10 Days with Handsome Guy จะบ้าตาย...ห้ามรักนายสุดหล่อ (ชุด sweet 10)

10 Days with Handsome Guy จะบ้าตาย...ห้ามรักนายสุดหล่อ (ชุด sweet 10)

3 รีวิว  3 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160604043
ผู้แต่ง: แสตมป์เบอรี่
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 149.00 บาท 37.25 บาท
ประหยัด: 111.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

แปะ...

นี่ไม่ใช่เสียงตะโกนสั่งโอเลี้ยงในร้านกาแฟที่ไหนหรอก แต่เป็นเสียงมือเล็กๆ ของฉันที่วางแหมะลงบนกระจกใสหน้าช็อปขายรองเท้าผู้ชายซึ่งเป็นแบรนด์เนมชื่อดังระดับโลก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแต่ละคู่ราคาเหยียบหมื่นทั้งนั้น...ใช่! ใส่แล้วเหมือนยืนเหยียบอยู่บนเงินหมื่นจริงๆ หลายหมื่นเลยด้วย!

เฮ้ออออ...ฉันถอนหายใจรอบที่สองล้าน นี่ถ้าถอนหายใจออกมาแล้วได้เงินครั้งละบาทล่ะก็ ฉันคงซื้อรองเท้าในร้านนี้กลับบ้านได้ไม่ต่ำกว่าสิบคู่แล้วล่ะ...ขอ...เฮ้ออออ~ อีกสักรอบ เผื่อตังค์จะหล่นออกมาจากปากจริงๆ (เอ๊ะ! นี่ฉันไม่ใช่ศพนะยะ จะมีเงินหล่นออกมาจากปากได้ยังไง!!)

 

เมื่อสองวันก่อน~

‘วันเกิดปีนี้นายอยากได้อะไรเหรอ’

ฉันหันไปถามซิท แฟนสุดที่รักของฉันซึ่งเดินจูงมืออยู่ข้างๆ

‘ไอโฟน’

ไม่ต้องตกใจ เขาไม่ได้อยากได้โทรศัพท์มือถือสุดไฮเทคนั่นหรอก แต่นี่เป็นชื่อของฉันเองแหละ แม่ฉันตั้งชื่อลูกได้เริดมั้ยล่ะ อ้อ! ถึงชื่อจะแลดูรวยมหาศาลบานตะไทขนาดนี้เถอะนะ แต่ชีวิตจริงฉันนี่สุดแสนจะจนจ๊นจน โคตรจน จนนรกเลย ขอบอก! และถ้าซิทอยากได้ไอโฟนจริงๆ ล่ะก็ ฉันคงต้องตัดไตเอาไปขายสักข้างนั่นแหละถึงจะได้มันมา

‘ได้ไปทั้งตัวและหัวใจแล้วนี่ ยังไม่พออีกเหรอ’

‘ฮ่าๆๆๆๆ ไม่ต้องซื้ออะไรให้ฉันหรอก เธอทำเองดีกว่ามั้ง’

‘แต่ฉันทำอะไรเองไม่เป็นนี่นา’

‘ถ้าอย่างนั้นก็...อ๊ะ! รองเท้าคู่นั้นสวยดี หนังแท้ซะด้วย’ อยู่ดีๆ ซิทก็เดินไปที่หน้าช็อปขายรองเท้าสุดหรู แล้วมองลอดเข้าไปในนั้น ‘แต่ยี่ห้อนี่แพงเกินไป ซื้อไม่ไหวหรอก’

ใช่! ขโมยซะเลยดีมั้ย

‘รวยๆ อย่างนายยังบ่นว่าซื้อไม่ไหว แล้วจนๆ อย่างฉันจะซื้อได้มั้ยเนี่ย แค่เชือกผูกรองเท้ายังซื้อไม่ได้เลยอ่ะ’

‘ฮ่าๆๆ ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อหรอก ช่างมันเถอะ’ ซิทผลักหัวฉันให้เดินเลี้ยวออกมาจากตรงนั้น แต่ฉันก็อดหันกลับไปมองอีกครั้งไม่ได้

Skin Foot!!!

คอยดูเหอะ...ฉันต้องเอารองเท้าคู่นี้มาให้ได้!

 

และนั่นก็คือเหตุผลที่ฉันวนกลับมาที่ร้านนี้อีกรอบ...

รองเท้า...รองเท้าจ๋า

“สวยดีนะ”

เฮือก เสียงผู้ชายที่ไหนไม่รู้ดังอยู่ข้างๆ เล่นเอาสติฉันหลุดผลัวะออกมาทั้งยวงเลยเว้ย พอหันไปมองหน้าเขา เขาก็ยักคิ้วให้

“เธออยากได้เหรอ”

“=[]=”

เอ๋? งงแฮะ นี่เขาคุยกับฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย...ดูท่าทางเราก็เหมือนจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันนั่นแหละ แต่เขาไม่น่าจะมาจีบฉันนะ เพราหน้าตาเขาดูดีกว่าฉันเยอะเลย

“ว่าไง! เธออยากได้หรือเปล่า”

“นายจะซื้อให้หรือไง! นั่นมันราคาเกือบหมื่นเลยนะ”

“เธออยากได้หรือเปล่าล่ะ”

โหวววว...ถามเหมือนจะซื้อให้เลยอ่ะ หรือว่าเขากำลังจีบฉันอยู่จริงๆ เนี่ย ถ้าให้ก็เอานะ ปฏิเสธคืออะไร สะกดได้แค่ ออ เอา เอา

“แต่ฉันมีแฟนแล้วนะ”

บอกความจริงไปเลยแล้วกัน...เผื่อเขาจะเปลี่ยนใจ

“ฉันถามว่าเธออยากได้หรือเปล่า หูตึงหรือไงฮะ!”

ไม่เปลี่ยนใจเว้ย...รักมั่นคงยืนยงตลอดกาลขั้นรุนแรง

“ฉันน่ะไม่ได้อยากได้หรอก แต่แฟนฉันเขาอยากได้ ก็เลยอยากซื้อให้เขาเป็นของขวัญวันเกิดน่ะ นายจะซื้อให้เหรอออ บ้า ไม่ดีหรอก เกรงใจ แฟนฉันไซส์สี่สิบสี่นะ”

“ก็แค่นั้นแหละ”

โอ๊ะ! อะไรของเขาน่ะ อีตานี่พูดจบก็เดินปรี่เข้าไปในช็อปหน้าตาเฉย เขาตรงไปหยิบรองเท้ายี่ห้อนั้นขึ้นมาถือแล้วเอาไปจ่ายเงิน

ฮะ...เฮ้ย จ่ายเงิน

เขาซื้อมันจริงๆ ด้วย

 

ตึกๆๆ

เขาเดินถือถุงรองเท้า Skin Foot มายื่นให้ฉันที่ยังคงยืนตาเหลือกอยู่อย่างไม่เข้าใจโลก

“เอาไปสิ”

“นะ...นายให้ฉันเหรอ”

“อื้อ...”

ฝัน...ฝันโคตรๆ ฝันแน่ๆ นี่ฉันเผลือยืนหลับอยู่หน้าร้านรองเท้านี่ใช่มั้ยเนี่ย ตายแล้ว น่าอายชะมัด ทำยังไงดีเนี่ย ต้องรีบตื่นให้เร็วที่สุดก่อนที่น้ำลายฉันจะยืดท่วมหน้าร้าน

เพียะๆๆ

ฉันตีต้นขาตัวเองอย่างแรงๆ หลายๆ ที แต่...

ทำไมมันเจ็บวะ

“เฮ้ย! ทำอะไรของเธอน่ะ ตีตัวเองเฉยเลย บ้าป่ะเนี่ย” เขาเข้ามาดึงมือฉันไว้ด้วยความตกใจ “ดูซินั่น แดงเถือกไปหมดแล้ว”

“ฉันไม่ได้บ้านะ นายนั่นแหละบ้า! ถ้านี่ไม่ใช่ความฝัน แล้วนายเอารองเท้านั่นมาให้ฉันทำไม”

“ฮะๆ เธอคงจะรู้นะว่าของฟรีไม่มีในโลก”

นั่นไง! บ๊ะแล้ว ว่าแล้วว่าจะต้องมีลับลมคมในอะไรสักอย่างแน่ๆ

“รู้! แต่ฉันไม่เอาตัวฉันไปแลกกับรองเท้านั่นแน่ๆ อย่าหวังซะให้ยาก เฮอะๆ”

“ใครเขาไปหวังตัวเธอกัน ยัยบ้า เพ้อเจ้อ!”

เพล้ง!

เสียงหน้าแตกเบาๆ

“ถ้าไม่หวังตัวฉัน แล้วนายหวังอะไร ฉันไม่มีเงินทองของมีค่าอะไรหรอกนะ แค่ลำพังจะกินข้าวตามห้างยังไม่มีปัญญาเลย”

“เธอเชื่อคำว่า ‘รักแท้แพ้ใกล้ชิด’ มั้ยล่ะ”

“ไม่เชื่อ...ไม่เชื่อเด็ดขาดเลย รักแท้แพ้ไม่รักต่างหาก!!!”

“งั้นเธอคงจะรักแฟนเธอมากเลยสินะ”

“มากสิ!” ตอบได้แบบไม่ต้องคิดเลยด้วย “ฉันกับซิทน่ะคบกันมาจะห้าปีแล้วนะ เราเจอกันเกือบทุกวัน คุยกันเกือบทุกคืน มีแต่ความตายเท่านั้นแหละที่จะพรากเราสองคนออกจากกันได้”

“ขนาดนั้น?”

ทำไมต้องทำหน้าตาคลื่นไส้เหมือนใกล้จะแพ้ท้องอย่างนั้นด้วยยะ!

“เอ้า! พูดจริงๆ นะ ฉันมั่นใจเลยว่าไม่มีอะไรทำให้ฉันเปลี่ยนใจไปจากซิทได้ ต่อให้เอาน้องเก้ามาคุกเข่าตรงหน้า หรือจับเอาแทยังมานอนแก้ผ้าฉันก็ไม่สนใจ”

“งั้นก็ดี เราจะได้คุยข้อตกลงกันได้ง่ายๆ หน่อย”

“ข้อตกลงอะไร”

“ฉันอยากพิสูจน์ว่ารักแท้มีจริงหรือเปล่า โดยการให้เธอน่ะทดลองอยู่กับผู้ชายที่หล่อมากๆ คนหนึ่งเป็นเวลาสิบวัน โดยในแต่ละวันจะมีกิจกรรมบังคับต่างๆ ที่ให้ทำร่วมกันเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ...ในช่วงเวลาสิบวันนี้เธอห้ามกลับไปอยู่กับแฟนของเธอเด็ดขาด และถ้าหลังจากสิบวันนี้ไปแล้วเธอดันไปตกหลุมรักผู้ชายคนนี้หรือเอ่ยปากบอกเลิกแฟนของเธอเอง ถือว่าเธอทำไม่สำเร็จ ข้อตกลงของเราถือว่าเป็นโมฆะ”

อยู่กับผู้ชายหล่อสิบวัน

น่าสนใจนะ

“แล้วถ้าฉันไม่สนใจผู้ชายคนนั้นเลยล่ะ สิบวันไปแล้วฉันก็เฉยๆ แถมยังรักแฟนตัวเองดี๊ด๊าอย่างเดิมด้วย นายก็จะให้รองเท้าคู่นั้นกับฉันใช่มั้ย”

“ใช่...ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ”

“ง่ายมากกก ง่ายกว่าแข่งบวกเล็กกับเด็กอนุบาลซะอีก ฉันมั่นใจว่าฉันทำได้ เพราะฉันไม่มีวันที่จะตกหลุมรักผู้ชายคนอื่นเด็ดขาด เพราะงั้นฉันตกลงทำแน่นนอน เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวก่อน! จะรู้ได้ยังไงว่านายจะไม่เบี้ยวฉันอ่ะ ถ้าเกิดว่าฉันทำสำเร็จแต่นายไม่ยอมยกรองเท้าคู่นี้ให้ล่ะ ฉันก็เสียเวลาเปล่าน่ะสิ”

“งั้นเอามัดจำไปก่อนแล้วกัน”

“มัดจำอะไร”

“เอารองเท้าไปข้างนึง”

 

1

First Day (Ep.01)

 

ฮะๆ ฮุๆๆๆ ฮิๆๆๆ

อารมณ์ดีวุ้ยยย ไม่อยากเชื่อเลยว่าโชคจะเข้าข้างฉันถึงขนาดนี้ อยู่ดีๆ ก็ดลบันดาลให้เจอคนประหลาดยื่นข้อตกลงง่ายๆ มาให้ฉันทำ แหม...ดูถูกฉันเกินไปแล้ว ตลอดเวลาที่คบกับซิทมาจะห้าปี ฉันไม่เคยนอกใจเขาเลยสักครั้ง อย่างมากก็แค่มองผู้ชายหน้าตาดีๆ แวบไปแวบมาเท่านั้นแหละ แต่ไม่เคยใจสั่นหวั่นไหวกับใครเลยสักกะนิด รักซิทคนเดียว รักซิทคนเดียวค่า

แต่มันมีปัญหาอยู่ตรงที่...ฉันต้องอดเจอซิทตั้งสิบวันแน่ะ แงๆๆๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันเคยต้องไปเข้าค่ายของโรงเรียนตั้งสองอาทิตย์ ตอนนั้นเรายังห่างกันได้เลย (ก็แค่ร้องไห้ทุกวันเอ๊งงง) ตอนนี้คงต้องทนเหงานิดหน่อย คิดซะว่าทำเพื่อเขาแล้วกัน ส่วนที่บ้านก็ไม่ต้องห่วง ใช้มุกเดิม เข้าค่ายๆ ตลอดเวลา แลดูเป็นเด็กกิจกรรมสุดๆ คิๆ ว้ายยยย...คิดภาพไม่ออกเลยอ่ะว่าถ้าเดือนหน้าซิทเปิดกล่องของขวัญออกมาแล้วเจอรองเท้าคู่นี้ เขาจะรักฉันมากมายขนาดไหน กรี๊ดดด...แค่คิดก็หัวใจพองใหญ่กว่าลูกบอลลูนแล้ว

ตึก...

ฉันมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้อง 708 ซึ่งอยู่ในคอนโดฯ รวยล้นโลก (คอนโดฯ ที่ไอ้หมอนั่นเตรียมไว้ให้ฉันกับยูเคอยู่ด้วยกัน) พร้อมทั้งกระเป๋าล้อลากหนึ่งใบ ถ้าใครคิดภาพไม่ออกก็นึกถึงบรรยากาศก่อนเข้าบ้าน AF เอาไว้ นั่นแหละ คล้ายๆ กัน เออ...จะว่าไปฉันก็ยังไม่เคยเห็นผู้ชายคนที่ว่านี่เลยแฮะ ข้อมูลของเขาก็มีแค่...

 

ชื่อ : ยูเค

อายุ : 18 ปี

การศึกษา : รอเข้ามหาวิทยาลัย

หน้าตา : หล่อมาก

สถานภาพ : โสด

 

อืม...คนหล่อและโสด หายากนะเนี่ย

กริ๊ก~

ฉันไขกุญแจที่เขาให้มาแล้วเปิดเข้าไปในห้อง บรรยากาศเงียบสงบเหมือนอยู่ในป่าช้าชอบกล คอนโดฯ นี้ก็เงียบซะอย่างกับไม่มีสิ่งมีชีวิตหายใจอยู่ นี่ฉันจะปลอดภัยมั้ยเนี่ย แต่คงไม่เป็นไรมั้ง เพราะอีตาผู้ชายประหลาดนั่น (ลืมถามชื่ออ่ะ) ให้สร้อยข้อมือเส้นเล็กๆ มาด้วย ตรงกลางสร้อยมีปุ่มสีแดงที่ทำจากคริสตัลฝังอยู่ ถ้าฉันกดมันลงไปเขาจะมาช่วยฉันทันทีที่เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้น...

เออ! อันที่จริงฉันก็เคยลองกดมันเล่นครั้งหนึ่งตอนอยู่ที่บ้านนะ ปราฏกว่าเขาโผล่มาหาฉันภายในห้านาทีจริงๆ ด้วย แต่ผลหลังจากนั้นก็คือ ไอ้หมอนั่นด่าฉันยับแทบนับคำไม่ทัน แถมยังบอกว่าถ้าฉันซี้ซั้วกดเล่นอีก เขาจะเอารองเท้าอีกข้างไปขว้างทิ้งลงมหาสมุทรแปซิฟิกให้ปลาฉลามแทะเล่นจนพังไม่เหลือซากเลยอ่ะ

ใจร้ายชะมัด

ตึกๆๆๆ

แกร่กๆๆๆๆ

ฉันเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ พลางลากกระเป๋าด้วย (มันก็เลยไม่เงียบแล้ว) ตาก็มองซ้าย มองขวาไปด้วย

อีตานั่นจะมาถึงหรือยังนะ

“หวัดดี”

เฮือก

ตกใจหมดเลย อยู่ดีๆ ก็มีเสียงเข้มๆ ห้าวๆ ของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง ต้องเป็นยูเคแน่ๆ!!! อ๊ายยย ฉัยไม่กล้าหันไปมองเลยอ่ะ ต้องค่อยๆ หันไปมองช้าๆ อย่างลุ้นๆ โอย...ลุ้นโคตร ลุ้นยิ่งกว่าตอนประกาศผลว่าใครจะได้เป็นเดอะสตาร์ปีนี้ซะอีก

(โหวตไปเยอะน่ะนะ ได้โปรดเข้าใจ)

โอ๊ะ...โอ๊ะๆๆๆๆ ยูเคใช่มั้ยเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย หล่อ...หล่อที่สุดสะดุดรัก หล่อจริงอะไรจริง หล่อสมคำเล่าลือ เขาเหมือนพระเอกการ์ตูนเกาหลีที่ฉันชอบอ่านเลยอ่ะ ผู้ชายตัวสูงๆ ขายาว ผมสีน้ำตาลเข้มซอยระต้นคอ เจาะหูข้างละสามรู ดวงตาสีดำสนิท จมูกโด่งเฟี้ยว ริมฝีปากแดงระเรื่อน่าจุ๊บ ใบหน้ารูปไข่ แถมยังใสกิ๊งเหมือนเพิ่งยิงเลเซอร์ไอพีแอลออกมาจากนิติพลคลินิกยังไงยังงั้น...หล่อแท้!

ซิทเทียบไม่ติดเลยแม้แต่นิดเดียว

“สะ...สวัสดีค่ะ”

โอ๊ย! ทำไมเสียงฉันถึงตะกุกตะกักงี้เนี่ย จะหวั่นไหวไม่ได้นะ นี่เพิ่งวันแรกเองด้วย คนหล่อมีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจขั้นหนัก แต่ไม่เป็นไร...ใจเย็นไว้ ก็แค่หล่อ ผู้ชายหล่อทำให้ตื่นเต้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ได้รู้สึกรักใคร่ใหลหลงจนถึงขั้นอยากร่วมหลับนอนด้วยซะเมื่อไหร่ จริงมั้ยๆ

(ไม่จริง)

“เธอเหรอ...ไอโฟน” เขาชี้มาทางฉันแล้วมองอย่างงงๆ “ก็ไม่แย่นี่”

แล้วใครมันบอกว่าฉันแย่วะ ฉันจะฆ่ามานนน

“ใช่! ฉันเองแหละไอโฟน...ส่วนนายก็ยูเคสินะ...เอ่อ...ก็ไม่เท่าไหร่นี่”

แค่หล่อจนรูขุมขนฉันกระดิกเป็นเพลงรักนะคะของพี่บี้ เดอะสตาร์เอ๊งงง

“ฮะๆ ก็ดีแล้วที่ไม่เท่าไหร่ อย่าหวั่นไหวกับฉันก็แล้วกัน มานั่งนี่สิ”

โอ๊ะ! ถึงเนื้อถึงตัวขั้นเทพ เขาจับมือฉันแล้วลากให้ไปนั่งลงที่โซฟา พลางหยิบ iPhone 4 ออกมาโชว์

“ไอ้หมอนั่นให้โทรศัพท์เครื่องนี้มา บอกว่าสำหรับให้เราสองคนใช้ เขาจะติดต่อเราผ่านทางโปรแกรม FaceTime ของ iPhone 4”

“มันคืออะไร”

“โปรแกรมการคุยแบบเห็นหน้าไง”

ฉันอยากรู้จังว่าคนเขียนมันได้ค่าโฆษณาจากโทรศัพท์มือถือยี่ห้อนี่เท่าไหร่

(ไม่ได้สักบาท จาก...คนเขียน)

“ไอ้หมอนั่นบอกว่าถ้าเธอกับฉันเจอกันแล้วให้ใช้โปรแกรม FaceTime โทรไปที่เบอร์ของมัน แล้วมันจะชี้แจงกฏกติกาทุกอย่างให้เราทั้งสองคนรู้ไปพร้อมๆ กัน เอาล่ะ! ฉันจะโทรแล้วนะ”

“เดี๋ยวก่อน...ฉันมีคำถาม”

“ว่า?”

“ไอ้หมอนั่นน่ะ...ชื่ออะไร ฉันลืมถามเขาอ่ะ”

“ฉันก็ลืมถาม”

บุคคลที่โลกไม่อยากจำจริงๆ ด้วย

“แล้วนายเป็นอะไรกับเขาล่ะ ทำไมถึงต้องยอมรับข้อตกลงบ้าๆ บอๆ แบบนี้ด้วย นายก็อยากได้รองเท้าคู่นั้นเหมือนกันเหรอ”

“รองเท้าอะไร”

“อ้าว...แล้วทำไมนายถึงยอมทำตามที่ไอ้หมอนั่นสั่งล่ะ ได้เงินเยอะใช่มั้ย”

“เปล่า...ฉันก็มีข้อตกลงอะไรบางอย่างหเมือนกับเธอนั่นแหละ แต่ข้อตกลงของเราอาจจะต่างกันนิดหน่อย”

“ยังไงเหรอ”

“ต่างกันตรงที่...ฉันต้องทำให้เธอรักฉันให้ได้น่ะ”

“โฮะๆๆ งั้นงานของนายอาจจะยากสักหน่อยนะ เพราะฉันน่ะรักแฟนของฉันมากเลยยย ว่าแต่ว่า ถ้านายทำสำเร็จ นายจะได้อะไรตอบแทนเหรอ”

“ไม่บอก ไว้ทำสำเร็จแล้วฉันจะบอกนะ”

“นายไม่มีวันทำสำเร็จหรอกน่า!”

“เตือนไว้ก่อนนะ...ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่อยู่ใกล้ฉันแล้วไม่หลงรักหรอก”

อุ๊ย! หลงตัวเองนะยะ ถ้าชอบคงง่าย แต่ให้รักน่ะ...ยาก!!!

“ฉันนี่แหละจะเป็นคนแรกที่ไม่รักนาย!”

“งั้นเรามาดูกัน

พูดจบยูเคก็ใช้โปรแกรม FaceTime อะไรนั่นโทรหาอีตาไร้ชื่อทันที แล้วอยู่ดี ๆ เขาก็โผล่มาทำหน้าลั้ลลาบนจอมือถือ แบ็กกราวนด์ข้างหลังเป็นห้องนอนแลดูหรูหราไฮโซ สงสัยจะรวยจริงอะไรจริง

(สวัสดีทั้งสองคน...ตอนนี้เกมของเราก็เริ่มต้นขึ้นแล้วนะ ก่อนอื่นฉันก็ต้องขอชี้แจงกฏสิบข้อของการอยู่ร่วมกันให้พวกเธอทั้งคู่ได้รู้ก่อน)

กฎสิบข้อ

กฎบ้ากฎบออะไรอีกวะเนี่ย

(เอ้า...งงล่ะสิ งง งง...) มันรู้อีกว่าตูงง (ไม่ต้องงงหรอก เพราะฉันกำลังจะโชว์ให้ดู ณ บัดนี้ แถ่น แทน แท้นนน)

พึ่บ!

ไอ้บ้านั่นกางกระดาษเอสี่ในมือออกแล้วยื่นเข้ามาจนชิดกล้อง ทำให้ฉันและยูเคมองเห็นรอยปากกาที่เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนบนกระดาษแผ่นนั้น

 

กฎการอยู่ร่วมกัน

1.ตลอดสิบวันทั้งสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ห้ามห่างกันเกินระยะสิบเมตร ยกเว้นเวลาเข้าห้องน้ำเท่านั้น

(ขอบคุณที่อุตส่าห์ยกเว้นให้)

2.เวลานอนก็ต้องนอนเตียงเดียวกัน และนอนกอดกันด้วย แต่ห้ามทำอะไรมากไปกว่านั้น ยกเว้นจะยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย

(ข้อนี้ไม่ต้องยกเว้นก็ได้ย่ะ!)

3.ทั้งคู่จะต้องตื่นขึ้นมาฟังภารกิจตอนเก้าโมงเช้าทุกวัน ถ้าเก้าโมงเช้าแล้วฉันยังไม่ได้รับสายจากพวกเธอ ถือว่าถูกปรับแพ้ทั้งคู่

(สบายอีกแล้ว ปกติฉันตื่นเช้าทุกวัน แต่หวังว่าอีตานี่คงจะไม่นอนขี้เซาเหมือนกับซิทนะ)

4.ก่อนนอนต้องหอมแก้มกันและกัน แล้วบอก ‘Goodnight’ หรือ ‘ฝันดี’ ด้วย

(หา?)

5.ห้ามพบเจอกับแฟนของตนเองโดยเด็ดขาด อนุญาตให้คุยทางโทรศัพท์ได้เท่านั้น ยกเว้นเจอกันโดยบังเอิญ แต่ก็ไม่ให้บอกเด็ดขาดว่ากำลังเล่นเกมนี้อยู่

6.ไอโฟนจะไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียว ดังนั้นเวลาจะใช้เงินต้องขอจากยูเคเท่านั้น ซึ่งก็แล้วแต่วิจารณญาณของยูเคด้วยว่าจะให้หรือไม่ให้ก็ได้

(เฮ้ย! อะไรเนี่ย แล้วถ้าเขาไม่ให้ฉันเลยสักบาทฉันก็อดตายน่ะเซ่ แต่เอ๊ะ...มันก็ดีเหมือนกันนะ แปลว่าในสิบวันนี้ฉันก็จะได้กินฟรีมีเกียรติ สบายใจสินะ ฮ่าๆๆ)

7.ทั้งคู่จะต้องแลกของสำคัญของตนเองให้อีกฝ่ายเก็บเอาไว้ และต้องรักษาของชิ้นนั้นไว้ให้ดีที่สุด ห้ามชำรุดหรือทำหาย โดยที่อีกฝ่ายสามารถหาทางแอบขโมยกลับคืนมาได้ ซึ่งถ้าของสำคัญหายหรือถูกขโมยไปเมื่อไหร่ถือว่าเกมจบทันที และอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชนะ

(โอ๊ะ! ของสำคัญงั้นเหรอ ฉันจะมีมั้ยเนี่ย ของสำคัญที่สุดในชีวิตฉันก็คือเงินเนี่ยแหละ แงๆ)

8.ทั้งคู่ต้องเขียนโน้ตถึงกันวันละครั้ง เวลาใดก็ได้ โดยต้องแปะไว้ในที่ที่อีกฝ่ายจะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

(อันนี้ง่ายๆ สบายมาก ฉันจะเขียนด่าเขาทุกวันเลย คอยดู!)

9.ต้องมีของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ มอบให้กันวันละครั้ง โดยจะทำเองหรือซื้อมาก็ได้ ซึ่งเมื่อแต่ละฝ่ายได้รับของแล้ว ให้เขียนชื่อตัวเองแปะที่ของชิ้นนั้นแล้วนำมาใส่ไว้ในช่องจดหมายก่อนเก้าโมงเช้าของอีกวันเพื่อนำมาให้ฉันตรวจ รวมถึงโน้ตที่เขียนแปะให้กันด้วย

(โห...อะไรเนี่ย แล้วฉันไม่มีเงินสักบาทเนี่ยนะ ต้องขอเงินจากอีตาบ้ายูเคเพื่อมาซื้อของให้เขาอีกงั้นเหรอ อยากจะบ้าตาย)

10.ทั้งคู่ต้องคิดรหัสลับที่รู้กันแค่สองคนทั้งหมดสามคำ แทนคำว่า ‘ขอโทษ’ ‘ขอบคุณ’ และ ‘ขอความช่วยเหลือ’

(สามคำนี้มันลับยังไงคะเนี่ย)

 

พึ่บ!

เฮ้ย! อะไรเนี่ย ฉันยังไม่ทันจดจำอะไรได้เลย ไอ้บ้าไร้ชื่อก็พับกระดาษเก็บเข้ากระเป๋าไปเฉย

(จำกันได้แล้วใช่มั้ย)

“ไม่ได้ย่ะ!” ฉันรีบสวน “กฎอะไรมากมายขนาดนี้ ใครจะไปจำได้”

(เอาเป็นว่าพวกเธอตกลงใช่มั้ยล่ะ)

“เดี๋ยวสิ นาย! นายชื่ออะไรนะ”

(เรียกฉันว่านิชคุณก็แล้วกัน)

ทำไมกล้าใช้ชื่อนี้

“เออนิช...ชะ...ชะชะช่า” ทนเรียกมันว่านิชคุณไม่ได้จริงๆ อ่ะ “ฉันยังจำกฎพวกนั้นไม่ได้เลย ขออ่านอีกรอบได้มั้ยเนี่ย”

(ไม่ต้องห่วง กฎทั้งหมดมีแปะไว้ตามห้องต่างๆ แล้ว เธอสามารถย้อนอ่านมันได้เสมอ)

“อืม...งั้นสรุปว่าตอนนี้มีอะไรที่พวกฉันต้องทำกันบ้างเนี่ย”

(อย่างแรกเลยก็คือเธอต้องเอาเงินทั้งหมดของเธอและบัตรเอทีเอ็มใส่ไว้ในตู้เซฟข้างโซฟานั่นแหละ และห้ามเอาออกมาเด็ดขาดจนกว่าเกมจะจบ)

“แล้วแบบนี้ฉันจะเอาเงินจากไหนใช้ล่ะ”

(ขอจากยูเคไง หรือไม่บางกิจกรรมที่เธอต้องทำอาจจะช่วยให้เธอสามารถหาเงินใช้เองได้นะ)

“ฉันไม่ขายตัวแลกเงินเด็ดขาด!!!”

(ฉันยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยโว้ยยยย)

“เฮอะ! งั้นอะไรล่ะ”

(เดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ ทีนี้เธอเอาเงินกับบัตรเอทีเอ็มไปใส่ในตู้เซฟนั่นได้แล้ว)

“ย่ะ ก็ได้!”

ว้ายยย พอตอบตกลงไปแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาจับจิตจับใจ ก็ในกระเป๋าสตางค์ฉันมีเงินอยู่แค่เก้าสิบบาทเองง่ะ บัตรเอทีเอ็มก็ไม่เคยมี บอกแล้วว่าฉันน่ะจน มีเงินใช้วันละร้อยห้าสิบบาทเท่านั้นแหละ แค่ค่านั่งตุ๊กตุ๊กมาที่นี่ก็หมดไปหกสิบบาทแล้ว

ฉันค่อยๆ ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาอย่างกระมิดกระเมี้ยน แล้วรีบเอาไปใส่ในเซฟทั้งหมดนั่นแหละ นอกจากเงินเก้าสิบบาท บัตรประชาชน และรูปคู่กับซิทแล้ว ในกระเป๋าสตางค์ฉันก็ไม่มีอะไรที่มีค่าเลยนะ เศร้า

(ต่อไปคือขั้นตอนการแลกของสำคัญ ทั้งคู่ต้องเอาของสำคัญของตัวเองมาแลกให้อีกฝ่ายเก็บไว้ และต้องเก็บไว้ในตำแหน่งเดิมที่มันเคยอยู่ด้วยนะ)

“หมายความว่ายังไงวะ” คราวนี้ยูเคเป็นฝ่ายสงสัยบ้าง “ถ้าของสำคัญของฉันคือกางเกงใน ยัยนี่ก็ต้องใส่กางเกงในของฉันแทน แบบนั้นน่ะเหรอ”

กรี๊ดดดด ไม่เอานะ กางเกงในที่อาม่าให้ไว้ก่อนตายหรือไง ทำไมต้องสำคัญด้วย แงๆๆๆ

(ใช่! แบบนั้นน่ะแหละ ของมันเคยอยู่ที่ตรงไหนก็เก็บไว้ที่ตรงนั้น)

“ฉันไม่ใส่กางเกงในของนายแน่นอน!!!” ฉันรีบหันไปชี้หน้ายูเค “ต่อให้ผังเพชรเจ็ดแปดล้านเม็ดฉันก็ไม่ใส่! ไม่ใส่ ไม่ส่ายยย”

“นี่เธอ! จะบ้าหรือไง ฉันแค่ยกตัวอย่างต่างหาก ใครจะไปบ้าใส่กางเกงในฝังเพชรกัน คันคะเยอตายชัก”

รู้ได้ไงฟะว่าใส่แล้วจะคัน ใส่อยู่ใช่มั้ย แงๆๆ

“งั้นก็ดีแล้ว เพราะถ้านายเอากางเกงในมาแลก ฉันจะปาใส่หน้านาย”

“ของสำคัญของฉันคือสิ่งนี้ต่างหาก” ยูเคยิ้มมุมปากแล้วเอื้อมมือไปปลดต่างหูรูป UK ซึ่งเป็นชื่อของเขาออกมาถือไว้ “ขยับเข้ามาใกล้ๆ นี่สิ”

“อะไรนะ ทำไมฉันต้องขยับเข้าไปด้วย นายก็ส่งมาสิ ฉันจะใส่เอง”

แต่ไม่รู้ว่ารูฉันตันไปหรือยังนะ ไม่ได้ใส่ต่างหูมานานมากกกก

“ไม่ได้! มันสำคัญที่สุดสำหรับฉัน ฉันไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนแตะต้อง”

“แฟนนายให้มาล่ะสิ”

“ใช่! แฟนเก่าน่ะ”

ชิ! แล้วทำไมฉันจะต้องมาใส่ต่างหูเงินของแฟนเก่าอีตานี่ด้วยล่ะ แอบหมั่นไส้เล็กๆ แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องของเขา เราไม่เกี่ยว ฉันทำทุกอย่างเพื่อรองเท้าของซิทเท่านั้นแหละย่ะ

“โอเคๆ งั้นนายใส่ให้ฉันก็ได้”

ฉันขยับเข้าไปยืนใกล้ๆ เขา เราห่างกันแค่นิดเดียว ยูเคเอื้อมมือมาจับหูฉันเบาๆ แล้วค่อยๆ ใส่ต่างหูให้ อืม...กลิ่นตัวเขาหอมจังเลย ฉันรู้สึกว่าหัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นนิดๆ แฮะ แต่ก็แค่นิดๆ เท่านั้นแหละ ไม่มากมาย เบาๆ อ๊า...

“เรียบร้อย”

เขาถอยห่างออกมายืนดูต่างหูของเขาที่อยู่บนหูฉันเรียบร้อยแล้ว

“นี่! ถ้าฉันบังเอิญไปเจอหน้าแฟนเก่านายขึ้นมา หวังว่ายัยนั่นคงไม่มากระชากหูฉันขาดหรอกนะ”

“ไม่หรอก”

“ก็ดี...ฉันไม่ชอบมีเรื่องกัน...”

“เพราะยัยนั่นตายไปแล้ว”

ผี!

แว้กกกก ผี!!! ยัยนั่นเป็นผีเหรอ นี่ต่างหูจากคนตายเหรอเนี่ย แงๆๆ ผีจะมาสิงอยู่ในหูฉันมั้ยนะ ผีรูหู กรี๊ดด

“เอาออกไปนะ เอาออกไป” ฉันรีบวิ่งไปเขย่าแขนยูเคอย่างแรงเลย “ฉันไม่ใส่ของคนตาย ไม่ใส่ๆๆๆ”

“ยัยบ้า! ฉันยังไม่ตายสักหน่อย”

“แต่แฟนนายตายยยย! ชี อีส เด๊ดดดดสะมอเร่ ยูโน้วววว”

“มันผ่านมานานแล้วน่า ป่านนี้เธอไปเกิดใหม่แล้ว ไม่ต้องกลัวหรอก”

“แน่นะ”

“อืม...แล้วไหนล่ะ ของสำคัญของเธอ”

เอาแล้วไง! ทีนี้ยูเคหันมาถามฉันบ้างแล้วล่ะ เอ่อ...ของสำคัญของฉันน่ะเหรอ นอกจากรูปคู่กับซิทที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ (ซึ่งถูกขังอยู่ในตู้เซฟ) นั่นแล้ว ก็มี...สร้อย ใช่แล้วสร้อย! สร้อยที่ซิทเคยให้ฉันตอนวันเกิด แต่มันห้อยจี้รูปกระต่ายน้อยเนี่ยสิ แหะๆ

“อยู่นี่!” ฉันจับจี้รูปกระต่ายยกขึ้นมาให้ยูเคดู “สร้อยเส้นนี้แหละสำคัญที่สุด แฟนฉันให้มาเหมือนกัน แต่เขายังไม่ตายนะ!”

“หา! อะไรเนี่ย” ยูเคก้มหน้าจ้องกระต่ายน้อยของฉันอย่างกับจะจับมันเข้าปากแน่ะ “สร้อยคอห้อยจี้กระต่ายจิ๋วหน้าตาติงต๊องเนี่ยนะ...ฉันไม่ใส่เด็ดขาด!!!!”

“อ๊ะ! งั้นนายก็แพ้น่ะสิ ช่วยไม่ได้นะ”

“นี่! ยัยกระต่ายน้อย” กรี๊ดดด ยูเคบีบไหล่ฉันแน่นเลยอ่ะ เขากำลังจะกินฉันแทนกระต่ายใช่ม้ายยย “ฉันจะไม่ยอมแพ้และจะไม่ยอมสวมสร้อยกระต่ายน้อยนั่นเด็ดขาด! ดังนั้น! เปลี่ยนเดี๋ยวนี้!”

“แต่ฉันไม่มีของสำคัญอย่างอื่นแล้วนี่นา นอกจากสร้อยเส้นนี้ก็มีแต่หัวใจฉันเท่านั้นแหละที่สำคัญที่สุด”

“งั้นก็เอาหัวใจเธอมา”

กรี๊ดดดดด ไอ้บ้า! ไอ้บ้ายูเคล้วงมือเข้ามาในเสื้อฉัน ทำท่าจะควักหัวใจฉันออกมาจริงๆ ด้วยนะเนี่ย โหดร้ายเกินไปแล้ว

“กรี๊ดดดด ปล่อยนะ ปล่อยยยย นายเป็นปอบหรือไง ไอ้คนบ้า คนผีทะเล!!!!”

“งั้นก็เปลี่ยนสิ พูดเดี๋ยวนี้ว่าเธอจะเปลี่ยน ไม่งั้นฉันจะแหกอกเธอเอาหัวใจออกมาเดี๋ยวนี้แหละ”

“ม่ายยย ฉันไม่เปลี่ยน ฉันไม่มีอะไรแล้ว ช่วยด้วย นาย! นายที่อยู่ในโทรศัพท์น่ะช่วยฉันด้วยเซ่ ไอ้หมอนี่มันจับนมช้านนนน เห็นมั้ย แงๆๆๆ”

ฉันปัดป้องมือปลาหมึกของยูเคเป็นพัลวันพยายามสกัดกั้นสัมผัสของเขาอย่างสุดชีวิต สายตาก็มองไปทางโทรศัพท์มือถือที่ยูเคโยนลงไปบนโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าหน้าของอีตานั่นยังคงแป้นแล้นอยู่บนหน้าจอ แถมมองมาทางพวกเราอย่างขำๆ อีกต่างหาก ไม่ตลกนะยะ!

“เร็วสิ! เอาแต่มองอยู่ได้ อีตานี่ลวนลามฉัน นายเห็นมั้ย นี่มันผิดกติกาแล้วนะ ช่วยฉันด้วยสิ ช่วยฉันด้วย!!!”

(เรียกฉันว่านิชคุณก่อนสิ)

มันยังมีอารมณ์สุนทรีย์ที่จะเป็นนิชคุณอีกเรอะ!

“เออออ...พ่อนิชคุณ จะคุณลุงคุณป้าหรือคุณน้าคุณอาก็ช่วยฉันด้วย ฉันจะต้านไม่ไหวแล้วววว”

(หยุดได้แล้ว ยูเค!)

ขอบใจมาก! ในที่สุดอีตาในโทรศัพท์ก็สั่งให้ยูเคหยุดได้สำเร็จ (ทนเรียกมันว่านิชคุณไม่ได้จริงๆ) ยูเคยอมปล่อยมือออกจากอกเสื้อของฉันแล้วหันไปโวยวายกับเขาแทน

“ฉันไม่ยอมสวมสร้อยกระต่ายน้อยเพ้อฝันนั่นแน่ๆ”

“อะไรล่ะ ทีฉันยังยอมใส่ต่างหูชื่อนายเลยนะ”

...ของคนตายด้วย

“ฉันไม่ได้พูดกับเธอ!” ยูเคหันมาว้ากใส่ฉันอีก แล้วเดินตรงไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจ้องที่หน้าจอ “บอกให้ยัยนั่นเปลี่ยนของรักของหวงเซ่!”

(ไม่) ไอ้บ้านั่นยิ้มเยือกเย็นสุดๆ (นายต้องเลือกเอาว่าจะใส่หรือจะยอมแพ้)

“ฉันไม่ยอมแพ้แน่” ยูเคกัดฟันกรอด แล้วในที่สุดก็พยักหน้า “ก็ได้ๆ ฉันยอมใส่ไอ้สร้อยหวานแหววนั่นก็ได้ ชิ! เอามานี่สิ”

ฮะๆ ในที่สุดเขาก็ต้องยอม ฉันก็เลยเดินไปยืนใกล้ๆ เขา

“อ่ะ ถอดไปสิ ฉันถอดเองไม่ได้”

“ได้เลย ถอดให้”

กรี๊ดดดด อะไรเนี่ย อีตายูเคมาจับชายเสื้อฉันจะดึงขึ้นอีกแล้ว ไม่ใช่นะ

“หยุดนะ! ไอ้คนทุเรศ ถอดสร้อย ไม่ใช่ถอดเสื้อ”

“ฮ่าๆๆ ก็ไม่บอกนี่ว่าจะให้ถอดอะไร” ยูเคหัวเราะชอบใจแล้วเลื่อนมือจากชายเสื้อฉันขึ้นมาที่หลังคอแทน

ฉันได้แต่ยืนนิ่งมองหน้าเขา ยูเคก้มหน้าลงมาจนได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบา นี่ขนาดมีผมลงมาปรกหน้านิดๆ นะ ความหล่อของเขายังหลุดลอดออกมากระแทกตาฉันได้ มือของเขายุกยิกๆ อยู่ที่หลังคอของฉัน ทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก นอกจากซิทที่เป็นแฟนคนแรกและคนเดียวมาทั้งชีวิตแล้ว ฉันก็ไม่เคยได้ใกล้ชิดผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้มาก่อนเลยอ่ะ แถมมือของยูเคยังสัมผัสโดนต้นคอฉันเบาๆ ด้วย มันวาบหวาม มากจนฉันได้แต่ยื่นทื่อไม่กล้าขยับตัวให้ร่างกายส่วนไหนไปแตะโดนเขาได้อีก แล้วในที่สุดยูเคก็เงยหน้าขึ้นพร้อมถือสร้อยกระต่ายน้อยไว้ในมือ

“ได้แล้ว”

เฮ้อ...จบสักที หัวใจเต้นแรงเลยแฮะเรา

“ใส่ให้ด้วยสิ”

คราวนี้ยูเคยื่นสร้อยให้ เล่นเอาหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง”

“อะไรนะ”

“อ้าว ใจคอเธอจะให้ฉันใส่สร้อยเส้นนี้เองเหรอ สร้อยสั้นขนาดนี้ฉันจะไปติดตะขอเองได้ยังไง ดีไม่ดีเกิดรัดคอฉันตายขึ้นมาเธอจะรับผิดชอบมั้ยเล่า”

ทำไมเรื่องสร้อยกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายไปได้อ่ะ

“กะ...ก็ได้ เอามาสิ”

ฉันยื่นมือออกไปดึงสร้อยมาถือไว้แล้วเดินอ้อมไปด้านหลังของเขา

“ย่อตัวลงหน่อยสิ สูงก็สูง ฉันจะใส่ให้นายถึงได้ยังไง”

“ครับผม เรื่องมากจริงนะ”

ยูเคย่อตัวลงตามคำสั่ง ฉันก็เลยเอื้อมมือไปทำท่าท่าเหมือนจะกอดคอเขาจากด้านหลังแล้วจัดการติดตะขอสร้อยให้

“อ่ะ เสร็จแล้ว”

ยูเคก้มมองสร้อยแล้วบ่นอุบ

“โอ้โห...นี่มันกะเทยรัชดาชัดๆ ยัยบ้าเอ๊ยยยย...ทำไมถึงเป็นคนปัญญาอ่อนได้ขนาดนี้นะ”

“นายว่าไงนะ!” ฉันเดินเข้าไปจับบ่าเขาแล้วพลิกให้หันมาประจันหน้ากันอย่างโกรธจัด “นี่เป็นของที่แฟนฉันซื้อให้ นายมาว่าแบบนี้ได้ยังไง!”

“งั้นแฟนเธอก็ปัญญาอ่อน”

“นี่!!!”

(เอ้า! หยุดๆ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว) ไอ้บ้าในโทรศัพท์มือถือตะโกนแทรกขึ้นมา ทำให้ฉันต้องชะงักหมัดที่กำลังจะเงื้อขึ้นมาต่อยหน้าหล่อๆ นั่นเล่นสักหมัด ปากดีนัก!!! (เรารีบมาทำภารกิจต่อไปกันต่อดีกว่า นั่นก็คือสร้างรหัสลับของทั้งคู่ พวกเธอต้องช่วยกันคิดว่าจะใช้รหัสลับอะไรแทนคำสามคำนั้น และคนอื่นต้องไม่รู้รหัสลับนั้นด้วย)

รหัสลับเวรตะไลอะไรอีกล่ะเนี่ย เรื่องเยอะชะมัดอีตาคนนี้

“คำว่าอะไรบ้างนะ” ยูเคถาม

(ขอโทษ ขอบคุณ และขอความช่วยเหลือ)

“มา...คิดให้แล้วกัน” ฉันโพล่งออกไปเพราะกลัวยูเคจะคิดอะไรแย่ๆ ออกมาอีก “ถ้าอยากจะขอความช่วยเหลือก็พูดว่า ‘กระต่ายน้อยหิวข้าวมาก’ ดีมั้ย”

“ปัญญาอ่อน”

“อะไรนะ!”

“เธอคิดอะไรเผื่อฉันบ้างเซ่ นี่! คิดดูนะ ถ้าสมมติว่าฉันเดินตกท่อแล้วร้องเรียกให้เธอช่วย ฉันต้องบอกว่า ‘เฮ้ๆ กระต่ายน้อยหิวข้าวมากกก’ อย่างนี้เหรอไง ยัยติงต๊อง!!!”

แล้วทำไมเขาต้องเดินตกท่อด้วยล่ะ

“งั้นนายจะเอาคำว่าอะไร คิดดีๆ นะ ถ้าน่าเกลียดไม่เอาจริงๆ ด้วย”

“ ‘อยากกินแตงโม’ เป็นไง”

ไม่ปัญญาอ่อนเลยสักนิด

“นี่! แล้วเวลานายเดินตกท่อนนายจะร้องอยากกินแตงโมๆ หรือไงล่ะ มันก็ปัญญาอ่อนเหมือนกันแหละน่า”

“ไม่จริง! แตงโมเป็นผลไม้โปรดฉันเลยนะ”

“กระต่ายก็เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของฉันเหมือนกันอ่ะ!”

“มันติงต๊องเกินไป เชื่อฉันเถอะ แตงโมดีกว่า”

“เอางี้ งั้นถ้าอยากขอความช่วยเหลือให้พูดว่า ‘กระต่ายน้อยหิวข้าวมาก’ แล้วถ้าอยากจะขอโทษก็พูดว่า ‘ฉันอยากกินแตงโม’ โอเคมั้ย!”

ยูเคมองหน้าฉันพลางขมวดคิ้วยุ่ง นี่ฉันพยายามเป็นกลางที่สุดแล้วนะเนี่ย ถ้าไม่เอาก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

“อืม ก็ได้” ไชโย! ในที่สุดเขาก็พยักหน้าตกลงสงบศึก “แต่คำขอบคุณขอฉันเลือกนะ”

แป่ว! นี่มันมัดมือชกนี่นา แต่ก็ได้...เรื่องแค่นี้ฉันไม่อยากจะมีปัญหานักหรอก อะไรก็เอามาเถอะ

“โอเค ฉันให้นายเลือก”

“ฉันขอเลือกการจับมือแทนการพูดว่าขอบคุณ”

หา! อะไรนะ จับมืองั้นเหรอ ฉันนึกว่าเขาจะใช้คำว่า ‘อยากกินส้มตำ’ หรือ ‘อยากกินขี้ไก่’ อะไรทำนองนี้ซะอีก แล้วทำไมเขาถึงเลือกแบบนี้ล่ะ ทำม้ายยย

“เดี๋ยวก่อน ทำไมนายถึงเลือกจับมือล่ะ ทำไมเราไม่ใช้ข้อความเป็นรหัสล่ะ กรี๊ดดดด”

“อ๊ะๆ เธอบอกให้ฉันเลือกเองนะ เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วด้วย”

เจ้าเล่ห์อีกต่างหาก

“งั้นบอกมาก่อนสิ นายเลือกจับมือแทนคำขอบคุณทำไม”

“ก็ฉันอยากจับมือเธออีกนี่นา”

“ง่ะ”

“มือเธอนุ่มดี”

อ๊า...อะไรเนี่ย เขินนะเฟ้ย

โอ๊ะ! แล้วอยู่ดีๆ ยูเคก็ฉวยโอกาสตอนที่ฉันกำลังงงงวยกับรหัสลับยื่นมือมาจับมือฉันไว้หน้าตาเฉย แถมยังบีบเบาๆ อีกต่างหาก

“นะ...นายทำอะไรน่ะ มาจับมือฉันทำไมเนี่ยยยย”

“ทดลองใช้รหัสลับดูไง...ขอบคุณที่เธอให้ฉันเลือกเองนะ ต่อไปนี้จะใช้รหัสลับนี้ทุกวันเลย คอยดูสิ ฮ่าๆๆๆ”

อ๊ากกกกกกกกก กระต่ายน้อยหิวข้าวมากกกกก กระต่ายน้อยหิวจะแย่แล้วววววว

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

ทำไม ‘ไอโฟน’ คนนี้ถึงรักแฟนมากมายขนาดนี้น้า ^_^ แอร๊ยยย เลิฟวิ่งยูทูมัช โซมัช เวรี่มัช
(บัต) ไรต์นาว เขากำลังอยากได้รองเท้าสุดแพงคู่หนึ่ง พลันฉันก็นึกถึงภาพสุดซึ้งยามที่มอบมัน
ให้กับเขาเป็นของขวัญวันเกิดเลยอ่ะ *O* อ๊ายยย จะบ้าตาย... ฉันจะไปหาเงินจากไหนมาซื้อของ
แพงๆ ขนาดนั้นได้ล่ะ T^T
 
 
ทว่าฝันหวานกำลังจะเป็นจริง เมื่ออยู่ๆ ก็มีชายหนุ่มปริศนาคนหนึ่งโผล่มาซื้อรองเท้าคู่นี้แล้วบอกจะ
ยกมันให้ฟรีๆ ถ้าฉันยอมไปใช้ชีวิตอยู่กับ ‘ยูเค’ หนุ่มหล่อเทพเป็นเวลา 10 วัน! แต่มีข้อแม้ว่าพอครบ
กำหนดเมื่อไหร่ ฉันต้องห้ามตกหลุมรักเขาคนนั้นเด็ดขาด ไม่งั้นข้อตกลงทุกอย่างจะถือเป็นโมฆะ
ทันที! เอ่อ จะดีเหรอ มันไม่งามเลยนะ ว่าแต่จะให้เริ่มวันไหน ที่ไหน บอกมาเลย! ภารกิจหมูๆ
แบบนี้คนรักเดียวใจเดียวอย่างฉันโอเค สู้ตายค่า >///<

รีวิว (3)

เขียนรีวิว

6-Six | 3 รีวิว
23/09/2014

ผลงานของนักเขียนแสตมป์เบอรี่อีกหนึ่งเรื่องที่มารวมอยู่ในโปรเจค Sweet10 เนื้อเรื่องสำหรับคนที่ไม่คิดเรื่องความสมเหตุสมผลโดยรวมแล้วจัดว่าสนุกมากค่ะเป็นนิยายสำหรับวัยรุ่น นักเขียนท่านนี้ชอบเขียนฉากฮาๆทำให้เวลาอ่านรู้สึกสบายตาและอ่านไปอมยิ้มไปอย่างไม่รู้ตัวมาหลายเรื่องแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ต่างกัน หากแต่ว่าสำหรับคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่เน้นเรื่องความสมเหตุสมผลเรื่องนี้แทบไม่มีเลยค่ะในเรื่องย่อคือนางเอกกับพระเอกต้องมาอยู่ด้วยกันในห้องๆหนึ่งซึ่ง "พระเอก" ก็เป็นผู้ชายเนอะ ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ผู้หญิงกับผู้ชายที่ไม่รู้จักหน้าค่าตากันมาอยู่ในห้องเดียวกันแบบนี้ใครจะไปทนไหวจริงไหม? ถ้าลองมองในมุมกว้างเราไม่ชอบเล่มนี้เท่าไหร่เลยค่ะ นิยายที่เห็นบ่อยๆที่นางเอกกับพระเอกมาอยู่ในชายคาเดียวกันมีมามากมายแล้วเราก็ตั้งคำถามอยู่บ่อยๆว่าทำไมพล็อตเรื่องแบบนี้มีบ่อยนัก เราเริ่มมาอ่านนิยายในปี 2550 และหลายเรื่องก็มาพล็อตแบบนี้ บางครั้งก็ฝากลูกสาวให้พระเอกดูแลคือไม่เข้าใจฝากไปได้ยังไงในวัฒนธรรมไทยของเรามันก็ดูไม่เหมาะสมเนอะ แต่ในเรื่องนักเขียนท่านนี้ก็เขียนให้แปลกใหม่กว่าเดิมคือการใส่คำว่า "เกมส์" ลงไปเกมส์ที่ต้องอยู่ด้วยกันสองคนและมีกล้องคอยดูพวกเขาสองคนนั้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้น่าสนใจขึ้นมาเกมส์นี้มีเวลาสิบวันให้เล่น เป็นเราๆก็คงไม่รับเนอะถ้ามีใครมาเชื้อเชิญให้เล่นเกมส์ที่ไม่รู้ว่าเป็นเกมส์อะไรจะหลอกไปทำอะไรรึเปล่า แลกกับรองเท้าหนึ่งคู่ที่มีราคาสูง นางเอกทุกเรื่องของแสตมป์เบอรี่เป็นคนร่าเริงและดูบ๊องๆบื้อๆน่ารักค่ะ นอกจากเรื่องของไวท์กับวาที่นำมารีเมคใหม่ให้ไวท์ไปคู่กับดาราคนหนึ่งในเครือของแสตมป์เบอรี่โดยเจ้าปลาน้อยมามีส่วนร่วมด้วยซึ่งเนื้อหาออกแนวผู้ใหญ่อ่านแล้วใจเต้นไปตามๆกันซึ่งเรื่องนั้นเรายกนิ้วโป้งให้เลยค่ะ แต่สำหรับเรื่องนี้ก็ออกมาเป็นแนวสดใสของแสตมป์เบอรี่เช่นเคยทำให้น้องๆเด็กวัยรุ่นอมยิ้มได้เหมือนเคย สำหรับคนที่ชื่นชอบแสตมเบอรี่คิดว่าคงไม่ผิดหวังค่ะ ข้อดีของนิยายเรื่องนี้ -อ่านสนุกเนื้อหาสบายตา -มีความเฮฮาอยู่ในเรื่องตลอด -คนที่ชอบแสตมป์เบอรี่ควรซื้อไปอ่านเพราะนางเอกยังคงสดใสเช่นเดิม ข้อเสีย -ค่อนข้างซ้ำซากจำเจไปหน่อย แต่ก็ยังสนุก -ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ค่ะ เท่าที่เราลองมองในมุมกว้างก็ประมาณนี้ค่ะ
PAKBOONG.HAHA | 3 รีวิว
22/09/2014

เรื่องนี้อยู่ในในโปรเจคนิยายชุด Sweet10 ของสำนักพิมพ์แจ่มใส และเขียนโดยนักเขียนอารมณ์ขันคนโปรดอย่างแสตมป์เบอรี่ เราตามอ่านผลงานของนักเขียนคนนี้มาตั้งแต่เล่มแรก และตามอ่านมาเกือบทุกเล่ม (หลังๆพอเวลาน้อยลงก็ตามอ่านได้ไม่หมด) นิยายเรื่องนี้มีนางเอกกระดี๊กระด๊า ชื่อไอโฟน (ชื่อแปลกจริงๆ แต่ก็ทันสมัยในยุคสามจีดี) ร่าเริงสมกับเป็นนางเอกของแสตมป์เบอรี่เลย ดันไปรับข้อตกลงกับใครก็ไม่รู้เพื่อแลกกับรองเท้าคู่นึงที่แพงหูฉี่ เพราะอยากซื้อให้แฟนเป็นของขวัญแต่เงินไม่พอ แลกกับการที่นางเอกต้องไปใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ชายหล่อเวอร์คนหนึ่งเป็นเวลาสิบวัน แล้วห้ามตกหลุมรักเด็ดขาดไม่อย่างนั้นโดนยึดรองเท้าคืน ด้วยความที่นางเอกมั่นใจในความรักของตนเองกับแฟนมากๆ จึงยอมรับข้อตกลง แต่พอไปทำตามภารกิจจริงๆแล้ว กฎต่างๆของภารกิจมันทำให้นางเอกต้องหวั่นไหวกับหนุ่มหล่อไม่น้อย ไม่ว่าจะนอนกอดกันทั้งคืนบ้างล่ะ เขียนโน้ตถึงกันทุกวันบ้างล่ะ หรือต้องตัวติดกันตลอดเวลา ความสนุกของนิยายตรงนี้อยู่ตรงที่นักเขียนหยอดมุกตลกแทรกอยู่ในเรื่องตลอดเวลา ทั้งบทสนทนา บทบรรยายความคิดของนางเอก หรือเหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่อต่างๆ ส่วนอีกเรื่องคือเราเอาใจช่วยไม่ถูกเลยว่าจะเชียร์นางเอกหรือพระเอกดี เพราะต่างคนก็มีเหตุผลของใครของมัน มันเหมือนเกมแข่งขันที่ว่านางเอกต้องเอาชนะใจตัวเองไม่ยอมรักพระเอก ส่วนพระเอกก็ต้องเอาชนะใจนางเอกโดยการทำให้นางเอกตกหลุมรัก ตอนแรกเราก็เดาไปต่างๆ นาๆ ว่าผู้ชายแปลกหน้าที่ชวนนางเอกมาทำภารกิจนี้คือใคร แต่อ่านไปอ่านมาก็เลิกสนใจแล้วเพราะมาเขินแทนนางเอกมากกว่ากับการจู๋จี๋กันแบบน่าอิจฉา แถมในเรื่องพลิกล๊อคตอนท้ายให้แปลกใจอีก อ่านมาตั้งนานทำไม่ถูกเลยว่าเรื่องจะลงเอยแนวไหน สิ่งที่ชอบที่สุดในเรื่องที่คือการที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ก็มีปมให้ได้คลาย มีเรื่องเซอไพร์สให้ได้ตื่นเต้น บวกกับคาแรคเตอร์นางเอกที่เป็นคนคิดอะไรไปไกลกว่าเรื่องจริง แถมยังติดทะลึ่งทะเล้นนิดๆพอเป็นสีสัน ส่วนพระเอกนอกจากจะหล่อมากตามโปรไฟล์แล้วยังมีความลับลึกๆให้คอยค้นหาอีกด้วย อีกเรื่องหนึ่งที่ชอบคือสิ่งที่นิยายเรื่องนี้บอกกับคนอ่าน (ไม่รู้เราคิดไปเองรึเปล่า) ว่ารักแท้นั้นอาจจะแพ้ความใกล้ชิด หรือไม่ก็อาจจะแค่ สิ่งที่นางเอกคิดว่าเป็นรักแท้อาจไม่ใช่ก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วนางเอกที่ตอนแรกรักแฟนมากๆ และรักเดียวใจเดียว ก็ยังหวั่นไหวไปกับพระเอกที่ต้องอยู่ใกล้ชิดด้วยในระยะเวลาแค่สิบวัน หรืออาจจะเหมือนคำที่เขาว่ากันว่าสามวันจากนารีเป็นอื่นก็ได้ ฮ่าๆ
Boa Hancock | 3 รีวิว
16/07/2014

มาอีกแล้วๆนิยายของผู้แต่งสุดโปรดของเราเอง คือ.... แสตมป์เบอรี่ ค่ะ หนังสือเล่มนี้ก็สนุกไม่แพ้หลายๆเรื่องที่เคยอ่านมาเลยล่ะค่ะ สำหรับเรื่อง “10 Days with Handsome Guy จะบ้าตาย...ห้ามรักนายสุดหล่อ” จะมาในแนวแบบนิยายวัยรุ่นน่ารักกุ๊กกิ๊ก เรื่องย่อๆจะประมาณว่านางเอกของเรื่อง คือ ไอโฟน เป็นผู้หญิงที่รักแฟนมากๆ แฟนหนุ่มของเธอมีชื่อว่า ซิท เรื่องเกิดจากที่ว่าในวันเกิดของซิทเขาอยากได้ของขวัญชิ้นหนึ่งเป็นรองเท้าที่มียี่ห้อและราคาของมันนั้นแพงมากๆ ด้วยความที่ไอโฟนเป็นคนรักแฟนมาก จึงไปที่ร้านขายของนั้นแล้วคิดว่าในวันเกิดปีนี้จะต้องซื้อรองเท้าคู่นี้เป็นของขวัญให้ซิทให้ได้ เมื่อไอโฟนไปมองดูรองเท้าคู่นั้นและทืท่าว่าอยากได้มันมาก ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเหมือนเขาจะรู้ความต้องการของเธอ โดยที่มีข้อเสนอมาแลกเปลี่ยนง่ายๆกับไอโฟน ชายหนุ่มคนนั้นได้ซื้อรองเท้าคู่ที่เธอต้องการมาให้ แต่ไม่ได้ให้ฟรีๆนะคะ คือมันมีข้อแลกเปลี่ยนกันด้วยการให้นางเอกของเราใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายที่ หล่อสุดๆเท่มากๆคนหนึ่ง นั่นก็คือ ยูเค พระเอกของเรื่องนี้เอง โดยข้อตกลงที่ว่านั่นคือตลอด 10 วันที่อยู่ด้วยกันห้ามตกหลุมรักยูเคเด็ดขาด และจะต้องปฏิบัติตามกฎการอยู่ร่วมกันที่ชายหนุ่มคนนั้นตั้งขึ้นมา ถ้าทำได้จะถือว่าเธอเป็นฝ่ายชนะ และได้รองเท้าไปแบบฟรีๆเลย ฝั่งพระเอกก็ต้องทำให้นางเอกหลงรักให้ได้ แล้วทั้งสองคนที่อยู่ร่วมกันได้ใช้ชีวิตในแต่ละวันร่วมกันก็ทำให้เกิดเป็นความรักโดยไม่รู้ตัว แต่ว่าติดที่ไอโฟนมีแฟนแล้วนี่สิ แต่ซิทแฟนของเธอก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรเลย ลับหลังก็แอบคุยกับผู้หญิงคนอื่นไปทั่วโดยที่ไอโฟนไม่เคยรู้เลย หนังสือเล่มนี้แสตมป์เบอรี่เขียนได้น่ารักมากค่ะ ส่วนตัวชอบมากแบบว่าอิจฉานางเอกกันเลยทีเดียวที่ได้อยู่กับหนุ่มหล่อตั้งสิบวันแหนะ เนื้อเรื่องเดาได้ไม่ค่อยยากเท่าไหร่ค่ะ มีการเดินเรื่องที่เข้าใจง่ายสรุปเป็นวันๆจนครบทั้ง 10 วันว่ามีเรื่องราวอะไรต่างๆเกิดขึ้นกับทั้งพระเอกและนางเอกบ้าง อ่านไปก็ลุ้นไปค่ะว่านางเอกจะทำได้หรือเปล่าที่ไม่หลงรักพระเอก การใช้คำพูดของนางเอกก็จะออกแนวตลกๆอ่านแล้วสามารถทำให้คลายเครียดหัวเราะได้เลยเป็นปกติของผู้แต่งคนนี้ค่ะ แล้วสรุปว่านางเอกจะเลือกใครกันแน่ เพราะถ้าครบกำหนด 10 วันแล้ว เธอก็จะต้องออกจากยูเคไปเพื่อกลับไปอยู่กับแฟนของตัวเอง สรุปแล้วสนุกค่ะอ่านเพลินๆได้เรื่อยๆค่ะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (69 รายการ)

www.batorastore.com © 2024