กับดักพรหมจรรย์ (แก้วชวาลา)

กับดักพรหมจรรย์ (แก้วชวาลา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786169062448
ผู้แต่ง: แก้วชวาลา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 289.00 บาท 72.25 บาท
ประหยัด: 216.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เรื่อง กับดักพรหมจรรย์ โดย แก้วชวาลา

“จะไปไหนล่ะ ผลงานที่แสดงความเป็นยอดหญิงของอรนี่ร้ายกาจชะมัด

พวกบอดี้การ์ดต้องรุมกันล้างแผลให้ผมกันใหญ่โตเชียว เห็นมือสวยๆ แบบนี้เถอะ ผ่าน

การฆ่าเชื้อมาหรือยังก็ไม่รู้

“ฉันขอให้คุณติดเชื้อโรคจากเล็บของฉัน และก็เป็นบาดทะยักเจ็บสาหัสไปเลย

ฮึ! คนบ้า ฉันต่างหากเล่า ที่ต้องกลัวติดเชื้อจากคุณ ก็คุณน่ะมั่วผู้หญิงมาเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้”

“ผมป้องกันทุกครั้ง”

“ป้องกันก็ดีแล้ว จะได้ไม่เป็นโรคตาย เมื่อหมดอะไรที่ต้องกังวลแล้ว คุณกับฉัน

ก็ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ซะ แล้วก็อย่าพยายามรื้อฟื้นอะไรอีก เพราะฉันเองก็ลืมมันไป

แล้วเหมือนกัน”

“ความจำสั้นดีเหลือเกินนะทูนหัว พวกโสเภณียังไม่ลืมอะไรง่ายๆ ขนาดนี้เลย”

“เอ๊ะ! คุณ ทำไมต้องต่อว่ากันด้วย ไม่ชอบหรือไง ที่ฉันจะไปให้พ้นทางคุณ

โดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าปลอบขวัญให้เปลือง!”

“บางทีการเรียกร้องอะไรเลย ก็ทำให้ผู้ชายรู้สึกผิด และอยากชดเชยได้

เหมือนกัน”

“ไม่ต้องมาแสดงความเป็นลูกผู้ชายอะไรทั้งนั้น ในเมื่อคุณไม่ใช่! และถ้าคุณ

กลัวว่าฉันจะจับคุณขึ้นมาจริงๆ ก็ขอให้สบายใจได้เลย เพราะฉันเปลี่ยนใจจากคุณตั้งแต่

วันที่เห็นลูคัสครั้งแรกแล้ว”

“มันจะมากไปแล้ว รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมาก เธอเป็นเมียฉันนะ “ แมทธิว

ตวาดเสียงกร้าว

“ทำไมจะไม่รู้ตัว ก็กำลังพูดความจริงไง ความจริงที่ว่าฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว

เพราธว่าฉันมีเป้าหมายที่ดีกว่า”

“ปากดีเหลือเกินนะอร แล้วเรามาดูกัน ว่าอรนน่ะ ไม่อยากได้ผมอย่างปากพูด

หรือเปล่า”

“จะทำอะไรน่ะ อย่าแตะต้องฉันอีกครั้งเชียวนะ อย่าบ้านะแมทธิว นี่มันห้องน้ำ

ในโรงแรมของคุณนะ!”

เอ่ยเสียงลั่น มือบางผลักร่างสูงออก เมื่อเขาใช้เข่าดันต้นขาเธอให้แยกจากกัน

“ถูกต้อง! นี่มันห้องน้ำของผม และคุณก็เป็นเมีย ผมมีสิทธิ์สั่งสอนเมียตัวเอง

ทุกที่ที่เป็นอาณาเขตของผม!”

 

 

บทนำ

หัวใจสั่น

มันเป็นวันโลกาวินาศของเธอเลยก็ว่าได้ แต่ถึงแม้ต้นไม้จะ

ตีลังกาชี้ขึ้นฟ้า หรือหนวดเต่าเขากระต่ายจะงอกออกมา เธอก็ต้องทำ

เธอต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ ไม่ว่าเอมอรจะชอบหรือไม่ชอบมันขนาดไหน

ก็ตาม ปลายจมูกโด่งเล็กโค้งสวยเป็นรูปหยดนํ้าเริ่มคันยิกๆ เมื่อเหงื่อ

ไหลมากระทบกับแป้งแต่งหน้าราคาแสนถูกที่หาซื้อได้ตามแผงตลาด

ในราคาไม่ถึงร้อยบาท ลิปสติกราคาไม่กี่สิบบาทที่เคลือบอยู่บนริมฝีปาก

เล็กบางกระจับจิ้มลิ้มค่อยๆ ลบเลือน เหลือไว้เพียงสีชมพูจางๆ ตาม

ธรรมชาติ

เจ้าของดวงตากลมโตเบิ่งกว้างอย่างตื่นตระหนก เมื่อมอง

ขึ้นไปบนเวทีที่มีแต่สปอตไลต์ เธอเกลียดแสงของมันที่พุ่งแปลบเข้าตา

ไอ้แสงบ้าๆ ที่มีกำบังขาวเหลี่ยมใหญ่โตราวจานดาวเทียมนั้นเหมือน

 

 

กำลังเย้ยหยันเธอว่า ไม่มีทางที่เอมอรจะทำได้หรอก เธอสมควรกลับไป

เป็นนางก้นครัว ปั้นลูกชุบ ทำขนมชั้น ทองหยิบ ทองหยอด หรืองานอะไร

ก็ได้ที่ทั้งปีทั้งชาติก็ไม่มีทางรวบรวมเงินมาจ่ายค่าเทอมให้น้องสาววัยรุ่น

ที่ทุรนทุรายเจียนจะคลั่งตายเพื่อให้หญิงสาวส่งตัวเข้าไปเรียนใน

มหาวิทยาลัยอินเตอร์ให้ได้

ก็จะทำไงได้ล่ะ ในเมื่ออลิษาน้องสาวของเอมอรไม่สามารถ

สอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้นี่นา ดวงตาคู่สวยหม่นวูบ เจ้าของขนตา

งอนยาวเป็นแพหลุบตาลงอย่างสลดใจ ไม่ต่างอะไรกับนกยูงรำแพน

ปีกหัก เมื่อปรียานุชหรือพี่นุชเจ้าของโมเดลลิงเอื้อมมือมาบีบต้นแขนตน

เป็นเชิงเตือน

“อย่าทำตาโต ปากสั่นแบบนั้นสิอร ความมั่นใจมีผลต่อการคัดตัว

ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์เชียวนะ”

แต่อรไม่เคย....”

อํ้าอึ้งบอกพี่เลี้ยง ใบหน้าเรียวรูปไข่ก้มลงมองตัวเองแล้วกลืน

นํ้าลายเอื๊อก นวลแก้มแดงปลั่งเมื่อก้มลงเห็นหน้าอกหน้าใจของตน

ทะลักออกมาจากผ้าซาตินน้อยชิ้นที่โอบรัดเฉพาะจุดนั้นเพียงจุดเดียว

ชุดบ้านี่ทำให้เธอไปไหนไม่เป็นเอาเสียเลย การใส่ชุดแบบนี้ทำให้เอมอร

รู้สึกไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่มีเพียงใบไม้มาปิดป้องของสงวน

กันอุจาดตา เธอไม่ควรอยู่ในชุดน้อยชิ้นท่ามกลางแสงไฟและสายตา

ของผู้คนมากมายขนาดนี้ และสำคัญที่สุด แต่ละคนล้วนเป็นคนที่เธอ

ไม่รู้จักทั้งสิ้น

“กางเกงตัวนี้มันไม่ต่างอะไรกับกางเกงชั้นในเลยนะคะพี่นุช

อรรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนแก้ผ้าต่อหน้าฝูงชนมากเข้าไปทุกที...”

บอกพี่เลี้ยงเสียงสั่นนํ้าตาคลอ เลยถูกขึงตาใส่ หญิงสาวตัวงอ

ความมั่นใจหดหายมากยิ่งขึ้น เมื่อไม่ได้รับรอยยิ้มปลอบประโลมจาก

พี่เลี้ยงของตนเหมือนทุกครั้ง มือบางยกขึ้นปิดช่วงเอวเปล่าเปลือยโค้งเว้า

เนียนสวยอย่างอับอาย เหงื่อผุดมากขึ้นทุกวินาที อึดใจต่อมาก็ได้ยิน

เสียงพี่เลี้ยงถอนใจ

 

 

“อย่าถอดใจวินาทีสุดท้ายแบบนี้เชียวนะอร เงินน่ะอยากได้ไหม”

ปรียานุชเสียงเขียว ส่ายศีรษะช้าๆ

“งานใหญ่ๆ น่ะถ้าเราทำไม่ได้ชีวิตนี้มันก็อยู่แค่พริตตี้ขายกาแฟ

นํ้าผลไม้ ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ที่ได้เงินวันละไม่เต็มพันบาทดี พี่ขอ

เตือนเอาไว้เลยนะ อรอย่าปอดแหกแล้วเตลิดกลับบ้านตอนนี้เป็นอันขาด”

ปรียานุชเอ่ยพร้อมจ้องเด็กในความดูแลของตนอย่างกำราบ

“ไอ้งานค่าจ้างถูกๆ ที่อรโหมทำจนตัวจะตายอยู่ในเวลานี้น่ะ

มันไม่พอให้อรเอาไปจ่ายเป็นค่าเทอมให้น้องสาวที่แสนจะโง่เง่าแต่อยาก

เรียนมหาวิทยาลัยอินเตอร์ของเอกชนดังๆ หรอกนะ”

“แต่ว่าษาเขาน่าสงสารมากเลยนะคะพี่นุช เขาสอบไม่ติด แล้ว

พ่อแม่ก็อยากให้เขาเรียนต่อ อรต้องดูแลน้อง ษายังเด็กเหลือเกิน”

“ย่ะ!” ปรียานุชขานรับเสียงฉิว ขว้างค้อนใส่ปะหลับปะเหลือก

“และที่สาวน้อยวัย 18 ปี ผู้แสนจะน่าสงสารของอร มันสอบไม่ติด

น่ะ ก็เพราะวันๆ มันมัวแต่ไปขลุกอยู่กับผู้ชาย จนจบหลักสูตรโทต๊อง

ท้องโต ถึงขั้นต้องวิ่งโร่ไปรีดลูกออกตามคลินิกเถื่อน แต่เผอิญโชคมัน

ไม่ค่อยดีเท่าไร หรืออาจจะเป็นปีชงของคลินิกนั้นก็ไม่รู้สิ เพราะตำรวจ

ดันบุกไปจับทั้งคนทำและคนท้องเข้าพอดี”

ปรียานุชเน้นเสียงหนัก มองเอมอรอย่างตอกยํ้า เห็นอีกฝ่าย

หน้าเจื่อน แต่หล่อนมันเบรกแตกซะแล้ว ก็ทำยังไงได้ล่ะ ปรียานุชไม่ชอบ

เด็กใจแตก จึงไม่เห็นแก่หน้าใครคนไหนเลย

“ดีเท่าไรแล้วว่าเขายังเมตตาให้มันเอาถุงกล้วยแขกคลุมหน้า

โผล่ให้เห็นแค่ลูกตา ตอนเอารูปไปลงหนังสือพิมพ์ ออกสื่อทีวีของ

ทุกเครือข่ายในประเทศไทยน่ะ แต่เอ๊ะ! หรือว่าภาพเด็กนั่นจะไปปรากฏ

ตามสำนักข่าวต่างประเทศด้วยนะ ก็ข่าวนั่นมันดังออกจะตายไป” ปรียานุช

เอ่ยหน้าบึ้ง แล้วถอนใจ

“จะยังไงก็แล้วแต่เถอะ อย่าให้มีหน้าพี่ติดไปด้วยก็แล้วกัน นี่ถ้า

พี่ไม่เห็นแก่อรนะ จ้างให้ก็ไม่เดินเรื่องให้เปลืองตัวเปลืองตังค์เป็นอันขาด!”

“พี่นุช!” เอมอรผงะ จ้องพี่เลี้ยงตาวาววับด้วยนํ้าตา แต่ริมฝีปาก

 

 

คู่งามกลับปิดสนิท

ก็จะทำยังไงได้ล่ะ เธอดูแลน้องไม่ดี เธอขอโทษตัวเองสถานเดียว

ไม่ขอโทษใคร

แม้ปรียานุชจะดุเธอ พูดจาโหดร้ายกับเอมอรขนาดไหน แต่

สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือพี่นุชช่วยเธอ หากไม่ได้เจ้าของโมเดลลิง

หรืออีกนัยหนึ่งก็คือญาติสนิทของเพื่อนรักที่ฝากฝังเธอไว้กับปรียานุช

ก่อนเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ช่วยวิ่งเต้นเรื่องอลิษาแล้วละก็

ป่านนี้เรื่องน่าอับอายคงรู้ไปถึงหูบิดามารดาที่อยู่ต่างจังหวัดเป็นที่เรียบร้อย

และท่านคงรับไม่ได้แน่ กับเสียงติฉินนินทาของผู้คนในละแวกบ้าน

สุดท้ายหญิงสาวก็จะถูกตำหนิว่าดูแลน้องไม่ดี ไม่สมกับที่ท่านไว้ใจ

ฝากฝัง

“อรขอบคุณพี่นุชมากค่ะ ที่ช่วยวิ่งเต้นเรื่องยัยษาให้ อรสัญญา

ว่าจะหาเงินมาใช้คืนพี่ให้หมด ขอเวลาอรอีกนิดนะคะ” เอ่ยออกไป

เสียงขื่น เห็นสีหน้ายักษ์ขมูขีของพี่เลี้ยงอ่อนลง มือที่กำรอบแขนเธอ

อย่างไม่ได้ดังใจนั้นก็ค่อยๆ คลายออก

“เรื่องนั้นพี่ไม่รีบหรอก พี่เคยเร่งรัดอะไรอรหรอ” ปรียานุชเปลี่ยน

นํ้าเสียงเป็นอ่อนโยนลงอย่างไม่น่าเชื่อ ส่งกระแสเวทนามาให้แวบหนึ่ง

ก่อนจ้องหน้าจริงจัง

“เรื่องเงินเอาไว้คุยกันเวลาอื่นเถอะ เอาสถานการณ์ตรงหน้านี้

ให้ได้ก่อน นี่มันคืองานนะอร การที่อรต้องแต่งตัวแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า

อรเป็นผู้หญิงขายตัว เป็นคนไม่ดี เราแค่มาแคสติ้งงาน” ปรียานุชเอ่ยเน้น

แล้วถอนใจเบาๆ “ไม่เคยได้ยินหรือไงที่เขาพูดกันว่า ผู้หญิงจะสวยที่สุด

มั่นใจสุดๆ ก็เวลาใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นนี่แหละ”

“เฮ้อ! แต่คำพูดนี้มันคงใช้ไม่ได้ผลกับอรหรอกค่ะพี่นุช” เอมอร

ทำหน้าเหย กลอกตาไปมา “ตอนนี้นะแค่คิดว่าจะเอาขาข้างไหนก้าวเท้า

เดินออกไปก่อน ก็ยังคิดไม่ออกเลย”

เอมอรพึมพำ โน้มกายลงมองกางเกงแนบสะโพกสั้นจู๋สีเนื้อ

เรียบแนบเนียนไปกับขายาวเรียวงาม จนดูแทบไม่ออกว่าอันไหนผิวเนื้อ

 

 

และอันไหนคือสีของกางเกงกันแน่ หญิงสาวรู้สึกเหมือนว่ากำลังยืนแก้ผ้า

ล่อนจ้อนมากเข้าไปทุกที แล้วถ้าหากถึงคิวหญิงสาวขึ้นไปยืนบนเวทีที่

มีแต่สปอตไลต์ส่องแสงแปลบปลาบเหมือนจะเข่นฆ่ากันจากทุกทิศละก็

เอมอรไม่อยากคิดเลยว่า มันจะเหมือนการยืนแก้ผ้าท่ามกลางแสงไฟ

และผู้คนที่เข้ามาดูการแคสติ้งมากขนาดไหน

“งานนี้พวกผู้บริหารลงทุนมาดูเอง และสำคัญที่สุด แมทธิว เลอร์วาร์ด

นายจ้างของงานนี้ก็มาถึงแล้ว”

“ท...ทะ...ทำไมเขาต้องมาล่ะคะ เขาเป็นเจ้าพ่อ เป็นเจ้าของ

เรือกาสิโน เขาไม่ดูแลงานของเขาหรือคะ ก็ผู้บริหารระดับสูงอย่าง

คุณรังสิมัน เลอร์วาร์ด ลูกผู้พี่ของเขาก็ลงมาดูงานให้แล้ว”

เอมอรเอ่ยอย่างใจฝ่อ บังคับตนไม่ให้หันไปมองใครทั้งสิ้น รู้

ก็แต่ว่าเขามาแล้ว แต่ไม่รู้หรอกว่า แมทธิว เลอร์วาร์ดไปยืนอยู่ตรงไหน

เพราะในสตูดิโอแห่งนี้มันปิดไฟมืดไปหมด มีเพียงแสงไฟจากเวทีและ

โต๊ะของกรรมการผู้ตัดสิน ซึ่งวันนี้มีแต่ผู้บริหารระดับพี่บิ๊กเบิ้มเท่านั้น

เธอยังไม่เห็นเขา และก็ดีที่ไม่เห็นด้วย เพราะหญิงสาวไม่อยากประหม่า

หรือเกร็งกลัวอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว

“แหม เขาก็ต้องมาสิจ๊ะ พี่ได้ข่าวมาว่าไอ้เรือกาสิโนลำที่เขาจะ

ทำโฆษณาในนามเรือสุดสำราญลำนี้น่ะ ทุ่มทุนสร้างไปเกือบพันล้าน

เชียวนะ แล้วกว่าจะวิ่งเต้นให้มันลอยลำอยู่กลางทะเลระหว่างฝั่งชายแดนไทย

และเพื่อนบ้านของเราได้อีกล่ะ ไม่รู้ลงทุนไปอีกเท่าไร มันเป็นสถานเริงรมย์

ชั้นยอดเชียว ใหญ่โตพอๆ กับเรือไททานิค ข้างล่างเป็นสวรรค์ของชนชั้นกลาง

ส่วนข้างบนเป็นสวรรค์ของบรรดาเซเลบไฮโซ มีอาหารจากฝีมือกุ๊กเกือบ

ทุกทวีปมาคอยบริการ”

ปรียานุชเอ่ยเท่านั้นก็งึมงำเสียงจิ๊กจั๊กหงุดหงิด ก่อนหันไปจ้อง

เอมอรอย่างเข่นเขี้ยวแกมหมายมาดปะปนคาดหวังนิดๆ

“ที่สำคัญนะอร นางแบบสาวทั้งสามคนที่ถูกคัดเลือกให้เป็น

พรีเซนเตอร์โฆษณางานชิ้นนี้จะถูกเผยแพร่ภาพการแสดงไปทั่วทุกมุมโลก

บุญแท้ๆ เชียวที่แมทธิว เลอร์วาร์ดประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่าเขา

 

 

ต้องการผู้หญิงไทย”

“ก็แม่เขาเป็นคนไทยนี่คะ”

เอมอรพึมพำ แม้แมทธิว เลอร์วาร์ดจะไม่ได้ลงหลักปักฐาน

ทำงานอยู่เมืองไทย แต่เธอก็พอจะทราบข่าวคาวที่ฉาวโฉ่ รวมทั้งประวัติ

ของมาเฟียมหาเศรษฐีหนุ่ม ผู้มีชีวิตสุขล้นปานเทวดาผู้นี้ดีเชียว ช่วงที่

เขาแยกตัวออกมาจากไมค์ เลอร์วาร์ด เพื่อบริหารงานลำพัง แมทธิวมัก

จะมีข่าวกุ๊กกิ๊กกับพวกดารานางแบบชาวไทยอยู่บ่อยๆ เธอเคยเห็นหน้า

เขาปรากฏหราอยู่บนหนังสือพิมพ์ครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งงานวิวาห์แสนหวาน

ของรังสิมัน เลอร์วาร์ด เจ้าพ่อสื่อบันเทิงคนดังลูกผู้พี่ของเขา

รังสิมันผู้ซึ่งมีแววว่าจะเป็นเจ้าบ่าวที่หน้าแตกยับกลางงานวิวาห์

เนื่องด้วยเจ้าสาวของเขาไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่า ตัวเองถูกหลอกให้ไป

แต่งงานด้วย ดีแต่ว่าทั้งสองมีหัวใจที่ตรงกัน ทุกอย่างเลยราบรื่นและได้

ครองคู่กัน ปัจจุบันทั้งสองคนมีผลผลิตแห่งรักแท้ด้วยกันแล้วถึง 3 คน

ในพิธีวิวาห์นั้นใบหน้าของแมทธิว เลอร์วาร์ด ถูกกล่าวถึงตามหน้าหนังสือพิมพ์

ทุกฉบับ ในฐานะเจ้าพ่อกาสิโนหนุ่มโสด รูปหล่อ อภิมหาเศรษฐีผู้เลิศลํ้า

หรูเลิศ สมควรอย่างยิ่งแก่การไขว่คว้า

แรกนั้นเอมอรก็ติดใจสงสัยบ้าง เธอคิดว่าผู้ชายเย็นชา บุคลิก

ปานนํ้าแข็งขั้วโลกและดูน่ากลัวอย่างรังสิมันต่างหากเล่า ที่เหมาะสมกับ

การเป็นมาเฟียอย่างแท้จริง หาใช่บุรุษที่มีใบหน้าขาวผ่อง แววตาออก

หวานเยิ้มแบบนั้น แต่หลังจากที่ได้อ่านสรรพคุณพ่วงท้าย เอมอรก็ชัก

ไม่แน่ใจเสียแล้ว แมทธิว เลอร์วาร์ดเคยเป็นแชมป์ยิงปืน อีกทั้งยังเคย

ขึ้นชกการกุศลและชนะเลิศมาแล้วด้วย ไม่มีสถิติของการพ่ายแพ้ปรากฏ

ให้เห็นเลย แถมยังโดดเด่นในเชิงกีฬาประเภทยูโดและเทควันโดอีกต่างหาก

คิดถึงคุณสมบัติของผู้ว่าจ้างงานโฆษณาชิ้นนี้แล้ว ก็ต้องทำตาปริบๆ

เมื่อเสียงของปรียานุชดังมาอีกหน

“อืม แม่เขาเป็นคนไทย และลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ได้เมียไทย

ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเสือสิ้นลายไปแล้ว แต่ตัวเขาเองน่ะคงยาก ทั้งนางแบบเอย

นางร้ายเอย นางเอกเอย นักร้องก็แล้ว ควงกันจนมั่วไปหมด ไม่เห็นจะ

 

 

เอาจริงสักราย เห็นหน้าตาเหมือนเทพบุตรสุดแสนดีแบบนี้เถอะ ก็เจ้าชู้

ร้าย ลื่นเป็นปลาไหลเหมือนกันนะ”

เสียงนินทาที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ตามภาษาคนโผงผางนั้น ทำให้เอมอร

ต้องกระแอมเบาๆ ใบหน้าเรียวรูปไข่ก้มต่ำลงช้าๆ พลางพึมพำเบาๆ ให้

ได้ยินกันแค่สองคน

“ถ้าเขารู้ว่าเรานินทาเขาอยู่ ต้องไม่ชอบใจแน่ๆ”

“แหม ก็จะทำไงได้ล่ะ พี่แค่อยากให้เธอลืมไอ้กางเกงบ้าๆ ที่

ทำให้เธอสติแตกนั่นไปซะ”

ปรียานุชบอกแล้วไหวไหล่ ก่อนจะก้มลงมองไปยังขานวลเนียน

ดังประติมากรรมสลักเสลา เอมอรจะรู้ไหมนะว่าตัวเองมีขาที่เรียว

สวยมาก สวยชนิดเอาไปโฆษณาถุงน่องเรียกเงินจำนวนหกหลักได้สบาย

ความจริงแล้วผู้หญิงคนนี้สวยและน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ ถ้าหากไม่มี

น้องสาวใจแตกไร้สมองที่คอยแต่จะสูบเลือดสูบเนื้อ เด็กเหลวไหลคนนั้น

มันไม่ได้สูบเงินแค่อย่างเดียวหรอก แต่มันเอาเงินไปปรนเปรอผู้ชายที่

เสเพลเหมือนกับมันด้วย ไอ้หนุ่มน้อยสูงชะลูดหุ่นก้างปลาที่ชอบขี่รถซิ่ง

เสียงดังบาดแก้วหู ท้าทายสิบล้อและคุกตะรางในเวลาค่ำมืดนี่แหละ

คิดถึงเรื่องน้องสาวของเอมอรแล้วปรียานุชถึงกับส่ายศีรษะ

เฮ้อ! อย่างเอมอรนี้เขาเรียกว่าพี่สาวรังแกฉันจริงๆ รักและตามใจน้อง

ในทางที่ผิด แล้วปรียานุชก็เป็นอะไรไม่รู้สิ ทิ้งขว้างคนไม่ได้ดังใจอย่าง

เพื่อนสนิทของญาติสาวไม่ได้สักที ต้องคอยสนับสนุนจุนเจือ หางานให้

เด็กมันมีเงินให้น้องสาวล้างผลาญตลอดเวลา โลกไม่ยุติธรรมเลยที่คนดี

คนฉลาดต้องตกเป็นเหยื่อของคนเจ้าเล่ห์และเห็นแก่ตัวแบบนั้น

ปรียานุชไม่อยากว่าเอมอรโง่ เพราะเด็กคนนี้ไม่โง่เลย ระดับ

เกียรตินิยม ขยันทำงาน คล่องแคล่ว มีไหวพริบดี เสียอย่างเดียวรักน้อง

มากเกินไป รักจนกลายเป็นพี่สาวรังแกฉันอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งเอมอรเห็นใจ

ตามใจ ดิ้นรนเพื่อน้องเท่าไร อลิษาก็ยิ่งเหลวไหล แย่ลงทุกที ไม่ยอมก้ม

ลงมองความทุกข์ร้อนของใครเลย

“อะแฮ่ม! นางเอกของโฆษณาชิ้นนี้จะได้ค่าตัวเจ็ดหลัก

 

 

ตัวประกอบทั้งสองคนได้แค่ 5 หลัก ซึ่งแน่นอนตัวประกอบของงานนี้

ไม่ใช่ทางเลือกของอรสักเท่าไร เพราะว่ามันไม่พอจ่ายค่าเทอมให้กับ

มหาวิทยาลัยอินเตอร์ของยัยษา” เน้นเสียงเป็นนัยๆ เห็นเจ้าของดวงหน้า

เรียวงามขมวดคิ้วมุ่น

“ภาษายัยษาน่ะห่วยแตกมาก คงต้องเตรียมเงินไว้สำหรับ

เรียนภาษาเพิ่มเติมก่อนมหาวิทยาลัยเปิดด้วย อย่าลืมสิ! มหาวิทยาลัย

นั้นเขาไม่พูดภาษาไทยกันเลย แล้วตัวยัยษาเองน่ะ แค่ร้องหาข้าวกิน

เป็นภาษาอังกฤษยังทำไม่ได้ ถ้าไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษไปก่อน ถึง

พี่สาวมันจะหาเงินค่าเทอมมาถวายให้มันได้จริง แต่การไปนั่งเรียนกับ

พวกนักศึกษาหัวทองหัวแดงน่ะ มันคงทำตัวดีๆ ได้แค่สามวัน ก่อนจะชิ่ง

หนีไปซ้อนท้ายหนุ่มน้อยหุ่นก้างปลา เพื่อให้เขาทำให้มันท้อง แล้วหนีไป

ทำแท้งอีก”

คำพูดตรงๆ แต่เป็นจริงทุกถ้อยคำนั้น ทำให้เอมอรใจกระตุก

นัยน์ตากลมโตสวยลํ้าลึกหม่นวูบลง ตอบกลับไปเบาๆ ด้วยนํ้าเสียงที่

แหบพร่า

“เป็นความผิดของอรเองค่ะ ยัยษาบอกเขาอยากเรียนรู้ อยาก

เก่งภาษาอังกฤษ เขาเคยนั่งนิ่งๆ ให้โอกาสอรสอนเขาแล้ว แต่อรเป็น

ครูสอนภาษาอังกฤษที่ไม่เอาไหนเลย ทั้งๆ ที่ได้คะแนนเต็มมาตลอด แต่

กลับสื่อสารให้น้องสาวตัวเองเข้าใจในสิ่งที่เรียนมาไม่ได้เลยสักหน”

“ฮึ! มันขี้เกียจน่ะสิ เมื่อไรอรจะฉลาดแล้วยอมรับว่าน้องสาว

ตัวเองเป็นเด็กที่แย่มากได้เสียที อรน่ะหรือสอนไม่เข้าใจ มันงอแงเจ้าเล่ห์ ์

หาเรื่องไม่ยอมเรียนซะมากกว่า นี่ถ้าหากหาเงินให้มันไปเรียนพิเศษได้จริง

ไม่รู้ว่ามันจะเปิดประเด็นเอาอะไรมาอ้างเพื่อที่จะไม่ต้องไปนั่งเรียนอีก”

“เฮ้อ! พี่สาวที่ทำงานกลับบ้านมืดๆ ค่ำๆ เสาร์-อาทิตย์ก็รับ

งานพิเศษมาทำ ไม่มีเวลาให้น้องเลย จะไปตำหนิกันมากก็ไม่ได้หรอกค่ะ

เมื่อน้องเราล้ม อรมันไม่ดีเอง ทำแต่งาน งาน งาน จนไม่มีเวลาให้น้องสาว

เลย ยัยษาก็เลยเป็นเด็กค่อนข้างมีปัญหาแบบนี้”

เสียงเอ่ยเบาๆ แต่ชัดเจนอย่างผู้ดีแท้นั้น ทำให้ปรียานุชต้อง

 

 

 

กลอกตาไปมา วาดมือไปกลางอากาศอย่างสุดทน

“มันไม่ใช่ค่อนข้างมีปัญหาหรอก แต่น้องของอรนี่มันมีปัญหา

มากเกินผู้เกินคนเขาเชียวล่ะ บางทีพี่ก็อยากนะ อยากให้ใครมาเปิดตา

เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าเปิดกะโหลกของอรให้รู้ซึ้งถึงการรักน้องอย่าง

ถูกต้องซะที” ปรียานุชเอ่ยแล้วถอนใจ

“น้องผิด อรก็รีบโทษตัวเองซะทุกครั้งไป แบบนี้ยัยษามันก็เลย

กลายเป็นนางฟ้านางสวรรค์ไป แตะนิดก็จะแตกร้าว โดนหน่อยก็จะ

บุบสลาย นี่ถ้าอรถอยออกมามองดูอยู่ห่างๆ มองดูอย่างจริงจังแล้วละก็

อรจะรู้ดีเชียวล่ะ ว่ายัยษาน่ะมันกร้านและแกร่งกว่าอรมากทีเดียว

ประสบการณ์ชีวิตมันแก่เกินอรไปเกือบร้อยปีโน่นกระมัง”

ปรียานุชเอ่ยเสียงกระแทกแดกดันในตอนท้าย ก่อนจะหันไปที่

เอมอรตาขวาง

“เอาเถอะ เธอจะเลี้ยงน้องยังไงก็เลี้ยงไป แต่พี่สัญญาได้อย่างหนึ่ง

ว่าจะป้อนงานให้เธอไปอย่างนี้แหละ จะไม่ยอมให้เธอตกงาน และไม่เอา

เธอไปเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกๆ ที่กำลังจะกลายเป็นวัยรุ่นของพี่แน่นอน เพราะ

พี่เห็นแล้วล่ะว่าเธอเป็นพี่เลี้ยงเด็กวัยรุ่นที่ห่วยขนาดไหน”

ปรียานุชเอ่ยได้เท่านั้นก็ชะงัก เมื่อเสียงเอ่ยเบาๆ อย่างผู้ดีแท้

แทรกขึ้นมา พร้อมสายตาระส่ำระสายที่กลับคืนมาอีกครั้ง

“อีกไม่กี่วินาทีก็จะถึงคิวอรแคสติ้งแล้วค่ะ”

“ให้ตาย!” ปรียานุชยกมือตบอก เผลออุทานออกมาอย่างเพิ่ง

นึกได้ ก่อนจะหันไปจ้องหน้านวลเนียนจริงจัง จากนั้นก็พึมพำเสียงเบาๆ

เหมือนพระสวด

“หน้าเราจะต้องจืดเกินไปแน่เลยยัยอรเอ๊ย ถ้าขึ้นไปเดินบนเวที

นั่น ทำไมพี่ถึงลืมแต่งหน้าให้อรนะ แล้วนี่ใช้เครื่องสำอางบ้าบออะไร

ทำไมมันถึงได้จางไวขนาดนี้”

“มันไม่มียี่ห้ออะไรหรอกค่ะ เห็นที่แผงตลาดราคาถูกดี อรก็

เลยซื้อมาเก็บไว้ เผื่อถึงคราวจำเป็นต้องใช้”

เอ่ยเบาๆ ใบหน้าราบเรียบไม่เดือดร้อน แต่พี่เลี้ยงกลับยกมือ

 

 

ตีหน้าผากดังเผียะราวกับคนจะขาดใจตาย

“สำหรับนางเอกของโฆษณาชิ้นนี้ มันน่าจะมีการเตรียมตัวที่ดี

กว่านี้สิ เราจะต้องทำให้ทุกคนเห็นว่าเราใส่ใจกับงานนี้มากแค่ไหน อย่า

ลืมสิ งานนี้เจ้าของงานเขาลงมาดูเองเลยนะ แล้วบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง

เลอร์วาร์ดน่ะ เขาไม่เลือกคนที่ดูเหมือนไม่ให้ความใส่ใจกับงานของเขา

หรอก นี่มันโฆษณาเปิดตัวกาสิโนลอยนํ้าของลูกผู้น้องเขา หาที่เติมสีสัน

ให้กับใบหน้าก่อนสักนิดดีกว่านะจ๊ะพี่ว่า”

“เอ่อ...ไม่ทันแล้วค่ะ เขาเรียกอรให้ขึ้นไปยืนรอที่ริมบันไดนั่น

แล้ว”

“บ้าเอ๊ย! พี่อยากเห็นเธอชนะนะ อย่างน้อยก็เพื่อเด็กไม่รักดี

คนนั้น ยัยอลิษาน้องสาวเสเพลจอมเหลวไหลของเธอ” ปรียานุชบอก

มิวายกระแทกเสียงตรงชื่อของอลิษา เด็กจอมล้างผลาญที่ตนไม่ชอบ

เอาเสียเลย

“อรรู้ อรจะพยายามค่ะ”

เอมอรรับปาก แม้จะเจ็บจี๊ดกับทุกคำจิกกัดของพี่เลี้ยงต่อ

น้องสาวเธอ แต่มันก็เป็นแรงฮึด ถ้าอลิษาได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่

ใฝ่ฝัน ได้คลุกคลีกับชนชั้นสูง น้องสาวเธอจะต้องพยายามถีบตัวให้ได้ดี

แบบคนพวกนั้นแน่ น้องเธอจะได้ไม่มีปมว่าเป็นเด็กบ้านนอกอีก และ

เมื่อน้องรู้สึกดีแล้ว จะได้ยอมกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ให้ท่านหายคิดถึง

เสียที เพราะตลอดเวลาที่น้องไม่ยอมกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ก็เอาแต่

โอดครวญว่าชีวิตไม่มีอะไรดี มาอยู่เมืองกรุงไม่เด่นไม่ดัง เลยไม่อยาก

กลับบ้านไปให้ขายขี้หน้าเขา สังคมชนบทก็รู้อยู่คนแก่คนเฒ่าชอบเอา

เรื่องลูกมาคุยข่มกันมากแค่ไหน

เอมอรหยุดความคิดของตนลง ฉับพลันร่างบางก็สะดุ้งน้อยๆ

เมื่อมีคนเรียกชื่อเธอ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อทุกๆ คนจ้องมาที่เธอเป็น

จุดเดียว ขาเรียวเสลาและข้อเท้าบอบบางที่หายไปกับส้นสูงขนาด 5 นิ้ว

เรียวแคบเริ่มขยับกึกๆ กักๆ เดินไปบนบันไดอย่างไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง

เท่าใดนัก มือบางเผลอลูบกางเกงขาสั้นจู๋ให้มันเลื่อนลงมา ด้วยใจที่หวัง

 

 

 

ว่ามันจะยาวขึ้นมาบ้าง แล้วก็รีบเกี่ยวขอบกางเกงดึงขึ้นมาใหม่แทบ

ไม่ทัน เมื่อกางเกงเจ้ากรรมดันร่นลงไปโชว์สะดือที่สะอาดเกลี้ยงเกลา

เข้า

นาทีนี้เองที่รู้สึกเหมือนตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคน รู้สึก

เหมือนว่ามีสายตาคู่หนึ่งพุ่งตรงมาที่เธออย่างจดจ่อ ตรึงเอาไว้ด้วย

พันธนาการอันน่าเกรงขามและพลังแรงกล้า จริตวิตกของเธอมันบอกมา

ว่าอย่างนั้น แต่กวาดตาไปสักเท่าใดก็ไม่พบสายตาที่เป็นต้นตอของ

ความรู้สึกนี้ และมันจะต้องไม่ใช่สายตาของรังสิมัน เลอร์วาร์ด บุรุษที่มี

ข่าวให้เข้าหูอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นคนรักภรรยามาก ซึ่งกำลังนั่งมองมาที่เวที

อย่างดุดันน่าเกรงขาม จากฝั่งซ้ายมือสุดของเธอ

เอมอรกลืนน้ำลายเอื๊อก ความมั่นใจค่อยๆ หดหายเหลือกระจิ๊ดริด

ลงทุกที เมื่อสบสายตาแห่งความเป็นเจ้าคนนายคนนั้น ชะรอยว่าชีวิต

ทั้งชีวิตของรังสิมันจะทำหน้าตาชื่นมื่นได้แต่กับภรรยาสุดที่รักของตัวเอง

เพียงผู้เดียวเท่านั้น เธอเคยเห็นภาพจากนิตยสารยามเขาอยู่กับภรรยา

และลูกๆ แล้ว เขาไม่ได้ทำตัวเหมือนยักษ์ท้องอืดแบบนี้เลย หญิงสาว

พยายามดึงสมาธิออกจากเรื่องของรังสิมัน ค้นหาสายตาที่ให้ความรู้สึก

แปลกๆ แต่ก็หาไม่พบจึงรวบรวมสมาธิให้กลับมาอยู่ที่ปัจจุบัน เพียงเพื่อ

พบว่าเรือนกายของเธอขณะนี้ไม่ต่างไปจากทารกแรกเกิดที่มีแค่ผ้าอ้อม

น้อยชิ้นห่อหุ้มกายเท่านั้น

พอเท้าก้าวขึ้นไปหน้าเวทีได้เท่านั้นก็ต้องร้องวี้ดเมื่อส้นรองเท้า

สูงปรี๊ดที่เป็นข้อบังคับของการแคสติ้งบทบาทสาวสังคมชั้นสูงไปเกี่ยว

เข้ากับอะไรสักอย่าง ร่างบางหมุนคว้าง และอีกไม่กี่นาทีก็จะล้มโครมลง

ไปบนเวทีด้วยความอับอายขายหน้าและฝันที่แตกสลาย แต่ก่อนที่มัน

จะเป็นแบบนั้น แผ่นหลังบอบบางที่ไม่มีผ้าชิ้นไหนมาขวางกั้นเลยก็ถูก

ช้อนขึ้นโดยมือที่แข็งแรงและอบอุ่น หญิงสาวตัวสั่นน้อยๆ ค่อยๆ พยุง

ขาที่อ่อนแรง ผวาเกาะแขนอันอุดมไปด้วยมัดกล้ามของคนที่ช่วยตน

ไว้แน่น แต่พอเห็นแจ็กเก็ตหนังราคาแพงระยับเท่านั้น ก็รีบปล่อยมือ

ออกทันที เสื้อเขาอาจเป็นริ้วรอยเพราะมือของเธอได้

 

 

“ช้าๆ ไม่ต้องรีบขยับ เพราะทำอะไรลนๆ แบบนี้ไงล่ะ เธอถึง

เกือบล้มหัวฟาดพื้น!”

เสียงคนช่วยออกคำสั่งแกมหงุดหงิด แถมยังโอบประคองเธอ

ทั้งตัว กลิ่นนํ้ายาโกนหนวดและโคโลญหอมสะอาด ทำให้เอมอรคลาย

อาการตื่นลงไปได้บ้าง แต่มันกลับกระตุ้นอะไรบางอย่างที่เธอตีความหมาย

ว่ามันต่ำเกินไป หน้าท้องเรียบเนียนและจุดอ่อนไหวปั่นป่วน หน่วงๆ

แปลกๆ เรือนกายไหวระริก ใจเต้นโหมกระหน่ำ ดวงตากลมโตเบิ่งกว้าง

อย่างตกใจสุดขีด ไม่คิดมาก่อนเลยว่าชีวิตของเธอจะมีปฏิกิริยาประหลาด

แบบนี้เกิดขึ้นได้ แถมยังเกิดกับผู้ชายแปลกหน้าอีกด้วย

...ขะ...ขอบคุณ...”

คำว่าค่ะถูกกลืนลงคอแทบไม่ทัน เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนถลา

เข้ามาช่วยตนไว้ แมทธิว เลอร์วาร์ด เธอจำเขาได้ดี หน้าเขานั้นเหมือนกับ

ที่เธอเคยเห็นตามนิตยสารและหนังสือพิมพ์เกือบทุกประการ เพียงแต่

ขาวกว่า เข้มกว่า หน้าละม้ายคล้ายคลึงอิสตรีมากกว่า รูปร่างของเขา

สูงใหญ่มาก แต่ก็สมส่วนตึงแน่นไร้ที่ติ เขาตัวโตกว่าเธอเยอะเหลือเกิน

มากจนเธอรู้สึกเหมือนว่าตนเป็นห่ออะไรสักอย่างที่ตกอยู่ในอ้อมอกที่ให้

ความรู้สึกดังอยู่ในวงล้อมแห่งขุนเขาแบบนี้

“เธอไม่จำเป็นต้องแคสติ้งอะไรอีกแล้ว ฉันไม่อยากให้เกิดปัญหา

แบบนี้อีก”

คำพูดที่หลุดออกมาจากริมฝีปากกระจับสีแดงระเรื่อที่อวบหนา

กว่าเอมอรเพียงเล็กน้อยนั้นเหมือนจับกันโยนลงไปยังเหวลึกชัดๆ แม้

ปากเขาจะสวยมีเสน่ห์เย้ายวนเกินชาย แต่มันก็โหดร้ายและทำลาย

จิตใจเธอแสนสาหัส เอมอรตะลึงตาค้างไปกับคำพูดเขาหลายวินาที

ก่อนจะตั้งสติและวิงวอน

“ให้โอกาสฉันนะคะ ฉันยังไม่ได้เริ่มเลย เมื่อครู่นี้ส้นรองเท้าฉัน

ไปสะดุดตะปูเข้า คุณ ม...มะ...แมทธิว เลอร์วาร์ดได้โปรด กรุณาเถอะ

ค่ะ”

เอ่ยเสียงเบาอย่างวิงวอน เห็นเจ้าพ่อหน้าสวยผงะไปนิด ก่อน

 

 

จะขบริมฝีปากเข้าหากันแน่นแววตาไม่ชอบใจ คิ้วดกเข้มหนาเป็นปื้น

โค้งปลายเล็กน้อยที่พาดยาวขนานกับสันกรามอย่างสมดุลราวกับจิตรกร

ฝีมือชั้นครูปาดป้ายแต่งแต้มไว้ขมวดเข้าหากันมุ่น ดวงตาที่เหมือน

อัลมอนด์เม็ดใหญ่ และเปลือกตาหนาคมชัดที่ล้อมรอบขนตายาวดก

นัยน์ตาเปล่งประกายเชื่อมหวานเป็นเอกลักษณ์ แต่ภายในเกล็ดตาลึกๆ

นั้นกลับเปล่งแสงแปลบปลาบเป็นเปลวสีทองเจิดจ้าราวกับดวงไฟ แสดงให้

เห็นว่าภายใต้ใบหน้าหล่อหวานที่ติดตัวมาแต่กำเนิดนั้นเริ่มจะโกรธและ

ไม่สบอารมณ์ในตัวเธอเข้าให้แล้ว ริมฝีปากสีแดงระเรื่อที่ขับใบหน้าขาวผ่อง

ให้ดูนวลเด่นจนสาวๆ ทั้งหลายพากันอิจฉาเริ่มขยับ สายตาที่คมหวาน

เย้ายวนเป็นเอกลักษณ์เปล่งรังสีเผด็จการใส่เธอ ทำให้ใจดวงน้อย

ประกาศก้องเลยว่า ผู้ชายคนนี้หน้าตาดี แต่ว่าใจจะต้องร้ายมากแน่ๆ

“พอแล้ว หยุดเถอะ”

เจ้าพ่อตาหวานเอ่ย ชำเลืองสายตาผ่านขนตายาวงอนชนิด

ไม้ขีดไฟสามอันวางซ้อนได้สบายมาที่เอมอร เสียงถอนใจน้อยๆ ดังเข้าสู่

ใบหูเล็กๆ ของเธอ

“ถ้าผมปล่อยให้คุณแคสติ้งต่อ คงได้ล้มหัวฟาดพื้นแน่”

เสียงเนิบๆ และมุมปากที่กระตุกขึ้นน้อยๆ ทำให้หญิงสาว

ขบริมฝีปากเข้าหากันแน่น

“คุณผู้หญิงครับ คุณไม่อยากแคสติ้งหรอก ผมเห็นคุณอาการ

ไม่ดีเท่าไรเลย ตัวสั่น เงอะงะตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเวทีแล้ว คุณควรหยุด แล้ว

สละเวทีให้คนที่อยากแสดงขึ้นมาเสียที ผมมีเวลากับเรื่องแบบนี้ไม่มากนัก

และไม่อยากให้คุณทำให้เสียเวลา เพราะอาการตื่นเวทีและการแสดงที่

รังแต่จะสร้างความเจ็บเนื้อเจ็บตัวให้กับตัวคุณเอง”

เสียงหยันๆ นั้นทำให้เอมอรอ้าปากหวอ กวาดตามองไปยัง

ทุกคนที่ชะงักไปกับเธอด้วย เขาเห็นเธอตลอดเลยหรือ แล้วเขาอยู่ที่ไหน

กันล่ะเมื่อก่อนหน้านี้ คิดได้เท่านั้นดวงตากลมโตก็มองไปยังจุดที่เขา

พุ่งตัวเข้ามาหา แล้วก็ตกใจสุดขีด เผลอเบียดกายเข้าหา เมื่อเห็นบุรุษ

สวมแจ็กเก็ตสีดำนับสิบคนยืนออกันอยู่ตรงลำโพงยักษ์ มือปืนเหล่านี้

 

 

จะต้องเป็นลูกสมุนจอมอันธพาลของมาเฟียปากแดงผู้นี้แน่ๆ คนพวกนี้

ไม่ใช่ทีมงานของสตูดิโอแน่นอน

เขาหอบเหล่าบอดี้การ์ดหรือจะเรียกให้ถูกก็คือมือปืนมา

เต็มอัตราศึกเลยหรือนี่ เอมอรกลืนนํ้าลายเอื๊อก เมื่อพวกนั้นส่งสายตา

ไม่เป็นมิตรมาให้เธอ คนพวกนี้ทำราวกับว่า การที่เอมอรสะดุดล้ม และ

เจ้านายของพวกเขาถลามารับตัวเธอนั้น เป็นความผิดอันใหญ่หลวง

คนพวกนั้นจ้องกันตาไม่กะพริบ อย่างกับว่าเธอจะมีมีดซ่อนไว้ใต้รองเท้า

และกำลังหาช่องทางจ้วงแทงเจ้านายของตนที่ชื่อว่าแมทธิว เลอร์วาร์ด

อยู่กระนั้นแหละ

“ยืนดีๆ สิครับ เสร็จแล้วก็ลงไปได้ ผมจะชมคนสุดท้ายแสดง

แล้ว ก็อย่างที่บอกเอาไว้นั่นแหละ ผมต้องรีบกลับ มีงานต้องไปทำต่อ

ไม่มีเวลามายืนตระกองกอดสาวคนไหนนานนัก แม้จะพอดูออกว่าคุณ

อาจหนาวเพราะเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่ใส่อยู่มากแค่ไหนก็ตาม”

คำพูดนั้นเรียกประกายเกรี้ยวกราดจากนัยน์ตากลมโตได้มาก

ทีเดียว แต่เอมอรก็สะกดใจ ข่มใจโต้ตอบกลับไปด้วยเสียงราบเรียบที่สุด

ทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ

“ชุดนี้เป็นภาคบังคับของงานนี้ ทางคุณบอกให้พวกเราใส่”

เอ่ยเสียงแดกดันตอนท้ายอย่างอดใจไม่ไหว ปลายคางเรียวงาม

เชิดขึ้น กัดฟันบอกเขาแววตาฉายประกายดื้อรั้นออกไปโดยไม่รู้ตัว

“ถ้าคุณรีบ ก็ถอยไปสิคะ ฉันจะแคสติ้งต่อ คนสุดท้ายจะได้

ขึ้นมาเสียที แล้วทีนี้ล่ะคุณก็จะได้กลับไปทำงานอย่างที่บอก ยังไงก็ต้อง

ขอโทษด้วยที่ทำให้เสียเวลา”

“นี่คุณไม่ได้ยินหรือไง ผมบอกว่าคุณไม่ต้องแคสติ้งแล้ว!”

“ได้ยินค่ะ แต่คุณไม่ใช่ฝ่ายผลิตโฆษณาชิ้นนี้นี่คะ รอให้

คุณรังสิมัน เลอร์วาร์ด เจ้าของบริษัทไล่ดิฉันลงไปก่อนดีกว่าไหม ฉัน

ได้ยินว่าในเลอร์วาร์ดเอ็นเตอร์เทนเมนต์เขาใหญ่ที่สุด ฉันคิดว่าฉันยังมี

โอกาสในการร่วมคัดเลือกตัวอยู่นะคะ”

เอ่ยเท่านั้นก็สั่น เมื่อเห็นเขาจ้องกลับนัยน์ตาวาวโรจน์ ก่อนจะ

 

 

ปรับให้เป็นปกติในชั่วเวลาไม่ถึงสองวินาที สันกรามขบเข้าหากันแน่น

ใบหน้าเรียวยาวขาวผ่องกระตุกยิ้มช้าๆ แต่ทว่าเยือกเย็นอาฆาตมาดร้าย

พิกลอยู่

“ไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งของใครหรอกสาวน้อย ผมบอกทาง

เลอร์วาร์ดเอ็นเตอร์เทนเมนต์ไปแล้วว่า จะขอเลือกตัวนักแสดงเอง

งานโฆษณาชิ้นนี้ทางกาสิโนเลอร์วาร์ดเป็นคนว่าจ้างให้ทำ และอะไรที่อยู่

ในกาสิโนเลอร์วาร์ดผมก็มีสิทธิ์ตัดสินแต่เพียงผู้เดียวเลอร์วาร์ดเอ็นเตอร์เทนเมนต์

มีหน้าที่รับช่วงต่อในสิ่งที่ผมต้องการ และทำมันให้ดีมากที่สุดเท่านั้น”

แมทธิวเอ่ยเท่านั้นก็ยิ้มอย่างมีชัย แรกนั้นอดขัดตาไม่ได้ที่เห็น

ท่าทางตื่นๆ จนเป็นที่สะดุดใจของอีกฝ่ายเข้า แต่พอได้เผชิญหน้ากันจริงๆ

เท่านั้น ถึงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่แหยเท่าใด แล้วก็ต้องกัดฟันกรอดกับประโยค

ถัดไปของคู่กรณีหน้าใสปานสาวน้อยวัยกระเตาะ

“ก็ดีเหมือนกันค่ะ เพราะฉันเองก็คงร่วมงานกับคนใจคอคับแคบ

ไม่ให้โอกาสคนแบบคุณไม่ได้หรอก”

คนตัวเล็กกล่าวเท่านั้นก็ขยับกายถอยห่างจากอ้อมกอดเขา

ดวงหน้าเรียวงามงองํ้าเปล่งสายตาอาฆาตใส่กัน ก่อนจะหมุนกายหนีไป

แมทธิวเลยคว้าข้อมือไว้ เห็นคนไม่สบอารมณ์ทำตาเขียวใส่ จึงรีบปล่อยมือ

“ผิดทางแล้ว เธอต้องไปนั่งรอฟังผลอยู่ตรงโน้น”

“ผลอะไร ในเมื่อฉันไม่ได้แคสติ้ง”

บอกไปเท่านั้นก็เลิ่กลั่กเมื่อเขาดึงเข้าไปหาตัวอีกครั้ง หน้านวล

เห่อร้อนเมื่อมองไปรอบๆ เห็นสายตาทุกคู่มองมาที่เธอและเขาเป็นตาเดียว

หัวใจแทบกระดอนออกมาจากอก เมื่อเขากระซิบเฉียดฉิวใบหูขาวสะอาด

ของตน

“อย่าทำตัวมีปัญหากับฉันเป็นอันขาดยาหยี เธอเห็นหรือเปล่า

ว่าตอนนี้พวกบอดี้การ์ดของฉันกำลังล้วงมือเข้าไปในแจ็กเก็ตกันแล้ว

เธอคงยังไม่อยากไส้แตกตอนนี้ใช่ไหม”

เสียงเอ็ดดุๆ นั้นทำให้เอมอรต้องรีบหันไปทางเหล่ามือปืน

ร่างยักษ์จำนวนสามคันรถเก๋ง ที่เขาลากมาคุ้มกัน แล้วร่างบางก็สั่น

 

 

นัยน์ตาเบิ่งกว้างด้วยความตระหนกไม่รู้ตัว พวกนั้นทำหน้าตาเหมือน

อยากจะยิงไส้เธอให้แตกตายจริงๆ ซะด้วย เพียงแค่เธอเผลอไปต่อล้อ

ต่อเถียงกับเจ้านายเขาเท่านั้น แล้วเธอก็บ้าพอที่จะกลัวคนเหล่านั้นด้วย

ก็แต่ละคนล้วนหน้าตาเย็นชาเหมือนผีดิบในยุคก่อนคริสตศักราช ที่พร้อม

จะฆ่าเธอได้ทุกเมื่อ หากว่าเธอทำตัวงี่เง่ากับเจ้านายของเขามากนัก

“ไปนั่งรออย่างสงบเสงี่ยมเดี๋ยวนี้!”

เสียงดุเข้มแกมอวดดีนั้น ทำให้เอมอรอยากวิ่งหนีนัก แต่

ขาเจ้ากรรมกลับยินยอมก้าวไปตามคำสั่งเขา หญิงสาวอับอายเมื่อ

เหล่านางแบบก่อนหน้านี้พากันจ้องและเบ้ปากใส่เหมือนเธอเป็นตัวตลก

ถ้าฉันรู้ว่ายังไงก็ไม่ผ่านแน่นอนละก็ จะไม่อยู่ให้ขายหน้าแบบนี้

หรอก

เสียงหนึ่งในคนที่มาแคสติ้งดังขึ้น มือบางกำเข้าหากันแน่น

เพราะเขา เขามันใจดำ เขาไม่ให้โอกาสเธอเลยสักนิด เขา

เกลียดเธอ เฝ้าจับผิดแช่งชักหักกระดูกให้เธอไปไม่รอด แล้วเอมอรก็

ไม่รอดจริงๆ หญิงสาวถูกปลดออกกลางอากาศ เป็นเป้าให้คนเยาะหยัน

เล่น เพราะเขา เพราะเขาคนเดียว

เอมอรนั่งเศร้าหลังงองุ้มหมดอาลัยตายอยาก ยิ่งชำเลืองสายตา

ไปทางพี่นุชแล้วก็ยิ่งเจ็บชํ้านํ้าใจหนัก เมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้ามองเธอ

อย่างเวทนา เธอทำให้ผู้มีพระคุณผิดหวัง พี่นุชหวังจะให้เธอเกิดเพราะ

งานนี้แท้ๆ แต่เธอก็ทำมันพัง คิดได้เท่านั้นก็เมินหนีสายตาสมเพชเวทนา

นั้นเสีย พลันสายตาเจ้ากรรมก็ไปปะทะเข้ากับเจ้าของร่างสูงที่ทำให้

ทุกๆ วินาทีของวันนี้กลายเป็นวันแห่งหายนะ

เอมอรมองเจ้าของใบหน้าขาวผ่องเรียวยาวรูปไข่ที่มีสันกราม

แกร่งยื่นออกมารับกับจอนยาวๆ และคิ้วหนาเป็นปื้นปลายโค้งน้อยๆ

เข้ากันดีกับสันกราม และจมูกที่โด่งมากๆ โด่งอย่างชายไทยพันธุ์ผสม

อเมริกันแท้ๆ นัยน์ตาเขากำลังจดจ่ออยู่กับสตรีผมฟูดวงตาเซ็กซี่ชวนฝัน

ใบหน้าขาวผ่องพยักช้าๆ อย่างพอใจ เธอแน่ใจเลยว่าหากไปยืนใกล้ๆ

คงได้ยินเสียงฮึ่มๆ ลงลูกคอปานราชสีห์พบอาหารถูกใจ แค่เห็นอาการนี้

 

 

ก็รู้แล้วว่า แมทธิว เลอร์วาร์ดหานางเอกโฆษณาชิ้นนี้ได้แล้ว

ปาหนัน อิศรี สาวสวยเฉี่ยวและคล่องที่สุด คือคนที่เขาพอใจ

มิน่าล่ะถึงรีบเตะโด่งเธอลงจากเวที เพราะเขาจะดูผู้หญิงคนนี้แคสติ้ง

นั่นเอง เขาจะดูแต่ปาหนันเพียงผู้เดียว โดยไม่สนใจว่าการกระทำนี้มัน

จะตบหน้าเธอสักแค่ไหน เธอเกลียดผู้ชายหน้าสวยแต่ใจคอโหดร้ายคนนี้

ที่สุด!

ก็แน่ล่ะ เธอมันแค่นางสาวเงอะงะ ยังไงก็เทียบไม่ได้กับผู้หญิง

เซ็กซี่ คล่องแคล่ว มั่นใจสูง เจนเวทีอย่างปาหนันแน่นอน มันเทียบกัน

ไม่ได้อยู่แล้ว

แม้จะยอมรับความจริงได้ แต่ในใจก็ร่ำร้องว่าเขาไม่ควรทำ

แบบนี้ แวบหนึ่งเธอเห็นปาหนันนักแสดงผู้งามเลิศหรูประสานสายตา

กับเขาหวานระยับ และเขาก็กระตุกยิ้มนุ่มนวลให้กับเธอด้วยดวงตา

แพรวพราว และนี่คงเป็นจุดเริ่มต้นต่อไปของข่าวฉาวที่สนั่นวงการบันเทิงไทย

อย่างแน่นอน มหาเศรษฐีกาสิโนรวยระดับโลกกับนางเอกโฆษณาน้องใหม่

แห่งวงการ


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (23 รายการ)

www.batorastore.com © 2024