Beautiful Blues ปฐมบทรักร้ายปลายขอบฟ้า (Just Nightmare)

Beautiful Blues ปฐมบทรักร้ายปลายขอบฟ้า (Just Nightmare)

3 รีวิว  3 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160609635
ผู้แต่ง: Just Nightmare
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 119.00 บาท 29.75 บาท
ประหยัด: 89.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

I’ve just realized to care about

All those crazy things you did,

‘Coz it’s one another thing to tell me that

you're still alive.

-Joel-

 

ฉันเพิ่งตระหนักได้ว่าต้องจำเรื่องบ้าๆ ทั้งหมดที่เธอทำ

เพราะมันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บอกฉันว่าเธอยังมีชีวิตอยู่

-โจแอล-

 

บทนำ

 

หลังสงครามโลกครั้งที่สามระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันเองสิ้นสุดลง ลัทธิเดียวที่หลงเหลือมีชีวิตอยู่ตอดหนึ่งร้อยสามสิบหกปีที่ผ่านมาล้วนแต่ดป็นบุตรแห่งบลูส์ (Sons of Blues) อันหมายถึงชุมชนคนตาสีฟผู้ประดาไปด้วยความเศร้าสร้อย ใช่ พวกเราทุกคนล้วนจมปลักอยู่กับความลำบากยากเข็ญอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่ปู่ย่าตาทวดของเราจะถูกขนานนามให้กลายเป็นบรรพบุรุษ พวกเขาสร้างเมืองและตั้งถิ่นฐานให้กับลูกหลานท่ามกลางหุบเขาที่ปกคุลมไปด้วยความหนาวเหน็บตลอดปี ที่นี่ถูกเรียกว่า ‘เมลเวย์ (Melway)’ ยากแก่การค้นพบ รายล้อมด้วยทะเลสาบลึกและป่าต้องห้ามที่มีผีสางสัตว์ป่าคอยคุ้มครองให้ความปลอดภัยกันไส้จากผู้คนภายนอก ปราศจากผู้บุกรุกเข้ามาแย่งชิงอำนาจและก่อการร้ายใดๆ มาตลอดหลายปีแล้ว

ยังเหลือก็เพียงแต่...

ตึกๆๆ

“จับไว้อย่าให้รอดไปได้!!!”

กรี๊ด!!! ถูกตามจับอีกแล้ว...

ฉันเร่งฝีเท้าวิ่งกลับเข้ามาในป่าอีกครั้งหลังจากพบว่าตนถูกไล่ล่าโดยพวกโปลิเชียน ผุ้มีหน้าที่ดูแลและรักษากฏหมายในเมลเวย์ เมืองที่ห่างไกลความสงบสุขตั้งแต่ฉันเติบโตขึ้นมาและรู้จักกับคำว่า...

แอล! กอ! ฮอล์!!!

“วี้ดดด อย่าตามฉันมานะไอ้พวกบ้า!!!”

ทั่กๆๆ

ฉันส่งเสียงตะโกนใส่คนพวกนั้นขณะที่ยังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ว่าแล้วก็รีบยกมาร์ติน่า เหล้ารสโปรดที่มักจะพกติดตัวเสียบไว้ข้างเอวขึ้นมาซดเพิ่มพลังอีกสักอึก

อ่า ให้มันได้อย่างนี้เซ่! ฮึบๆๆ

“มอบตัวซะเถอะยัยหัวขโมย! จงยอมเป็นเครื่องสังเวยให้แก่ท่านบลูส์ซะเถอะ!!!”

“ฉันยอมแน่...แต่แค่ไม่ใช่ตอนนี้ย่ะ!”

ฉันยังคงตะโกนตอบโต้กลับใส่คนพวกนั้นไป ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ฉันมีแรงวิ่งเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ฉันเอี้ยวตัวหลบต้นไม้และกิ่งก้านที่ห้อยระโยงลงมาขวางทางข้างหน้าอย่างชำนาญ กล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีใครที่จะเชี่ยวชาญการเข้ามาในป่าต้องห้ามและเอาตัวรอดได้เยี่ยงฉันอีกแล้ว และตอนนั้นเองที่ฉันรู้สึกได้ว่าเสียงไล่หลังของพวกโปลิเชียนค่อยๆ หายไป

“ไอ้พวกขี้ขลาด!!! วะฮะฮ่า!!!”

“คราวหน้าแกไม่รอดแน่ยัยขี้เมา!!!”

พวกนั้นตะโกนไล่มา ฉันจึงรีบสวนกลับ

“คราวหน้าแกก็คงจับฉันไม่ได้อยู่ดีอีกนั่นล่ะย่ะ!”

“คอยดูก็แล้วกันโว้ยยยย!!!”

เสียงหัวเราะร่าของฉันดังขึ้นตบท้ายก่อนที่เสียงฝูงคนที่วิ่งไล่ตามหลังมาเมื่อครู่จะหายไปในที่สุด ฉันค่อยๆ ชะลอฝีเท้าลง ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง

สวบสาบ

หมับ!

ฉันรีบยื่นมือออกไปคว้าหัวงูเขียวแมมบาที่กำลังหาโอกาสกระโจนมางับเข้าที่คอฉันได้ทัน

แว้ก!

“แกไม่มีทางฆ่าฉันได้ง่ายๆ หรอกไอ้ตัวเล็ก!”

ฉันกระแทกเสียงใส่มันก่อนจะสลัดงูเขียวแมมบาตัวน้อยที่อยู่ในมือทิ้งลงพื้นไปอย่างไม่ไยดี บอกกันตามตรงว่าฉันเคยโดนเจ้างูชนิดนี้กัดที่ขามาหนึ่งครั้ง สาบานได้ว่าพิษของมันรุนแรงน้อยมาก ใช้รากจากต้นเอิร์กมาเคี้ยวและโปะเอานิดหน่อยก็ดูดพิษออกไปหมดแล้ว ที่เลิศไปกว่านั้นก็คือป่านี่ปกคลุมไปด้วยต้นเอิร์ก ต้นจีน่า ต้นไอออรีน ฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแต่เป็นสมุนไพรรักษาพิษจากสัตว์ทั้งนั้น ฉะนั้นการเอาชีวิตรอดในป่าต้องห้ามนั้นไม่ยากเลยหากคุณรู้จักวิธีการ

แล้วที่วิเศษสุดๆ คือวันนี้ฉันยังสามารถเอาตัวรอดจากพวกโปลิเชียนแห่งเมลเวย์ได้อีกเช่นเคยยย บอกกันตามตรงนะ...ฉันว่าเอาตัวรอดในป่าต้องห้ามง่ายกว่าเอาตัวรอดในเมลเวย์เยอะเลย

พอหยุดพักหายเหนื่อยได้ไม่นานฉันก็เริ่มออกเดินทางไปยังที่พักซึ่งอยู่ในอุโมงค์ถ้ำริมแม่น้ำ แม่น้ำที่พวกเขาต่างก็เชื่อว่ามันมีอยู่จริง แหงล่ะ พวกคนในเมืองไม่มีใครกล้าพอที่จะเสี่ยงเข้ามาในป่าต้องห้ามหรอก มันผิดกฏหมาย! แถมยังอันตรายเกินกว่าที่จะเอาตัวรอดได้ (...เยี่ยงฉัน)

ตึก...ตึก...

ความเงียบสงบทำให้ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของตัวเองชัดเจน พระจันทร์บนท้องฟ้าสาดแสงลมาช่วยให้มองเห็นทาง แต่ก็ยังต้องใช้สัญชาตญาณในการเดินไปตามเส้นทางข้างหน้า

ใครจะเชื่อว่าความน่ากลัวและไม่น่าไว้วางใจของป่าต้องห้ามหลังพระอาทิตย์ตกดินจะปลอดภัย แต่นั่นล่ะ...แท้จริงมันคือเวลาสงบของพวกสัตว์ป่าที่ดุร้าย พวกมันมักจะตาบอดในเวลานี้เสมอ เว้นก็แต่งูเขียวแมมบาเท่านั้นที่มักจะสังหารนักท่องราตรี

แต่อย่างที่รู้กันว่าฉัน...ไม่เคยแม้แต่จะกลัวมันเลยสักนิดเดียว!!!

“วี้ดดด!!!”

เฮือก

เสียงกรีดร้องอันแสนคุ้นเคยทำเอาฉันสะดุ้งตื่นเสมอเวลานอนหลับ แม้กระทั่งการเดินป่าในความมืดและความเงียบอย่างตอนนี้เอง ฉันชะงักฝีเท้าและหันหลังเงยหน้ามองผ่านแมกไม้ขึ้นไปสี่สิบห้าองศา มองเห็นหอคอยสูงใหญ่ใจกลางเมลเวย์ต้นเหตุของเสียงกรีดร้องปริศนายามค่ำคืน ฝูงอีกาที่เกาะอยู่บนจุดสูงสุดของหอคอยบัดนี้ต่างพากันบินหนีพั่บๆ ไปคนละทิศละทาง

พวกเขาเชื่อว่าเสียงกรีดร้องโหยหวนนั่นเป็นเสียงของ ‘บลูส์’ อะไรบางอย่างที่ไม่สามารถคาดเดาถึงรูปพรรณสันฐานได้ อาจจะเป็นมนุษย์...อาจจะเป็นปีศาจ...หรืออาจจะเป็นพระเจ้าที่คอยคุ้มครองพวกเราชาวเมลเวย์ที่ต่างศรัทธาและให้ความเคารพนับถือตั้งตนเป็นลัทธิของบลูส์ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ

ไม่เคยมีใครรอดออกมาจากหอคอย...

พวกเขาเชื่อว่าใครก็ตามที่เห็นบลูส์จะต้องจมปลักอยู่กับความเศร้าไปชั่วชีวิต...อาจจะถึงขั้นพลีชีพตัวเองในที่สุด

มีสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันหวนคิดทุกครั้งที่คิดถึงมัน...นั่นก็คือการที่บลูส์พรากชีวิตพ่อกับแม่ของฉันไป

“ไง พิกซี่”

ฉันทักทาย ‘พิกซี่’ นกเค้าแมวสัตว์เลี้ยงคู่ใจที่ฉันเกือบฆ่าทิ้งตอนแรกเห็น มันค่อนข้างฉลาดและสวามิภักดิ์ต่อฉันไม่น้อย เจ้าตัวแสบรีบกระพือปีกบินมาหาฉันทันทีที่พบว่าเจ้าของมันยังมีชีวิตรอดกลับมาให้เห็น

“ใช่...ฉันยังไม่ตาย”

ดวงตาของฉันคลอไปด้วยน้ำตาทุกครั้งที่คิดถึงพ่อกับแม่ ตอนนั้นฉันอายุสิบห้าเห็นจะได้ นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้วที่ฉันต้องหนีเอาตัวรอดอยู่ในป่าต้องห้ามบ้านี่ อ้อ...แล้วก็หนีพวกโปลิเชียนในเมลเวย์ด้วย สาเหตุที่พวกเขาจับฉันไม่ได้สักทีน่ะเหรอ อาฮ่า! แทบไม่ต้องเดาเลยค่ะ เพราะอย่างที่รู้กันว่าเมลเวย์ถูกรายล้อมไปด้วยป่าต้องห้าม ทางเข้าออกก็มีเป็นแสน พวกโปลิเชียนมีไม่เยอะพอที่จะต้านการปรากฏตัวของฉันได้หรอก แถมฉันมักจะไปปรากฏตัวที่บาร์เหล้าในเมืองยามค่ำคืนเสมอ วันดีคืนดีพวกเขาก็ถึงขั้นดักรอฉันอยู่ที่นั่น แต่ใครสนล่ะ เรื่องของการวางแผนและปลอมตัว ฉันไม่ยอมแพ้ใครหน้าไหนอยู่แล้ว

“พิกซี่...”

“...”

“...แกควรจะไปจากที่นี่ถ้าแกรักฉัน”

“...”

“เพราะหากถึงวันที่ฉันถูกจับ หากถึงวันที่ฉันต้องถูกส่งตัวเข้าพิธีสังเวยจำเลยให้บลูส์เหมือนพ่อกับแม่ แกก็คงไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องมานั่งรอคอยการกลับมาของฉันให้แกได้กระพือปีกดีใจเฉกเช่นวันนี้อีกต่อไปแล้ว”

“...”

“เพราะขนาดตัวฉันเองก็ไม่สามารถเดาได้ว่าจะมีพรุ่งนี้ให้เผชิญต่อไปอีกรึเปล่า”

ฉันบ่นไปเรื่อยประหนึ่งคนเมาก็ไม่ปาน ใช้มือลูบไปที่ไรขนของเจ้านกเค้าแมว ขนของมันเป็นสีน้ำตาลเทาหม่น มีตัวอักษรสีแดงเถือกเขียนว่า ‘I’m Still Alive’ ตรงบริเวณปีกด้านซ้ายที่บาดเจ็บถึงขั้นบินสูงไม่ได้ และนั่นล่ะมั้งที่เป็นเหตุผลให้ฉันเลือกที่จะไว้ชีวิตมัน

นี่ก็เกือบหนึ่งปีเห็นจะได้แล้วมั้งที่พิกซี่ไม่ได้ตกเป็นอาหารของฉันเสียที

“อ้อ...เกือบลืมแน่ะ”

นึกขึ้นได้ฉันก็รีบควานหาของในย่ามที่เต็มไปด้วยสิ่งของเครื่องใช้ อาหาร เสื้อผ้า และเหล้ามาร์ติน่าที่ฉันอุตส่าห์ขโมยวิ่งแบกกลับมาจากการบุกรุกเมลเวย์ในครั้งนี้ พิกซี่ใช้จะงอยปากแหลมๆ ของมันจิกเข้ามาที่ข้อมือฉันไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น

“เลิกจิกฉันเดี๋ยวนี้นะ!”

มันชะงักครู่หนึ่งตอนที่เห็นฉันขึ้นเสียง

“อ่ะ! กินซะ”

ฉันโยนหัวไช้เท้าให้พิกซี่ นานๆ ทีถึงจะขโมยอาหารดีๆ แบบนี้นะเนี่ย นี่เป็นหนึ่งในอาหารโปรดของมันเลย มันถึงได้กินอย่างสำราญใจซะขนาดนั้นน่ะ เอาล่ะ ตอนนี้ก็ได้เวลาลองเดินสำรวจถ้ำสักหน่อย ฉันหยิบฝืนที่ตัดตุนไว้ออกมาก่อกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่นยามค่ำคืน พิกซี่ยังคงเอร็ดอร่อยกับหัวไช้เท้าลูกยักษ์ที่ทำให้มันสามารถอิ่มท้องไปได้ตลอดทั้งสัปดาห์

อึก...

มาร์ติน่าในขวดถูกยกขึ้นซดอีกครั้ง ฉันรู้สึกราวกับขึ้นสวรรคชั้นสูงสุด อา...ไม่ว่าจะอึกไหนก็ฟินาเล่ได้อย่างสบาย นึกถึงครั้งแรกที่ได้มีโอกาสลิ้มรสมัน แหงล่ะ ใครๆ ก็เล่าลือกันว่าเหล้าของชาวเมลเวย์เป็นเหล้าที่อร่อยที่สุดในโลก ซึ่งฉันก็ไม่เถียง (เนื่องจากก็ไม่เคยลิ้มรสเหล้าของที่อื่นเช่นกัน) และการที่ฉันเมาที่บารืและก่อเหตุอาละวาดในตอนนั้นนั่นเองที่ทำให้พวกโปลิเชียนรู้ถึงการมีตัวตนของหัวขโมยสาวจอมขี้เมาที่อาศัยอยู่ในป่าต้องห้าม ฉันถูกหมายหัวและตามล่าจับ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่ามันเสี่ยงแค่ไหนกับการบุกรุกเข้าไปในเมลเวย์ครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่หากนั่นทำให้ได้มาซึ่งเหล้ามาร์ติน่า

ให้ตายยังไงฉันก็ยอม...

จะว่าไป...ไม่มีใครรู้ชื่อที่แท้จริงของฉันหรอก

หลังจากที่หนีออกมาอยู่ในป่าต้องห้ามได้สามปี ฉันก็ไม่หลงเหลือคนรู้จัก ไม่มีแม้แต่เพื่อน พวกเขาต่างคิดว่าฉันเป็นเด็กสาวที่อ่อนแอและไม่มีทางอยู่รอดในนี้ได้อย่างเด็ดขาด บ้างก็ลือว่าฉันถูกส่งตัวไปเป็นเครื่องสังเวยให้บลูส์ตามพ่อกับแม่บ้าง แต่นั่นมันก็สามปีมาแล้วนะ ไม่มีใครจำได้หรอก

แต่ถ้าถามถึงสาเหตุที่พ่อกับแม่ฉันต้องถูกจับล่ะก็...เหอะ คิดแล้วก็อดกระแทกเสียงหัวเราะอย่างน่าสมเพชไม่ได้ พ่อกับแม่ของฉันถูกใส่ร้ายว่าทำผิดกฏหมายโดยการแอบส่งของออกนอกเมลเวย์ บอกตามตรงว่านี่มันเป็นเรื่องงี่เง่าสิ้นดีที่พ่อกับแม่ฉันต้องเจอความผิดในสิ่งที่ตนไม่ได้ทำ!

แน่นอนว่าพวกเขาถูกจับโยนเข้าหอคอยส่งให้บลูส์ในทันที เสียงร่ำไห้

 

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

โลกนี้ยังมีคนที่ต้องอยู่แบบอ้างว้างโดดเดี่ยวอย่าง ‘แคลตา’ คนนี้อีกมั้ยนะ ฉันว่าฉันนี่มันเกิดมาโชคร้ายที่สุดเลย :’( ดูสิ อยู่ๆ ก็ต้องพลัดพรากจากพ่อแม่โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง แถมเป็นผู้หญิงแท้ๆ แต่ฉันกลับต้องใช้ชีวิตอยู่ในป่ากับเจ้านกเค้าแมวเพี้ยนๆ ไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นธรรมดาคนอื่นๆ เค้าบ้างเลย T^T เฮ้อ~ที่จริงฉันก็ไม่อยากก่นด่าโชคชะตาของตัวเองหรอกนะ แต่ยังไงก็... ขอบ่นหน่อยเถอะ แหะๆ ^^”
 
แล้วก็อย่างที่รู้ๆ นะว่ามนุษย์เรามีขีดจำกัดกันทั้งนั้น ดังนั้นจะให้ฉันโลกแคบอยู่แต่ในป่าก็คงเป็นไปไม่ได้ ฉันเลยชอบออกไปยัง ‘เมลเวย์’ เมืองที่คนปกติอาศัยอยู่ แน่นอนว่าฉันไม่ลืมที่จะหยิบฉวยสิ่งของต่างๆ มาเป็นของตัวเองโดยเจ้าของไม่ได้อนุญาตเพื่อสร้างสีสันให้กับชีวิตอันแสนน่าเบื่อ :D และเพราะพฤติกรรมไม่น่าพิสมัยของฉันนี่แหละที่ทำให้ทางการต้องการตัวฉันมากกก~แต่รู้อะไรมั้ย โปลิเชียนพวกนั้นมันกระจอกน่ะ การจะได้ตัวฉันไปลงโทษไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะจะบอกให้ หึๆ

รีวิว (3)

เขียนรีวิว

Pirate000 | 3 รีวิว
22/02/2015

เรื่องนี้อยากบอกว่ายังไม่ได้มีโอกาสอ่านเล่มต่อไปเลย แงๆ Beautiful Blues ปฐมบทรักร้ายปลายขอบฟ้า เป็นนิยายที่พอได้เริ่มอ่านไปหน้าแรกๆแล้วรู้สึกได้เลยว่ามันวางไม่ลงจริงๆคือแบบต้องอ่านต่อไปจนจบค่ะ อ่านไปสักพักรู้สึกได้เลยว่าการเขียนเล่าเรื่องของผู้แต่งทำให้อ่านง่ายแถมยังเข้าใจง่ายดีอีกด้วยค่ะ คือนิยายประมาณแนวการดำเนินเรื่องแบบนี้จะไม่ค่อยได้พบเจอบ่อยๆค่ะ ส่วนมากก็จะเป็นแบบรักวัยรุ่นทำนองนั้นวะมากกว่า แต่เรื่องนี้แตกต่างจะออกไปค่ะ เพราะว่าในบางฉากก็แอบให้เราลุ้นตามนิดๆว่าใครกันแน่นะที่เป็นพระเอกตัวจริงเพราะเรื่องนี้ตัวละครชายเยอะมากๆ แถมหล่ออีกต่างหาก อิอิ แล้วก็มีอีกอย่างที่ดึงดูดนะคะคือหน้าปกค่ะเห็นแว๊บแรกดูแล้วน่าอ่านดีดูมันมีอะไรให้น่าค้นหา นี่ขนาดเป็นนักเขียนใหม่ที่เรายั ไม่เคยอ่านผลงานของเขานะคะตอนแรกก็กลัวว่าเอามาอ่านแล้วจะผิดหวังเหมือนกัน แต่ผิดคาดค่ะไม่ผิดหวังเลย ส่วนบางฉากก็ยังทำให้เซ็งๆอยู่เหมือนกันค่ะเพราะนางเอกของเราเนี่ยต้องหนีจากชายหนุ่มบ่อยเกินเลยเดาทางไม่ถูกเลยค่ะว่าจะลงเอยกับใครกันแน่ อยากฝากนิยายเรื่องนี้ให้ผู้อ่านติดตามดูนะคะใครที่ชอบอ่านแนวที่เป็นปริศนาบวกแฟนตาซีนิดๆอะไรประมาณนี้น่าจะสนใจค่ะ แถมยังมีภาคต่อไปอีกต่างหากหลังจากมารีวิวแล้วเราคงต้องรีบอ่านเล่มต่อไปแล้วล่ะ เพราะรู้สึกว่ามันค้างคาใจมากๆค่ะ
phattaraporn | 3 รีวิว
31/10/2014

Beautiful Blues ปฐมบทรักร้ายปลายขอบฟ้า สำหรับนิยายเรื่องนี้เป็นผลงานที่ออกมานานพอสมควรค่ะจำได้ว่าเคยอ่านมานานแล้วเป็นนิยายออกแนวแฟนตาซีอ่ะ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะอ่านนิยายเรื่องนี้เลยเพราะเห็นว่าเป็นผลงานของนักเขียนหน้าใหม่กลัวจะไม่สนุกแต่สุดท้ายก็อ่านเพราะเราชอบหน้าปกมากหน้าปกนิยายเรื่องนี้ดูฝันๆดีค่ะเราชอบออกแนวแฟนตาซีหลังจากที่ได้อ่านก็รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้นักเขียนวางพล็อตเรื่องมาดีนะค่ะอีกอย่างยังแต่งเป็นแนวแฟนตาซีด้วยจะบอกว่าพออ่านแล้วเนื้อเรื่องดูไม่ค่อยน่าเบื่อเหมือนนิยายแนวทั่วไปเพราะปัจจุบันส่วนใหญ่แนวนิยายก็ซ้ำๆกันชอบตรงที่อ่านจบแล้วยังมีให้ลุ้นต่อก็คือไม่ใช่นิยายเล่มเดียวจบนั่นเองมีภาคต่ออีกแต่เรื่องนี้เรารู้สึกว่านางเอกจะหนีบ่อยไปไหมคือนางเอกหนีบ่อยมากอ่านแล้วลุ้นทั้งเรื่องก็จริงอยู่แต่พอถึงฉากนางเอกหนีทีไรเรามีความรู้สึกว่ามันหมดความสนุกไปเพราะนางเอกหนีบ่อยเกินพอจะลุ้นก็ไม่ได้ลุ้นอะไรแบบนี้อ่ะค่ะแต่เรื่องอื่นๆเราว่าคนเขียนวางพล็อตเรื่องมาดีเพราะไม่ค่อยได้อ่านนิยายแบบนี้บ่อยๆการดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบก็ดีอ่ะอ่านแล้เพลินแล้วก็ลุ้นดีบางบางฉากก็อยากให้เพิ่มความสนกมากกว่านี้หน่อยแต่เนื้อเรื่องน่าติดตามดีค่ะดูมีปริศนาทั้งเรื่องแนะนำว่าต้องอ่านค่ะถึงแม้ว่าจะออกมานานแล้วสำหรับนิยายเรื่องนี้แต่เนื้อเรื่องก็ยังคงความสนุกค่ะ แนะนำเลยค่ะว่าเรื่องนี้สนุกน่าติดตาม
Boa Hancock | 3 รีวิว
16/07/2014

Beautiful Blues ปฐมบทรักร้ายปลายขอบฟ้า เป็นนิยายของแจ่มใสที่มีความแปลกใหม่อีกเรื่องหนึ่งเลยค่ะ เนื้อเรื่องจะเป็นประมาณว่า นางเอก “แคลตา” ได้สูญเสียพ่อและแม่ไปโดยการที่พวกโปลิเซียนกล่าวหาว่าขายของให้กับคนนอกอาณาจักร เมลเวย์ ซึ่งเป็นเมืองที่นับถือ ลัทธิบลูส์ พ่อและแม่เธอจึงถูกจับส่งตัวเข้าพิธีสังเวยให้แก่บลูส์ โดยมีเรื่องเล่าขานกันต่างๆนาๆว่าผู้ใดที่พบเห็นบลูส์จะไม่มีทางได้มีชีวิตรอดอีกต่อไป แต่แคลตาก็ได้รอดพ้นมาได้ด้วยการหนีเข้าไปอยู่ในป่าต้องห้าม โดยเธอใช้ชีวิตอยู่ด้วยการแอบเข้ามาในเมืองเมลเวย์ แอบขโมยเสื้อผ้า อาหาร และที่สำคัญคือ เหล้ามาร์ติน่าของโปรดของเธอ อยู่มาวันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์ว่ามีคนเข้ามาในป่าต้องห้ามนี้ได้ แคลตาจึงต้องหนีออกจากป่าที่อาศัยอยู่ก่อนที่เธอจะหนีไปจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปขโมยของในเมืองเป็นครั้งสุดท้ายครั้งนี้เธอได้เข้าไปพร้อมกับนกเค้าแมวเพื่อนสนิทตัวเดียวของเธอ คือ พิกซี่ และเจ้าพิกซี่นี่เองที่เป็นตัวปัญหาก่อให้เกิดเรื่องราวต่างๆขึ้นมา ทำให้แคลตาได้พบกับ ไนกี้ หนุ่มช่างตัดเสื้อผ้าที่ตอนแรกพยายามจะจับเธอส่งให้พวกโปลิเซียน เมื่อหนีออกมาได้เธอจึงได้มาพบกับ เอลิอัส ช่างทำเครื่องประดับแล้วยังไปขโมยสร้อยของเขามาจนต้องหนีไปอีก แล้วก็มาพบกับลีเวียร์ บาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆทั้งเมลเวย์พร้อมทั้งเชไนล์ซึ่งได้กลายเป็นเพื่อนสาวคนใหม่ของเธอ ในระหว่างที่กำลังหนีพวกโปลิเซียนอยู่นั้นแคลตาก็ยังได้มาพบกับ โจเอล โปลิเซียนผู้ที่เคยช่วยชีวิตเธอตั้งแต่ตอนเด็กและก็ยังช่วยให้เธอหลบหนีจากพวกโปลิเซียนคนอื่นๆที่จ้องจะจับตัวเธอ เหตุการณ์เหล่านี้ได้ทำให้แคลตา เชไนล์ ไนกี้ และลีเวียร์ได้มาอยู่ร่วมกัน โดยมีไลฟาร์น้องสาวของลีเวียร์ที่เป็นปริศนาของเรื่องทั้งหมดนี้ และอีกปริศนาหนึ่งคือ ข้อความที่อยู่บนตัวของพิกซี่นกเค้าแมวตัวแสบของแคลตา โดยสรุปของเรื่องนี้นะคะค่อนข้างน่าติดตามและเป็นปริศนามากค่ะ เพราะเมื่ออ่านจนจบก็ยังสรุปไม่ได้เลยว่าตกลงใครเป็นพระเอกกันแน่ ในเรื่องมีหนุ่มหล่อตั้งสี่คนแหนะ เล่มนี้จะเป็นเหมือนการเริ่มเกริ่นเรื่องราวต่างๆ ต้องมารอติดตามเล่มต่อไปค่ะ ไม่ใช่เป็นหนังสือที่เป็นเล่มเดียวจบ อ่านมาถึงท้ายเล่มนี้คิดว่าจะต้องรีบหาเล่มต่อมาอ่านให้ได้เลยค่ะ อยากรู้ว่าตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร แล้วสรุปพ่อและแม่ของนางเอกยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

สินค้าที่ใกล้เคียง (71 รายการ)

www.batorastore.com © 2024