้จบแบบเศร้าเราอ่านจบแล้วเราก็ต้องย้อนมาอ่านอีกช้อยที่ไม่ได้เลือกด้วยคือเอาง่ายๆเลยคืออยากรู้ทั้งหมดว่าถ้าเลือกช้อยไหนแล้วตอนจบมันจะเป็นยังไงเรื่องนี้มีปลาน้อยเขียนสนุกดีค่ะเนื้อเรื่องกระชับดีไม่ยาวเกินไปแต่ก็ซึ้งกินใจรับประความความน่ารักของพระนางนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของสายน้ำเธอสวยและเป็นถึงดาวของโรงเรียนอารมณ์แบบสวยเลือกได้เธอกำลังกิ๊กอยู่กับเน็ตไอดอลแต่กลับโดนเพื่อนสนิทนัดเจอเพื่อจะบอกสารภาพรักแถมเรื่องนี้ยังมีการตายเข้ามาเกี่ยวด้วยค่ะเอาง่ายๆว่าจะมีการได้เล่นเกมอะไรบางอย่างเพื่อทำให้คนๆหนึ่งยังอยู่อ่านแล้วก็ลุ้นดีเพราะตอนที่ให้ทายเหรียญว่าต้องออกหัวหรืออกก้อยแล้วเราต้องเลือกอ่ะพอเลือกออกหัวก็ต้องเปิดไปอ่านหน้าที่เขากำหนดไว้เราก็ดันอยากรู้คำตอบของไอ้ที่ต้องออกก้อยด้วยอ่ะอ่านแล้วลุ้นจริงๆมันเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของนิยายจริงๆพี่ปลาน้อยบรรยายสนุกมากนึกว่าตัวเองกำลังเล่นเกมทายใจอยู่แถมในเรื่องนี้เรายังสามารถกำหนดตอนจบได้ด้วยว่าอยากให้นิยายจบแบบไหนเนื้อหาสนุกมีการดำเนินเรื่องอย่างน่าสนใจถึงแม้ว่าเราจะมารถกำหนดตอนต่างๆของเรื่องได้ตามที่นักเขียนแต่งมาแต่อ่านแล้วก็ไม่งงค่ะเพราะมีความรู้สึกว่าไม่ว่าจะเลือกอ่านคำตอบไหนๆเนื้อหาก็ประติดปะต่อกันอ่ะค่ะถึงแม้ว่าเรื่องจะจบคนละแบบมันสมเหตุสมผลดีค่ะอ่านแล้วไม่งงพี่ปลาน้อยเรียบเรียงมาดีมากอ่านแล้วลุ้นดีว่าตอนต่อไปจะเป็นแบบไหนเรื่องนี้มาครบทุกอารมณ์แต่สำหรับเราๆจะเป็นแบบอารมณ์ลุ้นมากกว่าเพราะอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วตอนจบพระเอกจะเป็นยังไงแถมนางเอกก็สวยเลือกได้มีแต่คนมารุมจีบซะขนาดนี้ภาษาบรรยายกระชับเข้าใจง่ายเนื้อหาแล้วก็การดำเนินเรื่องไม่ซับซ้อนดีค่ะโดยรวมสนุกดีค่ะ