Devil Boy ยุ่งนักรักผู้ชายอันตราย เล่ม 02
ประหยัด: 45.15 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 4 รายการราคา 50.00 บาท - 109.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
35
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
เสียงกระดิ่งดังอย่างต่อเนื่องทำให้เซโจที่กำลังช่วยแฟนเพลงที่ขาแพลงหันขวับทันที เขารีบแหวกหมู่ผู้คนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ออกมาแล้วมองไปยังที่ที่น่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนรออยู่ แต่บัดนี้กลับไร้ร่างของผู้หญิงคนนั้น!!!
“บ้าเอ๊ย!!!”
เขาอุทานออกมาเต็มเสียง
“เกิดอะไรขึ้นวะ”
ทาโร่เข้ามาถามเซโจที่กำลังยืนบีบมือตัวเองแน่น
“ยัยนั่น...หายไปแล้ว”
“แล้วนายมายืนทำบ้าอะไรวะ!!!”
ทาโร่ว่าแล้ววิ่งเข้าไปลากเจ้าหน้าที่ออกมาจากกลุ่มคน เขากระชากคอเสื้อของเจ้าหน้าที่ขึ้นมาด้วยความเดือดดาล
“บอกหน่อยว่าข้างล่างนี่คืออะไร!!!”
“ปะ...ปะ...ปะ...เป็นที่อยู่ของเหล่าหมาป่าครับ”
“ว่าไงนะ!!!”
“เดี๋ยวครับ!!! ลงไปไม่ได้นะครับ เราจะยืนส่องไฟฉายดูกันข้างบนลงไปข้างล่างมันอันตรายมากครับ”
“ถ้าจะลง ต้องลงไปทางไหน...”
ทาโร่ถามพลางก้มหน้า สองมือของเขากำลังบีบมือของตัวเองแน่น
“ดะ...ดะ...ด้านข้างนี่ครับ”
ว่าแล้วทาโร่ก็รีบวิ่งไปทางด้านข้างทันที ปล่อยให้เซโจยังคงบีบมือตัวเองและสั่นไปทั้งร่าง เขายืนมองอยู่ด้านบนแล้วหันไปบอกอันไซกับชินโงไว้เป็นประโยคสุดท้าย...
“แล้วเจอกันว่ะ...”
ทันทีที่สิ้นเสียง เซโจก็กระโดดลงไปจากที่อยู่ตรงหน้านั้นทันที!!! อันไซกับชินโงได้แต่ตาโตตกใจกับเหตุการณ์ข้างหน้าพลางคว้าคอเสื้อของเจ้าหน้าที่อีกสองคนเข้ามาใกล้ๆ แล้วพูดข้างหู
“เรียกเฮลิคอปเตอร์เดี๋ยวนี้!!!”
“ตะ...ตะ...แต่กว่าเฮลิคอปเตอร์จะมา...”
“งั้นเอาวิทยุติดต่อมานี่!!! เร็วสิ!!!”
ว่าแล้วเจ้าหน้าที่ก็ยื่นวิทยุติดต่อให้อันไซทันที
“ส่งเฮลิคอปเตอร์มาด่วน ถ้าไม่อยากตาย!!! ได้ยินใช่มั้ย!!!”
อันไซตะโกนตามสาย แล้วเสียงตามสายก็ตอบกลับมา
“ประมาณอีกสองชั่วโมงครับ!!!”
“ใครบอกสองชั่วโมง!!! สิบนาทีก็มากเกินไปแล้ว!!!”
บรรยากาศที่มืดสนิท ฉันตื่นขึ้นมาบนพื้นแข็งๆ ที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งดังกรอบแกรบ ก่อนที่จะกุมหัวตัวเองเอาไว้ด้วยความปวด โอย ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย...ทันทีที่ฉันกำลังจะลุกขึ้น ขาเจ้ากรรมก็ดันไม่เป็นไปตามคำสั่ง มันหยุดนิ่งและพอจับเข้าไปตรงเท้าก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที โฮๆๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย!
“เดวิล...”
ทันทีที่เสียงของฉันดังขึ้น เสียงฟู่ฟ่ารอบตัวก็ดังขึ้นอย่างหนาหู ฉันตกใจจนต้องลากตัวไปอยู่ข้างๆ ต้นไม้ใหญ่ ราวกับว่ารอบตัวกำลังมีบางสิ่งล้อมรอบอยู่ เพราะเสียงฟู่ฟ่าดังอยู่รอบตัวฉัน ไม่ว่าจะหันไปทางใดก็รู้สึกว่าไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แล้วเสียงดังกรอบแกรบก็ดังขึ้นพร้อมๆ กันเหมือนมีบางสิ่งกำลังก้าวเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ
“บรู้วววว บรู้วววว”
เสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ฉันสะดุ้งเฮือกและปิดหูตัวเองทันที น้ำเหนียวๆ ที่ติดอยู่ตรงแขนฉันตอนนี้ยังไม่แห้งอีกหรือเนี่ย ฉันแตะที่น้ำนั้นแล้วเอามือมาแตะปลายจมูก กลิ่นสนิมแบบนี้! มันคือเลือดนี่นา! ไม่ผิดแน่ล่ะ เพราะเลือดมีส่วนผสมของธาตุเหล็กอยู่และ...และ...ฉันพอจะเดาได้แล้วว่า...ว่าคนที่วิ่งชนฉันเมื่อตอนหัวค่ำ น้ำที่ถูกแขนฉันไม่ใช่น้ำเปล่าธรรมดาๆ แต่มันคือเลือด...
และดูเหมือนว่าเธอนั่นเองที่เป็นคนผลักฉันให้ตกมาอยู่ที่นี่
“ฟู่ๆๆๆ ฟ่า”
“พระเจ้า...หมาป่า!”
ว่าแล้วตัวเป็นๆ ของมันก็โผล่ออกจากดงหญ้ามาล้อมรอบตัวฉันไว้ จะมีใครโชคดีได้สัมผัสกลิ่นอายของหมาป่าตัวเป็นๆ หลายสิบตัวแบบนี้บ้างนะ!!! ขนของมันเป็นสีน้ำตาล หูก็กำลังตั้งและแยกเขี้ยวออกมา ฉันค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปชิดกับต้นไม้มากขึ้น...
“ตายแน่ๆ”
“กรงเล็บของพวกแกใช้ได้เลยนะ”
“กินฉันได้เลย แต่ขอศพที่สวยที่สุดเท่าที่พวกแกเคยขย้ำมานะ”
“ตายแน่ๆ...”
ขวับ!!!
“อย่างเธอน่ะ...ฉลามยังรอดมาแล้ว เรื่องอะไรต้องมาตายเพราะหมาป่ากระจอกๆ”
“เซโจ”
ทันทีที่ฉันกำลังจะปิดตา จู่ๆ เซโจก็เข้ามารวบตัวฉันไว้พร้อมกับร่างกายที่เปียกโชกและเต็มไปด้วยเหงื่อ เขายักคิ้วให้ฉัน หมอนี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ขนาดจะตายอยู่แล้วยังมีหน้ามายักคิ้วให้ฉันอีก
แถมตอนที่ยักคิ้วน่ะทำให้เหงื่อของเขาหยดลงมาจากใบหน้าอีกหนึ่งหยดล่ะ
“ว่าไง...”
“นายจะบ้าหรือไง จะตายอยู่แล้ว ทำไมยังทำหน้าระรื่นอยู่ได้!!!”
“ใครบอกว่าจะตาย หมาป่าพวกนี้ไม่ทำอะไรเราหรอกน่า”
“...”
“นอกเสียจาก...เลือดที่ติดอยู่ที่แขนเธอ เพราะพวกมันได้กลิ่น”
“ละ...ละ...แล้วจะทำยังไงดีล่ะ”
พึ่บ!!!
ทำไมหมอนี่ถึงชอบถอดเสื้อนักนะ เซโจถอดเสื้อสีขาวบางๆ ออกมาแล้วพันเข้ากับแขนที่เต็มไปด้วยเลือดของฉันไว้ เขาช้อนตัวฉันขึ้นไปอุ้มทันทีก่อนที่จะเอาซากนกที่ไหนก็ไม่รู้ออกมาโยนไปซะไกล ทันใดนั้นเอง!!! มันก็ไม่มีอะไรที่นอกเหนือไปกว่าการเผ่น!!! เขาที่กำลังอุ้มฉันวิ่งหยุดชะงักทันทีที่แสงจากเฮลิคอปเตอร์ส่องมาตรงที่ราบ เขาแหงนขึ้นไปมองเฮลิคอปเตอร์และลมที่พัดอยู่ทำเอาใบไม้แห้งปลิวว่อน
เช่นเดียวกับหมาป่าทั้งหลายที่วิ่งเข้ามาล้อมตัวเขาไว้ทันที!!!
ฉันแหงนมองขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ก่อนที่จะเห็นทาโร่เล็งปืนตรงมาที่ฉันและเซโจที่กำลังอุ้มฉันอยู่!!! นี่หมอนั่นเป็นบ้าไปแล้วหรือไงนะ!!!
“เขากำลังจะยิงพวกเรา!!!”
“ยัยทึ่ม...ใครบอกให้เธอคิดแบบนั้น”
“ก็ดูสิ! เขากำลังเล็งปืนมาที่เรานะ!”
“แค่หลับตาเอาไว้เหมือนตอนที่เธอนอนหลับไง”
“ฉันทำแบบนั้นไม่ลงแน่!!!”
“เธอคิดว่าอย่างหมอนั่นจะพลาดงั้นเหรอ...”
“หมายความว่ายังไง”
“ความสามารถพิเศษ...ดูเอาเองแก็แล้วกัน”
เซโจยักคิ้วพลางมองขึ้นไปข้างบน เช่นเดียวกับทาโร่ที่ยักคิ้วตอบกลับมาพลางแสยะยิ้มที่มุมปาก แล้วเขาก็เล็งปืนมายังฉันอีกครั้งก่อนที่จะ...!!!
36
ปังๆๆๆๆๆๆ!
เสียงปืนดังขึ้นรอบตัวจนฉันต้องหลับตาปี๋ เซโจก็หลับตาไปพร้อมๆ กับฉันแต่มุมปากเขายังคงยิ้มราวกับว่าเรื่องแบบนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แล้วเขาไว้ใจทาโร่มากน้อยแค่ไหนกัน เสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้งจนชั่ววูบหนึ่งก็เกิดฝุ่นขึ้นรอบตัวและมองไม่เห็นสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น จากนั้นเสียงปืนก็สงบลงพร้อมๆ กับฝุ่นละอองที่ค่อยๆ หายไปทีละน้อย...ทีละน้อย...
“นะ...นะ...นี่ ฉันและนายยังไม่ตายใช่มั้ย”
“แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ”
“พระเจ้าช่วย ไม่อยากจะนึกภาพเมื่อกี้เลย หัวใจฉันแทบจะหยุดเต้น”
“แอบลืมตาขึ้นมาดูหรือไง”
“มองไม่เห็นอะไรรอบตัวเลย...กลายเป็นสีฝุ่นและใบไม้แห้งปลิวว่อนเต็มไปหมด”
“มันสวยใช่มั้ยล่ะ”
“แต่เดี๋ยวสิ!!! หมาป่าหายไปไหนหมดล่ะ!!! แม้แต่ซากก็ไม่มี”
“หึๆๆๆ บอกแล้วไง...ความสามารถพิเศษของหมอนั่น”
“นายจะบ้าหรือไง หมอนั่นคงไม่เสกให้หมาป่าหายไปหรอกน่า”
“แล้วใครบอกว่าหมอนั่นเสกเล่า...พวกหมาป่ากลัวเสียงปืนที่หมอนั่นรัวออกมาน่ะ สิ่งมีชีวิตที่ไหนบ้างที่จะไม่กลัวลูกกระสุนที่กำลังดังปังๆ อยู่ข้างๆ ตัวเอง หมาป่าก็คิดแบบนั้น ส่วนที่ว่าหมอนั่นยิงยังไงไม่ให้โดนพวกเราหรือแม้แต่หมาป่าสักตัวหนึ่งก็ยังไม่ตาย นั่นเธอต้องไปถามหมอนั่นเอาเองซะแล้วล่ะม้ง
“ฉันชักจะปลื้มแล้วแฮะ”
พลั่ก!!!
“โอ๊ย!!! นายโยนฉันลงมาทำไมเนี่ย”
“ให้คนที่เธอปลื้มลงมาช่วยเองแล้วกัน”
ว่าแล้วทาโร่ก็โรยตัวลงมาพอดี เซโจปะทะมือกับทาโร่พลางใช้กำปั้นทุบไปที่หน้าอกของกันและกัน
“เจ๋งว่ะ ฝีมือไม่ตกนี่”
“แน่นอน ทาโร่ซะอย่าง”
“ได้ใจใหญ่เลยนะ”
“แล้วนายทิ้งยัยนั่นลงพื้นทำไม”
“รอให้นายไปช่วยไง ขายัยนั่นเดี้ยงว่ะ! ฝากด้วยนะเฟ้ย”
ว่าแล้วเซโจก็จับบันไดโหนขึ้นไปก่อนใครเพื่อน
“โอย”
“เอ้า! ลุกได้แล้ว”
“ฉันเกลียดปีศาจ หมอนั่นทิ้งฉันลงพื้นแรงซะด้วย! เดี๋ยวเขาต้องตายแน่ๆ!”
“ฮ่าๆ เธอพูดอะไรไม่เข้าท่าอีกล่ะสิ”
“เปล่าเลยนะ หมอนั่นหาเรื่องฉัน!”
“เมื่อกี้ขอโทษทีที่ทำให้เธอตกใจ”
“แต่นายก็ช่วยฉันไว้นี่ เท่ชะมัดเลย”
“เป็นบ้าอะไรของเธอ”
ว่าแล้วทาโร่ก็หลีกเลี่ยงด้วยการช้อนตัวฉันขึ้นมาอุ้ม
“อย่าบอกนะว่านายเขินน่ะ ฮิ้วๆๆๆ”
“อยากตกลงไปที่พื้นเหมือนเมื่อกี้มั้ย”
“ล้อเล่นน่า”
“ไม่น่าเชื่อแฮะ”
“อะไร”
“ตอนที่ลงไปช่วยเธอ หมอนั่นไม่ได้เดินไปตามทางที่มีไว้ให้เดินแม้แต่น้อยเลยน่ะสิ แล้วเธอไม่สงสัยบ้างเหรอว่าหมอนั่นไปเก็บนกมาจากไหน แถมร่างกายที่เปลือยเปล่าท่อนบนนั่นอีก มันไม่ได้ทำให้เธอใจเต้นโครมครามเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ หรอกเหรอ”
“เอ่อ ฉันกำลังตกใจมากกว่ามั้ง...อ่า ใช่ๆ ใช่เลย”
“เธอนี่โก๊ะชะมัดเลย”
“นี่...เรื่องนี้ปิดเป็นความลับนะ ห้ามบอกคุณกังเป็นอันขาด แล้วก็ห้ามให้แฟนเพลงรู้ด้วย เพราะการเข้าค่ายต้องมีต่อไปจนกว่าจะจบในวันพรุ่งนี้เช้า”
“โอเคคร้าบบบ...ผมจะไม่บอกใครเลยยยย”
“พอไม่ขี้เก๊กแล้วนายก็น่ารักดีนี่นา”
“หืม? อ่ะแฮ่มๆ”
ฉันหัวเราะตามหลังโดยที่ทาโร่ยังอุ้มฉันไว้ หมอนี่ชอบทำโก๊ะๆ เวลาอยู่ต่อหน้าฉัน แต่ทีกับคนอื่นล่ะวางมาดซะเต็มที่ มันน่าหัวเราะคนประเภทนี้ซะจริงๆ
อีกคืนที่แสนทรมานกำลังจะผ่านพ้นไป เมื่อฉันมาถึงเต็นท์คุณกังก็หนีไปนอนที่ไหนไม่รู้ ปล่อยให้ฉันนอนเต็นท์เดียวกับอีตาบ้าเดวิลพวกนี้อีกแล้ว!!! ข้อเท้าของฉันถูกพันไว้ด้วยฝีมือการปฐมพยาบาลของทาโร่ ฝีมือเนี้ยบเหมือนผู้หญิงเลย น่ารักจริงๆ ทำไมคืนนี้นอนไม่หลับนะ เพราะแปลกที่ก็เลยนอนไม่หลับงั้นเหรอ ฉันเดินออกไปนอกเต็นท์เมื่อเห็นว่าทุกคนหลับกันไปหมดแล้ว
แสงไฟเล็กๆ จากกองไฟยังสู้แสงของดวงจันทร์ไม่ได้เลย หลังเที่ยงคืนดวงจันทร์ก็สว่างไสว ทำไมถึงเห็นดาวได้ชัดเจนนักนะ ข้างๆ มีแสงเล็กๆ จากหิ่งห้อยที่พากันสู้แสงอย่างเต็มที่ ฉันรวบเสื้อโค้ตเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้นเมื่อมีลมพัดผ่าน ชีวิตบ้าๆ ของฉันจะมีใครเหมือนบ้างนะ
มันเป็นชีวิตที่...เหลือเชื่อจริงๆ ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)