จำเลยสิเน่หา (แก้วชวาลา) (ซีรีส์ชุด หัวใจสีน้ำเงิน) (ปกใหม่)
มีสินค้าในสต็อค
ประหยัด: 201.75 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
ภายในตึกสีขาวสะอาดโอ่อ่าตระการตาและนำสมัยที่สุด
เจ้าของเรือนร่างโปร่งบางกำลังก้าวไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่ไม่ค่อยมั่นคง
นักดวงหน้าเรียวยาวรูปไข่อันประกอบด้วยเครื่องหน้างามได้สัดส่วน
ก้มต่ำลงใช้ความคิดอย่างหนักหน้าผากกลมมนและปลายจมูกโด่งงาม
มีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดออกมาดวงตากลมโตที่ล้อมรอบด้วยขนตายาวงอน
เจือแววหวานเล็กน้อยนั้นฉายประกายงุนงงสับสน
‘ท่านหญิงศรีมาลารับสั่งให้เธอเข้าเฝ้าด้วยเหตุใดกันนะ?’
เจ้าของร่างแน่งน้อยผิวนวลลออถามตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า
สุดท้ายก็บอกกับตนเองว่า
‘ไม่น่าจะมีกิจธุระอันใดได้ร้อยวันพันปีท่านหญิงศรีมาลาผู้สูงส่ง
ไม่เคยรับสั่งด้วยเลยสักคำเดียวไม่มีๆยังไงก็ไม่มีกิจธุระอันใดแน่แท้
ทีเดียว’
ขาเรียวงามก้าวไปตามพื้นกระเบื้องขัดเงาวับบิวตีจิวเวลรี
เป็นร้านขายเครื่องประดับซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในแวดวงชั้นสูงและ
บรรดาชาวต่างชาติมีสาขาในประเทศไทยครอบคลุมไปทั่วทุกสารทิศ
หนำซ้ำยังมีกิจการอยู่ที่ต่างประเทศอีกด้วยเช่นสวิตเซอร์แลนด์
ไนจีเรียอเมริกาตัวเธอเองนั้นเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่นานจึงไม่รู้
อะไรเลยนอกจากข้อมูลพื้นๆของบริษัท
บิวตีจิวเวลรีก่อตั้งโดยหม่อมเจ้าหญิงศรีมาลาหัสดินเดชปัจจุบัน
ทรงเกษียณแล้วมีม.ร.ว.รชตะหัสดินเดชรับช่วงแทนคุณชายรชตะ
เป็นโอรสองค์โตของหม่อมเจ้าหญิงศรีมาลาราชสกุลดั่งเดิมของท่านคือ
วรรณสุวรรณเมื่อท่านหญิงเสกสมรสกับหม่อมเจ้าพงศกรหัสดินเดช
จึงจำต้องเปลี่ยนราชสกุลโดยปริยายท่านหญิงศรีมาลาในวัย 81 ชันษา
ผู้ทรงปลดระวางหน้าที่การงานทุกอย่างลงแล้ววันนี้มาปรากฏองค์ที่นี่
ทำไม?
ยิ่งใกล้ห้องทรงงานพนิดาก็ยิ่งเครียดคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหา
กันจนเป็นปมยุ่งเหยิงแม้ว่าใบหน้างามจะเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความ
กังวลมีร่องรอยของคำถามมากมายแต่กระนั้นความงามอันชวนให้
สตรีคนแล้วคนเล่าริษยาก็ยังไม่จางหายไปจากใบหน้านวลเนียนแต่น้อย
เลยงามดุจดั่งดาวพราวแสงแม้จะอยู่ในชุดกระโปรงเรียบง่ายสีพื้นๆ
ก็ตาม
“อ๋อ...มาแล้วหรือ?”
เสียงคุณนิภาเลขาฯประจำองค์ของท่านหญิงผู้สูงศักดิ์ทักขึ้น
ร่างบางขยับถอยห่างจากประตูหน้าห้องทรงงานโดยอัตโนมัติเรือนผม
ดำขลับดุจท้องทะเลยามรัตติกาลที่กำลังหยอกล้อกับแสงศศิธรนั้น
ส่องประกายเงาระยับเมื่อเจ้าของเรือนผมนุ่มสลวยเคลื่อนไหวศีรษะ
หันไปมองที่มาของเสียงซึ่งนั่งเยื้องห่างออกมาจากห้องทรงงานไม่
มากนัก
ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อของพนิดาเม้มเข้าหากัน
แน่นเมื่อเลขาฯประจำองค์ของท่านหญิงที่ขึ้นชื่อว่าเฮี้ยบและมี
ประสิทธิภาพสูงมองลอดแว่นมายังเธอด้วยสายตาตำหนิ
“เฮ้อ! นานมากเลยนะกว่าที่เธอจะมาถึงได้” เลขาฯวัยกลางคน
ถอนใจพลางส่ายศีรษะไปมา
“อะไรกันเป็นแค่พนักงานบัญชีระดับปลายแถวแต่กลับให้
ชนชั้นระดับเจ้านายรอตั้งหลายสิบนาที”
เสียงหมิ่นพร้อมสายตาติเตียนและการกวาดตาสำรวจไปทั่ว
เรือนร่างของเธอทำให้พนิดาต้องเชิดหน้าขึ้นเสียงหวานใสตอบโต้
กลับไปขึ้นจมูก
“ดิฉันเพิ่งทราบค่ะว่ามีรับสั่งให้เข้าเฝ้าพอดิฉันได้รับแจ้งข่าว
ก็รีบมาทันทีแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้โอ้เอ้หรือถ่วงเวลาพอที่ใครจะมาตำหนิ
ติฉินได้”
กล่าวออกไปแล้วก็ลอบถอนใจเมื่อเห็นเลขาฯประจำองค์
ท่านหญิงมองมาตาลุกต่อมาก็ทำปากขมุบขมิบใส่ตนหญิงสาวทำใจ
แล้วคิดเสียว่าอีกฝ่ายกำลังให้พรเธออยู่
“รอเดี๋ยว”
เสียงทักนั้นทำให้ร่างบางที่กำลังขยับกายเตรียมจะเข้าเฝ้าชะงัก
“เธอช่วยแต่งตัวให้มันสุภาพกว่านี้หน่อยได้ไหมเผื่อว่าบางที
มันอาจจะลบล้างการกระทำที่เลวๆของเธอได้บ้างแล้วฉันจะไป
กราบทูลท่านหญิงศรีมาลาเดี๋ยวนี้แหละว่าเธอพร้อมจะเข้าเฝ้าแล้ว”
เลขาฯเอ่ยพร้อมส่งสายตาหยามหยันมาให้ก่อนจะกระตุก
มุมปากใส่กันอย่างเยาะๆ
“คนเรานี่มันก็แปลกจริงๆเลยนะรู้หน้าแต่กลับไม่รู้ใจเขาเอา
เสียเลยไอ้บางคนนี่เห็นหน้าตาสวยๆซื่อๆใสๆแต่ใจกลับสกปรก
ยิ่งกว่าน้ำคร่ำเสียอีก”
จบคำพูดกระแทกแดกดันมีผลให้คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นพนิดา
เริ่มเห็นลางร้ายขึ้นมาตงิดๆริมฝีปากสีชมพูเผยอออกเล็กน้อยหมายจะ
ถามออกไปว่าที่ทรงเรียกให้เธอมาเข้าเฝ้านี้มันเรื่องอะไรกันแน่แต่แล้ว
กลับถูกเลขาฯเจ้าของแว่นตาโตถลึงตาใส่พูดเสียงลอดไรฟัน
“ไม่ต้องมาถามอะไรกับฉันสักคำเดียวเชียวนะแม่ตัวดี
ประเดี๋ยวเธอก็รู้เองนั่นแหละมันเป็นหน้าที่ของท่านหญิงที่จะต้อง
จัดการกับพวกหน้าซื่อใจคดอย่างเธอ”
“หน้าซื่อใจคดหรือ?”
พนิดาทวนคำนี้ด้วยความงุนงงดวงตากลมโตเบิ่งกว้างเธอ
ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเหตุใดตนถึงได้ถูกประณามหยามเหยียดถึงขนาดนี้
หันไปจ้องคุณนิภาเลขาฯประจำองค์ของท่านหญิงนิ่งเห็นอีกฝ่าย
บิดปากหยามหยันใส่ก่อนจะยืนยันกลับมาเสียงหนักๆ
“ใช่! หน้าซื่อใจคดแถมมือยังสกปรกโสมมอีกต่างหาก”
พอโดนหยามซึ่งๆหน้าด้วยสายตาเหยียดๆมากเข้าหญิงสาว
ก็ชักโมโหชักสีหน้าใส่อีกฝ่ายกลับไปบ้างไม่คิดจะเกรงใจอีกก็อะไรล่ะ
ด่าเอาๆคำก็หน้าซื่อสองคำก็ใจคด
“ตกลงนี่มันอะไรกันนักหนาคะคุณเลขาฯดูเหมือนว่าตอนนี้
ดิฉันกำลังตกเป็นจำเลยด้วยเรื่องอะไรสักอย่างหนึ่งให้คุณถากถางเล่น”
หญิงสาวโวยจ้องเลขาฯที่เชิดหน้าใส่ตนอย่างบึ้งตึง
“ให้ตายสิ! ดิฉันถูกด่าเสียหายทั้งที่ตัวเองยังไม่รู้ตัวสักนิด
ว่าไปทำความเสียหายอะไรมากันแน่ไหนคุณช่วยบอกหน่อยสิคะว่า
ไอ้ข้อหาที่ดิฉันเองกำลังเผชิญอยู่นี้มันคืออะไรกันแน่?”
เอ่ยไปแค่นั้นก็สะอึกเมื่อเลขาฯหัวเราะฮึๆใส่ก่อนตอบกลับมา
เสียงมะนาวไม่มีน้ำ
“มันไม่ใช่ธุระของฉันนี่นะที่จะแหวกหญ้าให้งูตื่นจริงไหมล่ะ?”
ถ้อยคำพร้อมสายตาดูถูกทำให้หญิงสาวผงะ
“พอดีฉันเห็นว่าผู้ร้ายหน้าสวยอย่างเธอไม่ควรมีเวลาคิดหรือ
สร้างเรื่องตลบตะแลงต่อพักตร์ท่านหญิงศรีมาลาอีกแม้แต่นาทีเดียว
วันนี้มันไม่ใช่วันของเธออีกแล้วล่ะพนิดาขอให้เตรียมตัวรับกรรมที่
เธอก่อไว้ซะ!”
คำพูดเน้นหนักพร้อมสายตาหยามเหยียดทำให้พนิดาถึงกับ
ตัวสั่นเทิ้มกำหมัดเข้าหากันแน่นสะดุ้งโหยงเมื่อเล็บแหลมบางของตน
จิกเข้าไปในอุ้งมือตัวเองเมื่อตัวเองถูกมองอย่างดูถูกมากเข้าหญิงสาว
จึงเชิดหน้าขึ้นเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงท้าทายดวงตาคู่สวยแข็งกล้าไม่
หวาดหวั่น
“เชิญเลยค่ะเชิญคุณไปกราบทูลท่านหญิงได้เลยว่าดิฉันมา
เข้าเฝ้าแล้วอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปดิฉันมั่นใจว่าไม่เคยทำอะไรผิด
แน่นอนแม้ดิฉันจะไม่ร่ำรวยนักแต่ก็ยังห่างไกลจากคำว่าผู้ร้ายพอ
ดิฉันนอนกับดินกินกับทรายได้ไม่คิดจะเอาของของใครมาเป็นของ
ตัวเองสักครั้งเพราะว่าหัวใจของฉันมีเกียรติยศพอ”
“หัวใจมีเกียรติยศ!”
เสียงสูงทวนกลับมาพร้อมสายตาหยามหมิ่นจนคนฟังต้อง
ข่มใจกัดฟันกรอด
“อืมหืมมมม์หัวใจมีเกียรติยศช่างเป็นคำพูดเลิศหรูเสนาะหู
มากเชียวนะแต่น่าเสียดายที่มันหลุดออกมาจากปากหัวขโมยสาวอย่าง
เธอได้ยินแล้วนอกจากที่จะไม่ศรัทธายังเพิ่มความรู้สึกสมเพชให้อีก
ต่างหาก”
“หัวขโมยหรือคะหัวขโมยอะไร” พนิดาเสียงสูงตกใจเมื่อถูก
ย้ำคำเดิมๆมากขึ้น
“ดิฉันไม่ใช่หัวขโมยไม่คิดจะเป็นขโมยแล้วก็ไม่คิดจะ
ครอบครองของของคนอื่นด้วย”
หญิงสาวสวนกลับกำมือเข้าหากันแน่นดวงตาคู่สวยประสาน
กับดวงตาเลขาฯของท่านหญิงศรีมาลานิ่งได้ยินเสียงถอนใจอย่าง
อิดหนา
“เอาเถอะนะแม่คนบริสุทธิ์” เลขาฯประชดแดกดัน “พอแล้ว
ล่ะฉันเองก็ไม่อยากเสวนากับพวกจิตใจคิดคดมากเท่าไรหรอกประเดี๋ยว
ความชั่วร้ายมันจะกระโดดเข้ามาเกาะให้ตัวฉันเองต้องพลอยมัวหมอง
ไปด้วยฉันจะเข้าไปกราบทูลท่านหญิงให้ว่าเธอมาแล้วหลีกทางด้วย!”
เลขาฯต่อความกับพนิดาเป็นครั้งสุดท้ายก็เดินจากไปทันที
ทิ้งให้หญิงสาวต้องยืนกระสับกระส่ายวิตกจริตอยู่เพียงลำพัง
“นี่มันอะไรกันแน่มีอะไรเกิดขึ้นกับเรางั้นหรือ?”
หญิงสาวพึมพำสั่นระริกไปทั้งร่างดูเหมือนว่าเธอจะตกเป็น
จำเลยด้วยข้อหาอะไรสักอย่างแต่พนิดาก็มั่นใจเหลือเกินว่าตั้งแต่เกิด
มานั้นเธอยังไม่เคยทำสิ่งใดที่เฉียดคำว่าชั่วร้ายหรือจนตรอกถึงขั้นต้อง
เป็นขโมยสักครั้งเดียว
‘ฉันไม่ผิดไม่เคยทำผิดใครก็ตามจะมากล่าวหาหรือป้ายสีอะไร
ให้ฉันไม่ได้ทั้งนั้น’
พนิดาบอกกับตัวเองค่อยๆสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆยืนสงบ
นิ่งรอคอยให้เลขาฯออกมา
ประตูห้องทรงงานเปิดกว้างออกอีกครั้งเพียงไม่นานคุณนิภา
เลขาฯประจำองค์ของท่านหญิงก็ปรากฏกายเบื้องหน้าเธอผู้อาวุโสวัย
กว่ามองตนด้วยสายตาเยาะหยันเชิดหน้าใส่อย่างไว้ตัว
“ท่านหญิงรับสั่งให้เธอเข้าเฝ้าได้เดี๋ยวนี้เลยเชิญ”
เลขาฯเอ่ยพร้อมเบี่ยงกายหลีกทางให้หญิงสาวเม้มปากเข้าหา
กันระงับใจไม่ตอบโต้เมื่อถูกอีกฝ่ายส่งสายตาเป็นอริมาให้ไม่เลิกรา
“แล้วคุณจะเสียใจที่ทำมารยาททรามๆใส่ฉันแบบนี้คุณต้อง
เสียใจและขอโทษที่ตราหน้าฉันว่าเป็นขโมยขอโทษที่ด่ากันอย่าง
หยาบคายดิฉันจะรายงานท่านหญิงให้ทรงทราบถึงการกระทำของคุณ”
“เชิญพนิดาถ้าเธอทำได้ก็รีบทำเสียก่อนที่เธอจะต้องระเห็จไป
อยู่ในคุก”
ได้ยินประโยคนั้นเข้าหญิงสาวก็ถึงกับสะอึกค่อยๆก้มหน้า
ลงต่ำเอ่ยเสียงเบา
“คุกหรือ? ไม่มีทาง! นี่มันต้องเป็นเรื่องตลกที่สุดเท่าที่ฉันเคย
พบมาเดี๋ยวเราก็จะรู้ว่ามันมีอะไรสักอย่างที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดกัน
ขึ้นยังไงฉันก็ยืนยันว่าตัวเองคือผู้บริสุทธิ์!”
“เอาไปแก้ตัวกับท่านหญิงเองเถอะแต่ฉันว่าไม่นะเพราะเธอ
คือโจรพวกเราจับเธอได้คาหนังคาเขา”
“โจร! จับฉันได้คาหนังคาเขา!” หญิงสาวทวนคำนั้นริมฝีปาก
สั่นระริกเห็นเลขาฯพยักหน้าให้แล้วผลักประตูส่งสัญญาณเตือนให้
เธอก้าวเข้าไป
“รีบไปเข้าเฝ้าได้แล้วอีกสามสิบนาทีท่านหญิงจะเสด็จกลับวัง
เพื่อพักผ่อนท่านหญิงเสด็จมาจัดการเรื่องของเธอด้วยองค์เองโดยเฉพาะ
เชียวนะพนิดา” เลขาฯกล่าวแล้วหัวเราะฮึๆบิดปากเยาะ
“แต่ฉันกลับไม่ชอบใจเลยแฮะให้ตายสิ! ฉันอยากให้เป็น
คุณชายรชตะจัดการเธอเองเสียมากกว่าเพราะถ้าหากว่าเป็นคุณชายรชตะ
ลงเล่นงานแล้วละก็เธอเละแน่พนิดา”
พนิดาเม้มปากแน่นกับคำขู่เธอพอได้ยินเหมือนกันว่าโอรส
องค์โตของท่านหญิงศรีมาลานั้นเหี้ยมและเด็ดขาดขนาดไหนคุณนิภา
ส่ายศีรษะให้เธออย่างระอา
“ไม่มีประโยชน์ที่เธอจะถ่วงเวลาหลีกลี้หนีปัญหาอีกต่อไปแล้ว
คนผิดมันก็คือคนผิดอยู่วันยังค่ำนั่นแหละขึ้นชื่อว่าสีดำแล้วน่ะนะจะ
เอามาซักฟอกยังไงมันก็ไม่เป็นขาวไปได้หรอกจ้ะฉันจะกลับไปทำงาน
ของตัวเองแล้วเชิญเธอเข้าเฝ้าได้เลย!”
เลขาฯกล่าวเท่านั้นก็เดินเชิดหน้าจากไปทิ้งให้พนิดายืนนิ่งอยู่
ตรงประตูหน้าห้องทรงงานด้วยความสับสนว้าวุ่นสูดลมหายใจเข้าปอด
ลึกๆค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องทรงงานด้วยบ่าตั้งหลังตรงแม้ใจจริงแล้ว
จะรู้สึกไม่ต่างจากหมูที่กำลังก้าวขึ้นเขียงเลยสักนิดเดียว
ภายในห้องที่ติดแอร์เย็นฉ่ำพนิดาหยุดนิ่งราวกับถูกตรึงไว้กับที่
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพบว่าท่านหญิงศรีมาลามิได้รับสั่งให้เธอมา
เข้าเฝ้าเพียงคนเดียวภายในห้องทรงงานโอ่อ่ายังมีพนักงานบัญชีแผนก
เดียวกันกับเธอนั่งอยู่ด้วยสำคัญที่สุดคือพี่นุชรีหัวหน้าแผนกวัยละอ่อน
ของเธอกำลังนั่งหน้าตาเคร่งเครียดอยู่ตรงเบื้องพักตร์ของท่านหญิง
ศรีมาลา
ทันทีที่ขาของเธอก้าวไปยืนอยู่กลางห้องทรงงานพนักงาน
ทุกคนในห้องต่างพร้อมใจกันมองมาที่เธอด้วยสายตากล่าวหาเพียง
แวบเดียวเท่านั้นที่หญิงสาวประสานสายตากับนุชรีหัวหน้าแผนก
คนสวยเห็นอีกฝ่ายส่งสายตากังวลเห็นใจมาให้พนิดาสูดลมหายใจ
เข้าปอดลึกๆหน้ายังคงเชิดบ่ายังคงตั้งไม่แสดงให้ใครเห็นว่าไหวหวั่น
รู้แน่แล้วว่าตนกำลังตกที่นั่งลำบาก
รายละเอียด
"จำเลยสิเน่หา (หัวใจสีน้ำเงิน) (ปกใหม่)" นำเสนอเรื่องราวของ "เบน วรรณสุวรรณ" ชายหนุ่มหล่อเหลา ลูกครึ่งไทย-โคลอมเบีย กับรูปถ่ายของเขาถูกนำเสนอต่อหน้า "พนิดา" หญิงสาวแสนสวยผู้จองหอง ที่ตอนนี้กำลังตกที่นั่งลำบากด้วยข้อหาขโมยเงินหลายล้าน! ที่ชดใช้ทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปจากวิกฤตินี้ได้คือ เธอต้องยอมเป็นนางพรานสาวไล่ล่าเขา แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อเธอคือนางสมันตัวน้อย แต่เขาคือพ่อเสือร้าย! ที่ชอบผู้หญิงสวย แต่เกลียดการทรยศสุดขั้วหัวใจ! และเมื่อเขาจับได้ว่าเธอ คือ สาวไฟแรงสูงมือสมัครเล่น แล้วนายพรานมือฉมังอย่างเขา จะจัดการอย่างไรกับพรานสาวระดับประถมคนนี้ดีนะ !!
แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไป และมีบทสรุปอย่างไร !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยาย "จำเลยสิเน่หา (หัวใจสีน้ำเงิน)" เล่มนี้
เขียนโดย "แก้วชวาลา"
368 หน้า