Brush Your Love Off ซัมเมอร์วุ่นรักป่วนนักหัวใจ
ประหยัด: 96.75 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 4 รายการราคา 34.00 บาท - 109.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
“ฉันมีอะไรจะบอกเธอ”
คำพุดของคนตรงหน้าทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นจากนิตยสารที่กำลังอ่านอยู่ พอดีกับที่พนักงานเดินมาเสิร์ฟน้ำให้กับเราสองคน
“ฉันก็มีอะไรจะบอกนายเหมือนกัน” ฉันปิดนิตยสารลง แล้วเก็บมันใส่กระเป๋า
“...หรือจะกินข้าวก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน”
ฉันยกมือขึ้นเท้าคางแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ร้านอาหาร คนเยอะๆ แบบนี้ คงอีกนานแน่กว่าอาหารจะมา
“คุยเลยแล้วกัน ไหนๆ เราสองคนก็ตั้งใจมาที่นี่เพราะมีเรื่องจะบอกไม่ใช่เหรอ”
“...”
“ใครจะพูดก่อนล่ะ” ฉันมองหน้าคนตรงหน้าที่ยังคงสบตาฉัน ก่อนที่เราสองคนจะพากันเงียบทั้งคู่
...ถ้านายไม่พูด ฉันจะพูดก่อนก็แล้วกัน
“ปิดเทอมนี้ฉันจะไปญี่ปุ่น/ปิดเทอมนี้ฉันจะไปญี่ปุ่น!”
คำพูดของเราทั้งสองคนที่เผอิญพูดออกมาพร้อมกันและดันเหมือนกันทำให้ฉันกับเขาเบิกตาโตในทันที
และเพียงแค่นี้ ความเงียบก็กลายเป็นคำตอบให้กับเราสองคนอีกครั้ง...
ก็แค่จะไปญี่ปุ่น...เรื่องธรรมดาสำหรับใครหลายๆ คน แต่สำหรับฉันกับเขาอาจจะไม่ใช่แบบนั้น
“เธอจะไปทำอะไร/นายจะไปทำอะไร” คำพูดที่พูดขึ้นมาพร้อมกันเหมือนกับก่อนหน้านี้ทำให้ฉันกับเขายิ่งพากันเงียบเข้าไปอีก
แต่สุดท้ายฉันก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“ไปเรียนกับไปเที่ยว”
“...”
“นายล่ะ?”
“เหมือนกัน” ฉันพยักหน้าแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนที่คนตรงข้ามแนจะเบนสายตาไปทางอื่น ราวกับเรื่องที่เราสองคนอยากจะบอกได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
เรื่องง่ายๆ ที่ใครๆ ก็บอกกันได้ แต่สำหรับเราสองคน...ไม่รู้ทำไมมันกลับดูเป็นเรื่องยากจนเกิดความอึดอัดขึ้นแบบนี้
...ก็แค่ไปญี่ปุ่น
ก็แค่งั้นเหรอ...ถ้ามัน ‘ก็แค่’ อย่างที่พูดก็ดีน่ะสิ!
1
@สนามบินสุวรรณภูมิ
1 เมษายน 25XX : 21.58 น.
ครืดดด...ตึกๆ...ครืดดดด
เสียงลากรถเข็นและกระเป๋าบวกกับเสียงย่ำเท้าของผู้คนหลากหลายสัญชาติในที่แห่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกเวียนหัวอย่างบอกไม่ถูก แต่ฉันก็ไม่คิดจะปริปากบ่นอะไร...เพราะตอนนี้ฉันเองก็เป็นหนึ่งในมนุษย์ที่กำลังลากกระเป๋าใบโตของตัวเองเดินไปเดินมาอยู่นั่นล่ะ
ฉันจ้องมองเข็มบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเงยหน้ามองบุคคลสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้
“งั้นเดี๋ยวหวานไปแล้วนะ พ่อ...แม่” ฉันมองหน้าท่านทั้งสองคนสลับกันไปมาโดยไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ส่งท้าย แม่ยื่นมือมาตบไหล่ฉันเบาๆ
“เดินทางปลอดภัยนะลูกแม่”
“ไปถึงที่นู่นแล้วก็โทรบอกพ่อหน่อยนะหวานเย็น เงินก็อย่าใช้ให้มันเปลืองนักล่ะ ที่นู่นค่าครองชีพมันสูงจะตาย อย่ารูดเดบิตเพลินนักนะ เข้าใจใช่มั้ย"
“รู้แล้วค่าพ่อ” พ่อหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูจะปลงของฉัน ฉันกอดพ่อแม่ของตัวเองอีกคนละที ก่อนจะลากกระเป๋าเดินจากท่านทั้งสองมา
...อย่าแปลกใจว่าทำไมฉันถึงดูไม่ใส่ใจอะไรนัก ไม่ได้คร่ำครวญใส่พ่อแม่ราวกับจะจากกันจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต เพราะฉันแค่ไปเรียนซัมเมอร์ที่ญี่ปุ่นในช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ต่างหาก
เอาเข้าจริงจุดประสงค์หลักที่ฉันจะไปที่นั่นก็เพราะอยากจะอยู่เที่ยวที่ญี่ปุ่น เรื่องเรียนภาษาน่ะเรื่องรองสุดๆ เลยล่ะ เพราะฉะนั้นเวลาเกือบสามเดือนที่ฉันจะได้ไปใช้ชีวิตที่นั่น ฉันต้องเก็บความคุ้มค่ามาให้ได้มากที่สุด!
อ้อ...ฉันลืมแนะนำตัวไปสินะคะ ฉันชื่อหวานเย็น อายุยี่สิบปี เปิดเทอมที่จะถึงนี้ฉันก็จะขึ้นปีสามแล้ว และแน่นอนว่าฉันเป็นเด็กคณะอักษรศาสตร์...แม้ว่าสกิลการร่ำเรียนภาษาของฉันมันจะห่วยแตกขั้นเทพสุดๆ ก็เถอะ
ฉันถอนหายใจขณะเดินลากกระเป๋าไปเรื่อยๆ ฉันเอากระเป๋าใบใหญ่ไปโหลดมาแล้ว เพราะฉะนั้นใบนี้เลยเป็นใบที่ฉันจะเอาขึ้นเครื่องด้วย
ฉันกระชับเสื้อคลุมแขนยาวของตัวเองพลางก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง...ได้เวลาเข้าไปข้างในแล้วล่ะ
ฉันหยิบพาสปอร์ตออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับถอนหายใจด้วยความรู้สึก ‘บางอย่าง’ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ทางเข้าหน้าเกต
...แต่แล้วขาของฉันก็ชะงักในทันทีเมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังลากกระเป๋าตรงมาทางเดียวกับฉัน
เราสองคนสบตากันชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะเดินลากกระเป๋ามาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน...
ผมสีดำธรรมชาติซอยระใบหูได้ทรงถูกเซ็ตไว้อย่างลงตัวเข้ากับใบหน้าเรียว เสื้อแขนยาวสีขาวพับแขนลวกๆ กับกางเกงขาเดฟเดนิมสีเข้มที่ใส่อยู่ไม่ได้ทำให้เขาดูธรรมดาแม้แต่นิด แขนของหมอนั่นมีแจ็กเก็ตหนังสีดำตัวเท่พาดเอาไว้
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องมาที่ฉันพร้อมๆ กับริมฝีปากบางเฉียบชนิดที่ว่าผู้หญิงอย่างฉันยังต้องอายยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
...ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ดูเต็มใจเท่าไหร่ก็ตามเถอะ
“จะเข้าไปข้างในแล้วเหรอ” เขาถามขณะที่ใช้มือข้างหนึ่งของตัวเองจับผมให้เข้าทรงจนฉันรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา
ถ้าถามว่าเขาหล่อมั้ย อืม...สำหรับฉันคงจะชินตาไปแล้วจนตอบไม่ได้ว่าเขาหน้าตาดีแค่ไหน แต่หน้าตาอย่างเขาก็ทำให้ได้เป็นถึงเดือนคณะของฉัน ยิ่งคณะที่มีผู้หยิงเยอะกว่าผู้ชายเกือบเท่าตัวแบบนี้ ไม่บอกก็รู้ว่าเขาป็อปปูล่าร์ในหมู่สาวๆ ขนาดไหน
“อือ จะเข้าแล้วล่ะ” ฉันตอบในที่สุดและหัวสมองก็กำลังคิดว่าควรจะถามอะไรเขาบ้าง
“อื้อ เดินทางปลอดภัยล่ะ”
“...””
“ถ้าถึงที่นั่นแล้วก็ส่งข้อความมาบอกฉันหน่อยละกัน ไว้ฉันไปถึงเมื่อไหร่จะเปิดดู”
“...” ฉันรู้สึกลิ้นจุกปากพูดไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเขาตัดบทฉับแบบนี้ และมันก็พานทำให้ฉันรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเล็กๆ
“เธอเข้าไปเถอะ ช่วงนี้คนไปเที่ยวกันเยอะด้วย เดี๋ยวตกเครื่องไม่รู้ด้วยนะ” เขาเอื้อมมือมาขยี้หัวฉันอย่างที่ชอบทำ ก่อนจะละมืออกพลางเตรียมจะเดินไปจากตรงนี้
“นายน์” ฉันตัดสินใจเรียกชื่อเขาเอาไว้ หมอนั่นหันมามองฉันในทันที
“...?”
“...”
“...ว่าไงเนี่ย” ฉันอยากจะเอากระเป๋าทุ่มใส่หัวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อไม่กล้าพูดสิ่งที่ใจคิดออกไป แต่สุดท้าย...ฉันก็สูดหายใจเข้าลึกสุดกู่ แล้วพูดมันออกมาในที่สุด
“อย่าลืมเรื่องที่เราตกลงกันล่ะ”
“...”
“ที่จริง...ฉันก็เชื่อใจนายอยู่แล้วนะ”
“ฉันก็เหมือนกันนั่นล่ะ” เขาตอบทันทีที่ฉันพูดจบ นายน์ยกยิ้มบางที่มุมปาก “ฉันก็เชื่อใจเธอ”
“อื้อ”
“เธอเองก็อย่าลืมล่ะ”
“...”
“คนเป็นแฟนกัน...รู้ใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง”
“ต่อให้เราจะไม่ได้คุยกัน ไม่ได้เจอกัน ไม่ว่าจะยังไงก็ห้ามมีคนอื่น”
“...”
“ห่างกันได้ จะมีเพื่อนผู้ชายฉันก็ไม่ว่า เธอก็ต้องรักฉันแค่คนเดียว เธอทำได้ใช่มั้ย”
@Umeda Station
Osaka, Japam 12.43 น.
เคว้ง...
ตอนนี้นังหวานเย็นคนนี้กำลังยืนเคว้งอยู่กลางเมืองใหญ่แต่เพียงผู้เดียว!
ฉันกำลังยืนถามตัวเองอยู่ว่า...นี่ฉันมาทำอะไรที่นี่กันเนี่ย!
ฉันลากกระเป๋าใบใหญ่อย่างยากลำบาก อีกมือก็ลากกระเป๋าที่เอาขึ้นเครื่องไปด้วย ซ้ำฉันยังสะพายกระเป๋าเป้อีกใบไว้ด้านหลัง พร้อมกับกระเป๋าสะพายข้างที่ไหล่อีกหนึ่งใบ!
ใช่...นังหวานเย็นคนนี้กำลังจะกลายเป็นยัยบ้าหอบฟาง และที่แย่ยิ่งกว่าคือฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป ให้ตายเถอะ!
ถ้าถามว่าฉันกำลังยืนอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ฉันก็จะตอบให้ว่าสองเท้าของฉันยืนอยู่บนแผ่นดินญี่ปุ่นที่ฉันฝันนักฝันหนาว่าจะมาให้ได้สักครั้งในชีวิต และตอนนี้ฉันก็อยู่ที่โอซาก้า!
ฉันนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินคันไซ แล้วต่อรถไฟเข้ามาจนถึงที่ที่ใครๆ ก็เรียกกันว่าย่านอุเมดะ ซึ่งมันเรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทางของคนที่โอซาก้า แต่...ให้ตายเถอะ ใครมันจะคาดคิดว่าสายรถไฟที่นี่จะเยอะยั้วเยี้ยกว่าบีทีเอสที่บ้านเราขนาดนี้กันเล่า! ฉันอยากกรี๊ด!
ฉันเดินลากกระเป๋าไปมาอย่างทุลักทุเล รู้แค่ว่าจะต้องหารถไฟอีกสายหนึ่งให้เจอ เพื่อที่จะได้ไปหอถูก
มันแย่ตรงที่ไม่มีคนจากทางโรงเรียนมารับฉัน เพราะฉันไม่ได้จ่ายเงินให้เขาไปนี่ล่ะ ก็ใครจะคิดล่ะว่าการไปเองมันจะยากลำบากขนาดนี้ ทำไมฉันอ่านในอินเตอร์เน็ตมามีแต่คนบอกว่าเดินทางเองง่ายไงล่ะ โกหกกันชัดๆ!
แล้วนี่อะไร คนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะแยะจนตาฉันจะลายแล้วนะ! ให้ตาย ไหนใครบอกว่าโอซาก้าไม่วุ่นวายเท่าที่โตเกียว ฉันว่าที่ไหนๆ ในญี่ปุ่นคนก็คงจะเยอะแบบนี้ทั้งนั้นล่ะ
ทำอะไรสักอย่างสิหวานเย็น! ไม่งั้นก็ต้องกลายเป็นผีเร่ร่อนอยู่ในสถานีรถไฟแบบนี้นะ!
“(ขอโทษนะคะ)” สุดท้ายฉันก็รวบรวมความกล้าลากกระเป๋าหนักๆ ของตัวเองเดินไปสะกิดคุณลุงที่ยืนอยู่ไม่ไกล “อะ...เอ่อ คือ Hankyu Railway (รถไฟสายฮันคิวอยู่ที่ไหนคะ)”
ฉันอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเมื่อนึกคำพูดที่จะพูดออกได้แค่นี้ ญี่ปุ่นปนอังกฤษปนไทยแบบนี้บ้าชัดๆ
“(ฮันคิว?)”
“เอ่อ ไฮ! ไฮ!” ฉันพยักหน้าอย่างรวดเร็วทันทีเมื่อคุณลุงถามฉันกลับ สุดยอด เขาฟังสำเนียงห่วยๆ ของฉันออกด้วย ฮืออ
“(รถไฟฮันคิว%*^$@&*{$!!)”
ดะ...เดี๋ยวนะ คุณลุงเขาพูดอะไรน่ะ!
ฉันถึงกับอ้าปากค้างเมื่อฟังที่คุณลุงพูดไม่ออกแม้แต่นิดเดียว ให้ตาย...ฉันก็รู้นะว่าคนที่นี่สำเนียงไม่เหมือนอย่างที่เรียนมา แต่ใครจะคิดว่ามันจะขนาดนี้กันเล่า
“(เข้าใจรึเปล่า)” คุณลุงมองฉันตาโตเมื่อเห็นว่าฉันเงียบไป ฉันเลยยิ้มแห้งๆ กลับไปให้พร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ ก่อนที่คุณลุงจะแปรเปลี่ยนเป็นทำสีหน้าครุ่นคิดในทันที
หนูขอโทษที่หนูโง่ค่ะคุณลุง
ฉันเลือกที่จะตัดใจกับการถามคุณลุงคนนี้พร้อมโค้งตัวให้เล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะเอ่ยขอบคุณอะไร คุณลุงกลับยื่นมือมาจับกระเป๋าลากใบเล็กที่ฉันตั้งเอาไว้กับพื้น
“(ไปกัน)”
“หะ...หา?” ฉันงงเต้กอีกครั้งเมื่อคุณลุงเดินนำหน้าฉันพร้อมกับลากกระเป๋าฉันไปด้วย!”
“Go Go!” สุดท้ายคุณลุงก็กวักมือเรียกฉัน แล้วชี้ไปยังทางเดินข้างหน้า
อย่าบอกนะว่าคุณลุงจะเดินไปส่งฉันน่ะ พระเจ้าคะ...คุณลุงใจดีที่สุด! ฉันรีบพยักหน้าพร้อมกับลากกระเป๋าใบใหญ่เดินตามคุณลุงไปอย่างรวดเร็วทันที
และในที่สุดฉันก็มาถึงจนได้!
ฉันอยากจะกรี๊ดสักล้านรอบเมื่อรู้ตัวเองเฉียดผ่านแถวนี้มาแล้ว แต่ผิดที่ฉันโง่เองที่ไม่รู้ว่ามันคือที่ที่ฉันหาอยู่เนี่ย แบกกระเป๋าตั้งนาน บ้าเอ๊ย!
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)
รีวิว (1)
22/11/2014
Brush Your Love Off ซัมเมอร์วุ่นรักป่วนนักหัวใจ นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานเขียนของนักเขียนนามปากกาminaค่ะ อ่านมาสักพักแล้วตอนเเรกอ่านตัวอย่างในเวปก่อนแล้วก็ไปซื้อมาอ่าน บอกเลยว่าเนื้อเรื่องอ่านสบายมาก จะบอกว่ายังไงดีนะคือเรื่องนี้เป็นนิยายที่อ่านได้เรื่อยๆค่ะเนื้อเรื่องน่ารักมากไม่ซีเรียสอะไรเลยเป็นนิยายอีกเรื่องที่คิดว่าอ่านได้เรื่อยๆ เนื้อเรื่องคลายเครียดมากค่ะแฝงความโรแมนติกไว้ทั้งเรื่องเลยอ่านแล้วรู้สึกวางไม่ลงเสียดายอยู่อย่างเดียวคือเรารู้สึกว่านิยายเรื่องนี้เล่มบางไปหน่อยอ่านแล้วอาจจะยังรู้สึกว่าไม่ค่อยจุใจเท่าไหร่อ่ะค่ะอยากให้แต่งนิยายเล่มหนากว่านี้นิดนึงบางไปจะทำให้คนอ่านขาดการปะติดปะต่อเนื้อเรื่องชอบสีผมพระเอกมากคาแร็กเตอร์พระเอกกับนางเอกเรื่องนี้น่ารัก สีผมพระเอกน่ารักมุ้งมิ้งมากเรยพระเอกจีบนางเอกได้น่ารักแล้วก็เเนบเนียนมากค่ะใครที่ยังไม่ได้ซื้ออ่านบอกเลยว่าอย่าลังเล เท่าที่อ่านผลงานเขียนของนักเขียนท่านนี้มารู็สึกว่าสนุกทุกเรื่องเลยค่ะ แฮ็ปปี้กับทุกเรื่องที่ได้อ่านของนักเขียนท่านนี้ ค่ะโดยเฉพาะเรื่องนี้บอกเลยว่าเนื้อเรื่องน่ารักมากอ่านแล้วรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในหนังสือด้วยเลย ปลื้มพระเอกเรื่องนี้มากลักษณะท่าทางและนิสัยบาดใจคนอ่านเกินไปฮ่าๆๆๆๆ ดีใจที่ได้ซื้อมาเก็บไว้ค่ะประทับใจมากการ์ตูนหน้าปกน่ารักฟรุ้งฟริ้งสุดๆไปเลย โดยรวมชอบและประทับใจเนื้อเรื่องมากๆค่ะ ต้องลองอ่านผลงานเขียนของนักเขียนท่านนี้ดูค่ะส่วนใหญ่เนื้อเรื่องแต่ละเล่มจะเป็นแนวน่ารักๆทั้งนั้นเลย