วิมานรัญจวน (แก้วชวาลา)

วิมานรัญจวน (แก้วชวาลา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786169062455
ผู้แต่ง: แก้วชวาลา
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 309.00 บาท 77.25 บาท
ประหยัด: 231.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เรื่อง วิมานรัญจวน โดย แก้วชวาลา

“คุณเมาแล้ว น...นะ...นอนพักดีกว่าไหมคะ”

“นอนเหรอ” เขาตอบมาเสียงอ้อแอ้ขึ้นจมูกเล็กน้อย จากนั้นก็มองไป

รอบๆ ห้องนักเลงอันธพาล แล้วกกลับมาจ้องเนตรอัปสรที่นั่งตัวเกร็ง

อยู่บนเตียง หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่กระดิกกระเดี้ย เมื่อรู้สึกว่าเขากำลัง

หาเรื่องเธอ

“นอนตรงไหนล่ะแม่กระปุ๊กลุก ที่นี่มีเตียงเดียวเท่านั้นเอง และเธอก็

ยึดมันไปเสียแล้ว อ้อ...นอนกับเธอสินะ ก็ดีลองๆ ให้มันจบๆ ไป พอรู้รส

แล้วจะได้หมดเรื่องหมดราว ไม่เป็นคนที่ทุเรศๆ แบบนี้อีก”

“คุณพูดอะไรคะ วี้ดดดดดดดดดดดดดดด”

เนตรอัปสรเอ่ยได้เท่านั้นก็หงายหลังตึง เมื่อร่างสูงที่ฉุนกึกไปด้วย

แอลกอฮอล์โถมเข้าใส่ตน ราวกระทิงเปลี่ยวที่เกรี้ยวกราดและพร้อมจะฟัด

คู่ต่อสู้ให้แหลกสลายหรือไม่ก็เลือดไหลโกรก

“คุณ!”

เรียกได้เท่านั้นก็กลอกตาไปมา เมื่อใบหน้าคมเข้มหล่อล้ำลึกเคลื่อน

มาชิดตรงหน้า แต่เสียงลมหายใจฟิดฟาดที่มาพร้อมกับกลิ่นเหล้าทั้งขวด

ก็ทำให้เนตรอัปสรเมามึนเหมือนมีเหล้าตกลงไปในคอหอยได้เหมือนกัน จึง

ได้แต่อึกๆ อักๆ มองเขาอย่างไม่เข้าใจ อาการเกร็งและหัวที่ขลาดกลัว

ทำให้ริมฝีปากแห้งผาก จนต้องแลบลิ้นเล็กๆ ออกมาเพิ่มความชุ่มชื้น แต่

ทำได้ไม่นานก็ต้องเก็บลิ้นเข้าไป นอนแข็งเป็นท่อนไม้ยิ่งกว่าเดิม เมื่อดวงตา

คู่คมเต็มไปด้วยประกายร้อยระอุหลุมลงมาปรือปรอยจ้องปลายลิ้นของเธอ

เขม็ง เขาเหมือนเสือและเธอกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองคือสมันน้อยไร้ทางสู้

มากขึ้นไปทุกที

“อาจต้องให้อะไรกับเธอเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ เพราะฉันกำลังต้องการ

ผู้หญิงสักคนในคืนนี้แล้วก็เดี๋ยวนี้ด้วย”

“อะไรนะคะ” เนตรอัปสรร้องเสียงหลง ใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อเขา

เคลื่อนใบหน้าลงมาซบกลุ่มผมนุ่มสลวย ได้ยินเสียงสูดลมหายใจครืดคราด

เหมือนคนที่ในอกซุปซ่อนอะไรเอาไว้มากมาย

“คืนนี้ฉันจะใช้ร่างกายของเธอ และจะให้เธอทำอะไรมากกว่าการเข้ามา

เป็นเมียกำมะลอน่ะสิ”

บทนำ

ผู้หญิงข้างถนน

ถโฟร์วีลสีดำคันใหญ่โตแข็งแรงที่ไต่ไปตามถนนเลี้ยวลด

คดเคี้ยวขึ้นสู่เนินเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะแทบทั้งลูก บวกกับถนนที่

ทั้งเปียกและแฉะ ทำให้คนที่อยู่บนรถซึ่งมีสีหน้าดุดันอยู่แล้ว ต้องเพิ่ม

ระดับความเข้มดุยิ่งขึ้น

“ให้ตายสิ! วันนี้ถนนหรืออารมณ์ของเรากันแน่ ที่มันดูแย่ขนาดนี้

โอ๊ะ! ดิโอ! พระเจ้าช่วยผมด้วยเถอะ ผมแยกมันไม่ออกเลยจริงๆ”

เสียงรำพันที่ลอดออกมาจากริมฝีปากหยักลึกได้รูปเอ่ยงึมงำ

แล้วก็เม้มเข้าหากันใหม่ เส้นคิ้วหนาดำเหลือบนํ้าตาลเล็กน้อยขมวดเป็น

ปมจนแทบจะชนกันอีกครั้ง ดวงตาคมสีสนิมเหล็กกระเดียดไปทางดำที่

ปกคลุมไปด้วยขนตาดกหนาสีเฉดเดียวกับคิ้ว โดยส่วนกลางนัยน์ตา

เปล่งประกายออกเหลืองอำพันเป็นจุดเล็กๆ อย่างน่าอัศจรรย์ เพ่งมอง

 

 

ไปยังหนทางเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง มือเรียวหนาสีแทนกอปรด้วย

เส้นขนสีนํ้าตาลออกบลอนด์ที่เรียงตัวกันอย่างมีระเบียบ และลักษณะ

การจับพวงมาลัยสีดำทะมึนนั้นดูรับกันดีกับใบหน้าเรียวยาวและ

โครงกระดูกที่เฉียบคม

เสียงผ่อนลมหายใจเล็กๆ ลอดออกมาจากปลายจมูกคม

ขึ้นสันสูง เมื่อหิมะก้อนไม่เล็กเท่าใดหยดแหมะลงมาจากต้นสนที่ปกคลุม

ไปด้วยหิมะ สู่กระจกด้านหน้าของรถคู่ชีพ ริมฝีปากได้รูปสวยที่ไม่หนา

และบางเฉียบจนเกินไป ทว่ากลับดูเร้าอารมณ์และลึกลับสำหรับสาวน้อยใหญ่

มากจินตนาการที่ล้อมรอบไปด้วยเส้นขนสั้นๆ เหนือริมฝีปากและคาง

บึกบึนด้วยปีกกรามแต่พอเหมาะนั้นเม้มเข้าหากันอีกหน เมื่อรถตกลงไป

ยังหลุมหิมะขนาดย่อม แต่ด้วยประสิทธิภาพอันสูงส่งของมัน เจ้ารถคันเก่ง

จึงสามารถขึ้นจากหลุมกระจอกงอกง่อย และขับเคลื่อนต่อไปได้อย่าง

แสนสบาย

“บ้าจริง!”

เจ้าของเสียงห้าวกัดฟันกรอด ริมฝีปากหยักลึกที่ชวนให้มอง

เห็นแต่ความรุ่มร้อนและเซ็กซี่แบบดุดันเพียงสถานเดียวเม้มเข้าหากันแน่น

แววตาสีประหลาดเปล่งแสงแปลบปลาบอย่างฉุนเฉียวเจือกระด้างหน่อยๆ

ก่อนจะค่อยๆ หรี่ลง และสงบนิ่งอีกครั้ง เพ่งมองไปยังหนทางเบื้องหน้า

อย่างคนประสาทแข็ง

“ปัดโธ่เอ๊ย!” จู่ๆ คนตั้งใจดีก็สบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะ

พ่นลมหายใจระอุร้อนออกมาจากปลายจมูกโด่งเฉียบอีกครั้ง “แม่แอนโทเนียลา

ตัวแสบ!” เสียงเข่นเขี้ยวลอดออกมาจากปากหยักลึกได้รูป ก่อนที่ฟัน

ขาวสะอาดจะขบลงไปยังริมฝีปากล่าง “ฮึ! เธอทำให้ฉันอารมณ์เสียไม่สร่าง

เลยรู้ไหมแม่ยอดยาหยี”

กรหรือธนากร ลาร์นาโดเอ่ยเสียงลอดไรฟัน กรามแกร่งบด

เข้าหากันจนโป่งนูน ทว่าแทนที่มันจะดูบุบบี้แต่กลับเสริมให้เขาดูดิบเถื่อน

ปานเจ้าป่ามากเสน่ห์ที่หลุดมาจากยุคดึกดำบรรพ์ก็ไม่ปาน

“ฉันว่าเราตอบแทนกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ และโตพอที่จะ

 

 

พูดคุยกันรู้เรื่องแล้วนะแม่คู่ขาคนเก่ง แต่แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ

แอนโทเนียลา ฮึ! ม่ายสาวแสนสวยผู้มีจิตใจกว้างขวางของฉัน เธอเปลี่ยน

ไปจากเดิมจนฉันขนลุกขนพองไปหมดทั้งตัวแล้วรู้ไหม”

ธนากรเปรยเบาๆ กระตุกมุมปากราวจะเยาะหยันโลกทั้งใบ

“ฮึ! ทำไมเธอถึงได้มาพูดจามากเล่ห์ ทำตัวเหมือนแม่มด แอบ

เข้ามาทางด้านหลังเพื่อตลบกันด้วยวิธีมากเล่ห์เพทุบายอย่างนี้นะ ฉัน

ชักจะไม่อยากเข้าใกล้เธอมากไปกว่านี้เสียแล้วสิแอนโทเนียลา?”

ธนากร ลาร์นาโด หนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาเลียนสบถออกมาอย่าง

หัวเสีย เมื่อจู่ๆ ก็หวนนึกถึงม่ายพราวเสน่ห์นามว่าแอนโทเนียลาคู่นอน

รายล่าสุดเข้า อันที่จริงหล่อนก็ดีพร้อมทุกอย่างอยู่หรอก ลีลาบนเตียงนั้น

ไม่เป็นรองสาวใดเลย ซึ่งนั่นอาจเป็นได้ว่าเพราะหล่อนเคยผ่านการแต่งงาน

มาแล้วถึงห้าครั้ง โดยไม่นับชายชู้และพวกผู้ชายรายทาง แต่เมื่อคืน

ที่ผ่านมานี้ เขาดันไปเห็นข้อเสียของหล่อนเข้าและข้อเสียที่ชวนสยดสยอง

ที่สุดของแอนโมเนียลาก็คือ หล่อนเผยไต๋ออกมาแล้วว่ากำลังเหล่ตามอง

หาเจ้าบ่าวรายที่หกอยู่

แอนโทเนียลาแสดงความกระหายใคร่จะมีสามีเป็นตัวเป็นตน

อีกครั้ง ด้วยการบ่นและบ่นทุกห้าวินาทีว่าหล่อนอยากจะแต่งงานอีกแล้ว

และสถานที่ที่แอนโทเนียลาต้องการแต่งงานมากที่สุดก็คือเมืองเวนิส

หล่อนบอกว่าเหงาอย่างนู้นเหงาอย่างนี้ อยากมีคนมาอยู่ด้วย พอตื่นนอน

ตอนเช้าก็เจอหน้าคนที่ใช่ แถมยังมาย้อนถามธนากรอีกว่า เทียวไปเทียวมา

ขับรถไต่เขาวนเวียนไปมาหาสู่หล่อนบ่อยๆ แบบนี้ไม่เบื่อบ้างหรือไง

เมื่อเจอคำถามแบบนี้ธนากรเลยหมดสนุก ไม่มีอารมณ์จะ

แสดงความพิศวาสม่ายสาวแสนสวยอีกต่อไป ความจริงเขาก็เริ่มเบื่อ

แต่ไม่ใช่เบื่อขับรถไต่เขาหรอก เพราะมันเป็นกิจกรรมสุดโปรดของเขาอยู่

แล้ว แต่ธนากรกำลังเบื่อหล่อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน บางครั้งเขาคิดว่า

นํ้าหอมที่หล่อนใช้อยู่มันฉุนเกินไป วิธีกินของหล่อนก็น่าเบื่อ เพราะ

กินอยู่แต่สลัดผักเพียงอย่างเดียว สุดท้ายธนากรเลยบอกให้หล่อนไป

คิดทบทวนลำพังว่า แรกที่ทั้งสองคนตกลงคบหากันนั้น ทั้งคู่ตกลงกันไว้

 

 

แค่ไหน

พอเขาพูดเท่านี้ หล่อนก็ก้มหน้าใช้นิ้วที่เคลือบสีทาเล็บแสนสวย

กรีดน้ำตาอันน้อยนิดราวกับฉี่มด จากนั้นก็พูดพล่ามรำพันถึงความโดดเดี่ยว

และอาภัพ เพียรวิงวอนให้เขาเห็นใจ สุดท้ายเขาก็รำคาญจึงชิ่งหนีกลับบ้าน

ธนากรรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่ไม่รู้จักพอ และอาการหลงลืมราวกับ

คนเป็นอัลไซเมอร์ของคู่นอน เขาและแอนโทเนียลาม่ายสาวพราวเสน่ห์

ได้ตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น และการที่หล่อนเกริ่น

เรื่องแต่งงานก็ถือว่าเป็นการผิดมารยาท ผิดจนเขารู้สึกว่าทุกอย่างมัน

ควรจะยุติและจบลงได้แล้ว

“เห็นทีว่า ฉันจะไม่ไปหาเธออีกแล้วล่ะแอนโทเนียลา ช่วงหลังๆ

มานี้ฉันให้เวลากับเธอมากเกินไป และดูเหมือนว่ามันจะมากกว่าใคร

มากเสียจนฉันพลั้งเผลอละเลยสานสัมพันธ์กับคนเคยสนิทกันอีก

หลายๆ คน” ธนากรรำพึง ถอนหายใจ พลางคิ้วขมวด “แอนโทเนียลา

เมื่อเธอเริ่มที่จะคิดไปไกล เราก็ควรจะหยุดมันซะดีกว่าไหม หยุด! ก่อนที่

ตัวเธอจะทำอะไรที่มันบ้าไปมากกว่านี้!”

ธนากรกัดฟันกรอด หักพวงมาลัยมุ่งหน้าไปยังถนนใหญ่

ที่เรียบเตียนด้วยฝีมือของเจ้าหน้าที่กำจัดหิมะที่อยู่ไม่ห่างนัก แต่ก่อนที่

เขาจะถึงถนน บูทเฟอร์รากาโมสีดำราคาสูงแต่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน

เพราะไม่ได้รับการถนอมเอาเสียเลยก็ต้องแตะเบรกกะทันหัน ธนากร

ค่อยๆ หรี่ตาลง เพ่งไปยังวัตถุที่ร่วงหล่นไปยังพื้นดินซึ่งปกคลุมไปด้วย

หิมะบริเวณกันชนรถของเขาอย่างโกรธจัด มือหนาทุบพวงมาลัยรถ

อย่างฉุนเฉียว

“บัดซบเอ๊ย! สาบานได้ว่าฉันไม่ได้ชน! แม้แต่ปลายผมสักเส้น

รถของฉันก็ยังไม่โดนแกด้วยซํ้า”

ธนากรตะเบ็งเสียงอยู่ภายในรถอย่างโกรธจัด เมื่อถูกขัดจังหวะ

การเดินทาง ดวงตาคู่คมเปล่งรังสีไปยังวัตถุด้านหน้าอย่างอาฆาต

“ฮึ! ทำสำออยสร้างสถานการณ์ไปเถอะ อยากลองดีกับธนากร

ลาร์นาโดมากนักใช่ไหม ไอ้โจรห้าร้อย! ไอ้จรจัด! เดี๋ยวก็รู้!” ธนากร

 

 

ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดวงตาคู่คมหรี่ลงจนขนตาที่ดกราวปีกนกทาบซ้อนกัน

“เฮอะ! นอกจากแกจะไม่ได้อะไรกลับไปแล้ว ก็จะเจ็บตัวตามมา

ด้วย ประเดี๋ยวเถอะ! แกได้คลานกลับบ้านที่ผุๆ พังๆ ของแกในสภาพที่

ไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนแน่!”

เอ่ยเท่านั้นก็หยิบปืนพกขึ้นมา ร่างทรงพลังอันประกอบด้วย

ทรวงอกกว้างแน่นเปรี๊ยะฟิตตึงไปด้วยมัดกล้ามเอี้ยวตัวไปคว้าโอเวอร์โคต

สีช็อกโกแลตซึ่งอยู่ตรงที่นั่งด้านข้างคนขับด้วยกิริยาเกือบเป็นกระชาก

ธนากรใช้ไหล่กว้างกระแทกประตูรถออกไปสู่ความหนาวเหน็บภายนอกด้วย

สีหน้าถมึงทึง ร่างสูงเพรียวขนาดหกฟุตสองนิ้วหรือราวๆ ร้อยแปดสิบแปด

เซนติเมตรในชุดยีนสีเข้มทะมัดทะแมงและเสื้อเชิ้ตลายหมากรุกเฉดสี

เดียวกับพูลโอเวอร์ที่พาดอยู่บนบ่าแข็งแรงนั้นเล็งปลายกระบอกปืนไป

ยังร่างซึ่งนอนขวางอยู่หน้ารถอย่างเอาเรื่อง แต่พอเพ่งมองไปชัดๆ ก็

ครางออกมาอย่างงงๆ และไม่ค่อยจะเป็นภาษาสักเท่าไร รู้สึกเหมือน

กำลังโดนหิมะก้อนที่หนักสักห้าร้อยตันหล่นโครมลงมาเหนือศีรษะก็

ไม่ปาน

“ดิโอ! มันเกิดอะไรขึ้น?”

ธนากรร้องออกมาไม่เป็นภาษาเมื่อมิจฉาชีพที่คิดว่าจะอัดให้

เละกลับกลายเป็นสตรีซึ่งมีขนาดความยาวของช่วงตัวประมาณห้าฟุต

กับอีกสองนิ้ว หรือจะพูดให้ถูกก็ราวๆ หนึ่งร้อยห้าสิบเจ็ดเซนติเมตร

เพียงเท่านั้น เขาค่อยๆ ลดปืนลง จ้องคนที่นอนฟุบหน้าลงไปกับหิมะ อด

ขัดตากับผมที่ฉีดสเปรย์หลากสีสันทั้งแดง ม่วง เขียว ทอง และสีอะไร

ต่อมิอะไรอีกมากมายปานสายรุ้งเจ็ดสีของอีกฝ่ายไม่ได้

“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะแม่คุณ! ฉันไม่ได้ขับรถชนเธอสักนิดเดียว!

ต้องการอะไรล่ะ ถึงได้มาเล่นแบบนี้”

ถามไปเท่านั้นก็ชะงัก เมื่อสตรีที่แต่งกายไม่ผิดอะไรกับโสเภณี

หรือสาวปาร์ตี้ค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นมามอง แล้วธนากรก็ต้องตกตะลึง

เป็นรอบสอง เมื่อสตรีที่วิ่งโร่เข้ามาตัดหน้ารถเขานั้นมีแต่เลือดเปรอะเปื้อน

 

 

หน้าตาและมือเล็กบางเต็มไปหมด

“โปเตรบเบ ไออูตาร์มิ กรุณาช่วยฉันด้วย พาฉันออกไปจาก

ที่นี่ให้เร็วที่สุด ได้โปรด...

เสียงตอนท้ายที่แผ่วเบาลงแต่ภาษาที่ใช้นั้นกลับสะกิดใจเขา

นัก ธนากรรีบก้าวไปยังร่างเล็กที่นอนหนาวสั่นอย่างคนเจ็บหนักอยู่บน

หิมะขาวโพลน ลำแขนแข็งแรงที่ผ่านการทำงานหนักจนกล้ามแขนแข็ง

เป็นมัดๆ ยื่นไปข้างหน้า ช้อนร่างที่อ่อนปวกเปียกราวกับเนยเหลวขึ้น

อย่างง่ายดาย ดวงตาคู่คมสีสนิมกล้ามองไปยังคนตัวเล็กทว่าอวบอิ่ม

ที่อยู่ในอ้อมแขนของตนแล้วถอนใจเฮือก ก่อนจะพาอีกฝ่ายมุ่งไปยัง

รถคันเก่ง

ซวยบรรลัย! อยู่ดีๆ ก็ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอะไรที่ไม่ใช่

เรื่องของตัวเองเลยสักนิด

แต่เพราะศัพท์สำเนียงที่บ่งชัดว่าสตรีในอ้อมแขนนางนี้เป็น

ชาวไทยเหมือนคุณเพ็ญแขมารดาของเขา ธนากร ลาร์นาโดเลยไม่อาจ

นิ่งดูดายปล่อยให้หล่อนเผชิญชะตากรรมท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บ

เพียงลำพังได้

“เธอยังโอเคอยู่ไหม?”

“พาฉันไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ได้โปรด...”

เสียงที่ตอบกลับมาเป็นภาษาไทย ทำให้ธนากรถอนใจ พยายาม

มองใบหน้าที่เลอะไปด้วยเลือดและเครื่องสำอางที่พอกซะหนาเตอะ

ชนิดไม่อาจมองเห็นเนื้อแท้ของเจ้าหล่อนได้เลย

“เอาอย่างนี้ซินญอรีนา ฉันจะพาเธอไปหาหมอก่อน ดูเหมือนว่า

เลือดของเธอจะไหลออกมาเยอะมาก”

เอ่ยกลับไปด้วยภาษาไทยที่ชัดเจน แม้เขาจะอยู่อิตาลีมา

แต่กำเนิด ทว่าศัพท์สำเนียงไทยก็ไม่แปร่งเพี้ยนเลย นั่นก็เพราะมารดา

ชาวไทยเข้มงวดเรื่องการใช้ภาษาไทยอย่างมาก ลำแขนแข็งแรงค่อยๆ

 

 

วางสตรีที่นุ่งน้อยในชุดคอกเทลเกาะอกชวนวาบหวิว เนื้อผ้าส่วนล่างถูก

ฉีกขาดกะร่องกะแร่ง ลงที่รถ พอจัดท่านั่งให้หล่อนเสร็จเรียบร้อย ก็รีบ

ถอยห่างออกมายืนถอนใจลำพัง

ดูจากรูปการณ์ โดยเฉพาะเนื้อขาวๆ ไปจนถึงก้อนเนื้ออันอวบอัด

ที่ยั่วกิเลสชายซึ่งเขียวเป็นจ้ำๆ คงมิแคล้วถูกปลุกปล้ำใช้กำลังข่มขืนมา

แน่นอน ธนากรถอนใจ หยิบพูลโอเวอร์ที่พาดอยู่บนไหล่กว้างลงมาคลุม

กายให้หล่อน จากนั้นก็จ้องไปยังคนที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงหน้าอาบไป

ด้วยเลือด มาสคาร่าหล่อนเลอะเทอะขยายเป็นวงกว้างกระจายไปรอบๆ

ดวงตา ดูราวกับหมีแพนด้าที่ส่งตรงมาจากเมืองจีนก็ไม่ปาน

“เราจะไปสถานีตำรวจด้วยกัน แต่ต้องหลังจากที่หมอบอกว่า

เธอปลอดภัยดีแล้ว”

“ตำรวจหรือ! คือว่าฉัน...

“เอาเถอะ! ฉันจะพาเธอไปหาตำรวจเพื่อแจ้งความควานหา

ตัวคนร้ายแน่! แต่ต้องหลังจากที่หมอได้ตรวจดูร่างกายของเธอเรียบร้อย

เสียก่อนนะ” ธนากรบอกหน้ายุ่งๆ เมื่อคนอยู่บนรถสะบัดศีรษะไปมา

ยกมือตะกายเหมือนจะไขว่คว้าหาอะไรสักอย่าง

“อย่าห่วงเลย เธอจะได้เงินค่ารักษาพยาบาลจากไอ้หื่นกาม

คนนั้นแน่ ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงแบบไหน เต็มใจไปกับมันหรือไม่ แต่ถ้า

มันทำกับเธอเหมือนไม่ใช่คนแบบนี้ มันก็ต้องชดใช้!”

ธนากรรีบตัดบท หันหลังให้ แล้วปีกคิ้วหนาเข้มก็ขมวดเข้าหา

กันใหม่ ร่างสูงรีบหมุนกายกลับไปยังตำแหน่งที่เขาหย่อนร่างสาวนิรนาม

ลงไปเมื่อครู่นี้ทันที เมื่อมีเสียงดังตุ๊บ! เหมือนอะไรสักอย่างตกลงมา

จากรถของตน

“ให้มันได้อย่างนี้สิ แม่ซอมบี้”

ธนากรยืนเท้าสะเอว แยกขายาวๆ ออกจากกันเล็กน้อย ดวงตา

คู่คมจ้องไปยังร่างน้อยขาวอวบที่เอวคอดกิ่วราวกับเอวมดตะนอยอย่าง

งงๆ เมื่อเห็นหล่อนทำท่าตะเกียกตะกายเพื่อหนีไปจากเขา

“เล่นอะไรของเธอ ตกลงว่านี่เจ็บจริงหรือว่าแกล้งหลอกฉัน

 

 

กันแน่?”

ถามไปก็ไม่มีคำตอบ นอกจากร่างขาวอวบที่พยายามคลาน

หนีเขาอย่างกับหนีสารกัมมันตรังสีก็ไม่ปาน

“บ้าจริง! นี่ฉันเจอผู้หญิงโรคจิต ชอบสร้างความวุ่นวายเข้าให้

แล้วหรือไง”

เอ่ยเท่านั้นก็ทนดูร่างที่คลานออกห่างด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา

ไม่ได้อีก ร่างเพรียวแข็งแรงกระโจนเข้าไปตะครุบคนตัวเล็ก ซึ่งบางส่วน

ก็ไม่ได้เล็กกระจ้อยร่อยตามระดับความสูงเลยสักนิด

“จะดิ้นรนไปตายกลางหิมะหรือไง เนื้อตัวสั่นอย่างกับลูกนก

ตกถังนํ้าแข็งแถมเลือดยังอาบไปทั้งตัวแบบนี้ คลานไปแค่ริมถนนก็พับ

แล้ว ฉันจะพาเธอไปหาหมอได้ยินหรือเปล่า หูแตกหรือไงล่ะแม่คุณ

ถึงได้ทำตัวน่าสมเพชขนาดนี้ ฉันไม่ชอบให้ใครมาตายต่อหน้าต่อตาฉัน

เข้าใจไหม”

“นี่ไม่ใช่เลือดของฉัน ได้โปรด อย่าพาฉันไปส่งให้ตำรวจเลย

นะ ฉัน...เอ่อ...เจอกับตำรวจไม่ได้...แปร์ ฟาโวเร”

เสียงสั่นของคนที่ทาปากสีแดงจัดราวกับผีดูดเลือดเอ่ยได้เท่านั้น

ก็สลบไป ธนากรเม้มริมฝีปากใบหน้าคมคายยุ่งเหยิงแม้ประโยคสุดท้าย

ของอีกฝ่ายจะเบาหวิวแต่ก็ดังก้องอยู่ในใจ ดวงตาสีสนิมเข้มมองไปยัง

สตรีเจ้าของเนินอกขาวผ่องยั่วใจชายอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ หรี่ตา

ลงจ้องไปยังรอยชํ้าที่คอและเนินอก สำรวจการแต่งกายของคนในวงแขน

อีกครั้ง

ร่องรอยนี้มันเกิดจากความเป็นซาดิสต์ของคนเพศเดียวกันกับ

เขาแท้ๆ มันเป็นอาการของคนมันเขี้ยว ควบคุมตัวเองไม่อยู่ เมื่อเผชิญ

กับสาวสวยรูปร่างอวบอัดเอิบอิ่มนุ่มนิ่มไปทั้งตัวอย่างนี้

แม่เจ้าโว้ย! ถ้าไม่นับหน้าตาที่แต่งเข้มราวกับนางมารร้ายแล้ว

ละก็ ในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาเองก็อยากจะจับแม่สาวอิ่มอวบ

คนนี้มาฟัดซะสองวันสองคืน แบบไม่ยอมให้ลุกหนีไปไหนได้เชียว ทำไม

 

 

หล่อนถึงได้ตัวนุ่มน่ากลืนกินน่าแทะโลมขนาดนี้นะ โอ๊ะ! ดิโอ!’

เฮ้ย! แกท่าจะบ้าไปใหญ่แล้วเจ้ากรเอ๊ย! กิเลสตัณหาของแก

มันไม่สมควรจะเกิดขึ้น ในขณะที่ผู้หญิงเขาเลือดโซมกายแบบนี้ หล่อน

เป็นใคร มีปูมหลังยังไง แถมหน้าตาที่แท้จริงเป็นแบบไหนก็ยังไม่รู้เลย

หยุดคิดบ้าๆ เชียวนะธนากร ลาร์นาโด นี่มันเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานชัดๆ”

ธนากรด่าตัวเองอย่างเหลืออด หย่อนร่างบางที่สลบคอพับ

ลงไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามคนขับ มือหนารัดเข็มขัดนิรภัยให้ร่างเล็กขาว

อวบอิ่ม มองต้นขาขาวๆ ที่กระโปรงตลบขึ้นไปอย่างมึนๆ สักพักก็จับ

พูลโอเวอร์ไปปิดเนื้อนวลให้มิดชิด แล้วก็โล่งใจเมื่อเห็นเนื้อหนังมังสา

อันยั่วเย้าของอีกฝ่ายน้อยลง

หล่อนอาจเป็นสาวปาร์ตี้แรงร้อนออกไปล่าผู้ชายยามค่ำคืน

หรือว่าจะเป็นโสเภณีร้อนเงินที่ไม่ค่อยคัดสรรลูกค้าสักเท่าไร พอมาเจอ

ลูกค้าซาดิสต์ ตั้งหน้าจะขย้ำขยี้โดยไม่สนอะไรเข้า สุดท้ายเจ้าของ

ร่างอิ่มเอิบขาวผ่องก็ทนไม่ไหว จากนั้นก็เลยขัดขืนจนเกิดการพิพาทกัน

ขั้นรุนแรง และแม่สาวอวบนางนี้ก็อาจเผลอไปทำร้ายหมอนั่นจนเจ็บ

เจียนตาย หรือไม่ก็อาจตายไปแล้วก็ได้ ถึงได้กลัวตำรวจซะลนลานขนาดนี้

ธนากรมองแม่สาวเลือดเกรอะกรังรอบดวงตาดำเพราะพิษสง

ของมาสคาร่าแล้วส่ายหัว ยืดกายขึ้นเต็มความสูง เดินอ้อมไปประจำที่นั่ง

ของคนขับ เปลี่ยนใจจากการนำแม่สาวเปรี้ยวไปโรงพยาบาลและแจ้งความ

เป็นขับโฟร์วีลคันเก่งมุ่งสู่บ้านไร่ของตนในละแวกเทือกเขาโดโลไมต์

โดยมีผู้ต้องหาสาวตัวเล็กแต่หุ่นยั่วสวาทติดรถมาด้วยอีกหนึ่งนางแทน

เรื่องสาวปาร์ตี้นี้ตัดไปได้เลย เพราะหากเป็นสาวปาร์ตี้ก็ต้อง

เรียกร้องค่าเสียหายให้ตัวเองสิ น่าจะเป็นโสเภณีที่ลักลอบมาขายตัว

เลยไม่กล้าพบตำรวจ เพราะหากเรียกร้องไปก็จะต้องถูกจับในข้อหา

 

 

ค้าประเวณีแน่ และอีกอย่างที่เขาไม่แน่ใจก็คือ หล่อนเข้ามาในอิตาลี

อย่างถูกต้องหรือเปล่า เห็นมีแต่ตัว หลักฐานการเดินทางไม่มีอะไร

สักอย่างเดียว

นากรพารถคู่ใจไต่ไปตามไหล่เขาเล็กแคบวกวน จากนั้นก็

หักเลี้ยวเข้าสู่ถนนกว้าง เพียงไม่นานรถคู่ชีพก็วิ่งผ่านรั้วไม้สู่อาณาเขต

กว้างขวางของบ้านไร่อันไพศาล ที่ทำทุกอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น

การเลี้ยงวัวนมหรือปลูกองุ่นและหมักบ่มไวน์ ทายาทคนที่สามของ

ตระกูลลาร์นาโดมองไปยังแม่สาวแต่งตัวเปรี้ยวจี้ดที่นอนสลบคอพับ

สภาพไม่ต่างจากคนที่เพิ่งโดนสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ฟัดมาหมาดๆ

คิ้วเข้มราวปีกนกพันธุ์ยักษ์ขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็นริมฝีปาก

เคลือบสีแดงสดเริ่มบวมเจ่อ แล้วก็ถอนใจเฮือก หักพวงมาลัยเบี่ยงออก

จากบ้านไร่สไตล์ล็อกเคบินที่กินพื้นที่ราวๆ หกสิบเอเคอร์6 และถูกกันไว้

เป็นที่พักอาศัยส่วนตัวโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าบ้านพักหลังแรกภายในไร่

อันกว้างใหญ่ของเขาเป็นประตูเข้าสู่อาณาเขตบ้านไร่ขนาดสองหมื่นกว่า

เอเคอร์ของตระกูลลาร์นาโด ที่กินเนื้อที่ของภูเขาหมดทั้งลูกเลยก็ว่าได้

รถคันเก่งพาธนากรมุ่งไปยังถนนเล็กแคบ เต็มไปด้วยป่าสน

สองข้างทาง ที่บัดนี้ถูกปกคลุมด้วยหิมะจนขาวโพลนไปทั่วทั้งท้องถนน

ความเขียวสดที่เคยเห็นจนเจนตาและอยู่เคียงคู่บ้านไร่หายไปจนหมดสิ้น

ไม่นานเจ้าสี่ล้อคู่ชีพก็มาหยุดลงที่เคบินหลังเล็กๆ ซึ่งทำจากหินแทบ

ทั้งหลัง พอเปิดประตูรถฝั่งคนขับออกมาได้ ก็ตรงไปยังประตูอีกด้าน อุ้ม

ร่างอวบอิ่มกะทัดรัดที่ชุ่มไปด้วยเลือดลงมา ขายาวๆ ก้าวไปยังกระท่อม

ปลายไร่ที่มักแอบมาใช้สอยยามต้องการความสงบหรือนั่งดื่มคิดอะไร

ตามลำพังเสมอ ร่างเพรียวทรงพลังประดับด้วยมัดกล้ามในส่วนที่

เหมาะเหม็ง บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของบุรุษแท้ ยืนหมุนคว้างอยู่

กลางบ้านที่เปรียบเสมือนบ้านคนแคระ ซึ่งมีทุกอย่างพร้อมสมบูรณ์

6 ประมาณ 152 ไร่

 

 

ธนากรทำหน้ายุ่งยากใจพักหนึ่ง แล้วดวงตาสีสนิมเหล็กออกดำ

ลํ้าลึกก็หลุบลงมองไปยังพรมนุ่มสีเทาเข้มบริเวณปลายเท้า ที่ถักทอเป็น

รูปเสือโคร่งนอนแผ่หลาอยู่หน้าเตาผิงหินขัดขาววาววับ แถมยังลงสลัก

ด้วยลวดลายเทพเจ้ากำลังล่าสัตว์ป่าในอิริยาบถต่างๆ แขนทรงพลัง

หย่อนร่างเล็กอวบอิ่มลงช้าๆ แล้วถอยห่างออกมายืนดูเงียบๆ สักพักก็

ถอนใจ อนาถกับสภาพสะบักสะบอมของแม่หุ่นนาฬิกาทรายขนาดจิ๋ว

เห็นทีเขาจะทิ้งให้หล่อนนอนอยู่ในสภาพเปียกปอนเลือดโซมกายแบบนี้

ไม่ได้แล้ว แม้ไม่อยากบริการแต่หากหันหลังหนีไปเลย ความรู้สึกที่ว่าตน

เป็นคนแล้งนํ้าใจก็จะฟ้องขึ้นมาอีกอย่างรุนแรง

“พับผ่าสิ! เธอนี่มันจอมจุ้นจริงๆ”

เอ่ยเท่านั้นร่างสูงก็ทรุดกายลงนั่งขัดสมาธิ เท้าคางมองร่างที่

สลบไสลไม่ได้สติอย่างอ่อนใจ

“คงจะหาใครมาจัดการกับเนื้อตัวสกปรกเลอะเทอะของเธอ

ไม่ได้หรอก นอกจากฉันนี่แหละแม่จอมยุ่ง!”

เอ่ยออกมาหน้าตาเหนื่อยหน่าย มือหนาเคลื่อนไปดึงชุดคอกเทล

แบบเกาะอกของอีกฝ่ายออก ครั้นจะเรียกเด็กมาทำให้หล่อนก็ไม่ได้ เขา

ไม่ประสงค์ให้ใครมาเห็นแม่สาวนิรนามในสภาพสะบักสะบอมสุดขีด

อย่างนี้เลย เพราะมันจะเกิดคำถามในใจแก่คนมากมายได้ว่าเขาไปเก็บ

หล่อนมาจากไหน หรือหนักหน่อยก็อาจพากันคิดไปว่าเขาเป็นพวกซาดิสต์

ชอบซ้อมผู้หญิงก่อนจะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย คิดได้เท่านั้นมือเรียวหนา

สีแทนจางก็ชักสั่น เมื่อดึงชุดเกาะอกลงมาได้ก็เห็นทรวงอกอวบอิ่มที่

เบียดชิดกันอยู่ภายใต้บราเซียร์สีขาว ธนากรตาค้างตะลึงงัน เขาไม่เคยเห็น

ทรวงอกที่ไหนสวยขนาดนี้มาก่อนเลยและด้วยความที่ไม่เคยเห็น ใบหน้า

คมเข้มจึงค่อยๆ โน้มลงไปดูชิดใกล้ โดยเจ้าตัวหารู้สึกตัวสักนิดไม่

ดวงตาคู่คมกวาดมองไปทั่วโนมเนื้อที่เบียดชิดกันด้วยความ

สนใจ ใคร่สำรวจตรวจดูไฝฝ้า ผิวหล่อนขาวอมชมพูเหมือนสีนมวัว

ที่เหยาะสตรอว์เบอร์รีเข้าไปแบบเจือจาง หล่อนมีทรวดทรงที่สวยมาก

มันดูเย้ายวนชวนให้ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงพิกล และด้วยอะไรดลใจก็

 

 

ไม่ทราบอีก ธนากรสอดมือเข้าไปที่แผ่นหลังเนียนลื่นมือใต้ผืนพรมนุ่มนิ่ม

ใช้นิ้วเรียวยาวสะกิดตะขอเพียงนิด ทรวงอกอวบใหญ่น่าตะลึงตะไลก็

ดีดผึงขึ้นมาท้าทายสายตา

“ดิโอ! เธอโชคดีมากเลยนะแม่ตัวขาว ที่ไอ้หื่นจอมวิปริตนั่น

เข้าไม่ถึงทรวงอกอันแสนสวยของเธอ”

กล่าวแล้วจ้องทรวงอกคู่สวยที่ประดับด้วยเม็ดทับทิมสีชมพูอ่อน

ตาไม่กะพริบ ทรวงอกหล่อนมันเต่งตึงไร้ตำหนิหรือวี่แววว่าจะหย่อนคล้อย

เลยสักนิด

“ทำไมมันดูสวยสะอาดขนาดนี้ได้ล่ะแม่กระปุ๊กลุก เหมือนกับ

ไม่ใช่อกของพวกโสเภณีหรือสาวปาร์ตี้สักนิดเลย”

เสียงรำพันที่แหบพร่าและลดลงจนเกือบเป็นเสียงกระซิบโดย

ไม่รู้ตัวนั้นบ่งบอกถึงความงงงวยจัด มือหนาเรียวแข็งแรงค่อยๆ ลูบไปตาม

สีข้างเรียบเนียนโค้งเว้า ผิวหล่อนมันช่างให้ความรู้สึกนุ่มลื่นเย็นชื่นใจ

ต่างจากผิวเขาที่แข็งปั๋งร้อนรุ่มอยู่เสมอหาความนุ่มเนียนมือไม่ได้เลย

“แต่ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะแต่งตัวแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงหากินกับ

ตัณหาราคะของผู้ชาย แล้วอีกอย่างเธอจะกลัวตำรวจทำไมกัน ถ้าไม่ได้

ทำอาชีพอย่างว่าหือ? แม่กระต่ายขาวนิ่ม” ธนากรเอ่ยกระซิบชิดหน้าคนที่

หลับตาพริ้ม แล้วก็ส่ายศีรษะอย่างสับสน ดวงตาคู่คมสั่นไหวมีแวว

คลางแคลงใจ

“วะ...แต่ให้ตายเถอะ! ยังไงมันก็ต้องมีส่วนที่บุบสลายกันบ้าง

สิ”

ธนากรร้องออกมาอย่างข้องใจ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น

เลย เขาถอนใจ ละสายตาจากทรวงอกคู่สวยจนน่าอัศจรรย์อย่างเสียดาย

จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงชุดที่ขาดวิ่นให้เลื่อนลงช้าๆ แล้วช่องท้องทรงพลังก็

โหวงวืดเกร็งเครียดเร่าร้อนขึ้นมาปัจจุบันทันด่วน เมื่อเห็นเอวคอดกิ่ว

ชัดตา

พับผ่าสิ! เอวหล่อนเล็กกว่าที่ตาเขาเห็นในตอนแรกเสียอีก

ความนวลเนียนและสะดือที่บุ๋มลงไปอย่างสดสวยลงตัวนั้น

 

 

ทำให้ธนากรรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางแสกหน้า จากนั้นก็โดนเส้นแส้

ของสายฟ้าฟาดใส่จนทั่วทั้งตัว

มือหนายื่นไปลูบไล้ความขาวเนียนนุ่มดังต้องมนต์สะกดหล่อน

ช่างมีส่วนโค้งส่วนเว้าที่เหมาะเจาะลงตัวอะไรเช่นนี้

ผู้หญิงอวบ! เขาชอบผู้หญิงอวบที่สุด!’

ก่อนหน้าที่จะพบหล่อนนั้น ธนากรหลงคิดไปว่าตัวเองชอบผู้หญิง

สูงเพรียวขายาวเหมือนกวางป่าซะอีก ผู้หญิงคนนี้ขาวนวลนุ่มนิ่มมือไป

ทุกสัดส่วน หล่อนตัวเล็กแต่อวบอิ่มปานกระต่ายน้อยก็ไม่ปาน และที่สำคัญ

เพียงแค่มองดูหล่อนนอนนิ่งๆ ร่างกายก็เหมือนถูกอัดแน่นด้วยนาวาร้อน

ซะแล้ว

ดวงตาสีสนิมมองมือตัวเองที่ลูบวนอยู่รอบๆ เอวคอดกิ่วและ

ไต่ขึ้นไปยังภูเขาหิมาลัยอันขาวผ่อง ธนากรถอนใจเฮือก ใช้สองนิ้วคีบ

ทับทิมเม็ดงามแล้วก็เกิดกระแสไฟแรงกล้าวิ่งเข้าช็อตสู่ช่องท้องอีกหน

ชายหนุ่มกัดฟันกรอด รีบชักนิ้วกลับโดยไว โหนกแก้มสีแทนเข้มซับสีโลหิต

ขึ้นมาทันใด

“ไอ้บ้าธนากรเอ๊ย! แกกำลังลักลอบทำอนาจารกับผู้หญิงที่

ไร้สติสัมปชัญญะอยู่นะ”

บอกตัวเองอย่างตกใจ เขากำลังกลายเป็นพวกหื่นกาม หลงใหล

ตะลึงพรึงเพริดไปกับความเซ็กซี่กะทัดรัดของอีกฝ่าย จนหลงลืมไปว่า

หล่อนคือลูกนกเจ็บหนัก คิดได้ดังนั้นก็ถอนใจเฮือก ลุกพรวดถอยออกห่าง

จากร่างขาวผ่องที่ถูกเขาจับลอกคราบจนชุดบ้าๆ นั่นร่นไปกองอยู่ที่เอวคอดกิ่ว

ธนากรกำลังร้อน และปฏิกิริยาบ้าๆ ทางเคมีก็พุ่งสูงตื่นกระพือซะจนจะ

ควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่รอมร่อแล้ว

“บ้าที่สุด! เราอายุสามสิบสองปีแล้วนะ ไม่ใช่ไอ้ไก่อ่อนสิบห้า

สิบหกสักหน่อยเดียว บัดซบจริง!”

ธนากรแหงนหน้ามองเพดาน สบถออกมาดังๆ ก่อนจะก้มลงไป

มองแม่หุ่นยั่วนํ้าลายอีกครั้ง ดวงตาที่มีประกายเกล็ดสีทองอำพันแฝงเร้น

เปล่งประกายวิบวับใส่คนที่สลบไสลอย่างไม่ชอบใจปะปนกล่าวหากัน

 

 

เล็กน้อย

“นอนอยู่ตรงนี้ก่อนนะแม่กระต่ายป่า เดี๋ยวฉันจะกลับมาถอดชุด

แล้วเช็ดตัวให้เธอใหม่”

กล่าวแค่นั้นร่างสูงก็เดินหนีจากคนที่นอนอยู่หน้าเตาผิงโดยไว

ให้ตายสิ! เขาต้องการความเย็น ขออาบนํ้าแบบไม่ต้องใช้

เครื่องทำนํ้าอุ่นได้ยิ่งดี

เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าถ้าหากเขาเก็บผู้หญิงที่มีแรงดึงดูดทางเพศ

สูงขนาดนี้ไว้ใกล้ตัวนานๆ จะเกิดอะไรขึ้น

พับผ่าเอ๊ย! เขาไม่น่าพบและยื่นมือเข้าไปข้องเกี่ยวกับผู้หญิง

คนนี้เลย รอให้หล่อนฟื้นตัวซะก่อนเถอะ ธนากรจะรีบเสือกไสไล่ส่ง

หล่อนให้ไปไกลสุดลูกตาเลยทีเดียว

 

 

1

โลกกลม

ร่างกระจ้อยร่อยทว่าอวบอิ่มสมส่วนที่นอนอยู่บนพรมหนานุ่ม

และห่มด้วยผ้าขนสัตว์ค่อยๆ ขยับกายที่ปวดร้าวอ่อนล้าอย่างช้าๆ ดวงหน้า

รูปหัวใจบิดเบ้ เมื่อเคลื่อนไหวเพียงนิด หน้าท้องเรียบเนียนที่เคยถูกหมัด

หนักๆ ชกเข้าให้และยังหลงเหลืออาการร้าวระบมอยู่เล็กน้อย ก็เปล่ง

เสียงครวญคราง

โอ๊ะ! อู๊ย...”

ร้องออกมาตามสัญชาตญาณเมื่อทำการขยับขาเพียงนิด ต้นขา

อวบขาวที่ถูกทุบจนแทบกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ในตอนแรกก็เจ็บขึ้นมา

อีกครั้ง ริมฝีปากสีชมพูอิ่มเต็มที่มุมปากมีรอยชํ้านิดๆ เม้มเข้าหากันแน่น

ปวดตุ๊บๆ ที่บริเวณโหนกแก้มจากการโดนชายอันธพาลชกเข้าให้ ยามเมื่อ

ถูกมันเพียรพยายามจะข่มเหงนํ้าใจ

 

 

แอนโทนี...”

หลุดปากเรียกชื่อที่ทำให้เธอขนหัวลุกและหนาวสั่นกายจน

สุดขั้ว ดวงตาคู่สวยราวตาแมวหรี่ลงช้าๆ ส่ายศีรษะไปมาอย่างสับสน

สองพี่น้องนั่นร้ายกาจเหลือเกิน ไม่ยอมละเว้นเนตรอัปสรเลย แม้หญิงสาว

จะอยู่ที่นี่อีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แอนโทนีชายใจบาปหยาบช้าน้องชาย

ของแอนโทเนียลาบุตรีม่ายสาวพราวเสน่ห์จอมวางแผนเจ้าเล่ห์แสนกล

ของคีโอสามีสูงวัยของนุชนภาพี่สาวเนตรอัปสรซึ่งได้ล่วงลับไปแล้วก็ยัง

ย่ำยีรังแกกัน ดวงหน้าเล็กเรียวรูปหัวใจของเนตรอัปสรบิดเบ้อีกหน เมื่อ

พยายามพลิกกายไปทางไหนก็ปวดร้าวชํ้าชอกไปทั้งสรรพางค์

แอนโทนีไม่ได้มีนิสัยเลวทรามต่ำช้าแต่เพียงประการเดียวเท่านั้น

ทว่าอ้ายริยำนั่นมันยังมีจิตวิปริตซาดิสต์อีกด้วย มันพยายามขยํ้าขยี้

พร่าผลาญพรหมจารีของเธอ อย่างไม่ให้เหลือแม้แต่ชีวิต หากไม่ได้

เสพสุขสมหมาย ดีแต่ว่าเนตรอัปสรฮึดสู้รวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายคว้า

ขวดไวน์ที่มันดื่มราวกับนํ้าเปล่าฟาดไปที่หัว แล้วตามติดด้วยการจ้วงแทงดะ

จนอีกฝ่ายช็อกตาค้างแน่นิ่งไป คิดได้เท่านั้นเนตรอัปสรก็ตัวสั่นเทา

หน่วงชาไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่รู้ว่าผลของการตัดสินใจตอบโต้

แอนโทนีอย่างดุเดือดครั้งนี้จะคุ้มหรือไม่ เธอไม่ได้เสียพรหมจรรย์ให้

ชายใจบาปหยาบช้านั้นก็จริงอยู่ แต่ว่าเนตรอัปสรก็ได้กลายเป็นฆาตกร

ฆ่าคนไปเสียแล้ว...

ตอนนี้เนตรอัปสรเป็นคนที่ทางการกำลังตามล่าตัวอยู่ และ

แอนโทเนียลาผู้สมรู้ร่วมคิดแผนผลาญพร่าพรหมจรรย์ของเธอให้กับ

น้องชายก็จะต้องเอาเรื่องเนตรอัปสรให้ถึงที่สุด เพราะแอนโทนีคือน้องชาย

หัวแก้วหัวแหวนของอีกฝ่าย ซึ่งปกติแล้วแอนโทเนียลาก็ไม่ชอบเนตรอัปสร

เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเวลานี้มีเรื่องฆาตกรรมน้องชายของหล่อนมา

เกี่ยวข้องด้วย อีกฝ่ายคงไม่รั้งรอที่จะใช้อิทธิพลของตนเองเพื่อลาก

คอเนตรอัปสรเข้าตะรางให้จงได้ คิดได้เท่านั้นเจ้าของขนตายาวงอน

ปานแพปลาก็เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ดวงตาที่เคยสุกสกาวบัดนี้

มีแต่ริ้วรอยโศกาหมองหม่นเป็นกังวลทาบผ่าน

 

 

“ที่นี่มันที่ไหนกัน?”

ถามตัวเองเบาๆ กวาดตามองสิ่งแวดล้อมโทนสีเคร่งขรึมอึมครึม

รอบตัวอย่างไม่คุ้นเคย ที่นี่มันเหมือนสถานที่พักอาศัยของมนุษย์หินชัดๆ

หาสีสันหวานตาประดับบ้านไม่มีเลย

ตำรวจ!

เนตรอัปสรจำได้แล้ว บุรุษร่างเพรียวแข็งแรงนํ้าเสียงดุดันที่

เข้ามาช่วยเธอในตอนน่าสมเพชสุดๆ นั้นบอกว่าจะพาเธอไปหาตำรวจ

ไม่ได้การแล้ว ถ้าหากเรื่องของแอนโทนีชายใจหยาบรู้ไปถึงหูตำรวจเข้า

ละก็ เนตรอัปสรจะต้องติดคุก อดกลับเมืองไทยเป็นการถาวรแน่

ปฏิกิริยาทางร่างกายไวเท่าความคิด ร่างเล็กทว่าอวบอิ่มลงตัว

อย่างสุดๆ ทะลึ่งพรวด แล้วก็เบิ่งตากว้าง กายชาดิก ตามติดด้วยอาการ

เย็นวาบไปทั้งตัว หญิงสาวยกมืออุดปากแน่น งงงัน เมื่อพบว่าร่างที่เธอ

คิดว่าอ้วนและน่าเกลียดที่สุดในโลกนั้นกำลังเปลือยเปล่าล่อนจ้อนไม่มี

อะไรติดกายแม้แต่ชิ้นเดียว ใครก็ตามที่เห็นเนื้อตัวของเธอก่อนหน้านี้

เข้า คงจะรู้สึกตลกกับผู้หญิงที่อ้วนเตี้ยอย่างเนตรอัปสรที่สุด

“เสื้อผ้าของฉันล่ะ เสื้อผ้าฉันอยู่ไหน?”

เอ่ยเท่านั้นก็มองหาเสื้อผ้าที่ใส่มา แม้จะเป็นชุดที่เธอไม่ชอบ

แต่ก็ต้องฝืนใส่เพราะแอนโทเนียลาขู่บังคับให้ทำ อีกฝ่ายแต่งตัวหน้าตา

ผมเผ้าให้เธออย่างใจดีผิดไปจากทุกวัน แถมยังลงทุนออกปากชมว่า

เนตรอัปสรสวยอีกซะด้วยสิ ทั้งที่จริงๆ แล้วเนตรอัปสรมองว่ามันเหมือน

โสเภณีมากกว่า ชุดที่แอนโทเนียลายัดเยียดให้นั้นมันคับติ้ว จะขยับกาย

แต่ละทีก็อึดอัด นั่นก็เพราะถึงแม้เนตรอัปสรจะเตี้ยกว่าอีกฝ่ายมาก

แต่สะโพกและหน้าอกก็ใหญ่กว่าแอนโทเนียลาเจ้าของเดิมราวกับขนมจีบ

และลูกแตงโมเลยทีเดียว

“เสื้อผ้าล่ะ เสื้อผ้าฉันอยู่ตรงไหน ไม่ได้การแล้ว เราต้องออกไป

จากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะพาตัวไปส่งให้ตำรวจ”

เอ่ยเบาๆ อย่างร้อนใจ ร่างเปลือยไร้อาภรณ์หมุนซ้ายหมุนขวา

ได้ไม่นานก็สะดุ้งโหยง เมื่อจู่ๆ เสียงห้าวดุดันของสุนัขก็เห่าขรมกระโชกใส่

 

 

และพอหันไปยังต้นเสียงเท่านั้น ดวงตากลมโตปลายปัดเฉียงที่ล้อมรอบ

ด้วยขนตายาวงอนก็เบิ่งกว้าง ริมฝีปากบางสีชมพูตามธรรมชาติอ้าหวอ

อย่างตกตะลึง เนตรอัปสรลืมความตั้งใจดั้งเดิมจนหมดสิ้น ลืมแม้กระทั่งว่า

เธอคือฆาตกร

ร่างอวบอิ่มไร้อาภรณ์กระโดดไปตะกายฝาผนังด้วยความตกใจ

สุดขีด เมื่อสุนัขสีดำเมื่อม ดวงตาสีทองอำพันดุดัน สุนัขล่าหัวขโมยที่มี

ความสูงราวๆ สี่ฟุต ยืนแยกเขี้ยวอันวาววับ จ้องมาที่เธอด้วยสายตา

ดุร้ายหมายหัว ระหว่างที่มันก้าวเข้ามาหาเนตรอัปสรนั้น เจ้าหมาดำ

ราวกับสุนัขในภาพยนตร์แฟนตาซีก็เห่าเสียงขรม จนดังกึกก้องเคบิน

เล็กๆ ไปหมด หญิงสาวเบ้ปากพูดไม่ถูกร้องไห้ไม่ออกไปพัก ก่อนจะ

ระรัวเสียงห้ามมันด้วยเนื้อตัวสั่นเทา

“โน...โน...แฟร์มาเต! แปร์ ฟาโวเร...มิ คีอาโม เนตรอัปสร โซโน

ไตลันเดเซ”

บอกปากคอสั่นเป็นภาษาอิตาเลียน แต่เจ้าตัวโตก็ยังเห่าสายตา

ไม่เป็นมิตร และเดินเข้ามาหาเธออย่างคุกคาม เนตรอัปสรสะดุ้ง เมื่อมัน

กรรโชกเสียงใส่กลบเสียงหวานที่สั่นและขาดเป็นห้วงๆ ของตน เหมือนว่า

มันไม่ต้องการจะฟังอะไรจากเนตรอัปสรทั้งสิ้น ร่างเล็กแต่ทว่าอวบอิ่ม

และไร้ซึ่งไขมันส่วนเกินใดๆ หน้าเบ้ ขบฟันเข้าหากันอย่างหวาดหวั่น

กายเปลือยไร้อาภรณ์เบียดเข้าชิดผนังหินที่เย็นชื้นมากขึ้น

“โคเม ซิ คีอามา?”

ถามไปเท่านั้นก็สะดุ้งเมื่อมันเห่าดังยิ่งขึ้นกว่าเดิม คราวนี้

เนตรอัปสรหวีดร้องลั่นเมื่อมันกระโจนเข้าใส่เธอ จบเสียงวี้ดลั่นเคบินก็

มีเสียงตุ้บ! พร้อมกับดวงตากลมโตปานตาแมวที่เบิ่งกว้างตัวแข็งด้วย

ความช็อก แข้งขาของเนตรอัปสรอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงขึ้นมากะทันหัน

เมื่อสองอุ้งเท้าของสุนัขตัวเท่าม้าเหยียบมาที่ฝ่าเท้าเล็กๆ ของเธอ ตาม

 

 

ด้วยเสียงคำรามฮึ่มๆ ใส่ในระยะเผาขน

“เอสเปรสโซ! ไปนั่งที่ของแกเดี๋ยวนี้! อยากโดนทำโทษนัก

หรือไงล่ะ แกนี่มันไม่ได้เรื่องเลยนะ เห็นคนเขากลัวเข้าหน่อยก็รี่เข้าไป

แกล้งเขาทุกทีสิเล่า ถอยไป!”

เสียงเอ็ดนั้นทำให้เจ้าตัวโตสีดำเข้มสมชื่อรีบเปลี่ยนท่าที จาก

ขู่คำรามกรรโชกเสียงใส่กลายเป็นครางหงิงๆ กระดิกหางระริกระรี้

ใส่เนตรอัปสรโดยพลัน หญิงสาวสะดุ้งหวาดกลัวจนนํ้าตาคลอ เมื่อจู่ๆ

มันก็เอาหัวที่ประดับด้วยขนเส้นสั้นเกรียนเป็นมันลื่นมาสีที่เอวตน

กลับไปกลับมาด้วยกิริยาผูกมิตรประจบประแจง แต่ถึงมันจะประจบ

ยังไง เนตรอัปสรก็ยังกลัว เพราะเอสเปรสโซได้สร้างภาพลักษณ์อัน

น่าพรั่นพรึงให้กับตนจนติดตาฝังใจไปแล้ว

“ยังอีกเอสเปรสโซ! ฉันสั่งว่ายังไง”

เสียงเข้มนั้นทำให้เจ้าหมาจอมสร้างภาพหยุด สักพักก็คราง

หงิงๆ กิริยาเชื่องๆ เดินตุปัดตุเป๋ห่างจากเนตรอัปสรไป ด้วยกิริยาประหนึ่งว่า

มันคือหมาตัวน้อยๆ ขัดกับรูปร่างสูงใหญ่ดำทะมึนของตัวเองนัก และ

พอมันไปนั่งหมอบกระดิกหางอย่างสงบเสงี่ยมห่างไกลรัศมีหญิงสาวได้

เนตรอัปสรก็ถอนหายใจโล่งอก พอเงยหน้าขึ้นก็ประสานเข้ากับสายตา

คู่คม ซึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเธอ สายตาของเขาจับมาที่หญิงสาวนิ่ง

เนตรอัปสรอ้าปากค้างเมื่อได้สบตากับเขาชัดๆ แต่ก็มองหน้าเขาได้

ไม่นาน ใบหน้าขาวผ่องก็แดงก่ำ ร้องวี้ดขึ้นมาอย่างตกอกตกใจอีกหน

รีบยกมือเล็กขาวขึ้นปิดป้องทรวงอกพัลวัน ก่อนจะบิดกายที่เปลือยเปล่า

ไปทั้งร่างหนีสายตาของคนตัวสูงกว่า

พระเจ้า! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอกำลังยืนโชว์จํ้าบ๊ะต่อหน้า

ผู้ชายหน้าบึ้งมาดเย็นชาเบื้องหน้าตน

และพอเขาเคลื่อนมาใกล้เท่านั้น เนตรอัปสรก็หลับตาปี๋ โผ

เข้าหาเขาทั้งกายเปลือยเปล่า รัดร่างหนาที่ตึงเครียดและร้อนผ่าวราวกับ

บรรจุนาวาร้อนจากภูเขาไฟเอ็ตนา เอาไว้ทั้งลูกแน่น และเมื่อกอดเขา

 

 

อยู่แบบนี้ ก็ยิ่งทำให้รู้ว่าเขาตัวสูงมาก ส่วนเธอก็คือยัยเตี้ยแบบสุดๆ แต่

ถึงแม้มันจะไม่สมดุลและเขาจะมองว่าเธอหน้าด้านมากมายที่โผเข้าใส่

เขาก่อน แต่เนตรอัปสรก็ยอม เพราะหญิงสาวไม่อยากให้เขาเห็นอะไรใน

ร่างกายเปิดเปลือยไร้อาภรณ์ของเธอไปมากกว่านี้แล้ว

“เจ้าเอสเปรสโซมันเชี่ยวชาญภาษาไทยดี ฉันพูดกับมันโดยใช้

ภาษาแม่ของฉันมาตลอด พอเธอไปคุยกับมันด้วยภาษาอิตาเลียน มันก็

เลยหงุดหงิด คนที่จะคุยกับมันด้วยภาษาอิตาเลียนแล้วมันยอมให้จริงๆ

มีแต่มอนซา ลาร์นาโด พ่อของฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนใหญ่พวกเรา

จะคุยกับมันด้วยภาษาไทยหรือไม่ก็ภาษาอังกฤษไปเลย”

เสียงห้าวเอ่ยเท่านั้นก็ยกร่างที่สั่นๆ ของเนตรอัปสรขึ้น มาถึง

ตอนนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าหญิงสาวสั่นเพราะอะไรกันแน่ สั่นเพราะกลัว

เจ้าอัลเซเชียนสีดำเมื่อมตัวเท่าลูกม้า หรือว่าสั่นเพราะรู้สึกแปลกๆ ที่ได้

กอดคนตัวโตกว่าที่ร่างทั้งร้อนทั้งแข็งไปหมดทั้งตัว ผู้ชายซึ่งเวลาที่

ร่างอวบอิ่มของเธอไปเสียดสีกับร่างเกร็งเครียดของเขาอย่างไม่ตั้งใจนั้น

ช่างสร้างความรู้สึกให้เนตรอัปสรเป็นผู้หญิงที่บอบบางขึ้นมากะทันหัน

ทั้งที่ก่อนหน้านี้เนตรอัปสรไม่ชอบร่างกายของตัวเองเลยสักนิด นั่นก็เพราะ

แอนโทเนียลาที่มีรูปร่างผอมเพรียวราวๆ กับนางแบบชั้นแนวหน้ามักพูด

เสมอว่าเธออ้วน!

แล้วไหนจะยังแอนโทนีน้องชายจอมซาดิสต์ของหล่อนอีกเล่า

ที่เปล่งวาจาหยาบๆ คายๆ ตอนจะขืนใจเนตรอัปสรว่าเธอทั้งอ้วนทั้งเตี้ย

แบบนี้ไม่มีทางหาสามีได้แน่ และหากไม่ยอมแอนโทนีในตอนนั้นแล้ว

ต่อไปก็คงจะไม่มีใครเอาเนตรอัปสรอีกเลย และเพราะคำๆ นี้นั่นเอง ที่

ทำให้ร่างซึ่งอ่อนแรงเพราะถูกหมัดและศอกของแอนโทนีประเคนลงมา

ไม่ยั้ง กลับมีแรงฮึดสู้ขึ้นมาอย่างมหาศาล เนตรอัปสรโกรธจนควันออกหู

คว้าขวดไวน์มาตีและแทงอีกฝ่ายอย่างเดือดดาล แบบหน้ามืดตามัว

ชนิดที่ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงโอดโอยและไม่เห็นแม้อาการดิ้นพราดเลือด

ทะลักของอีกฝ่ายเลย พอคิดได้เท่านั้นก็ตัวสั่นเทา

เธอเป็นฆาตกร! ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเธอเป็นผู้ร้ายฆ่าคน

 

 

 

ทั้งที่โดยปกติแล้วแม้แต่ยุงสักตัว เนตรอัปสรก็ยังไม่ตบมัน

“ตัวสั่นขนาดนี้คงหนาวล่ะสิ อยู่หน้าเตาผิงก็ดีแล้ว จะลุกขึ้นมา

ทำไม?”

คนเสียงเข้มเอ่ยได้เท่านั้นก็ขยับลำแขนเล็กน้อย เพื่อให้ร่าง

ของเนตรอัปสรซึ่งอยู่ในอ้อมอกของเขาได้เข้าที่เข้าทางและสบายตัว

มากขึ้น หญิงสาวถูกอุ้มไปยังเตาผิง ดวงตากลมโตปลายเฉียงหลับลง

ช้าๆ แล้วลืมขึ้นมาใหม่ จะมองกี่ทีๆ ก็เห็นว่าเขาจะเป็นใครไปไม่ได้

นอกจากธนากร ลาร์นาโด ว่าที่สามีคนใหม่ของแอนโทเนียลา ที่เธอและ

ลูกสาววัยแรกดรุณีของพี่สาวเคยแอบดูอยู่หนหนึ่ง ยามที่เขายืนพิงรถ

ด้วยใบหน้าบึ้งตึงอยู่หน้ารั้วบ้านใหญ่ เพื่อรอรับแอนโทเนียลาไปงานเลี้ยง

ด้วยกัน

เนตรอัปสรเคยเห็นเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ก็แปลกที่รูปร่าง

หน้าตารวมถึงจมูกโด่งๆ และปากที่มองครั้งใดก็ก่อให้เกิดความรู้สึก

วาบหวามวูบวาบไปทั้งตัวกลับติดตาตรึงใจชนิดไม่รู้ลืม หญิงสาวต้อง

หน้าร้อนอีกหน เมื่อเขาวางเธอลงบนพรมหนานุ่มหน้าเตาผิง ร่างอิ่ม

ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อธนากรเอาผ้าขนสัตว์หอมนุ่มมา

ห่มปิดบังร่างกายเปลือยเปล่าให้ แม้กิริยาจะไม่สุภาพอ่อนโยนเท่าใดนัก

แต่ก็ยังใช้ได้ ไม่กระแทกกระทั้น สวนทางกับคิ้วที่ขมวดมุ่นและนัยน์ตา

แข็งๆ ซึ่งกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้

“เอ่อ...ไม่ทราบว่าใครเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้ฉัน

คะ?”

“ฉันเอง!”

จบคำนั้นเนตรอัปสรก็ยิ้มจืด เธอหวังอะไรล่ะ แม่บ้านเข้ามา

ดูแลตนกระนั้นหรือ เธอในสภาพที่เขาเก็บมาจากท้องถนนในยามนั้น

ดูไม่ต่างไปจากซากศพเลยสักนิด เขาคงอยากให้ใครมาเห็นเธอหรอกนะ

คิดได้เท่านั้นก็ยกมือขึ้นลูบแก้ม แล้วก็ต้องสะดุ้งซะเอง เมื่อไปโดน

รอยฟกชํ้าเข้า ร่างเล็กเกร็งนิดๆ เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปพบกับสายตาดุๆ

ของคนที่ช่วยเธอเอาไว้

 

 

ดวงหน้ารูปหัวใจจ้องคนตาดุที่แอบรู้จักเขาแบบลับๆ อย่าง

ยุ่งเหยิงเขาเป็นคนรักของแอนโทเนียลาย่อมเป็นบุคคลที่อันตรายเพราะ

ใกล้ชิดกับศัตรูของเธอมากที่สุด แต่ว่า...มันจะมีที่ใดที่สามารถหลบ

ตำรวจได้ดีเท่าการอยู่ใต้ปีกของเขาอีกล่ะ เนตรอัปสรยังจำคำนี้ได้ดีว่า

ที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด

“หน้าฉันมีอะไรชวนประหลาดใจนักหนาหรือ เธอถึงได้จ้อง

ไม่วางตาแบบนั้น?”

คำถามที่ชิดเพียงลมหายใจกั้น ทำให้เนตรอัปสรสะดุ้ง ดวงตา

คู่สวยจ้องไปยังดวงตาสีสนิมที่มองมาอย่างข้องใจ แล้วนัยน์ตาก็เบิ่งกว้าง

เมื่อเขาเคลื่อนใบหน้ามาแนบชิด ดวงตาคู่คมกวาดมองไปทั่วทั้งใบหน้า

ของเนตรอัปสรอย่างสำรวจปนสงสัย และก่อนที่หญิงสาวจะพูดอะไร

ใบหน้าคมคายก็เคลื่อนมาติดสนิทจนนัยน์ตาพร่าพราย ริมฝีปากอิ่มเต็ม

สีชมพูถูกริมฝีปากร้อนรุ่มทรงพลังกดลงมาคลึงเคล้าเหมือนหยั่งเชิงชิม

กันเบาๆ เพื่อปูทางก่อน

เพราะมัวแต่ตกตะลึง เพียงไม่นานริมฝีปากนุ่มนิ่มที่ไม่เคยถูก

ใครจุมพิตมาก่อนเลยก็ถูกคลี่ออกอย่างช้าๆ สุดท้ายลิ้นอุ่นซ่านชวน

ให้อยากรู้อยากลองก็ค่อยๆ วาดไล้โลมเล้าลงมาแผ่วเบา เขาทำให้เธอ

รู้สึกเหมือนโดนขโมยวิปครีมออกไปจากริมฝีปาก และพอเขาเกี่ยวกระหวัด

รุกเร้าปลายลิ้นอ่อนนุ่มอย่างเอาจริงเอาจังเท่านั้น เนตรอัปสรก็รู้สึกเหมือน

วิญญาณถูกกระชากออกไปจากร่าง ทางเดียวที่จะทำให้จิตวิญญาณ

ของเธอกลับคืนมาได้ก็คือการจูบตอบและสูบเลือดสูบเนื้อเขาคืนกลับมา

บ้าง

เนตรอัปสรค่อนข้างได้ใจกับจูบแรกของวัยสาวมากขึ้น มือบาง

กำไปยังต้นแขนกำยำแน่น ขยับกายอันอวบอิ่มซุกเข้าหาร่างใหญ่โต

ตามกลไกธรรมชาติ เมื่อได้ยินเสียงเขาครางกระหึ่มราวกับกำลังพอใจใน

รสจูบแรกที่เธอมอบให้นักหนา ผ้านุ่มอุ่นที่บดบังกายนุ่มหยุ่นค่อยๆ

เลื่อนลงอย่างช้าๆ และเพียงปากเร้าใจร้อนผ่าวแตะไปที่ปลายถันสีชมพู

เท่านั้น ก็ห่อตัวเข้าหากัน ดวงตากลมโตเริ่มสับสน แต่ก็จนหนทางที่จะ

 

 

ขยับหนี เพราะร่างกายของเธอตอนนี้กลายเป็นช็อกโกแลตต้องไฟไป

เสียแล้ว

“ผู้ชายคนนั้นซาดิสต์มากเลยใช่ไหม เธอถึงทำร้ายมันจนได้เลือด

เธอร้อนเงินมากเลยหรือไงล่ะ ถึงได้ไปกับลูกค้าโดยไม่เช็กประวัติเขา

แบบนี้ แล้วไอ้ซาดิสต์นั่นมันตายจริงไหม หรือว่าแค่ปางตายเท่านั้นเอง

ให้ตายเถอะ! แม่ซาลาเปาเนื้อขาวนุ่ม ช่วยตอบกันสักคำถามจะได้ไหม”

เสียงถามแหบพร่า และกายที่เคลื่อนมาทาบทับจ้องเนตรอัปสร

เขม็งนั้นทำให้หญิงสาวได้สติ ไม่นานก็ตัวสั่น

แอนโทนี! ใช่แล้ว! เธอทำร้ายตีหัวแอนโทนี น้องชายของ

แอนโทเนียลา ผู้หญิงจิตวิปริตที่บังคับให้เธอแต่งตัวเหมือนโสเภณี

แอนโทนีพาเธอไปงานปาร์ตี้ด้วยกัน และเป็นครั้งแรกที่เนตรอัปสรยอม

ไปกับเขา นั่นก็เพราะหญิงสาวคิดว่าอีกไม่กี่วันเธอก็จะกลับเมืองไทยแล้ว

เธออยากให้จากกันด้วยดีเพราะอย่างน้อยพี่สาวและหลานๆ วัยแรกรุ่นดรุณี

ของเธอก็ต้องอยู่ที่นี่ต่อไปตามพินัยกรรมของคีโอ

แอนโทนีดูสนุกกับการเดินควงเนตรอัปสรที่แต่งกายเปิด เปลือย

โนมเนื้อ เขาดื่มจัดและห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง แถมระหว่างขับรถก็ยังหิ้ว

ขวดไวน์จากในงาน กระดกขึ้นดื่มเป็นระยะๆ อีกด้วย ในที่สุดเขาก็จอดรถ

ตรงข้างทางที่หนาทึบไปด้วยหิมะ พยายามจะปลํ้าเธอในรถนั่น เขาทั้ง

ใช้กำลัง ก่นด่า ดูถูกหยาบคาย แถมยังเรียกเธอว่าอีอ้วนอีกด้วย บอก

อ้วนอย่างนี้ไม่มีใครเอาแน่ นอกจากแอนโทนีเท่านั้นที่จะช่วยสงเคราะห์

เปิดบริสุทธิ์ให้

และถ้อยคำนี้เองทำให้คนที่โดนอัดจนเละอย่างเนตรอัปสร

โกรธจนเลือดขึ้นหน้า หยิบขวดไวน์ที่แอนโทนีถือติดมือมานั่นแหละตีหัวเขา

ไป จากนั้นก็หลับหูหลับตาแทงอีกฝ่าย พอได้สติอีกทีก็เห็นแอนโทนี

ดิ้นพราดเลือดแดงฉาน ท่วมทั้งตัวเขาและตัวเธอ เจอแบบนั้นเข้า

เนตรอัปสรก็ช็อก รีบหนีออกมาทันที หญิงสาวเดินโซซัดโซเซอยู่กลาง

หิมะที่หนาวเหน็บในสภาพเกือบเปลือย ก่อนที่สติจะดับวูบลง แล้วก็

สะลึมสะลือฟื้นขึ้นมาอีกทีก็ตอนพบกับธนากรนี่แหละ

 

 

“ทำไมไม่ตอบคำถามฉัน?”

เสียงห้าวที่ดังมา ทำให้หญิงสาวได้สติ รีบจ้องไปยังคนถาม

“ฉ...ฉะ...ฉันจะต้องทำยังไง คุณถึงจะไม่จับตัวฉันส่งตำรวจ”

ถามเสียงสั่นไม่สนใจจะตอบคำถามเขาเลย

“แล้วเธอก่อคดีทำไมล่ะ มีเหตุผลอะไร ฉันขอรู้สาเหตุที่เธอทำ

ลงไปก่อน จะได้ตอบถูกว่าจะเอายังไงกับเธอดี”

ธนากรถามเสียงขรึม เคลื่อนใบหน้าออกห่างจากอีกฝ่าย ถอย

มานั่งขัดสมาธิมองผู้หญิงที่หน้าซีดลงทุกทีเขม็ง

“ฉันป้องกันตัวค่ะ เขาพยายามจะปลํ้าฉัน”

“ผีเสื้อในคืนรัตติกาลไม่จำเป็นต้องให้ผู้ชายปลํ้า ตอนที่จะ

ออกไปกับแขก ทุกคนก็ต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าจะต้องโดนอะไรบ้าง”

เสียงสวนกลับมา และสายตาที่จ้องเขม็งอย่างรู้ทัน ทำให้

เนตรอัปสรอ้าปากค้าง นี่เขาคิดว่าเธอเป็นโสเภณีงั้นหรือ คนบ้า! แล้ว

ต่อมาก็หน้าจืด คิดดูอีกทีการแต่งตัวของเธอมันก็ส่อให้คิดแบบนั้นอยู่

ใช่น้อยเลย

“ดูจากรอยชํ้าและเลือดที่เลอะตัวเธอไปหมด หมอนั่นคงรอดยาก

ฉันควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไม่ถูกต้องงั้นหรือ และถ้าเธอทำผิดกฎหมาย

จริงๆ การให้ที่พักพิงก็คือผู้ร่วมกระบวนการฆาตกรรม!”

“ผู้ชายคนนั้นไม่มีแก่นสารอะไร ไม่เคยทำคุณประโยชน์ให้ใคร

ถ้าฉันอยู่อย่างเงียบๆ คงไม่มีใครรู้ ได้โปรดอย่าจับฉันส่งตำรวจ และให้

ฉันพักอยู่ที่นี่สักพักเถอะนะคะ”

“เธอกำลังจะขอในเรื่องที่ตัดสินใจยาก...”

“ดูคุณเป็นคนที่มีอิทธิพลมาก และไม่น่าจะกลัวอะไรง่ายๆ”

เสียงที่หลุดออกมาราบเรียบ แต่ประกายตาท้าทายจากคนที่

นอนนิ่งนั้น ทำให้ดวงตาคมตวัดไปมองอย่างไม่ชอบใจ

“อย่ามาพูดจาหลอกล่อหรือท้าทายฉันให้ตกลงไปในกับดัก

ของเธอหน่อยเลย ถ้าฉันจะช่วยก็คือช่วย ไม่เกี่ยวกับคำท้าทายอะไร

ทั้งนั้น”

 

 

ธนากรเอ่ยเสียงห้วน เห็นเจ้าของริมฝีปากอวบอิ่มที่เขาเผลอ

ไปจูบเข้าเม้มเข้าหากันแน่น เส้นขอบตาที่ล้อมรอบดวงตาโตๆ เหมือน

ตาแมวหรือนัยน์ตาตุ๊กตาบลายท์อันแสนจะใสซื่อของอีกฝ่ายเริ่มแดงเรื่อ

ความจริงแล้วเมื่อหล่อนเช็ดหน้าตาที่เลอะเทอะไปด้วยเครื่องสำอาง

ออกหมด ก็ดูน่าฟัดน่ากอดขึ้นอีกโขเลย แม้สภาพจะสะบักสะบอมเหมือน

กระต่ายป่าคลุกฝุ่นไปหน่อยก็ตามเถอะ

ดวงหน้าใสๆ นั้นทำให้เขาคิดถึงพลอยใสพี่สะใภ้คนโตขึ้นมา

ติดหมัด ต่างแต่ว่าแม่กระต่ายน้อยอวบนุ่มน่าหยิกน่าฟัดตรงหน้านี้

มีนํ้ามีนวลและอวบอิ่มกว่านิดหน่อยเท่านั้นเอง และ...ถึงแม้ว่าหล่อนจะ

ดูตัวกลมจํ้าม่ำไปทั้งตัว แต่กลับไม่มีไขมันส่วนไหนเผละหรือปลิ้นออกมา

ให้เห็นเลย ก้อนไขมันอันมหึมาของหล่อนนั้นเลือกที่จะอยู่ในตำแหน่งที่

ควรจะอยู่อย่างแท้จริง เป็นเรือนร่างที่ฉลาดจัดลำดับของตำแหน่งของ

สัดส่วนที่อวบอัดและเล็กจิ๋วได้อย่างวิเศษสุดดีแท้!

คิดได้เท่านั้นเจ้าของศีรษะทุยที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสลวย

สีเดียวกับนัยน์ตาอันแสนเข้มข้นร้อนแรงชวนฝันก็สะบัดไปมา มันเกิด

อะไรขึ้น? กับต่อมรสนิยมของเขากันหนอ ทำไมจู่ๆ ธนากรถึงได้เห็น

สาวอวบอิ่มเป็นสตรีที่สมควรโจนจ้วงเข้าใส่ขึ้นมาได้ล่ะ สเปกของเขาคือ

ผู้หญิงสูงผอมเพรียว ขายาว มีความสูงไล่เลี่ยกันไม่ใช่หรือ แต่สาวคนนี้

ตัวเล็กจัด สังเกตยามเวลายืนสิ ความยาวของหล่อนไม่ถึงช่วงอกของ

เขาดีด้วยซํ้าไป ที่จริงนั้นหล่อนมีเนื้ออิ่มเต็มแค่ช่วงสะโพกและทรวงอก

อวบอัดเท่านั้น ทว่ากลับมีเอวที่เล็กคอดกิ่วราวกับเอวมดตะนอยเลย

ทีเดียว หุ่นหล่อนเหมือนนาฬิกาทรายขนาดจิ๋ว ที่สามารถจับยัดเข้าไป

ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของเขา แล้วพกพาติดตัวไปไหนต่อไหนได้สบาย แต่

ความน่าขัดใจมันอยู่ที่ว่ามองหน้าตาเนื้อตัวหล่อนคราวใด กายเป็นต้อง

ร้อนรุ่มไปทุกทีนี่สิน่า ธนากรคิดเท่านั้นก็ลอบถอนใจ จ้องไปยังดวงตา

กลมโตที่มองมาอย่างวิงวอน

“ฉันจะไม่จับเธอส่งตำรวจก็ได้ แต่เมื่อแข็งแรงดีแล้ว เธอต้อง

ไปตามทางของเธอ เพราะฉันไม่ชอบเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม ระหว่างนี้

 

 

ก็ขอให้เธออยู่แต่ในนี้เท่านั้น อาหารอยู่ที่ตู้แช่แข็งโน่น แล้วอย่าเปิดประตู

ออกไปให้ใครเห็นเข้าล่ะ หวังว่าเธอคงเข้าใจนะ ฉันสามารถช่วยเธอได้

แค่นี้ ถึงเธอจะอ้างว่าโดนปลํ้า แต่อาชีพโสเภณีมันก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว

สอบสวนไปสอบสวนมาเธอก็ต้องได้รับโทษอยู่ดี”

ธนากรตัดสินใจ จ้องคนที่หน้าเจื่อนอึดใจใหญ่ก็ถอนใจ ขยับกาย

ขึ้นยืนเต็มความสูง

“เอาละ อีกสองวันค่อยพบกันใหม่ ฉันจะกลับมาแล้วพาเธอ

ออกไปจากบ้านไร่นี้เอง หวังว่าพอถึงเวลานั้นอาการฟกชํ้าเพราะถูกซ้อม

ของเธอคงหายดี ไปกันได้แล้วเอสเปรสโซ”

ธนากรเอ่ยเท่านั้นก็หยิบหมวกปีกกว้างขึ้นมาสวม ขณะที่

คนซึ่งนอนอยู่หน้าเตาพิงได้แต่ส่งสายตาอ้อนวอน ทำตาปริบๆ อ้าปาก

พะงาบๆ เพื่อหาช่องทางจะแทรกคำพูดของเขาบ้าง ธนากรก้มลงมอง

ร่างเล็กแต่อวบอิ่มอย่างพินิจ พอเห็นใบหน้าอ่อนใสที่มีรอยฟกชํ้าเป็นจุดๆ

ก็เม้มปากแน่นหงุดหงิดตัวเองเล็กน้อยที่ร่างกายปวดหนึบ อยากกระโจน

เข้าใส่แม่โสเภณีริมทางคนนี้เต็มทน เพียงแค่ได้จูบหล่อน ก็ให้รู้สึกแปลกนัก

แม่โสเภณีหุ่นซาลาเปาขาวอวบหวานลํ้าคนนี้วิเศษเสียยิ่งกว่า

แอนโทเนียลาม่ายสาวลูกเศรษฐีใหญ่คู่นอนคนล่าสุดของเขาเสียอีก

บัดซบดีแท้! เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จูบผู้หญิงไปเรื่อยเปื่อยสักนิด แต่

เพียงเห็นริมฝีปากเต็มอิ่มสีแดงระเรื่อเป็นธรรมชาติแสนเย้ายวนของ

แม่โสเภณีรนหาที่คนนี้เท่านั้น ก็ก้มลงไปจูบหล่อนได้หน้าตาเฉย และ

แบบไม่กินแหนงแคลงใจแม้แต่น้อยเลยด้วย มันดูมักง่าย และไร้ซึ่งความ

พิถีพิถันเกินไป ราวกับว่าเขาเป็นผู้ชายที่อดอยากปากแห้งในเรื่องอิสตรี

มานานแรมปีกระนั้นแหละ

เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทเดียวกับกรุง หรือธนาธร ลาร์นาโด

พี่ชายคนรองเมื่อครั้งยังไม่ได้แต่งงานสักนิด ผู้ชายที่ชอบล่าแต้ม พอลง

จากเรือมาเห็นใครสวยเข้าหน่อย ก็ลากขึ้นเตียงโดยไม่สนใจพื้นเพหรือ

ประวัติของแม่ผู้หญิงพวกนั้นสักคน และเพราะความหน้ามืดตามัว ไม่ดู

ตาม้าตาเรือนี่แหละ เลยโดนศัตรูส่งสาวสวยมาเผาเรือเข้าให้ ดีแต่ว่า

 

 

สุดท้ายแม่สาวคนนั้นดันมาตกหลุมรักพี่ชายเขาซะเต็มเปา และแม่สาว

หน้าหวานผู้นั้นก็มิใช่ใครที่ไหน แต่คือนํ้าตาลหรือโสภิญาภรรยาสุดที่รัก

ของอดีตกัปตันเรือธนาธรนั่นเอง

ร่างสูงเปิดประตูรถออกมาหน้าเครียดๆ เมื่อเห็นรถสปอร์ตหรู

สีเหลืองสดจอดอยู่หน้าบ้านไม้สไตล์ล็อกเคบินหลังใหญ่ ถัดไปไม่ห่างนัก

คือรถลีมูซีนรุ่นสั่งทำพิเศษของมารดา

“ว่าที่เจ้าสาวรออยู่ข้างในแล้วครับซินญอร์”

“อย่ามาทะลึ่งจิอาร์โน เฮอะ! ว่าแต่คราวนี้มาจากประเทศอะไร

อีกล่ะ?”

“อังกฤษครับซินญอร์หุ่นดี ผมบลอนด์ เดินตรงแน่วไม่วอกแวก

เหลือบตาชมดอกไม้ข้างทางเลย รับรองครับว่าหากได้หล่อนมาเป็น

ซินญอรา ของฟาร์มแล้วละก็ จะเป็นเกียรติยศของวงศ์ตระกูลมากเลย

ครับ อันนี้ผมไม่ได้พูดเกินจริงนะครับ เพราะหากไม่แน่จริงนายหญิงใหญ่

แห่งตระกูลลาร์นาโดคงไม่พามาให้ดูตัวกันถึงที่นี่หรอกครับ”

คำบอกเล่าของคนสนิทกึ่งเพื่อนทำให้ธนากรถอนใจดังๆ ก่อนจะ

ปรับสีหน้าให้เรียบเฉย เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า การที่พี่ชายทั้งสอง

ของตระกูลได้อำลาความโสดอันหอมหวนเพื่อไปแต่งงานมีลูกสะใภ้และ

หลานที่น่ารักให้กับมารดาเป็นที่เรียบร้อยตระกูลลาร์นาโดไปแล้วนั้น ทำไม

ท่านถึงยังไม่พอใจ แถมยังกระตือรือร้นดั้นด้นหาสาวๆ จากทั่วทุกมุมโลก

มาแนะนำให้เขาได้รู้จัก และพามาให้ธนากรดูตัวทุกครั้งที่ท่านและบิดา

ออกไปท่องเที่ยวตามเมืองต่างๆ

“ไม่แน่นะครับ คนนี้อาจเป็นเนื้อคู่กระดูกคู่ของเจ้านายก็ได้”

สิ้นเสียงเอ่ยนั้นธนากรก็ขยับขา ถลึงตาใส่จิอาร์โน และเพียง

ขยับกายเล็กน้อย จิอาร์โนก็กระโดดโหยงหนีห่างจากรัศมีฝ่าเท้าของ

ธนากรทันที

 

 

“ถ้าเจ้านายเลือกเอาสักคน ก็ไม่ต้องมายืนหน้าบึ้งทุกครั้งที่

มามมา พาสาวๆ มาให้ดูตัวหรอก ซินญอราใหญ่ของลาร์นาโดบอกว่า

เจ้านายมัวแต่หลงแม่ม่าย เอาใจใส่ยิ่งกว่าวัวนมในไร่ที่เคยรักนักหนา

ซะอีก”

“จิอาร์โน...” ธนากรลากเสียงใส่ “ลองรู้ทุกเรื่องแบบนี้ ทำไม

นายไม่มาเป็นพ่อของฉันซะเลยล่ะ”

เจ้าของไร่หนุ่มเอ่ยเท่านั้นก็ถอดหมวกปีกกว้างขว้างใส่จิอาร์โน

คนสนิทที่ออกจะล้นและพูดจาไม่ระวังปากทันที ร่างสูงถอนใจ คิ้วเข้ม

ขมวดเข้าหากันมุ่น ก่อนจะเดินหน้าเคร่งหายเข้าไปด้านใน และพอร่างสูง

ไปยืนจังก้าอยู่กลางห้องรับแขกเท่านั้น ทุกสายตาก็พุ่งมายังเขาอย่าง

กระหายใคร่จะจับโยนลงไปยังบ่วงแร้วแห่งประตูวิวาห์ เห็นสายตาแบบนี้

มีหรือที่ธนากรจะยอม ดวงตาคู่คมสีสนิมกล้ามองไปยังสาวมาดนิ่งที่

ยิ้มชืดไว้ตัวส่งมาให้ตนเป็นอันดับแรก แต่กลับไม่เห็นรายละเอียดอะไร

บนใบหน้าของสาวนํ้าแข็งเลย นอกจากร่างอวบอิ่มเล็กกะทัดรัดของสตรี

ที่เขาเก็บมาจากริมทาง ภาพเนตรอัปสรซุกกายอันอวบอัดน่าฟัดที่โซฟานุ่ม

ลายดอกไม้สีน้ำตาลคลาสสิกจนจะจมเข้าไปในเก้าอี้นั้น เหมือนแผ่น

อะไรสักอย่างที่ลอยมาแปะบนใบหน้า จนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก

ต่อไป

“เธอชื่อเบ็กกี้จ้ะกร ดูสิเล่นจ้องเขาตาไม่กะพริบแบบนี้ เสียมารยาท

จริงๆ”

เสียงทักของมารดาทำให้ธนากรได้สติ สะบัดศีรษะไปมาเพื่อ

สลัดภาพแม่สาวไทยตัวขาวหุ่นน่าหม่ำออกไปจากมโน แล้วพยายาม

เพ่งสมาธิไปยังแม่สาวเมืองผู้ดีผมสีบลอนด์อย่างที่ตนเคยชอบ แต่มอง

ยังไงก็ยากเย็น เมื่อภาพของสาวเจ้าถูกแทรกแซงด้วยแม่สาวร่างอิ่มเล็ก

กะทัดรัดนามว่าเนตรอัปสรทุกครั้งไป

“ธนากร!”

เสียงมารดาที่ดังขึ้น พร้อมสายตาที่ปรามกันนั้น ทำให้ธนากร

 

 

ต้องหันไปยิ้มประจบให้ เป็นที่รู้กันดีว่าแม้ธนากรจะเติบโตและเคร่งขรึม

ตามวัยและหน้าที่การงาน แต่ความอ่อนโยนช่างปะเหลาะด้วยว่าเกิด

เป็นบุตรชายคนเล็กนั้นก็มีให้มารดาเสมอและเพียงผู้เดียวไม่เปลี่ยนผัน

และพอเห็นสายตาดุๆ ของผู้เป็นแม่เท่านั้น เลยพยายามทำสมาธิให้มั่น

เพ่งมองไปยังสตรีที่มารดาพามาให้ดูตัวอีกครั้ง คราวนี้จึงเห็นสตรีผู้งดงาม

มาดสง่าผ่าเผยเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว หล่อนเหมือนเจ้าหญิงนํ้าแข็ง

ที่อยู่บนหอคอยสูง หล่อนดูสวยดี แต่ไม่น่าต้องแตะเลยสักนิด แม้

อีกฝ่ายจะมีผมสีบลอนด์ตัวสูงขายาวตามแบบที่เขาชอบ

มารดารู้ใจธนากรเสมอ แต่วันนี้เขาทำได้แค่มองแม่สาวบาร์บี้

ที่ส่งตรงมาจากอังกฤษด้วยความรู้สึกชืดๆ เฉยๆ อย่างสุดๆ กรามแกร่ง

ขบเข้าหากันดังกรอดเมื่อสาวร่างอวบที่เขาแอบลักหลับด้วยการสัมผัส

โลมเล้าไปทั้งตัวลอยเข้ามาในมโนอีกครั้ง ความรู้สึกเนียนนุ่มมือทำ

ปฏิกิริยาหลอกหลอน ประหนึ่งว่าเขากำลังต้องแตะกายหล่อนอยู่กระนั้น

แหละ ฝ่ามือเรียวหนาถึงกับเต้นตุ๊บๆ เมื่อนึกถึงเนื้อนุ่มเนียนเรียบลื่น

ของอีกฝ่าย หล่อนให้ความรู้สึกเหมือนผ้าแพรไม่มีผิดเลย

“ตากร! เสียมารยาทจริงๆ เลยลูกคนนี้ ทำไมเอาแต่ยืนจ้อง

หน้าแขกรับเชิญของแม่แบบนั้นล่ะ”

สิ้นคำตำหนิแบบนั้น ธนากรก็หันไปยิ้มจืดให้มารดาที่ทำตาดุ

ใส่ตน จากนั้นก็โค้งกายให้เบ็กกี้ เดินเข้าไปสัมผัสมือของอีกฝ่ายอย่าง

แผ่วเบา

“ผมธนากร ลาร์นาโด ยินดีที่ได้รู้จักคุณเบ็กกี้ครับ”

“เช่นกันค่ะ”

เสียงที่ตอบกลับมา พร้อมมุมปากที่โค้งเพียงเล็กน้อยอย่าง

ไว้ตัวนั้น ทำให้ธนากรอยากถอยห่าง แล้วเขาก็ทำแบบนั้นจริงๆ ร่างสูง

ถอยไปนั่งเคียงข้างมารดา อมยิ้มเมื่อมารดาขว้างค้อนมาให้ จากนั้นสมองเขา

ก็งงเบลอลอยหวนกลับไปคิดถึงร่างเล็กอวบปานกระต่ายน้อยตัวกลม

ขาวนุ่มที่นอนรักษาตัวอยู่ที่เคบินเล็กๆ ตลอดเวลา

“กร กร ธนากร!”

 

 

เสียงเรียกที่ฟังดูเหมือนสามหรือสี่ครั้งติดๆ กันนั้น ทำให้ธนากร

ละจากตำแหน่งใบหน้าของเบ็กกี้ที่จ้องไปยังไงก็ไม่เห็นหน้าหล่อนจริงจัง

สักที จะมีก็แต่แม่ผมสีสันแสบตาและร่างเล็กอวบของสาวไทยนามว่า

เนตรอัปสรเท่านั้น

“คุณเบ็กกี้เขาบอกว่าอยากดูไร่องุ่นกับฟาร์มวัวนมของเราน่ะ

แต่ถามกันเป็นสิบรอบแล้ว กรก็ไม่ยอมตอบสักที จะเอายังไงล่ะเราน่ะ

มัวแต่จ้องหน้าเขาอยู่นั่นแหละ”

“วันนี้หิมะลงจัด ไม่มีอะไรให้ดูหรอกครับ ในฟาร์มก็ไม่มีอะไร

แล้ว เพิ่งแกะหญ้าแห้งจากห่อพลาสติกมาให้ม้ากับวัวกินเมื่อไม่นานนี้เอง

ไปก็เห็นแต่พวกวัวๆ เขานอนหลับกัน”

“แต่หนูเบ็กกี้เขาอยากเห็น!”

จบคำมารดา ธนากรก็มองไปยังเจ้าหญิงนํ้าแข็งอีกหน

“ชุดสวยแบบนี้ นั่งอยู่ในนี้น่ะดีแล้วครับ อย่าออกไปไหนเลย”

สิ้นคำพูดของเขา สายตาแม่เจ้าหญิงนํ้าแข็งก็เปล่งประกาย

วิบวับอย่างไม่ชอบใจ เป็นอันว่าหล่อนไม่ชอบธนากร และไม่ประทับใจ

เอาเสียเลย นั่นก็เพราะว่า เขาไม่ยอมพะนอหล่อน ทั้งที่มารดาเป็นคนหนุนหลัง

แท้ๆ ธนากรหันไปยิ้มให้มารดาพร้อมแอบขยิบตาใส่ แต่ไม่นานก็หน้าเจื่อน

เมื่อจู่ๆ ก็ถูกมารดาบิดเข้าให้ที่เนื้ออย่างแรง

“เบ็กกี้เขาเอาใจออกห่างลูกแล้วรู้ไหม ทำไมถึงไม่เอาใจเขาบ้าง

แม่รู้นะว่าลูกชอบเขามาก เล่นจ้องกันตาไม่กะพริบแบบนี้”

เสียงเข่นเขี้ยวเบาๆ ด้วยภาษาไทยของมารดา ทำให้ธนากร

ยิ้มขำ ครั้งนี้ท่านเดาใจเขาผิดจริงๆ

“ผมมองเบ็กกี้ก็จริง แต่ผมไม่ได้มองเห็นหน้าเขาเลยนะครับ

ผมกำลังนึกถึงคนอื่นอยู่มากกว่า”

“คนอื่น ใคร?”

เสียงมารดาที่ถามมาอย่างหวาดระแวง และสายตาที่จ้องธนากร

เขม็ง โดยลืมนึกถึงเจ้าหญิงนํ้าแข็งนามเบ็กกี้ที่พามาด้วยชั่วขณะนั้น

ทำให้ธนากรสะบัดศีรษะไปมา จากนั้นก็ถอนใจเบาๆ พร้อมเอ่ยชื่อผู้หญิง

 

 

อีกคนไปแทนแม่กระต่ายขาวอวบตัวกลมป้อมที่เขาแอบพาไปซุกไว้ที่

เคบินท้ายไร่

“ผมจะนึกถึงใครได้ล่ะครับ นอกจากแอนโทเนียลา ก็เราไปมา

หาสู่กันอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงนี้”

“แต่...คนนี้แม่ไม่ชอบนะกร หล่อนดูเหมือนจิ้งจอกขาวยังไงก็

ไม่รู้สิ และแม่ก็ไม่อยากเห็นลูกเป็นสามีคนที่หกของหล่อนด้วย แม่รับไม่ได้

จริงๆ กับผู้หญิงที่เห็นพิธีแต่งงานเป็นเหมือนการจัดเลี้ยงปาร์ตี้แบบนั้น”

“แต่เธอเข้ากับผมได้ดีนะครับ”

ธนากรบอกมารดาสีหน้าจริงจัง ซ่อนแววตาขบขันไว้มิดชิด

และเมื่อมารดามีท่าทางกระสับกระส่ายแล้วนั่นแหละ เขาจึงรู้ว่าตัวเอง

ได้พลาดไปถนัดที่ไปแหย่มารดาแบบนี้เข้า รู้ก็รู้ว่าท่านอคติกับม่ายสาว

ที่เขาไปมาหาสู่ มากกว่าหญิงใดที่เข้ามาในชีวิตของธนากรในขณะนี้

“เอาละนะธนากร แม่มาหาลูกวันนี้ก็รู้สึกหน่วงในอก เพราะฉะนั้น

แม่ขอยื่นคำขาด! และถ้ากรไม่ทำตามที่แม่บอกละก็ ต่อไปนี้ก็อย่าได้มา

เรียกแม่ว่าแม่อีกเด็ดขาด!”

มารดาเอ่ยแล้วถอนใจ สายตาจับที่ธนากรนิ่ง จนคนที่เกิดหลังสุด

ในตระกูลยิ้มเฝื่อนไปเลย

“ฟังให้ดีนะกร ภายในสามเดือนนี้ ลูกจะต้องหาเจ้าสาวมาให้

แม่ดูตัวให้ได้ และผู้หญิงคนนั้นจะต้องไม่ใช่แอนโทเนียลาด้วย ว่าที่เจ้าสาว

ของลูกจะต้องซื่อใส ทำอาหารเป็น จัดดอกไม้เก่ง ซ่อมถุงเท้าขาดๆ ให้

ลูกได้ รีดผ้าก็ต้องเรียบกริบ และต้องรีดนมวัวคล่อง และถ้ากรไม่สามารถ

หาได้ละก็ แม่จะหาให้ลูกเอง แต่ถ้ากรยังไม่กระตือรือร้นเหมือนทุกครั้ง

ต่อไปนี้แม่จะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลย และกรก็จะไม่ได้เห็นหน้าแม่อีก

ตลอดชีวิต แม่จะถือว่าแม่มีลูกแค่สองคนเท่านั้นคือพี่โรมและพี่กรุง แม่

ไม่ใช่คนจุกจิกเรื่องลูกสะใภ้ แต่แม่ทำใจยอมรับให้แอนโทเนียลามาเป็น

สะใภ้ไม่ได้จริงๆ”

“คุณแม่!”

“แม่พูดจริงนะกร ผู้หญิงอย่างแอนโทเนียลาแม่ไม่เอามาเป็น

 

 

สะใภ้ แม้แต่ไร่นี้แม่ก็ไม่ยอมให้มาเหยียบ! คนๆ นี้หมกมุ่นในเรื่องตัณหา

ราคะมากเกินไป ผู้หญิงอะไร มีสามีกี่คนก็ไม่รู้จักหยุดจักพอ อย่าคิดว่า

แม่ไม่รู้นะ ถึงอยู่ไกลก็ใช่ว่าแม่จะละเลยลูก พวกสามีก่อนหน้านี้ของ

เจ้าหล่อนทั้งห้าคนน่ะ ต่างถอยห่างจากหล่อนด้วยเหตุผลเดียวกันหมด

นั่นก็คือหล่อนมีชู้!”

“คุณแม่”

ธนากรเอ่ยเท่านั้น มารดาชาวไทยก็ลุกพรวด เป็นครั้งแรกที่

ท่านมองเขาด้วยสายตาตำหนิและไม่รับฟัง

“แม่จะกลับ แล้วต้นเดือนหน้าแม่จะมาหาใหม่ และถ้าลูกยัง

หาเจ้าสาวมาให้แม่ไม่ได้อีกละก็ แม่ก็จะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลย เข้าใจ

ไหมธนากร ลาร์นาโด หวังว่าลูกคงทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้เป็นแม่ลูกกัน

ตลอดไปนะ”

มารดาเน้นยํ้า ทำท่าจะผละห่าง แต่ก็เหมือนนึกอะไรได้ จึง

จ้องธนากรเขม็งอีกรอบ

“อ้อ...แล้วอีกคนที่แม่ไม่เอาก็คือ คนที่สวยงามดีพร้อม เหมาะสม

กับลูกทั้งฐานะและการศึกษา แต่หล่อนเป็นคนใจดำ! ฆ่าได้แม้กระทั่ง

เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แม่ไม่อยากรื้อฟื้นนะ แต่คนที่แม่พูดถึงนี้

ลูกคงรู้ดีว่าหล่อนเป็นใคร! แม่เกลียดผู้หญิงที่ไม่รักเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่

เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเรา!”

“คุณแม่ ผม....”

“กลับกันเถอะหนูเบ็กกี้”

มารดาเสียงห้วนหน้าตึง ทำให้เจ้าหญิงน้ำแข็งต้องรีบลุกพรวด

ด้วยสีหน้าเป๋อเหลอ เร่งฝีเท้าเดินตามคุณเพ็ญแข ลาร์นาโดไปอย่างงงๆ

เหลือแต่ธนากรเท่านั้นที่นั่งกุมขมับอย่างหมดสภาพ

“บ้าที่สุด! ไม่ยอมฟังกันบ้างเลย เราพูดเล่นแท้ๆ”

บ่นเท่านั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ภายในสามเดือนงั้นเหรอ แล้วเขาจะ

หาเจ้าสาวที่มีคุณสมบัติเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์แบบนั้นมาจากที่ไหนกันล่ะ

เจ้าของไร่หนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินกลับไปกลับมาสักพัก แล้วหัว

 

 

ก็ไปนึกถึงเจ้าของร่างอวบอิ่มที่ตนเก็บมาได้จากริมทาง

“บ้าจริง! แม่เนตรอัปสร ทำไมเธอถึงได้เสนอหน้าอยู่ในความคิด

ของฉันตลอดเวลาแบบนี้นะ ไปให้พ้นๆ เสียทีเถอะ”

เอ่ยเท่านั้นก็เดินไปยังหน้าต่างกว้าง มองไปยังอาณาเขตอัน

กว้างใหญ่ไพศาลของตน เห็นรถของมารดาขับออกจากไร่ไปแล้วก็ใจหาย

เขาเป็นบุตรชายคนเล็ก เป็นคนที่มารดาพะเน้าพะนอมากที่สุด แต่วันนี้

ท่านกลับหันหลังให้เขา แถมยังลั่นวาจาว่าจะไม่มาหาอีก ถ้าเขายังหา

เจ้าสาวที่ถูกใจท่านไม่ได้

“บัดซบ!” ธนากรบ่นออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อมองรถของมารดา

อยู่ดีๆ ภาพสาวไทยผิวขาวใบหน้ารูปหัวใจก็ปรากฏซ้อนขึ้นมาอีกหน

“เนตรอัปสรอย่างนั้นหรือ?”

ใช่! เนตรอัปสร หล่อนกำลังต้องการที่พักพิงเพื่อลี้ภัยมิใช่หรือ

บางทีหล่อนอาจจะต้องตอบแทนเขาบ้าง เพื่อแลกกับการเผชิญหน้ากับ

ตำรวจ และเขาเองก็จะได้กลับมาเป็นลูกชายคนโปรดของมารดาอีกครั้ง

จะว่าไปใบหน้าของหล่อนยามปราศจากเครื่องสำอางก็ดูซื่อใสปาน

สาวพรหมจรรย์ไม่รู้เรื่องเพศรสมาก่อนเลย และถ้าเขาไม่พูดว่าหล่อน

เป็นโสเภณีหนีคดีอุกฉกรรจ์มา ใครมันจะไปรู้!’


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (23 รายการ)

www.batorastore.com © 2024