10 Lies แผนร้ายอุบายลวง (ชุด sweet 10)
ประหยัด: 141.75 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 6 รายการราคา 90.00 บาท - 159.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
Beware! Someone is lying...
I warn you...
you'd better pay real close attention or
be fooled by them…
it’s your call. J
Part l
The Pinocchio
“คุณคิดยังไงกับคนโกหกน่ะ”
“คนโกหกเหรอ ไม่รู้สิ...”
“C’mon. J คุณก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย”
“Everybody lies... ไม่เคยได้ยินคำนี้หรือไง”
“ก็นะ...ฉันก็แค่อยากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับคนโกหกก็เท่านั้นเอง”
“อืม...ถ้าโกหกเพื่อสิ่งที่ดีกว่าก็อาจจะดีมั้ง แต่ถ้าโกหกเพื่อตัวเองหรือเพื่อทำร้ายคนอื่น... แบบนั้นก็สมควรจะต้องถูกลงโทษ”
“แบบพิน็อกคิโอน่ะเหรอ ลงโทษให้จมูกยาวขึ้นทุกครั้งที่โกหกไรงี้น่ะนะ”
“รู้รึเปล่าว่าแต่เดิมน่ะ... จุดจบของพิน็อกคิโอคือถูกแขวนคอ แต่พอจะมาทำเป็นนิทานสำหรับเด็กก็เลยเปลี่ยน”
“งั้นเหรอ ไม่รู้มาก่อนเลยนะ J”
“พนันกันมั้ยล่ะ”
“พนัน?”
“ว่าคุณจะจับพิน็อกคิโอมาลงโทษได้รึเปล่า”
“...”
“จะทำได้มั้ยล่ะ พิน็อกคิโอคนนี้น่ะร้ายกาจมากซะด้วยนะ”
“สิบเดือน”
“...?”
“ขอเวลาสิบเดือนเท่านั้นก็พอ”
1
He Lies… เขาโกหก
“แฟนฉันโกหก”
“หืม?”
“เขามีเรื่องปิดบังฉัน”
“งั้นเหรอ...” เขายิ้ม... ริมฝีปากสีแดงสดซึ่งน่าหลงใหลราวกับแอปเปิ้ลแสนหวานที่อาบยาพิษร้ายเหยียดยิ้มออกมาอย่างงดงามจนน่าหวาดหวั่น และหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นด้วยแววตาที่เป็นประกาย “งั้นเธออยากให้ฉันช่วยมั้ยล่ะ”
“ช่วย?”
“แก้แค้นแฟนของเธอไง J”
10 Minutes Earlier...
ฉันรู้สึกหายใจไม่ค่อยทั่วท้องตอนที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ตัวนั้น ไม่ใช่เพราะว่าฉันเป็นโรคกลัวที่แคบหรืออะไร... แต่ฉันกลัวบางอย่างที่ฉันไม่รู้ต่างหาก บางอย่าง...ที่เขาปิดบังเอาไว้ ภายใต้รอยยิ้มแล้วก็คำที่บอกว่ารักฉัน... ฉันรู้ดีว่าเขากำลังโกหก...
‘สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะครับ’ เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นด้านข้างทำเอาฉันตกใจจนสะดุ้งเฮือก เพราะมัวแต่จมอยู่กับห้วงความคิดจนไม่ทันรู้ตัวว่าเขามายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อหันไปมองก็พบว่าผู้ชายคนนั้นตัวสูงมากเสียจนฉันที่สูง 170 ยังต้องแหงนหน้ามอง...ใบหน้าหล่อเหลาคมคายมีเค้าตะวันตกอยู่มาก จนทำให้แน่ใจว่าเขาคงมีสายเลือดตะวันตกอยู่ครึ่งหนึ่งในตัว เส้นผมสีแดงสดราวกับเปลวไฟทำให้ฉันรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาในใจอย่างน่าประหลาด ตอนที่เขาลากนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมาสบตากับฉันแล้วหัวเราะเบาๆ ‘ขอโทษนะ ฉันทำเธอตกใจรึเปล่า’
‘อ๊ะ...เปล่า’
‘ลิฟต์มาแล้วนะ จะขึ้นใช่มั้ย’
‘ค่ะ...’ ฉันพึมพำตอบเสียงเบา จากนั้นก็ก้าวตามเขาเข้าไปในลิฟต์ ผู้ชายผมแดงกดลิฟต์ไว้ให้ก่อนจะกดปิดแล้วหันมาถามฉันด้วยรอยยิ้ม
‘ชั้นไหนครับ’
‘ชั้นสิบห้า ขอบคุณนะคะ’ ฉันพูดขึ้นเมื่อเขากดชั้นนั้นให้ฉัน ส่วนตัวเขาเองกดชั้น 10 เอ? ชั้นนั้นรู้สึกจะเป็นชั้นของพวกกรรมการนักศึกษาหรือเปล่านะ...
ฉันยืนนิ่งเงียบจ้องมองตัวเลขบอกชั้นเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเขาที่ยืนล้วงกระเป๋านิ่งเฉยไม่พูดอะไร ฉันแอบลอบมองใบหน้าด้านข้างของเขาที่ได้รูปสวยไร้ที่ติ แถมยังหล่อเหลาราวกับภาพวาดชั้นดี แต่น่าแปลกที่ฉันไม่เคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนเลย ทั้งๆ ที่เขาเด่นสะดุดจาออกขนาดนี้
‘มีอะไรติดหน้าฉันรึเปล่า’
‘หา? อ๊ะ...ไม่...ไม่มีหรอกค่ะ ฉันแค่...’
ตึง!
เสียงดังคล้ายอะไรบางอย่างกระแทกทำให้ฉันหยุดพูดทันที เมื่อหันมองที่ตัวเลขก็พบว่าตอนนี้เราอยู่ที่ชั้น 9 อีกแค่ชั้นเดียวเท่านั้นก็จะถึงชั้นที่เขาจะออกแล้ว แต่ลิฟต์กลับนิ่งสนิทแถมไม่ยอมเปิดออกอีกต่างหาก นี่มันอะไรกัน หรือว่า...
‘ดูเหมือนลิฟต์จะค้างนะ’ ผู้ชายผมแดงพูดหลังจากลองกดปุ่มเปิดแล้วลิฟต์ยังนิ่งสนิท ‘เดี๋ยวฉันลองกดเรียกคนดูแลก่อน’ เขาพูดก่อนจะจัดการทำตามนั้น เมื่อคนดูแลบอกว่าจะส่งคนมาช่วย เขาก็หันกลับมาหาฉันแล้วยิ้มบางๆ ‘คงต้องรออีกสักพัก แต่เดี๋ยวเขาคงจะส่งคนขึ้นมาช่วย’
‘…ค่ะ’
‘ไม่ต้องกลัวหรอกนะ’ รอยยิ้มของเขาดูอ่อนโยน...ผิดกับแววตาที่วาววับคู่นั้น แต่ก็เป็นความขัดแย้งที่มีเสน่ห์อย่างน่าพิศวงจนฉันเผลอจ้องหน้าเขานานไปหน่อยเลยต้องหลบตา... เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกับยื่นมือมาลูบหัวฉัน ‘ฉันน่ากลัวมากเหรอ ไม่ต้องหลบตาหรอก’
‘ขอโทษนะคะ พอดีฉัน...มีเรื่องให้คิดเยอะไปหน่อยก็เลยเพี้ยนๆ แบบนี้’
‘ไม่เป็นไรหรอก’ เขาตอบก่อนจะยกมือขึ้นเสยผม ‘อยากจะพูดถึงมันหน่อยมั้ยล่ะ ไหนๆ เราก็ต้องติดอยู่ในลิฟต์นี่อยู่แล้ว หาเรื่องคุยสักหน่อยจะได้ไม่เบื่อไงจริงมั้ย’
‘นั่นสินะ...’
‘ว่าแต่นี่สิบโมงกว่าแล้วเหรอเนี่ย ให้ตายเถอะ จะไปทันมั้ยนะ’ เขาพูดพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือ...ฉันเหลือบมองนาฬิกาข้อมือปาเต๊ะ ฟิลลิปป์ของเขาแล้วก็เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงสิบนาทีพอดี
‘คุณเคยโกหกมั้ยคะ’
‘หืม? ว่าไงนะ’ เขาลากสายตากลับมาสบตากับฉันพลางเลิกคิ้วถามคล้ายแปลกใจ ‘โกหกงั้นเหรอ...อ่า ก็เคยมั้ง คนเราก็ต้องมีเรื่องที่พูดความจริงไม่ได้อยู่บ้าง...’
‘...’
‘ถามทำไมเหรอ’
ฉันนิ่งไปพลางจ้องหน้าเขาอย่างเงียบงัน... สิ่งที่ฉันกำลังจะพูดมัน ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะบอกกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงสิบนาทีอย่างเขา แต่ฉันต้องบอกใครสักคน...ต้องบอก...
เพราะฉะนั้นหลังจากที่ยืนเงียบอยู่นาน ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจพูดมันออกไป...
‘แฟนฉันโกหก’
‘หืม?’
‘เขามีเรื่องปิดบังฉัน’
‘’งั้นเหรอ...’ เขายิ้ม... ริมฝีปากสีแดงสดซึ่งน่าหลงใหลราวกับแอปเปิ้ลแสนหวานที่อาบยาพิษร้ายเหยียดยิ้มออกมาอย่างงดงามจนน่าหวาดหวั่น และหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นด้วยแววตาที่เป็นประกาย ‘งั้นเธออยากให้ฉันช่วยมั้ยล่ะ’
‘ช่วย?’
‘แก้แค้นแฟนของเธอไง J’
‘อะ...อะไรนะ...’
‘ถ้าเขาโกหกหลอกลวงสาวน้อยที่น่ารักอย่างเธอได้ เขาก็เป็นคนที่สมควรจะถูกลงโทษนะ’ ผู้ชายผมแดงพูดด้วยรอยยิ้ม...หากรอยยิ้มนั้นกลับดูร้ายกาจยิ่งกว่าเดิมจนหัวใจฉันพลันเต้นแรง ‘เธออยากรู้มั้ยล่ะว่าเขาโกหกเธอเรื่องอะไรบ้าง’
‘เอ๊ะ...’
‘ถ้าฉันบอกว่าฉันรู้ว่าเขาปิดบังอะไรเธอไว้...เธอจะว่ายังไง’
‘แล้วคุณจะมารู้ได้ยังไง’
‘เธอรู้จักพิน็อกคิโอมั้ย’ เขาไม่ตอบคำถามฉันแต่กลับถามคำถามฉันแทน ฉันได้แต่งงจนเขาเฉลยมันออกมาเอง “พิน็อกคิโอคือตุ๊กตาไม้ ทุกครั้งที่มันโกหก...จมูกของมันก็จะยาวออกมา’
‘มันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะคะ’
‘เหมือนสิ J เพราะฉันมองออกว่าใครกำลังโกหก’ เขาตอบด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะยื่นมือมาเชยปลางคางฉันที่กำลังอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกให้เงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขา ‘บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีใครโกหกเก่งกว่าฉันอีกแล้วบนโลกนี้ล่ะมั้ง’
‘มะ...หมายความว่าไงน่ะ’
‘เดี๋ยวเธอก็รู้เอง’ คำตอบที่แสนกำกวมของเขาไม่ทำให้ฉันเข้าใจอะไรมากขึ้นเลย แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรอีก ลิฟต์ก็กลับมาขยับซะก่อน ฉันหันมองตัวเลขบอกชั้นก็พบว่ามันเลื่อนขึ้นมาชั้นสิบแล้ว ‘ถึงพอดี ฉันไปก่อนนะ J’
‘ดะ...เดี๋ยว!’ ฉันเรียกไว้ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง ‘คุณจะทำอะไร’
ฉันได้ยินเสียงหัวเราะของเขา...ตามมาด้วยคำตอบของเขา เพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่ลิฟต์จะปิดสนิทและเคลื่อนต่อไปยังชั้นสิบห้า ‘รอดูด้วยตาตัวเองก็แล้วกัน...ไนติงเกล J’
10 Days Later...
“เกล...เกล...ไนติงเกล!!” เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นข้างหูทำให้ฉันตกใจจนสะดุ้งสุดตัว ทุกอย่างนิ่งไปเกือบสองวินาทีก่อนที่จะได้ยินเสียงแก้วแตกดังเพล้งตามมา เสียงนั้นเองที่ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์ได้ในที่สุด
“อ๊า~”
“อย่าจับนะ” เขาพูดแค่สั้นๆ พร้อมกับคว้ามือเอาไว้ก่อนที่ฉันจะถลาเข้าไปคว้าหลอดทดลองที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะฉันทำตกเมื่อกี้นี้ ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสนิท ไม่มีร่องรอยอาการตกใจเลยสักนิด สมกับที่เป็นเขา...
เพราะซินแคลร์ไม่เคยสูญเสียความสุขุมเยือกเย็นราวน้ำแข็งของเขาเลยสักครั้งนี่นะ
ฉันนั่งนิ่งพลางลอบมอบใบหน้าคมคายหล่อเหลาราวกับรูปปั้นน้ำแข็งของเขาเงียบๆ จมูกโด่งคมเป็นสันกับกรามสวยได้รูปราวกับปั้นมาทำให้ฉันนึกประหลาดใจอยู่เสมอว่าจะมีใครที่สมบูรณ์แบบได้ขนาดนี้ เส้นผมของเขาเป็นสีเงินเปล่งประกาย...มันนุ่มลื่นมือมากแค่ไหนฉันรู้ดี เช่นเดียวกับนัยน์ตาสีเขียวอมฟ้าที่สะกดจิตฉันให้ทำตามที่เขาต้องการได้ทุกเมื่อหากเขาต้องการ... ฉันเองก็รู้จักมันดีเช่นกัน
ก็แน่ละนะ เพราะว่าเขาคนนี้คือแฟนของฉันนี่นา
“เกิดอะไรขึ้นล่ะนั่น” อาจารย์ที่ยืนสอนอยู่หน้าห้องเดินอ้อมมาแล้วถามขึ้นทันทีที่เห็นเศษหลอดทดลองแตกกระจายอยู่บนพื้น ซินแคลร์ที่จัดการเก็บกวาดซากเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ของเขา...มันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้สาวๆ พวกนั้นหลงใหลในตัวเขาล่ะนะ
“เธอเวียนหัวนิดหน่อยก็เลยเผลอทำหลอดแก้วตกแตกน่ะครับ”
“เวียนหัวงั้นเหรอ...” อาจารย์พึมพำก่อนจะโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ถ้างั้นก็เอาเศษแก้วไปทิ้งแล้วก็พาไปห้องพยาบาลซะ”
“ขอบคุณครับ” จบคำนั้นเขาก็จัดการเอากระดาษมาห่อเศษแก้วแล้วเอาไปทิ้งตามที่อาจารย์สั่ง จากนั้นก็เดินกลับมาจูงมือฉันเดินออกจากห้องเรียนไปเงียบๆ
หลังจากที่เดินออกมาตามโถงทางเดินได้พักหนึ่ง เขาก็เอ่ยปากถามฉันขึ้น... เสียงนั้นสะท้อนก้องไปมาตามทางเดิมที่เงียบสนิทเพราะกำลังอยู่ในชั่วโมงเรียน “เป็นอะไรไป”
“ฉันเหรอ”
“เธอเอาแต่เงียบแล้วก็เหม่อทั้งวัน...เป็นอะไรไป”
“ปกติฉันก็ไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” ฉันยิ้มบางๆ พลางถามเขา ซินแคลร์ไม่ตอบอะไรเพียงแต่พาฉันเดินต่อไปยังห้องว่างห้องหนึ่ง เขาผลักประตูเปิดออกก่อนจะดันฉันให้เข้าไปจากนั้นก็ปิดประตูตามหลัง นัยน์ตาสีเขียวอมฟ้าคู่สวยของเขามองหน้าฉันนิ่งตอนที่เขาถามฉันอีกรอบ
“เธอก็รู้ว่าเธอโกหกไม่เก่ง...เพราะฉะนั้นตอบฉันมาดีๆ ว่าเธอเป็นอะไร”
“...”
“เกล...”
“ถ้าฉันพูดไป เดี๋ยวนายก็จะดุว่าฉันคิดมาอีกใช่มั้ยล่ะ”
ทันทีที่ฉันพูดออกไป ซินแคลร์ก็ถอนหายใจยาวก่อนจะดึงตัวฉันเข้าไปกอด... กลิ่นน้ำหอมบางเบาแต่ชัดเจนและเย้ายวนของ BURBERRY ที่ฉันเคยบอกว่าชอบและเขาก็ใช้มาตลอดทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงได้เสมอ ฉันโอบแขนกอดเขาตอบตอนที่ซินแคลร์กระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูฉัน
“เธอไม่ไว้ใจฉันหรือไง”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ว่าฉัน...”
“แต่ว่าเธอไม่เชื่อใจฉัน?”
“ไม่ใช่นะ! ซินแคลร์ ฉันแค่...” คำพูดของฉันถูกกลืนหายไปหลังจากที่เขายื่นหน้าเข้ามาทาบทับริมฝีปากเย็นเยียบของตัวเองลงบนริมฝีปากฉัน แล้วก็ครอบครองมันอย่างถือวิสาสะเหมือนทุกครั้ง...และฉันเองก็ไม่ได้ผลักเขาออกเหมือนทุกครั้งเช่นกัน
ทุกอย่างของเขาน่าหลงใหล...เรื่องนี้ฉันรู้ดีตั้งแต่ตอนเจอเขาครั้งแรกเมื่อสองเดือนก่อน บางอย่างในตัวเขาเด่นสะดุดตาจนยากจะหันหน้าหนีไปไหน แม้เขาจะเย็นชาและเงียบขรึมจนดูเขาถึงยาก แต่นั่นก็ยิ่งทำให้รู้สึกอยากจะยื่นมือเข้าไปหามากขึ้น...
เราคบกันภายในเวลาไม่กี่วันหลังจากได้รู้จักกัน และ...ตอนนี้เราก็เป็นแฟนกัน เหมือนฝันที่กลายเป็นจริง เพราะเด็กสาวธรรมดาอย่างไนติงเกลคนนี้ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะได้เป็นแฟนกับผู้ชายที่หล่อเหลาราวกับเจ้าชายอย่างเขา...
“...เกล” เขากระซิบที่ข้างหูฉันหลังจากจูบที่แสนหวานและยาวนาน หลายนาทีทำให้สติฉันรางเลือน ฉันยกมือโอบรอบคอเขาก่อนจะพึมพำถามเสียงเบาในลำคอ
“...ฮืมมม?”
“ฉันรักเธอนะ” คำที่เขาใช้ล่อลวงให้ฉันลุ่มหลง... เขาทำมันได้อย่างง่ายดายและมันก็ได้ผลเสียด้วย เพราะมันทำให้ฉันไม่สามารถปฏิเสธเขาได้
ถึงแม้ฉันจะรู้ดีว่าทุกอย่างที่เขาพูดมา...
“...อืม...ฉันก็รักนาย”
มีความจริงแค่เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นก็ตามที...
10 Days Later...
Las Vegas, USA 10.10 PM.
“One shot of tequila.”
“Yes, sir.” บาร์เทนเดอร์หนุ่มตอบกลับก่อนจะรินเตกีล่าใส่แก้วชอตยื่นให้กับชายหนุ่มร่างสูงผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคมคายราวกับเทพบุตร หากใบหน้านั้นกลับนิ่งเฉยและเย็นชายิ่งกว่าปีศาจร้าย ในดวงตาสีฟ้าครามทอประกายวาวโรจน์ราวกับอัญมณีล้ำค่า มือเรียวเอื้อมไปหยิบแก้วชอตขึ้นดื่มรวดเดียวหมด สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนไปสักนิดแม้เหล้าร้อนจะบาดคอเพียงไร มีเพียงแววตาของเขาเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหว...
เวย์นยกมือขึ้นเสยผมสีดำสนิทที่ยาวปรกหน้าปิดบังนัยน์ตาคู่สวยที่มีเสน่ห์มหาศาลของตัวเองขึ้นก่อนจะสั่งเตกีล่าอีกชอต ตอนนั้นเองที่ใครคนหนึ่งทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เขาพร้อมกับเอื้อมมือมาแตะมือเขาที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์ นัยน์ตาสีฟ้าครามเหลือบมองคนข้างกายโดยไม่พูดอะไรตอนที่เธอเอ่ยปากทักเขาด้วยรอยยิ้มหวานจัด
“กะแล้วเชียวว่าต้องเป็นนาย...นายหายไปไหนมา ฉันตามหาตั้งนาน”
“...เธอจะตามหาฉันทำไม”
“ก็อยู่ดีๆ นายก็หายหน้าหายตาไป ไม่ไปปาร์ตี้ แถมยังดร็อปเรียนที่มหา’ลัยอีกต่างหาก ทุกคนเค้าเป็นห่วงนะ”
“...เหอะ” เวย์นแค่นหัวเราะในลำคอก่อนจะดื่มเตกีล่าหมดอีกชอตอย่างรวดเร็ว “ถ้ามาด้วยเรื่องแค่นั้นก็กลับไปเถอะ”
“เอ๊ะ อะไรนะ ทำไมล่ะ”
“แล้วก็บอกพวกนั้นด้วยนะว่าฉันไม่คิดจะกลับไปที่นั่นอีกแล้ว”
“เวย์น! เกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่น่ะ! ตั้งแต่ยัยผู้หญิงคนนั้นหายไปนายก็...”
“หุบปาก”
“เวย์น!!”
“บอกให้หุบปากไง!!”
“นายเป็นบ้าอะไรของนายน่ะ!”
“ก็ไม่ใช่ธุระของเธอ ทีนี้ไสหัวไปซะ!”
“นี่!! พูดอย่างนี้กับฉันได้ยังไงน่ะ!”
“แล้วทำไมฉันจะพูดไม่ได้” เวย์นเลิกคิ้วถามด้วยใบหน้ายียวนริมฝีปากหยักยิ้มกระด้างเย็นชา “มีเหตุผลอะไร ทำไมฉันจะต้องแคร์ผู้หญิงอย่างเธอด้วย”
เพียะ!!
“คนสารเลว!! ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าฉันเคยคบกันคนอย่างนาย!”
“เคยคบ? เธอคบกับฉันตอนไหนกัน”
“อะ...อะไรนะ”
“ฉันไม่เคยมีแฟนแค่คนเดียว และคนคนนั้นก็คือชาร์ล็อต” เวย์นพูดต่อโดยไม่สนใจใบหน้าที่เพิ่งจะถูกผู้หญิงตรงหน้าตบมาอย่างแรงเลยสักนิด เขาจ้องหน้าเธออย่างเย็นชาก่อนจะพูดต่อ “และถ้าเธอไม่ได้ชื่อชาร์ล็อต มันก็แปลว่าเราไม่เคยคบกัน”
“นะ...นายพูดอย่างนี้ได้ยังไง”
“ฉันพูดได้ แล้วก็พูดไปแล้วด้วย” เวย์นตอบด้วยใบหน้าเฉยชา “และตอนนี้ถ้าเธอไม่ได้ชื่อชาร์ล็อตก็ไสหัวไป รู้ไว้ซะด้วยว่าฉันจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของเธอ”
“...”
“และ...ผู้หญิงคนอื่นๆ อีกหลายคนก็เช่นกัน ฉันจำไม่ได้สักคน”
เพล้ง!!! เสียงแก้วเหล้าแตกกระจาย...เวย์นไม่ได้หันไปมองเศษแก้วที่ผู้หญิงตรงหน้าเขาแย่งไปปาลงพื้นระบายความโกรธสักนิด นัยน์ตาสีฟ้าครามดูห่างเหิน เย็นชา และหยามเหยียดราวกับผู้หญิงตรงหน้าไม่มีค่าอะไรกับเขาสักนิด เขาเบือนหน้าหนีจากเธอก่อนที่เธอจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่แคร์น้ำตาของเธอแม้แต่น้อย
ใช่แล้ว...เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงมันก็เหมือนๆ กันหมด แค่กระดิกนิ้วเรียกก็วิ่งเข้าหา ไม่มีใครโดดเด่นพอจะทำให้เขาหลงใหลได้เลยสักคน
ไม่เคย...ยกเว้นคนคนเดียวเท่านั้น
เวย์นดื่มเตกีล่าต่ออีกไม่รู้กี่ชอตจนกระทั่งในหัวรู้สึกมึนงงราวกับเดินอยู่บนพื้นที่กำลังหมุน เขาวางแก้วลงก่อนจะยกมือขึ้นเสยผม... เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคย... เพราะคนอย่างเขาเคยแต่เล่นสนุกกับหัวใจของคนอื่น ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะปล่อยให้ใครเข้ามามีอิทธิพลเหนือหัวใจของเขา...
มันเป็นอย่างนั้นมานาน...นานมากเสียจนเขาเองยังเกือบลืมไปว่าตัวเองก็มีหัวใจ
เวย์นลุกขึ้นยืน เขาเดินเซเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเส้นเลือด แต่ก็ยังไม่ล้ม...ใช่แล้ว เขาต้องไม่ล้ม แต่ต่อให้ไม่ล้ม เขาก็ไม่รู้จะเดินไปทางไหน...ตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นจากไป เขาก็รู้สึกเหมือนทั้งโลกหมุนจนตั้งตัวไม่ติด ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเสียจนเขาเองยังแทบไม่รู้ตัว เธอใช้เวลาเพียงไม่นานก็ทำให้เขาตกหลุมรักได้... จากนั้นก็หายไปจากชีวิตเขาราวกับผู้หญิงที่ชื่อชาร์ล็อตไม่เคยมีตัวตนอยู่ตั้งแต่แรก...
ไม่มี...
เวย์นเดินไปถึงที่กลางฟลอร์เพื่อจะเดินออกไปให้ถึงประตูทางออก ทว่ายังไม่ทันที่จะไปถึง...ภาพที่เห็นก็ทำให้ขาทั้งสองข้างของเขาหยุดชะงักไปเสียก่อน...
กลิ่นหอมเย้ายวนของดอกกุหลาบ...ที่ทำให้เขาหลงใหลได้ทุกครั้ง กลิ่นของ ‘เธอ’
เส้นผมยาวเป็นลอนคลื่นสีแดงสด...เส้นผมอ่อนนุ่มลื่นมือที่เขาหลงใหลทุกครั้งที่ได้สัมผัส...เส้นผมของ ‘เธอ’
“...ชาร์ล็อต”
เขาร้องเรียก...เสียงนั้นเบาราวกับเสียงกระซิบ...
“ชาร์ล็อต!” เขาร้องเรียกดังขึ้นอีกเมื่อแผ่นหลังบางของหญิงสาวร่างสูงโปร่งผู้มีเส้นผมสีแดงสดคนนั้นกำลังจะหายไป แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่คิดจะยื่นมืออกไปหา เขากลับหยุดชะงักตรงนั้นราวกับว่ามีอะไรบางอย่างมาหยุดเขาเอาไว้...
จริงสิ...คงเพราะเมา เขาถึงได้เผลอลืมไปว่าผู้หญิงคนนั้นก็เป็นแค่นังแพศยาคนหนึ่ง...ผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่ทิ้งเขาไปอย่างเลือดเย็น
คนที่เอามีดอาบยาพิษที่ซ่อนไว้มาแทงทะลุหัวใจเขา ในเวลาเดียวกับที่ริมฝีปากของเธอกำลังจูบเขาอย่างอ่อนหวาน...
เธอคือยาพิษที่หอมหวานชวนลิ้มลอง...แม้จะรู้ว่าอันตรายถึงตายแต่ก็หลงใหลจนไม่อาจต้านทาน...
เวย์นหันหลังแล้วเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์บาร์...ไม่มีประโยชน์ที่จะไล่ตามคนคนนั้นอีกต่อไปแล้ว...
เขาทรุดตัวลงนั่งที่เดิมกับที่นั่งเมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันได้สั่งเครื่องดื่มอะไร...ใครบางคนก็ชิงตัดหน้าเขาไปก่อนแล้ว “Two shots of tequila, please. J”
นัยน์ตาสีฟ้าครามเหลือบมองเจ้าของเสียงนั้นด้วยแววตาเย็นเยียบ...คนคนนั้นมีเส้นผมสีแดงสดราวกับเปลวไฟ...กับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่เป็นประกายเจ้าเล่ห์
“”Who the hell are you? (คุณเป็นใคร)”
“My name is Loki. J (ผมชื่อโลกิ)” ชายหนุ่มที่มีผมสีแดงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเหยียดยิ้มร้ายกาจที่มุมปากตอนที่ใช้มือเรียวยาวสวยเลื่อนแก้วชอตไปตรงหน้าเวย์นพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “Nice to meet you, Nr. Wayne. (ยินดีที่ได้รู้จักครับ)”
“มองหาใครอยู่เหรอ” เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นปลุกให้เธอตื่นจากห้วงความคิด ริมฝีปากสีแดงสดเหยียดยิ้มที่มุมปากก่อนที่เธอจะเหลือกตากลับมามองเจ้าของเสียงแล้วตอบเสียงใส
“เปล่าค่ะ แค่คิดว่าเห็นคนรู้จักน่ะ J”
“เธอมีคนรู้จักอยู่ที่เวกัสด้วยหรือไง”
“จากนิวยอร์กต่างหากล่ะคะ” เธอตอบก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ในโซนวีไอพีข้างๆ เขา “Bloody Mary, please. ^^”
“You got it ma’am.” บาร์เทนเดอร์หนุ่มตอบก่อนจะเริ่มเทเหล้าลงในเชกเกอร์
“เธอยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ” เธอหันกลับไปสบตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยพลางยิ้มหวาน ก่อนที่เขาจะพูดต่อพร้อมกับยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าสวยหวานไร้ที่ติของเธออย่างแผ่วเบา “สวย...หวาน...เย้ายวน...น่าหลงใหล...”
“กำลังคิดจะหลงรักฉันด้วยอีกคนหรือไงคะ”
“ก็อาจจะนะ” เขาหัวเราะพลางจิบวิสกี้ในแก้ว “แต่เธออันตรายเกินไปหน่อย”
“แล้วคุณไม่อันตรายเหรออังเดร”
“งั้นเราก็คงสมกันล่ะมั้ง J” เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางที่มุมปาก ใบหน้าหล่อเหลานุ่มนวลชวนให้คนมองรู้สึกหัวใจเต้นแรงของเขาราวกับเป็นของขวัญจากพระเจ้า เธอหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำตอบนั้นของเขาก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสเส้นผมสีชาอ่อนนุ่มของเขาอย่างเบามือ
“เพราะฉันอันตราย...คุณถึงได้สนใจฉันไม่ใช่หรือไง”
“ก็ไม่ผิด” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม ปลายนิ้วเรียวเลื่อนไปรั้งใบหน้าเธอเข้ามาใกล้ “It’s time for the game now my love. J”
“The game has already started.” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาคู่สวยสีเทาเป็นประกายวาววับ
“ฮ่าๆ ฉันรู้ว่าเธอจะต้องชนะ” เมื่อได้ฟังคำตอบนั้นของเธอเขาก็หัวเราะออกมาทันที
“มันแน่นอนอยู่แล้วอังเดร” เขายิ้มรับคำตอบนั้นของเธอ ตอนที่มือเรียวของเธอยื่นมาสัมผัสแผ่วเบาที่สร้อยคอเงินเส้นหนึ่งที่คอเขา สร้อยที่เขาสวมติดคอไม่เคยห่าง...สร้อยที่ห้อยจี้พิน็อกคิโอ... “ไม่ว่าเกมไหนๆ ฉันก็ไม่มีทางเป็นผู้แพ้หรอก”
“อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ...ชาร์ล็อต”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
รีวิว (2)
23/02/2015
10 Lies เป็นอะไรที่มันส์มากกกกกกก สนุกมากกกกกกกกก ผู้ชายหล่อและฮอตมากกกกกกกกกก ก.ไก่ล้านตัว555 ตอนแรกเห็นความหนาแล้วกลัวอ่านไปอ่านมาจะเบื่อแต่พอได้อ่านจริงๆก็ต้องบอกเลยว่าวางไม่ลง เราอ่านรวดเดียวจบเลย คือกลัวต่อไม่ติดถ้าเว้นช่วง รู้สึกจะอ่านจบในคืนที่ซื้อมาเลยมั้ง เนื้อเรื่องมันซับซ้อนซ่อนเงื่อนหลายปมชวนให้คิดตาม ได้ฟีลนิยายสืบสวนสอบสวนสุดๆ ครบทุกรส มีลุ้น เศร้า เสียน้ำตา ตอนแรกพยายามอ่านแบบคอนิยายสืบสวนเลยคือลองตั้งข้อสังเกต จับโกหกตัวละครทั้งหลาย สรุป เหนื่อยก่อน ไม่เอาละ อ่านแบบคนปกติดีกว่า เรื่องนี้นี่ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่แซ่บมากของเจ้าหญิงผู้เลอโฉมสำหรับเราเลยนะ ออกมาช่วงโปรเจกวาเลนไทน์มั้ง ไม่ก็ครบรอบ10ปี เพราะจะมีเล่มของนักเขียนคนอื่นๆที่ขึ้นต้นดด้วย 10 ออกมามากมาย แต่เราว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่เวิร์คสุดละ มันเหมือนแบบ ทุกอย่างมันเต็มที่จริงๆ ทั้งพลอต ทั้งภาษา การดำเนินเรื่อง การวางโครงเรื่อง ทุกอย่างมันลงตัว และถึงจะมีการโกหกกันไปโกหกกันมา แต่ทุกตัวละครก็เก็บคำโกหกของตัวเองได้เนียนมาก แถมการเล่าเรื่องยังหลอกคนอ่านได้ด้วย พี่เค้าแต่งเก่งจริงๆอ่ะ อ่านจบเราแบบ ชื่นชมเจ้าหญิงผู้เลอโฉมมากจริงๆ อยากให้ทุกคนที่ติดตามและเป็นแฟนนิยายแจ่มใสได้อ่าน เป็นเรื่องที่ไม่ควรพลาดสุดๆ มันไม่ได้มีแต่ความสนุกด้วยนะ คือมันเป็นนิยายรักที่ค่อนข้าง thrill สำหรับเรา ถ้าเราอ่านไปคิดไปด้วยว่าถ้าเป็นเราล่ะจะเป็นยังไง เราจะได้รู้เลยว่าทุกตัวในเรื่องฉลาดกว่าเราเยอะอ่ะ555
26/10/2014
นิยายรักกุ๊กกิ๊กใสๆนี่ต้องยกให้สำนักพิมพ์ของแจ่มใสเลยค่ะ และที่ขาดไม่ได้ก็คือนักเขียนผู้น่ารักอย่าง เจ้าหญิงผู้เลอโฉม ที่เขียนผลงานดีๆออกมามากมายจริงๆ ถ้าเอ่ยชื่อ เจ้าหญิงผู้เลอโฉมออกไป คงไม่มีใครไม่รู้จักใช่ไหมค่ะสำหรับสาวกนิยายแจ่มใสทุกท่าน วันนี้ก็มีอีกหนึ่งนิยายที่สนุกอ่านลุ้นทุกตอนทุกตัวหนังสือมาแนะนำให้อ่านกันค่ะรับรองว่าทุกคนที่ได้อ่านจะต้องจิ้นและฟินสุดๆไปกับนิยายหนุ่มร้ายกระชากใจสาวๆอย่างนิยายเรื่อง 10 Lies แผนร้ายอุบายลวง หือ 10 โกหก โหยใครมันจะไปโกหกได้ขนาดนั้น ก็ไม่รู้สินะอันนี้ต้องลองอ่านดูเอาเอง แต่เจ้าของรีวิวจะสปอยเรื่องให้ฟังกันแบบพอหอมปากหอมคอนะค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพนันภายในสิบเดือนค่ะ แต่จะพนันอะไรกันนั้นไม่บอกนะต้องซื้อไปอ่านเอง แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าถ้าได้อ่านหน้าแรกแล้วจะวางไม่ลงกันเลยทีเดียวจ้า ต้องอ่านหน้า 2 3 4 5 ไปเรื่อยๆจนจบแน่นอนถ้าผู้อ่านมีเวลามากพอนะค่ะ ส่วนเจ้าของรีวิวเองอ่านเรื่องนี้จบภายในสองวันค่ะ อ่านแล้วถึงกับฟินไปเป็นอาทิตย์คนเขียนเก่งนะค่ะ เรื่องซับซ้อนพลิกไปพลิกมาเนื้อเรื่องชวนติดตามมากเลยค่ะ คืออ่านแล้วไม่งง ยิ่งอ่านยิ่งสนุกยิ่งอยากรู้เนื้อเรื่องว่าต่อไปจะเป็นยังไงต่อ กว่าจะถอนตัวขึ้นก็ปาไปหลายชั่วโมงเลยค่ะจริงๆ แต่ต้องรีบอ่านให้จบค่ะ เพราะเวลาน้อย พออ่านจบแล้วกรรมค่ะ ดันอยากจะอ่านอีก