เมียค้ำประกัน (แก้วชวาลา)

เมียค้ำประกัน (แก้วชวาลา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786169077107
ผู้แต่ง: แก้วชวาลา
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 259.00 บาท 64.75 บาท
ประหยัด: 194.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เรื่อง เมียค้ำประกัน โดย แก้วชวาลา

 

“ไม่ตกลง สำหรับผู้หญิงคนนี้ 10 ล้านบาท ฉันก็ไม่ขาย!”

เสียงแข็งของชายร่างสูงที่ดังลั่นบ่อนนั้น ทำให้พิธีกรหันไปมอง ภควันต์

ขมวดคิ้วมุ่น จุปากไม่ชอบใจเมื่อเห็นน้องลูซี่ส่งยิ้มหวานนัยน์ตาหยาดเยิ้มยั่วยวนกัน

สุดฤทธิ์มาที่ตน

“พวกแกไปเอาตัวนายผู้หญิงลงมาเร็ว”

“เฮ้ย! อะไรวะ ถ้าแกจะเอาตัวน้องลูซี่ไป ก็ประมูลราคามาสิ ตอนนี้น้องลูซี่

อยู่ที่ราคา 900,000 บาทนะโว้ย ถ้าให้ได้ 1,000,000 บาทเอาไปเลย”

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ยังพล่ามไม่ทันจบดีภควันต์ก็ยิงไปยังเวทีจนพิธีกรปากดีต้องหลบกระสุน

วุ่นวาย

“ถ้ามึงบังคับให้กูประมูลเมียกูอีก กูจะประมูลด้วยลูกกระสุนของกูนี่แหละ”

ภควันต์เอ่ยแล้วมองมันอย่างเอาจริง ขณะที่สกุณาซึ่งเป็นที่เรียกขานกันไป

แล้วว่าน้องลูซี่ถูกลากลงมาจากเวทีอย่างทุลักทุเล และโดยไม่คาดคิดลำแขนเรียวสวย

ก็โน้มลำคอภควันต์ลงมาจูบบดขยี้อย่างรวดเร็ว แถมยังกระแซะกายนุ่มๆ เข้าหาอย่าง

เร่าร้อน ไม่เกรงสายตาของใครทั้งสิ้น จนเขาต้องรีบดึงหล่อนออก

“เอ๊ะ....รูปหล่อ ทำไมล่ะคะ?” เสียงอ้อน พร้อมนัยน์ตาฉ่ำเยิ้ม

“ฮาๆ ยาออกฤทธิ์เต็มที่เมื่อไร ลูกน้องมึงทั้งทีมก็เอาไม่อยู่หรอกว่ะ นี่แค่

เริ่มๆ เท่านั้น”

“ไอ้ระยำ!” ภควันต์ด่าได้เท่านั้นก็เซ เมื่อร่างบางอาศัยทีเผลอโถมกายเข้าหา

เขาใหม่ คราวนี้ไม่ใช่แค่จูบแต่มือเล็กๆ ยังดึงทึ้งเสื้อผ้าเขาอีก

“นกมีสติหน่อยสิ หยุด!” กล่าวพร้อมพยายามดันร่างนางจอมยั่วออกไปจน

สุดแขน

“รูปหล่อคะ แต่ฉันต้องการคุณ ฉันอยากได้คุณ อยากได้จนจะคลั่งอยู่แล้ว

ได้โปรด...นะคะรูปหล่อ”

 

 

 

บทนำ

ผู้ชายความจำสั้น

ร่างสองร่างที่กำลังพันตูกันอยู่บนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่

ผละออกจากกันแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดผลัวะเข้ามา

ตามมาด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายของแองจี้เลขาฯ หน้าห้อง

“นี่คุณคะ ดิฉันบอกแล้วยังไงล่ะว่าเข้าไปไม่ได้คุณภควันต์

กำลังมีแขกอยู่นะ หรือต้องให้ถึงกับเรียกรปภ.ขึ้นมาลากตัวกันออกไป

หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะคุณสุภาพสตรี”

เสียงแหวของเลขาฯ สาวลูกครึ่งไทย-อเมริกันดังขึ้นอย่างโกรธๆ

หน้าสวยหวานที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างเชื้อสายไทย-อเมริกัน

เริ่มแปลงเปลี่ยนเป็นยักษ์ขมูขีเมื่อแขกสาวไม่ได้รับเชิญที่อ้างตนว่า

 

 

เป็นภรรยาของเจ้านายสุดหล่ออาศัยจังหวะยามที่ตนพลั้งเผลอหันหลัง

ให้เจ้าหล่อน วิ่งจี๋เข้ามาในห้องทำงานสุดหรูของประธานใหญ่สวีต เฮาส์

บริษัทสร้างและขายบ้านชั้นนำของเมืองไทย อีกทั้งยังมีกิจการมากมาย

ของครอบครัวอยู่ในมือ

พอสิ้นเสียงแว้ดๆ ของเลขาฯ สาวลูกครึ่งที่พูดภาษาไทยไม่ค่อย

จะชัดเท่าใดนัก บุรุษเรือนร่างสูงใหญ่สูสีกับนายแบบตะวันตกที่กำลัง

ถูกสาวงามผิวกายขาวผ่องซึ่งเอนกายระทดระทวยอยู่ในท่าจะนั่งก็ไม่ใช่

จะนอนก็ไม่เชิงใช้มือเรียวยาวของเจ้าหล่อนค่อยๆ ปอกเปลือกเขาอยู่นั้น

ค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นมองไปยังประตูดวงตาคู่คมนัยน์ตาสีเหล็กกล้า

ฉายแววเกรี้ยวกราด สันกรามที่ยื่นออกมาเล็กน้อยอย่างบุรุษทรงพลัง

นั้นขบเข้าหากันแน่น

“อ...อะ...เอ่อ คุณวันต์ขา แองจี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ

แองจี้บอกเธอไปแล้วว่าคุณวันต์มีแขก ไม่สะดวกจะพบใครในตอนนี้

เลย”

เลขาฯ สาวละล่ำละลักบอกลิ้นแทบพันกัน เมื่อเห็นเจ้านาย

สุดหล่อจ้องตนตาดุ มือเรียวหนาค่อยๆ ปล่อยร่างเย้ายวนของรองนางงาม

คู่นอนคนล่าสุดออกช้าๆ ออกอาการเสียดายหน่อยๆ จนเห็นได้ชัด ส่วน

คนที่ถูกปล่อยก็ทำเสียงฟืดฟาด ดวงตาของนางงามสาวจ้องไปที่เลขาฯ

พันธุ์ลูกผสมอย่างมีโมโห ส่วนเลขาฯ คนงามนั้นก็ใช่ย่อย ส่งประกาย

สะใจแล้วเชิดหน้าใส่แม่รองนางงามจอมยั่วสวาททันที

คนอย่างแองจี้ไม่มีทางยอมใครอยู่แล้ว นอกจากเจ้านายรูปหล่อ

ของเธอเท่านั้น และเธอก็จะยอมให้เขาคนเดียวด้วย พอเชิดหน้าใส่

เหยื่อสาวรายล่าสุดของเจ้านายได้สักพัก ลูกครึ่งสาวก็ตวัดดวงตากลมโต

สีน้ำตาลอ่อนไปยังสตรีที่ไม่มีใครเชิญ ซึ่งกำลังโก่งตัวจิกปลายเท้ากับ

พื้นพรมแน่น ไม่ยอมให้รปภ.ของบริษัทที่แห่กันมาเป็นกองทัพลากตน

ออกไปไหนทั้งสิ้น

 

 

พอเลขาฯ สาวหันกลับก็เห็นบอสใหญ่ของตนมองแผ่นหลัง

บอบบางของสตรีไม่ได้รับเชิญด้วยใบหน้าขึง เม้มปากแน่น เท่านั้นก็รู้

แล้วว่าอีกฝ่ายโกรธมากแค่ไหน ลองเจ้านายของเธอยืนตรงแน่ว จ้อง

กันนิ่งแบบนี้ ย่อมแสดงว่าโกรธมาก และหากว่าภายใน 5 นาทีนี้ ไม่มี

การจัดการใดๆ กับผู้บุกรุกเลย ลูกระเบิดเป็นได้ลงตูม เดือดร้อนกันไป

ถ้วนทั่วอย่างแน่นอน

“เอ่อ แองจี้คิดว่า ผู้หญิงคนนี้คงสติไม่ค่อยดีสักเท่าไรน่ะค่ะ

คุณวันต์ตอนเข้ามาก็พูดจาแปลกๆ ยังไงพิกล” เลขาฯ สาวกล่าวได้

เท่านั้นก็ต้องหน้าจืด เมื่อสตรีที่ถูกกล่าวหาว่าสติไม่ดีสักเท่าไรเริ่มออกฤทธิ์

โวยวายเสียงดัง แถมยังดิ้นหนีไม่ยอมให้ใครลากไปไหนง่ายๆ ด้วย

“ปล่อยนะ บอกแล้วไงว่าฉันแค่มาขอใบหย่าจากคุณภควันต์

เท่านั้น แล้วถ้าเจ้านายของพวกคุณเซ็นใบหย่าเรียบร้อยแล้วละก็ รับรอง

ได้เลยว่า ฉันจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกจริงๆ ปล่อยสิ ปล่อยนะ ปล่อย

ฉันเดี๋ยวนี้เชียว เอ๊ะ อย่าบีบข้อมือของฉันแรงนะ ฉันเจ็บ ข้อมือฉันหัก

ขึ้นมาละก็ ทุกคนในห้องนี้จะต้องรับผิดชอบ!”

สิ้นเสียงแหวๆ จากเจ้าของเส้นผมยาวสลวยนั้น โต๊ะทำงานที่

ก่อนหน้านี้ได้แปลงเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรักก็ถูกตบโครม! เสียงโกลาหล

ภายในห้องสงบลง เป็นเวลาเดียวกับที่ร่างบางของผู้บุกรุก ซึ่งกำลัง

ดิ้นรนหาอิสรภาพอยู่นั้น สะบัดกายหลุดออกมาได้ และระหว่างที่ทุกคน

กำลังงงกันอยู่นั้น หล่อนก็อาศัยความไวปานลิงลมวิ่งปรู๊ดมาที่ภควันต์

ดวงตากลมโตราวตาแมวเปอร์เซียขนฟูฟ่องจ้องมาที่เขาเขม็ง

มันเหมือนแมวตัวเล็กๆ ที่อาจหาญต่อกรท้าตีกับราชสีห์ไม่มีผิด ดวงหน้า

เข้มคมคายผงะเล็กน้อย เมื่อประสานกับดวงตากลมๆ ฉายประกาย

ตำหนิ คิ้วเข้มของภควันต์ขมวดมุ่น เมื่อเห็นหน้าเจ้าหล่อนชัดๆ คุ้นๆ กับ

ดวงหน้าจิ้มลิ้มปานตุ๊กตา จมูกรั้นๆ ปากกระจับเล็กๆ สีชมพูระเรื่อน่าจูบ

ที่สุดเท่าที่เคยพบมา แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกสักที ว่าหล่อนคือใคร?

 

 

“กรุณาให้เวลาฉันสัก 5 นาทีได้ไหมคะคุณภควันต์”

เสียงหวานเอ่ย ดวงตาคู่คมของภควันต์หรี่ลงจ้องอีกฝ่ายอย่าง

ไม่ไว้ใจ ขณะที่คู่ขาซึ่งกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่แล้วแสดงอาการ

ไม่ยินยอมให้เขาเจียดเวลาไปหาใครง่ายๆ โดยการเบียดกายอันอวบอัด

เข้าประชิด แล้วจ้องผู้บุกรุกด้วยสายตาเคืองขุ่น

“เอ่อ...คือ...ฉัน...ฉัน...สกุณา เทพอมรค่ะ คุณพอจะจำฉันได้

บ้างหรือเปล่าคะ?”

ถ า ม เ ข า ไ ป อ ย่า ง ไ ม่ ค่ อ ย มั่น ใ จ ด ว ง ต า ก ล ม โ ต ร า ว

ตาแมวเปอร์เซียน้อยฉายประกายไหวหวั่นไม่รู้ตัว แล้วก็ยิ่งไม่ค่อย

มั่นใจหนักเข้าไปอีก เมื่อดวงตาคู่คมยังมองเธอเฉย ภควันต์สามีในนาม

ของเธอจ้องกันด้วยสายตาว่างเปล่า โดยมีสตรีผู้หนึ่งโอบกอดร่างสูงใหญ่

แน่น แสดงความเป็นเจ้าของเขาอย่างเต็มที่ ต่อหน้าเธอซึ่งได้ถือ

ทะเบียนสมรสใช้นามสกุลของเขามาแล้วถึง 6 ปีเต็ม และมันคงจะ

สิ้นสุดลงในไม่ช้านี้

“คุณจำฉันได้ไหมคะ ฉันสกุณา คุณจำได้ไหม?”

ถามแล้วก็สะดุ้งเสียเอง เมื่อโต๊ะถูกตบดังปัง ใบหน้าปานเทพบุตร

ในร่างของซาตานที่หลอกหลอนเธอมาตลอด 6 ปีเต็มๆ เริ่มบูดบึ้ง ภควันต์

เปลี่ยนไปมาก เขาหล่อขึ้น ดูดุดัน ความทระนง ลักษณะบ้าอำนาจ

เจ้าเผด็จการก็เหมือนจะมีมากขึ้นตามวัยของเขาด้วย

“ก่อนที่เธอจะตั้งคำถามกับฉัน เธอควรจะอธิบายมาถึงจะถูกสิ

ว่าเธอมาที่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมถึงได้บุกรุกเข้ามาราวกับคนเสียสติแบบนี้”

คำว่าเสียสติพร้อมแววตาดูถูกนั้น ทำเอาสกุณาถึงกับหน้าหงาย

ร่างบางค่อยๆ ยืดกายขึ้น เรียกความมั่นใจของตนกลับมาอีกครั้ง เห็น

เจ้าของดวงหน้าคมเข้มจ้องเธอนิ่ง ไม่ใส่ใจสาวสวยข้างกายที่เกาะกอด

แขนอุดมไปด้วยมัดกล้ามที่ซ่อนอยู่ในชุดสูทชั้นดีราวกับพญาชะนีนั้น

เลย ยังผลให้สกุณาถูกสาวงามผู้นั้นเบ้ปากใส่เป็นสิบๆ หน

 

 

“ใครในที่นี้ต่างก็รู้ดีว่าฉันเป็นโสด ถ้าจะอ้างตัวว่าเป็นเมียกัน

ละก็มันจะต้องเท้าความหลังให้ฟังหน่อยจริงไหมครับคุณผู้หญิง ว่า

ทำไมจู่ๆ นายภควันต์คนนี้ถึงได้มีเมียขึ้นมา และพอมีเมียแล้วทำไมจะ

ต้องหย่าขาดด้วย!”

ภควันต์เอ่ยพร้อมกระตุกมุมปากเยาะ สกุณาถึงกับผงะไปกับ

คำพูดของเขา ถ้อยคำห้วนสั้นที่ออกมาจากริมฝีปากเร้าใจหยักลึกนั้น

สั่นคลอนความมั่นใจของเธอใช่น้อย มันหมายความว่ายังไงไปไม่ได้ทั้งนั้น

นอกจากว่าเขาได้ลืมสกุณาไปแล้ว ลืมว่าครั้งหนึ่งเคยจดทะเบียนสมรส

กับเด็กกะโปโล โตไม่เต็มวัยอย่างเธอ

“คุณวันต์คะ ก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นบ้า สติไม่ค่อยดี คุณวันต์อย่า

ไปเสียเวลาคุยกับหล่อนเลยนะคะ ให้รปภ.มาลากออกไปซะ เท่านี้ก็

สิ้นเรื่อง จะได้ไม่ต้องมีใครมาตะโกนปาวๆ ว่าเป็นเมียคุณวันต์อีก”

เสียงพญาชะนีที่เกาะแขนภควันต์แน่นปานตุ๊กแกพันปีนั้น

ทำให้สกุณาต้องเม้มปากแน่น พอหันไปสบตาหล่อนเท่านั้น สตรีผู้นั้น

ก็เชิดหน้าใส่

“ฉันเป็นแฟนของคุณวันต์เพราะฉะนั้นฉันย่อมยืนยันได้ว่า

คุณวันต์ยังเป็นโสดร้อยเปอร์เซ็นต์รู้อย่างนี้แล้วมาทางไหนก็ไปทางนั้น

เลยไป๊ ยัยบ้า ยัยสติไม่ดี ชิ่ว ชิ่ว”

“ถ้าเธอไม่พูดโกหก ก็แสดงว่าเธอไม่รู้จริงแล้วล่ะ”

สกุณาแว้ดใส่สาวสวยบ้าง หลังจากโดนแต่ละคนมองว่าเธอเป็น

สัตว์ประหลาดมานานแล้ว ผลลัพธ์ก็คือโดนอีกฝ่ายถลึงตาใส่ หญิงสาว

หาใส่ใจไม่มือที่กำลังสั่นระริกล้วงเข้าไปในกางเกงยีนสีซีดๆ หยิบบัตร

เล็กๆ แข็งๆ ออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นก็เสือกไปด้านหน้าของภควันต์

ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ตากลมโตวิบๆ วับๆ อย่างคนที่พยายามสะกดกลั้น

อารมณ์โกรธเอาไว้สุดขีด

“ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ แม้ใครบางคนจะลืมไป

 

 

แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนๆ นั้นจะหนีความจริงพ้นอยู่ดี

ฉันชื่อนางสกุณา เทพอมร คุณดูบัตรประชาชนนี้ซะ แล้วจะได้รู้กันซะที

ว่า ใครกันแน่ที่มันเป็นคนความจำสั้น สติไม่ค่อยดี”

สกุณาเอ่ยเสียงแข็ง เงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ยังยืนเฉย ทำเป็น

ทองไม่รู้ร้อนอย่างหงุดหงิดใจ ไม่พอใจนิดๆ เมื่อสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายเขา

คว้าบัตรประชาชนของตนไปดูแทน สักพักริมฝีปากที่ทาด้วยสีชมพูเข้ม

ก็เบ้ออกมา

“ก็แค่นามสกุลเหมือนกัน แล้วยังไงล่ะ พวกนามสกุลเดียวกัน

ไม่รู้จักกันก็มีเยอะแยะไป ขอทานที่นามสกุลเดียวกับรัฐมนตรีก็มีถม

หล่อนกับคุณวันต์ มองปราดเดียวก็รู้ว่าคนละระดับชั้นกัน มาทางไหนก็

ไปทางนั้นเลยไป๊เธอ คุณวันต์น่ะเขายังโสด แฟนฉันเขาไม่มีเวลามาคุย

กับคนบ้าๆ ขี้ตู่แบบเธอหรอกย่ะ จริงไหมคะคุณวันต์ขา”

ท้ายประโยครองนางสาวไทยคนงามกล่าวเสียงฉอเลาะ ซบ

ศีรษะที่เซ็ตมาอย่างดีกับบ่ากว้าง จากนั้นก็ย่นจมูกใส่สกุณา แต่ไม่นาน

คนสวยก็หน้าง้ำ เมื่อคนที่โดนกระแซะดันหล่อนออกห่าง

“ใช่ลิลลี่พูดถูกทุกอย่างเลยครับ ทุกวันนี้ผมมีชีวิตอยู่อย่าง

ชายโสด ผิดอยู่ข้อเดียวเท่านั้น ก็คือตรงที่เราสองคน ผมกับลิลลี่ไม่ได้

เป็นแฟนกัน”

เสียงยืนยันหนักๆ พร้อมท่าทางหยิ่งๆ ยามประกาศตัวว่าเป็นโสด

นั้น ทำให้สกุณาอดหันไปยิ้มยั่วแม่ลิลลี่ไม่ได้มองไปมองมาเลยคุ้น

ว่าหล่อนเป็นรองนางงามคนล่าสุด ผลก็คือโดนอีกฝ่ายส่งสายตาจะ

กินเลือดกินเนื้อให้ ก่อนจะโวยออกมาเสียงสูง

“คุณวันต์ ที่พูดไปแบบนั้นหมายความว่ายังไงคะ ตกลงทุกวันนี้

เราสองคนเป็นอะไรกัน?”

“ก็เป็นเพื่อนไงล่ะครับทูนหัว เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนแก้เหงา

ตลอดเวลาอาทิตย์กว่าๆ ที่คบกันมานี่ เราสนิทสนมคุยกันถูกคอจะตายไป

 

 

แต่ทุกอย่างมันไวเกินกว่าจะคิดอะไรได้มากกว่านั้นนะครับ และที่สำคัญ

ที่สุด เราตกลงกันแล้วว่าจะเป็นเพื่อนกันอยู่อย่างนี้และจะไม่พัฒนา

อะไรๆ ไปให้มันมากกว่านั้นด้วย”

“แล้วคอนโดที่คุณซื้อให้ลิลลี่ล่ะคะ ให้กันเพราะอะไร?”

“น้ำใจของเพื่อนสิครับ คุณน่ารัก ผมเลยมีน้ำใจ”

สกุณาหันไปฟังคนนั้นทีคนนี้ที ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดี เมื่อทราบว่า

นอกจากจะถูกเขาลืมจนดับไปแล้ว ยังถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีในนาม

ยัดเยียดตำแหน่งเมียหลวงให้อีกด้วย เขาใช้ชีวิตแบบชายโสดอย่างคุ้มค่า

สุดๆ เอาเงินไปปรนเปรอผู้หญิงอื่น ปล่อยให้เธอเผชิญชีวิตอย่างโดดเดี่ยว

บนโลกกลมๆ ใบนี้เพียงลำพัง ช่างมีน้ำใจงดงามซะจริงจริ๊ง

“พวกคุณทั้งสองคนหยุดกันได้แล้ว” เสียงหวานแหวออกมา

อย่างเหลืออด ทั้งสองคนหยุด แต่หันมามองสกุณาด้วยสายตาขุ่นเคือง

แทน หญิงสาวเลยหน้าบึ้ง

“เดี๋ยวพวกคุณทั้งคู่ค่อยตกลงสถานะของตัวเองกันทีหลังได้ไหม

ขอฉันจัดการเรื่องของฉันก่อน”

“อยู่ๆ ก็มาพูดแทรกคนอื่นแบบนี้ นอกจากจะบ้าแล้วยังไม่รู้จัก

มารยาทอีก”

เสียงแม่ลิลลี่ที่ทำอะไรภควันต์ไม่ได้พาลใส่เธอดังๆ สกุณา

เลยถอนใจ เสร็จแล้วก็ชักสีหน้าขุ่นเขียวใส่แม่ลิลลี่ผู้หญิงที่เธอคิดว่า

น่ารำคาญที่สุดในโลกบ้าง

“นี่คุณนางฟ้าแสนสวย ฉันไม่ได้ฝ่าดงรปภ.และเลขาฯ หน้าดารา

เพื่อมาดูคุณทะเลาะกับคู่ขาของคุณนะคะ แต่ฉันมาเพื่อจัดการสถานะ

ของตัวเองให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จแล้ว ฉันจะได้กลับ!”

สกุณาเน้นเสียงหนัก รำคาญคำพูดและกิริยาของอีกฝ่ายเต็มกลืน

จะคุยเรื่องที่มันคาราคาซังมานาน เลยไม่ได้คุยเสียที

“สถานภาพอะไรของเธอล่ะ ท่าทางของแฟนฉันเขาบอกหรือไง

 

 

ว่าเคยรู้จักคนบ้าแบบเธอ!”

ลิลลี่หรือลัดดาวัณย์ย้อนถามเสียงสูง ไม่ใส่ใจคำปฏิเสธแหมบๆ

ว่าไม่ใช่แฟนกันของภควันต์สักนิด ริมฝีปากอวบอิ่มบิดเบ้มือบางคว้า

แขนฉกรรจ์ของภควันต์เอาไว้มั่น ดวงตาคู่สวยตวัดมองสกุณาอีกครั้ง

อย่างดูแคลน สกุณาชักเริ่มกรุ่นๆ ดวงหน้าเรียวงามประดับด้วยเครื่องหน้า

กระจุ๋มกระจิ๋มเชิดขึ้นสูง ค่อยๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่หวาดหวั่น

เธอเกลียดผู้หญิงคนนี้เหลือทน ไม่ใช่เพราะมือที่เกาะสามีในนามปาน

พญาชะนีของอีกฝ่ายหรอกนะ แต่เพราะคำพูดพล่อยๆ ไร้คุณสมบัติผู้ดี

ที่ออกมาจากปากสวยแต่เน่าในนั้นต่างหากเล่า

“คุณภควันต์เขาจะรู้จักหรือจำฉันได้หรือเปล่าน่ะ ฉันไม่สนใจ

หรอกนะ เพราะถึงยังไงฉันก็เป็นภรรยาของเขาอยู่ดีส่วนเธอน่ะแค่

นางบำเรอปลายแถว เมื่อเมียในทะเบียนสมรสมาแล้วก็จงรีบถอยไป

ไม่งั้นฉันจะฟ้องร้องเธอ ข้อหาเป็นเมียน้อย ทำให้ครอบครัวของฉัน

แตกแยกไร้ความสงบสุข ออกไปสิไป๊ สามีภรรยาเขาจะคุยธุระกัน เสร็จ

ธุระเมื่อไร เดี๋ยวฉันยกเขาให้เธอเอง หลบไปเลยไป๊”

กรี๊ดดดดดด อีบ้า นังคนบ้า ใครต้องหลบ ฉันเป็นแฟนคนล่าสุด

ของคุณวันต์นะ รปภ.มานี่เดี๋ยวนี้ ไม่เห็นเหรอว่าผู้หญิงคนนี้มันบ้า มา

อ้างตัวว่าเป็นเมียคุณวันต์ทั้งที่คุณวันต์ยังโสดอยู่เอามันออกไป มา

ลากมันออกไปเดี๋ยวนี้เลย”

ลิลลี่เต้นเป็นเจ้าเข้า ชี้หน้าชี้ตาผู้บุกรุกด้วยมือสั่นระริก เมื่อจู่ๆ

รองนางงามแบบเธอก็ถูกจัดสถานะให้เป็นเพียงนางบำเรอ แถมยังโดน

ลดระดับให้อยู่แค่นางบำเรอปลายแถว สาวสวยถลึงตาเมื่อเห็นรปภ.

ยึกยัก ไม่กล้าเข้ามาตามคำสั่ง เนื่องจากภควันต์เจ้านายใหญ่ยังยืนเฉย

แต่ดวงตาคู่คมนั้นกลับมองสตรีนิรนามแปลกๆ

“มาสิรปภ. เอาตัวมันออกไป มาเอามันออกไป๊”

“กล้ามาเอาตัวนางสกุณา เทพอมร ภรรยาของคุณภควันต์

 

 

ผู้ชายใจดำความจำสั้นคนนี้ออกไปก็เชิญสิ แต่ฉันขอบอกกับทุกคนเอาไว้

ตรงนี้เลยนะ ว่าฉันจะไม่ยอมไปไหนง่ายๆ ถ้ายังไม่ได้ใบหย่าจากเขา!”

คำยืนยันหนักแน่น พร้อมหน้าละอ่อนที่จ้องไปยังหน้าคมเข้ม

เขม็งนั้น ทำให้ภควันต์เลิกคิ้วสูง มือหนายกขึ้นแกะมือคู่ขาคนล่าสุด

ออกไป ทำให้อีกฝ่ายต้องแหงนหน้าขึ้น จ้องดวงหน้าคมเข้มด้วยสายตา

งงๆ ก่อนจะหันกลับมาแว้ดใส่สกุณาอีกครั้ง

“พูดบ้าอะไรของเธอ ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละ ว่าคุณวันต์ยัง

โสด ผู้หญิงโรคจิต! แค่เธอเข้ามาขัดจังหวะฉันกับคุณวันต์มันก็มากเกิน

จะทนแล้ว แต่นี่ยังกล้ามาอ้างตัวว่าเป็นเมียของคุณวันต์อีก ไปเลยนะ

ออกไปเดี๋ยวนี้เชียว รปภ.เข้ามาลากผู้หญิงคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้ เร็วเข้าสิ

มัวยืนเซ่ออยู่ทำไมกัน”

ลิลลี่หรือลัดดาวัณย์ชักโมโห กระทืบเท้าเร่าๆ พร้อมถลึงตาใส่

รปภ.ที่ทำเป็นยึกยัก ไม่ยอมเข้ามาลากตัวผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นภรรยา

ของเจ้าของห้องออกไปสักที พอทำอะไรไม่ได้ก็กระฟัดกระเฟียด ดวงตา

สวยๆ พองแทบถลนออกมา เมื่อเห็นผู้หญิงจอมแอบอ้างก้าวไปเผชิญหน้า

ชิดใกล้คู่ควงของตน

“ฉันรู้นะ ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันไม่เคยอยู่ในความทรงจำ

ของคุณเลย และคุณเองก็ไม่คิดที่จะจดจำฉันให้รกสมองด้วย แต่คุณ

ช่วยหยุดคิดสักนิดได้ไหม ว่าเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมาน่ะ มันมีอะไรเกิดขึ้นกับ

ชีวิตของคุณบ้าง อะไรที่เป็นสาเหตุให้คุณถูกคุณลุงภควัตพ่อของคุณเอง

เรียกตัวกลับมาจากต่างประเทศด่วน ลองคิดดูดีๆ ก่อนได้ไหม ฉันคิดว่า

ความทรงจำตรงส่วนนั้นของคุณมันไม่ดับหายไปซะทีเดียวหรอก”

คำพูดที่เน้นทุกถ้อยคำนั้น ทำให้ดวงหน้าคมที่กำลังยืนนิ่งเม้ม

ปากแน่นเริ่มมีใบหน้าขึงตึง ทั้งสองสบตากันนิ่ง ไม่นานเสียงทรงอำนาจ

ที่เจือด้วยความเจ้าอารมณ์นิดๆ ก็ดังขึ้น

“ทุกคนออกไปก่อน ฉันมีธุระจะคุยกับผู้หญิงคนนี้ตามลำพัง”

 

 

“แต่ที่รักคะ ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้านะคะ หล่อนอาจจะทำอันตราย

คุณได้ แล้วอีกอย่าง เรายังทำธุระกันไม่เสร็จดีเลย ลิลลี่ควรอยู่เพื่อสานต่อ

ทุกอย่างที่ค้างคาให้มันเรียบร้อยก่อนนะคะคุณวันต์”

เสียงทักท้วงพร้อมอาการกระทืบเท้าเร่าๆ ของสาวสวย ทำให้

สกุณาต้องกวาดตามองไปยังโต๊ะกว้างขวางที่โล่งเตียนราวกับเตียงนอน

เนื่องจากข้าวของทุกชิ้นถูกกวาดลงไปกองอยู่ที่พื้นพรมหมดสิ้น ทั้งแฟ้มเอย

กระดาษเอย และปากกาต่างกระจัดกระจายเกลื่อนกลาด ดวงหน้านวล

แดงนิดๆ เมื่อนึกถึงธุระที่ยังไม่เสร็จดีของคนทั้งคู่

พอแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาอีกครั้ง ก็เห็นคิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง

กระตุกปากยิ้มอย่างไม่ละอาย และด้วยรอยยิ้มของคนหน้าทนยิ่งกว่าแรด

นั่นเอง เลยทำให้คนหน้านวลที่ช่างขัดคอเสียเหลือเกินแดงเข้าไปใหญ่

แต่ก่อนที่เธอจะหน้าแดงให้เขาเห็นมากกว่านี้ดวงตาคมของคนที่จ้อง

ตนอยู่นั้นก็ตวัดไปยังคู่ควงคนล่าสุด สองมือหนายกขึ้นห้ามทันทีเมื่อ

คู่ขาสุดสวยตั้งท่าจะโถมกายเข้าฟัดเขาอีกครั้ง

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยครับสุดสวย แล้วจงเชื่อผม ออกไปก่อนนะ

ครับคนดี ตอนนี้ผมมีธุระด่วนจริงๆ และมันก็สำคัญมากๆ ด้วย สำคัญ

ยิ่งกว่าเรื่องที่เรายังทำกันไม่เสร็จซะอีก นางแมวจอมยั่วสวาทของผม”

แต่ว่าลิลลี่.........

แสนงามทรามวัยเอ่ยได้เท่านั้นก็ปิดปากฉับ เมื่อดวงตาคู่คม

เริ่มจ้องมาอย่างเย็นชา รองนางงามถอนใจ ย่นจมูกใส่ภควันต์อย่าง

งอนๆ และนั่นเป็นการทำที่ผิดมหันต์เมื่อภควันต์หน้าตึง เอ่ยเสียงเย็น

ไม่งอนง้อกัน

“ธุระอะไรคงไม่สำคัญเท่ากับภรรยาที่พรากจากสามีมาตั้ง 6 ปี

หรอกจริงไหมครับลิลลี่ กลับไปซะ ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของผมจริงๆ”

ภควันต์เอ่ยจบก็ใช้นิ้วคีบบัตรประชาชนของคนที่ตนยืนยัน

ว่าเป็นเมียของเขาขึ้นมา แล้วยื่นไปเบื้องหน้าแม่ดอกลิลลี่แสนสวย

 

 

เท่านั้นเองลิลลี่คนงามก็ร้องกรี๊ดลั่น จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมของตนให้

เรียบร้อย คว้ากระเป๋าสะพายได้ก็ร้องไห้โฮออกจากห้องไป สองนาที

ถัดมาห้องทำงานก็ตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่ยืน

จ้องกันนิ่ง ร่างบางของสกุณาเซน้อยๆ ไม่คิดว่าคนที่ยืนอมลิ้นเงียบมา

นานจะจำตนได้

“6 ปีเชียวนะนก นึกยังไงถึงมาโผล่หัวเอาตอนนี้ล่ะ”

เสียงทุ้มที่เรียกชื่อเล่นตนราวกับสนิทสนมกันนั้น ทำให้สกุณา

วางตัวไม่ถูก ดวงตากลมโตราวตาแมวเปอร์เซียพันธุ์ดีได้แต่จ้องเขานิ่ง

สำรวจร่างสูงใหญ่ไปมาอย่างงงๆ

“คุณจำฉันได้จริงๆ หรือคะ?”

หลุดปากถามไปเสียงกระซิบ จ้องเขาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ

เห็นเจ้าของดวงตาคมกริบพยักหน้าช้าๆ หญิงสาวจึงได้แต่ส่ายศีรษะไปมา

พูดไม่ออก จากนั้นก็แหงนหน้าขึ้นมองเขานิ่ง มารู้อีกทีก็เบิ่งตากว้าง

อ้าปากหวอ เมื่อเขาเคลื่อนกายเข้ามาชิด

 

 

 

1

รื้อฟื้น

 

“เอาล่ะนก พี่คิดว่า นกยืนสำรวจพี่มามากพอแล้ว ทีนี้เราก็คง

จะได้คุยกันซะทีนะ ใช่ไหมจ๊ะเมียจ๋า”

เสียงถามเย้าๆ แต่ดวงตาคมที่จ้องกันแทบทุกอิริยาบถของ

คนที่เรียกตนว่าเมียนั้น ทำให้สกุณาคอแข็ง ดวงหน้าเรียวงามเชิดขึ้นสูง

ก่อนเอ่ยเสียงขึ้นจมูก

“คุณควรจะอธิบายกับคนรักของคุณให้เข้าใจทุกอย่างมากกว่านี้

นะคะ อย่างน้อยดิฉันก็ไม่ชอบเป็นต้นเหตุให้ใครเสียใจ หรือถูกใคร

ขนานนามว่าเป็นตัวสร้างความร้าวฉาน”

กล่าวพร้อมส่งสายตำหนิให้แต่ผู้ชายตรงหน้ากลับยักไหล่

 

 

หน้าตาไม่แยแส

“มันเป็นการไม่สุภาพเลยนะคุณภรรยา ถ้าหากว่าผมจะวิ่งตาม

สะโพกสวยๆ ของผู้หญิงอื่น แล้วปล่อยให้เมียที่พลัดพรากกันมาตั้ง 6 ปี

ต้องยืนเคว้งคว้างอยู่เพียงลำพัง”

เจ้าของเสียงทุ้มที่เอ่ยวาจาออกมาหน้านิ่งๆ แต่แววตาที่หลุบลง

สำรวจเธออย่างกรุ้มกริ่มนั้น ทำให้สกุณาคันมือยิบๆ อยากเข้าไปตบ

หน้าหล่อๆ ที่จงใจใช้วาจา กิริยา และหน้าตายั่วโมโหตนนัก

“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะคะคุณภควันต์ ฉันมาที่นี่ก็เพราะมีธุระ

ร้อนใจเรื่องของเราจริงๆ”

เสียงเข่นเขี้ยวของคนหน้าหวานตรงหน้า ทำให้ภควันต์นึกสนุก

ดวงหน้าคมคายกระเดียดไปทางแข็งแกร่งนิดๆ กระด้างหน่อยๆ ค่อยๆ

ระบายยิ้ม แต่มันเป็นยิ้มยั่วที่ขัดหูขัดตาสกุณาซะเหลือเกิน

“ฮึ! ตอนนั้นคุณไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับดิฉันด้วยซ้ำไป แต่วันนี้

มาเรียกเมียจ๊ะเมียจ๋า ไม่ละอายใจบ้างเลยหรือไงคะ” เอ่ยได้เท่านั้น

สกุณาก็แทบสำลักน้ำลายตัวเอง เมื่อจู่ๆ เสียงคนทำหน้ากวนโมโหก็

แทรกขึ้น

“โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๋ คุณภรรยาสุดที่รัก ไอ้กิริยาไม่สุภาพเหมือนคนกิน

ยาขมในวันแต่งงานของพี่คราวนั้นน่ะ มันทำให้นกประทับใจจนลืมไม่ลง

เชียวหรือจ๊ะ มันผ่านมาตั้ง 6 ปีแล้วนะมอม้าสระเอียเมีย”

คำเรียกว่าเมียที่เธอพึ่งปรามไป ทำให้หน้านวลเห่อร้อน สกุณา

ส่งสายตาจะกินเลือดกินเนื้อไปให้เขา เห็นเจ้าของคิ้วเข้มเลิกคิ้วขึ้นสูง

ประกายตาขบขัน มือบางคว้าโต๊ะทำงานไว้แน่น ก่อนที่ตนจะเผลอฉวย

อะไรขึ้นมาฟาดหัวเขาซะก่อน

“โธ่ๆๆๆๆ ทูนหัว เมียรัก นกจ๋า จะถือสาอะไรพี่นักหนา ตอนนั้น

ผัวของนกเพิ่งอายุแค่ 25 ปีเอง จะให้ยินดีตีปีกพึ่บพั่บได้ยังไงกันล่ะ เมื่อ

จู่ๆ ต้องมาแต่งงานกับเด็กผู้หญิงผมม้าหน้าเด๋อ”

 

 

“คุณ!” สกุณาร้องออกมาอย่างเหลืออด ชิงชังวาจาสามหาว

ของสามีในนามนัก

“ถ้ารู้ว่าโตมาแล้วสวย จะไม่ทำอะไรให้ขุ่นใจตั้งแต่ครั้งที่เห็น

นกยังหุ่นเหมือนไม้เสียบผีอยู่เลย”

เสียงพูดพร้อมกับดวงตาคมที่กวาดตามองรูปร่างตนอย่าง

รวดเร็วแล้วมาหยุดนิ่งที่ทรวงอกอย่างพิจารณานั้น ทำให้สกุณาแทบกรี๊ด

ร่างบางรีบหันหลังให้อย่างไม่กลัวเสียมารยาท แล้วก็ได้ตระหนักถึงคำว่า

อย่าหันหลังให้ศัตรู ก็ต่อเมื่อตัวเองมีอันต้องเซไปนั่งอยู่บนตักของเขา

“พ่อสบายดีไหมจ๊ะนก?”

เสียงถามชิดหูนั้น ทำให้ร่างบางกระตุก สกุณารีบหันกลับไป

หมายจะผลักใบหน้าที่ไม่ต้องชะตาออกเสีย แต่แล้วก็ต้องหน้าแดงก่ำ

เมื่อปลายจมูกโด่งรั้นไปชนเข้ากับจมูกโด่งคมของภควันต์เข้าอย่างจัง

จึงรีบเอามือบางดันไว้อย่างสุดฤทธิ์ ไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ตนมากกว่านี้

“นี่ปล่อยนะ พ่อฉันเสียไปหลังจากพิธีบ้าๆ นั่นจบลงไม่ถึง 6 เดือน

ดีด้วยซ้ำไป จะมาถามหาท่านอะไรตอนนี้ ในเมื่อไม่ไยดีกันแต่แรก ถ้า

คิดว่าทำเพราะมารยาทน่ะไม่ต้อง! เพราะฉันไม่ชอบพวกเสแสร้ง”

คำพูดประชดช่วงท้ายประโยคแต่แววตาหม่นวูบลงกะทันหัน

นั้น ทำให้ภควันต์ถึงกับอึ้ง แต่ไม่นานก็ต้องแปลงเปลี่ยนเป็นโกรธ เม้ม

ปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง มือหนาตะปบบ่าบอบบางไว้แล้วเขย่า

คนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักจนหัวสั่นหัวคลอน

“พ่อนกเสีย แล้วทำไมถึงไม่ส่งข่าว พี่จำได้ว่าไม่ได้ทำตัวแย่ถึง

ขนาดไม่ให้โอกาสนกได้ติดต่อสื่อสารกันเลยไม่ใช่หรือ วันนั้นพี่ทิ้งที่อยู่

พร้อมเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ให้ แล้วทำไมนกถึงไม่ยอมรายงานพี่สักคำ”

“เพราะดิฉันทำมันหายไปแล้ว”

เสียงหวานที่สวนกลับมาด้วยความดังในระดับใกล้เคียงกับเขา

นั้น ทำให้ภควันต์อึ้งไป ดวงตาคู่คมหรี่ลงช้าๆ จ้องไปที่ภรรยาตีทะเบียน

 

 

อย่างพิจารณา ไม่นานก็แปลงเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด

“เธอทำที่อยู่พี่หาย เธอทำมันหายได้ยังไงกันนก นั่นมันสำคัญ

มากนะ”

เสียงตวาดพร้อมสายตาที่พร้อมจะขย้ำร่างตนเป็นชิ้นๆ นั้นทำให้

สกุณาอารมณ์ขุ่น จึงตวาดกลับไปด้วยเสียงอันดังไม่แพ้กันบ้าง

“ที่จริงมันก็ไม่เชิงว่าหายหรอกนะคะคุณภควันต์” หญิงสาว

จงใจเรียกชื่อเต็มของเขา แม้อีกฝ่ายจะทำตีซี้เรียกชื่อเล่นตนหลายครั้ง

หลายหนแล้วก็ตาม

“ต้องบอกว่า ฉันทิ้งมันไปมากกว่า บอกตรงๆ นะคะ ฉันไม่เห็น

ความจำเป็นที่เราจะต้องติดต่อสื่อสารกันเลย มันก็แค่คนสองคนที่ต้อง

มาจดทะเบียนสมรสกันตามเงื่อนไขบางอย่างก็เท่านั้นเอง”

สกุณาเอ่ยแล้วยิ้มมุมปากอย่างมีชัย สะใจนักที่เห็นอีกฝ่ายอึ้ง

ก่อนหน้านั้นพูดนักหนาว่า ที่อยู่ตัวเองสำคัญอย่างโน้นอย่างนี้ทีนี้พอ

เธอสารภาพตรงๆ ว่าทิ้งมันไปตั้งแต่แรกแล้ว ก็จะได้รู้เสียทีว่า เขา

นายภควันต์พ่อเศรษฐีใหญ่เทพบุตรรูปงาม ไม่ได้มีความสำคัญอะไร

สำหรับเธอเลย

“พี่จะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับคนที่ไม่มีหัวคิดแบบเธออีกแล้ว ว่า

แต่พ่อนกมาด่วนจากไปแบบนี้กิจการรีสอร์ตที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ไม่ยิ่งแย่

ไปใหญ่หรือ แล้วนกอยู่มาได้ยังไง ถ้าพี่จำไม่ผิด ตอนที่เราถูกบังคับให้

แต่งงานกันน่ะ นกอายุแค่เท่าไรเอง 13 หรือว่า 14 ปีนะ”

จบคำถามเขา ภควันต์ก็เห็นคนที่นั่งอยู่บนตักส่งสายตาเรืองแสง

ให้ ไม่นานเสียงหวานๆ ก็แว้ดกลับมา

“ฉันอายุ17 ปีค่ะคุณภควันต์เมื่อตอนที่เราแต่งงานกัน ไม่ใช่

13 หรือ 14 ปีอย่างที่คุณกล่าวหา”

ตอบไปพร้อมมองเขาตาขุ่น เห็นเขาส่ายศีรษะ โบกไม้โบกมือ

ไปมา ทำท่าเหมือนรำคาญไม่อยากจะเสวนากับคนที่คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง

 

 

แบบเธอ

“เถอะน่า จะ 13 หรือ 14 หรือว่า 17 มันก็ใกล้เคียงกันทั้งนั้นแหละ

ยังไม่ประสา ไม่บรรลุนิติภาวะอยู่ดี พี่จำได้ เมื่อวันนั้นน่ะ ทางฝ่ายนก

ถึงกับต้องให้ผู้ปกครองเซ็นรับรองเป็นเมียพี่กันให้วุ่นวาย”

เสียงเข้มพร้อมแววตาเยาะๆ เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่ต่างฝ่าย

ต่างทำเป็นลืมนั้น สกุณาก็เริ่มโกรธขึ้นมาอีกหน หญิงสาวจ้องเขานิ่ง

อย่างพูดไม่ออก สักพักก็โพล่งออกไป

“ฉันเกลียดคุณ!” เอ่ยจบก็เห็นเขายักไหล่ คิ้วเข้มเลิกสูงไม่ยี่หระ

“เกลียดแล้วไง เกลียดให้ตายนกก็ยังใช้นามสกุลของพี่อยู่ดี”

วาจายอกย้อนที่แสบสันนั้น ทำให้สกุณากัดฟันกรอด สักพักก็

เชิดหน้าขึ้น

“ฉันว่าเราควรหยุดพูดจาไร้สาระใส่กัน แล้วมาคุยธุระของเรา

ให้มันจบๆ ไป”

“ธุระของใครล่ะ พี่ไม่มีธุระอะไรที่ต้องเที่ยวตามหาตัวนกให้

วุ่นวายเลยนะ”

เสียงที่ขัดขึ้นทำให้คนมีธุระร้อนถึงกับสะอึกไปเลย สกุณานับ

หนึ่งถึงสิบในใจ ปั้นสีหน้าจริงจังแล้วก็เริ่มเจรจากับเขาใหม่ด้วยสีหน้า

เคร่งเครียด

“คุณภควันต์คะ ดิฉันต้องการใบหย่า ดิฉันต้องการอิสรภาพ

ต้องการปลดปล่อยตัวเองให้พ้นจากห้วงนรกของการสมรสที่คล้องคอมา

ตลอดระยะเวลา 6 ปีเต็มๆ เสียที ขอความกรุณาเถอะค่ะ ช่วยปลีกเวลา

ของคุณไปที่อำเภอเพื่อหย่าขาดกับฉันสักนิดจะได้ไหมคะ?”

ถามไปพร้อมดิ้นขลุกขลักเมื่อคนฉวยโอกาสเอาตนมานั่งตัก

ไม่ยอมปล่อยให้หลุดจากอ้อมแขนง่ายๆ แถมยังเพิ่มแรงรัดขึ้นอีกด้วย

ทั้งที่เธอแสดงเจตนาให้เห็นชัดไปแล้วว่า ตนมาขอใบหย่า ไม่ได้มาต่อ

สัญญาเป็นเมีย

 

 

“นี่ปล่อยนะ ฉันจะลุกไปนั่งที่เก้าอี้ ฉันจะได้คุยกับคุณถนัดๆ”

“ไม่ปล่อย ผู้หญิงอะไรประหลาดแบบนี้ ตัวนุ่มนิ่มกว่าใคร แต่งตัว

ก็กะโปโล แต่ทำไมกลิ่นแก้มถึงได้หอมชะมัด ไหนพี่ขอพิสูจน์หน่อยสิ

ว่านกใช้แป้งยี่ห้ออะไร”

จบคำพูดนั้นคนดิ้นรนหาอิสรภาพก็ตาโต เมื่อจมูกโด่งฝังลงมา

ที่แก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว แล้วสูดแรงๆ จนคนโดนหอมถึงกับหน้าแดงไป

ตลอดหัวหู ภควันต์ทำตัวเรื่อยเฉื่อย ไม่ได้มีท่าทีจะใส่ใจธุระด่วนของเธอ

เลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับร้อนรนคอยแต่จะหาโอกาสลวนลามเธอ

“กลิ่นนี้มันไม่ใช่แป้งนี่จ๊ะนก แต่มันเป็นกลิ่นสาบสาวต่างหาก

น่าจับมาพิสูจน์ทั้งตัวนัก ว่าเมียพี่จะหอมกลิ่นเดียวกันตลอดตั้งแต่หัว

จรดปลายเท้าหรือเปล่า”

“คะ..คุณ...คนบ้า จอมลามก ปากมอมนัก ขอสักทีเถอะ”

สกุณาเอ่ยเท่านั้นก็เงื้อมือสุดแขน หมายจะตบหน้าหล่อคมให้

หนำใจ ที่ทำให้ตนแค้นใจจนแทบจะกระอักเลือดตายอยู่แล้ว มีสิทธิ์

อะไรถึงได้มาหอมกัน

“อุ๊ย เอ๊ะ จะทำอะไรฉัน อย่านะ” คนจะตบเอ่ยได้แค่นั้นก็พยายาม

บิดข้อมือออกจากมือหนา หน้าหวานเหยเก เมื่อเขารั้งทีเดียว อกนุ่มนิ่ม

ก็ไปปะทะกับอกร้อนแข็งแรง

“อย่าดิ้นเชียวนะทูนหัว ไม่งั้นผัวอย่างพี่ไม่รับรองความปลอดภัย

นะจ๊ะ”

เสียงปรามสั่นพร่า ขณะที่มือหนาของคนสั่งคว้าข้อมือบางไป

ไว้ข้างหลัง ทำให้ทรวงอกคู่งามแนบชิดกับอกแกร่งมากยิ่งขึ้น สกุณา

หน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอายผสมปนเปกันไปหมด

“เลิกกัดปากตัวเองได้แล้ว เดี๋ยวก็ห้อเลือดกันพอดี อัดอั้นตันใจ

อะไรก็พูดมาสิ”

“คนหน้าด้าน!”

 

 

แค่คำแรกที่เอ่ยก็ทำให้คนช่างบงการสะอึก ภควันต์ส่งสายตาดุๆ

ไปให้ไม่นานก็ยักไหล่แปลงเปลี่ยนเป็นสายตากรุ้มกริ่มแทน ดวงตา

คู่คมมองสำรวจไปทั่วดวงหน้าหวาน ก่อนจะจ้องริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ

ด้วยนัยน์ตาที่ฉ่ำปรือ

“ปากสวย สีปากก็สวย ชมพูระเรื่อดูธรรมชาติดี ใช้ลิปสติกยี่ห้อ

อะไรจ๊ะนก?”

“ไม่ได้ทา!” สกุณาแหวกลับ ก่อนจะจ้องอีกฝ่ายอย่างอาฆาต

เมื่อโดนสามีในนามใช้มือที่ดูเหมือนจะมีเป็นร้อยลวนลามตนไม่เลิก

“จะถามทำไมล่ะ จะซื้อไปบำรุงบำเรอคู่ขาของคุณหรือไง คนไหน

ล่ะ เจ้าแม่พระเพลิงที่ทาปากสีชมพูเน่าเหมือนลิงเป็นริดสีดวงอักเสบที่ก้น

คนเมื่อกี้น่ะหรือ”

เสียงย้อนห้วนๆ พร้อมหน้าเชิดๆ อย่างถือตัวนั้น ทำให้ภควันต์

หมั่นไส้นัก มือหนาช้อนปลายคางเรียวงามมั่น ดวงหน้าคมค่อยๆ โน้มชิด

เห็นแววตาหวั่นวิตกระแวดระวังภัยชัดเจน

“ที่ถามเพราะว่าถ้าเมียรักไม่ได้ทาปาก ก็จะได้รีบจูบ เพราะ

คุณสามีเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ไอ้รสชาติสาวๆ ที่ไม่ได้ทาลิปสติก

ปลอดสารเคมีน่ะมันเป็นยังไง สวัสดีจ้ะเมียจ๋า ทูนหัว สุดที่รัก ยินดีที่ได้

พบกันอีกครั้งนะครับ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาตั้ง 6 ปี”

ภควันต์เอ่ยเท่านั้นก็ไม่ชักช้า ใบหน้าคมโน้มไปชิดดวงหน้างาม

อย่างว่องไว ริมฝีปากหนาขบริมฝีปากจิ้มลิ้มอย่างหยอกเย้า และพอหล่อน

ร้องเสียงโอ๊ะด้วยความขัดใจ ก็ฉวยโอกาสแทรกปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัด

ดูดซับรสหวานปานรวงผึ้งที่อยู่ข้างในทันที

เขาจูบหล่อนอย่างหิวกระหาย ดูดดื่มราวกับห่างหายเรื่อง

สตรีเพศมานาน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ก็มีสาวๆ มาทอดกายให้ถึงที่

ไม่เว้นวัน รับรู้ได้เลยว่าร่างบางที่ขัดขืนอยู่เมื่อครู่นั้นค่อยๆ อ่อนลง จึง

ค่อยๆ ช้อนร่างนุ่มนิ่มขึ้นไปวางบนโต๊ะทำงาน ขณะที่กำลังจะโน้มหน้า

 

 

เข้าไปหาใหม่ แก้วหูก็ลั่นเปรี๊ยะ

ฉาด ฉาด ฉาด

เสียงตบสามทีซ้อนพร้อมกับร่างบางที่ไถลลงจากโต๊ะทำงานไป

ยืนอยู่กลางห้องอย่างว่องไวนั้น ทำให้ดวงตาคมลุกวาบ แต่พอเห็นผม

ที่ถูกมัดเป็นหางม้าง่ายๆ หลุดลุ่ย ริมฝีปากจิ้มลิ้มบวมเจ่อเพราะพิษสง

จุมพิตอันร้ายกาจของเขา ก็ชะงัก มือเล็กๆ ของหล่อนสั่นจนเห็นได้ชัด

เมื่อเจ้าตัวก้มลงจัดเสื้อผ้าของตนให้เข้าที่ พอจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว

ก็จ้องมาที่เขาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

“คุณคิดว่าฉันมาที่นี่เพราะอะไรคะคุณภควันต์ เอาตัวมาประเคน

ให้คุณเหมือนพวกนางบำเรอพวกนั้นเหรอ ฉันเกลียดคุณ! ผู้ชายยโสโอหัง

คนที่ไม่เคยแยแส ไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาเลย ฉันยังจำได้ เมื่อ 6 ปี

ที่แล้ว คุณมองฉันอย่างกับไส้เดือนกิ้งกือ เมื่อรู้ตัวว่าต้องมาแต่งงานกับ

ฉัน เด็กผู้หญิงกะโปโล ลูกสาวผู้ชายแก่ๆ ใกล้ตาย ที่บังเอิญเศรษฐีใหญ่

อย่างพ่อคุณต้องมาติดหนี้บุญคุณเขาเข้า”

สกุณาต่อว่าเขาอย่างคั่งแค้น มองเขาด้วยสายตารังเกียจ

เหมือนครั้งหนึ่งที่เขาเคยมองตน เห็นร่างสูงนิ่งขึง เม้มปากแน่น เจ้าของ

ดวงตาดำใหญ่จ้องเธอด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายไม่สบอารมณ์

“กรุณาทำความเข้าใจหน่อยนะแม่หนูน้อย กรุณามองมาที่มุม

ของฉันบ้าง”

“อย่าเรียกฉันว่าหนูน้อย ตอนนี้ฉันไม่ใช่เด็กสาวอายุ17 แล้ว

และก็ไม่ได้ไว้ผมม้าหน้าเด๋อ อย่างที่คุณได้วิจารณ์ไปก่อนหน้านี้ด้วย”

เสียงแหว พร้อมปากจิ้มลิ้มที่ยื่นออกมาน้อยๆ นั้น ทำให้ภควันต์

ที่กำลังโมโหผ่อนคลายลงได้บ้าง ร่างสูงไหวไหล่แสร้งทำตาเยิ้มตอบ

กลับคนหน้าบึ้ง

“ก็ได้คุณภรรยา เธอไม่ใช่หนูน้อย แต่ก็ยังเป็นสาวน้อยอยู่ดี

สาวน้อยที่ยิ่งมองก็ยิ่งสวย แถมยัง...”

 

 

เสียงยานคางพร้อมดวงตาที่หลุบลงมองร่างบางอย่างสำรวจ

นั้น ทำให้สกุณาขัดใจ กระทืบเท้าเร่าๆ แล้วก็โมโหเดือด เมื่อจู่ๆ ดวงตา

คู่คมก็มาหยุดนิ่งอยู่ที่ทรวงอกของตนอีกครั้ง

“แถมยังซ่อนรูปมากซะด้วย จะว่าไปพ่อของพี่นี่ตาถึงใช่น้อย

เลยนะ หาเมียให้ทั้งทีสวยเช้งเลย แม้ว่าตอนเด็กๆ จะเหมือนลูกเป็ด

คลุกฝุ่นไปหน่อยก็ตาม”

“ปากดีนัก ขอสักทีเถอะ”

คนโดนวิจารณ์รี่ไปหาอย่างเดือดๆ มือบางเงื้อขึ้นหมายจะตบ

ปากสามหาวให้หายแค้น

“ตบมา คงได้เป็นมากกว่าเมียในนามแน่สมรภูมิรักพร้อม พี่

เคลียร์พื้นที่ กวาดทุกสิ่งทุกอย่างไปอยู่ข้างล่างหมดแล้ว จัดสถานที่เอา

ไว้รักก่อนที่นกจะเข้ามาเสียอีก”

คำขู่ขึงขังนั้นทำเอาร่างบางรีบถอยห่าง มองไปยังโต๊ะทำงาน

ใหญ่โตที่เขาทำอะไรๆ กับสาวสวยก่อนที่ตนจะเข้ามาด้วยสายตา

หวาดระแวง

“จะโกรธก็โกรธได้ ที่พี่แสดงกิริยาไม่ดีกับนกและพ่อนกเมื่อ 6 ปี

ก่อน แต่ให้ตายสินก ตอนนั้นพี่ไม่มีอารมณ์ที่จะเป็นเจ้าบ่าวจริงๆ คนมัน

กำลังเรียน กำลังฝันถึงอนาคตว่าจะต้องไปโน่นไปนี่แต่จู่ๆ ก็ต้องถูก

เรียกตัวไปแต่งเมีย โดยที่มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่ตัวเองยังไม่ได้ทำ”

เอ่ยจบก็เห็นร่างบางถอนใจ พยักหน้าให้ตนช้าๆ อย่างเข้าอก

เข้าใจ ก่อนที่จะเชิดหน้าใส่อีกครั้ง

“งั้นก็เชิญคนไม่มีอารมณ์จะเป็นเจ้าบ่าวอย่างคุณเตรียม

เลี้ยงฉลองความโสดครั้งยิ่งใหญ่ได้เลย เพราะว่าดิฉันกำลังจะหยิบยื่น

อิสรภาพให้คุณในไม่ช้านี้ และเนื่องจากว่าฉันไม่ชอบขี้หน้าคุณ ทนพูด

อยู่นานก็ไม่เห็นจะได้อะไร ต่อไปนี้ฉันจะส่งทนายเข้ามาคุยกับคุณเอง

ลาก่อนค่ะคุณภควันต์แล้วพบกันที่หน้าอำเภอ” สกุณาเอ่ยเท่านั้นก็

 

 

หมุนกายเดินจากไป แต่พอถึงประตูก็ชะงัก เมื่อเสียงทรงอำนาจดังขึ้น

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละนก ถ้าไม่อยากเป็นเมียในนามของพี่

อย่างถาวรจริงๆ ละก็ อย่าได้ก้าวขาออกไปจากห้องนี้เป็นอันขาด!”

“คุณหมายความว่าไงนะ?” สกุณารีบหันกลับ ดวงตาคู่สวยหรี่

มองเจ้าของร่างแกร่งใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มปานเทพบุตรกรีกอย่าง

ไม่เข้าใจ

“เวลาจะแต่ง ทั้งพ่อนกและพ่อพี่อ้างเหตุสารพัดให้พี่มาแต่งงาน

ด้วย แต่เวลาจะหย่า กล้าให้ทนายมาคุยกับพี่เหรอสาวน้อย” ภควันต์

เอ่ยเน้นหนัก มองเจ้าของดวงหน้าเกลี้ยงเกลาอย่างท้าทาย

“ฝันไปหรือเปล่าทูนหัว ถ้าไม่อยากตกเป็นเมียนายภควันต์

นิจนิรันดรละก็นกต้องกลับมานั่งลง แล้วสาธยายให้พี่ฟังให้หมด ว่า

มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องหย่ากัน และถ้าพูดไม่ถูกหูละก็นกได้ใช้

นามสกุลเทพอมรของพี่เป็นการถาวรแน่”

“คุณ!” สกุณาเอ่ยเท่านั้นก็ลังเล หมุนกายกลับมาเผชิญหน้ากับ

คนเจ้าเผด็จการใหม่เม้มริมฝีปากแน่น เมื่อเขาชี้นิ้วไปที่เก้าอี้กำมะหยี่

หรูหรา แล้วพยักพเยิดให้ตนไปนั่งตรงนั้น ร่างบางกระทืบเท้าเร่าๆ จ้อง

ไปยังเขาอย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็เดินไปนั่งตามคำสั่งของเขาด้วยใบหน้า

งอง้ำ

“ก่อนอื่นพี่อยากรู้เรื่องรีสอร์ตที่พ่อของนกยกให้เราใน

วันแต่งงาน ตอนนี้มันเป็นยังไงบ้าง”

“ฉันขายมันไปแล้ว”

สกุณาบอกเสียงห้วน ไม่ได้หยุดไตร่ตรองคำถามของเขาดีนัก

พอเห็นดวงตาคมหรี่ลงช้าๆ มองมาอย่างเอาเรื่อง ก็รีบชิงตอบอีกหน

“ฉันยังเด็กเกินกว่าจะบริหารรีสอร์ตที่ย่ำแย่ได้นะคะ”

 

 

เอ่ยเสียงแหลมในตอนท้าย เมื่อภควันต์มองมาด้วยสายตา

กล่าวหาปะปนเหลือเชื่อเล็กน้อย สักพักก็ถอนใจ

“ถูกต้อง พ่อรักรีสอร์ตนี้มาก ซึ่งลึกๆ แล้วฉันก็ไม่ได้ต่างกัน”

คำสารภาพเสียงหนักแต่ท้ายประโยคเสียงเบาหวิวนั้น ทำให้

ภควันต์ต้องจับตามองนิ่ง

“ท่านรักมันมากจนต้องเอาตัวฉันมาเป็นเจ้าสาวค้ำประกัน

เงินกู้ยืมจากพ่อคุณ แต่พ่อกับฉันคิดไม่เหมือนกันนะคะ ฉันไม่อยากเป็น

หนี้ ฉันเลยขายมันไปหลังจากที่ท่านสิ้นไปได้สัก 2 ปี เพื่อจะนำเงินมา

ใช้หนี้ แล้วตอนนี้ฉันก็คิดว่าฉันพร้อมที่จะคืนเงินให้คุณแล้ว เพื่อไถ่ตัวเอง

ให้กลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง”

สกุณาเน้นเสียงหนัก เห็นคิ้วเข้มของคนหน้าเครียดกดลึกยิ่งขึ้น

“เธอขายรีสอร์ตไปเท่าไร ใครเป็นคนซื้อไป?”

คำถามจริงจังแฝงแววคุกคามนั้น ทำให้คิ้วเรียวสวยของ

คนเป็นเมียในนามขมวดเข้าหากันยุ่งเหยิง สกุณาไม่ชอบท่าทีคุกคาม

แสดงสีหน้าสีตามีอำนาจเหนือกว่าตนของเขาเลย เจ้าของจมูกโด่งรั้น

จึงเชิดหน้าขึ้น ตอบกลับไปด้วยเสียงห้วน กิริยาไว้ตัว

“ฉันต้องตอบคำถามนี้ของคุณด้วยเหรอคะ ถึงบอกไปคุณก็ไม่รู้จัก

พวกเขาหรอก”

สกุณาเสียงฉุน คำถามน่ะไม่เท่าไร แต่ท่าทางอวดอำนาจของเขา

นั้นมันน่าหมั่นไส้นัก พอเขาหรี่ตาลงเหมือนจะย้ำคำถามอีกครั้ง จึงถอนใจ

เอ่ยกลับไปอย่างเสียไม่ได้

“อย่าจู้จี้นักเลย ว่าฉันเอามันไปขายให้ใคร แค่รู้ว่าตอนนี้ฉันมีเงิน

พอจะใช้หนี้คุณก็แล้วกันค่ะ และก็มีพอที่จะซื้อบ้านหลังเล็กๆ อยู่ พอที่จะ

ต่อทุนเรียนหนังสือให้มันจบๆ ไป โดยไม่ต้องวิ่งแจ้นไปพึ่งพาใครที่เขา

ไม่เคยคิดจะแยแสเหลียวแลเราให้มันน่าสมเพชเวทนา”

เอ่ยจบก็แสร้งยิ้มหวานให้เขา ดวงหน้างามชะงักเล็กน้อย ค่อยๆ

 

 

หุบยิ้มลง เมื่อเห็นกรามแกร่งขบเข้าหากันแน่น มุมปากหยักลึกดูลึกลับ

อย่างผู้ชายเจ้าอารมณ์ยกขึ้นน้อยๆ อย่างเยาะหยัน หญิงสาวเม้มปาก

แน่น ส่งสายตาขุ่นเขียวตอบกลับไป ก็มันเรื่องอะไรมาทำสายตาแบบนี้

ใส่เธอ บังอาจนักเชียว

“พี่รู้แล้วล่ะนก ว่าทำไมพ่อของนกถึงได้พยายามทวงบุญคุณ

เรื่องที่เคยฉุดพ่อของพี่ออกมาจากซากรถพังๆ แล้วคะยั้นคะยอให้ท่าน

จับพี่มาแต่งงานกับนกซะเหลือเกิน”

ภควันต์เอ่ยเสียงจริงจัง กระตุกมุมปากเยาะคนที่นั่งอ้าปากหวอ

มองเขาอย่างงงๆ ปนใคร่รู้หน่อยๆ

“เอาข้อแรกเลยนะนก นกเป็นคนที่เอาตัวรอดไม่เก่งเลยสักนิด

ไม่มีหัวคิดแม้แต่น้อย ว่าทำยังไงตัวเองถึงจะอยู่ได้อย่างสุขสบายที่สุด”

“นี่คุณ!” สกุณาชักฉุน ขยับกายจะลุกขึ้น จังหวะเดียวกับที่มือหนา

ยกขึ้นห้าม ส่ายศีรษะไปมา ดวงตาดำใหญ่มองมาอย่างดุๆ

“นั่งอยู่นิ่งๆ เลยครับทูนหัว ไม่ต้องลุกขึ้นมาเต้นแร้งเต้นกาเป็น

นางกลางตลาด เวลาที่ถูกใครเขาพูดแทงใจดำแบบนี้”

“ใครเขาไปแทงใจดำใคร” สกุณาย้อนเสียงสะบัด “ฉันไม่ได้

มาให้คุณวิจารณ์นะคะคุณภควันต์ถ้าฉันไม่รู้จักเอาตัวรอดเลยอย่างที่

คุณกล่าวหามาจริงๆ ฉันคงไม่อยู่มาได้จนกระทั่งป่านนี้หรอก ถ้าผู้หญิง

แบบฉันไม่รู้จักแนวทางการดำเนินชีวิตที่ดีแล้วใครกันล่ะที่มันจะแสนรู้

แม่นางแบบแต่งตัวโป๊ๆ ฉีดน้ำหอมจนเหม็นตลบอบอวลทั่วห้องไปหมด

คนที่ฉันเข้ามาเจอตอนหล่อนกำลังคลุกวงในอยู่กับคุณน่ะหรือ?”

สกุณาย้อนถามเสียงสูง จ้องบุรุษที่ยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้าตน

อย่างท้าทาย

“คนอย่างฉันก็มีสมองและมีศักดิ์ศรีสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดย

ไม่ต้องเที่ยวพึ่งพาหรือเบียดเบียนใครให้เดือดร้อน ไม่เหมือนผู้หญิง

ที่คุณนิยมชมชอบหรอกนะ ที่คิดเป็นแต่ว่าจะแต่งตัวยั่วยวนยังไง จูบ

 

 

แบบไหน ถึงจะได้เงินจากผู้ชายที่ไม่นิยมชมชอบพวกผู้หญิงที่มีสมอง

แบบคุณ คนอย่างคุณมันสมควรได้เมียปัญญาอ่อน ดีแต่สวยอย่างเดียว”

“น้อยๆ หน่อยนะนก” ภควันต์แยกเขี้ยวคำรามใส่คนตัวเล็ก

ดวงตาคมมองหล่อนฉุนๆ

“พูดจาเป็นแม่ค้าปากตลาดไปได้เราน่ะ อย่าให้ถึงกับต้องจับ

คว่ำตัก แล้วฟาดให้สะโพกลายเลย”

เสียงเข้มที่ดังขึ้นไม่ทำให้คนที่เบรกแตกไปแล้วกลัวแม้แต่น้อย

ดวงหน้างามกลับเชิดขึ้น ลอยหน้าลอยตายอกย้อน

“ก็ลองมาตีเขาสิ อย่างดีก็สู้แค่ตาย”

เอ่ยแค่นั้นก็เม้มปากแน่น เมื่อภควันต์ไม่โต้ตอบ แต่กลับส่าย

ศีรษะไปมา มองตนด้วยสายตาของผู้ใหญ่มองเด็กเกเร

“นกนี่หลงตัวเองไม่เบาเลยนะ ช่างพยายามเหลือเกินที่จะให้พี่

เห็นว่านกเป็นผู้หญิงเก่งและเหนือชั้นกว่าใครๆ อย่าว่าแต่จะพยายามเก่ง

เลยนะ แค่ทำตัวให้สามีเห็นว่าเป็นผู้หญิงที่บอบบาง อ่อนหวาน ควรค่า

แก่การจะเข้าไปปกป้องดูแล นกก็ยังทำให้พี่รู้สึกแบบนั้นไม่ได้เลย

น่าสงสารนายภควันต์เสียนัก ได้ดอกไม้มาประดับแจกันทั้งที กลับไม่มี

กลิ่นให้ได้ดอมดมเอาซะเลย”

ภควันต์เอ่ยแล้วหยุดให้คนที่อ้าปากพะงาบๆ เพื่อหาช่องทาง

จะเถียงกลับนั้นได้มีโอกาสพูดบ้าง

“ฉันเป็นดอกไม้ที่เลือกเจ้าของย่ะ ต้องถูกใจเท่านั้นถึงจะส่งกลิ่น

ตลบอบอวลให้ดอมดม”

สกุณาเอ่ยเสียงสะบัด เห็นหน้าคมขรึมลงมากกว่าเดิม จึงกัดฟัน

พูดต่อ

“เสน่ห์ของผู้หญิงเป็นสิ่งมีค่า ไม่ควรเอาออกมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย

สุรุ่ยสุร่าย โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ใช่สเปกแบบคุณ ฉันคิดแบบนี้ คุณว่า

ถูกไหมคะ”

 

 

“นกควรเรียกสามีของตัวเองให้มันเพราะหูมากกว่านี้นะ เรียกว่า

พี่วันต์ก็ยังไหว ไม่ใช่มาเชิดหน้าทำจองหองใส่แล้วพูดจาแทนตัวเอง

ว่าฉันๆ คุณๆ แบบนี้ และอีกอย่างที่สำคัญมาก ตอนนี้นกเป็นนางสกุณา

เทพอมรอยู่นกจะไม่บริหารเสน่ห์กับผู้ชายคนไหนทั้งสิ้น และจะไม่มี

ใครได้ดมดอมด้วย แต่ถ้านกอยากใช้เสน่ห์ขึ้นมาจริงๆ ละก็ นกจะต้อง

ใช้มันกับพี่ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นสามีของนกอยู่ในตอนนี้แค่คนเดียว

เท่านั้น อย่าได้ริอาจทำให้เทพอมรของพี่ต้องมามัวหมองเชียว”

ภควันต์กล่าวหนักแน่น ผลคือเจ้าของบ่าบอบบางยกขึ้นเล็กน้อย

ไม่ยี่หระ จมูกโด่งเล็กย่นใส่เขาอย่างไม่เชื่อถือ

“ธุระไม่ใช่ ก็แค่สามีขี้เก๊ สนิทสนมพูดคุยกันก็ยังไม่เคย”

เสียงย้อนหยิ่งๆ พร้อมแววตาที่มองกลับมาหมิ่นๆ เพียงแวบๆ

แล้วสะบัดหน้าใส่นั้น ทำให้ภควันต์ขุ่นใจนัก เกิดมายังไม่เคยมีผู้หญิง

ที่ไหนเชิดใส่เขาแบบนี้มาก่อนเลย แล้วสกุณาเป็นใคร เป็นเมียของเขา

หาใช่ผู้หญิงอื่นไม่ พยศยิ่งกว่าม้าป่าแบบนี้ ถ้าไม่ทำให้หมอบราบคาบแก้ว

ก็คงไม่ใช่นายภควันต์

“เอาล่ะ พี่ก็ขี้เกียจจะเถียงกับนกแล้ว เรามาคุยกันเรื่องรีสอร์ต

ต่อดีกว่านะ จะได้รู้กันไปเสียว่าที่พี่บอกว่านกไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไรน่ะ

พี่พูดความจริง!”

การใช้สรรพนามมาแทนตัวเองว่าพี่ให้ดูเป็นเยี่ยงอย่างตลอดเวลา

นั้นไม่ได้กระเทือนเข้าไปถึงสมองซีกไหนของภรรยาตัวน้อยเลย หน้าบางๆ

ยังเชิดสูง ตาสวยๆ ยังฉายแววหยิ่งๆ ไม่นับญาติ และนั่นยิ่งยั่วยุและ

ท้าทายให้ภควันต์ดิ้นรนที่จะปราบ

“เอาล่ะนะ ที่พี่ว่านกก็เพราะมันมีเหตุ” เสียงทุ้มเอ่ยจริงจัง จ้อง

คนที่มองมาอย่างระแวงไม่คลาดสายตา ร่างสูงถอนใจเบาๆ “นกจะให้

พี่นิยมชื่นชมคนอย่างนกได้ยังไงกัน พอพ่อตาย อย่างแรกเลย ทำไมนก

ถึงนิ่งดูดายในชะตาชีวิตของตัวเองล่ะ ทำไมนกไม่รู้จักดิ้นรนหาคนที่เขา

 

 

สามารถดูแลนกได้ นกเป็นเด็กก็ต้องพึ่งพาวิ่งเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่สิถึงจะ

ถูก”

ภควันต์เริ่มแจกแจงเหตุผล แต่กลับโดนสกุณาทำตาขวางใส่

แถมสายตายังบอกชัดว่าเขาช่างพูดเรื่องไม่เข้าท่าเอาซะเลย จึงถอนใจ

“เอาล่ะ ถึงนกจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าพี่เลย และดูเหมือนจะไม่ชอบ

ตั้งแต่แรก งอแงหน้าแดงร้องไห้สะอึกสะอื้นในวันแต่งงาน แต่นกก็

สามารถเข้าหาพึ่งพาพ่อของพี่ได้ไม่ใช่หรือ ท่านเต็มใจที่จะหยิบยื่น

ความช่วยเหลือให้นกอยู่แล้ว เพราะท่านสำนึกในบุญคุณของพ่อนก

ที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิตท่านเอาไว้”

“อย่ามาว่าฉันนะ แล้วก็ไม่ต้องเท้าความถึงเมื่อตอนที่ฉันรู้ตัว

ว่าต้องมาแต่งงานกับคนแก่หงำเหงือกแบบคุณด้วย”

เสียงแว้ดและคำพูดถึงเหตุการณ์วันนั้น เหตุการณ์ที่ภควันต์

จงใจลืมมันไป ไม่สนใจข่าวสารใดๆ ของคนตรงหน้าเลยนั้น ทำให้เขา

เม้มปากแน่น ความจริงมันเป็นแบบนี้นี่เอง ที่เด็กโตไม่เต็มที่ในวันนั้น

ร้องไห้ฟูมฟาย ก็เพราะรับไม่ได้ที่เขาแก่กว่าหล่อน ภควันต์ออกจาก

ภวังค์ เมื่อเสียงเจ้าของจมูกโด่งรั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง

“ที่ฉันไม่เคยวิ่งโร่ทำตัวให้น่าสงสาร เพราะไม่อยากแบมือขอ

ใครกินให้ตัวเองเป็นคนน่าสมเพช แล้วอีกอย่างนะ ผู้หญิงตัวคนเดียว

อายุไม่ถึง 20 ปีสามารถยืนอยู่ด้วยลำแข้งของตัวเองได้โดยไม่จำเป็น

ต้องพึ่งพาใครเลยน่ะ มันไม่ฉลาดตรงไหน ทำไมคุณต้องมาว่าฉันด้วย”

“ก็ไม่ฉลาดตรงที่นกเป็นเทพอมรน่ะสิ” ภควันต์กระแทกเสียงใส่

อย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะส่งสายตาระอาให้คนที่นั่งหน้างอทำปากตูม

“เทพอมรไม่เคยไร้ศักดิ์ศรีจนต้องเร่ขายของเก่ากิน ถ้านกเป็น

นางสกุณาหมูหมากาไก่ พี่คงไม่ต้องมาพูดด้วยให้เสียเวลาแบบนี้หรอก

แต่ในเมื่อตอนนี้นกยังเป็นเทพอมรอยู่ ไม่ว่าจะขายอะไรของใครไปก็ตาม

ก็จำเป็นต้องพูดกัน”

 

 

ภควันต์เอ่ยเสียงเย็น ดวงตาเชือดเฉือน ที่อีกฝ่ายทำกระด้าง

กระเดื่องใส่ เห็นท่าทางอวดดีแบบนี้แล้ว อยากเข้าไปหักร่างบางๆ แล้ว

พับใส่ลิ้นชักโต๊ะทำงานของตนนัก

“โธ่เอ๊ย คุณคิดหรือว่าฉันให้ความสำคัญกับนามสกุลนี้จริงๆ จะ

บอกอะไรให้นะคะคุณภควันต์ไอ้นามสกุลเทพอมรน่ะ มันก็แค่ไส้ติ่งที่

ติดอยู่ในร่างกายของฉันเท่านั้น แล้วที่ฉันมาหาคุณถึงกรุงเทพฯ นี่นะ

ก็เพราะอยากตัดไส้นี้ออกจะแย่แล้ว ฉันไม่ต้องการเกี่ยวข้องอะไรกับ

คุณอีก และฉันจำได้ด้วยนะว่าคุณแสดงความรังเกียจฉันขนาดไหน ทำ

หน้าทำตาซังกะตายยังไง เมื่อวันที่เราต้องแต่งงานกัน อย่าว่าแต่มีเรื่อง

เดือดเนื้อร้อนใจเลย ต่อให้กำลังจะตาย ฉันก็ไม่วิ่งโร่มาขอความช่วยเหลือ

จากคุณเป็นอันขาด!”

เอ่ยเท่านั้นหญิงสาวก็สะดุ้ง เมื่อโต๊ะในห้องทำงานถูกตบดังปัง

ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มเข้าหากันแน่น เมื่อจู่ๆ เขาก็มองมาที่ตนด้วยสายตา

เกรี้ยวกราด

“จะรื้อฟื้นเรื่องหน้าตาของฉันในวันนั้นให้มันได้อะไรขึ้นมาอีก

ล่ะนางสกุณา ก็ขอโทษไปแล้วไง ที่ทำกิริยาไม่ดีใส่เธอในตอนนั้น ก็

คนมันไม่มีอารมณ์ที่จะเป็นเจ้าบ่าวจริงๆ ตอนนั้นฉันเพิ่งอายุแค่ 26 ปีเอง

นะ ใครมันจะรีบอยากมีเมียกันล่ะ แล้วเธอทำหน้าตาดีตายล่ะ ร้องห่ม

ร้องไห้ยังกับกลัวใครจะจับยัดเข้าไปอยู่ในโลงศพอย่างนั้นแหละ แต่งงาน

กับคนอายุมากกว่าแล้วมันเป็นยังไง ฉันมีเงินมีฐานะมีความมั่นคง

อย่างน้อยก็ดีกว่าถูกจับให้แต่งงานกับกุ๊ยข้างถนนก็แล้วกัน”

คำพูดพร้อมสายตาแข็งกร้าวนั้น ทำให้สกุณาพูดไม่ออก แต่

ไม่นานหน้านวลก็แดงก่ำ มองเขาดวงตาขุ่นเขียวไม่แพ้กัน

“มันก็พอๆ กันนั่นแหละ ทำไมต้องเอาเรื่องที่ฉันร้องไห้มาพูด

ด้วย คุณเองก็ไม่ได้เต็มใจ พอแต่งไปแล้วก็หายหัว ทำเป็นลืมไม่ให้

ความสำคัญ ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมาน่ะ คุณหลงระเริงไปว่า

 

 

ตัวเองยังเป็นโสด คุณลืมฉัน! ลืมว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว คุณเคย

แต่งงานกับผู้หญิงผมม้าหน้าเด๋อ โตยังไม่เต็มที่ คุณน่ะเที่ยวเอ้อระเหย

เป็นพ่อพวงมาลัยลอยชายไปกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา ในขณะที่

ฉันไม่สามารถคบหาใครได้เลยสักคนเดียว ตราบใดที่ตัวเองยังคงใช้

นามสกุลเทพอมรของคุณอยู่แบบนี้ตัวเองเสเพลแค่ไหนอย่าคิดว่าเขา

ไม่รู้ โผล่หน้าที่หนังสือพิมพ์แทบทุกวัน อย่างกับเป็นญาติกับเจ้าของ

สำนักพิมพ์”

คำพูดนั้นทำให้ภควันต์นิ่งไปไม่เถียง ไม่นานก็มองสตรีตรงหน้า

อย่างเอาเรื่อง

“ก็ถ้าเธอไม่จงใจทำตัวเงียบหายไปเลยแบบนี้ฉันจะลืมเหรอ

เธอเองก็น่าจะปรากฏตัวมาทวงสิทธิ์ของตัวเองบ้าง ในเมื่อเธอทำตัว

เหมือนคนไม่อยากมีผัว ฉันเองก็ไม่อยากจะไปข้องเกี่ยวเซ้าซี้ให้เสีย

อารมณ์”

เสียงของคนไม่ยอมเป็นฝ่ายผิดที่กล่าวขึงขังหน้าตาจริงจัง

ทำให้สกุณาอดที่จะค้อนให้ไม่ได้ แล้วก็ต้องใจเต้นตุ๊บๆ ต่อมๆ เมื่อร่างสูง

เข้ามาใกล้ มือหนาคว้าเสื้อเธอขยุ้ม ยกร่างบางขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“นี่ปล่อยนะ จะบ้าเหรอ มาดึงเสื้อฉันทำไม หน้ารังแกผู้หญิง

เก่งตายล่ะ”

เอ่ยเท่านั้นคนเก่งก็ปิดปากฉับ หวั่นใจเมื่อภควันต์ดึงตนเข้าไป

ชิดใกล้มากขึ้น มันใกล้ซะจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของกันและกัน

ดวงตากลมโตใสแจ๋วดุจตาแมวเปอร์เซียพันธุ์ขนฟูฟ่องค่อยๆ หลุบลง

เมื่อเขาจ้องมาที่นัยน์ตาตนอย่างค้นคว้า แถมยังจ้องเธอเหมือนคนที่

ถือไพ่เหนือกว่าซะอีก

“นก เธอรู้อะไรไหม ว่าอันดับสองที่พ่อของนกมัดมือชกพ่อพี่ให้

ยกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเป็นสามีของนกน่ะมันเพราะอะไร เพราะว่า

นกน่ะหัวทึบ แล้วก็โง่มากๆ ด้วย เป็นคนที่ผู้ปกครองจะนิ่งดูดาย ละห่าง

 

 

จากสายตาไม่ได้เลย ไม่งั้นนกจะทำทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเละเทะไป

หมด”

“นี่คุณ! เมื่อกี้ก็บอกไปแล้วไง ว่าฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้คุณ

สับโขก หรือต่อว่าในเรื่องที่มันไม่เป็นความจริงเลย” สกุณาปรี๊ดแตก

พยายามดิ้นหนีมือที่ขยุ้มคอเสื้อตนไว้

“ไม่คิดจะสับโขก หรือพูดจาให้ร้ายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียตัวเอง

หรอกนะ ถึงแม้จะเป็นแค่ในนามก็เถอะ แต่พี่กำลังพูดความจริง ฟังให้ดี

นะแม่นกน้อยสกุณา จงเอาเงินที่นกขายรีสอร์ตได้มาทั้งหมดไปคืนเขาซะ

แล้วก็รีบเอาโฉนดที่ดินคืนกลับมาด้วย ไม่งั้นจะหาว่าสามีคนนี้ไม่เตือน

ไม่ได้นะ”

เสียงเด็ดขาดและแววตาจริงจังนั้น ทำให้สกุณาหยุดดิ้น มอง

เขาตาปริบๆ ไม่นานหน้านวลก็แดงก่ำ ความโกรธพุ่งขึ้นสูงยิ่งกว่าเดิม

“จะบ้าเหรอ กล้าดียังไงมาออกคำสั่งใส่เขาแบบนี้ตัวมีส่วนได้

ส่วนเสียอะไรกับของของเขากันล่ะ ฉันขายมันไปแล้ว แล้วก็ใช้เงิน

ไปหมดแล้วด้วย จะเหลือก็แต่เงินที่ต้องใช้หนี้คืนคุณเท่านั้นแหละ เงิน

ที่พ่อของฉันยืมพ่อของคุณมาเพื่อกอบกู้ธุรกิจรีสอร์ตก่อนตายน่ะ เงิน

นั่นแหละคือส่วนของพวกคุณ ฉันเก็บมันเอาไว้อย่างดีเชียวล่ะ ไม่เคยแตะ

สักแดงเดียว นั่นก็เพราะว่าฉันรอคอยที่จะหอบมันมาคืนคุณ เพื่อแลกกับ

อิสรภาพในการกลับมาเป็นนางสาวสกุณา พงษ์พิพัฒน์ ที่น่าภาคภูมิใจ

อีกครั้ง หลังจากที่เป็นตัวกาฝากแอบแฝงใช้เทพอมรมานานแสนนาน”

“หุบปากซะ! แล้วนั่งลง และแทนตัวเองว่านกเดี๋ยวนี้เชียว คำก็ฉัน

สองคำก็ฉัน พูดจาถือเนื้อถือตัวแบบนี้พี่ไม่ชอบเลย”

“แก!”

สกุณาหลุดออกมาอย่างสุดทน เมื่ออีกฝ่ายทำท่าวางอำนาจใส่

แถมยังตั้งกฎเกณฑ์นั่นนี่กับตน โดยไม่สนใจถ้อยคำประท้วงของเธอเลย

แต่พอประสานกับดวงตาที่ลุกวาบเท่านั้น ก็รีบลงไปนั่งบนโซฟาอย่าง

 

 

ว่องไว ยังจำคำขู่ของเขาได้ดีสมรภูมิพร้อมรักเธออยู่ทุกเมื่อ เธอยัง

ไม่อยากไปไหนตราบใดที่การเจรจายังไม่สำเร็จ


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (23 รายการ)

www.batorastore.com © 2024