หนี้รักอาญาหัวใจ เล่ม 1 (แก้วชวาลา) (ฉบับปรับปรุง)

หนี้รักอาญาหัวใจ เล่ม 1 (แก้วชวาลา) (ฉบับปรับปรุง)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786169077138
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 289.00 บาท 72.25 บาท
ประหยัด: 216.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เรื่อง หนี้รักอาญาหัวใจ (เล่ม 1)

โดย แก้วชวาลา

 

บทนำ

ตำนานนางวันทอง

บนโต๊ะอาหารของคฤหาสน์ธนะกิจไพศาล ทุกคนในบ้าน

ต่างพากันรับประทานกันแบบเงียบๆ และติดจะเครียดๆ ซึ่งเหตุการณ์

อย่างนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคนไปแล้ว เนื่องด้วยบุรุษใบหน้า

คมเข้มวัยยี่สิบปลายๆ ที่ขณะนี้ดำรงตำแหน่งประมุขของบ้าน หรืออีก

ตำแหน่งหนึ่งก็คือบุรุษผู้กุมบังเหียนกิจการทุกอย่างของครอบครัวเอาไว้

กำลังนั่งหน้าตึงขึ้งเครียดด้วยความรู้สึกไม่พอใจ ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้อยู่เสมอ

เป็นอยู่ทุกๆ วัน นับตั้งแต่วันที่เขาได้เดินทางกลับมา หลังจากที่จบการศึกษา

ขั้นสูงสุดที่ต่างประเทศ

เมธัส ธนะกิจไพศาลกำลังโกรธและเกลียดกาฝากหญิงชาย

สองคนในบ้าน ซึ่งหนึ่งนั้นก็คือภาคภูมิ ผู้ชายที่มารดาเขาเก็บมาอุปการะ

และสองก็คือแม่ฟารีดา อดีตคู่หมั้นจอมลวงโลกของเขา ซึ่งปัจจุบันนี้

 

 

 

 

หล่อนได้ทรยศต่อเขา และหันไปอยู่กินกับภาคภูมิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อันที่จริงสองคนนี้น่าจะไปให้ไกลหูไกลตาเขาซะ หลีกไปรักกันลำพังสองคน

ซะให้พอ แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อสองคนนี้ยังหน้าด้านหน้าทน

ปักหลักอยู่ที่นี่ต่อ ซึ่งบ่อยครั้งที่เมธัสพยายามจะไม่สนใจหรือใส่ใจคนคู่นี้

อีก แต่มารดาก็ทำเหมือนจะแกล้งกัน เพราะจู่ๆ ท่านก็มาขอร้องวิงวอน

ให้เขารับฟารีดาไปเป็นเลขาฯ ของตน ทั้งที่ใจจริงแล้วนั้น เมธัสไม่ได้

ต้องการหรือพิสมัยหล่อนแต่อย่างใด รวมทั้งยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะ

ต้องมีเลขาฯ เพิ่มอีกด้วย

แต่ในที่สุดเมธัสก็ต้องยอมให้หล่อนเข้ามาทำงานร่วมกับเขา

ทั้งที่จริงๆ แล้วเขานั้นเหม็นหน้าและชิงชังหล่อนเหลือทน เกลียดเหมือน

จะตาย หน้าหรือก็สวยดี แต่ใจสิ ชั่วร้ายโมรากากีอะไรอย่างนี้ ถ้าจะ

เปรียบไป หล่อนก็ไม่ต่างไปจากนางวันทองสองใจในเรื่องขุนช้างขุนแผน

สักเท่าใดหรอก ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเกลียดชัง แล้วก็ยิ่งชิงชังมากขึ้น เมื่อต้องฝืนทน

นั่งรับประทานอาหารเช้าร่วมกับหล่อนทุกๆ วัน

‘ฮึ! ลำพังแค่เจอกันที่ทำงานก็เกินจะกลืนเข้าไปแล้ว ยังจะ

ต้องกลับมาเจอหล่อนที่บ้านตัวเองอีก ปัดโธ่เอ๊ย! พวกกาฝากนี้ สงสัย

คิดจะเกาะครอบครัวเขากินไปจนวันตายเสียแล้วล่ะมั้ง ก็แล้วทำไม

หล่อนและครอบครัวจึงไม่พากันย้ายออกไปเสียที หวังแต่จะพึ่งพาอาศัย

ข้าวปลาอาหารเขาอยู่ทุกวี่ทุกวันทำไมกัน’

เมธัสคิดพร้อมปรายตาไปมองภาคภูมิและฟารีดาอย่างหมิ่นแคลน

แล้วสายตาคมกริบก็ตวัดไปยังร่างบอบบาง ดวงตาคมจับนิ่งที่ดวงหน้า

เรียวสวยรูปไข่หวานละมุน

‘ฮึ! งูพิษชัดๆ เห็นสวยใสแบบนี้เถอะ โกหกพกลมเก่งเป็นไฟแลบ

เลยล่ะ แถมหัวใจยังดำเป็นอีกาอีกต่างหาก นางจิ้งจอกสาว’

เมธัสก่นด่าเลขาฯ และอดีตคนรักของตนในใจ ต่อให้ถึงวันตาย

เขาก็จะไม่หยุดชิงชังคนสวยหน้าใสแบบหล่อนเป็นอันขาด ดวงตาคู่คม

พยายามส่งสายตาของความเคียดแค้นชิงชังไปยังเจ้าของเรือนผมดกดำ

เงางาม แล้วก็ต้องขยับกายอย่างหงุดหงิด เมื่อหล่อนตักอาหารใส่ริมฝีปาก

 

 

 

 

 

 

สีชมพูระเรื่อ แล้วกินมันเข้าไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะอาหาร และไม่มีใคร

คิดจะหันมาสนใจตน เมธัสจึงถอนใจเบาๆ ลอบสำรวจฟารีดาอย่าง

เงียบๆ นานมากแล้วสินะที่สายตาเขาจะเพ่งมองพินิจพิจารณาหล่อน

อย่างจริงจัง ฟารีดาสวยขึ้นมากจริงๆ เขาไม่เถียงตรงจุดนี้ ด้วยวัยเพียง

ยี่สิบต้นๆ ของสตรีที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัย หล่อนเติบโตมาอย่างงดงาม

สะคราญตา แม้จะผ่ายผอมลง แต่ก็ดูหวานขึ้น สง่างามขึ้น สวยจับตา

อย่างไม่น่าเชื่อว่าหล่อนจะมีไอ้เด็กเปรตที่เขาไม่คิดแม้แต่จะชายตาแล

ให้เสียลูกตามาแหกปากเรียกหล่อนเข้าหูทุกครั้งว่าแม่ฟางๆ ผู้หญิงกากี

ปากพูดอยู่ทุกวันว่ารักเขา ครั้นพอเขาจากไปเพื่ออนาคตเดี๋ยวเดียวเท่านั้น

หล่อนก็มีลูกกับผู้ชายอีกคน ที่เขาเคยยอมรับให้มันเข้ามาเป็นน้อง โดย

ไม่คิดจะรังเกียจเลยว่า หัวนอนปลายเท้าของมันมาจากไหน ถึงได้ถูก

ไข่แล้วทิ้งไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอย่างนั้น

เมธัสคิดแล้วมองไปยังดวงตากลมโตที่ล้อมรอบด้วยขนตา

ดกหนา เป็นดวงตาที่เขาเคยชอบมองเป็นนิจ เพราะมันดูสดใสแจ่มจรัส

ข้างในลูกนัยน์ตาดำขลับนั้นมีประกายเล็กๆ ดุจดวงดาว ดวงตานั้นช่าง

ดูใสซื่อไร้เดียงสา แต่ทว่าอนิจจา...หล่อนไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย

เพราะความจริงแล้วนั้น หล่อนก็คือแม่จอมโกหก จิตใจโลเล ฟารีดาคือ

ผู้หญิงลวงโลก วันที่เท้าเขาเหยียบที่เมืองไทยเป็นครั้งแรกนั้น เมธัสถึงกับ

ช็อกไปเลยทีเดียว เมื่อได้ยินเสียงเด็กนรกนามว่าภัทรเมธเรียกหล่อนว่า

แม่ แล้วก็รู้สึกเหมือนโลกถล่มลงมาตรงหน้าอีกครั้ง เมื่อเด็กเปรตที่เห็น

แวบๆ ว่าตัวขาวๆ เรียกภาคภูมิว่าพ่อ แล้วนับจากวันนั้น วันที่ได้พบกับ

หลักฐานที่ได้ยินเต็มสองหู นัยน์ตาเมธัสก็พร่าเลือน ไม่เห็นว่ามีฟารีดา

และภาคภูมิรวมทั้งเด็กเปรตนั่นอยู่ในโลกอีกเลย

เมธัสไม่รับรู้ถึงการมาต้อนรับของทุกคน ทำไม่ได้แม้แต่การฝืน

กระตุกมุมปากยิ้มให้มารดา เขาหาความขบขันและค้นหาโลกสวยของ

ตัวเองไม่ได้เลย และไม่ยอมแม้แต่เอ่ยปากเท้าความถามไถ่ถึงการทรยศ

ครั้งนี้อีก เมื่อทราบความจริงแล้วว่าฟารีดาได้ย้ายเข้าไปอยู่ในห้องชุด

 

 

ด้วยกันกับภาคภูมิ ทั้งสองอยู่รวมกันในห้องชุดที่มารดาเขาสั่งทำขึ้นมา

เป็นพิเศษสำหรับคนทั้งคู่ อยู่ในบ้านซึ่งเขาขึ้นครอบครองแทนบิดา ฟารีดา

กับภาคภูมิหักหลังเขาโดยการมีสัมพันธ์กันระหว่างที่เขาไม่อยู่ ฟารีดา

ทรยศต่อความรักความภักดีของเขาโดยการหนีไปมีผู้ชายคนใหม่ หล่อน

ทำมันได้อย่างเลือดเย็นมาก คิดมาถึงตรงนี้เมธัสก็กัดฟันกรอด มองไปยัง

จมูกโด่งเล็กๆ ที่เมื่อก่อนเขาชอบจับมันโยกไปมาอย่างรักใคร่เอ็นดู และ

ปากอิ่มระเรื่อที่เคยฝันเอาไว้ว่า สักวันหนึ่งเขาจะจูบมันให้สมใจภักดิ์

แล้ววันนี้ล่ะเป็นไง เขามันก็คือไอ้โง่ไอ้งั่งที่ไม่เคยคิดล่วงเกิน

หล่อนมาตลอดเวลาที่คบหารักใคร่กัน แล้วสุดท้ายมันก็คือเหตุผลโง่ๆ

ของไอ้ไก่อ่อนเท่านั้น เหตุผลที่ว่าเพราะต้องการให้หล่อนเป็นเจ้าสาว

ที่สะอาดและบริสุทธิ์ในคืนวันวิวาห์ เหตุผลซื่อๆ ว่าเขาอดทนและรอคอย

ได้ เพื่อสตรีที่เขารักอย่างปักจิตปักใจจะได้มีความสุขและภาคภูมิใจ

เหลือล้นในคืนวิวาห์ ความฝันดีๆ อย่างหนุ่มละอ่อนยังไม่หย่านมคิด

ต้องมาพังทลายลง เพราะผู้หญิงร่านและพล่านสวาทแบบหล่อน นี่ถ้า

รู้สักนิดสะกิดใจสักหน่อยว่า หล่อนไวไฟ อยู่ใกล้ใครเป็นง่ายหมด เมธัส

สัญญากับตัวเองเลยว่า เขาจะตักตวงทุกอย่างจากหล่อนให้เต็มที่ จะขยี้

ให้สาใจ แล้วก็เขี่ยหล่อนให้กระเด็นออกไปไกลจากชีวิตเลยล่ะ

‘หล่อนทำกับเขาได้ยังไง?’

นี่คือสิ่งที่คาใจทุกครั้ง เมื่อสิ่งแวดล้อมรอบกายมีหล่อนอยู่ด้วย

และทุกครั้งที่คำๆ นี้เกิดขึ้น ใจเขาก็ลุกพึ่บพั่บเร่าร้อนดุจกองเพลิง และ

ต้องตอกย้ำกับตัวเองทุกหนเลยว่า ชาตินี้ทั้งชาติเขาจะเกลียดหล่อนไป

จนวันตาย และอะไรก็ไม่สามารถทำให้เขาอภัยให้ฟารีดา ซึ่งเป็นรักแรก

และเกลียดแรกของเขาได้เลย

และเหตุที่เขาปลงใจอโหสิกรรมให้หล่อนไม่ลงสักทีนั่นก็เพราะ

ตลอดเวลาที่เขาศึกษาและทำงานหาประสบการณ์ที่ต่างประเทศนั้น

ฟารีดาไม่เคยสารภาพความจริงกับเขาเลยสักครั้งว่าหล่อนแอบไปมี

สัมพันธ์ที่เกินเลยกับภาคภูมิแล้ว ทุกๆ ครั้งที่หล่อนจดหมายหาเขาหรือ

คุยโทรศัพท์กัน หล่อนจะน่ารักอ่อนหวาน ทำตัวเป็นคนรักที่ดี แม่หน้าหวาน

 

ใจยักษ์ถักผ้าพันคอสวยๆ ส่งไปให้เขา ทำอาหารไทยที่เก็บได้นานๆ ส่ง

ไปให้ แสดงให้เห็นว่าถึงตัวไกลแต่ใจยังห่วงหา ฟารีดาทำทุกอย่างที่

คนรักกันกระทำให้กัน และเขาก็เป็นไอ้หน้าโง่ให้หล่อนกับภาคภูมิชักเชิด

หัวเราะลับหลังใส่กันมานานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ

เมธัสก็กัดกรามกรอด นัยน์ตาคมลุกวาบกรุ่นไปด้วยความชิงชังอาฆาต

เอาเถอะ ถ้ามีโอกาสทำให้สองคนนั้นเจ็บเมื่อไรละก็ เขาทำแน่ๆ เมธัส

ฮึ่มๆ ในใจอย่างมาดร้าย

ดวงตาคมที่ลุกโชนไปด้วยไฟแค้นจ้องไปยังฟารีดา ผู้หญิงลวงโลก

นางวันทองสองใจ ที่เขาแอบตั้งฉายาให้อย่างเกลียดชังสุดพรรณนา เอาสิ!

ถ้ามีหนทางไหนทำให้หล่อนทรมานและเจ็บปวด จนมีอันต้องลงไป

ชักดิ้นชักงอที่แทบเท้าของเขาแล้วละก็ สาบานได้เลยว่าเขาจะรีบทำ

ทันที สำหรับเมธัสแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฟารีดาหรือว่าภาคภูมิก็ตาม ล้วน

แล้วแต่คือคนที่เขาไม่อยากให้อยู่ร่วมชายคาด้วยกันทั้งคู่ สองคนทำเขา

เจ็บแสบจนแทบจะกระอักเลือด และเขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้ทั้งคู่ได้อยู่

อย่างสุขสบายแน่ ใครก็ตามที่มันเหยียบเขาก่อน เมธัสก็จะเหยียบมันให้

จมธรณีไปเหมือนกัน และจะไม่แค่เหยียบอย่างเดียวแน่ แต่เขาจะบี้มัน

ให้แหลกละเอียดเป็นผุยผงเลยทีเดียว

เมธัสคิดอย่างเคียดแค้นชิงชัง ดวงตาคมกริบจ้องไปที่หน้าสวยใส

อย่างหมายมาดอีกครั้ง ระหว่างสองคนนี้เขาขอชำระความกับฟารีดา

ก่อนแล้วกัน แม้ว่าทั้งคู่จะมีมารดาเขาให้ท้าย ทำให้เขาเอ่ยปากไล่ไม่ถนัด

แต่เดี๋ยวเถอะ อีกไม่นานหรอก เขาจะทำให้สองคนอยู่ไม่ได้ไปเลย

ฟารีดาน่ะไม่เบาหรอก เห็นหงิมๆ แบบนี้เถอะ จริงๆ แล้วหล่อน

ระริกระรี้ไม่หยอกเชียวล่ะ ขนาดว่ามีภาคภูมิอยู่แล้วทั้งคน หล่อนก็ยัง

พยายามจะให้ท่าและเข้าหาเขาอยู่หลายครั้งหลายหน เมธัสคิด ริมฝีปาก

ได้รูปสวยสมชายชาตรีที่มุมปากโค้งดุจคันศรกระตุกขึ้นอย่างหยามหยัน

มองหน้าสวยนัยน์ตาซื่ออย่างหมิ่นแคลน คิดเยาะเย้ยนางโมราฟารีดา

ว่า ถึงแม้หล่อนจะอยากได้เขาสักแค่ไหน แต่ก็ไม่มีวันได้หรอก เพราะ

เขาไม่ชอบกินของอาจม โดยเฉพาะผู้หญิงสำส่อน ร่านระรี้ไม่เลือกหน้า

แบบนี้ด้วยแล้ว เขาขอลา และกล้าตะโกนใส่หน้าเลยว่า หล่อนไม่มีวัน

ได้แอ้มเขาอย่างแน่นอน จะให้ลงไปเกลือกกลั้วลิ้มรสชาติของหล่อน

สักครั้งในชีวิตนะหรือ? ไม่ล่ะ ขอเลือกโสเภณีข้างทางเสียยังจะดีกว่า

เมธัสคิดอย่างดูแคลนฟารีดา สุดท้ายก็ตัดใจถอนสายตาออกมา

จากคนหน้าสวยใจมารเสียที แต่ก็ละสายตาห่างจากหล่อนได้ไม่นาน

คิ้วดกหนาก็ขมวดเข้าหากันมุ่น เมื่อมีเสียงประหลาดดังออกมาอีกครั้ง

“อุ๊บ!”

เสียงที่ดังขึ้นใหม่ทำให้เมธัสต้องหันไปมองแม่ดอกสุวรรณมาลี

อีกครั้ง คิ้วหนายิ่งผูกหากันเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นมือขาวบางรีบยกขึ้นป้อง

ปากตัวเองด้วยอากัปกิริยากระสับกระส่าย หน้าหล่อนดูซีดๆ พิกล ฟารีดา

กำลังจะอาเจียนหรือนี่? เมธัสคิดด้วยหัวใจสั่นๆ ดวงตาคมกริบของเขา

ไหววูบขึ้นมาพักหนึ่ง หรือหล่อนกำลังจะมีลูกอีกคนแล้ว เมธัสบอกตัวเอง

ไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังแพ้ท้องลูกอีกคน ใช่...หล่อน

ต้องท้องแน่อย่างไม่ต้องสงสัย ตำราไหนมันก็ชี้ชัดว่าคนท้องนั้นมักมี

อาการคลื่นเหียนวิงเวียนเสมอ

เมธัสขยับกายนั่งตัวตรง ปรายตาไปทางร่างบางของอดีตหัวใจ

ในวันวาน เขาโกรธ เขาเกลียด เขาอยากฆ่าหล่อนให้ตายนัก ทำไมไม่รู้จัก

ว่างเว้น นี่กะจะเยาะเย้ยเขาด้วยการเอาลูกหล่อนและภาคภูมิมาวิ่งให้เต็ม

คฤหาสน์ของเขาเลยหรือไง เมธัสกัดฟันกรอด นั่งตัวเกร็ง เป็นจังหวะเดียวกับ

ที่มารดาซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกันร้องทักขึ้น

“ว้าย! ยัยฟาง เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”

สิ้นคำถามของมารดา เมธัสก็ตวัดตาคมกริบไปยังบุรุษอีกคน

ซึ่งนั่งอยู่เคียงข้างหล่อน ชายหนุ่มที่กำลังนั่งป้อนข้าวให้กับเด็กชายตัวป้อมๆ

และถึงแม้เด็กน้อยคนนี้มันจะเป็นเด็กในบ้านของเขาก็ตาม แต่เมธัสก็

ไม่เคยไยดีเด็กคนนี้เลยสักนิด เขากล้ายอมรับเลยว่าไม่เคยมองเด็กนรกนั่น

ให้ประจักษ์ชัดๆ ถึงผลผลิตของคนทั้งคู่สักครั้งเดียว อย่างดีก็แค่มองปราดๆ

แบบผ่านเลยไป ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นสักนิดว่าเด็กนั่นหน้าตาจะเหมือน

ชายโฉดหรือว่าหญิงชั่ว เห็นแต่ว่าผิวออกจะขาวๆ ไปทางแม่ดอกไม้สุวรรณมาลี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สองใจเสียมากกว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของมัน

และครั้งนี้ก็เหมือนเคย เมธัสตวัดสายตาผ่านหัวดำๆ ของเด็กนั่น

เลยไปยังภาคภูมิ เห็นอีกฝ่ายออกอาการเงอะงะอย่างคนทำอะไรไม่ถูก

เมื่อฟารีดาเริ่มมีอาการค่อนข้างแย่มากขึ้นทุกที ดูเหมือนว่าภาคภูมิ

กำลังลังเลว่าตัวเองควรจะดูแลเด็กชายหัวดำที่อยู่บนตัก หรือดูแลสตรี

ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียของตัวเองดี แต่ก่อนที่ภาคภูมิจะตัดสินใจทำอะไร

ลงไปนั้น เมธัสก็ลุกขึ้นยืนอย่างเหลืออด ร่างสูงเดินกระแทกส้นเท้าโครมๆ

หน้าตาขึงขังไปยังเก้าอี้ที่ฟารีดานั่งอยู่ ดวงหน้าคมสันดุกระด้างขึ้นมา

ทันตา เมื่อต้องยืนขนาบชิดร่างบอบบางที่เคยรักนักหนา ชายหนุ่มโน้มตัว

ลงไปชิดเรือนผมยาวสลวยดำขลับ เห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมา เขา

ถอนใจดังๆ เสียงเอือมๆ ใส่แม่ดอกสุวรรณมาลีจอมอ้อยส้อยหลายหน

ติดๆ กัน

‘ผู้หญิงน่ารำคาญ จะนั่งพิรี้พิไรหาสวรรค์วิมานอะไร จะอ้วกก็

น่าจะวิ่งเข้าไปในห้องนํ้า ไม่ใช่มานั่งขืนฝืนกลั้นทำท่าเหมือนลูกคนที่สอง

จะทะลักออกมาจากคอหอยแบบนี้ ไม่เอาละ เขาไม่นั่งลุ้นแบบคนอื่น

แน่ๆ ขืนนิ่งเฉย ปล่อยให้หล่อนเรี่ยราดออกมา รับรองได้ว่าภาพนั้นต้อง

ทำให้เขาและคนทั้งบ้านกินข้าวไม่ลงไปหลายวันแน่’

“ลุกขึ้นมาสิฟารีดา!”

เมธัสกระชากเสียงใส่อย่างเหลืออด กรามแกร่งขบเข้าหากัน

อย่างสะกดกลั้น มือหนากำรอบต้นแขนบอบบางแน่น ขาแข็งแรงทำท่า

จะเตะโต๊ะภาคภูมิที่ขวางรัศมีร่างสูงใหญ่ออก ดีแต่ว่าอีกฝ่ายที่งงอยู่นาน

ไหวตัวทัน รีบอุ้มเด็กหัวดำออกไปให้พ้นรัศมีร่างสูงใหญ่ของเขาอย่าง

ฉับไว

“เป็นผัวประสาอะไรกัน ทำไมแกถึงไม่รู้จักดูแลแม่ฟางยอดยาหยี

ของแกดีๆ ล่ะภาคภูมิ มัวแต่เอาข้าวยัดใส่ปากไอ้ลูกเฮงซวยอยู่นั่นแหละ

เมียของแกกำลังจะทำลายบรรยากาศบนโต๊ะอาหารอยู่นะ ไม่เห็นบ้าง

หรือไงภาคภูมิ โง่บัดซบสิ้นดี! ไร้ซึ่งความเกรงใจ! จะนั่งเฉยไปเพื่ออะไร

หรือต้องรอให้แม่ยอดขมองอิ่มของแกสำรอกอาหารที่กินเข้าไปทั้งหมด

 

มารดหัวคนบนโต๊ะเสียก่อน แกถึงจะคิดได้ว่าสมควรจะทำอะไรก่อน

หรือหลัง!”

เมธัสตวาดพร้อมจ้องภาคภูมิที่หน้าเจื่อนลงทุกทีอย่างดุดัน

มือหนาผลักอกอีกฝ่ายอย่างอันธพาลและข่มขู่ ขณะที่มารดาของเขา

หลุดเสียงอุทานอย่างไม่ชอบใจ ที่เขาทำรุนแรงไม่ให้เกียรติกาฝากของ

ชายคา และเมื่อเห็นว่ามารดากำลังจะออกโรงปกป้องพวกทรยศหักหลัง

เมธัสจึงก้มลงไปถลึงตาใส่แม่อ้อยส้อยต้นเรื่อง

“ลุกออกมาจากเก้าอี้เร็วๆ เข้าสิแม่ตัวดี”

เมธัสตะคอกสั่งเสียงเกรี้ยวกราด กระชากแขนบอบบางของ

ฟารีดาขึ้นมาโดยเร็ว ไม่สนใจสักนิดว่าผิวบางๆ จะเขียวจะชํ้าเพราะนํ้ามือตน

และพอหล่อนเซออกมาได้ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ภาคภูมิหายงง แต่

แทนที่หมอนั่นจะเข้ามาดูเมียของตัว กลับอุ้มลูกชายถอยห่างเขาด้วย

สีหน้าระแวดระวัง เมธัสเลยกัดฟันกรอด เมื่อสุดท้ายภาระพิทักษ์เมียคนอื่น

ก็มาตกอยู่ที่เขาเต็มๆ ชายหนุ่มถอนใจเฮือก เมื่อมารดาพยักหน้าส่ง สัญญาณ

ให้พาฟารีดาที่ทำท่าโก่งคอพะอืดพะอมจะขย้อนของเก่าออกมาไปยัง

ห้องนํ้าเสีย

“ให้มันได้อย่างนี้สิ ทำก็ไม่ได้เข้าไปทำด้วย แล้วยังต้องมา

เดือดร้อนกับเรื่องในมุ้งของชาวบ้านอีก”

กัดฟันคำรามอย่างเหลืออด จากนั้นก็ก้มลงช้อนร่างเมียชาวบ้าน

ที่เขาบังเอิญต้องเข้าไปเอี่ยวด้วยกิริยากระแทกกระทั้น ไม่สนใจจะถนอม

ร่างบางๆ สวยๆ นั้นสักนิดเดียว ร่างสูงพาร่างของว่าที่คุณแม่ลูกสองมุ่ง

ไปยังห้องนํ้าอย่างรวดเร็ว เพื่อจะให้หล่อนได้คายของเก่าออกมาให้มัน

ถูกที่ถูกทาง และพอเดินไปถึงห้องนํ้าได้เท่านั้น เมธัสก็ถีบประตูดังโครม

จนร่างบางที่เขาอุ้มอยู่สะดุ้งโหยง

พอเข้าไปถึงที่หมายได้ ก็รีบวางหล่อนลงอย่างกระแทกกระทั้น

ผลักศีรษะเล็กๆ ของอดีตหวานใจออกห่างตัวอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ จน

หญิงสาวมีอันต้องเซไปยังอ่างล้างหน้าด้วยอาการเกือบเป็นล้มลุกคลุกคลาน

เมธัสหน้าตึง ไม่คิดจะยื่นมือไปพยุงอีกฝ่าย ร่างสูงยืนเท้าสะเอวแยกขา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นิดๆ มองไปยังคนตัวอ่อนโก่งคอเป๋ไปเป๋มาอย่างหงุดหงิด ยืนดูได้สักพัก

ก็ตวาดใส่เสียงดังคับห้อง เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายอืดเอื่อยไม่ได้อย่างใจ

“เอ้า! อ้วกเข้าไปสิ ตรงนี้แหละคือที่คายของเก่าของเธอ ไม่ใช่

บนโต๊ะอาหารนั่น ฉันนี่มันซวยบรม ทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้มากมาย

นะ ถึงต้องเลี้ยงไอ้พวกกาฝากที่มีแต่เรื่อง สร้างแต่ความเดือดร้อน แถม

ยังสิ้นเปลืองไม่จบไม่สิ้นเสียที ถามจริงๆ เถอะนะ แม่ของฉันก็ส่งเสีย

เธอกับภาคภูมิจนเรียนกันจบแล้ว ทำไมพวกเธอทั้งคู่ถึงไม่คิดจะไปให้

พ้นหูพ้นตาฉันเสียที ทำไมไม่ออกไปอยู่ที่อื่น จะพึ่งพาอาศัยกันไปอีกนาน

แค่ไหน”

ตะโกนถามไปทุกอย่างก็เงียบ ได้ยินเสียงฮึก! ออกมาจาก

อดีตคนรัก จากนั้นหล่อนก็ยืนตัวแข็งราวกับโดนเขาสาปให้กลายเป็นหิน

เมื่อความเงียบมันชวนอึดอัดหงุดหงิด เมธัสเลยตวาดใส่ไปอีกรอบ

“แล้วนี่เธอจะยืนนิ่งหาหอกอะไรไม่ทราบ เมื่อกี้ตอนอยู่บน

โต๊ะอาหาร เห็นทำท่าจะเป็นจะตาย อยากจะสำรอกของเก่าออกมาเสีย

จนตัวซีดตัวสั่น พอพามาเข้าห้องนํ้าเพื่อให้สำรอกเอาของสกปรกออกมา

ให้ถูกที่ถูกทาง เธอจะยืนซื่อบื้ออยู่ทำไมกันฮ้า! หรือว่าจริงๆ แล้วเธอ

ไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิดเดียว ก็แค่เสแสร้งแกล้งดัดจริตอยากจะออเซาะ

ผัวตัวเองเท่านั้น ฮึ! ก็แน่ล่ะ เธอมันนักแสดงระดับรางวัลออสการ์อยู่แล้ว

นี่ฟารีดา เรื่องนี้ฉันเข้าใจอย่างกระจ่างชัดเลยเชียวล่ะ”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่นิ่ง ไม่ยอมอาเจียนเสียที มิหนำซํ้ายัง

มามองหน้าเขาตาปริบๆ เมธัสเลยตะคอกใส่อย่างไม่พอใจ และพอเห็น

อีกฝ่ายยังทำเฉย ยืนตัวลีบร่างสั่นน้อยๆ เลยไหวกายฮึดฮัดขัดใจ สักพัก

ร่างสูงก็รี่เข้าไปผลักศีรษะหล่อน และด้วยแรงที่มหาศาลตามประสา

คนตัวโตกว่า แค่เพียงปลายนิ้วเรียวหนาสัมผัสเท่านั้น ร่างบอบบางของ

คนที่เขาคิดว่าหล่อนกำลังจะเป็นคุณแม่ลูกสองก็แทบจะหัวทิ่มลงไปยัง

อ่างล้างหน้าอีกรอบ แต่เขาหาใส่ใจไม่

‘ฮึ! ช่างหัวหล่อนปะไร ถ้าฆ่าได้ก็จะฆ่าแล้ว’ แต่มันใช่ว่าเขาจะ

ทำอะไรแม่นี่ได้ง่ายๆ หรอกนะ ในเมื่อมารดาของเขาซึ่งก็คือคุณกรองแก้วนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ทั้งรักใคร่เอ็นดูและให้ท้ายหล่อนมากโขทีเดียว เรียกว่าแม่เขานั้นเป็น

เกราะคุ้มภัย แถมยังคุ้มกะลาหัวให้หล่อนได้อยู่เย็นอีกต่างหาก นี่ถ้า

ไม่ใช่เพราะมารดาของเขาแล้วละก็ เมธัสคงจะเฉดหัวหล่อนไปนานแล้ว

ไล่มันไปให้หมดทั้งสามคนพ่อแม่ลูกนี่แหละ เมธัสคิดได้เท่านั้นก็ปรายตา

มองไปยังร่างบางอย่างขัดใจ ดวงตาคู่คมมองหล่อนอย่างมาดร้าย เสียงห้าว

เค้นใส่อีกฝ่ายแทบไม่เห็นไรฟัน

“จัดการธุระของเธอให้เรียบร้อยเสียนางจิ้งจอกสาว เธอคิด

อะไรอยู่ คิดว่าฉันถ่อสังขารอุ้มเธอมาชมวิวในห้องนํ้าหรือยังไงกันฮ้า!”

เมธัสตะโกนก้องใส่คนตัวสั่น นัยน์ตาคมสันลุกวาบ ฉายรังสี

ของความเป็นฆาตกรผ่านทางสายตา เห็นอีกฝ่ายสะอึก ทำท่าเหมือน

หายใจไม่ทั่วท้อง แต่ก็ยังลีลายืนนิ่งไม่ยอมขยับกาย

“เร็ว! คายของเก่าออกไปซะ จะได้ไม่มาโอ้กอ้ากให้ฉันรำคาญ

อีก เธอควรรักษามารยาทบนโต๊ะอาหารให้มันมากกว่านี้นะฟารีดา เพราะ

อย่างน้อยการที่คนเราไม่มีพ่อมีแม่มาตั้งแต่หลุดออกจากท้องผู้หญิงน่ะ

ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องโตมาอย่างต่ำๆ ไม่รู้จักวินัย หรือเอานิสัย

ของคนที่ขาดการอบรมมาใช้นะ”

เมธัสเอ่ยเสียงหนัก ไม่สนใจขอบตาแดงๆ และหยาดนํ้าที่เอ่อคลอ

นัยน์ตาของอีกฝ่าย เขาถอนใจเฮือกอย่างคนที่หนักอกหนักใจมากมาย

ดวงตาคมทอดสายตามองกาฝากของบ้านอย่างเอือมๆ

“เฮอะ! บ้านนี้มันเป็นบ้านของผู้ดีนะแม่ฟางแห้ง ใช่ว่าคิดจะ

ทำอะไรแล้วก็ทำง่ายๆ เหมือนธาตุแท้ของเธอ ทีหน้าทีหลังถ้ารู้ว่าตัวเองแย่

อาการไม่ค่อยดีตั้งแต่แรก ก็ไม่ควรจะเอาหน้าจืดๆ มาเสนอบนโต๊ะอาหาร

หรือนั่งร่วมโต๊ะกับบุคคลอันมีเกียรติอย่างฉัน! เพราะว่ามันจะทำให้ฉัน

กระเดือกข้าวไม่ลง”

“เอ่อ...ฮึก!”

เสียงขลุกขลักและน้ำตาที่คลอเบ้า อย่างสาวอ่อนต่อโลกรับคำ

ที่แสลงหูไม่ได้นั้น ทำให้เจ้าของใบหน้าคมสันอย่างชายไทยแท้ยกมุมปาก

ขึ้นอย่างเหยียดหยัน ฝันไปเถอะ ว่าเขาจะเห็นใจผู้หญิงหน้าซื่อใจคดคนนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 อีก ไม่มีวัน!

“ฮึ! อันที่จริงเธอไม่น่าจะยกระดับตัวเองมาร่วมโต๊ะอาหารกับ

คนอย่างฉันเลยนะฟารีดา เธอน่าจะรู้จักสังวรและเจียมเนื้อเจียมตัวเอาไว้

บ้าง ผู้หญิงชั้นต่ำ ผู้หญิงที่ไม่มีใครต้องการอย่างเธอก็เหมาะกันดีกับ

ภาคภูมิแล้วนี่ พวกไม่มีใครอยากรัก อยากเก็บเอาไว้อุ้มชู พวกลูกไม่มีพ่อ

มีแม่”

เมธัสกล่าวพร้อมปล่อยมือที่บีบแขนฟารีดา ร่างสูงรีบกระโดดหนี

อย่างเดียดฉันท์ ทำให้คนที่ไม่มีใครอยากได้ร่างเซนิดๆ ดวงตาคู่สวยที่

ก่อนหน้านี้ชุ่มด้วยนํ้าตา ม่านตาขยายกว้างออกอย่างตกใจ ไม่คิดมาก่อน

เลยว่าจะได้รับความรังเกียจถึงขนาดนี้ ใบหน้าหวานละมุนที่ดวงตาถูก

ครอบคลุมด้วยความเศร้ามองหน้าหล่อเหลาที่เคยบูชาด้วยสายตาขอ

ความเห็นใจ แต่พอไม่เห็นเยื่อใยจากสายตาคู่คม หนำซํ้ายังได้สายตา

ของความรังเกียจส่งผ่านมาอีก ก็รีบยกมือขึ้นปิดปากกลั้นสะอื้นจนตัวงอ

ฟารีดากำลังช็อกกับสิ่งที่มันพรั่งพรูออกมาจากปากของเขา

หญิงสาวพยายามกลืนก้อนแห่งความขมขื่นลงไปในลำคออย่างยากเย็น

แต่ก็ทำแบบนั้นได้ไม่นาน เธอต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดอีกหน เมื่อ

มือเรียวหนาแข็งยิ่งกว่าคีมเหล็กบีบเข้ามาอย่างไร้ปรานีอีกรอบ สุดท้าย

คนน่ารังเกียจก็ทนรับไม่ไหว เสียงเล็กหวานจำต้องร้องวิงวอนออกไป ใน

ชีวิตเธอ ไม่เคยจินตนาการออกเลยสักครั้งว่าเมธัสจะใจร้ายและรังเกียจ

เธอได้ขนาดนี้ และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ฟารีดาเลยตั้งรับไม่ทัน

“เจ็บค่ะพี่เมธ ปล่อยฟางก่อน”

ฟารีดาพยายามประท้วง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือเสียงคำราม

กระหึ่มดั่งเสียงซาตานร้าย

“อย่าสำออย! จับแค่นี้เธอไม่ตายหรอก มันยังไกลหัวใจอยู่

เยอะ ดัดจริต ออเซาะ นํ้าหน้าอย่างเธอใครเชื่อก็โง่แล้ว อย่ามาทำมารยา

ใส่ฉัน ฉันเป็นคนกินข้าวนะ ไม่ใช่กินหญ้า คิดว่าหน้าซื่อๆ นัยน์ตาใสๆ

และอาการตัวซีดตัวสั่น จะทำให้ฉันเชื่อเหรอ ว่ามันออกมาจากใจที่แท้จริง”

เสียงที่กล่าวออกมาอย่างคนไม่ไยดีกันอีกนั้นทำให้ฟารีดาเจ็บ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เสียยิ่งกว่าน้ำหนักมือที่บีบลงมาเป็นร้อยเป็นพันเท่า เมธัสไม่เคยหยาบคาย

กับเธอเลยตั้งแต่จำความได้ เขาสุภาพ อ่อนโยน ช่างเอาใจ เขาถนอมเธอ

ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนไป เขาใจร้ายขึ้น เขามองเธอ

อย่างเกลียดชัง และเขาคงจะไม่รักเธออีกแล้ว แต่...ฟารีดาจะโทษใคร

ดีล่ะ ที่ทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้ เธอ ภาคภูมิ น้องภัทรเมธ หรือใครอื่น

ที่นอกเหนือไปจากสองคนนี้ และเธอมีสิทธิ์ที่จะโกรธด้วยหรือ

‘ไม่...ฟารีดาไม่มีสิทธิ์รู้สึกใดๆ ทั้งนั้น นอกจากการภาวนาและ

รอคอยอย่างไม่มีกำหนด รวมถึงเดินหน้ารับเอาความเจ็บปวด กับกาลเวลา

ที่พัดเอาเมธัสลอยห่างออกไปทุกที’

แต่จะโทษใครก็ช่างเถอะ เพราะเธอถือว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว

การตัดสินใจและความยินยอมของเธอในเวลานั้นก็คือทางออกที่ดีที่สุด

สำหรับทุกคน แม้ว่าคนที่เจ็บปวดที่สุดในการตัดสินใจครั้งนั้นจะเป็น

ตัวเธอเองก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ให้คุณกรองแก้วมารดาของเมธัส

ผู้ซึ่งเป็นมารดาอุปถัมภ์ของเธอไปพร้อมๆ กันนั้น

มารดาอุปถัมภ์ของเธอไปพร้อมๆ กันนั้น ได้สบายใจที่สุดก็พอแล้ว

 “ยืนนิ่งบ่าตั้งแหงนคอมองฉันอยู่ทำไมกันฟารีดา นี่เธอกำลัง

คิดหวังอะไรจากฉันอีกล่ะ ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีอะไรจะให้เธอทั้งนั้น จัดการ

ธุระของเธอเสีย จะมาจ้องหน้าฉันหาสวรรค์วิมานอะไรกัน จะหาทางมา

ออเซาะฉันอีกคนหรือไงล่ะ เลิกคิดไปได้เลยแม่ผู้หญิงแพศยา! ฉันไม่มีวัน

เชื่ออสรพิษอย่างเธออีกแน่นอน เร็วๆ เข้า อย่ามัวแต่มาจ้องหน้ากัน

รำคาญ! ไม่ชอบ!”

ฟารีดาสะดุ้งกับเสียงตะคอก และเธอก็ไม่อยากทำตามคำสั่งของ

เขานักหรอก แต่สภาวะร่างกายในตอนนี้มันก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆ หญิงสาว

จำเป็นต้องขย้อนของเก่าออกมาตามคำสั่งของคนที่ชิงชังเธอ และ

หลังจากที่ฟารีดาอาเจียนออกมาจนเหนื่อยอ่อนไปทั้งตัวแล้ว หญิงสาว

ก็ตัวอ่อนปวกเปียกแข้งขาสั่นจนจะยืนไม่อยู่ เลยค่อยๆ เอนกายพิงร่าง

กับผนังห้องนํ้าอย่างคนหมดกำลัง แต่มิวายยังได้ยินเสียงหยันๆ ของ

เมธัสลอยมากระทบหูอีกจนได้ ฟารีดาได้แต่หลับตานิ่ง กลํ้ากลืนความ

ขมขื่น สดับฟังเสียงถากถางด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“นี่เธอท้องอีกแล้วล่ะสิ! เฮอะ! ฉันนี่มันโชคดีเป็นบ้าเลย ที่

ไม่หลงไปแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเธอ! ฮึ! แม่คุณเอ๋ย ถ้านายเมธัสรู้แบบนี้

ตั้งแต่แรก จะไม่ชายตามองให้เสียเวลาเลย ผู้หญิงพันธุ์ลูกดกอย่างนี้

อยู่ด้วยก็เสียอารมณ์เปล่าๆ เล่นท้องหัวปียันท้ายปีเป็นว่าเล่นแบบเธอ

รับรองได้ว่าอยู่ด้วยกันไม่ถึงสามปี มีหวังได้โทรมเป็นแม่วัวแก่ๆ แน่ ดีนะ

ที่คนอย่างฉันมันบุญเยอะ ของไม่ดีเลยไม่ตกถึงมือ”

เมธัสเอ่ย ดวงตาคมลุกวาบ มองร่างที่ผ่ายผอมลงด้วยสายตา

เดียดฉันท์ กระตุกมุมปากใส่อีกฝ่ายอย่างสมเพช

“บอกตรงๆ ว่าเห็นเธอในสภาพแบบนี้แล้วอยากจะร้องเฮลั่น

กับความบุญเยอะของตัวเอง”

เมธัสเอ่ยเท่านั้นก็หรี่ตาลง เสียงห้าวลดระดับนํ้าหนักเสียงจน

เบาเกือบเป็นกระซิบ แต่กระนั้นมันกลับหนักแน่นและกรีดหัวใจของฟารีดา

ทุกถ้อยคำ

‘การเกลียดกันมันร้ายแรงยิ่งกว่าการที่ใครคนใดคนหนึ่งต้อง

ตายจากกันซะอีก’

“นี่จะบอกอะไรให้นะฟารีดา อย่าปล่อยให้ท้องบ่อยนักสิ

ประเดี๋ยวอะไรๆ มันก็จะพังผุหย่อนยานไปหมด นี่เพราะเห็นใจถึงได้

บอกนะ ลูกน่ะเป็นห่วงผูกคอสามีก็จริง แต่ถ้าเกิดมีเมียโทรมๆ หย่อนคล้อย

ไม่เด้งดึ๋ง พอผู้ชายจะชวนเธอเติมรักปลดปล่อยอารมณ์เสียหน่อย คลำ

ตรงไหนก็เห็นแต่ของเสียศูนย์ จะรักกับเมียกี่ครั้งกี่หน ดาวมันก็ไม่กระจาย

ซะที ลองเป็นแบบนี้ทุกยกทุกรอบ คนเรามันก็อยากออกไปหาของใหม่ๆ

กันได้ ฮึ! แม่มะไฟพันธุ์ดก ฉันจะบอกอะไรให้นะ พวกผู้หญิงที่ปล่อยตัวเอง

น่ะ โดนสามีหนีไปมีเมียน้อยไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรแล้ว นี่เพราะเคยเห็นมา

ตั้งแต่เล็กนะ เลยสงเคราะห์บอกเล่าความลับของผู้ชายให้ฟัง ถึงวันไหน

ผัวดอดไปมีบ้านเล็กแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องมาคิดให้หัวแตกตายยังไงล่ะ

ว่าฟางทำผิดอะไรคะพี่ภูมิถึงได้ทอดทิ้งฟาง เฮอะ! ตัดอนาคตตัวเองชัดๆ

ที่ปล่อยให้มีมารหัวขนเกิดมาเพิ่มอีกตัว!”

“พี่เมธ!”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ฟารีดาครางชื่อเขาออกมาได้เท่านั้นก็รู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมา

อีกครั้ง ร่างบางหมุนกายไปหาชักโครก คิดในใจว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็

เพราะใครล่ะ พูดสั่วๆ วาจาสัปดน คิดอกุศล นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเขาจงใจใช้

งานเธออย่างหนัก หนำซํ้ายังไม่สนใจจะให้พักเบรกให้มันตรงต่อเวลา

โรคกระเพาะก็คงไม่มาเยือนเธอแบบนี้หรอก ตอนนี้ฟารีดาแสบท้องไปหมด

พอทานอะไรเข้าไปก็คลื่นเหียน กระเพาะไม่รับเอาเสียเลย ฮึ! เวลาอยาก

รับประทานขึ้นมา ก็ไม่ได้ทานสมดังใจ เพราะเจ้านายจอมโหด ที่เคยมี

อดีตอันหวานชื่นต่อกันนั่นแหละ ที่เพียรหาแต่เรื่องมากลั่นแกล้งเธอ

อยู่ร่ำไป

หญิงสาวคิดอย่างอึดอัดใจแล้วก็โก่งคอเอาลมออกมาอีกหน

เมื่อมันไม่มีอะไรให้ออกมาจริงๆ ฟารีดาก็ตาลายปวดมวนท้องคลื่นเหียน

ต่อมาก็รู้สึกเหมือนกับว่าเมธัสเคลื่อนมายืนอยู่ซ้อนหลัง แล้วหญิงสาวก็

ต้องสะดุ้ง เมื่อเขาวางมือลงบนแผ่นหลังบอบบางของเธอ ฟารีดาตัวเกร็ง

ระแวงว่าเขาจะทำอะไรเธออีก แล้วก็ต้องตัวอ่อนโล่งใจ เมื่อเขาค่อยๆ

ลูบหลังเพื่อช่วยให้เธอได้อาเจียนออกมาง่ายขึ้น เพียงสัมผัสแค่นี้ของ

เขา แค่นิดหน่อยเท่านั้นจริงๆ หญิงสาวก็อุ่นวาบ ความรู้สึกตื้นตันเอ่อ

ท่วมหัวใจ ดวงตาคู่สวยมีหยาดนํ้าแห่งความสุขกลิ้งกลอกฉลองความยินดี

อย่างน้อยเขาก็มิได้เมินเฉยกับเธอเสียทีเดียว แม้ว่าอดีตอย่างวันวานนั้น

อาจจะไม่หวนกลับมาแล้วก็ตาม เมื่อใครคนหนึ่งตัดสินใจจะละทิ้งมันไป

ฟารีดานํ้าตาคลอกับโชคชะตาที่โทษใครไม่ได้ หญิงสาวอาเจียน

จนเหนื่อย เพราะไม่มีอะไรจะออกมาเลยนอกจากลม ร่างบางรู้สึกเหมือนจะ

หมดลม ขาสั่นน้อยๆ ไร้เรี่ยวแรง มือบางป่ายเปะปะเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยว

สุดท้ายก็คว้าเอาร่างสูงทรงพลังของเมธัสไว้เป็นหลัก เธออยากจะร้อง

โวยวายว่าเขาไม่ควรโกรธาเกรี้ยวกราดและสมควรหุบปาก จากนั้นก็

กอดเธอเบาๆ เพราะที่เธอเป็นแบบนี้ก็มีสาเหตุมาจากเจ้านายจอมโหด

อย่างเขานี่แหละ ที่ใช้งานเธอราวกับหญิงสาวคือเครื่องจักรกล ยิ่งวันนี้

แทบทั้งวัน ฟารีดาถูกตวาด ตะคอก จิกหัวใช้ เธอทำทุกอย่างด้วยความ

ลนลานเพื่อให้ถูกใจเขา และตลอดทั้งวันที่ถูกเล่นงานจนหัวหมุน ฟารีดา

ก็ไม่ได้รับประทานอะไรเข้าไปนอกจากนํ้าส้มเพียงแก้วเดียว เฮ้อ! เขาจะ

โกรธและทารุณกรรมเธอไปอีกนานแค่ไหนกันหนอ มันถึงจะสาแก่ใจ

และกลับมามองเธอด้วยสายตาอันแสนจะอบอุ่นเหมือนเดิม

“ฟางเป็นยังไงบ้าง ไหวไหม?”

จะว่าเธอหูแว่วไปหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เมื่อได้ยินเสียงเมธัส

กล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน เหมือนที่เขาเคยเป็นอย่างนี้เมื่อครั้งหนึ่ง

นานมาแล้ว ฟารีดาค่อยๆ ช้อนตาขึ้น มองไปยังเขาด้วยนํ้าตาชุ่ม ริมฝีปาก

เล็กบางรูปกระจับแสนหวานค่อยๆ แย้มน้อยๆ เมื่อเห็นเจ้าของดวงหน้า

คมคายก้มหน้าลงมาหาเธอ แววตานั้นไม่ได้เย็นชาเหมือนทุกๆ ยามที่

มองแล้วก่อให้เกิดความปวดใจ

“พี่เมธขา...” เรียกออกไปเบาหวานเหมือนอย่างที่เธอเคยเรียก

ฟารีดามองอย่างตื้นตันใจ ทั้งสองสบตากันนิ่งนาน ความรักความหลัง

ในอดีตที่ถูกกลบฝังดินไปแล้ว เหมือนจะผุดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเขามีท่าที

อ่อนโยนลง หญิงสาวทำใจกล้าเอื้อมมือไปแตะแผงอกที่ซ่อนอยู่ภายใต้

เสื้อเชิ้ตเนื้อดีนั้นเบาๆ ส่งสายตาวิงวอนขอความเห็นใจไปยังเขา

“ได้โปรดฟังฟางบ้างสักนิดนะคะพี่เมธ คุยกันก่อนนะคะ...โอ๊ย!”

หญิงสาวกล่าวออกไปได้เท่านั้นก็ต้องตกใจ เมื่อเมธัสผลักร่างเธอ

จนเซไปชิดผนังห้องนํ้า หญิงสาวแหงนหน้ามองเขานํ้าตานอง แล้วก็ต้อง

ปากคอสั่น เมื่อเห็นเขามองมาตาลุกวาบ ขบกรามดังกรอด จากนั้นก็

เอ่ยเสียงลอดไรฟัน

“จะมาโกหกอะไรใส่หูฉันอีก หยุดเดี๋ยวนี้! ผู้หญิงแพศยา โลเล

หลอกลวง เธอมันหน้าด้านหน้าทนสิ้นดี รู้ว่าเกลียดเหมือนจะตายดิ้น ก็

ยังจะมาเซ้าซี้ ทำแรดใส่ ทีหลังอย่าเอามืออันสกปรกคาวโลกีย์ของเธอ

มาแตะต้องฉันอีกเป็นอันขาดนะฟารีดา ฉันจะอ้วก รังเกียจ ขยะแขยงเธอ

จนไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาบอกได้อีกแล้ว นี่ฉันทำขนาดนี้แล้ว เธอยัง

ไม่รู้ตัวอีกหรือไงล่ะ จะมาอ้อนวอนให้ฉันฟังเรื่องนํ้าเน่าอะไรอีก ไม่อยาก

ได้นิทานลวงโลกอะไรแล้วทั้งนั้น”

เมธัสเค้นเสียงใส่ สายตาคมเข้มมีแต่ข้อกล่าวหาและความชิงชัง

 

ก่อนที่ร่างสูงจะยืดตัวขึ้นอย่างบ่าตั้งกายทระนง เขาจะไม่มีวันใจอ่อน

หรือหยุดคุยกับผู้หญิงโกหกพกลมคนนี้อีกเด็ดขาด เมธัสบอกกับตัวเอง

ว่าเขาฟังและเชื่อใจหล่อนมามากพอแล้ว

“จะให้ฟังอะไร เรื่องความใจง่ายหลายใจของเธออย่างนั้นเหรอ

ฟารีดา เรื่องอย่างนี้ฉันควรจะรับรู้ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ต่างประเทศแล้ว

ไม่ใช่หรือ แต่ทำไมในตอนนั้นเธอถึงไม่คิดจะพูดความจริงออกมาเลยล่ะ

และพอทุกอย่างมันล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ เธอก็อย่าได้อ้าปากพูดมัน

ออกมาอีกเลย เพราะว่าฉันเห็นทุกอย่างกระจ่างชัดหมดแล้ว”

เมธัสเอ่ยเสียงดุ ปากหยักได้รูปบิดเบ้ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้

ความหล่อเหลาลดน้อยลงเลย ที่สายตาของเธอเห็นเป็นแบบนั้นก็เพราะ

หัวใจรักที่มีต่อเขาไม่เคยลดทอนลง รักแม้ว่าร้าย และไม่ว่าจะร้ายยังไง

ก็ยังจะรัก

“แม่นักแสดงตุ๊กตาทองคำ ที่ผ่านมาเธอเล่นบทสาวพรหมจรรย์

ที่หลงเข้าไปในดินแดนแห่งความรักได้เก่งมาก เธอวิ่งเข้าไปซุกอกภาคภูมิ

ยามที่ฉันเผลอ แต่เธอก็ยังเสแสร้งทำทุกอย่างเหมือนปกติ เธอโทรศัพท์

ไปพลอดรักกับฉัน ส่งของไปให้ แต่ก็ไม่เคยปริปากบอกฉันเลยว่า เธอได้

ตกลงปลงใจสร้างครอบครัวกับมันจนมีไอ้เด็กหัวดำชื่อภัทรเมธออกมา

แล้ว เมื่อทุกอย่างมันชัดเจนและเห็นได้ด้วยตาแบบนี้ เธอจะมาระรี่ใส่ฉัน

ในยามผัวเผลอให้มันน่าทุเรศทำไม ไร้ยางอาย! อย่ามาพูดให้ตัวเองดู

น่าสมเพชมากไปกว่านี้อีกเลย แม่คนตระบัดสัตย์ ถ้าเธอต้องการหยุด

ความเกลียดของฉันแล้วละก็ เธอควรหยุดและสารภาพถึงความไวไฟ

ของเธอก่อนที่ไอ้เด็กนรกนั่นจะเกิดออกมานะฟารีดา ไม่ใช่ตอนนี้ อย่า

มาคิดแก้ต่างอะไรให้ตัวเองในวันที่มันสายจนเกินไป”

เมธัสเอ่ยเสียงเน้น ทุกความชิงชังถาโถมเข้าใส่คนที่ยืนนํ้าตาคลอ

ร่างกายโงนเงนเบื้องหน้า

“ฟารีดา เธอจงใจหลอกลวงฉัน หลอกลวงอย่างไม่คิดจะสำนึก

หรือกลับใจ เพราะฉะนั้นมาถึงวันนี้ก็อย่าได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

มันจบแล้วฟารีดา เรื่องของเรามันจบไปแล้ว อย่าได้คิดรื้อฟื้นขึ้นมาอีก

 

เพราะถ่านไฟเก่าในใจฉันที่มีต่อเธอมันมอดดับไปจนหมดสิ้นแล้ว อย่า

ได้ก้าวถอยหลังกลับไปตรงจุดนั้น เพราะยิ่งเธอพยายามมากเท่าไร ฉันก็

ยิ่งเกลียดและสะอิดสะเอียนเธอมากขึ้นเท่านั้น”

“พี่เมธ...”

ฟารีดาเรียกเขาออกไปริมฝีปากสั่นระริก มองเขาด้วยสายตา

ตัดพ้อนํ้าตาอาบแก้ม

“หรือว่าฟางจำคนผิด พี่เมธของฟางไม่เคยเป็นคนแบบนี้...”

เอ่ยเสียงสั่น จ้องเขาตาไม่กะพริบ พยายามบังคับนํ้าตาตัวเอง

ให้หยุดไหล เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆ ว่า คนที่เคยรักกันมากๆ

ขนาดมีโครงการจะแต่งงานกันโดยเร็วที่สุด หลังจากที่เขากลับมาจาก

ไปศึกษาต่อและทำงานสะสมประสบการณ์ที่ต่างประเทศนั้น จะมา

ตะโกนใส่หน้ากันปาวๆ ว่าเกลียดชังกันมากมายขนาดนี้ หญิงสาวมอง

เจ้าของดวงตาคมกริบที่จ้องมายังเธอด้วยสายตาเกลียดชังพักหนึ่ง แล้ว

ก็ทนดูไม่ไหว จึงเบือนหน้าหนีเสีย ขบริมฝีปากที่สั่นระริกเข้าหากันมากขึ้น

เมื่อจู่ๆ เขาก็ตะโกนเรียกภาคภูมิด้วยนํ้าเสียงเกรี้ยวกราด

“นายภูมิ! นายภูมิ! หายหัวไปไหน นายต้องรอให้เมียนาย

คลอดลูกคาห้องนํ้านี้ก่อนหรือยังไง ถึงจะมาดูมาแลกันได้ รีบๆ มาดู

เมียแกสิโว้ย! รักกันมากไม่ใช่หรือไงล่ะ ถ้ารักกันมากก็รีบเข้ามาไวๆ

อย่าให้คนอื่นเขาเดือดร้อน ฉันเบื่อขี้หน้าเมียของนายจะแย่แล้ว มาเร็วๆ

สิ นายภูมิ นายภูมิ ไอ้ภูมิ!”

ฟารีดาหลับตาแน่น ซึมซับได้ดีถึงความเกรี้ยวกราดของเมธัส

ดูเหมือนว่าระดับโทสะของเขาจะพุ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออยู่ใกล้ตัว

น่ารังเกียจอย่างเธอ หญิงสาวปล่อยให้นํ้าตาไหลออกมาช้าๆ เธอไม่แคร์

อะไรอีกแล้ว เธอไม่อยากได้ยินความจริงที่เขากล่าวออกมาเลยแม้แต่น้อย

ว่าอันที่จริงแล้วนั้นปัจจุบันเธอก็คือภรรยาของภาคภูมิ หาใช่ภรรยาของ

เมธัส ดังที่เคยวาดฝันกันเอาไว้ไม่ เธอกลายเป็นคนทรยศต่อหัวใจของ

ตัวเอง และทรยศต่อหัวใจของเขาไปเสียแล้วหรือนี่

แต่หญิงสาวจะทำอย่างไรได้ ในเมื่อทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นนั้น

ถ้าหากเขารับฟังเธอสักนิดก็จะไม่ต้องมีใครเจ็บปวดแบบนี้ หรืออาจ

เป็นได้ ที่เขาไม่สนใจเธออีกต่อไปแล้วนั้น ก็เพราะเขามีแอนนา ผู้หญิง

ที่เขาเคยบอกคุณกรองแก้ว มารดาของเขาว่า หล่อนคือผู้หญิงที่เขาคิด

จะแต่งงานด้วย ฟารีดายิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวด ตลอดเวลาที่เคยคิดว่า พระเจ้า

สร้างเธอและเขามาคู่กันนั้น มันไม่ใช่เลยสักนิดเดียว ทุกๆ อย่างนั้น ฟารีดา

ล้วนแล้วแต่คิดเข้าข้างตัวเองหมดทั้งสิ้น

มันช่างเป็นความเพ้อฝันที่เลื่อนลอยและไร้สาระสิ้นดี เธอมัน

ก็แค่ผู้หญิงที่หวังสูงและแม่สาวจอมฝันเฟื่องเท่านั้นใช่ไหม หญิงสาว

บอกกับตัวเองว่า เมธัสได้ลืมเธอไปนานแล้ว ลืมความรัก ความอ่อนหวาน

อดีตที่เคยหวานชื่น เขาลืมมันหมดแล้วหรือไร และเขาก็คงจะไม่มีวัน

หวนกลับมาหาเธออีกแล้ว เพราะหัวใจเขาได้โบยบินไปหาผู้หญิงคนใหม่

และก็ไปลับเสียด้วยสิ ห่างใจแต่ใกล้ตัว แม้ว่าอยู่ชิดกันเพียงเอื้อม

ต้องเห็นหน้ากันทุกๆ วัน แต่ใจเขานั้นไม่อยู่ตรงนี้อีกแล้ว และนี่แหละคือ

สาเหตุที่เมธัสไม่ยอมรับรู้ ไม่ยอมรับฟังอะไรจากเธอทั้งสิ้น เพราะคนเรานั้น

เมื่อหมดใจต่อกันแล้ว ต่อให้ยื้อให้ตายยังไงก็ไม่มีวันที่จะสำเร็จหรอก


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (23 รายการ)

www.batorastore.com © 2024