ข้ามฟ้ามาอ้อนรัก (แก้วชวาลา) (ทะเลใจ)

ข้ามฟ้ามาอ้อนรัก (แก้วชวาลา) (ทะเลใจ)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786169062462
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 239.00 บาท 59.75 บาท
ประหยัด: 179.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

ข่าวร้าย

มธาวิน ธนะกิจไพศาลมองจดหมายในมือของตัวเอง แล้ว

จัดการพับเก็บมันยัดใส่ลงไปในซองตามเดิม แล้วชายหนุ่มก็เผลอ

ทำสีหน้ายุ่งยากใจขึ้นมา เมื่อนึกถึงข้อความในจดหมายที่ตนเองเพิ่ง

อ่านจบไปเมื่อครู่ หลังจากนั้นเขาจึงหันไปมองเมธัสผู้เป็นบิดา ซึ่งจะว่า

ไปแล้ว ทั้งบุคลิกรูปร่างและลักษณะของเขานั้นถอดแบบท่านมาเลย

ก็ว่าได้ จะต่างก็ตรงที่เขามีผิวขาวอมชมพู ซึ่งกระเดียดไปทางมารดา

นั่นเอง ขณะที่เครื่องหน้าบางส่วนของเขานั้นก็ถอดแบบมารดาออกมา

ไม่ผิดเพี้ยนเลย

แต่ถึงกระนั้น เมธาวินก็ใช่ว่าจะเป็นบุรุษหน้าตาสะสวยเลย

แม้แต่น้อย เพราะเขามีคิ้วที่หนาเข้ม ดวงตาที่คมกริบ ซึ่งเครื่องหน้า

ทั้งสองชิ้นนี้มันเป็นจุดเด่นของเมธัสผู้เป็นบิดาเขานั่นเอง และเมื่อได้

เครื่องหน้าของบิดามาประดับที่ดวงหน้าของตนเองแล้วนั้น ทำให้เมธาวิน

ดูดีไปอีกแบบ และเป็นบุรุษที่สะดุดตาโดดเด่นเหนือใครๆ เลยก็ว่าได้

ด้วยว่าชิ้นส่วนของบิดามารดาเมื่อมารวมกันอยู่ที่เขานั้นช่างเหมาะเจาะ

ลงตัวเสียเหลือเกิน เมธาวินในวัยยี่สิบกลางๆ ย่นคิ้วเข้มเข้าหากัน

ไม่นานปากแดงกระจับเป็นธรรมชาติก็เอ่ยถามผู้เป็นบิดาออกไป

“แล้วเขาจะมาถึงเมื่อไรกันครับคุณพ่อ?”

หลังจากจบคำถามของเขาแล้ว บิดาก็หันไปมองมารดาทันที

คุณฟารีดามารดาของเขานั้นยังสวยพริ้งราวกับสตรีวัยยี่สิบปลายๆ

เลยทีเดียว นับว่าท่านดูแลตัวเองได้ดีไม่ใช่น้อยเลย แต่จะว่าก็ว่าเถอะ

บิดาเขาก็ใช่ว่าจะดูแก่เลย ดูเหมือนหนุ่มสามสิบปลายๆ เสียมากกว่า

เมธาวินเห็นมารดาส่ายศีรษะกลับมา หลังจากนั้นท่านจึงพูดออกมา

“แม่ก็ไม่รู้หรอกตาวิน เห็นน้าริกาเขาบอกว่า น้องจะมาเร็วๆ นี้”

เด็กแสบ

เมธาวินคิดในใจแล้ววางจดหมายนั้นลงบนโต๊ะทันที ยัยหนู

บามโบล่า อัลแบโรอายุเท่าไรแล้วนะตอนนี้ สิบแปดหรือสิบเก้าปีกันแน่

หรือว่าสิบเจ็ดปี? หล่อนน่าจะห่างจากเขาประมาณเจ็ดหรือแปดปีเห็นจะได้

นะ แต่ว่าจะห่างกันกี่ปีก็ช่างเถอะ แม่หนูนั่นก็แก่แดดใช่น้อย หล่อนแทบ

จะกระโดดขึ้นมาขี่คอเขาอยู่บ่อยๆ ก็ว่าได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจเมื่อนึกถึง

ตอนที่เขาไปอยู่ที่อิตาลี และได้ไปพักที่บ้านเดียวกันกับหล่อน

แล้วที่เขาเรียกหล่อนว่าตุ๊กตานั้นก็เป็นเพราะว่าบามโบล่า

ภาษาอิตาเลียนนั้นมันแปลว่าตุ๊กตานั่นเอง หล่อนก็เลยหลงตัวเองไป คง

คิดว่าเขาเอ็นดูหล่อนนักหนา ที่เรียกออกไปอย่างนั้น ตั้งแต่นั้นมาหล่อน

เลยแทนตัวเองว่าตุ๊กตากับเขามันทุกครั้งไป และก็กับเขาคนเดียวเสีย

ด้วยสิ ที่ได้รับเกียรตินั้น เพราะกับคนอื่นๆ แล้ว เจ้าหล่อนใช้ชื่อโบล่า

เหมือนกันหมดทุกคนไป ทำอย่างกับชื่อตุ๊กตานั้น มันเป็นรหัสลับระหว่าง

เขากับหล่อนกระนั้นแหละ

แต่จริงๆ แล้ว หล่อนหารู้ไม่ว่า ลับหลังนั้นเขาเรียกหล่อนว่า

ยัยตุ๊กตานรก! แล้วเขาก็เรียกอย่างนี้มานานแล้วด้วย และไม่เคยคิดจะ

เลิกเรียกเลยสักครั้ง ตราบใดที่หล่อนยังมีพฤติกรรมป่วนเมืองและป่วน

ตัวเขาอยู่อย่างนี้ ตอนแรกเมื่อห้าปีก่อนนั้น แรกเห็นหล่อนในวัยเด็กสาว

เขาหลงน้องคนใหม่ไปเลยทีเดียว หล่อนตาโตสวยหวานหยด ดวงหน้า

เรียวขาวสวย แก้มแดงปลั่งเป็นสีชมพูนวลตามธรรมชาติ หน้าตาน่ารัก

น่าหยิกที่สุด แล้วก็น่ากอดมากๆ ด้วย

ริมฝีปากอิ่มเต็มของหล่อนเป็นสีชมพูอ่อนๆ โดยไม่ต้องแต้ม

สีสันแต่อย่างใดเลย รูปร่างเพรียวระหง ขายาวนิดๆ ตามภาษาเด็กสาว

ที่รูปร่างกำลังเข้ารูปทรง เป็นเด็กน่ารักราวกับตุ๊กตาเลยทีเดียว แม้มี

น้องสาวน่าเอ็นดูถึงสองคนแล้ว แต่เมธาวินก็อดหลงน้องสาวเลือดผสม

ไทย-อิตาเลียนไม่ได้จริงๆ แต่พอเขาได้รู้จักได้ใกล้ชิดหล่อนเท่านั้นแหละ

เขาก็ได้รู้ซึ้งถึงคำว่านรกมีจริง

จะว่าไปแล้วเขาก็ผิดเอง ที่จริงแล้วน่าจะเอาตัวหล่อนไปปล่อย

ทิ้งไว้ที่เมืองปอมเปอีซึ่งถูกภูเขาไฟระเบิดจนเหลือแต่ซากเสียเมื่อมีโอกาส

เพราะในวันที่เขานัดเดตกับสาวอิตาเลียนครั้งแรกนั้น มันเป็นวันที่เหมาะ

มากทีเดียว ในเมื่อหล่อนเสนอตัวตามเขาไปเอง ซึ่งความจริงแล้วนั้น

เขาไม่ได้ปรารถนาจะพกพาหล่อนไปเลยสักนิดเดียว แต่หล่อนดันร้อง

แหกปากลั่นบ้าน ยืนยันเสียงหนักแน่นกับทุกคนว่า จะให้เขากระเตง

หล่อนไปด้วย เพื่อไปเป็นก้างขวางคอชิ้นโตให้กับตัวของเขาเอง

คิดถึงตรงนี้แล้วเมธาวินก็ยังอับอายไม่หายจนกระทั่งทุกวันนี้

เพราะขณะที่กำลังชมเมืองกันสามคนตามอัธยาศัยของตนเองอยู่นั้น

เขาก็แอบชำเลืองไปเห็นหล่อนกำลังเพลิดเพลินกับซากหักๆ พังๆ ของ

เมือง เมธาวินเลยไม่ชักช้า แอบลากคู่นัดสาวไปหลบในหลืบ เพื่อแลกจูบ

กันในนัดแรกให้หวานฉ่ำ แต่แล้วก็ต้องพากันสะดุ้งทั้งคู่ แยกออกจากกัน

แทบไม่ทัน เมื่อยัยตุ๊กตานรกโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วหล่อนก็ตะโกน

ออกมาทั้งภาษาอิตาเลียน ภาษาอังกฤษ แล้วก็ภาษาไทย ว่าคนกัดกัน

เสียงให้ลั่นไปหมด

ผลปรากฏก็คือคนแห่กันมาดูมากมาย โดยที่เขาและสาวที่พา

มาด้วยได้แต่ยืนตะลึงทำตาปริบๆ แล้วคู่นัดทรงโตของเขาก็ประกาศ

ตัดสัมพันธ์กับเขาเลยทันทีทันใด โดยหล่อนให้เหตุผลกับเขาว่า เขายัง

เด็กเกินไปสำหรับคำว่าความรัก เพราะจะไปไหนมาไหนทั้งที ก็ยังต้อง

พกพาบุคคลในครอบครัวไปด้วย ยิ่งคิดถึงการกระทำของยัยตุ๊กตานรก

ขึ้นมาครั้งใด ความอับอายแค้นเคืองก็ยังไม่จางหายจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

ทั้งขุ่นใจ ทั้งฉุนเฉียว เด็กอะไรแสบได้ใจจริงๆ แล้วเมธาวินก็ต้องตื่น

จากภวังค์ เมื่อเสียงมารดาดังขึ้นมาเป็นเชิงตักเตือนเขา

“อย่าแกล้งน้องเชียวนะตาวิน!”

“แกล้ง!”

เมธาวินได้ยินแล้วตาเหลือก แกล้งเลยหรือ? เขาต้องยํ้าคำนี้

กับมารดาอีกครั้ง แล้วมองท่านอย่างกังขา เกือบจะสำลักนํ้าลายตนเอง

โอ๊ะ! พระเจ้า หรือจะร้องว่า โอ้...ดิโอ ตามภาษาบ้านแม่ตุ๊กตานรกนั่น

ก็ได้ มารดาเขาคิดได้ยังไงกันนะ เขาหรือจะแกล้งหล่อน? มันเป็นไปไม่ได้

จริงๆ เพราะตลอดเวลาที่เขาไปอยู่อิตาลีนั้น เขารู้ซึ้งและยืนยันได้ดีว่า

เขาไม่ได้เป็นฝ่ายที่คอยแกล้งหล่อนอย่างแน่นอน แต่เขามักจะเป็นคนที่

ถูกแกล้งเสียมากกว่า เมื่อเป็นแบบนั้น เมธาวินจึงร้องออดๆ ไปทันที

แม่เขาก็เป็นแบบนี้ มักเห็นแม่หนูบามโบล่านั่นเป็นนางฟ้าน้อยๆ อยู่ร่ำไป

โธ่! คุณแม่ครับ อย่างยัยตุ๊กตา...น...” เมธาวินกลืนคำว่า

นรก เกือบไม่ทัน เมื่อมารดามองกลับมาตาเขียวปั้ดอย่างคาดโทษเขา

ไปในตัว แล้วเสียงท่านก็ดังขึ้นมาอย่างเข้มงวด

“อย่าเรียกชื่อน้องเสียๆ หายๆ ให้แม่ได้ยินอีกเชียวนะตาวิน”

เมธาวินหน้าเจื่อนเมื่อเสียงมารดากำราบมาหนักๆ เห็นท่าน

มองมาตาเขียวก็ยิ้มแหยๆ ส่งไปให้ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเขาเคยเผลอ

ไปเรียกหล่อนว่าตุ๊กตานรกอยู่สามสี่ครั้งเห็นจะได้ เลยถูกท่านเอ็ดให้เสีย

ใหญ่โต โทษฐานที่คิดไม่ดีกับบามโบล่า ลูกสาวนอกไส้สุดรักสุดโปรด

ของท่าน

โอ๊ะ! ขอโทษครับคุณแม่ อย่างน้องหนูบามโบล่าน่ะ ไม่มีใคร

สามารถไปรังแกเขาได้หรอกครับ ก็แม่หนูบามโบล่า นางฟ้าน้อยของแม่น่ะ

เขาเก่งจะตายไป เก่งกว่าลูกชายคนเดียวของคุณแม่เสียอีกนะครับ ไม่มี

ใครรังแกเขาได้แน่นอน ผมยืนยัน”

แต่ถ้ารังแกคนอื่นล่ะว่าไปอย่าง เมธาวินแอบเถียงมารดาในใจ

เสียงแข็งขัน แต่ดวงตานั้นกลับมองมารดาด้วยสายตายอมจำนน เห็น

มารดามองมาที่ตนอย่างไม่ไว้วางใจ จึงยิ้มอ่อนๆ ส่งไปให้ท่านทันที แล้วก็

พยายามทำแววตาให้กระจ่างใสที่สุด เหมือนกับว่าเขาเองนั้นไม่มีอะไร

กับยัยตุ๊กตานรกนั่นจริงๆ ทั้งๆ ที่มันมีอยู่ในใจตั้งมากมาย เขายังเป็น

ผู้ชายเต็มตัว แม้จะกึ่งหล่อกึ่งสวยก็ตาม แล้วคติที่ว่าฆ่าได้แต่หยาม

ไม่ได้นั้นก็ยังรอวันชำระอยู่ทุกคืนวัน

แต่เมธาวินก็ไม่รู้จะสำเร็จไหม เพราะคู่ต่อสู้เขานั้นไม่ธรรมดา

เอาเสียเลย แถมยังมีดีกรีความเป็นอิสตรีและคำว่าน้องสาวเป็นแต้มต่อ

ทำให้เขาสู้กับหล่อนไม่ถนัดนัก เพราะสุภาพบุรุษนั้นไม่ควรรังแกสุภาพสตรี

และพี่ที่ดีนั้นก็จะต้องไม่แกล้งน้อง เมื่อหล่อนจะมา เขาก็กลัวว่าจะแพ้อีก

เพราะสิ่งที่หล่อนถืออยู่นั้นเหนือกว่านี่เอง ยิ่งคิด เมธาวินก็ยิ่งเซ็ง เขา

ไม่อยากคิดต่อเลยว่า เมื่อหล่อนมาแล้ว ชีวิตของเขานั้นมันจะเปลี่ยนไป

ได้ขนาดไหน แล้วชายหนุ่มก็ต้องชำเลืองตาไป เมื่อเสียงมารดาเอ่ยขึ้น

ไม่รู้ล่ะ! อย่าให้น้องมาบ่นอะไรกับแม่เชียว ไม่อย่างนั้นแม่

จะโกรธวินจริงๆ ด้วย น้องนานๆ มาที เราก็ตามใจน้องเสียหน่อย มันก็

ไม่เห็นจะหนักหนาอะไรเลยนี่วิน ทีกับสาวๆ เป็นคนอื่นแท้ๆ วินยังยอม

ได้เลย ไม่เห็นมีใครขอร้อง แล้วกับน้องคนกันเองแท้ๆ เอาใจน้องเสีย

นิดหน่อยจะเป็นไรไปเล่าลูก”

เมื่อได้ยินเสียงมารดาที่ถือหางบามโบล่าอย่างเหนียวแน่น

เขาจึงหันไปทางบิดาทันที

“คุณพ่อครับ!”

นิ่ง ไร้สัญญาณตอบรับใดๆ จากบิดาทั้งสิ้น บิดาของเขาก็เป็น

แบบนี้แหละ เคยขัดใจมารดาเสียที่ไหนกัน เป็นที่รู้กันว่าบ้านหลังนี้

มารดาเขายิ่งใหญ่ที่สุด ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ตอนนี้เขาอยากให้แม่ตุ๊กตานรก

นั่นมาปรากฏกายตรงหน้าเสียนัก แล้วเขาจะเขย่าๆ ให้หล่อนคอหลุด

ไปเลย โทษฐานที่ทำให้เขาโดนรุมแบบนี้ นี่ขนาดหล่อนยังมาไม่ถึงเลย

นะ เขายังเดือดร้อนได้ขนาดนี้ แล้วถ้าหล่อนมาถึง มันจะขนาดไหนกัน

เชียว เขาอุตส่าห์หายใจหายคอโล่งใจมาได้ถึงห้าปี หมดกันอิสรภาพ

ของเขา เพราะยัยตุ๊กตานรกคนเดียวแท้ๆ หล่อนจะมาทำไม!

 

 

 

 

ลัดฟ้ามาป่วนใจ

1

ช้าวันนี้ เมธาวินเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป แล้วก็ต้อง

ประหลาดใจกับเปลือกลูกอมมากมายหลากสี ซึ่งถูกทิ้งกองเกลื่อนกลาด

เอาไว้จนเต็มห้องทำงานของเขาไปหมด เรียกว่าตั้งแต่หน้าประตูห้องทำงาน

ของเขาเป็นทางยาวไปเรื่อยจนถึงโต๊ะทำงานเลยก็ว่าได้ ชายหนุ่มเห็นแล้ว

ถึงกับย่นหัวคิ้ว หน้าตายุ่งเหยิง เขาก้มลงไปมองห่อลูกอมหลากหลายที่

ถูกคนมักง่ายทิ้งเอาไว้อย่างไม่เกรงใจเจ้าของห้องแม้แต่นิดเดียวอีกครั้ง

อย่างพินิจ

แล้วเมธาวินก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเพ่งมองไปเห็นอักษรที่ปรากฏ

อยู่บนห่อนั้น ซึ่งมันมีตัวหนังสือที่เขียนเอาไว้ว่า Caramella เมื่อเห็น

ตัวอักษรแบบนี้ เมธาวีก็เม้มปากแน่น เริ่มสังหรณ์ใจแล้วว่าชีวิตของ

เขานั้นคงจะเริ่มไม่สงบเสียแล้วสิ เพราะไอ้คำว่าคาราเมลลาที่ปรากฏอยู่

บนห่อลูกอมนี้ มันดันหมายถึงลูกอมในภาษาอิตาเลียนนี่สิ เมื่อคิดได้

ดังนี้ สมองก็ไวเท่าความคิด

เมธาวินรีบมองไปยังโต๊ะทำงานของตนเอง ดวงตาคมกริบ

อันเป็นมรดกตกทอดมาจากบิดานั้นหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเก้าอี้ประจำ

ตำแหน่งของตนถูกใครบางคนหมุนไปมาเล่น แสดงให้เห็นว่ามีคนนั่งอยู่

อย่างแน่นอน แล้วคนที่นั่งอยู่นั้นก็จะต้องมีเรือนร่างที่บอบบางพอดู

ทีเดียว เพราะว่าเก้าอี้ของเขานั้นบังร่างคนนั่งเสียจนมิด เรียกว่าจมหายไป

ในนั้นเลยก็ว่าได้

และเมื่อชายหนุ่มได้รับรู้ว่ามีผู้บุกรุกอาณาจักรของตนเองโดย

ไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้แล้ว เมธาวินก็หน้าตึงทันที เขาเดินจ้ำๆ ไปยัง

เก้าอี้ทำงานของตนเองอย่างโกรธๆ และพอไปถึงเท่านั้น ก็รีบกระชาก

เสียงถามกลับไปอย่างไม่คิดจะเกรงใจฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย เสียใจ

เถอะ! แม้ยามอยู่ในบ้านนั้น เขาจะเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ และพี่ชายที่ดี

ของน้องๆ ก็ตาม แต่ใช่ว่าเขาจะยอมลงให้ใครอื่นง่ายๆ เหมือนกัน

“ใคร?”

ถามจบ ร่างก็เซไปเลยทีเดียว ไม่นานก็รู้สึกว่ามีร่างนุ่มนิ่ม

หอมกรุ่นมาบดเบียดคลอเคลียที่ร่างกายแกร่งของตน แล้วร่างหอมๆ นั้น

ก็ระดมจูบแก้มซ้ายขวาของเขาเป็นการใหญ่ ชายหนุ่มเป็นงงไปพักหนึ่ง

ไม่นานก็ได้ยินเสียงหวานๆ ดังขึ้นมา

“เชา1 พี่วิน”

คำกล่าวสวัสดีเป็นภาษาอิตาเลียน ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ

คิกคักนั้น ทำให้เขาหายงงไปเลยทีเดียว ในที่สุดยัยตุ๊กตานรกก็มาถึง

เมืองไทยแล้วจนได้ แล้วก็มาเร็วเกินคาดเสียด้วยสิ เมื่อรู้ว่าเป็นใคร

แน่แล้ว เขาจึงรีบแกะมือที่โอบรอบลำคอของเขาออกไปทันที เห็น

หน้าเรียวสวยหงิกงอขึ้นมาทันใด แอบคิดไม่ได้ว่าหล่อนสวยขึ้นเป็นกอง

ทีเดียวแฮะ สวยกว่าสาวๆ ทุกคนที่เขาควงเลยทีเดียวก็ว่าได้ แต่เสียใจ

ด้วย เขาไม่ชอบเด็ก

1 Ciao เชา สวัสดี คล้ายๆ Hello ในภาษาอังกฤษ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กแสบๆ เด็กนรกแบบหล่อนด้วยแล้ว

ไม่อยากได้ ไม่สนใจร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่ถ้าจะคิดกันไปดีๆ แล้ว อย่าง

หล่อนจะไม่สวยได้อย่างไรกัน ก็ลูกเสี้ยวนี่นา แม่เป็นไทยแท้ๆ ส่วนพ่อก็

เป็นลูกครึ่งอิตาเลียน แถมแม่หล่อน ซึ่งก็คือคุณทาริกานั้น ยังสวยชนิด

หาตัวจับยากมาตั้งแต่สาวๆ แล้วเสียด้วยสิ ดูๆ แล้วก็พอเทียบเคียงสูสีกับ

มารดาของเขาเองนั่นแหละ เรียกว่าสวยไม่สร่างกันทั้งคู่ แถมทั้งสองท่านนั้น

ยังไม่ยอมแก่กันง่ายๆ อีกต่างหาก

เพราะต่างก็ดูแลตัวเองกันเป็นอย่างดี เล่นเอาบรรดาสาวน้อย

สาวใหญ่ลองได้เห็นพวกท่านแล้วละก็ ต้องพากันอาย เพราะท่านทั้งสองคนนั้น

หน้าตายังอ่อนเยาว์ด้วยกันทั้งคู่ทีเดียว แล้วก็มีหลายครั้งที่เมธาวิน

ไปไหนมาไหนกับมารดา คนมักจะเข้าใจผิดว่านั่นคือพี่สาวของเขา เล่น

เอามารดาเขาเป็นปลื้มยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว แต่ก็อย่างว่า ขนาดเขายัง

คิดเลยว่าคุณฟารีดามารดาเขานั้นหน้าอ่อนจริง เมธาวินคิดได้เท่านั้นก็

ต้องถอนใจออกมาเมื่อมีเสียงดังขึ้นมา

“พี่วินรังเกียจตุ๊กตา”

นั่น! เจ้าหล่อนเริ่มงอแงอีกแล้ว ก็จะให้เขากอดหล่อนเข้าไป

ได้ยังไงกัน หล่อนใช่เด็กสาวขายาวเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้วเสียเมื่อไรกัน

ตอนนี้ทรวดทรงองค์เอวของหล่อนราวๆ กับนางสาวไทยก็ไม่ปาน แล้ว

เขาก็ได้ยินเสียงหล่อนกระแทกก้นลงไปกับเก้าอี้อีกครั้ง นั่นแสดงว่า

หล่อนเริ่มจะงอนเขาเข้าให้เสียแล้ว แต่เมธาวินมีหรือจะสนใจ

“ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดี๋ยวนี้!”

เมธาวินรีบออกปากไล่หล่อนให้ออกไปจากโต๊ะทำงานของเขา

ทันที โดยไม่คิดจะง้องอนคนแสนงอนที่พยายามจะทำทุกวิถีทางเพื่อ

เรียกร้องความสนใจจากเขาสักนิดเลย เห็นเจ้าหล่อนยังคงกอดอกหน้าตา

บึ้งตึง มองมาทางเขาหน้าหัก คงขัดใจที่เขาไม่ง้อหล่อน ไม่นานก็เห็น

แม่บามโบล่าเชิดหน้าขึ้น แล้วกล่าวออกมาอย่างคนเอาแต่ใจ

“ไม่เอา ตุ๊กตาจะนั่งเก้าอี้ตัวนี้ พี่วินนั่นแหละไปนั่งที่อื่น ตุ๊กตา

มาก่อน”

เท่านั้นเองเมธาวินก็โมโห เลยตะคอกใส่อีกฝ่ายอย่างเหลืออด

“บ้าแล้ว คนจะทำงาน อย่าทำเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง นี่โต๊ะทำงาน

ของพี่นะตุ๊กตา เราจะมานั่งอยู่ได้ยังไง”

เมธาวินกล่าวไปได้เท่านั้นก็ถึงกับตาวาวทันที เพราะพอเขา

พูดจบไปแล้ว หล่อนก็ไม่สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิดเดียว แถมยัง

หันไปแกะช็อกโกแลตกินหน้าตาเฉย เขาจึงต้องแหงนหน้าขึ้นมองไปยัง

เพดานแทน แล้วก็เริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ แต่ว่านับไปได้แค่สามเท่านั้น

เสียงของเจ้าหล่อนก็ดังขึ้นมา

“เอาเป็นว่าตุ๊กตาจะนั่งตัวนี้ พี่วินไปหาเก้าอี้ตัวใหม่มานั่งไป๊”

พออีกฝ่ายกล่าวอย่างไม่สนใจไยดีเจ้าของห้องแบบนั้น เมธาวิน

ก็ลอบมองไปที่ลำคอระหงขาวผ่องนั่นทันที คิดในใจว่ามือของเขาคงจะ

กำมันได้สบายๆ เลยทีเดียว แต่อย่างไรเสีย เขาก็ทำอะไรหล่อนไม่ได้อยู่ดี

ไม่อย่างนั้นมารดาของเขาได้เล่นงานเขาตายแน่ๆ ชายหนุ่มจึงได้แต่

หลับตานิ่ง จากนั้นก็มองหน้าหล่อนที่จ้องเขาตาใสแจ๋วอยู่นานแล้ว

อีกครั้ง พอเห็นอีกฝ่ายยิ้มกลับมาให้หน้าใส จึงแสร้งยิ้มตอบกลับไป

ทั้งที่ใจนั้นอยากหักคอให้ตายคามือ เมธาวินต้องข่มใจ ก่อนจะพยายาม

พูดออกไปให้เสียงนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้

โธ่! น้องตุ๊กตาครับ นี่มันเก้าอี้ของผู้จัดการนะครับ พี่วินจะต้อง

รีบทำงาน วันนี้พี่วินมีงานเร่ง ไม่อย่างนั้นพี่วินจะมาออฟฟิศแต่เช้าทำไม

กันคะ น้องตุ๊กตาไปนั่งที่โซฟานะครับ คนดี๊คนดีของพี่วิน อย่าบอกยาก

สิคะ เดี๋ยวไม่น่ารักนะคะคนสวย”

พอเมธาวินกล่าวออกไปแล้ว เขาก็แทบคลุ้มคลั่งเลยทีเดียว มัน

เรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาโอ๋แม่นี่ด้วย และก่อนที่แม่ตุ๊กตานรกจะตัดสินใจ

อะไรออกมานั้น ประตูห้องทำงานก็เปิดผลัวะเข้ามา ตามมาด้วยร่างขาว

อวบอัดพร้อมกับหน้าที่แต่งไว้อย่างเข้มจัด สตรีที่เข้ามาใหม่ยิ้มกว้างส่ง

มาให้เขาทันทีที่พบหน้า แล้วทำท่าจะเดินเข้ามาหาเขาอย่างที่หล่อนมัก

จะทำเป็นประจำ แต่แล้วยิ้มของหล่อนก็ต้องฝืดเฝื่อนและหุบฉับลงไป

ในทันใดเมื่อมีเสียงดังมาห้วนๆ

“เข้ามาทำไมไม่เคาะประตู?”

นั่นไง แม่ตุ๊กตานรกเริ่มสำแดงเดชใส่คู่ควงคนล่าสุดของเขา

เสียแล้ว

เขาเห็นเชอรี่ คู่ควงของเขามองมาที่เขาและยัยตุ๊กตานรกสลับ

กันไปมา แล้วหล่อนก็อ้าปากที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดออกมา ก่อนจะ

มองเขาตาโต ทำท่าประหลาดใจใส่จริตเข้าไปในกิริยาท่าทางตามแบบฉบับ

ของหล่อน

“อะไรคะวิน ใครกันนี่ เชอรี่งงไปหมดแล้วนะคะ? โอ้...อย่า

บอกนะคะวิน ว่าเดี๋ยวนี้คุณเปลี่ยนรสนิยมหันมาควงเด็กมัธยมเสียแล้ว

ระวังจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์นะคะ เด็กแบบนี้งอแงพูดจาไม่ค่อย

รู้เรื่อง แถมยังเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางอีกต่างหาก ว่าไงคะวิน เบื่อที่จะคบ

กับเชอรี่แล้วหรือคะ?”

เชอรี่กล่าวพร้อมเดินตรงรี่เข้ามาหาเขา แต่สายไปเสียแล้ว

เมื่อแม่ตุ๊กตานรกลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเจ้าหล่อนก็เชิดหน้า

ขึ้น พร้อมกับเอาสองมือกางขวางกั้นระหว่างเขาและเชอรี่เอาไว้ในท่า

ผู้รักษาประตูมือกาวเลยทีเดียว จนเมธาวินอดคิดในใจไม่ได้ว่า หล่อน

จุ้นจ้านยิ่งกว่ามารดาเขาเสียอีก ต่อมาก็เห็นหล่อนเปลี่ยนมาเท้าสะเอว

แล้วเอียงคอมองคู่ควงคนล่าสุดของเขา จากนั้นก็ได้ยินเสียงหล่อนเอ่ย

ขึ้นมาด้วยถ้อยคำที่ทำให้ทั้งเขาและเชอรี่สะดุ้งพร้อมกันเลยทีเดียว

“ว่าไงคุณเชอแรด เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูเสียก่อน?”

เมธาวินได้ยินดังนั้น ก็รีบสะกิดไหล่หล่อนทันที

“หือ?” หล่อนทำเสียงในลำคอเบาๆ แล้วแหงนหน้าขึ้นมองเขา

ด้วยสีหน้างงๆ เมธาวินหรี่เสียงลงกระซิบกระซาบกับหล่อนทันที

“พี่เขาชื่อเชอรี่นะตุ๊กตา ไม่ใช่เชอแรด ก้าวร้าวใหญ่แล้วนะ”

“อ้าวเหรอ! ขอโทษๆ คุณพี่เชอรี่ว่าไงล่ะ เข้ามาทำไมไม่เคาะ

ประตูก่อน นี่มันออฟฟิศนะคะ ไม่ใช่สวนสาธารณะ เวลาจะเข้าจะออก

ถึงไม่ต้องแจกแจงอะไรใครก็ได้”

“ตุ๊กตา!”

เมธาวินรีบปรามหล่อนออกไปโดยไว เมื่อเห็นเชอรี่ทำหน้า

ราวกับจะร้องไห้ออกมา เท่านั้นเองยัยตุ๊กตานรกก็หันมาค้อนให้เขา แล้ว

ก็ถามต่อไปอย่างไม่ยอมเลิกรา

“ว่ายังไง มีธุระอะไร?”

จบคำถามหล่อน เชอรี่ที่เคยเห็นว่าเก่งนักหนา มาบัดนี้กลับ

อึกอักพูดจาไม่ออกไปเลยทีเดียว เขาเลยต้องหันไปเอ็ดแม่ตุ๊กตานรก

แทน

“ตุ๊กตา สุภาพกับแขกของพี่หน่อยจะได้ไหม”

เท่านั้นเองดวงตาอ่อนเชื่อมหวานเป็นนิจนั้นก็หันมาค้อนควัก

ให้เขาทันที แล้วก็เอ็ดกลับมาเสียงเข้มงวด ซึ่งแม้แต่มารดาของเขาเองนั้น

ก็ยังไม่เคยใช้เสียงแบบนี้กับเขาเสียที

“เงียบไปเลยนะพี่วิน ไม่อย่างนั้นตุ๊กตาจะฟ้องแม่ฟางด้วย

ว่าพี่วินพาผู้หญิงมากัดกันที่ออฟฟิศนี้ให้ตุ๊กตาเห็น ตุ๊กตากำลังจัดระเบียบ

ออฟฟิศให้พี่วินใหม่ ก็ไหนบอกว่ามีงานเร่งไง ถ้างานเร่งก็ไม่ควรเอา

เวลาส่วนตัวมาปะปนกับงาน หรือพี่วินยังไม่เข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจ ตุ๊กตา

ก็จะรายงานแม่ฟาง ให้แม่ฟางจัดการกับพี่วินเอง ว่าการพาผู้หญิงมา

กัดกันในออฟฟิศให้ตุ๊กตาได้เห็นนั้น โทษคืออะไร”

สิ้นคำที่ร่ายมายาวเหยียดนั้น เขาก็ต้องเงียบกริบ ปล่อย

ทุกอย่างให้เป็นไปตามยถากรรม ปลงใจเลยว่าเขาและน้องเชอรี่นั้น

คงสิ้นบุญสิ้นวาสนากันเพียงเท่านี้ ก็หล่อนเล่นเอามารดามาขู่เขานี่นา

และเขายังไม่อยากอับอายเสียด้วย เป็นที่รู้กันดีว่า ความหมายของ

คำว่ากัดกันของแม่ตุ๊กตานรกนั้นคืออะไรกันแน่ เมธาวินก้มหน้านิ่งเมื่อ

เสียงหล่อนยังคงดังต่อไป

“ทีหลัง ไม่มีธุระอะไรก็ไม่ต้องมานะ ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมา

คุยที่ทำงาน มีอะไรก็ไปคุยกันนอกเวลา”

คำสั่งเฉียบขาดที่เปล่งออกมาจากปากเล็กๆ ของหล่อนนั้น

ทำเอาเขางงไปเลยทีเดียวว่า ตัวเองไปมีเมียตั้งแต่เมื่อไรกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น

ยัยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเบื้องหน้านี้นัก หล่อนใช้สิทธิ์อะไรมายุ่งวุ่นวาย

กับชีวิตเขากันเล่าเนี่ย แต่แล้วใบหน้าที่งุนงงก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นจืดเจื่อน

เมื่อเห็นเชอรี่มองมาทางเขาด้วยสายตาตัดพ้อกึ่งร้าวรานใจ ก็ไม่รู้ว่าจะ

ทำหน้าอย่างไรดี ตุ๊กตากำลังแทรกแซงความเป็นส่วนตัวของเขา เหมือน

ครั้งที่เขาอยู่อิตาลีไม่มีผิด

“ไหนคุณวินบอกว่าไม่มีใคร แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันคะ?”

“เอ่อ...”

“เป็นคนที่มีสิทธิ์ไง”

นั่น! หล่อนอาศัยตอนเขากำลังมึนตึบ ชี้แจงเสียเองเลย เวรกรรม!

นรกมีจริงสวรรค์หายไป เมื่อหล่อนปรากฏกายขึ้นมา  แล้วเขาก็ต้องสะดุ้ง

อีกครั้ง เมื่อเชอรี่นํ้าตาท่วมแล้วก็ตะคอกใส่หน้าเขา

“คนเฮงซวย อย่าได้เจอกันอีกเลย กับแค่เด็กมัธยมก็กลัวจน

หัวหด แล้วอย่างนี้จะมาดูแลเชอรี่ได้ยังไงกัน”

หล่อนปรามาสเขาจบก็วิ่งออกไปจากห้องทันที เมธาวินทำท่า

จะตามออกไปอีกคน แต่ก็ต้องหยุดกึกกับเสียงยัยตุ๊กตานรกที่ดังมา

อย่างเด็ดขาดและเข้มงวด

“เดี๋ยว! จะไปไหน? ถ้าออกไปจากห้องนี้เมื่อไรนะ ตุ๊กตาจะ

บอกแม่ฟางจริงๆ ด้วย ว่าพี่วินไม่ต้อนรับตุ๊กตา เห็นสาวๆ ดีกว่าตุ๊กตา

พอสาวๆ มา พี่วินก็ทิ้งตุ๊กตาให้เฝ้าออฟฟิศอยู่คนเดียว”

เท่านั้นเองเขาก็กัดฟันดังกรอด! แล้วเดินกลับมากระแทกก้น

ลงบนเก้าอี้ด้วยความเจ็บใจ อึดอัดใจนักที่ไม่สามารถทำอะไรยัยตุ๊กตา

นรกนี้ได้เลย ตลอดเวลาที่เมธาวินนั่งทำงานไปนั้น เขาก็แอบชำเลือง

มองบามโบล่าเป็นระยะๆ เห็นหล่อนนั่งแกะโน่นกินนี่ไม่หยุดปาก เลย

นึกแช่งชักหักกระดูกในใจให้หล่อนกลายร่างเป็นหมูในบัดดล แต่มันก็

ไม่สำเร็จหรอก เพราะเขาแช่งหล่อนอย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนโน้น

แล้ว ก็ครั้งที่เขาไปอยู่อิตาลีนั่นแหละ เขาแช่งหล่อนทุกวัน แช่งมันทุกครั้ง

ที่เห็นหล่อนหยิบอาหารขึ้นมากระแทกปากเลยทีเดียว แช่งให้หล่อนเป็น

ช้างน้ำ เป็นหมู เป็นฮิปโป ให้หน้าท้องนูนเหมือนแตงโม โอ๊ย! สารพัด

จะแช่ง แต่หล่อนก็ยังเป็นคนโชคดีมากๆ เพราะไม่ว่าหล่อนจะกินเท่าไร

ก็ไม่อ้วนเลยสักที

เมธาวินแอบมองสำรวจทรวดทรงองค์เอวของหล่อน แล้วก็ต้อง

ยอมรับว่าหล่อนรูปทรงดีมากๆ สวยกว่าเมื่อห้าปีก่อนนั้นเป็นกองเชียว

แหละ เขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ลอบมองดวงหน้าขาวเรียวนวลนั้น แล้ว

ก็อดคิดไม่ได้ว่า ไม่น่าเชื่อเลย เวลาห้าปีที่ผ่านมานั้นมันได้กระชาก

วัยเด็กของหล่อนไปจนหมดสิ้น เหลือแต่ความสาวสวยสดงดงามสะพรั่ง

เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติได้ถึงเพียงนี้ เขามองไปที่คิ้วดกหนาเรียว

ได้รูปและดวงตาโตคมหวานอ่อนเชื่อมนั้น ก็อดรู้สึกชื่นชมในใจไม่ได้

จากนั้นจึงมองต่ำลงมายังจมูกโด่งรั้นของหล่อนและริมฝีปากรูปกระจับ

บอบบางสีชมพูระเรื่อ เห็นปากงามๆ นั้นแล้วมันน่าจูบชะมัด

พอคิดได้ดังนั้นเมธาวินก็สะดุ้งเฮือก เขาคิดไปได้ยังไงเนี่ย ว่า

หล่อนน่าจูบ เขาไม่ควรมีความคิดนี้กับหล่อนเลยด้วยซ้ำไป เพราะ

ข้อแรกนั้น หล่อนคือน้อง และข้อที่สองนั้น หล่อนคือตัวอันตรายที่สุด

เลยก็ว่าได้ เพราะหล่อนสามารถนำความอับอายมาให้เขาได้ทุกเมื่อ ก็ดู

อย่างตอนนี้สิเล่า หล่อนเพิ่งเดินทางมาถึงยังไม่ทันไร ก็ตีคู่ควงคนสวย

ของเขาซะจนกระเซอะกระเซิงวิ่งออกจากประตูไปแทบไม่ทัน และโดยที่

เขาไม่สามารถทำอะไรหล่อนได้เสียด้วยสิ เสียหน้าชะมัด ทั้งๆ ที่เขาเกิด

ก่อนหล่อนแท้ๆ แต่หล่อนกลับมาข่มเขาเสียได้ เมธาวินคิดแล้วก็เลื่อน

สายตาลงไปหยุดที่ทรวงอกเต่งงามของหล่อนนิ่ง และสาบานได้เลยว่า

เขายังจ้องมันไม่เท่าไรเลยด้วยซํ้าไป ก็มีอันต้องสะดุ้งกับเสียงของหล่อน

ทันที

“มองอะไร คิดทะลึ่งอยู่หรือเปล่า?”

เท่านั้นเองเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังยัยตุ๊กตานรกอีกครั้ง เห็น

หล่อนมองมาด้วยสายตาจับผิดแบบนั้น ก็หน้าตึงให้หล่อนบ้าง แล้ว

ตะคอกออกไปโดยไม่ยอมสบตาอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

“จะบ้าเหรอ เห็นมาตั้งแต่เด็ก จะไปคิดอะไรได้ ไม่แก่แดด

ไปหน่อยหรือเรา”

คำตอบนี้แม้ว่ามันจะฟังดูไม่ดีเท่าใดนัก แต่เขาก็ตอบออกไป

แล้ว และเขาก็คิดไม่ออกด้วยว่า จะตอบอะไรให้มันฟังดูดีกว่านี้ และ

คำตอบนี้เองที่ทำให้ยัยตุ๊กตานรกนั่นหน้างอไปทันที หล่อนหยิบหมอน

บนโซฟามากอด แล้วก็หันหน้าหนีเขาทันใด ซึ่งเขารู้เลยว่าอาการแบบนี้

แปลว่ากำลังงอน แต่งอนอะไรนั้น อันนี้เขาเองก็ไม่สามารถจะรู้ได้ แล้วก็

ไม่คิดจะถามหรือว่าง้องอนหล่อนด้วย เพราะงอนเองก็ย่อมหายเองได้

แล้วพอหล่อนหาย ก็จะกลับมารังควานเขาอีก เหมือนเดิมทุกครั้งไป

ชายหนุ่มเห็นร่างงามนั้นค่อยๆ นอนลงบนโซฟายาว แล้ว

หันหลังให้เขาอย่างแง่งอน เมธาวินส่ายศีรษะทันที คิดในใจว่าไม่เคย

เปลี่ยนเลยจริงๆ งอนแล้วก็หลับ หลังจากนั้นก็ตื่นขึ้นมากินต่อ มันก็

แค่นั้นแหละชีวิตหล่อน ดีล่ะหลับไปเลย เขาจะได้อาศัยจังหวะนี้หนี

หล่อนออกไปข้างนอกเสียเลย แล้วก็ทิ้งให้หล่อนอยู่ในนี้แหละ แล้วพอ

หล่อนตื่นขึ้นมา ก็จะให้หล่อนกลับบ้านไปกับคนขับรถเสียเลย แล้วเขา

ก็จะบอกมารดาว่ามีธุระด่วน ลูกค้านัดไปกินข้าว เขาคิดได้เท่านั้นก็ต้อง

สะดุ้งเมื่อเสียงหล่อนดังอู้อี้ขึ้นมา

“อย่าไปไหนนะ ถ้าจะไป เรียกด้วย อย่าทิ้งตุ๊กตานะ”

โอ้โฮ...เมธาวินฟังดังนั้นก็แอบย่นจมูกให้ทันที นี่หล่อนมี

ญาณพิเศษหรือไงนะ ถึงได้ดักคอเขาแบบนี้ ราวกับล่วงรู้ได้เลยว่า เขา

กำลังเตรียมการลอยแพหล่อนอยู่ มองไปอีกทีก็เห็นหล่อนเริ่มหายใจ

สม่ำเสมอ นี่แสดงว่าหล่อนหลับไปแล้ว นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า

เดินทางมาเหนื่อยๆ ทำไมไม่ไปพักที่บ้านเขานะ มาโผล่ที่ออฟฟิศเขา

ทำไมกัน แต่ก็อย่างว่าแหละ ไอ้เรื่องแปลกๆ แผลงๆ นี้ มีใครเป็นแบบ

หล่อนกันบ้างล่ะ

คิดได้เท่านั้นก็อดสงสารไม่ได้ หล่อนคงเหนื่อยจากการเดินทาง

มิใช่น้อยเชียวแหละ เมธาวินมองบามโบล่าอยู่พักหนึ่ง ลึกๆ แล้วก็อด

เวทนาเจ้าของร่างแน่งน้อยนั้นไม่ได้ หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นยืน แล้วไป

หยิบหมอนโดราเอมอนและผ้าห่มลายเดียวกัน จัดการห่มผ้าให้หล่อน

เรียบร้อย จากนั้นก็เอาหมอนโดราเอมอนให้หล่อนกอดไว้ ดูทีแล้วหล่อน

คงจะสบายตัวขึ้นเยอะทีเดียว พอเห็นว่าแม่สาวแสบนอนสบายแล้ว เขา

จึงเดินกลับไปทำงานของตัวเองต่อ

มธาวินเลี้ยวรถเข้าไปในบ้าน แล้วลอบมองยัยตุ๊กตานรก

เห็นเจ้าหล่อนชะเง้อคอมองซ้ายทีขวาทีด้วยแววตาตื่นเต้น และพอเขา

จอดรถได้เท่านั้น หล่อนก็เปิดประตูวิ่งลงไปทันที จากนั้นก็เดินกึ่งกระโดด

ไปตลอดทาง และพอไปถึงตัวบ้านได้เท่านั้น แม่คุณก็วิ่งปร๋อเลยทีเดียว

ส่วนปากนั้นก็ตะโกนเรียกหามารดาเขาเสียงลั่น

ยัยบ้านนอกเอ๋ย เมธาวินแอบนินทาหล่อนในใจ เมื่อเสียงหล่อน

ยังเรียกมารดาเขาไม่หยุดเสียที และถ้าจะหยุดได้ ก็ต่อเมื่อได้พบมารดา

ของเขานั่นแหละ

“แม่ฟางคะ แม่ฟาง คุณแม่ฟางขา”

หน็อยแน่! แม่คนนี้ พอมาถึงก็จะมายึดมารดาเขาเลยนะ

เมธาวินอดเข่นเขี้ยวหล่อนในใจไม่ได้ เพราะขี้ประจบแบบนี้ไงเล่า มารดาเขา

เลยทูนหัวทูนเกล้ารักนักรักหนา ตามใจยิ่งกว่าลูกในไส้ของตัวเองเสียอีก

นี่ถ้าเกิดเขาเล่าเรื่องที่หล่อนตะเพิดคู่ควงเขาให้มารดาฟังแล้วละก็ รู้เลย

ว่า มารดาจะต้องบอกว่าก็ดีแล้วล่ะลูก ที่ทำงานก็ต้องคุยเรื่องงาน ส่วน

เรื่องส่วนตัว ก็เก็บไว้คุยกันที่บ้าน ถึงจะเป็นบริษัทของเราเองก็เถอะ แต่

เราก็ต้องมีระเบียบ จะได้เป็นตัวอย่างที่ดีของลูกน้อง เมธาวินคิดอย่าง

เซ็งๆ และในที่สุดมารดาเขาก็โผล่มา และนั่นเองแม่ตุ๊กตานรกก็โผเข้าไป

หอมแก้มมารดาเขาเป็นการใหญ่

“โบล่าคิดถึงคุณแม่ที่สุดเลยคะ”

พอหล่อนจัดการหยอดคุณฟารีดาจบ ก็ถูกมารดาเขาจูงไปยัง

ห้องนั่งเล่นทันที ซึ่งมีเมริยากับเมโยรี น้องสาวของเขานั่งคอยอยู่ก่อน

แล้ว และพอเห็นหล่อนปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น แม่น้องสาวทั้งสองคนของ

เขาต่างก็พากันตื่นเต้นกับการมาของหล่อนกันใหญ่โต มีแต่เขานั่นแหละ

ที่นั่งหน้าตูมอยู่คนเดียว เพราะทั้งแม่ทั้งน้องไม่มีใครทักทายเขาเลยสักคน

ต่างพากันไปรุมกอดแม่ตัวดีกันเสียหมด

“คุณแม่ฟางขา อันนี้คุณแม่ริกาฝากให้โบล่าเอามาให้ค่ะ”

เมธาวินแอบชำเลืองมองไป เห็นมารดากำลังเปิดกล่องกำมะหยี่

ออกมา แล้วก็ส่ายศีรษะทันที

“แม่เรานี่ยังไงนะโบล่า เครื่องประดับแพงๆ แบบนี้ ใครเขาเอา

มาเป็นของฝากกัน แค่ขนมเล็กๆ น้อยๆ ก็พอจ้ะ ทีหลังบอกคุณแม่ด้วย

นะจ๊ะน้องโบล่า ว่าอย่าเอาของแพงแบบนี้มายกให้กันง่ายๆ”

พอมารดาเขากล่าวจบ บามโบล่าก็ย่นจมูกทันที แล้วเอ่ยมา

ตาใสแจ๋ว ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนใจไปกับสีหน้ากังวลของมารดาเขาเลย

“อย่าห่วงเลยค่ะคุณแม่ฟาง เพราะคุณแม่ริกาของโบล่านั้น

มีเยอะแยะมาก ใครๆ ก็พากันยกให้คุณแม่หมดทุกคน ท่านก็เลยหา

คนช่วยใส่น่ะค่ะ”

เมธาวินได้ฟังยัยตุ๊กตานรกพูดแล้ว ก็แอบเบ้ปากให้หล่อน

ทันที หมั่นไส้คนรวยขึ้นมาตงิดๆ ยัยตุ๊กตานรกนี่ พอมาเมืองไทยก็พกพา

ความเป็นคุณหนูติดมาด้วย อยู่อิตาลีไม่เบื่อบ้างหรือไง ไปไหนมาไหน

คนก็พากันพะเน้าพะนอ ป้อยอ ประจบประแจงหล่อนตลอดเวลา เพราะ

อวดรวยแบบนี้ไงเล่า เขาเลยอดหมั่นไส้ไม่ได้ทุกที น้องๆ ของเขาก็จัดว่า

เป็นลูกเศรษฐี ยังไม่เห็นจะทำตัวโอเวอร์แบบหล่อนเลย แบบนี้จะต้องแอบ

พาไปปล่อยให้ลำบากเสียให้เข็ด แบบว่าเอาไปแบกโอ่งแบกกระสอบทราย

จะได้รู้ว่าโลกเรานั้นยังอีกกว้างไกล ไม่ได้มีแต่สีสันสวยสดงดงาม

เสมอไป จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหล่อนกล่าวต่อไปอีก

“ของพี่ริยากับน้องโยรีก็มีนะคะ อันนี้โบล่าซื้อมาฝากเองเลย

ค่ะ”

พอหล่อนกล่าวจบ เขาก็เห็นหล่อนยื่นกล่องกำมะหยี่ให้เมริยา

ที่อาวุโสวัยกว่าหล่อนทันที

“อันนี้ของพี่ริยาค่ะ เป็นจี้รูปหัวใจฝังเพชรเม็ดเล็กๆ โบล่าว่า

เหมาะกับผู้หญิงอ่อนหวานอย่างพี่ริยาที่สุดในโลกเลยค่ะ”

พอหล่อนกล่าวจบ เขาก็เห็นแก้มของเมริยา น้องสาวคนโต

ของเขาเองนั้นซับสีชมพูจางๆ ขึ้นมาทันใด จึงแอบนินทาในใจว่านอกจาก

หล่อนจะประจบประแจงเก่งแล้ว เจ้าหล่อนยังยกยอปอปั้นเก่งอีกต่างหาก

หลังจากนั้นก็เห็นหล่อนหันไปทางเมโยรี น้องสาวอีกคนของเขา ที่อ่อนวัย

กว่าหล่อนทันที

“อันนี้ของโยรีจ้ะ พอพี่โบล่าเห็นก็นึกถึงเลย”

นั่น! หล่อนเริ่มหลอกเด็กให้มาเป็นพรรคพวกของตนอีกแล้ว

ตอนนี้ทุกคนเริ่มทยอยไปสวามิภักดิ์เจ้าหล่อนกันหมดแล้ว อ้าว...แล้ว

นี่ใครจะมาเป็นพวกเขากันล่ะทีนี้

เมธาวินคิดอย่างเคืองๆ มองเมโยรีที่ดูเหมือนจะเห่อสร้อยทองคำขาว

ที่มีจี้มาธาดอร์หนุ่ม2 ถือผ้าเคปล่อวัวกระทิงขนาดจิ๋วพ่วงมาด้วยเป็นหนักหนา

เข้าใจจับจุดดีเหลือเกินนะแม่ตัวดี รู้ว่าน้องสาวคนเล็กของเขาคลั่งไคล้

อะไรที่เป็นสเปน ก็รีบหามาให้ นี่ถ้าเอาชุดเต้นระบำฟลาเมนโกมาให้ด้วย

แล้วละก็ หล่อนอยากได้อะไรล่ะ รับรองได้เลยว่า เมโยรี น้องนุชคนสุดท้อง

ของเขานั้นจะต้องรีบหามาให้หล่อนทันที

เพราะเมโยรีนั้นถึงแม้จะตัวแค่นี้ก็ตาม แต่ก็ร่ำๆ กับมารดาเสีย

เหลือเกินว่า โตขึ้น หล่อนจะเปิดโรงเรียนสอนเต้นระบำ ทุกวันนี้น้องสาว

ของเขาก็คอยแต่ออดอ้อนมารดาอยู่ทุกคืนวันว่า ถ้าโตกว่านี้แล้ว ขอให้

มารดาช่วยส่งหล่อนไปเรียนเต้นระบำที่สเปนที ก็ให้ไปเถอะ เมธาวินคิด

ประชดน้องสาวคนเล็ก แล้วถ้าจะให้ดี ให้หล่อนแต่งงานกับพวกมาธาดอร์

หรือหนุ่มสเปนไปเลยก็ยิ่งดี ดูแล้วก็เข้ากันดี มาธาดอร์หนุ่มกับครูสอน

เต้นระบำสาว เมธาวินแอบคิดประชดน้องสาวในใจ โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่

ตนเองคิดเล่นๆ นั้นจะกลับกลายมาเป็นเรื่องจริงในเวลาอีกไม่ช้านาน

เท่าใดนัก

เขาลอบมองดูสาวน้อยเลือดผสมอิตาเลียนที่จัดการหยิบโน่น

หยิบนี่มาแจกให้ทุกคนจนครบ จากนั้นเมธาวินจึงนั่งนิ่งอย่างรอคอย

เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นคิวของเขาบ้างแล้ว อดลุ้นไม่ได้ว่า หล่อนจะ

เอาอะไรมาฝากเขากันหนอ แต่หล่อนก็ยังหยิบช็อกโกแลต ลูกอม ขนม

สารพัดอย่างออกมา ไม่เห็นมีของเขาสักอย่างเดียว สุดท้ายเมธาวินก็

2 Matador มาธาดอร์ นักต่อสู้วัวกระทิง

อดขุ่นใจไม่ได้ คนอะไรไม่มีนํ้าใจเอาเสียเลย ตอนที่เขาอยู่อิตาลีนั้น เขา

ต้องยอมตกเป็นทาสหล่อนเสมอมา พาไปเล่นอะไรที่มันปัญญาอ่อน

ตลอดเวลาที่หล่อนต้องการเลยก็ว่าได้ แล้วเขายังยินยอมกระเตงหล่อน

ไปเที่ยวด้วยกันเสมอ แม้บางครั้งจะอยากไปกับคู่นัดสองต่อสองบ้าง

ก็ตามเถอะ ไอ้จะนึกถึงกันบ้างกลับไม่มีเลย คิดแล้วอยากหักคอยัยตุ๊กตานรก

นัก ผู้หญิงอะไรน่าเกลียดที่สุดในโลก เมธาวินคิดอย่างเคืองๆ เมื่อไม่ได้

ของฝากจากหล่อนเหมือนคนอื่นๆ เลยเอาแต่นั่งหน้าหงิกไม่พูดไม่จา

กับใครทั้งสิ้น


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (23 รายการ)

www.batorastore.com © 2024