Casanova Hunting ภารกิจ(ไม่)ลับกำจัดนายตัวแสบ เล่ม 1-2 (หนุ่มกรุงโซล)
ประหยัด: 208.50 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 2 รายการราคา 173.00 บาท - 175.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
“ฮ้าวววววว”
นี่คือเสียงครวญครางหลังจากที่ฉันหรี่ตาขึ้นในความมืด ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาซึ่งบอกเวลา 3.45 น.
อีกสิบห้านาทีจะเป็นเวลาตีสี่ คนทั่วไปอาจจะกำลังหลับลึกอย่างสบายสุดๆ แต่สำหรับฉันแล้วมันเป็นเวลาแห่งความทรมานสุดยอด ใช่แล้ว..มันคือเวลาตื่นนอนของฉันเอง ช่วงเวลาแห่งการลุกจากเตียงเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับทุกคนจริงๆ ฉันขอยืนยัน
แต่คิดดูอีกทีมันก็อาจจะไม่แปลกสำหรับเด็ก ม.6 ทั่วๆ ไปที่ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อมาอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยก่อนจะอาบน้ำไปโรงเรียน ซึ่งฉันเองก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอกนะ ทว่าเด็ก ม.6 อย่างฉันกลับมีชีวิตที่ประหลาดกว่าชาวบ้าน ฉันต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาปั่นจักรยานส่งหนังสือพิมพ์ทุกวัน แต่ก็นับว่าเป็นการออกกำลังกายตอนเช้าที่เรียกเหงื่อได้ดีทีเดียวเชียว
พอคลานลงมาจากเตียงนอนได้ ฉันก็เปลี่ยนจากกางเกงนอนตัวจิ๋วเป็นกางเกงวอร์มขายาว ส่วนเสื้อยืดที่ใส่นอนก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไรเลย ยังใส่ตัวเดิม จากนั้น็วักน้ำใส่หน้าให้ตาสว่างขึ้นหน่อย สำรวจสภาพตัวเองในกระจก สางผมที่ยาวประบ่าให้เข้าที่สักเล็กน้อย ไม่ดีกว่า ฉันรวบผมขึ้นแล้วหยิบหมวกแก๊ปมาสวมทับ ค่อยรู้สึกทะมัดทะแมงขึ้นหน่อย แค่นี้ก็พร้อมออกไปปฏิบัติภารกิจของเช้านี้แล้ว
โปรดอย่าถามว่าไม่ล้างหน้าแปรงฟันก่อนเหรอ เพราะหลังจากไปส่งหนังสือพิมพ์ฉันก็ต้องกลับมาอาบน้ำอยู่ดี งั้นรวบยอดเลยทีเดียวประหยัดน้ำช่วยชาติ! ฮะฮ่า!
แกร๊ก! ฉันปลดกลอนประตูบ้านแล้วเปิดออกไป ลมเย็นยามเช้ามืดพัดสวนกลับเข้ามาทำให้รู้สึกสดชื่นสุดๆ ความง่วงจะหายไปก็ตอนนี้แหละ
เมื่อเปิดประตูบ้านออกไปก็จะเป็นบันไดหินอ่อนประมารเจ็ดแปดขั้นลดหลั่นกันลงไปสู่สนามหญ้าซึ่งถูกตีกรอบไว้ด้วยรั้วที่ไม่สูงมากนัก
“เฮ้ย!”
ฉันเผลออุทานออกไปเสียงดังมากๆ เมื่อพบว่าที่บันไดหินอ่อนชั้นล่างสุดนั้นมีใครบางคนนั่งอยู่ ดูจากผมดำขลับที่ยาวถึงกลางหลังแล้ว สันนิษฐานว่าต้องเป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน
เสียงอุทานของฉันทำให้ผู้หญิงคนนั้นหันขวับมาอย่างรวดเร็ว จังหวะนั้นฉันเผลอก้าวถอยหลังไปนิดหน่อย เพราะในสมองมีภาพผีสาวทำหน้าสยองใส่ พระเจ้าช่วยฉันด้วย เกิดมาไม่เคยเจอผีบุกถึงหน้าบ้านมาก่อน ฉันหลับตาปี๋และเริ่มสวดมนต์อย่างผิดๆ ถูกๆ (เพราะนานๆ จะสวดที)
“นะโม...พุทโธ...”
หมับ!
และฉันต้องสะดุ้งโหยงอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามันมาถึงตัวแล้ว แต่แทนที่ฉันจะโดนบีบคอหรือโดนอะไรแบบที่ควรจะเป็น จู่ๆ ร่างกายของฉันก็ถูกสวมกอดเข้าอย่างเต็มแรง
“ฉันมาแล้วค่ะ!”
เสียงอันสดใสนั้นทำให้ฉันลบภาพผีสาวออกจากสมองแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นตอนนี้คือผู้หญิงหน้าตาน่ารักสุดๆ คนหนึ่งกำลังสวมกอดพร้อมกับซุกใบหน้าของเธอลงมาบนหน้าอกอันราบเรียบของฉัน สังเกตเห็นว่าที่หลังของเธอสะพายเป้ใบใหญ่โตเหมือนจะอพยพย้ายถิ่นฐาน ว่าแต่ทำไมจู่ๆ สาวสวยคนนี้ถึงมานั่งอยู่ตรงขั้นบันไดหน้าประตูบ้านได้ เธอกระโดดข้ามประตูรั้วมาหรือยังไงกัน แถมยังพุ่งพรวดเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงฉันอีก
“เธอเป็นใคร”
ฉันถามออกไปด้วยความสงสัยจับจิต
พอฉันถามแบบนั้น เธอก็ทำหน้าอึ้งทึ่งนิดหน่อย
“ทำไมถึงมานั่งอยู่หน้าบ้านฉันหา”
พอฉันถามย้ำไปอีกรอบ เธอก็ตอบกลับมาเสียงดัง
“พี่...!!”
“แล้วยังมากอดแน่นขนาดนี้ มันน่าขนลุกนะ!”
ใช่...มันน่าขนลุกมาก โดนผู้หญิงด้วยกันกอดแบบพิศวาสขาดใจแบบนี้ ฉันรีบสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดเธออย่างเร็ว
“พี่เป็นคนบอกให้ฉันมาที่นี่ แล้วทำไมถึงได้...”
“หา? ฉันเนี่ยนะบอกให้เธอมาที่นี่! เธอบ้าหรือเปล่า ฉันไปพูดอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน!”
“ที่แท้พี่ก็คิดจะล้อเล่นกับฉันเหมือนที่ทำกับคนอื่นๆ ใช่ไหม...”
อยู่ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็มีน้ำตาเอ่อล้นออกมาจากเบ้าตาทั้งสองข้าง มันดูไม่เหมือนคนเสแสร้งซะด้วยสิ อะไรกันน่ะ นี่มันเรื่องอะไรกัน
“เฮ้! เป็นอะไรของเธอน่ะ”
“คนหลอกลวง ฉันจะไม่เชื่อพี่อีกแล้ว”
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย มีแต่ประโยคนี้วนไปเวียนมาในสมองฉัน
“ถ้าคิดจะทิ้งฉันก็ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไขสือก็ได้นี่! พูดความจริงออกมาดีกว่า”
ขณะที่ฉันกำลังทำอะไรไม่ถูกนั่นเอง
“พี่จูไล!”
อยู่ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็ตะโกนขึ้นมาและมองผ่านฉันไปทางด้านหลัง ฉันได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวที่ดังมาจากในตัวบ้าน พอหันกลับไปมองก็พบว่ามีใครคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูบ้านที่ฉันเปิดค้างเอาไว้ และวินาทีนั้นฉันก็พบว่าสาเหตุทั้งหมดมาจากไอ้น้องชายฝาแฝดของฉันนี่เอง
“ไอ้จูไล!”
ฉันตะโกนเรียกชื่อน้องชายฝาแฝดของตัวเองที่เดินออกมาพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่เหมือนจะย้ายประเทศ อ๊ะอา...ฉันเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องขึ้นมาได้สักนิดสักหน่อยแล้วล่ะ
“อ้าวเจ๊”
เขาหันมาทักฉันเหมือนอึ้งๆ ปนงงๆ นิดหน่อย หน้าตาดูเหมือนยังตื่นไม่เต็มตา ก่อนจะเหลือบไปมองสาวสวยที่ปรากฏตัวขึ้นในรั้วบ้าน
“พี่จูไล ทำไมถึงได้มีสองคน นี่มันอะไรกันคะ”
ผู้หญิงคนนั้นมองฉันกับน้องชายฝาแฝดสลับกันไปมาไม่หยุด
“นี่พี่จูเลียตพี่สาวฝาแฝดที่ฉันเคยเล่าให้ฟังไง จำไม่ได้เหรอ”
“อ๊ะ! พี่สาวฝาแฝด...”
สวน้อยคนนั้นมองฉันอย่างตะลึงงัน
“แต่ว่า...”
และเธอก็ยังมองฉันกับเจ้าจูไลสลับไปสลับมาอย่างอึ้งทึ่งเสียว
“ฮะๆๆ ยัยเจ๊อาจจะดูแมนไปหน่อย ไม่ต้องตกใจ นี่พี่สาวฝาแฝดของฉันจริงๆ พี่จูเลียต ชื่อออกจะหวานขนาดนี้”
“อ๊ะ...วะ...หวัดดีค่ะพี่จูเลียต ขอโทษทีนะคะเรื่องเมื่อกี้ ฉันคิดว่าพี่เป็นพี่จูไลเลยเข้าใจผิดไปนิดหน่อย”
เธอรีบก้มหัวขอโทษขอโพยฉันเป็นการใหญ่
“อ่า...เอ่อ...ไม่เป็นไร”
“ขอโทษนะคะขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“อย่าเกลียดฉันนะคะ ฉันขอโทษ”
“ไม่เป็นไรจริงๆ จ้ะ แหะๆ”
“ฉันขอ...”
ผู้หญิงคนนี้ทำไมต้องพูดขอโทษอะไรมากมายขนาดนี้นะ และเพราะอย่างนั้นฉันเลยต้องรีบตัดบทด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเด็ดขาด
“ไม่เป็นไร!”
เธอทำหน้าเหมือนจะกลับไปร้องไห้อีกแล้ว ให้ตายสิ
“เอ่อ...จ้ะ...ไม่เป็นไร”
“เอ่อ...เจ๊...นี่น้องปาล์ม แฟนผมเอง”
“หา!”
นี่เป็นครั้งแรกที่น้องชายฝาแฝดแนะนำแฟนให้ฉันรู้จักอย่างเป็นทางการ พระเจ้า! ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ ก็เขาเคยพูดเอาไว้ว่า...
‘คนนั้นควงไปงั้นๆ แหละเจ๊ไม่ต้องรู้ชื่อหรอก ไว้วันไหนเจอตัวจริงแล้วเดี๋ยวจะพามาแนะนำถึงหน้าบ้านเลย โอเคนะ เพราะงั้นเลิกถามแบบสัมภาษณ์ดาราได้แล้ว’
“ผมจะไม่อยู่สักระยะนะเจ๊ ดูแลไอ้พวกนั้นดีๆ ล่ะ”
(ไอ้พวกนั้น = น้องชายอีกสามคนและน้องสาวอีกหนึ่งคน)
“จะไปไหนของแกน่ะ!”
“พักผ่อนหย่อนอารมณ์!”
“แล้วโรงเรียนล่ะ!”
พอฉันท้วงถึงโรงเรียน เขาก็รีบตัดบท
“ไปแล้วนะคร้าบบบ!!”
“ไปนะคะ”
ทั้งคู่โบกมือให้ฉันพร้อมกับทำหน้าแบบเดียวกัน จากนั้นก็จับมือกันเดินออกไปด้วยสเต็ปที่พร้อมเพรียงกันราวกับตุ๊กตาไขลาน
“เฮ้!”
ฉันตะโกนตามกระเป๋าเป้สองใบที่กำลังเล็กลงไปเรื่อยๆ รู้สึกได้ถึงประกายแห่งความรักที่เปล่งแสงระยิบระยับออกมาจากตัวสองคนนั้น ดูเป็นคู่รักที่น่าอิจฉามากๆ
นี่น่ะเหรอ...ความรัก...
หมอนั่นเกิดหลังจากฉันไม่กี่นาที แต่ตอนนี้กลับได้พบพานและผ่านความรักมามากมายจนกระทั่งได้เจอกับรักที่สวยงามแล้ว แล้วฉันล่ะ...ฉันมัวทำอะไรอยู่นะ ตลอดสิบกว่าปีมานี้ฉันมัวแต่ทำบ้าอะไรอยู่ฟะ
ใช่...ฉันควรจะรีบไปปั่นจักรยานส่งหนังสือพิมพ์ได้แล้ว!
“Fighting!!”
Chapter I
The Order I ใบสั่งเก็บ
1
7.15 น.
“แฮกๆๆ”
ฉันจอดจักรยานไว้ที่หน้าบ้านก่อนจะกุลีกุจอวิ่งกลับเข้าบ้านไป
“ผมไปเรียนล่ะนะ”
มาร์ช...น้องชายคนรองเดินสวนออกมาพร้อมกับกลิ่นสะอาด ตรงกันข้ามกับฉันโดยสิ้นเชิง (ตอนนี้เหงื่อซ่กไปทั้งตัวเลย ยี้)
“ปลุกไอ้ตี๋ขี้เซายังอ่ะมาร์ช”
“เมื่อคืนมันนอนเกือบเช้า ปลุกยังไงก็ไม่ตื่นหรอก”
“ไอ้บ้านั่น สงสัยจะคิดถึงน้ำในส้วมจนทนไม่ไหว”
“เฮ้! อย่าให้เลอะเตียงผมแบบคราวก่อนนะเจ๊!”
“กำทไมไม่ยอมปลุกมันล่ะ”
“ฮู่วววว...จัดการกันเองก็แล้วกัน แต่อย่าให้เลอะเตียงผมนะ!”
เนื่องจากมาร์ชกับออกัสนอนเตียงสองชั้น แล้วอีตาขี้เซาออกัสดันนอนอยู่ข้างบน ถ้าฉันเอาน้ำสาดใส่มัน น้ำก็จะหยดติ๋งๆ ลงมาที่เตียงข้างล่างของมาร์ชซึ่งตื่นนอนเป็นระบบระเบียบและดูจะเป็นผู้เป็นคนที่สุดในบ้านหลังนี้ เพราะงั้นฉันเลยไม่อยากจะทำอะไรให้กระทบกระเทือนเจ้ามาร์ชสักเท่าไร
จากนั้นฉันก็เดินตรงดิ่งไปที่ครัว กลิ่นหอมของอาหารเช้าโชยมาแตะจมูกฉันอย่างแรง
“หลบหน่อยเจ๊ ของร้อน!”
อ็อคโตเดินถือกระทะมาวางบนโต๊ะอาหารแล้วจัดแจงแบ่งไข่ดาว ไส้กรอก และเบคอนที่ทอดเสร็จร้อนๆ ออกเป็นสี่จาน เอพริลน้องสาวคนเล็กถือช้อนกับส้อมเตรียมโซ้ยแล้ว
“หิวๆๆๆ”
“เจ๊ก็หิว”
แต่ว่าต้องจัดการเรื่องเงินก่อน ฉันลากเก้าอี้มาเพื่อใช้เหยียบเพิ่มความสูงให้ตัวเองเปิดชั้นเก็บของที่บิลท์อินติดกับส่วนเพดานของมุมห้องครัวได้ ซึ่งตรงนั้นนอกจากจะเป็นที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ในครัวแล้วยังเป็นที่เก็บกล่องมหัศจรรย์ของฉันอีกด้วย จริงๆ แล้วมันคือกล่องคุกกี้ที่นำมารีไซเคิลเป็นกล่องเก็บเงินนั่นเอง!
ฉันหยิบกล่องเก็บเงินมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าวแล้วนั่งลงร่วมวงกับอ็อคโตและเอพริลที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินอาหารเช้ากัน
อ๊ะ! พอพูดถึงน้องๆ แล้วอาจจะมีคนสงสัยเกี่ยวกับชื่อประหลาดๆ ที่ดูจะไม่มีความเกี่ยวดองกันสักนิด ทว่า...มันมาจากชื่อเดือนเกิดในภาษาอังกฤษของพวกเราแต่ละคน ยกตัวอย่างเช่น เอพริลก็มาจาก April ชื่อเดือนเมษายน อ็อคโตก็มาจาก October ชื่อเดือนตุลาคม คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ส่วนฉันกับจูไลที่ดันเกิดมาพร้อมกันนั้น แม่ให้ชื่อเดือนกรกฏาคมในภาษาอังกฤษกับเจ้าน้องชายฝาแฝดไปเพราะฟังจากการออกเสียงแล้ว
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)