เจ้าสาวในดวงใจ (แก้วชวาลา)

เจ้าสาวในดวงใจ (แก้วชวาลา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786169062479
ผู้แต่ง: แก้วชวาลา
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 359.00 บาท 89.75 บาท
ประหยัด: 269.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

ปู้ยี่ปู้ยำ

ตรีใบหน้าเรียวยาวรูปไข่ที่ซ่อนกายอวบอัดอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ต

ตัวสั้นแบบแนบเนื้อ ต่ำจากเอวเปล่าเปลือยคอดกิ่วลงไปก็คือกระโปรงหนัง

สีดำตัวสั้นไม่แตกต่างกันนัก มาถึงวันนี้พิมพ์มาดา หรืออีกนามหนึ่งก็คือ

ดาริน อยากจะให้ชุดพนักงานในออฟฟิศของมารดาเลี้ยงถูกโละทิ้ง แล้ว

เปลี่ยนยูนิฟอร์มใหม่เสียให้รู้แล้วรู้รอดไป ตลอดเวลาที่หญิงสาวก้าวเท้า

เข้ามาภายในโรงแรมหรูใจกลางเมืองมาดริด พิมพ์มาดารู้สึกเหมือนกับว่า

ตัวเองนั้นช่างตกต่ำและน่าสมเพชสิ้นดี มันเหมือนกับว่าเธอเป็นผู้หญิง

ขายตัว และกำลังทำการละเมิดกฎเกณฑ์บางอย่างของโรงแรมอยู่ ทั้งที่

จริงๆ แล้วหญิงสาวถูกไหว้วานให้มาส่งของ จากคนที่ร้ายใส่เธออย่าง

แม่มดบาร์บาราที่ยอมลงทุนหอบหิ้วเธอมาอยู่ด้วย เพื่อเป็นนางทาสี

ส่วนตัวของตัวเองและลูกสาว นับตั้งแต่วันที่บิดาบุญธรรมของพิมพ์มาดา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ได้เสียชีวิตลง

น่าเสียดายนัก ที่ท่านมารู้ว่าการแต่งงานครั้งที่สองเป็นความคิด

ผิดมหันต์ก็ต่อเมื่อทุกอย่างสายเกินไปเสียแล้ว เลยทำให้ชีวิตช่วงหลังๆ

ก่อนที่จะอำลาโลกไปนั้น เหล้าและบุหรี่กลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของท่าน

จะว่าไปแล้ว การที่บิดาบุญธรรมของเธอตัดสินใจแต่งงานใหม่ก็มีสาเหตุ

มาจากเธอด้วยเช่นกัน ท่านเสียใจที่มารดาบุญธรรมของเธอจากไปอย่าง

กะทันหัน ท่านเลยต้องการเพื่อนและหาคนมาช่วยดูแลเธอ แต่ทว่าการ

ใจเร็วด่วนตัดสินใจหาแม่ใหม่ให้เธอนั้นดูเหมือนว่ามันจะไวมาก ชีวิต

ในวาระสุดท้ายของท่านก็เลยมีแต่เรื่องช้ำตรม บาร์บารานั้นเป็นผู้หญิง

ประเภทที่ว่า สามีไม่อาจนอนหันหลังให้ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว เพราะว่า

หล่อนสามารถคิดการชั่วร้ายได้สารพัดอย่าง และสารเลวจนถึงขั้นปีศาจร้าย

จากขุมนรกยังยกให้เป็นตัวแม่เลย

หญิงสาวสามารถพูดได้เต็มปากว่า ผลงานชิ้นโบทองอาบยาพิษ

ของบาร์บารานั้นก็คือ การทำให้บริษัทที่สืบทอดกันมายาวนาน ซึ่งตั้งเด่น

เป็นสง่าอยู่ใจกลางเมืองมาดริดของบิดาบุญธรรมต้องกลายเป็นของคนอื่น

ภายในชั่วพริบตา แถมมันยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึงหกเดือน หลังจากที่

เจ้าหล่อนได้แต่งงานกับบิดาของเธอด้วยซ้ำ การสูญเสียสมบัติอันมหาศาล

ของในตระกูลครั้งนี้ทำให้บิดาบุญธรรมของเธอติดเหล้า ซึมเศร้า และ

ตรอมใจตายในที่สุด เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ริมฝีปากอิ่มเต็มก็สั่นระริกจนเธอ

ต้องรีบขบมันเอาไว้ แล้วกลืนก้อนแข็งๆ ที่ตีตื้นขึ้นมาลงคอไป พิมพ์มาดา

พยายามมองออกไปรอบๆ เพื่อจะดึงความคิดที่ทำให้บังเกิดความรู้สึก

ขมขื่นใจทิ้งไป แต่เพราะสายตาแต่ละคู่ที่มองมายังเธออย่างสนอกสนใจ

ราวกับกำลังรอชมว่าตัวโจ๊กเกอร์อย่างเธอจะแสดงโชว์อะไรให้ดูเท่านั้นก็

เหงื่อตกทันที

จากความที่ไม่ค่อยจะมั่นใจในตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอ

ก็เลยรู้สึกขลาดกลัว ความกล้าหาญที่ใช้เวลาปลุกใจอยู่ร่วมสามชั่วโมง

เศษๆ กว่าจะทำใจกล้าเดินเข้ามาภายในโรงแรมหรูหราแห่งนี้ได้ ก็มี

อันอ่อนด้อยถอยลงไปอีก เมื่อเห็นสายตาของบรรดาลูกค้าชั้นดีที่เข้ามา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

พักในโรงแรมแห่งนี้พากันจับตามาที่เธอนิ่ง แล้วไหนจะสายตาของพนักงาน

ที่พุ่งมองมายังเธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นอีกเล่า แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น

มันก็ยังไม่ทำให้เธออยากหมุนตัวหันหลังกลับเท่าไอ้หัวแดงและหัวทอง

บางคนที่ทำทะลึ่งเดาะปากใส่ ราวกับว่าหญิงสาวเป็นพูเดิลตัวน้อยที่

กำลังถูกจับให้ใส่หมวกและกระโปรงสีชมพูแป๋นๆ เพื่อลอกเลียนแบบ

มนุษย์อยู่

โอ๊ย! เมื่อไรนะ เราถึงจะก้าวพ้นล็อบบี้อันโอ่อ่ากว้างขวาง

และวิลิศมาหราตรงนี้ไปสู่มุมแคบๆ ที่มีผู้คนน้อยนิดได้เสียที

หญิงสาวร้องครวญชักดิ้นชักงออยู่ในใจ อันที่จริงตัวเธอเองก็

ประหลาดใจกับการเป็นคนไร้ความมั่นใจและเกิดอาการประหม่าในทุกๆ ครั้ง

ที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้คนหมู่มากของตัวเองเหมือนกัน จริงอยู่ว่าบาร์บารา

มารดาเลี้ยงของเธอได้ใช้ทรัพย์สมบัติก้อนสุดท้ายของบิดาบุญธรรมมา

เปิดบริษัทหาคู่เดตให้กับบรรดาบุรุษสารพัดสารเพชาติพันธุ์ และที่ออฟฟิศ

นั่นก็มีบรรดาหนุ่มๆ มากหน้าหลายตาเดินเข้ามาภายในบริษัทให้เธอได้

เห็นอยู่บ่อยๆ แต่นั่นมันคงจะเอามานับรวมไม่ได้จริงๆ เพราะตลอดเวลา

ที่ทำงานกับบาร์บารานั้น พิมพ์มาดาก็ได้แต่ขังตัวเองอยู่ในห้องกระจก

ก้มหน้าก้มตาอยู่กับตัวเลขไปวันๆ หญิงสาวไม่ได้ออกมาพบปะฉอเลาะ

หรือหมอบกราบซบแข้งซบขาลูกค้าหน้าไหนทั้งสิ้นเลย

อันที่จริงแล้ว มีหลายคนสงสัยว่าเธอเองก็โตพอที่จะตีจาก

บาร์บาราได้แล้ว แต่ทำไมเธอถึงยังทนอยู่กับแม่เลี้ยงจอมวายร้ายผู้นี้

และเธอจะรักเทิดทูนอีกฝ่ายไปถึงไหน กับคำพูดเหล่านี้ที่ได้ยินบ่อยๆ

จะได้ฟังกี่ครั้งพิมพ์มาดาก็ต้องส่ายหัวให้กับคนรอบข้างที่มองว่าเธอดี

เกินไป ทั้งที่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย ในส่วนลึกนั้นเธอรังเกียจบาร์บารา

มาก แต่ที่ยอมทนอยู่กับอีกฝ่ายก็เพราะอยากช่วยบาร์บารารักษาเงิน

ก้อนสุดท้ายของบิดาไว้ พิมพ์มาดาไม่อยากให้วิญญาณของบิดาต้องลุก

ขึ้นมานั่งร้องไห้ เมื่อพบว่าทุกอย่างที่ท่านเคยมีมันสูญสลายไปแล้วจริงๆ

และนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้พิมพ์มาดายอมทำงานให้กับมารดาเลี้ยง

อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่จ่ายเงินเดือน และเธอจะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ต้องหางานเสริมทำเพื่อประทังชีวิตตน และแม้ว่าจะมีหลายสิ่งที่บาร์บารา

ทำแล้วพิมพ์มาดาไม่ชอบใจ อย่างเช่นการส่งบรรดาสาวสวยไปให้กับ

พวกผู้ชาย และยุยงให้พวกหล่อนทำบางเรื่องที่นอกเหนือไปจากการ

เป็นเพื่อนเที่ยวธรรมดา เธอเลือกที่จะทนทุกอย่าง ในเมื่อบาร์บารา

ไม่คิดที่จะเอาเธอไปยุ่งกับเรื่องแบบนั้น

พิมพ์มาดาสะบัดศีรษะแรงๆ พยายามสลัดความขมขื่นใจที่

มีต่อบาร์บาราทิ้งไป รู้สึกหายใจโล่งขึ้นมานิดหน่อยเมื่อเดินผ่านผู้คน

ออกมาได้ หญิงสาวก้มลงมองช่อดอกไม้ในมือ แล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน

เมื่อคิดถึงท่าทีแปลกๆ อารมณ์ดีผิดปกติของบาร์บารา สตรีที่ชอบ

ตีหน้ายักษ์ และชอบวางตัวข่มเธอเสมอในทุกๆ ครั้งที่มีโอกาส วันนี้

บาร์บารายิ้มหวาน พูดจาหวานใส่ และถ้าหากปล่อยให้อีกฝ่ายวิงวอน

ร้องขอไปมากกว่านี้ละก็ มีหวังบาร์บาราได้กระโจนเข้ามาจูบปากเธอแหงๆ

บาร์บาราใจเย็นมาก หล่อนพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา สายตานั้น

ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาเป็นพิเศษ ระหว่างที่ได้คุยโวโอ้อวดกับเธอว่า

โรเบิร์ต ลัวร์เรนซ์ ได้ตกลงใจที่จะมาเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของบาร์บารา

แล้ว และเขาจะทำให้ทรัพย์สินของบิดาบุญธรรมที่บาร์บาราทำให้มัน

สูญหายไปกลับคืนมาใหม่ เพราะฉะนั้นบาร์บาราจึงอยากจะเอาใจเขา

อยากให้เขารู้สึกประทับใจเพื่อนร่วมงานคนใหม่อย่างหล่อน โดยการ

แสดงออกถึงความยินดีทันทีที่เขามาเยือนมาดริด โดยการนำดอกไม้

ไปทักทายเขา และคนที่จะถือดอกไม้ไปส่งมอบให้กับเขาจะต้องเป็น

พนักงานของบริษัท ไม่ใช่บรรดาสาวๆ คู่เที่ยวที่ชอบทำงานอย่างอื่นเป็น

ของแถมภายในเมืองที่ไม่สนใจเรื่องการหากินริมถนนของพวกโสเภณี

แบบนี้

พิมพ์มาดาประมวลความคิดทั้งหมด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักให้

เธอต้องมาปรากฏกายอยู่ตรงนี้ หญิงสาวถึงกับขาสั่นเหงื่อตกเมื่อใกล้

จะถึงห้องซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแล้ว แม้บอกกับตัวเองว่าควรโล่งใจ

ที่ไม่ต้องทนกับสายตาแปลกๆ และแววตากะลิ้มกะเหลี่ยจากพวกผู้ชาย

ตรงล็อบบี้ที่คอยแต่จะกวาดตามองเรือนร่างเธอ โดยเฉพาะหน้าอกและ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สะโพกที่ใหญ่เกินตัวของหญิงสาว แต่มือที่ถือดอกลิลลี่นั้นก็ยังสั่น มัน

น่าตื่นตระหนกจริงๆ นั่นแหละ ในเมื่อเธอกำลังจะนำดอกไม้มามอบให้

กับอภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยติดอันดับหนึ่งในยี่สิบของโลกอยู่ในขณะนี้

บุรุษที่เป็นเจ้าของบริษัทผลิตน้ำเมาซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันไปทั่วโลก

และเขาก็ทำให้มารดาเลี้ยงของเธอออกอาการดี๊ด๊าจนแทบจะตีลังกา

ขึ้นไปยังห้องนอน เมื่อได้อ้าปากบอกกับแม่มดร้ายบาร์บาราว่า เขาจะ

ร่วมหุ้นลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจคู่นัดของบาร์บารา

แม้ว่าพิมพ์มาดาจะงงงวยขนาดไหน ว่าเขาเนี่ยนะที่จะมาร่วม

ธุรกิจด้วย ธุรกิจที่ต่างก็รู้ๆ กันดีอยู่ว่า ข้างหลังบ้านนั้นมีการลักลอบ

ค้าเนื้อสดแอบแฝงอยู่ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเชื่อว่าเขาให้ความสนใจ

กับมันจริงๆ แต่มาคิดดูอีกทีแล้วก็ไม่แน่นะ เขาอาจเป็นประเภทบ้า

ผู้หญิง และฝักใฝ่ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นประตูสู่ช่องทางของอบายมุข

ก็ได้ ดูจากธุรกิจที่เขาทำอยู่ตอนนี้สิ มันหนีพ้นสิ่งที่คอยมอมเมามนุษย์

อยู่ที่ไหนกัน และแม้จะสงสัยสักแค่ไหน แต่ก็จำต้องมาตามคำสั่งของ

บาร์บารา เพราะว่าเธอไม่อยากจะขัดใจอีกฝ่ายให้ชีวิตต้องสูญเสียความ

สงบสุขนั่นเอง

“หยุด! นั่นเธอจะมาพบใคร”

เสียงดุดันและหน้าตาถมึงทึงปานยักษ์ขมูขีทำให้ดอกไม้ที่ถือ

อยู่ในมือแทบร่วงหล่น ดวงตากลมโตราวกวางน้อยระวังภัยมองไปยังบุรุษ

สองคนที่คิดว่าน่าจะเป็นบอดี้การ์ดของมิสเตอร์โรเบิร์ตอย่างตระหนก

ตกใจ แถมยังเผลอตัวทำเรื่องน่าอับอาย ด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอด

ลึกๆ ให้อีกฝ่ายเห็นว่าเธอเป็นคนขี้ขลาดตาขาวอีกด้วย

“ฉ...ฉะ...ฉันได้รับคำสั่งให้มาหาเซนญอร์ม...มะ...ไม่ใช่

เมอซิเออร์ อุ้ย! ไม่ใช่ค่ะมิสเตอร์โรเบิร์ต ล...ละ...แล้วนี่ก็ดอกไม้สำหรับ

เขา”

เจ้าของเสียงสั่นๆ พยายามยื่นช่อดอกลิลลี่ให้สองบอดี้การ์ด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ด้วยความสับสนว่าควรพูดภาษาอะไรกับทั้งคู่ดี เนื่องจากมหาเศรษฐีที่

เธอนำของขวัญมาให้นั้นเป็นลูกครึ่งอังกฤษ-ฝรั่งเศส ซึ่งภาษาหลังนั้นเธอ

สามารถใช้มันได้แค่คำเดียว ซึ่งก็คือเมอซิเออร์ที่เธอได้ใช้มันไปแล้ว

แถมเขายังมาติดต่องานที่สเปนอีก ซึ่งภาษานี้หญิงสาวพอสู้ไหว เพราะว่า

เธออยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด และดูเหมือนว่าความลนๆ ล้นๆ ของเธอนี่เอง

จะกลายเป็นสาเหตุหลักให้สองยักษ์ที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ทำหน้าตาไม่ไว้วางใจ

ใส่กันมากยิ่งขึ้น

“เอ่อ...ฉ...ฉะ...ฉันเข้าไปพบคุณโรเบิร์ตได้หรือยังคะ”

หญิงสาวตัดสินใจพูดภาษาอังกฤษ เมื่อสมองสั่งการให้รีบฉลาด

ก่อนที่สองบอดี้การ์ดจะจับเธอโยนออกไปนอกโรงแรมหรู แล้วก็หน้าเจื่อน

เมื่อบอดี้การ์ดของมหาเศรษฐีใหญ่ยังคงจ้องหน้าตนตาไม่กะพริบ

“ค...คะ...คือฉันต้องการส่งมอบดอกไม้นี้ให้ถึงมือเขาค่ะ ฉ...

ฉะ...ฉันหมายถึงเจ้านายของคุณน่ะค่ะ เอ่อ...ต...ตะ...แต่จะผิดขั้นตอน

สักหน่อยก็คงได้มั้งคะ และถ้าหากว่าพวกคุณไม่ไว้ใจฉันจริงๆ งั้นก็คง

จะไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าหากว่าฉันจะฝากดอกไม้ช่อนี้ไปให้กับเจ้านาย

ของคุณ และหากว่ามีอะไรนอกเหนือไปจากนั้น ก็ให้เจ้านายของคุณ...”

พิมพ์มาดาอยากจะร้องไห้เมื่อสองบอดี้การ์ดยังไม่เลิกทำตาดุ

ใส่ สองคนนั้นจ้องแล้วก็จ้อง ทำอย่างกับว่าเธอกำลังทำผิดคิดร้ายต่อ

เจ้านายของพวกเขาอยู่

“เชิญ! เจ้านายของพวกเรากำลังรอเธออยู่ แต่...ทีหลังถ้าหาก

จะมาพบเจ้านายของเราก่อนกำหนดแบบนี้ละก็ ให้โทรศัพท์มาบอก

ล่วงหน้าก่อนเข้าใจไหม”

“ขอโทษค่ะ เข้าใจแล้ว”

กัดฟันพูดภาษาอังกฤษให้ชัดเจนที่สุด แม้ลิ้นจะอ่อนด้วยความ

ประหม่า ไม่รู้ว่าทำไมไอ้อาการประหม่าตื่นคน โดยเฉพาะคนดุหน้าโหด

อย่างบอดี้การ์ดพวกนี้จึงไม่เผ่นหนีไปจากเธอเสียทีนะ ทำไมมารดาเลี้ยง

จึงต้องส่งเธอมาเผชิญกับคนแปลกหน้าในสถานที่ที่มันใหญ่โตเลิศหรู

อลังการแบบนี้ด้วย แต่อย่างไรเสียพิมพ์มาดาก็โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อสองบอดี้การ์ดดำขาวคู่นี้เอ่ยปากออกมาว่าเจ้านายของพวกเขากำลัง

รอเธออยู่ และนั่นย่อมหมายความว่ามารดาเลี้ยงของเธอได้เจรจากับเขา

เรียบร้อยแล้วว่าเธอจะเข้ามาพบเขา

พิมพ์มาดานัยน์ตาสว่างวาบขึ้นมาทันใด เมื่อประตูห้องชุดสุดหรู

แบบอภิมหาดับเบิลพิเศษสุดๆ ถูกเปิดกว้าง เผยให้เห็นความอลังการ

โอ่อ่าที่ซ่อนอยู่ภายในนั้น หญิงสาวสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของโรสแมรี่ที่

ลอยมาปะทะจมูกเข้าไปจนเต็มปอด แต่มันก็ไม่ได้ช่วยลดความประหม่า

ให้ออกไปสักนิดเลย และต่อให้ใช้น้ำมันหอมที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

มากมายสักเพียงใด มันก็คงจะช่วยอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี

“เดินตรงไป แล้วเลี้ยวซ้าย เมอซิเออร์โรเบิร์ตนั่งอยู่ที่หน้าบาร์

ห้องนั่งเล่นนั่น!”

คำพูดพร้อมประตูที่ปิดลงทำให้พิมพ์มาดาหน้าเหวอ หญิงสาว

กำดอกไม้ในมือ พร้อมการ์ดใบเล็กๆ ที่แนบอยู่ข้างๆ เข้าหากันแน่น

เท้าเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในคัตชูส์สีขาวสะอาดหยุดชะงัก เธอโน้มตัวลงช้าๆ

แล้วค่อยๆ ถอดมันออก ก่อนจะก้าวเข้าไปภายในห้องที่อวลไปด้วยกลิ่น

วานิลลาอ่อนๆ โชยมาแทนที่กลิ่นโรสแมรี่บริเวณหน้าประตู พอถึงประตู

เข้าสู่ห้องที่นักธุรกิจน้ำเมาซ่อนตัวอยู่ เธอก็หยุดสูดลมหายใจรวบรวม

ความกล้า ดวงตาคู่สวยหลุบลงมองดอกลิลลี่ในมืออึดใจหนึ่ง ก่อนจะ

ตัดสินใจสาวเท้าเข้าไปเรื่อยๆ และพอเท้าของเธอเหยียบย่างเข้าไปยัง

ห้องที่ถูกตกแต่งด้วยสีแดงอมน้ำตาลเท่านั้นก็ต้องยืนงง เมื่อมองไป

กลับไม่เห็นใครสักคนอยู่ในนั้นเลย

“คุณโรเบิร์ตคะ ฉันมาพบคุณตามข้อมูลที่ได้แจ้งเอาไว้ค่ะ

คุณโรเบิร์ต”

เรียกออกไป ทั้งห้องก็มีแต่ความเงียบและว่างเปล่า

“คุณโรเบิร์ต”

เธอเรียกเขาอย่างลังเล ก้มลงมองดอกไม้ในมืออย่างยุ่งยากใจ

ทบทวนถ้อยคำที่มารดาเลี้ยงสั่งเอาไว้ ว่าเธอควรส่งดอกไม้ให้ถึงมือเขา

และจะต้องรอฟังด้วยว่าเขาจะฝากอะไรกลับไปบ้าง

 

 

 

 

 

 

 

“คุณ...โร...”

“ฉันอยู่ตรงนี้! ทำไมเธอถึงทำท่าเหมือนลังเลว่าจะอยู่หรือจะไป

แบบนั้นล่ะมา บิแชทต์”

จบเสียงนั้นคนถูกทักก็สะดุ้ง เมื่อมีเสียงแชมเปญถูกเปิดดังป๊อก

ตามด้วยเสียงฟู่ของฟองสีเหลืองอำพัน พิมพ์มาดาขาแข็ง ลอบกลืนน้ำลาย

เอื๊อก ใจเต้นระรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ เพียงแค่ได้สบตากับคนที่เธอกำลัง

ตามหาอยู่

“ไม่ชอบเล่นเกมตามหาตัวหรือยังไงมา ดูซ ฉันว่ามันดูมีความ

พยายามดีออก และฉันก็ชอบแอบดูเธอเฝ้าชะเง้อหน้าชะเง้อตามองหา

ตัวฉันแบบนี้มากๆ ด้วย เธอดูน่ารักเหมือนกวางน้อยหลงฝูงไม่มีผิด

เลยละ มา บิแชทต์”

จบเสียงที่ลากยาวในเชิงกระเซ้าเย้าแหย่นั้น ริมฝีปากที่เล็กแต่

อิ่มเต็มสอดรับกับใบหน้าเรียวยาวรูปไข่ก็อ้าค้าง แล้วเธอก็ต้องหน้าแดงก่ำ

กับถ้อยคำถัดไป

“กาฟาร์”

พิมพ์มาดาเบิกตากว้าง แม้ไม่เข้าใจความหมายของเขามากนัก

แต่อากัปกิริยาท่าทางการทำไม้ทำมือที่เหมือนกับว่ากำลังจะมีแมลงอะไร

สักอย่างบินเข้ามาในปากของเธอนั้น ก็ทำให้หญิงสาวต้องรีบหุบฉับ แล้ว

เธอก็แทบละลายไปในอากาศธาตุเมื่อเขากระตุกยิ้มเก๋ส่งมาให้ เธอรู้สึก

เหมือนโลกหมุนโคลงเคลงขึ้นมาปัจจุบันทันด่วน เมื่อค้นพบว่าร็อบไม่ใช่

นักธุรกิจพุงพลุ้ย แววตาเจ้าเล่ห์สารพัดเหลี่ยม แต่เขาคือบุรุษผิวขาวจัด

ดวงตาคมเหมือนนัยน์ตาแขก มีลูกนัยน์ตาสีฟ้าครามออกม่วงนิดๆ และ

จมูกที่โด่งขึ้นสัน โดยช่วงปลายเป็นเม็ดดุมนูนขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้

โครงหน้าเรียวยาวของเขาดูมีมิติมาก

แต่อะไรก็ไม่ทำให้เธอใจสั่นระรัวเท่ากับปากกว้าง ริมฝีปาก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ด้านบนหยักลึกเป็นรูปหัวใจสีแดงสดตามธรรมชาติ และริมฝีปากล่าง

อันอวบหนาแต่พอดีที่เป็นแอ่งบุ๋มนิดๆ อยู่ตรงกลางสอดรับกับรอย

ปากหยักรูปหัวใจที่อยู่ด้านบน ส่งผลให้ใบหน้าของเขาหล่อเหลาเก๋ไก๋

แล้วไหนจะปลายคางบุ๋มเล็กน้อยที่กลายเป็นตัวเสริมให้เขาดูเสเพลเกเร

นิดๆ กะล่อนหน่อยๆ นั่นอีกเล่า เขาเหมาะสมที่จะเป็นดาราหรือนายแบบ

มากกว่านักธุรกิจแก่ๆ ที่เธอแอบจินตนาการเอาไว้ก่อนหน้านี้เสียอีกแน่ะ

นี่มันเทวดาชัดๆพิมพ์มาดาเห็นผู้ชายมาก็มาก แต่ไม่เคย

มีใครที่ทำให้เธอเกิดอาการหัวหมุนติ้ว ลิ้นแข็ง และตาค้างได้ขนาดนี้

มาก่อนเลย

“สวัสดีสาวน้อย ตกใจอะไรกัน หืม...”

เสียงห้าวทุ้มที่เซ็กซี่ราวเสียงกระซิบ และตาสีประหลาดลึกล้ำ

ที่หลุบมองสำรวจเรือนร่างของเธออย่างมีชั้นเชิงนั้น ทำให้พิมพ์มาดา

มีอาการตัวสั่นสลับกับความรู้สึกลอยๆ โหวงๆ อย่างไรบอกไม่ถูก เขา

ทำให้เธอลิ้นคับปาก คอแห้งผาก เพราะลอยยิ้มชวนละลายใจ และ

สายตาที่เหมือนกับหิวโหยอะไรสักอย่างของเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อม

ไม่ใช่อาหารเป็นแน่แท้ พิมพ์มาดาแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งชื้น และ

นั่นมันเหมือนกับว่าเป็นการเชิญชวนให้เขาหยุดมองที่ตรงนั้นโดยไม่รู้ตัว...

“เห็นลิ้นแดงๆ น่ารักของเธอแล้ว ฉันอยากจะเอาน้ำผึ้งเทลงไป

และพอทำมันสำเร็จ ฉันนี่แหละจะเป็นคนชิมน้ำผึ้งในนั้นเอง ว่ามันจะ

ทั้งหอมและหวานสักแค่ไหนกัน”

“เอ่อ...”

พิมพ์มาดาร้องได้เท่านั้นก็ได้สติ รีบหุบปากฉับอีกหน แต่กระนั้น

ดวงตาก็ยังไม่อาจถอนออกมาจากบุรุษตรงหน้าได้อยู่ดี พอเห็นเจ้าของ

ดวงตาสีฟ้าเหลือบน้ำเงินแกมม่วงนิดๆ ขยิบตาเจ้าชู้ใส่ก็แก้มแดงปลั่ง

มือน้อยๆ สั่นจนเห็นได้ชัด เมื่อเขาถอนสายตาออกมาจากริมฝีปากของ

เธออย่างอ้อยอิ่ง แล้วเลื่อนสายตาต่ำลงมาเรื่อยๆ กระทั่งหยุดลงตรง

ช่อดอกไม้ในมือ

“ฉันชอบดอกไม้ที่เธอถือติดมือมามาก เข้ามาสิ ส่งมันมาให้ฉัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เดินเข้ามาใกล้ๆ กันอีกสักนิดสิสาวน้อย”

คำพูดนั้นเหมือนมีมนตร์สะกดที่หญิงสาวมิอาจสะบัดหนีได้

พิมพ์มาดานิ่งไปอึดใจหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ ถือดอกไม้ไปหาคนที่เธอยัง

งุนงงอยู่ว่านั่นคือคนหรือว่าเทวา เทพบุตรสุดสมบูรณ์ที่ลอยลงมาหยอกล้อ

เธอเล่นกันแน่ และเพียงพยายามแหงนหน้ามองเขาอีกครั้ง พิมพ์มาดา

ก็ต้องเผชิญกับความขายหน้าอย่างสุดขีด

“ว้ายยยยยยย”

ร้องได้แค่นั้นร่างอวบอิ่มก็สะดุดขาตัวเองล้มลงไปกองแหมะ

กลุ่มผมสีดำเป็นมันขลับสยายเป็นแพอยู่ตรงแทบเท้าของเขา ส่วน

ดอกไม้เจ้ากรรมก็หล่นตุ้บอยู่ใกล้ๆ กัน พิมพ์มาดาหน้าแดงก่ำ ขายหน้า

สุดชีวิต เธอแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาปากคอสั่น อยากจะร้องไห้ขึ้นมา

ทันใด ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจึงต้องมีอาการประหม่า เซ่อซ่า ซื่อบื้อ

หายใจติดขัด ก้าวขาก็ไขว้กันไปมาราวกับปูทารก! ยามเมื่อเดินเข้าไป

ใกล้ๆ เขาแบบนี้ด้วย และยังไม่ทันที่เธอจะค้นพบคำตอบใดๆ ให้กับ

ตัวเองเลย ปลายคางเรียวงามก็ถูกมือเรียวหนานุ่มช้อนขึ้น และสายตา

เมตตาปรานีที่แฝงมาด้วยการให้อภัยในความเซ่อซ่านิดๆ หน่อยๆ ของ

เธอนั้นก็ทำให้พิมพ์มาดาหอบจนตัวโยน เขาจะต้องเป็นพ่อมดและกำลัง

สาดมนต์ดำกระหน่ำใส่ จนทำให้หัวใจเธอเต้นแรงผิดปกติแน่ๆ เลย

“เป็นการล้มที่เย้ายวนและน่าเอ็นดูมาก สมราคาคุยจริงๆ แม้จะ

มีการบรรยายที่ทำให้ฉันคิดภาพเธอแตกต่างออกไปจากตัวจริงก็ตามเถอะ

แต่ก็ไม่นะ! มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังในตัวเธอสักนิดเดียว”

“ไม่ผิดหวังหรือคะ คุณหมายถึงดอกไม้ใช่ไหมคะ”

พิมพ์มาดาค่อนข้างงง แต่ก็พยายามฝืนยิ้มจ้องหน้าเขา เมื่อ

อีกฝ่ายมองมาอย่างผู้ใหญ่ใจดี แถมยังแผ่รัศมีความเป็นตัวพ่อแห่งการ

อะลุ่มอล่วยทางสายตาส่งมาให้เธออย่างจงใจอีกต่างหาก ใครว่าผู้ชาย

หว่านเสน่ห์ไม่เป็น มันไม่จริงหรอก เพราะอย่างน้อยก็ โรเบิร์ต ลัวร์เรนซ์

เศรษฐีที่มีอิทธิพลสูงต่อบาร์บารานี่ละคนหนึ่งแล้ว เพราะแค่เพียงเขา

จ้องเข้ามาในดวงตาเธอ พิมพ์มาดาก็รู้สึกตัวอ่อนราวกับช็อกโกแลตที่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

โดนหย่อนลงไปในหม้อไฟเสียแล้ว หญิงสาวมองเขานิ่ง ไม่กล้าแม้แต่

จะขยับกายหรือหายใจเสียงดัง เพราะกลัวว่าเขาอาจใช้เสน่ห์อะไรมาทำให้

หัวใจเธอเต้นแรงกว่าที่กำลังเป็นอยู่มากขึ้น พิมพ์มาดาได้ยินเสียงหัวเราะ

แผ่วเบาลงเรื่อยๆ ก่อนที่มือหนาจะค่อยๆ เลื่อนออกจากคางของเธอ

“ใช่สิ มง ปูสแซ็ง! ผิดคาดแต่ไม่ผิดหวัง ความรู้สึกที่เห็น

เธอนั่งอยู่ตรงหน้า ฉันแบบนี้ มันเป็น ความรู้สึกที่วิเศษมาก และถ้าหากว่า

เธอจะโยนความเกรงอกเกรงใจทิ้งไปให้หมด แล้วล้มลงมาบนตักฉัน

แทนพื้นแข็งๆ นั่นละก็ มันจะเป็นความประทับใจที่สมบูรณ์แบบ และ

ไร้ที่ติมากกว่านี้อีกรู้ไหม”

เสียงกระเซ้าที่พิมพ์มาดายังไม่ค่อยเข้าใจนักทำให้หญิงสาวตาโต

จ้องเขางงๆ แล้วก็ต้องหน้าเห่อร้อนมากกว่าเก่า เมื่อเห็นว่าเขามองมา

อยู่ก่อนแล้ว แถมนัยน์ตายังเป็นประกายวิบๆ วับๆ หวานล้ำมากเสียด้วย

“ฉันคงจะจดจำผู้หญิงน่ารักที่เดินเข้ามาล้มลงแทบเท้าแบบนี้

ไม่มีวันลืมเลยละ มันเป็นวิธีที่ถูกคนเบ้ปากแล้วบอกว่าเชยบ่อยมาก แต่

ฉันกลับมองว่ามันคลาสสิกและยังดึงดูดอยู่เสมอ หากว่าคนที่นำมันมาใช้

มีความน่าสนใจพอ”

คำพูดเหมือนไม่มีอะไร แต่แววตาที่แฝงไปด้วยเลศนัยแปลกๆ

ทำให้พิมพ์มาดาเอียงคอมองอย่างสงสัย แต่ก็อย่างที่บอก นั่นก็คือยาม

เมื่อเธอจ้องหน้าเขาทีไรก็เกิดอาการสมองทึบตัน สุดท้ายเลยได้แต่ยิ้ม

บางๆ และฟังเขาพูดอยู่แต่ฝ่ายเดียว ในระหว่างนี้ก็พยายามใช้สมองๆ

อันน้อยนิดค่อยๆ หาบทสรุปให้กับคำพูดของเขาไปเรื่อยๆ

“มง ปูสแซ็งเธอทำให้วันพักผ่อนของฉันมีความหมายและมี

ชีวิตชีวาขึ้นมาเยอะเลยรู้ไหม ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ หมอนั่นยังไม่ได้บอก

กับฉันเลย”

คำพูดนั้นทำให้หัวคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง เธอ

ไม่เข้าใจว่าทำไมบุรุษตรงหน้าจึงใช้สรรพนามแทนมารดาเลี้ยงของเธอ

เหมือนกับว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายแบบนั้นนะ แต่พอเห็นรอยยิ้มจากริมฝีปาก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ชวนใจหวาม คำถามก่อนหน้านี้ก็มุดหายเข้าไปในสมอง ส่วนจะหาย

เข้าไปในรอยหยักเส้นไหนนั้น เธอก็ไม่อาจทราบได้

“ว่าไงสาวน้อย บอกมาสิเอ่ย เธอชื่ออะไร ถ้าบอกฉันมีรางวัล

ให้นะเออ”

“พิมพ์มาดาค่ะ”

พิมพ์มาดาหลุดปากออกไปเหมือนละเมอ เธอไม่อยากได้รางวัล

แต่ดูเหมือนกับทุกสารบบในร่างกายมันเร่งเร้าอย่างหนัก ว่าให้เธอรีบ

ตอบสนองทุกๆ ความต้องการของเขาอย่างว่องไว

“ชื่อเรียกยาก”

“ดารินค่ะ คุณบาร์บาราเรียกฉันว่าดาริน มันเป็นชื่อไทย ตาม

เชื้อสายที่แท้จริงของฉัน”

“ดาริน อืม...ชื่อเพราะ เสียงก็เพราะ เสียงแบบนี้ต้องขังเอาไว้

ในห้องนอน แล้วจับให้ร้องเพลงกล่อมฉันก่อนนอนตลอดทั้งคืนเลยละ”

คำพูดโต้ง ๆ ของผู้ชายหล่อเหลานัยน์ตาเจ้าชู้ที่เธอคิดวาผู้ชาย

หล่อระดับนี้คงมีอยู่แต่ในภาพเขียนเท่านั้นทำให้พิมพ์มาดาแก้มแดงปลั่ง

จนเลยไปถึงลำคอทีเดียว พอเห็นว่าเขามองมานัยน์ตาหยาดเยิ้มและ

หวานหยดขึ้นเรื่อยๆ จึงเสหลบตา รีบเอื้อมมือไปคว้าช่อดอกไม้ที่หล่น

อยู่ข้างกายโดยไว

“คุณคงทราบแล้วนะคะว่าฉันมาที่นี่ทำไม”

“ใช่! ฉันรู้ และถ้ารู้ว่าเธอจะสร้างความประทับใจให้แต่แรกเห็น

ขนาดนี้ ฉันคงจะให้เขาจัดโต๊ะอาหารภายใต้แสงเทียน เปิดไฟสีสลัวๆ

และโรยดอกไม้ในอ่างน้ำจากุซซี่เพื่อรอรับเธอแล้ว ละ แต่ความผิดพลาด

ในครั้งนี้ของฉันเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะฉะนั้นเราทั้งคู่

คงจะต้องโทษคนที่เป็นสื่อกลางแล้วละ เพราะเขาบรรยายถึงตัวเธอให้ดู

มีแรงดึงดูดน้อยเกินไป ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอมีสิ่งนั้นเหลือเฟือ หรือจะ

เรียกว่ามหาศาลก็ไม่ผิดนัก...”

“แรงดึงดูดที่เหลือเฟือ โรยดอกไม้ในอ่างน้ำจากุซซี่!”

พิมพ์มาดาทวนคำเสียงสูง รู้สึกเหมือนตนเป็นนกแก้วมาคอว์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กำลังหัดพูดอย่างไรพิกล ภายในหัวมึนตึ้บ จะว่าเธอโง่ก็โง่เถอะ แต่

หญิงสาวไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงอ่างน้ำจากุซซี่ทำไมกัน

“ใช่! ดอกไม้หอมที่มีกลีบสวยงามและอ่อนนุ่มภายในอ่างน้ำ

แต่ช่างมันเถอะ เมื่อเธอมาแล้ว ฉันก็จะต้อนรับเธอให้ดีที่สุด พร้อม

ตกรางวัลที่เธอยอมบอกชื่อให้ฉันรู้ทั้งชื่อเล่นและจริงด้วยนะ”

“ตกรางวัลหรือคะ ร...ระ...รางวัลอะไร ฉันไม่...”

พิมพ์มาดาเอ่ยเท่านั้นก็ตัวเกร็ง เมื่อเขาเคลื่อนกายลงจากเก้าอี้

แล้วค่อยๆ ย่อตัวมานั่งยองๆ มันชิดใกล้กันมากไป และกลิ่นกายที่หอม

สะอาดของเขามันทำให้ใจสั่นยิ่งกว่าเดิม สั่นแรงมาก จนเธอต้องนิ่วหน้า

เพราะกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงมัน

“ฉันรู้ว่าเธออยากได้อะไร”

โรเบิร์ตเอ่ยแล้วยิ้มอย่างรู้ทัน มองคนที่เพื่อนสนิทบอกว่าคือ

นางแบบสาวที่คลั่งไคล้ในตัวเขามากๆ นัยน์ตาแพรวพราว ริมฝีปากกว้าง

รูปหัวใจกดยิ้มอย่างพอใจในความเงอะงะอย่างคนที่ทำอะไรไม่ค่อยถูก

ของอีกฝ่าย และนี่คงเป็นเพราะความคลั่งไคล้ในตัวเขาจนสุดขั้ว อย่างที่

อัลเฟโดเพื่อนซี้จอมเสเพลบอกกระมัง เลยทำให้นางแบบสาวน้องใหม่

ที่กำลังจะมีโฆษณาสินค้าให้กับเพื่อนหนุ่มชาวสเปนของเขาดูไร้เดียงสา

มีอาการคล้ายสาวพรหมจารีแบบนี้

ฮึ! นางแบบหรือ เขาเคยเห็นแต่อัลเฟโดเอานางแบบหุ่นบาร์บี้

มาใช้งาน แต่ว่าหนนี้ทำไมถึงได้คว้านางแบบที่น่าจะไปโฆษณาเซ็กส์ทอย

มาแทนที่ล่ะ และเพราะอัลเฟโดนี่แหละ เขาเลยจินตนาการถึงหล่อน

ผิดเพี้ยนไปหมด แรกนั้นร็อบคิดว่าวันนี้จะได้กินสาวบาร์บี้นมปลอม

หล่อตัวด้วยซิลิโคนเป็นอาหาร แล้วไฉนจึงได้หม่ำสาวเอวมดสะโพก

สะบึม อกทะลักฝ่ามือมาแทนที่ได้หนอ และเท่าที่เขาจดๆ จ้องๆ ดูอยู่นี่

ทุกอย่างที่เห็นๆ ในตัวหล่อนมันน่าจะเป็นของจริงทั้งหมด

“ส่ายหัวทำไม” ถามพลางช้อนปลายคางอีกฝ่ายขึ้นมาสบตา

อีกหน เขาชอบมองดวงตาใสๆ ที่มีประกายสับสนว่าวุ่น ใจเสียนัก เพราะ

ได้ประสานกับมันครั้งใด ร็อบก็บังเกิดความรู้สึกอยากจะเป็นผู้ชายใจดี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขึ้นมาทันที

“ไม่เชื่อใช่ไหมว่าฉันรู้จริงๆ ว่าเธอต้องการอะไร”

“คะ...มิสเตอร์โรเบิร์ต”

“ชู่ว์” ส่งเสียงห้ามปรามแล้วส่ายศีรษะช้าๆ

“ถ้าไม่รู้จะพูดอะไรก็ปิดปากสวยๆ แล้วปล่อยให้ฉันจัดการ

เรื่องทั้งหมดของเราแค่คนเดียวก็พอ...”

เสียงปรามนั้นเหมือนมีมนตร์สะกด พิมพ์มาดายอมปิดปากเงียบ

ดวงตาคู่สวยมองเขาด้วยสายตาเชื่องๆ เหมือนลูกสุนัขตัวน้อยที่จงรักภักดี

และคุ้นเคยกับคำสั่งของเจ้านายไม่มีผิด

เอ๊ะ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันหนอ

“คนสวย ฉันเชื่อแล้วว่าเธอคลั่งไคล้ฉันจริงๆ แต่ก่อนที่เราจะ

ไปไกลมากกว่านี้ ฉันขอให้รางวัลที่เธอแนะนำชื่อกับฉันอย่างที่ได้สัญญา

เอาไว้ก่อนดีไหม”

เสียงนุ่มเซ็กซี่ราวกำมะหยี่ที่ไหลเข้าสู่หูทำให้พิมพ์มาดางง แล้ว

เปลี่ยนเป็นแก้มแดงปลั่งอย่างเขินอาย เมื่อเข้าใจว่าทุกอิริยาบถของเธอ

ทำให้เขาจับได้ว่าเธอตื่นเต้นไปกับความหล่อเหลาของเขามากแค่ไหน

และก่อนที่สมองน้อยๆ จะกรองอะไรได้มากกว่านี้ ลมหายใจอุ่นๆ

ที่มาพร้อมกลิ่นหอมสะอาดของน้ำยาโกนหนวดก็ปะทะเข้ากับแก้มนุ่ม

แล้วเคลื่อนคล้อยลงสู่ริมฝีปาก และเพียงความร้อนกระด้างประกบลงมา

ที่ปากของเธอเท่านั้น หญิงสาวก็ตัวอ่อนยวบ ดวงตาคู่สวยที่ปรือนิดๆ

เบิกกว้างขึ้น เมื่อเขากดริมฝีปากลงมาสักพักก็ผละออกห่าง แต่เพียง

ไม่นานก็กดมันลงมาใหม่ เขาทำซ้ำๆ ย้ำอยู่แบบนี้ เพียรกระเซ้าเย้าแหย่

เอาปากอันเร่าร้อนมาให้เธอลิ้มชิมรสหนแล้วหนเล่า จนเธอรู้สึกหัวหมุนติ้ว

คล้ายๆ กับว่าร่างทั้งร่างกำลังลอยวนอยู่ในอากาศ เดี๋ยวก็ขึ้นสูง เดี๋ยว

ก็จะตกลงมาพิกล

โอ๊ย! อยากจะบ้าตาย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรากำลังจูบอยู่กับ

โรเบิร์ต ลัวร์เรนซ์ ผู้ชายไร้จุดตำหนิที่หล่อแล้วก็รวยมาก

“ได้โปรด...”

 

 

 

 

 

 

 

 

อ้าปากร้องห้ามได้เพียงเท่านั้นก็ตัวเกร็ง เมื่อปลายลิ้นร้อนๆ

ล่วงล้ำเข้ามายึดครองดูดดุนโลมไล้ภายในโพรงปากแสนหวงแหน ราวกับ

ว่าเธอและเขาคือคู่รักที่ผูกพันกันมาแสนนาน ภายในใจพิมพ์มาดามัน

ตะโกนก้องว่าไม่และไม่ แต่ไฉนกายจึงอ่อนระทวย ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรง

จะยกมือขึ้นมาผลักไสบุรุษที่กระทำการอุกอาจย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นหญิง

ของเธอ

“หวาน...” เสียงที่หลุดออกมานั้นทุ้มกังวาน ก่อนที่จะฉกวูบเข้า

มาในริมฝีปากบางที่พิมพ์มาดารู้สึกว่ามันช้ำและบวมเห่ออีกครั้ง หญิงสาว

ต้องเอนกายลงนอนอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเขาใช้กายทรงพลังและเรือนร่าง

สง่างามไร้ที่ติโน้มลงมาบดเบียดคลอเคล้า และบังคับให้เธอทอดกายลง

ช้าๆ เพื่อรอคอยให้เขาตามติด

“ชุดนี้ก็สวย แต่จากที่ร่างกายของฉันได้ทำความรู้จักกับเธอ

เพียงผิวๆ เมื่อครู่นี้ ฉันขอการันตีเลยว่าร่างนุ่มๆ นี้ หากไม่มีอะไรมา

ขวางกั้นแล้ว มันจะดูสวยงามกว่านี้อีก”

จบคำพูดนั้นหญิงสาวก็อ้าปากค้าง นัยน์ตาเบิกกว้างเมื่อเทพบุตร

สุดหล่อที่สะกดเธอด้วยมนตร์แห่งสายตาอันเจ้าชู้พร่างพราย บวกกับ

รอยยิ้มร้ายๆ ชวนจังงังนั้น ยกมือขึ้นแล้วกระชากทีเดียวกระดุมเสื้อ

ทุกเม็ดก็หลุดกราวออกมา

“ค...คะ...คุณ” ร้องได้แค่นั้นก็ตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ

อย่างขี้เล่นและสนุกสนานดังมาจากเขา

“ฉันจะกลับ” เอ่ยพร้อมพยายามรวบเสื้อที่ขาดเข้าหากัน จาก

ความตื่นกลัวแปรเปลี่ยนเป็นโกรธ

“ไม่เอาน่า ในเมื่อตั้งใจว่าจะเจอกันอยู่แล้ว ก็อยู่ต่อ สิสาวน้อย”

“ฉ...ฉะ...ฉันแค่เอาการ์ดและดอกไม้มาให้คุณ ตอนนี้ไม่เหลือ

ธุระอะไรต่อกันอีกแล้ว”

แม้จะโกรธ แต่ก็ไม่กล้ามีปัญหา เพราะมารดาเลี้ยงบอกเอาไว้ว่า

อย่าทำให้เขาโกรธ เพราะหากเขาโกรธเมื่อใดแล้ว นั่นย่อมหมายความว่า

เขาอาจจะเปลี่ยนใจและไม่ยอมเป็นหุ้นส่วนของมารดาเลี้ยงเธออีก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 “ยั่วกันถึงขนาดยอมลงไปนอนบนพื้นให้กอดจูบลูบคลำตลอด

ทั้งตัวแบบนี้ อย่าหวังเลยว่าฉันจะปล่อยไปไหนง่ายๆ ฉันรู้นะว่าการมี

ช่วงเวลาพิเศษกับฉัน มันมีความสำคัญสำหรับเธอมากแค่ไหน และไม่ว่า

เธอกำลังคิดลังเลอะไรอยู่ ฉันขอบอกเอาไว้เลยว่า เธอกำลังคิดผิด!”

เสียงดื้อดึงนั้นไม่พูดเปล่า มือหนาช้อนแผ่นหลังบอบบางของ

พิมพ์มาดาแล้วดันเข้าแนบชิดแผงอกหนาแน่น หญิงสาวถึงกับหายใจ

ไม่ทั่วท้อง เมื่อลมหายใจจากจมูกโด่งคลอเคลียอยู่แถวๆ ลำคอขาวผ่อง

แล้วก็แทบหยุดหายใจ เมื่อโรเบิร์ตใช้ปลายลิ้นอุ่นๆ ลากสำรวจลำคอ

อันนวลเนียน พิมพ์มาดามีเวลาเพียงเบิกตากว้างแค่ไม่ถึงห้าวินาทีดี

เจ้าบราเซียร์แสนสวยก็ถูกกระตุกออกไปเสียแล้ว ต่อมาร่างกายอวบอัด

น่ารักก็ผวาเฮือก เมื่อปลายลิ้นสุดร้ายจุ่มจ้วงลงมายังยอดทรวงสีชมพู

แสนหวาน หญิงสาวทั้งช็อกทั้งงงกับการจู่โจมแบบฉับไว เธอไม่เคยคิด

มาก่อนเลยว่าจะได้รับการโจมตีเช่นนี้ และด้วยชีวิตที่ขาดประสบการณ์

ทำตัวเหมือนอาศัยอยู่ในระฆังใบใหญ่มาตลอด ก็เลยหัวมึนตึ้บ เริ่มและ

คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะต้องใช้วิธีไหนมาต่อต้านเขาในยามที่ร่างกายอ่อนไหว

รู้สึกไร้เรี่ยวแรงต้านทานแบบนี้

“ไม่! ไม่นะคะ ตรงนี้มันคงไม่ดีแน่ อย่า...”

จบคำพูดนั้นหญิงสาวก็โล่งใจ หญิงสาวมองร่างสูงสง่าที่ยอม

ถอยออกห่าง เห็นเขาเสยผมสีบลอนด์เข้มอย่างพลุ่งพล่าน ร่างอวบอิ่ม

พยายามพยุงกายลุกยืน แต่ก็ต้องใจสั่นอีกครั้ง เมื่อเห็นเขารีบหันขวับมาหา

“เข้าไปข้างในกันดีกว่า”

จบคำพูดนั้นร่างของเธอก็ลอยขึ้นสูง หญิงสาวแหงนหน้ามอง

ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้เธอเกิดอาการมึนงงตาค้าง

“ขอโทษนะที่ทำตัวเหมือนหนุ่มน้อยไวไฟไปหน่อย จริงด้วยสิ

ผู้หญิงน่ารักแบบเธอไม่เหมาะกับพื้นแข็งๆ แบบนี้หรอก ขอบใจที่เตือน

ให้ฉันนึกถึงสิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำนะมา บิแชทต์”

สิ้นคำพูดนั้นเจ้าของร่างสูงก็พาพิมพ์มาดาเดินไปยังห้องที่มี

ประตูเชื่อมต่อกัน และพอถึงห้องได้ แทนที่จะพาไปบนเตียงกว้าง เขา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กลับก้าวไปยังโซฟาใหญ่แทน

“ตอนนี้เตียงนอนฉันรกไปด้วยเอกสาร แต่ว่าเจ้าโซฟานุ่มสบาย

ตัวนี้คงเต็มใจให้เราได้อาศัยมันทำความรู้จักกันนะ”

ร็อบเอ่ยพร้อมหย่อนสาวตัวหอมลงไปบนโซฟา ร่างสูงตามติด

ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าของร่างนุ่มได้ทำแม้แต่ขยับตัว

“อย่า”

“อย่าช้ากว่านี้ใช่ไหมคนสวย ไม่ต้องอายน่า อัลเฟโดเจ้าเพื่อน

ที่แสนดีของฉันมันเล่าถึงความต้องการของเธอให้ฉันรับรู้หมดแล้ว”

“อัลเฟโดหรือคะ” พิมพ์มาดารู้สึกงงงันกับชื่อที่เขาพูดถึงนัก

เธอคิดว่าเธอไม่รู้จักใครที่ชื่อนี้มาก่อนเลย

“ใช่ อัลเฟโด ทำไมล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอก็เคยนอนกับมัน

มาแล้ว แต่เอาเถอะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็จงหุบปากไปซะ เพราะเวลานี้

เจ้าหมอนั่นคือแขกไม่ได้รับเชิญของเราทั้งสองคน”

คำพูดนั้นทำให้พิมพ์มาดาอ้าปากค้าง แต่ก่อนจะแสดงความโกรธ

ออกไป ริมฝีปากอิ่มสวยก็ถูกประกบจูบเสียแล้ว พอเธอทำท่าจะผลักเขา

ออกห่าง สองมือน้อยๆ ก็ถูกรวบไปอยู่ด้านหลัง แล้วหญิงสาวก็ขนลุก

เกรียว นัยน์ตาเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ ปากแสนร้ายก็พุ่งตรงไปสู่ยอดอก แล้วใช้

ริมฝีปากร้อนๆ หยอกเย้าที่ใจกลางดอกบัวย้ำๆ เหมือนเป็นการลงทัณฑ์

แต่เพียงไม่นานปากและลิ้นร้อนๆ ก็เปลี่ยนเป็นโอ้โลมบางเบา ซึ่งมัน

ทำให้เธอทั้งสั่นและเนื้อตัวร้อนรุ่มทุรนทุราย แถมกายยังไร้เรี่ยวแรง

ผลักไสเขามากขึ้นไปอีก มันทรมานเสียยิ่งกว่าการที่เขาแกล้งทำแรงๆ

อย่างในตอนแรกเสียอีก

“นี่เป็นการลงโทษ ด้วยข้อหาที่เธอชอบฉัน แต่ดันเอาตับอ่อนๆ

ของตัวเองไปให้อัลเฟโดเจ้าเพื่อนตัวแสบได้กินก่อน มันน่าจับเธอกลืน

เข้าไปแทนอาหารเย็นเสียนัก มา บิแชทต์”

เขากล่าวเท่านั้นก็รวบผมนุ่มแล้วกระตุกจนหญิงสาวหน้าหงายเริด

ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเขาประทับจูบลงมาอย่างดุดันลงโทษ และ

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอโดนเร่งเร้ามากขึ้นพิมพ์มาดาจึงเผลอตอบสนอง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จากที่ควรจะวิ่งหนีโดยไม่หันหลังกลับ กลายเป็นยินยอมให้เขาโอ้โลม

ขับกล่อมประพรมจูบไปทั่วทั้งตัว เจ้าของร่างสวยเผลอแอ่นอกตูมเต่ง

เมื่อมือหนาเคล้าคลึงตะโบมโนมเนื้อ อนุสติผิดชอบชั่วดีเริ่มหลุดลอยไป

เมื่อเขาใช้ร่างกายอุ่นร้อนอบอุ่นแนบชิดสนิทเนื้อ

“ฉัน...”

“เราจะมีความสุขไปพร้อมกัน”

เสียงกระซิบแผ่วเบาดั่งมีมนตร์ขลัง มือบางเกาะเกี่ยวบ่าหนา

กายร้อนรุ่มทรมานจากการถูกปลุกเร้า กระทั่งปลีน่องนวลเนียนสลักเสลา

ถูกแยกออก ก็ยังลืมนึกถึงผลพวงที่จะตามมาจนหมดสิ้น จวบจนบางสิ่งที่

ไม่เคยคุ้นแทรกผ่านเข้ามานั่นแหละ คนไร้สติจึงตัวเกร็ง เปล่งเสียง

หวีดร้องดังสนั่น สติที่หายวับไปหวนกลับคืนมาอีกหน ซึ่งแน่นอนว่ามัน

ได้สายเกินไปเสียแล้วสำหรับเธอ

“โอ๊ะ! ดิเออ ฉันจะติดคุกไหมนี่”

“หยุดเถอะ ได้โปรด”

เสียงประท้วงและอาการดิ้นรนอย่างทรมานจากความรู้สึก

ที่เหมือนกับร่างกายกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ชะงักลง เมื่อลิ้นร้อนๆ

ปาดป้ายไปยังทรวงอกแสนหวาน ร็อบทั้งดุนดันโอ้โลมเคล้าคลึงมันอย่าง

หลงใหล หาใช่ความรู้สึกเพื่อต้องการบรรเทาอย่างความตั้งใจไม่ เพียง

ไม่นานร่างสวยสมบูรณ์แบบและนุ่มนิ่มไปทุกสัดส่วนก็ขยับกายเร่งเร้า

สะโพกโค้งงามส่ายไปมาอย่างเรียกร้อง ร็อบจึงไม่รอช้าอีกต่อไป รีบพา

สตรีที่เขาได้ลิ้มชิมพรหมจรรย์เป็นครั้งแรกขึ้นสู่สวรรค์ กระทั่งถอนกาย

ออกนั่นแหละจึงช็อก มองสตรีที่นอนหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหงื่อผุด

เต็มหน้าผากอย่างตระหนก

ซวยฉิบ! เราลืมใส่ถุงยาง!’

คิ้วหนาสีบลอนด์เข้มที่โค้งตรงส่วนปลายรับกับสันกรามอัน

เฉียบคมมองสตรีที่ตัวเองเพิ่งมีสัมพันธ์ด้วยอย่างหมกมุ่น เขายอมรับว่า

ตัวเองสำส่อน แต่ไม่เคยพลั้งเผลอแบบนี้มาก่อน ดีเท่าไรแล้วว่าผู้หญิง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คนนี้เป็นสาวพรหมจรรย์ ไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้าย

“ฉันขอโทษที่ลืมป้องกัน เธอคงเตรียมตัวมาดีก่อนที่เราจะ

พบกันแล้วใช่ไหม”

ถามได้เท่านั้นก็รีบเบี่ยงกายหลบ ยืนเท้าสะเอวงงๆ เมื่อคนที่

ตัวเองเพิ่งมีสัมพันธ์กันแบบสุขกายสบายอุรา และคิดว่าจะมีต่ออีกสัก

สองสามหนดีดตัวออกจากโซฟาพาเพลิน แล้วหันซ้ายหันขวา จากนั้นก็

กระโดดตะครุบเสื้อผ้าตัวเองอย่างกับแมวไล่ตะครุบหนู ร็อบจึงได้แต่มอง

ปฏิกิริยาลนลานนั้นอย่างงงๆ

หล่อนไม่ประทับใจ หรือว่าเราทำให้เจ็บมากเกินไป เลยทำท่า

เหมือนจะหนีกันกลับแบบนี้หนอ

ร่างสูงสมบูรณ์แบบราวรูปปั้นเทพบุตรกรีกมองร่างอวบอิ่ม

ขาวผ่องที่นั่งกอดเสื้อผ้าปิดบังร่างกายของตัวเองด้วยหน้าตาช็อกๆ แล้ว

ส่ายศีรษะ

“เธอเป็นอะไร ทำไมถึงไม่ยอมพูดกับฉันเลย อย่าบอกนะว่า

เสียใจและเสียดายตัวน่ะ ไม่เอาน่ามง ปูสแซ็ง ผู้หญิงทุกคนก็ต้องมี

ครั้งแรกเหมือนๆ กันทั้งนั้นแหละ อย่าทำหน้าตาช็อกแบบนี้สิ ฉันรู้นะ

ว่าเธอคิดมาดีแล้ว เพราะเธอมีการวางแผน และติดต่อคนกลางก่อนที่

เราจะได้มาพบกันเสียด้วยซ้ำ”

“ฉัน...แค่อยากให้คุณหลบไป ฉันจะได้ใส่เสื้อผ้า แล้วกลับบ้าน”

หน้าตาเครียดๆ บวกกับเสียงที่แผ่วเบาทำให้ร็อบบังเกิดความ

รู้สึกผิดขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่เขาจะไม่อ่อนข้อหรือยอมตกลงไปในบ่วงของ

ผู้หญิงคนไหนทั้งสิ้น แม้แต่บ่วงพรหมจรรยย์ของผู้หญิงคนนี้ ที่คิดคำนวณ

มาอย่างดีแล้วว่าจะมอบมันให้กับเขา ความหอมหวานและสดใหม่ชวน

ติดอกติดใจของดารินจะไม่มีอำนาจพอที่จะกดดัน หรือเรียกร้องอะไร

มากไปกว่าที่เขาคิดว่าหล่อนสมควรจะได้ และถึงแม้ว่าหล่อนจะจัดสรร

เซ็กส์ดีๆ เย้ายวนสุขีสุโขมาประเคนให้เขาชนิดอิ่มแปล้ แต่เขาก็จะไม่ยอม

ให้เซ็กส์ที่ได้รับจากหล่อนมาชักจูงไปไหนง่ายๆ หรอก

 

 

 

 

 

 

 

 

ร็อบชอบเซ็กส์ที่ได้รับจากหล่อน แต่ในทางเดียวกันเซ็กส์ที่วิเศษ

ก็ไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้ เพราะเขารู้จักและควบคุมเซ็กส์ได้เสมอ

ไม่เคยมีสักหนที่ปล่อยให้มันชักจูงด้วยอำนาจฝ่ายต่ำ ผู้หญิงกับเซ็กส์ดีๆ

ควรเลี้ยงให้อยู่เชื่องๆ มิใช่ปล่อยให้เจ้าหล่อนลุกขึ้นมาบงการนั่นนี่ จนเขา

แลดูเป็นคนอ่อนแอพ่ายแพ้แม้แต่ตัณหาราคะของตัวเอง และถึงแม้เขา

จะเป็นคนสุภาพและชอบทำให้ผู้หญิงพึงพอใจ แต่ในทางเดียวกันเขาก็

ไม่ใช่ไอ้อ่อนที่จะยอมให้ผู้หญิงคนไหนชักจูงได้ง่ายๆ เพียงแค่เจ้าหล่อน

กระพือขนตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำ และร้องไห้กระซิกๆ ทำท่าทางให้ดูน่าเวทนา

อยู่เบื้องหน้าเขา

“เธอร้องไห้เพราะอะไร ฉันไม่เข้าใจ เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันเป็น

ผู้ชายที่ไม่ได้อยู่เป็นหลักแหล่ง และการที่เธอไม่เคยผ่านมือผู้ชายคนไหน

มาก่อน มันก็จะไม่ทำให้ฉันเปลี่ยนใจหรือขยับความสัมพันธ์กับเธอเกินกว่า

ที่ฉันได้คิดเอาไว้ในใจหรอกนะ” พอเริ่มเกริ่นก็เห็นอีกฝ่ายจ้องเขาตาค้าง

ร็อบจึงส่ายหัว

“อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบขนาดนั้น

แต่มันเป็นความต้องการของเธอเองไม่ใช่หรือ เธออยากมีช่วงเวลาพิเศษ

กับฉัน อัลเฟโดบอกทุกอย่างกับฉันหมดแล้ว”

ร็อบเอ่ยเท่านั้นก็สบถรัวๆ เมื่อเห็นแม่สาวเจ้าน้ำตาริมฝีปาก

สั่นระริก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมีวันนี้ วันที่ต้องมานั่งปลอบผู้หญิง หลังจากที่

ทั้งคู่มีสัมพันธ์รักอันเร่าร้อนจุกอกร่วมกัน

“ดิเออ! ได้โปรดเถอะ หยุดร้องไห้เสียทีเถอะ ใจเย็นๆ นะ

และก่อนที่เธอจะร้องไห้จนน้ำตาท่วมห้องฉันละก็ อยู่นิ่งๆ สักพัก แล้ว

แหงนหน้าขึ้นมาฟังคำอธิบายของฉันก่อนจะได้ไหม ฉันคือใคร ฉันคือ

โรเบิร์ต ลัวร์เลนซ์ ฉันผ่านผู้หญิงมามากมายขนาดไหน เพราะฉะนั้นฉัน

ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรคือสิ่งล้ำค่าที่สมควรมอบมันให้กับเธอ อย่างน้อย

อัลเฟโดก็ต้องบอกสิ ว่าฉันน่ะใจกว้างกับพวกผู้หญิงที่เข้าไปเกี่ยวข้องกัน

มากมายขนาดไหน ไม่มีอะไรต้องกังวลใจหรอกน่า หยุดร้องไห้ได้แล้ว

มา บิแชทต์”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ท้ายประโยคร็อบเอื้อมมือไปลูบแก้มนวล พยายามควบคุม

โทนเสียงให้อ่อนเบาที่สุด แต่ก็ต้องถอนใจเมื่อหล่อนปัดมือเขาออก

แล้วจ้องมองเขาด้วยหน้าตาไม่ไว้วางใจ ราวกับว่าเขาคือตัวอิกัวนาหน้าตา

แสนพิลึก และพอหล่อนขยับตัวพ้นมือเขาได้ ก็ทำตาลอยๆ หน้างงๆ

เหมือนคนไม่เข้าใจบางเรื่องอย่างหนัก

“อัลเฟโด”

พิมพ์มาดาครางชื่อนั้นเสียงครวญจนเกือบจะเป็นโหยหวน ไม่

ได้สนใจคำอธิบายยืดยาวของฝ่ายตรงข้ามมากไปกว่าชื่อผู้ชายที่เขาเอ่ย

มาให้ได้ยินครั้งแล้วครั้งเล่า

อัลเฟโดคือใครกันล่ะ

โรเบิร์ตพูดเหมือนหมอนั่นคือนายหน้าชักจูงเธอมาให้กับเขา

พิมพ์มาดาไม่เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด เธองุนงงและเริ่มปวดหัว ผนวกกับ

ความอึดอัดจากสายตาที่ดูเหมือนเริ่มจะรำคาญเธอนิดๆ ของอีกฝ่าย

ทำให้ขอบตาเริ่มร้อน หญิงสาวอยากหายตัวไปในห้องน้ำ แล้วร้องไห้โฮ

ดังๆ ลำพังเรื่องที่เกิดขึ้นและการเสียสาวแบบมึนงง เธอก็ช็อกพออยู่แล้ว

ยิ่งมาได้ยินเสียงประกาศกร้าวจากชายที่เป็นคนแรกของเธอว่า เขาจะ

ไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น มันก็เหมือนการถูกตบหน้า แล้วจับเธอแก้ผ้า

ประจานที่ใจกลางจัตุรัสดีๆ นี่เอง เพราะถึงแม้เธอจะไม่ได้คาดหวังหรือ

ต้องการเรียกร้องอะไร แต่พิมพ์มาดาก็ไม่ปรารถนาจะถูกลบหลู่ และ

โดนเขาเตะโด่งด้วยวาจาขวานผ่าซากแบบนี้ เธอยังไม่ได้ประมวลเหตุการณ์

ทั้งหมดชัดแจ้งดี เขาก็รีบเสือกไสไล่ส่งเธอแล้ว พิมพ์มาดาส่ายศีรษะ

อย่างงงๆ แล้วแหงนหน้ามองเขา ทันทีที่ได้สบตาแก้มเธอก็แดงปลั่ง

ดังเดิม น่าโมโหตัวเองนัก แทนที่เธอจะโกรธเกลียดเขา แต่ดันประหม่า

ทุกครั้งที่สบตา

“อัลเฟโดคือใคร ฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อนค่ะ และฉันพร้อม

จะไปจากคุณในทันที โดยไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น ฉ...ฉะ...ฉันแค่ขอ

ให้คุณเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และอย่าไปบอกใครก็พอแล้ว เพราะ

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นฉันเป็นคนผิดเอง”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

          “จะบ้าตาย! เธอผิดเองงั้นหรือ นี่เธอกำลังประชดฉันอยู่ใช่ไหม

ดาริน”

ร็อบสะดุ้งกับคำว่าฉันผิดเองของอีกฝ่ายยมาก ฟังดูแล้วเหมือนกับ

ว่าหล่อนเป็นฝ่ายกระโจนปล้ำเขาซะเอง เสียเชิงชายสิ้นดี! ทั้งที่เกมนี้เขา

เป็นฝ่ายรุก และทำเองทั้งหมดแท้ๆ ดวงตากลมโตที่มองหน้าเขาอย่าง

ช็อกๆ ทำให้ร็อบถอนใจ ก่อนจะพาร่างสง่า แข็งแกร่งไปนั่งยองๆ อยู่

ตรงหน้าหล่อน และนั่นเองทำให้เค้าเห็นหน้าที่แดงเห่อยิ่งกว่าเก่า หล่อน

ขยับกายเล็กน้อย ดูเกร็งๆ นิดๆ น่าเอ็นดู น่าจูบ น่ากอด แต่เขาจะอยู่

ที่นี่อีกไม่นาน ต้องหักใจก่อนที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาทำตัวเหมือน

เห็บ และพัวพันในชีวิตจนเกิดความยุ่งยากใจเหมือนเจ้าชายดิลฮามสหาย

ร่วมกลุ่มของเขานั่นเอง

ในหัวของร็อบนั้น การถูกผู้หญิงจับด้วยคำว่ารัก และการหอบหิ้ว

เจ้าหล่อนติดตัวไปทุกที่มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะว่าเขาจะต้องละทิ้ง

ความสนุกสนานตื่นเต้นท้าทายตลอดทั้งชีวิตในเวลาอันไม่สมควร เพื่อ

มาจมปลักกับสิ่งมีชีวิตที่ดีแต่สวย ช่างน่าขนลุก! น่าอึดอัด และหมดสภาพ

สิ้นดี หากจะปล่อยให้ผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าตนเข้ามามีอิทธิพลกับพวกผู้ชาย

เสียขนาดนั้น ยิ่งตอนที่ไม่ว่าจะกิน นอน และทุกนาทีที่หายใจเข้าไป จะ

ต้องมีหล่อนตามติดสิงสถิตอยู่ด้วยทุกที่แล้วละก็ โหย! เขารู้สึกขนลุก

ไปหมดทั้งตัว

“เอาละคนสวย ความจริงแล้วฉันก็ชอบเธออยู่หรอกนะ แต่

เมื่อครู่นี้ที่เธอบอกว่าไม่รู้จักอัลเฟโดเลย มันหมายความว่ายังไงกัน ก็แล้ว

เธอจะไม่รู้จักเขาได้ยังไง ในเมื่ออัลเฟโดเป็นคนที่ทำให้เธอได้มาอยู่ตรงนี้

กับฉัน”

ร็อบทักท้วงเสียงหนัก พยายามก้มหน้าลงประสานสายตากับ

คนที่ขยันเบือนหน้าหนีเขาซะเหลือเกิน

“หืม...แม่นางแบบผู้แสนน่ารัก”

คำพูดและหน้าที่ก้มต่ำลงมาจนปลายจมูกโด่งชนกับจมูกเธอนั้น

ทำให้พิมพ์มาดาหน้าแดงก่ำ และครั้งนี้หญิงสาวก็มีสติพอที่จะเขยิบตัวหนี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ดวงหน้าเรียวขาวแก้มยุ้ยนิดๆ ส่ายศีรษะพัลวัน

“นางแบบหรือคะ ฉันไม่ใช่นางแบบจริงๆ ฉันเป็นเพียงแค่คน

ที่รับหน้าที่นำดอกไม้มาให้คุณตามนัด”

“พูดตลกอะไร ฉันไม่คุยด้วยแล้ว”

ร็อบเอ่ย จบก็คว้า มือเล็กๆ ขึ้นมาจูบ แล้วจ้องอีกฝ่ายด้วยนัยน์ตา

มีความหมาย

“ยิ่งโกหก ยิ่งพูดมากก็ยิ่งเสียเวลา รู้หรือเปล่าว่าอีกสองวันฉัน

ก็จะบินกลับฝรั่งเศสแล้ว เราควรพูดกันให้น้อยคำที่สุด ฉันอยากมีเวลา

ทำอย่างอื่นที่มันน่าประทับใจร่วมกับเธอ เราจะได้มีเวลาแห่งความทรงจำ

เก็บเอาไว้นานๆ ยังไงล่ะ”

ร็อบกล่าวเท่านั้นก็ดึงร่างงามขึ้นสูงเหนือบ่ากว้าง จงใจให้อกอวบ

เปลือยเปล่าอยู่ระดับเดียวกับใบหน้า กระตุกยิ้มนิดๆ เมื่อรู้ว่าร่างนั้นสั่น

ก่อนจะประพรมจูบตามร่องอกอวบ หยุดมองยอดตูมที่บวมเป่งชูช่อ

ต่อมาก็ก้มลงไปซุกไซ้ใช้ริมฝีปากทักทายมันอย่างหลงใหล ที่จริงเขา

ก็ไม่ชอบสาวบริสุทธิ์หรอก แต่เมื่ออีกฝ่ายตัดสินใจและเลือกที่จะมอบ

มันให้กับเขาแล้ว ร็อบก็ควรสร้างความประทับใจให้อีกฝ่ายไม่ใช่หรือ

“ย...ยะ...หยุดนะ พอแล้ว มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”

เสียงประท้วงและร่างที่ดิ้นรนผลักไสทำให้โรเบิร์ตต้องแกล้ง

ดันหล่อนไปชิดโซฟาก่อนจ้องอีกฝ่ายที่หน้าแดงก่ำ แววตาหวาดหวั่น

ด้วยสายตาหวานฉ่ำแฝงประกายแรงร้อน พอเห็นริมฝีปากอิ่มๆ แววตา

หวั่นไหว และการถอนใจเฮือกโตๆ ก็อดใจไม่ไหวโน้มหน้าลงจะจูบ

อีกครั้ง แต่ก็ต้องขมวดคิ้วอย่างขัดใจเมื่อมือนั้นดันหน้าเขาออกแล้ว

สะบัดหนี

“โธ่ อย่าทำแบบนั้นอีกเลย ฉันขอร้อง” เสียงที่สั่นๆ และหน้า

ที่หันหนี ซึ่งเขาพอจะทันได้เห็นว่ามีหยาดน้ำใสๆ ไหลออกมานั้น ทำให้

ร็อบชักไม่ชอบใจเสียแล้ว

“ฟัง นะดาริน เธอจะทำอะไรเพื่อเรียกร้องความสนใจก็ได้ทั้งนั้น

แต่อย่าร้องไห้อีกเชียว ฉันไม่ชอบผู้หญิงเจ้าน้ำตา อยากให้ฉันช่วยเหลือ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อะไรก็บอกมาได้ ตอนนี้เธอขาดอะไรอยู่ล่ะ เงิน บ้าน รถ เครื่องประดับ

แพงๆ พูดออกมาเลย เดี๋ยวจะจัดการให้ แต่ช่วยเช็ดน้ำตาออกให้หมด

ก่อนจะได้ไหม”

ร็อบเอ่ยพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหลืออด ก่อนจะข่มใจ

เจรจากับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“คำว่าไม่รับผิดชอบของฉันมันหมายถึงว่า ฉันไม่สามารถเอา

ตัวเองมาผูกติดกับเธอได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่หยิบยื่นอะไร

ให้กับเธอเลย อยากได้อะไรก็พูดออกมาเถอะ ฉันจะไม่ตำหนิ ขอแค่อย่า

มาสร้างความรู้สึกผิดให้กับฉัน เพราะเธอเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายตัดสิน

และต้องการให้ทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้!”

ร็อบกล่าวเสียงดุ แล้วก็ต้องนิ่งตัวเกร็ง เมื่ออีกฝ่ายปล่อยโฮเลย

คราวนี้ เขามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความช็อก ปกติแล้วนั้นสตรีที่อยู่

กับเขาจะปรามเพียงคำเดียวก็รู้เรื่อง ถ้าเขาดุหรือเสียงแข็งใส่ว่าไม่ชอบ

พวกหล่อนก็จะไม่ทำอีก แต่กับผู้หญิงตรงหน้านี้เขาพูดว่าไม่ชอบและดุ

เสียยืดยาว แต่หล่อนก็ยังยืนยันที่จะร้องไห้ โดยไม่กลัวว่าเขาจะอึดอัด

หรือรำคาญหนักยิ่งกว่าเก่าเลย ร็อบนั่งตะลึงมองแม่สาวเจ้าน้ำตาอยู่สักพัก

ก็ลอบถอนใจเมื่ออีกฝ่ายเริ่มสะอื้นเบาๆ สุดท้ายก็หยุดลงและยกมือขึ้น

ป้ายน้ำตา

“เฮ้อ! เงียบซะที หวังว่าเราคงจะเริ่มคุยกันได้แล้วสินะ”

นี่คือการเอ่ยประชดสตรีเพศเป็นครั้งแรก แล้วก็ต้องอึ้ง เมื่อ

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจที่จะประนีประนอมกับเขาเลย

“ฉันจะกลับ”

“เชิญ!”

ร็อบเอ่ยเสียงไร้เยื่อใย แววตาดุกระด้าง ร่างสูงเดินไปดึงชุดที่

หล่อนใช้ปกปิดกายเปลือยออกมาเกือบเป็นกระชาก แล้วฉุดแขนอีกฝ่าย

ให้ยืนขึ้น จากนั้นก็ลากไปยังห้องน้ำ

“ใส่เสื้อผ้าซะ แล้วอยากไปไหนก็เชิญเลย ฉันจะอยู่ที่สเปน

อีกแค่สองวันเท่านั้น ถ้าคิดออกว่าอยากได้อะไรก็ให้รีบกลับมา อ้อ...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แต่ฉันขอเตือนเอาไว้เลยนะ ว่าเซ็กส์ครั้งต่อไปของเราจะต้องไม่มีการ

ร้องไห้ครวญครางหลังจากที่ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีแบบนี้อีก และถ้า

เธอจะทำมันซ้ำอีกครั้งละก็ อย่าคิดโผล่หัวกลับมา!”

ร็อบเอ่ยเท่านั้นก็รุนหลังให้คนที่ร้องไห้โหยหวนครวญคราง

ในความรู้สึกของเขาเข้าห้องน้ำไป จากนั้นก็ปิดประตูเดินหนี เขามั่นใจ

ว่าอย่างไรหล่อนต้องกลับมาหาเขาอีกแน่ๆ การปลอบโยนพะเน้าพะนอ

จะทำให้เจ้าหล่อนเลี้ยงไม่เชื่อง และกลายเป็นม้าสาวหัวดื้อยากแก่การ

ควบคุม คิดแล้วก็กระตุกยิ้ม เดินไปยังคนสนิทและสั่งการบางอย่างเพื่อ

ล่อเหยื่ออันโอชะ พอเสร็จแล้วก็หนีเข้าฟิตเนส หล่อนจะได้รู้ตัวว่าถ้าหาก

ทำตัวงี่เง่างอแงกับเขาก็จะได้รับสิ่งตอบแทนแค่พอประมาณ เพราะว่า

เขาจะไม่ทนอยู่ให้หล่อนได้อ้าปากเรียกร้องอะไรอีกทั้งนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1

แม่หัวขโมยสาว

ลังจากที่หลบไปเรียกเหงื่อให้ตัวเองได้สักพัก ร็อบก็กลับ

ขึ้นมาบนห้อง ริมฝีปากกว้างมีเสน่ห์เม้มหากันจนเป็นเส้นตรง รู้สึก

หงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อได้รับรายงานจากลุยซ์บอดี้การ์ด

คนสนิทของตนว่าเจ้าแม่ดราม่าควีนของเขาได้เปิดแน่บไปแล้ว แค่เพียง

รู้ว่าจะไม่มีคนมานั่งร้องไห้ครวญคราง ช้อนตามองเขาด้วยขนตาที่ชุ่มไป

ด้วยน้ำตาให้เห็นอีก คนที่เป็นฝ่ายหนีหน้านางแบบสาวเจ้าน้ำตาไปก็เป็น

ฝ่ายอารมณ์เสียหงุดหงิดเอง

“อะไรอีกล่ะลุยซ์ ทำไมเจ้าเช็คใบนี้มันถึงยังอยู่ในมือของนาย

อีก”

ถามเสียงแข็งตามสภาวะอารมณ์ เมื่อลุยซ์บอดี้การด์กึ่งมือขวา

ยื่นเช็คใบที่เขาเซ็นและกรอกจำนวนเงินเอาไว้ให้เจ้าแม่ดราม่าควีนมายัง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เบื้องหน้า และเห็นบอดี้การด์ทำหน้าปูเลี่ยน ไม่กล้าสบตาตรงๆ เนื่องจาก

ละอายใจที่ทำงานไม่สำเร็จ

“ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมรับมันครับ”

“บ้าหรือเปล่าลุยซ์! นายก็รู้ฉันเกลียดการนอนกับผู้หญิงโดย

ไม่มีสิ่งใดแลกเปลี่ยนมากขนาดไหน และถ้านายให้เงินหล่อนไม่สำเร็จ

ก็หมายความว่านายทำให้ฉันเป็นหนี้หล่อน! และพวกเราจะจากไปไหน

ไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าหากยังสะสางเรื่องนี้ไม่จบ ลุยซ์ นายต้องเคลียร์กับหล่อน

จนกว่าฉันจะหมดความรู้สึกว่าได้ติดค้างอะไรกัน”

เสียงลอดไรฟันและแววตาตำหนิของร็อบทำให้ลุยซ์หน้าเสีย

“ผมพยายามแล้วครับ แต่เธอไม่ยอมรับมันท่าเดียว”

“นั่นมันข้ออ้างของนาย และถ้าหากนายพยายามมากกว่านี้ เธอ

จะต้องรับ!”

ร็อบเสียงแข็ง เขาไม่เชื่อหรอกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ต้องการค่า

ชดเชย ระยะเวลาสามสิบปีกว่าของการเป็น โรเบิร์ต ลัวร์เรนซ์ เจ้าพ่อ

ธุรกิจน้ำเมาสอนให้เขาได้เรียนรู้ว่า แม้รูปลักษณ์ภายนอกของเขาจะเป็นที่

ฝันใฝ่น่าปรารถนาและดึงดูดใจของบรรดาอิสตรีมากขนาดไหน แต่มันก็

ไม่ดีพอและน่าหิวกระหายเท่าเงินทองที่กองอยู่บนหน้าตักของเขาหรอก

ผู้หญิงหลายคนเปลี่ยนสายตาที่หิวกระหายบูชาเขาเป็นนัยน์ตาพองโต

ทันที เมื่อเจ้าหล่อนได้รับของกำนัลมูลค่าสูงเป็นสินน้ำใจ หลังจากที่

พวกเขาได้ข้องเกี่ยวกัน

เพราะฉะนั้นร็อบจึงสรุปได้ล้านเปอร์เซ็นต์เต็มว่า แม่นางแบบ

คนปัจจุบันของอัลเฟโดนั้นต้องการของตอบแทนที่มีมูลค่ามากกว่าเช็ค

ที่เขาได้กรอกตัวเลขลงไปอย่างแน่นอน และถ้าหากอีกฝ่ายต้องการ

มากกว่านี้ละก็ มันก็ย่อมได้ แต่ว่าหล่อนจะต้องพาตัวเองกลับมา และ

ยอมให้เขาได้ ใช้ร่างกายของหล่อนให้มันคุ้มค่ามากกว่านี้ ขณะที่กำลัง

คิดถึงพฤติกรรมของแม่ตัวแสบอยู่นั้น ร็อบก็ต้องหัวเสียหนักขึ้นมาอีก

เมื่อมีเสียงกริ่งจากหน้าห้องดังมารบกวน

“ขอตัวครับ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ลุยซ์ขอตัวอย่างสุภาพเดินไปเปิดประตูให้เจ้านาย และพอเห็น

คนที่ปรากฏตัวเท่านั้น ลุยซ์ก็ยืนอึ้งอยู่กับความงงงัน

“ฉัน...คาริเวียน เป็นนางแบบที่อัลเฟโดได้แนะนำว่าจะมาขอพบ

คุณโรเบิร์ตก่อนหน้านี้ค่ะ หวังว่าคุณโรเบิร์ตคงไม่โกรธฉันแล้วหนีไป

ปาร์ตี้ที่ไหนก่อนนะคะ คือฉันติดพันงานถ่ายแบบที่ยังไม่ลงตัวสักที จน

เลยเวลานัดไปหลายชั่วโมงแล้ว และตลอดเวลาฉันพยายามติดต่อกับ

อัลเฟโดเพื่อขอเลื่อนนัด ดูเหมือนว่าแบตเขาจะหมด สุดท้ายเลยต้อง

เสี่ยงขึ้นมาทั้งๆ ที่ผิดเวลามากแบบนี้”

เสียงพูดหน้าประตูทำให้ร็อบตัวชาวาบ

“คาริเวียน ดาริน”

ทวนสองชื่อนั้นเบาๆ แล้วก็ร้องครวญ กรามแกร่งขบเข้าหากัน

แน่นจนปูดโปน

เวรตะไลแล้วไหมล่ะ มันจะมีเรื่องตลกเหลือเชื่ออะไรเกิดขึ้น

กับเขาหรือเปล่านี่

เขามัวแต่ขบขันที่อัลเฟโดบอกว่ามีนางแบบโฆษณากระเป๋า

แบรนด์เนมชิ้นล่าสุดของอีกฝ่ายอยากพบเขา แถมเจ้าหล่อนยังกล้าหาญ

ชาญชัยบอกอีกว่าอยากมีค่ำคืนแสนวิเศษร่วมกับเขา และแน่นอนสาวสวย

ระดับนางแบบลงทุนขอร้องมา มีหรือร็อบจะปฏิเสธ ในเมื่อมันเป็นกิจวัตร

ของเขาอยู่แล้ว เขามัวแต่รู้สึกสนุก กระตือรือร้น และถูกท้าทาย จนลืมถาม

แม้แต่ชื่อของว่าที่คู่นอน และตอนนี้ความสะเพร่าก็กำลังตีแสกหน้าเขา

พร้อมกับคำถามในใจที่ว่า

แล้วแม่สาวพรหมจรรย์หุ่นอวบอึ๋มคนนั้นคือใครกัน หล่อน

บุกเข้ามาถึงห้องพักส่วนตัว แล้วยอมนอนนิ่งหน้าตาตื่นให้เราเชือดง่ายๆ

ได้ยังไง

ร็อบค่อยๆ หันไปยังสตรีผู้มาใหม่ เขาเห็นผู้หญิงหุ่นเพรียวบาง

และท่าทางมาดมั่นมองมายังเขาอย่างท้าทาย และแววตาคู่สวยที่พุ่งมายัง

เขานั้นมีเป้าหมายชัดเจน มันแตกต่างจากสายตาของอีกคนที่ทั้งตกใจและ

ตื่นกลัว ไร้ความมั่นใจ และที่สำคัญแม่สาวผู้นี้ตรงตามที่เขาคิดเอาไว้

 

 

 

 

 

 

 

 

ทุกอย่าง นั่นคือหุ่นเพรียวสวยงามดุจบาร์บี้และทรวงอกอวบกลมป๊อก

อันเนื่องมาจากซิลิโคน

“ฉันขอโทษที่มาช้าค่ะ และดีใจที่คุณยังไม่ไปไหน และถ้าคุณ

โกรธ ฉันก็ยินดีจะไถ่โทษโดยไม่เกี่ยงงอน หรือจะให้ฉันขออภัยคุณ

จนถึงเช้าของอีกวันก็ยังไหวนะคะ”

คำพูดที่มั่นใจ และแววตาที่ยอมรับโทษทุกอย่างนั้นทำให้ร็อบ

ยิ่งคิดหนัก ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงรีบอ้าแขนรับแม่สาวช่างยั่วคนนี้ไปแล้ว

แต่เวลานี้มันไม่ใช่เลย คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจเขา มีแต่ชื่อดาริน

และขนตาที่ชุ่มน้ำ ริมฝีปากอันบวมเจ่อเพราะฤทธิ์จูบผุดขึ้นในหัวเท่านั้น

ผู้หญิงคนนั้นคือใคร แล้วหล่อนมานอนตัวสั่นให้เราเล้าโลม

สอนบทรักครั้งแรกง่ายๆ ได้ยังไง มันเป็นกับดักจากพ่อแม่บ้านไหน

หรือเปล่า

ร็อบตัวชา สังหรณ์ใจว่าอาจมีเรื่องยุ่งยากใจตามหลังเรื่อง

ประหลาดนี้มาเป็นชุดใหญ่แน่ๆ

“ยินดีที่ไดรู้จั้ก คาริเวียน แต่เกรงว่าฉันคงจะไม่สะดวกต้อนรับ

เธอแล้วละ ขอโทษทีนะที่ฉันเผอิญมีเรื่องด่วนที่ต้องทำเสียแล้ว”

ร็อบเอ่ยตัดบทแค่นั้นก็เดินหนี โดยก่อนไปไม่ลืมส่งสัญญาณ

ให้ลุยซ์ส่งแขก ซึ่งแน่นอนในยามนี้ทั้งลุยซ์และสาวสวยหยาดฟ้ามาดิน

ต่างอ้าปากหวอกะพริบตางงงันทั้งคู่ โดยเฉพาะลุยซ์นั้นงงหนัก เพราะ

ตั้งแต่อยู่กับโรเบิร์ตมาเขาไม่เคยเห็นเจ้านายปฏิเสธผู้หญิง โดยเฉพาะ

ผู้หญิงที่สวยและคลั่งไคล้เขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หรือว่าจะเป็นเพราะ

เจ้านายกำลังเซ็งกับผู้หญิงก่อนหน้านี้เหลือทน ก็แหงละ คงเซ็งมาก

โรเบิร์ตไม่เคยปล่อยให้ผู้หญิงที่เป็นคู่นอนของเขากลับไปโดยไม่จูบลา

หรือส่งหล่อนโดยมีคำหวานหรือท่าทีสุภาพ เพื่อทำให้บรรดาสาวๆ เหล่านั้น

หลงใหล และโหยหาอาลัยอาวรณ์เขามากขึ้น

“เชิญครับ เซนญอริตา คาริเวียน”

ลุยซ์เอ่ยกับนัดพิเศษของเจ้านายอย่างสุภาพ เห็นอีกฝ่ายลังเล

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จากนั้นก็ถอนใจนิดๆ

“นี่ฉันจะไม่ได้รับการอภัยจากเขาใช่ไหม เขาก็รู้ว่าฉันอยากเจอ

เขามาก และต้องอาศัยความหน้าด้านแค่ไหน ที่ต้องบอกกับอัลเฟโดว่า

ให้เขาช่วยเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์ครั้งนี้หน่อย”

“เจ้านายผมไม่ได้โกรธอะไรคุณครับ แต่ว่าก่อนหน้านี้มีเรื่อง

บางอย่างเกิดขึ้น และมันทำทำให้เขารู้สึกยุ่งยากใจเล็กน้อย เขาเลยต้องการ

เวลาเพื่ออยู่ตามลำพัง”

“สรุปว่าฉันมาผิดเวลาสินะ โธ่! แล้วฉันจะมีโอกาสได้พบเขา

อีกไหมนี่”

คาริเวียนโอดครวญ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรจากลุยซ์ นอกจาก

ใบหน้าเครียดๆ และการผายมือเชิญอย่างสุภาพ หญิงสาวยืนตาละห้อย

หน้าตาเสียดายสุดซึ้ง ก่อนที่ประตูจะค่อยๆ ปิดลง และพอประตูปิดสนิท

ลุยซ์ก็ขมวดคิ้วมุ่น ไม่นานดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็สว่างวาบเมื่อนึกสังหรณ์ใจ

อะไรบางอย่างขึ้นมา ร่างหนาของบอดี้การ์ดหนุ่มเดินไปสำรวจรอบๆ ห้อง

ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คาริเวียน นางแบบสาวที่อัลเฟโดติดต่อ

ไว้ให้เจ้านายของเรา แล้วหล่อนคือใครกันล่ะ และหล่อนขึ้นมาถึงที่นี่

เพื่ออะไร

ร็อบกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องเพื่อหาอะไรบางอย่างที่เป็น

เงาของความสงสัยรางๆ ในหัว กระทั่งสายตามาหยุดลงตรงช่อดอกไม้ที่

แม่สาวปริศนาคนนั้นลงทุนหอบหิ้วขึ้นมาให้เขา

“นี่ก็แปลกตั้งแต่แรกแล้ว จะมีผู้หญิงใจถึงที่ไหนเขาถือช่อดอกไม้

มาให้ผู้ชาย ในเมื่อตัวของหล่อนเองมีสิ่งที่เร้าใจและท้าทายกว่าติดมาด้วย”

ร็อบเปรยเบาๆ นึกอยากเตะตัวเองนัก เพราะความโง่เขลา

เมาราคะที่ฝังอยู่ในสันดานดิบแท้ๆ จึงพลั้งเผลอมีสัมพันธ์กับสตรีโดย

ไม่ตรวจสอบก่อน แถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็นสาวพรหมจรรย์ ซึ่งแน่นอนว่า

มันอาจจะเป็นกับดักของใครบางคนที่ขุดล่อเอาไว้ หมายจะปล้นทรัพย์สิน

ของเขาไปอย่างหน้าด้านๆ ก็ได้

 

 

 

 

 

 

 

 ‘แต่ให้ตายสิ! พวกผู้ชายด้วยกันคงจะไม่โทษในความหน้ามืด

ของเราหรอก ถ้าได้เห็นความอวบอึ๋มเต็มพิกัดของแม่สาวปริศนาคนนั้น

เพราะทั้งอกและสะโพกของหล่อน มันส่งผลให้สมองของเราปิดกลไก

แห่งการระมัดระวังตัวไปโดยสิ้นเชิง แล้วไหนจะสายตาไร้เดียงสา ตื่นกลัว

ที่กระตุ้นให้ใจมันฮึกเหิม ก่อความรู้สึกท้าทายราวกับตัวเองเป็นพรานผู้ล่า

นั่นอีกเล่า

ร็อบพยายามหาเหตุผลมาปกป้องความไม่รอบคอบของตัวเอง

จนนำมาสู่การมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงที่เขาไม่รู้จัก นอกจากทราบเพียงว่า

หล่อนชื่อดาริน ซึ่งนั่นจะเป็นชื่อจริงหรือตั้งขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะก็ไม่

อาจทราบได้ มือหนาหยิบช่อดอกไม้พลิกสำรวจไปมาอย่างพิจารณา แล้ว

นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบน้ำเงินแกมม่วงก็สว่างวาบ เมื่อสายตาไปสะดุดเข้า

กับการ์ดใบเล็กๆ ร็อบไม่รีรอที่จะใช้นิ้วเรียวแข็งแรงคีบมันขึ้นมา และ

พอกวาดตามองเท่านั้นนัยน์ตาสีฟ้าก็เรืองแสงสีเขียวขึ้นมาพลัน เขา

บอกตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ และอ่านข้อความอีกครั้ง แต่ให้ตายเถอะ!

เจ้าความเดือดดาลก็ยังคงอยู่ไม่จากไปไหน

สาวพรหมจรรย์ ราคาห้าหมื่นยูโร ถ้าถูกใจและต้องการใช้

บริการอีก ให้โอนเงินเข้าบัญชี...

ร็อบหยุดอ่านเพียงเท่านี้ ดวงตาสีฟ้าที่บัดนี้มีประกายสีเขียว

แลบเลียก็มองปราดๆ ไปยังตัวเลขในบัญชีอย่างเคืองขุ่น

“เดี๋ยวนี้เขาหากินกันง่ายๆ แบบนี้แล้วหรือไง เก็บพรหมจารี

ไว้ขายให้เศรษฐีและถือช่อดอกไม้มามอบให้พร้อมท่าล้มสวยๆ ยั่วยวน

เซ็กซี่ ที่ไม่ว่าผู้ชายคนไหนเห็นก็ปฏิเสธไม่ลง เธอไม่ใช่ราชินีเจ้าน้ำตา

แต่เธอมันคือแม่ตัวแสบที่กระหายเงิน”

ร็อบเค้นเสียงลอดไรฟันตอนท้ายประโยค รู้สึกเหมือนมีไฟ

เผาไหม้อก ทั้งที่เขาควรจะชอบใจว่าหล่อนเอาตัวมาให้ถึงที่เพื่อขายบริการ

จะได้มอบเงินให้แล้วก็จบกันไป เพราะมันไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว

แต่เปล่าเลย ยิ่งอ่านข้อความเขาก็ยิ่งโกรธ และเป็นความโกรธชนิดที่

ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซะด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 “ถึงว่าสิ! เพราะอะไรเธอถึงไม่ยอมรับเงินจากลุยซ์ ที่แท้ก็

เป็นเพราะว่าฉันกรอกตัวเลขไปให้แค่ครึ่งหนึ่งที่ทางเธอเรียกร้องมา

เท่านั้น”

ร็อบเฉลยให้ตัวเองเสียงฮึ่มๆ เขาพอจะบอกกับตัวเองได้แล้ว

ว่าเพราะอะไรถึงต้องโกรธผู้หญิงคนนั้น เพราะว่าหล่อนกำลังบีบบังคับ

ให้เขาจ่ายค่าพรหมจรรย์โดยไม่มีโอกาสได้ตกลงราคากันก่อนน่ะสิ ผู้หญิง

ขี้โกง เจ้าเล่ห์ จ้องแต่จะเอาเปรียบกัน แม่ดารินสาวพรหมจรรย์คนนั้นกำลัง

ทำให้เขาอึดอัดเหมือนคนถูกบีบคอ

“บ้าเอ๊ย! ฉันน่าจะอ่านข้อความในนั้นก่อน ไม่น่าไปหลงเอ็นดู

กับท่าทางเหมือนกวางน้อยหลงฝูงของแม่ตาแป๋วนั่นเลย ตกต่ำสิ้นดี

เจ้าร็อบ เหมือนคนหาผู้หญิงไม่ได้ เลยต้องมาฟัดกับโสเภณี ถึงแม้จะ

เป็นโสเภณีพรหมจรรย์ก็เถอะ”

ร็อบเค้นเสียงอย่างโกรธๆ ชายหนุ่มขยำการ์ดในมือจนยับย่น

ความรู้สึกสับสนพลุ่งพล่าน เมื่อภาพผู้หญิงที่เขากำลังโกรธลอยเด่นอยู่

ในมโนของความคิด แถมกลิ่นหอมธรรมชาติที่ไม่เหมือนใครยังวนเวียน

อยู่แถวๆ จมูก ทั้งที่หล่อนจากไปนานแล้ว ร็อบจึงบอกกับตัวเองว่า

ถ้าหล่อนอยากได้เงินตามที่เรียกร้อง ก็จะต้องกลับมาที่เตียงของเขา

อีกครั้ง เขาเป็นนักธุรกิจ และไม่โง่พอที่จะจ่ายอะไรลงไปโดยยังไม่ได้รับ

สิ่งแลกเปลี่ยนอันคุ้มค่าพอแน่นอน คิดได้เท่านั้นก็พาร่างสูงเดินไปยัง

ด้านนอก แต่ก่อนที่จะสั่งการคนสนิท ก็เห็นอีกฝ่ายเดินมาหาด้วยสีหน้า

ไม่ค่อยดีนัก

“ลุยซ์ นายไปจัดการกับ...เอ๊ะ...นั่นอะไร” ร็อบตะโกนบอก

มือขวาได้เท่านั้นก็ยืนงง เมื่อเห็นลุยซ์ถือกระเป๋าเข้ามาหน้ามุ่ย

“นั่นใช่กระเป๋าของดุจดาวที่เจ้าชายดิลฮามทรงบอกว่าเธอลืม

ทิ้งไว้หรือเปล่า แล้วนายหยิบมันมาทำไม”

“ดูแล้วน่าจะไม่ใช่ครับ อันนี้มันเป็นของปลอม ผมคิดว่าผู้หญิง

คนนั้นมีแผนเข้ามาขโมยกระเป๋าใบนี้มากกว่า เธออาจตามข่าวชุดมรกตที่

เจ้าชายทรงประมูลได้และมอบให้คุณดุจดาว และอาจทำกันเป็นขบวนการ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เรื่องนี้หนังสือพิมพ์ต่างๆ ออกข่าวกันครึกโครมมาก ผมมั่นใจว่ากระเป๋า

ต้องถูกสลับกันแน่ๆ ผู้หญิงคนนั้นเป็นโจรขโมยชุดมรกต!”

“ว่าไงนะ ผู้หญิงคนนั้นน่ะหรือเข้ามาขโมยกระเป๋าผู้หญิงของ

เจ้าชายดิลฮาม ฉันว่าไม่...”

ร็อบเอ่ยเท่านั้นก็หยุด เพราะไม่อยากให้ลุยซ์มองเขาว่าหลง

เสน่ห์แม่นั่นจนไม่เป็นตัวของตัวเอง หล่อนเป็นโจรและขึ้นมาขโมยของ

ที่เขาจะต้องเก็บเอาไว้ให้เจ้าชายดิลฮามสหายในกลุ่มจนกว่าจะพบกัน

อีกครั้ง

“บัดซบที่สุด! แล้วหล่อนรู้ได้ยังไง ว่าดุจดาวลืมมรกตไว้ที่

ห้องพักของฉัน”

“หล่อนรู้สิครับ หล่อนทำเป็นขบวนการ ไม่อย่างนั้นหล่อนจะ

ขึ้นมาในช่วงเวลาที่คาริเวียนนัดหมายเจ้านายได้ยังไง”

“งั้นอัลเฟโดกับคาริเวียนก็ต้องรู้เห็นเป็นใจด้วยสินะ”

ร็อบเอ่ยเสียงฉิว ไม่รู้ว่าประชดใคร ความโง่เง่าของตัวเอง หรือ

สายตาที่ไม่สามารถจับความเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้าซื่อๆ ตาใสๆ

คู่นั้นได้ ความเหลือเชื่อถูกแปรผันเป็นความโกรธขึ้นมาอีกครั้ง หล่อนใช้

ความบริสุทธิ์ทำให้เขาหลงกล และใช้น้ำตาท่าทางงี่เง่าทำให้เขาเอือมระอา

จากนั้นก็ฉกทรัพย์กันไปซึ่งๆ หน้าโดยที่ทีมบอดี้การ์ดของเขาก็ยังอยู่

น่ารังเกียจที่สุด! หล่อนทำให้เขารู้ซึ้งถึงคำว่าไอ้หน้าโง่เป็น

ครั้งแรกในชีวิตเลย

“หล่อนมาแบบมีแผน กระเป๋าใบนี้เหมือนกระเป๋าของคุณดุจดาว

มาก แต่ผมเคยซื้อสินค้าแบรนด์นี้ให้กับผู้หญิงของคุณร็อบบ่อยๆ เนื้อ

และการเย็บของมันไม่น่าจะใช่ของจริง และยังไปไม่ถึงคำว่าของก็อป

เกรดบีด้วยซ้ำไป ผมแค่สันนิษฐาน แต่ถ้าคุณร็อบอยากรู้ว่าจริงไหมก็

ลองเปิดดูด้านในเลยครับ”

จบคำนั้นร็อบก็รีบดึงกระเป๋าสีมอๆ มาดู และพอเปิดออกก็

เห็นแต่บัตรและเงินไม่เท่าไร อย่างไรมันก็ไม่ใช่กระเป๋าที่เจ้าชายดิลฮาม

สหายร่วมกลุ่มรับสั่งให้เก็บไว้แน่ๆ มันคือกระเป๋าคนละใบกับที่ผู้หญิง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คนโปรดของเจ้าชายดิลฮามลืมทิ้งไว้ขณะเสด็จมาเยี่ยมเยียนเขาถึงที่นี่

ก่อนจะเลยไปยังประเทศอังกฤษบ้านเกิดของมารดาเขา ร็อบมึนงงอยู่

สักครู่ก็ยื่นการ์ดแผ่นเล็กในมือส่งให้กับลุยซ์

“น่าแปลกใจมาก ถ้าหล่อนจะมาขโมยมรกตจริง ก็ต้องไม่ทิ้ง

หลักฐานอะไรไว้ให้เราติดตามตัวได้สิลุยซ์ แต่ทำไมหล่อนถึงมีหมายเลข

บัญชีให้โยงใยถึงกันได้ล่ะ เอาเป็นว่านายรีบไปตามหาผู้หญิงคนนั้นจาก

หมายเลขบัญชีนี้ก็แล้วกัน”

เอ่ยแล้วหน้าตึง เมื่อเห็นว่าลุยซ์อ่านข้อความที่โก่งราคาค่า

พรหมจรรย์อย่างสนอกสนใจ

“นายอย่าทำหน้าแบบนั้น ฉันสาบานได้นะลุยซ์ว่าฉันเห็น

ข้อความนี้ทีหลัง และฉันไม่นิยมซื้อขายพรหมจรรย์หรือนอนกับผู้หญิง

ที่จงใจมาขายเซ็กส์เกินไปแบบนี้ ตลอดเวลาฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่อัลเฟโด

แนะนำมา ฉันคิดว่าเธอคือคาริเวียน”

“ผมก็ยังสงสัย เพราะดูยังไงเธอก็ไม่เหมือนนางแบบ ถ้าเป็น

พวกนักร้องที่นิยมอวดสะโพก อก เอวน่ะพอไหว แต่ถึงยังไงก็เถอะ เธอ

น่าจะเป็นมือใหม่หัดขโมย หรือว่าโลภมากจนลืมตัว แรกคิดจะมาขโมย

มรกต พอเสียตัวก็อยากได้เงินขึ้นมา การ์ดนี้เธออาจเขียนขึ้นทีหลัง ตอนที่

เจ้านายหนีลงไปห้องฟิตเนสก็ได้”

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด คำพูดวิจารณ์หุ่นของแม่หัวขโมยสุดแสบ

ของลุยซ์จึงทำให้เขาอยากเตะอีกฝ่ายในบัดดล แต่พอเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้า

มึนงงไม่แพ้เขา จึงถอนใจและเอ่ยเสียงเคร่งเครียด

“ยังไงก็ต้องสืบสวน รีบไปตามหาตัวหล่อนมาก่อนเถอะ ชุดมรกต

ที่เจ้าชายประมูลมาน่ะ มันหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ฉันไม่อยากให้หล่อน

และพรรคพวกแจ้นเอาไปขายเสียก่อน”

ร็อบเอ่ยแล้วทำหน้าบึ้ง ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงหน้าตาบ้องแบ๊ว

ไร้พิษภัยจะมีพิษสงเยอะ ชนิดที่ไม่เคยมีสตรีใดทำกับเขามาก่อนเลย

ร่างที่นั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่ตรงมุมห้องยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ลวกๆ ดวงตาที่แดงช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเหลือบมองไปยัง

กระเป๋าราคาแพงที่เธอดันเซ่อซ่าหยิบผิดมาด้วยหัวใจที่หวาดหวั่น พิมพ์มาดา

ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าหากผู้ชายคนนั้นรู้ว่ากระเป๋าซึ่งบรรจุของมีค่าไว้ภายใน

หายมาพร้อมกับเธออะไรจะเกิดขึ้น และอะไรก็ไม่ทำให้เธอปากคอสั่น

เท่าสิ่งของด้านในที่เปิดเจอ ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเครื่องประดับชิ้นนั้นเป็น

ของจริง แล้วไหนยังกระเป๋าแบรนด์เนมที่ราคาประมาณตัวเลขห้าหลักยูโร

ที่เธอดันตาถั่วคว้ามาอีกเล่า

เวลานี้เธอได้ตกเป็นหัวขโมยของผู้ชายที่บาร์บารามารดาเลี้ยง

คิดจะทำธุรกิจร่วมกับเขาไปแล้ว และถ้าหากเขาเข้ามาเอาเรื่องในบริษัทนี้

เล่า เธอจะทำอย่างไร ยิ่งถ้ามารดาเลี้ยงล่วงรู้ว่าเธอแอบไปมีสัมพันธ์ที่

ลึกแบบสุดๆ กับหุ้นส่วนของตัวเองเล่า อีกฝ่ายจะดูหมิ่นเยาะเย้ยเธอมาก

ขนาดไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม ยิ่งหาทางออกให้กับตัวเองก็ยิ่งมืดแปดด้าน

พิมพ์มาดาจึงได้แต่จ้องกระเป๋าเจ้าปัญหาอย่างเลื่อนลอย ถ้าเธอบอกว่า

เธอหยิบกระเป๋ามาผิดใบล่ะ เขาจะเชื่อไหม แล้วนี่เธอจะเอากระเป๋าไปคืน

เขาอย่างไร ในเมื่อพิมพ์มาดาไม่กล้ากลับไปสู้หน้าผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว

เธอยังจำได้ดีว่าก่อนที่จะกลับมา เขาแสดงออกชัดว่าเบื่อหน่ายเธอ โดย

การหนีออกไปจากห้องก่อนที่เธอจะกลับด้วยซ้ำ

“อะไรนะ ขโมยหรือ ไม่จริง ที่นี่ไม่มีขโมย!”

เสียงโวยลั่นของมารดาเลี้ยงทำให้พิมพ์มาดาผุดลุกขึ้น แค่

คำว่าขโมยก็ทำเอาหัวใจของเธอพลิกคว่ำคะมำหงาย หญิงสาวเริ่ม

กระสับกระส่าย หันซ้ายหันขวา

“อย่าตุกติก! ถ้าแกไม่ใช่พวกมิจฉาชีพจริงอย่างที่ปากพูด

ก็ตอบคำถามมาสิว่า ทำไมถึงได้ให้นางโจรประสาทสั่นคนนั้นบุกขึ้นไปถึง

ห้องพักเจ้านายฉัน แถมยังเรียกร้องให้เจ้านายเราโอนเงินเข้าไปในบัญชี

ที่อยู่ในการ์ดใบนี้เพื่อเป็นค่าพรหมจรรย์อีก พวกแกทำแบบนี้ทำไม และ

เพราะอะไรเหตุการณ์ทุกๆ อย่างมันถึงได้ลงล็อกประจวบเหมาะกันไป

เสียหมด หากไม่มีการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด รีบไปสิ! ไปพาตัวนางโจร

คนนั้นออกมา และสารภาพมาให้หมดเปลือกซะ ว่ามีใครร่วมขบวนการ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กับพวกแกบ้าง และในบรรดาคนของเรา ใครที่มันเป็นไส้ศึกให้กับทาง

ฝ่ายของแกกัน รีบสารภาพมาซะดีๆ ไอ้พวกแก๊งต้มตุ๋น โทษหนักจะได้

กลายเป็นเบา”

ท่าทีคุกคามและการโยนการ์ดแผ่นเล็กใส่หน้าทำให้บาร์บารา

รีบกระโดดหลบ เรือนร่างสูงผอมยืนตัวเกร็งกำหมัดแน่น นัยน์ตาสีทอง

ออกเขียวขี้ม้าของอีกฝ่ายจ้องบอดี้การ์ดคนสนิทของร็อบอย่างเอาเรื่อง

“อย่ามากล่าวหาฉันพล่อยๆ นะ ไอ้การกระทำแบบนี้มันเรียก

ว่ามิจฉาชีพตรงไหน บริษัทฉันทำธุรกิจเป็นเพื่อนเที่ยว และพอฉันรู้ว่า

เศรษฐีติดอันดับโลกมาที่นี่ พักโรงแรมไหน ก็ส่งเด็กไปนำเสนอเพราะมัน

คือธุรกิจ อ๊ะๆ แล้วอย่าคิดว่าบริษัทฉันทำธุรกิจขายตัวนะ แค่เพื่อนเที่ยว

คู่เดตคลายเหงา ใครอยากมีอะไรเกินกว่านั้นก็ต้องคุยกันเอง แต่ที่ฉัน

นำเสนอไปในการ์ดและทิ้งเลขบัญชีไว้น่ะ ก็เพราะว่าแม่นั่นเป็นเด็กในบ้าน

ที่ฉันเลี้ยงมาเอง ฉันเสียเงินเสียทองให้เด็กนั่นไม่รู้จักเท่าไร พอถึงเวลา

ที่มันจะเสียพรหมจรรย์ ฉันก็ต้องมองหาคนที่มันถอนทุนคืนให้ฉันสิ

และฉันก็คิดคำนวณดูแล้วว่าจะนำเสนอผู้หญิงที่สะอาดเอี่ยมอ่องที่สุด

ให้กับคุณโรเบิร์ตเพลย์บอยชื่อดัง ซึ่งเป็นคนที่สมบูรณ์แบบและสมควร

ยกให้เป็นลูกค้าระดับวีไอพี จะส่งคนไปนำเสนอเจ้านายคุณทั้งที ก็ต้อง

เลือกคนที่มันพิเศษและเหมาะสมกับค่าตอบแทนแพงๆ หน่อย การ

นำเสนอแบบกล้าหาญและตรงไปตรงมาแบบนี้ มันเรียกว่ามิจฉาชีพ

ฉ้อโกงตรงไหนไม่ทราบฮ้า!”

เสียงแม่เลี้ยงดังได้เท่านั้นพิมพ์มาดาก็อ้าปากค้าง ร่างที่ยืนนิ่งงัน

ซวนเซไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงห้าวทุ้มที่คุ้นหูดังขึ้นมาบ้าง

“มิจฉาชีพตรงไหนน่ะเหรอ ก็ตรงคนที่เธอนำเสนอมาไม่ได้เอา

ไอ้เยื่อบางๆ มาประเคนให้ฉันแค่อย่างเดียวน่ะสิ และมันจะไม่มีปัญหา

อะไรเลย เธออาจได้ค่าตอบแทนอย่างที่เรียกร้องไปก็ได้ ถ้าหากว่าเธอ

คนนั้นไม่ได้หยิบของมีค่าที่อยู่ในห้องของฉันติดมือมาด้วย!”

“หยิบของมีค่าติดมือมา หมายความว่ายังไง แม่นั่นไปหยิบ

อะไรของคุณมา แม่ดารินนี่นะเป็นขโมย แม่นั่นมันโง่เง่า แล้วก็โลกสวย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จะตายไป มันกล้าทำแบบนั้นด้วยเหรอ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

“กล้าหรือไม่กล้าหล่อนก็ทำไปแล้ว”

เสียงที่ถกเถียงกันนั้นทำให้พิมพ์มาดาน้ำตาไหล ช็อกกับคำพูด

ของมารดาเลี้ยง

แบบนี้มันหมายความว่ายังไง

บาร์บาราจงใจส่งเธอไปขายตัวให้เขาอย่างนั้นหรือ มารดาเลี้ยง

ของเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน และไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกันอย่างที่บอกกับเธอ

พิมพ์มาดาหัวหมุนติ้วขนลุกเกรียวกับความใจร้ายของอีกฝ่าย หญิงสาว

น้ำตาไหล อาดูรกับความโง่เง่า อาการหน่วงและปวดหนึบจากการสูญเสีย

ให้กับผู้ชายคนนั้นแบบสดๆ ร้อนๆ มันตอกย้ำว่าสิ่งที่เธอเฝ้ารักษาไว้

ให้กับความรักที่อาจได้พบเจอเข้าสักวัน จะไม่มีวันหวนได้คืนกลับมาแล้ว

โง่จริง! เธอไม่คิดเลยว่าการที่มารดาเลี้ยงหอบหิ้วเธอติดมา

หลังจากบิดาอุปถัมภ์เสียชีวิตก็เพื่อถอนทุนคืนชุดใหญ่ในวันนี้ คิด

แต่เพียงว่าอีกฝ่ายเอาเธอมาปรนนิบัติและใช้สอยฟรีๆ โดยไม่ต้องจ่าย

ค่าตอบแทนอะไรไปวันๆ เพราะคิดง่ายๆ เลยไม่ทันระวังตัว ความ

เสียหายที่แสนจะยิ่งใหญ่หนนี้เลยถูกสองคนนั้นเอามาเป็นหัวข้อสนทนา

ที่ดุเดือดและน่าอับอาย แล้วต่อไปนี้เธอจะมองหน้าใครได้เต็มตาอีกเล่า

ดวงตาคู่สวยหม่นแสงได้ไม่นานก็ต้องตาเบิกกว้างอย่างขวัญหนี

อีกครั้งเมื่อเสียงข้างล่างดังขึ้นมาใหม่

“ไปพาผู้หญิงคนนั้นออกมา ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ของคืน พวกเธอ

ทั้งสองคนถูกจับยัดใส่ตะรางพร้อมกันแน่”

เสียงข่มขู่ที่เธอรู้ดีว่าเป็นใครทำให้พิมพ์มาดาตกใจกลัวสุดขีด

และเพราะความลนลานนี่เอง จึงเผลอปัดขวดเครื่องสำอางตกแตกเสียง

ดังสนั่น หญิงสาวปากคอสั่น เมื่อเสียงถกเถียงกันด้านล่างเงียบกริบ

“ผู้หญิงคนนั้นซ่อนตัวอยู่ห้องชั้นบนใช่ไหม”

เสียงดุดันที่ร้องถามเกือบเป็นคำรามและน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ดี

ว่าเขาพร้อมจะขย้ำเธอทุกเมื่อนั้น ทำให้พิมพ์มาดาหมุนคว้างกลางห้อง

และพอสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวปะทะเข้ากับหน้าต่างเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ก็เหมือนคนกำลังจมน้ำที่พบเจอชูชีพเข้า พิมพ์มาดาไม่รอช้ารีบถลาไปยัง

หน้าต่างที่อยู่เหนือผืนดินขึ้นมาถึงสองชั้นอย่างร้อนรน

“ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ใช่ขโมย และฉันจะไม่ยอมให้ใครมาจับฉัน

ไปเข้าคุกทั้งนั้น”

รำพันคนเดียวอย่างตื่นกลัว ใจก็สั่น ตัวก็สั่น จึงรีบหลับตาปี๋

แล้วปีนป่ายตะกายขึ้นไปยืนบนหน้าต่าง

ระตูที่ถูกทำลายลงเปิดกว้าง ผู้ที่ทยอยเข้ามาภายในห้อง

ต่างพากันยืนงงเมื่อเห็นแต่ความว่างเปล่า

“ปัดโธ่ หล่อนหนีไปจนได้” ร็อบสบถออกมาอย่างหัวเสีย

ตวัดสายตาไปยังสตรีร่างผอม แววตาละโมบที่กำลังก้มลงเก็บกระเป๋า

ราคาแพง

“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ นังนกแก้วปากแดงขี้ขโมย”

คนหัวเสียตวาดเสียงกร้าว และก็ได้ผลชะงัดเมื่อหญิงสูงวัยที่

อ้างตัวว่าเป็นผู้เลี้ยงดูแม่หัวขโมยพรหมจรรย์รีบหดมือหนีจากกระเป๋า

ราคาแพง

“แอนดรูว์ นายไปหยิบกระเป๋านั้นมา แล้วตรวจดูข้างในสิว่า

มีอะไรหายไปบ้าง”

บอกผู้ช่วยคนสนิทเสียงเข้มและอีกฝ่ายก็รีบสนองโดยการเดิน

ไปจ้องหน้าหญิงสูงวัยจอมเจ้าเล่ห์ด้วยสายตาตำหนิ แล้วหยิบกระเป๋า

ขึ้นมาเพื่อทำการสำรวจ และก่อนที่แอนดรูว์จะทำการตรวจสอบอะไร

ภายในนั้น เสียงของลุยซ์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“โอ๊ะ! เจ้านายครับ นั่นผู้หญิงคนนั้น เธอยังไม่ได้ไปไหน”

จบเสียงร้อง ดวงตาคู่คมที่ระอุไปด้วยความโกรธก็ตวัดมองไปยัง

หน้าต่าง แล้วเขาก็ต้องตกตะลึง เมื่อเห็นหล่อนยืนอยู่ตรงระเบียงโล่งเตียน

ที่ไม่มีแม้แต่ลูกกรงมาขวางกั้น ใจแกร่งเต้นรัว รู้สึกเหมือนมันจะหล่นตุ้บ

ลงไปกองแทบเท้า เมื่อเห็นร่างที่ตนเพิ่งแนบชิดในเวลาไม่ถึงยี่สิบชั่วโมง

ยืนเนื้อตัวสั่นแถมส่ายศีรษะรัวๆ ตาก็ค้างเบิกกว้างราวกับคนบ้า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 “อยู่ตรงนี้นี่เอง ยอมให้พวกเราจับเสียดีๆ แม่หัวขโมย”

ลุยซ์ร้องตวาดลั่น พร้อมเดินดุ่มๆ ไปยังหน้าต่างบานที่อยู่

ตรงกับระเบียง ขณะที่อีกฝ่ายยังปักหลักยืนอยู่ตำแหน่งเดิม อ้าปากค้าง

ส่ายศีรษะเร็วรัวมากกว่าเก่า หล่อนทำเหมือนตัวเองได้หลุดออกไปนอกโลก

เสียแล้ว ไม่รู้แม้กระทั่งการมาเยือนของพวกเขา

“ลุยซ์อย่า! หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

ร็อบสั่งเสียงเครียด รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของแม่หัวขโมย

พรหมจรรย์นั่นเสียแล้ว

“แต่ว่าหล่อนอาจจะหนีนะครับ เราต้องรีบเข้าไปชาร์จตัว ผมรู้

วิธีปะทะกับหัวขโมยพวกนี้ดี”

“หยุดออกความคิดเห็นเถอะ หล่อนไม่มีปัญญาหนีหรอก และ

ถ้าจะหนีคงไม่ปล่อยให้เราพูดเสียงดังตะโกนใส่กันแบบนี้หรอก การจัดการ

ผู้หญิงคนนั้นเป็นหน้าที่ของฉันคนเดียว!”

ร็อบกัดฟันสั่ง ขณะที่ลุยซ์ถอยออกมาด้วยสีหน้าเหมือนถูก

บังคับให้กินยาขม ร่างสูงรีบเดินไปหาแม่หัวขโมยจอมแสบ ใบหน้า

หล่อเหลาของเพลย์บอยหนุ่มเครียดมากขึ้น เมื่อเห็นว่าหล่อนยังอยู่ใน

อากัปกิริยาเดิม และทำอะไรซ้ำๆ กัน กระทั่งเขาเปิดหน้าต่างกว้างออกไป

หล่อนก็ยังหารู้สึกตัวไม่

“พิมพ์มาดา”

ร็อบพยายามเรียกชื่อไทยของหล่อนให้ชัดเจนที่สุด ซึ่งมันเป็น

เรื่องแปลกมาก ทั้งๆ ที่เขาพูดเองแท้ๆ ว่าชื่อหล่อนจำยาก แต่ก็ยังอุส่าห์

จำได้

“สวัสดี พิมพ์มาดา” เป็นอีกครั้งที่การสื่อสารล้มเหลว เขา

กัดฟันกรอด เมื่ออีกฝ่ายยังช็อกส่ายศีรษะอย่างเดียวราวกับตัวเองเป็น

เครื่องจักรกล “ดาริน ดาริน ดาริน”

เรียกไปแล้วต้องถอนใจเมื่อมันยังเป็นเหมือนเดิม สุดท้ายจึง

ตัดสินใจยื่นมือออกไปหา เท่านั้นแหละหล่อนก็หยุดและค่อยๆ หันมา

แต่พอเห็นหน้าเขาเท่านั้นก็อ้าปากกว้าง แล้วร้องวี้ดเสียงดัง จากนั้นก็

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เขยิบกายหนี

“หยุด! อย่าเขยิบ อย่าถอยหนีฉัน ไม่งั้นเธอจะตกลงไปนะ

ดาริน”

“ไม่นะ อย่าเข้ามา ฉันไม่อยากเข้าคุก ฉันไม่ได้ขโมยอะไร

ของคุณมาทั้งนั้น ฉันไม่รู้เรื่อง กระเป๋าใบนั้นมัน...ค...คะ...คือ...ฉัน

ไม่ได้ตั้งใจ”

อาการที่ไม่รู้จะเรียกว่าได้สติคืนมาหรือเสียสติมากกว่าเดิม

ทำให้ร็อบเครียดจัด เกิดมาเพิ่งเคยสัมผัสกับคำว่าทุกข์เพราะผู้หญิง

เป็นครั้งแรกเลยก็วันนี้ พอเห็นว่าหล่อนนิ่งก็รีบขยับเข้าหา แต่แล้วก็ต้อง

ตัวเกร็งหยุดหายใจชั่วขณะ เมื่อหล่อนกระเถิบหนีจนส้นเท้าไปเหยียบ

เข้ากับขอบระเบียงโล่งเตียนนั้น แล้วเสียงวี้ดลั่นเพราะความตระหนก

ตกใจของแม่หัวขโมยสาวก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าหล่อนกำลังฆ่าเขาให้

ตายทั้งเป็น ด้วยความหวาดกลัวและประสาทเสียของเจ้าหล่อนเอง

“โอ๊ะ! ไม่นะไม่”

ร็อบเริ่มประสาทสั่นตามไปด้วย ร่างสูงเพรียวรีบชูสองมือขึ้น

อย่างยอมแพ้ “ฉันหยุดแล้ว เห็นไหมว่าฉันยืนนิ่งไม่ขยับตัวเลยสักนิดเดียว

ได้โปรดอยู่เฉยๆ เถอะนะ อย่าเขยิบออกไปไหนอีก ข้างล่างนั่นไม่มีอะไร

มารองรับเธอเลยนะสาวน้อย ขอร้องละ ยืนเฉยๆ แค่หายใจแรงกว่านี้ก็

อย่าทำ!”

เขาพยายามปะเหลาะอีกฝ่ายเสียงนุ่มเบา และก็เหมือนจะได้ผล

คนที่ตื่นกลัวราวคนบ้าพยายามยืนนิ่ง มีช่วงหนึ่งกระแสทางสายตาที่ส่ง

มานั้นวิงวอนขอความเห็นใจ และมันก็ทำให้เขาใจอ่อนยวบ โยนเรื่องที่

หล่อนขโมยของทิ้งไปเสีย เหลือเพียงแต่ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่

เขาจะต้องช่วยเหลือ

“อย่าขยับนะดาริน ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด เธอเป็นโรคกลัวความสูง

ใช่ไหม”

ร็อบพยายามพูดกับคนที่น้ำตานองหน้าด้วยเสียงนุ่มเบา

“ฉัน...ฉัน...ฮือๆ มันสูงมากเลยค่ะ ฉันจะทำยังไงดี”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 “เขยิบเข้ามาสิมา ดูซ เดินเข้ามาหาฉัน”

ร็อบค่อยๆ ปลอบ สบตาที่หวาดกลัวนั้นอย่างเข้าใจ ค่อยๆ

ยื่นมือไปช้าๆ เห็นดวงตาที่ตื่นกลัวมองมือเขาอย่างลังเลว่าสมควรไว้ใจ

และรับความช่วยเหลือดีไหม

“ฉันไว้ใจได้นะ คิดสิว่าเราเป็นอะไรกัน ฉันทำรุนแรงกับเธอ

ไม่ได้หรอก จับมือฉันสิ เดี๋ยวฉันจะพาเธอกลับเข้ามาในห้องเอง”

“ค่ะ”

ในที่สุดพิมพ์มาดาก็ยอมรับ เสียงทุ้มของเขาราวกับมีมนตร์

สะกด มือบางคอยๆ ยื่นไปไขว่คว้ามือหนาที่อยู่ด้านในห้อง หญิงสาว

ถอนใจเฮือก พยายามไม่มองไปข้างล่าง ดวงตาที่ตื่นกลัวแสนเศร้าจ้อง

ไปยังมือที่รอรับอยู่ แต่ก่อนที่มันจะสัมผัสกันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“อย่าหลงกลเชียวนะนังโง่ เขาจะมาเอาแกไปเข้าคุก รีบสะบัด

ตูดและหนีไปให้ไกลเชียว ปีนไปห้องข้างๆ ปีนไปเรื่อยๆ แล้วค่อยหา

โอกาสหนี นังบ้าเอ๊ย! เมื่อไรแกจะหายตาขาว ไอ้อาการยืนเหนือความสูง

ระดับสี่ฟุตขึ้นไปแล้วประสาทเสียเหมือนคนบ้าแบบนี้ เมื่อไรมันจะ

อันตรธานหายไปจากชีวิตแกเสียที”

“หุบปากนะ! อย่ามายุ่งกับหล่อน ไม่อย่างนั้นฉันจะให้คนของ

ฉันจับแกหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วจับยัดใส่โถส้วมซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แก

มีสิทธิ์อะไรไปรบกวนสมาธิดาริน!”

ร็อบหัวเสียขึ้นมาทันที เมื่อแม่หัวขโมยที่ดันกลัวความสูงขึ้นสมอง

ถอยห่างจากเขา แล้วไปยืนตัวเกร็งขาสั่นเหมือนคนบ้าอยู่ตรงขอบระเบียง

ดังเดิม มันเกือบจะสำเร็จแล้วเชียว ถ้ายัยแก่ปากแดงนั่นไม่ขัดจังหวะ

เสียก่อน เขาสะอึก เมื่อจ้องไปในดวงตาสวยช้ำๆ ก็ได้เห็นว่าแววตา

อ้อนวอนน่าสงสารเมื่อครู่นี้เปลี่ยนเป็นไม่ไว้ใจดังเดิม

“ออกไปให้พ้นนะ คุณกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า”

นั่นแน่! แม้จะออกอาการกลัวเหมือนหมาตูบโดนตีเข้าที่กลาง

หลัง แต่เจ้าหล่อนก็ยังมีอารมณ์แผลงฤทธิ์ใส่เขาซะด้วย

“อย่าดื้อนะดาริน ฉันไม่ได้ขู่ แต่การที่เธอเดินหนีจากฉันมัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เป็นเรื่องที่โง่มาก ลองมองไปข้างล่างสิ คิดคำนวณให้ดีๆ ว่าถ้าเธอกระโดด

ลงไป มันจะเป็นยังไงบ้าง ตาย พิการ หัวสมองเละ”

ร็อบท้าทายเสียงเข้ม และอีกคนก็ได้คิด พิมพ์มาดาหน้าเจื่อน

และค่อยๆ ซีดเผือดลง เมื่อมองไปด้านล่างตามคำท้าทายของเขา

“ฉันกลัว” หล่อนโอดครวญ ขาสั่นระริก และอาการยืนเกร็ง

รอบสองทำให้ร็อบเสียงดุแกมบังคับอีกหน

“กลับเข้ามาเดี๋ยวนี้นะดาริน ส่วนเรื่องของที่เธอถือติดมือมาน่ะ

ถ้ามันยังอยู่ครบฉันจะไม่ส่งตัวเธอให้กับตำรวจแน่นอน อย่าคิดไปเองสิ

เธอยังไม่ได้ทำอะไรกับของชิ้นนั้นใช่ไหม”

เสียงเอ็ดนั้นทำให้คนช็อกสะดุ้ง หันมามองเขาอย่างค้นคว้า

“คุณพูดจริงนะคะ ว่าจะไม่จับฉันส่งตำรวจ”

“จริง!”

จะเพราะน้ำเสียง หรือท่าทางทระนงด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี

ก็ไม่ทราบ ทำให้พิมพ์มาดามั่นใจว่าเธอจะไม่ถูกเขาจับยัดใส่ตะรางแน่ๆ

หญิงสาวน้ำตาคลอ ยกมือป้ายน้ำตาราวกับเด็กเล็กๆ

“ฉันไม่ได้ขโมยมันมาจริงๆ นะคะ มันเป็นความผิดพลาด

คุณเคยบ้างไหมคะ ที่ทำอะไรผิดพลาดในวันเดียวกันทีละตั้งหลายๆ อย่าง”

ถามจบก็ช้อนตามองเขาอย่างขลาดกลัว เห็นดวงตาคู่นั้นจ้อง

เธอนิ่ง สักพักก็พยักหน้าช้าๆ

“เคยสิ แล้วก็ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย กลับเข้ามาเถอะนะ ในเมื่อ

เธอยืนยันว่าของยังอยู่ครบ ฉันจะทำอะไรเธอได้”

เสียงที่นุ่มนวลแกมสั่งและบังคับในทีทำให้พิมพ์มาดายิ้มอ่อนๆ

แล้วส่ายศีรษะช้าๆ ซึ่งเป็นกิริยาที่ร็อบไม่ค่อยจะเข้าใจนัก

“อย่าดื้อสิ ฉันก็บอกอยู่ว่าถ้าของยังอยู่ครบ ฉันจะไม่จับเธอ

ส่งตำรวจ”

“แต่ฉัน...”

พิมพ์มาดาเอ่ยได้เท่านั้นก็ส่ายศีรษะสับสนและยุ่งยากใจ ทำให้

เขาต้องมองเธออย่างพินิจพิจารณา เพียงเธอและเขาประสานสายตากัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นิ่งนาน พิมพ์มาดาก็หน้าร้อนเมื่อนึกถึงภาพความสัมพันธ์อันร้อนระอุ

สนิทชิดเชื้อ ประสบการณ์รักที่เขาสอนให้เธอรู้จักกับมันเป็นครั้งแรก

“มีปัญหาอะไรหรือดาริน กลับเข้ามาสิ คิดว่าฉันจะทำอะไร

รุนแรงกับเธอได้ ในเมื่อเรา...”

“นังโง่”

เสียงที่แทรกเข้ามานั้นทำให้ร็อบต้องหันไปมองมารดาเลี้ยง

อีกฝ่ายนัยน์ตาดุ และมันก็ได้ผลเมื่ออีกฝ่ายหลุบตาลง หยุดตะโกนด่า

แต่กระนั้นก็ยังมีเสียงเล็ดลอดออกมา

“แกจะยอมเดินเข้ามาให้เขาจับง่ายๆ แบบนั้นก็เชิญ อย่าคิด

ว่าแค่เคยนอนด้วยกันแล้วเขาจะเอาเรื่องแกไม่ได้ ผู้ชายที่มันมีอะไรกับ

ผู้หญิงมาเยอะแยะ เขาไม่สนใจเรื่องแบบนี้หรอก และถ้าแกต้องเข้า

ตะรางเมื่อไร อย่าให้การโยงใยมาถึงฉันเชียว เชิญแกติดคุกคนเดียว

ให้สบายเถอะ และถ้าซัดทอดมาถึงฉันเมื่อไร ฉันจะไม่ยกโทษให้แกไป

ตลอดชีวิต นังเนรคุณ!”

เสียงที่ตะโกนเพื่อปกป้องตัวเองนั้น ไม่อาจทำให้ร็อบถอนสายตา

จากคนที่กำลังกระสับกระส่าย แววตากลุ้มอกกลุ้มใจได้

“อย่าไปฟังหล่อน ของที่เธอหยิบมายังอยู่ครบใช่ไหม”

ถามย้ำไปอีกครั้ง ก็เห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารัวๆ อย่างมั่นอกมั่นใจ

“ถ้าอย่างนั้นจะกลัวอะไร กลับเข้ามาสิ ฉันไม่เอาเรื่อง”

“ฉัน...” พิมพ์มาดาลากเสียง แล้วมองไปยังลุยซ์ที่จ้องเธอ

หน้าบึ้ง พอเห็นอีกฝ่ายหันหน้าหนีจึงหันกลับไปมองผู้ชายที่พร่าพรหมจรรย์

ตนใบหน้าจ๋อยๆ

“ฉันกลัวค่ะ ตอนนี้ไม่กล้าขยับตัวไปไหนอีกแล้ว ถ้าคุณจะกรุณา

อีกสักครั้ง ช่วยบอกให้ผู้ชายคนนั้นพาฉันเข้าไปข้างในทีจะได้ไหมคะ”

หน้าซีดๆ และมือที่ชี้ไปทางลุยซ์ซึ่งมีสีหน้าบ่งบอกชัดว่าไม่ชอบ

และไม่อยากช่วยอีกฝ่ายเอาเสียเลยนั้นทำให้ร็อบถึงกับร้องคราง พอหัน

ไปเห็นคนอยู่ด้านนอกทำหน้าม่อย ก้มหน้าต่ำอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวก็

ถอนใจ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 “อย่าไปรบกวนเลย ลุยซ์เขาไม่มีอารมณ์จะช่วยเหลือเธอหรอก

คงต้องลำบากฉันนี่แหละ”

ร็อบกล่าวแล้วกระโดดลงไปเอง ทำให้ลุยซ์หน้าเจื่อน ความจริง

เขาก็ไม่ชอบแม่หัวขโมยจอมออเซาะนั่นจริงๆ นั่นแหละ แต่หากเจ้านาย

ออกปากมีหรือจะกล้าขัด ลุยซ์หน้าตึงมองไปยังร่างสูงของเจ้านายที่ไปหยุด

ตรงแม่หัวขโมยเจ้ามารยา เห็นแม่คนเจ้าเล่ห์นั้นช้อนตามองเจ้านายเขา

ด้วยนัยน์ตาที่ทำให้ดูน่าเวทนามากกว่าเก่า และตลอดเวลาที่เจ้าหล่อน

อยู่ในอ้อมกอดเจ้านาย เขาภาวนาขออย่าให้เจ้านายใจอ่อนไปกับแพขนตา

งอนๆ ที่กระพืออย่างพร้อมจะดูดทรัพย์เจ้านายได้ทุกเมื่อ ผู้หญิงคนนี้

เป็นสตรีที่มาพร้อมกับความวินาศสันตะโร แค่เจอวันแรกก็ขูดรีดเอาทรัพย์

แถมยังขโมยของ หากอยู่กับหล่อนล่วงเลยนานวันกว่านี้ เจ้านายเขาจะ

ต้องหมดตัวแน่ ลุยซ์ภาวนาอย่าให้เจ้านายสนใจหล่อน แต่ก็ต้องขัดใจ

เป็นรอบสอง เมื่อแม่ขโมยจอมออเซาะเข้ามาในห้องได้ก็ทำเนื้อตัวอ่อน

เหมือนจะล้มแหมะลงไป

“เธอโอเคนะ”

มือหนาของร็อบรั้งเอวเล็กเข้าหาตัว เพียงเห็นหน้าซีดและขา

สั่นๆ ของหล่อนก็ช้อนใบหน้าขึ้นมาจูบเรียกขวัญ ท่ามกลางใบหน้าบูดบึ้ง

ของลุยซ์ เขากล้าพนันกับลูกน้องทุกๆ คนของร็อบได้เลยว่า แม่หัวขโมยนั่น

จะไม่ได้รับโทษทัณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น แถมอนาคตจะมีลาภก้อนใหญ่มาประเคน

ให้ไม่ขาดอีกด้วย แล้วลุยซ์ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เมื่อเจ้านายถอนริมฝีปาก

จากอีกฝ่ายได้ แม่หัวขโมยตัวดีนั่นก็ผวากอดเจ้านายเขาแน่น แล้วซุกซบ

หาไออุ่นอย่างรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง ร้ายจริงๆ รู้เสียด้วยนะว่า

ผู้ชายจะใจอ่อนเวลาที่ถูกกอดและเล้าโลม

ร็อบต้องบ้าไปแล้ว ที่ยอมยื่นมือออกไปเพื่อฉุดงูเห่าตัวนั้น

เข้าหาตัว และลูบหัวลูบหางมันเพื่อแสดงถึงความเมตตาปรานี จะมี

งูเห่าตัวไหนกันที่มันเชื่อง และไม่หันมาแว้งกัดผู้มีคุณภายหลัง


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (23 รายการ)

www.batorastore.com © 2024