Brush Your Love Off ซัมเมอร์วุ่นรักป่วนนักหัวใจ

Brush Your Love Off ซัมเมอร์วุ่นรักป่วนนักหัวใจ

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160613823
ผู้แต่ง: Mina
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 129.00 บาท 32.25 บาท
ประหยัด: 96.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

“ฉันมีอะไรจะบอกเธอ”

คำพุดของคนตรงหน้าทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นจากนิตยสารที่กำลังอ่านอยู่ พอดีกับที่พนักงานเดินมาเสิร์ฟน้ำให้กับเราสองคน

“ฉันก็มีอะไรจะบอกนายเหมือนกัน” ฉันปิดนิตยสารลง แล้วเก็บมันใส่กระเป๋า

“...หรือจะกินข้าวก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน”

ฉันยกมือขึ้นเท้าคางแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ร้านอาหาร คนเยอะๆ แบบนี้ คงอีกนานแน่กว่าอาหารจะมา

“คุยเลยแล้วกัน ไหนๆ เราสองคนก็ตั้งใจมาที่นี่เพราะมีเรื่องจะบอกไม่ใช่เหรอ”

“...”

“ใครจะพูดก่อนล่ะ” ฉันมองหน้าคนตรงหน้าที่ยังคงสบตาฉัน ก่อนที่เราสองคนจะพากันเงียบทั้งคู่

...ถ้านายไม่พูด ฉันจะพูดก่อนก็แล้วกัน

“ปิดเทอมนี้ฉันจะไปญี่ปุ่น/ปิดเทอมนี้ฉันจะไปญี่ปุ่น!”

คำพูดของเราทั้งสองคนที่เผอิญพูดออกมาพร้อมกันและดันเหมือนกันทำให้ฉันกับเขาเบิกตาโตในทันที

และเพียงแค่นี้ ความเงียบก็กลายเป็นคำตอบให้กับเราสองคนอีกครั้ง...

ก็แค่จะไปญี่ปุ่น...เรื่องธรรมดาสำหรับใครหลายๆ คน แต่สำหรับฉันกับเขาอาจจะไม่ใช่แบบนั้น

“เธอจะไปทำอะไร/นายจะไปทำอะไร” คำพูดที่พูดขึ้นมาพร้อมกันเหมือนกับก่อนหน้านี้ทำให้ฉันกับเขายิ่งพากันเงียบเข้าไปอีก

แต่สุดท้ายฉันก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

“ไปเรียนกับไปเที่ยว”

“...”

“นายล่ะ?”

“เหมือนกัน” ฉันพยักหน้าแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนที่คนตรงข้ามแนจะเบนสายตาไปทางอื่น ราวกับเรื่องที่เราสองคนอยากจะบอกได้เสร็จสิ้นลงแล้ว

เรื่องง่ายๆ ที่ใครๆ ก็บอกกันได้ แต่สำหรับเราสองคน...ไม่รู้ทำไมมันกลับดูเป็นเรื่องยากจนเกิดความอึดอัดขึ้นแบบนี้

...ก็แค่ไปญี่ปุ่น

ก็แค่งั้นเหรอ...ถ้ามัน ‘ก็แค่’ อย่างที่พูดก็ดีน่ะสิ!

 

1

 

@สนามบินสุวรรณภูมิ

1 เมษายน 25XX : 21.58 น.

ครืดดด...ตึกๆ...ครืดดดด

เสียงลากรถเข็นและกระเป๋าบวกกับเสียงย่ำเท้าของผู้คนหลากหลายสัญชาติในที่แห่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกเวียนหัวอย่างบอกไม่ถูก แต่ฉันก็ไม่คิดจะปริปากบ่นอะไร...เพราะตอนนี้ฉันเองก็เป็นหนึ่งในมนุษย์ที่กำลังลากกระเป๋าใบโตของตัวเองเดินไปเดินมาอยู่นั่นล่ะ

ฉันจ้องมองเข็มบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเงยหน้ามองบุคคลสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้

“งั้นเดี๋ยวหวานไปแล้วนะ พ่อ...แม่” ฉันมองหน้าท่านทั้งสองคนสลับกันไปมาโดยไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ส่งท้าย แม่ยื่นมือมาตบไหล่ฉันเบาๆ

“เดินทางปลอดภัยนะลูกแม่”

“ไปถึงที่นู่นแล้วก็โทรบอกพ่อหน่อยนะหวานเย็น เงินก็อย่าใช้ให้มันเปลืองนักล่ะ ที่นู่นค่าครองชีพมันสูงจะตาย อย่ารูดเดบิตเพลินนักนะ เข้าใจใช่มั้ย"

“รู้แล้วค่าพ่อ” พ่อหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูจะปลงของฉัน ฉันกอดพ่อแม่ของตัวเองอีกคนละที ก่อนจะลากกระเป๋าเดินจากท่านทั้งสองมา

...อย่าแปลกใจว่าทำไมฉันถึงดูไม่ใส่ใจอะไรนัก ไม่ได้คร่ำครวญใส่พ่อแม่ราวกับจะจากกันจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต เพราะฉันแค่ไปเรียนซัมเมอร์ที่ญี่ปุ่นในช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ต่างหาก

เอาเข้าจริงจุดประสงค์หลักที่ฉันจะไปที่นั่นก็เพราะอยากจะอยู่เที่ยวที่ญี่ปุ่น เรื่องเรียนภาษาน่ะเรื่องรองสุดๆ เลยล่ะ เพราะฉะนั้นเวลาเกือบสามเดือนที่ฉันจะได้ไปใช้ชีวิตที่นั่น ฉันต้องเก็บความคุ้มค่ามาให้ได้มากที่สุด!

อ้อ...ฉันลืมแนะนำตัวไปสินะคะ ฉันชื่อหวานเย็น อายุยี่สิบปี เปิดเทอมที่จะถึงนี้ฉันก็จะขึ้นปีสามแล้ว และแน่นอนว่าฉันเป็นเด็กคณะอักษรศาสตร์...แม้ว่าสกิลการร่ำเรียนภาษาของฉันมันจะห่วยแตกขั้นเทพสุดๆ ก็เถอะ

ฉันถอนหายใจขณะเดินลากกระเป๋าไปเรื่อยๆ ฉันเอากระเป๋าใบใหญ่ไปโหลดมาแล้ว เพราะฉะนั้นใบนี้เลยเป็นใบที่ฉันจะเอาขึ้นเครื่องด้วย

ฉันกระชับเสื้อคลุมแขนยาวของตัวเองพลางก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง...ได้เวลาเข้าไปข้างในแล้วล่ะ

ฉันหยิบพาสปอร์ตออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับถอนหายใจด้วยความรู้สึก ‘บางอย่าง’ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ทางเข้าหน้าเกต

...แต่แล้วขาของฉันก็ชะงักในทันทีเมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังลากกระเป๋าตรงมาทางเดียวกับฉัน

เราสองคนสบตากันชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะเดินลากกระเป๋ามาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน...

ผมสีดำธรรมชาติซอยระใบหูได้ทรงถูกเซ็ตไว้อย่างลงตัวเข้ากับใบหน้าเรียว เสื้อแขนยาวสีขาวพับแขนลวกๆ กับกางเกงขาเดฟเดนิมสีเข้มที่ใส่อยู่ไม่ได้ทำให้เขาดูธรรมดาแม้แต่นิด แขนของหมอนั่นมีแจ็กเก็ตหนังสีดำตัวเท่พาดเอาไว้

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องมาที่ฉันพร้อมๆ กับริมฝีปากบางเฉียบชนิดที่ว่าผู้หญิงอย่างฉันยังต้องอายยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

...ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ดูเต็มใจเท่าไหร่ก็ตามเถอะ

“จะเข้าไปข้างในแล้วเหรอ” เขาถามขณะที่ใช้มือข้างหนึ่งของตัวเองจับผมให้เข้าทรงจนฉันรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา

ถ้าถามว่าเขาหล่อมั้ย อืม...สำหรับฉันคงจะชินตาไปแล้วจนตอบไม่ได้ว่าเขาหน้าตาดีแค่ไหน แต่หน้าตาอย่างเขาก็ทำให้ได้เป็นถึงเดือนคณะของฉัน ยิ่งคณะที่มีผู้หยิงเยอะกว่าผู้ชายเกือบเท่าตัวแบบนี้ ไม่บอกก็รู้ว่าเขาป็อปปูล่าร์ในหมู่สาวๆ ขนาดไหน

“อือ จะเข้าแล้วล่ะ” ฉันตอบในที่สุดและหัวสมองก็กำลังคิดว่าควรจะถามอะไรเขาบ้าง

“อื้อ เดินทางปลอดภัยล่ะ”

“...””

“ถ้าถึงที่นั่นแล้วก็ส่งข้อความมาบอกฉันหน่อยละกัน ไว้ฉันไปถึงเมื่อไหร่จะเปิดดู”

“...” ฉันรู้สึกลิ้นจุกปากพูดไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเขาตัดบทฉับแบบนี้ และมันก็พานทำให้ฉันรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเล็กๆ

“เธอเข้าไปเถอะ ช่วงนี้คนไปเที่ยวกันเยอะด้วย เดี๋ยวตกเครื่องไม่รู้ด้วยนะ” เขาเอื้อมมือมาขยี้หัวฉันอย่างที่ชอบทำ ก่อนจะละมืออกพลางเตรียมจะเดินไปจากตรงนี้

“นายน์” ฉันตัดสินใจเรียกชื่อเขาเอาไว้ หมอนั่นหันมามองฉันในทันที

“...?”

“...”

“...ว่าไงเนี่ย” ฉันอยากจะเอากระเป๋าทุ่มใส่หัวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อไม่กล้าพูดสิ่งที่ใจคิดออกไป แต่สุดท้าย...ฉันก็สูดหายใจเข้าลึกสุดกู่ แล้วพูดมันออกมาในที่สุด

“อย่าลืมเรื่องที่เราตกลงกันล่ะ”

“...”

“ที่จริง...ฉันก็เชื่อใจนายอยู่แล้วนะ”

“ฉันก็เหมือนกันนั่นล่ะ” เขาตอบทันทีที่ฉันพูดจบ นายน์ยกยิ้มบางที่มุมปาก “ฉันก็เชื่อใจเธอ”

“อื้อ”

“เธอเองก็อย่าลืมล่ะ”

“...”

“คนเป็นแฟนกัน...รู้ใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง”

“ต่อให้เราจะไม่ได้คุยกัน ไม่ได้เจอกัน ไม่ว่าจะยังไงก็ห้ามมีคนอื่น”

“...”

“ห่างกันได้ จะมีเพื่อนผู้ชายฉันก็ไม่ว่า เธอก็ต้องรักฉันแค่คนเดียว เธอทำได้ใช่มั้ย”

 

@Umeda Station

Osaka, Japam 12.43 น.

เคว้ง...

ตอนนี้นังหวานเย็นคนนี้กำลังยืนเคว้งอยู่กลางเมืองใหญ่แต่เพียงผู้เดียว!

ฉันกำลังยืนถามตัวเองอยู่ว่า...นี่ฉันมาทำอะไรที่นี่กันเนี่ย!

ฉันลากกระเป๋าใบใหญ่อย่างยากลำบาก อีกมือก็ลากกระเป๋าที่เอาขึ้นเครื่องไปด้วย ซ้ำฉันยังสะพายกระเป๋าเป้อีกใบไว้ด้านหลัง พร้อมกับกระเป๋าสะพายข้างที่ไหล่อีกหนึ่งใบ!

ใช่...นังหวานเย็นคนนี้กำลังจะกลายเป็นยัยบ้าหอบฟาง และที่แย่ยิ่งกว่าคือฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป ให้ตายเถอะ!

ถ้าถามว่าฉันกำลังยืนอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ฉันก็จะตอบให้ว่าสองเท้าของฉันยืนอยู่บนแผ่นดินญี่ปุ่นที่ฉันฝันนักฝันหนาว่าจะมาให้ได้สักครั้งในชีวิต และตอนนี้ฉันก็อยู่ที่โอซาก้า!

ฉันนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินคันไซ แล้วต่อรถไฟเข้ามาจนถึงที่ที่ใครๆ ก็เรียกกันว่าย่านอุเมดะ ซึ่งมันเรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทางของคนที่โอซาก้า แต่...ให้ตายเถอะ ใครมันจะคาดคิดว่าสายรถไฟที่นี่จะเยอะยั้วเยี้ยกว่าบีทีเอสที่บ้านเราขนาดนี้กันเล่า! ฉันอยากกรี๊ด!

ฉันเดินลากกระเป๋าไปมาอย่างทุลักทุเล รู้แค่ว่าจะต้องหารถไฟอีกสายหนึ่งให้เจอ เพื่อที่จะได้ไปหอถูก

มันแย่ตรงที่ไม่มีคนจากทางโรงเรียนมารับฉัน เพราะฉันไม่ได้จ่ายเงินให้เขาไปนี่ล่ะ ก็ใครจะคิดล่ะว่าการไปเองมันจะยากลำบากขนาดนี้ ทำไมฉันอ่านในอินเตอร์เน็ตมามีแต่คนบอกว่าเดินทางเองง่ายไงล่ะ โกหกกันชัดๆ!

แล้วนี่อะไร คนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะแยะจนตาฉันจะลายแล้วนะ! ให้ตาย ไหนใครบอกว่าโอซาก้าไม่วุ่นวายเท่าที่โตเกียว ฉันว่าที่ไหนๆ ในญี่ปุ่นคนก็คงจะเยอะแบบนี้ทั้งนั้นล่ะ

ทำอะไรสักอย่างสิหวานเย็น! ไม่งั้นก็ต้องกลายเป็นผีเร่ร่อนอยู่ในสถานีรถไฟแบบนี้นะ!

“(ขอโทษนะคะ)” สุดท้ายฉันก็รวบรวมความกล้าลากกระเป๋าหนักๆ ของตัวเองเดินไปสะกิดคุณลุงที่ยืนอยู่ไม่ไกล “อะ...เอ่อ คือ Hankyu Railway (รถไฟสายฮันคิวอยู่ที่ไหนคะ)”

ฉันอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเมื่อนึกคำพูดที่จะพูดออกได้แค่นี้ ญี่ปุ่นปนอังกฤษปนไทยแบบนี้บ้าชัดๆ

“(ฮันคิว?)”

“เอ่อ ไฮ! ไฮ!” ฉันพยักหน้าอย่างรวดเร็วทันทีเมื่อคุณลุงถามฉันกลับ สุดยอด เขาฟังสำเนียงห่วยๆ ของฉันออกด้วย ฮืออ

“(รถไฟฮันคิว%*^$@&*{$!!)”

ดะ...เดี๋ยวนะ คุณลุงเขาพูดอะไรน่ะ!

ฉันถึงกับอ้าปากค้างเมื่อฟังที่คุณลุงพูดไม่ออกแม้แต่นิดเดียว ให้ตาย...ฉันก็รู้นะว่าคนที่นี่สำเนียงไม่เหมือนอย่างที่เรียนมา แต่ใครจะคิดว่ามันจะขนาดนี้กันเล่า

“(เข้าใจรึเปล่า)” คุณลุงมองฉันตาโตเมื่อเห็นว่าฉันเงียบไป ฉันเลยยิ้มแห้งๆ กลับไปให้พร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ ก่อนที่คุณลุงจะแปรเปลี่ยนเป็นทำสีหน้าครุ่นคิดในทันที

หนูขอโทษที่หนูโง่ค่ะคุณลุง

ฉันเลือกที่จะตัดใจกับการถามคุณลุงคนนี้พร้อมโค้งตัวให้เล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะเอ่ยขอบคุณอะไร คุณลุงกลับยื่นมือมาจับกระเป๋าลากใบเล็กที่ฉันตั้งเอาไว้กับพื้น

“(ไปกัน)”

“หะ...หา?” ฉันงงเต้กอีกครั้งเมื่อคุณลุงเดินนำหน้าฉันพร้อมกับลากกระเป๋าฉันไปด้วย!”

“Go Go!” สุดท้ายคุณลุงก็กวักมือเรียกฉัน แล้วชี้ไปยังทางเดินข้างหน้า

อย่าบอกนะว่าคุณลุงจะเดินไปส่งฉันน่ะ พระเจ้าคะ...คุณลุงใจดีที่สุด! ฉันรีบพยักหน้าพร้อมกับลากกระเป๋าใบใหญ่เดินตามคุณลุงไปอย่างรวดเร็วทันที

 

และในที่สุดฉันก็มาถึงจนได้!

ฉันอยากจะกรี๊ดสักล้านรอบเมื่อรู้ตัวเองเฉียดผ่านแถวนี้มาแล้ว แต่ผิดที่ฉันโง่เองที่ไม่รู้ว่ามันคือที่ที่ฉันหาอยู่เนี่ย แบกกระเป๋าตั้งนาน บ้าเอ๊ย!

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

phattaraporn | 1 รีวิว
22/11/2014

Brush Your Love Off ซัมเมอร์วุ่นรักป่วนนักหัวใจ นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานเขียนของนักเขียนนามปากกาminaค่ะ อ่านมาสักพักแล้วตอนเเรกอ่านตัวอย่างในเวปก่อนแล้วก็ไปซื้อมาอ่าน บอกเลยว่าเนื้อเรื่องอ่านสบายมาก จะบอกว่ายังไงดีนะคือเรื่องนี้เป็นนิยายที่อ่านได้เรื่อยๆค่ะเนื้อเรื่องน่ารักมากไม่ซีเรียสอะไรเลยเป็นนิยายอีกเรื่องที่คิดว่าอ่านได้เรื่อยๆ เนื้อเรื่องคลายเครียดมากค่ะแฝงความโรแมนติกไว้ทั้งเรื่องเลยอ่านแล้วรู้สึกวางไม่ลงเสียดายอยู่อย่างเดียวคือเรารู้สึกว่านิยายเรื่องนี้เล่มบางไปหน่อยอ่านแล้วอาจจะยังรู้สึกว่าไม่ค่อยจุใจเท่าไหร่อ่ะค่ะอยากให้แต่งนิยายเล่มหนากว่านี้นิดนึงบางไปจะทำให้คนอ่านขาดการปะติดปะต่อเนื้อเรื่องชอบสีผมพระเอกมากคาแร็กเตอร์พระเอกกับนางเอกเรื่องนี้น่ารัก สีผมพระเอกน่ารักมุ้งมิ้งมากเรยพระเอกจีบนางเอกได้น่ารักแล้วก็เเนบเนียนมากค่ะใครที่ยังไม่ได้ซื้ออ่านบอกเลยว่าอย่าลังเล เท่าที่อ่านผลงานเขียนของนักเขียนท่านนี้มารู็สึกว่าสนุกทุกเรื่องเลยค่ะ แฮ็ปปี้กับทุกเรื่องที่ได้อ่านของนักเขียนท่านนี้ ค่ะโดยเฉพาะเรื่องนี้บอกเลยว่าเนื้อเรื่องน่ารักมากอ่านแล้วรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในหนังสือด้วยเลย ปลื้มพระเอกเรื่องนี้มากลักษณะท่าทางและนิสัยบาดใจคนอ่านเกินไปฮ่าๆๆๆๆ ดีใจที่ได้ซื้อมาเก็บไว้ค่ะประทับใจมากการ์ตูนหน้าปกน่ารักฟรุ้งฟริ้งสุดๆไปเลย โดยรวมชอบและประทับใจเนื้อเรื่องมากๆค่ะ ต้องลองอ่านผลงานเขียนของนักเขียนท่านนี้ดูค่ะส่วนใหญ่เนื้อเรื่องแต่ละเล่มจะเป็นแนวน่ารักๆทั้งนั้นเลย

สินค้าที่ใกล้เคียง (61 รายการ)

www.batorastore.com © 2024