FIENDs ฟินด์ส กับ จดหมายจากฟีนิกซ์

FIENDs ฟินด์ส กับ จดหมายจากฟีนิกซ์

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160617487
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 159.00 บาท 39.75 บาท
ประหยัด: 119.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“เพราะโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่เรา”

-เพิร์ทสไตน์ ลุควิก อิกเนเซียส ลูเซม-

 

บทที่ 1

ฟิลลิป อาราโน

 

ฟิลลิป อาราโนอาศัยอยู่ที่ถนน 61 ย่านอัปเปอร์อีสต์ไซด์ในเมืองแมนฮัตตัน เขามีชีวิตที่แสนจะธรรมดา ขอยํ้าว่าธรรมดาจริงๆ เพราะหากคุณได้อ่านเรื่องราวถัดจากนี้ก็อาจจะคิดว่าเรื่องประหลาดพรรค์นี้มันธรรมดา ตรงไหน แต่ต้องขอยํ้าอีกรอบว่าสิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อจากนี้คือเรื่องธรรมดา อย่างน้อยก็เป็นเรื่องปกติในโลกของฟิลลิป

หลังจากล้มเหลวกับนิยายมาห้าเรื่อง ฟิลลิป อาราโนเพิ่งจะประสบ ความสำเร็จอย่างยิ่งด้วย 'ฟินด์สกับยีนส์, (Fiends and Genes) สิ่งหนึ่งที่เขานึกขอบคุณนอกจากหัวสมองที่คิดพล็อตเรื่องและกองบรรณาธิการที่คอยช่วยเหลือก็คือขาทั้งแปดและดวงตาสี่คู่!

ใช่แล้วคุณอ่านไม่ผิดหรอกฟิลลิปมีขาแปดขา มีดวงตาสี่คู่ นอกจากนี้ แล้วเขายังมีส่วนหัว อก และท้องเป็นสีดำ ส่วนด้านหลังมีลักษณะคล้าย กระดองแบนๆ สีขาว มีจุดสีดำเรียงอยู่บนนั้นอย่างเป็นระเบียบ ตรงขอบของกระดองเป็นหนามแหลมสีแดงสามคู่แถมขนาดตัวของฟิลสิปยังเท่ากับสุนัขชิวาวาอีกด้วย แต่นี่มันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะธรรมดา ก็เพราะเขาเป็นฟินด์แมงมุมสายพันธ์แมงมุมหนามนั่นเอง (หากขาไม่ครบหรือตาหายไปสัก

ข้างสิจึงจะเรียกว่าผิดปกติ)

คราวนี้คุณคงจะสังเกตเห็นคำประหลาดคำหนึ่งแล้วล่ะสิ 'ฟินด์' คำคำ นี้คืออะไร มีคนนิยามให้ความหมายกับคำนี้มากมาย แต่ความหมายที่เป็น ทางการและยอมรับกันมากที่สุดอยู่ในพจนานุกรม 'ฟินด์, (Fiend) คือ สิ่งมีชีวิตที่ไม่ถูกจัดอยู่ในห้าอาณาจักรทางชีววิทยาอันประกอบด้วยแบคทีเรีย สิ่งมีชีวิตเชลล์เดียว พืช เห็ด-รา และสัตว์ ตัวอย่างของฟินด์ได้แก่แวมไพร์ มนุษย์หมาปา พ่อมดแม่มดเป็นต้น ถ้าให้พูดตามภาษาปากคงจะหมายถึง สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ แล้วก็ไม่ใช่พืช

ฟินด์มีอยู่ทั่วโลกและอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์มาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่งนักโบราณคดีเคยสันนิษฐานว่าอาจเป็นมนุษย์เองที่เป็นฝ่ายเริ่มปรับตัวเข้าไปอยู่ในสังคมของฟินด์ก่อน เพียงเท่านี้พวกคุณคงจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเรื่องที่จะพูดถึงต่อไปนี้จึงจัดว่าเป็นเรื่องธรรมดา

 

ย้อนกลับมาที่ฟิลลิปอีกครั้ง เขานึกขอบคุณอวัยวะเหล่านี้เพราะมัน ช่วยให้ประหยัดเวลาในการพิมพ์นิยาย (เขาใช้เวลาเพียงแค่ห้านาทีต่อหนึ่ง หน้ากระดาษ) ส่วนดวงตาก็ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ พวกมันยังช่วยใน การตรวจอักษรและหลักไวยากรณ์ ทว่าอุปสรรคที่สำคัญในเวลานี้กลับเป็น เรื่องของหัวที่ว่างเปล่าต่างหาก ต่อให้มีขาและตาที่ดีขนาดไหนแต่ถ้าสมอง ไม่มีเรื่องที่จะเขียนก็เปล่าประโยชน์

โจนาธานเพื่อนสนิทเคยพูดกับฟิลลิปว่าถ้าอยากนึกพล็อตเรื่องที่มันดูสุดยอด (เขาใช้คำนี้จริงๆ) ก็อาจจะต้องลองไปอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นด้วย ตนเอง ว่าง่ายๆ ก็คือหาประสบการณ์ตรง แต่ฟิลลิปโต้กลับว่า

'ในชีวิตธรรมดาแบบนี้จะไปเจอเหตุการณ์แบบนั้นได้ยังไงล่ะ,

แล้วชีวิตอันแสนธรรมดาและเรียบง่ายของเขาก็ดำเนินต่อไป ในเวลา นั้นฟิลลิปไม่มีทางรู้เลยว่าหลังจากนี้เขาจะต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องที่น่าตื่นเต้น เสี่ยงตายถึงขนาดเกือบเสียขาที่ภาคภูมิใจเลยทีเดียว


วันที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่อากาศสดใส ฟิลลิปตื่นสาย ตอนสิบเอ็ดโมงเขาลงมาชั้นล่างให้อาหารเจ้าเปโดรสุนัขพันธ์ เยอรมันเชพเพิร์ดที่เลี้ยงไว้ก่อนเข้าครัวทำอาหารเจ้าควบเที่ยงอันได้แก่อาหาร สำเร็จรูปรสผีเสื้อ เยลลี่ผลไม้รูปตัวหนอน และนํ้าผึ้งผสมมะนาว เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยจึงเริ่มลงมือทำงานที่คั่งค้าง ทว่าความจริงคือยังไม่ได้เริ่มเลยมากกว่า เขาเคลื่อนไปที่ห้องทำงาน ไต่ขึ้นเก้าอี้หนังที่หนานุ่ม จากนั้นเปิดแล็ปท็อปพลางคิดว่ามีพล็อตอะไรที่พอจะนำไปเขียนได้บ้าง

ตอนบ่ายโมงเขาเริ่มเปิดโทรทัศน์เผื่อว่ารายการใดรายการหนึ่งจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเขา ช่องแรกที่เปิดขึ้นมาเป็นรายการสัตว์โลกน่ารู้ มีเสือตัวหนึ่งกำลังวิ่งไล่กวาง เขากดเลื่อนไป ช่องถัดมาเป็นการเรียนเวทมนตร์กับแม่มด เขากดเลื่อนอีกครั้งแล้วหยุดดูรายการทำอาหารกับครัวแวมไพร์อยู่ราวๆ สิบนาที เมนู,น้ำสับปะรดผสมเลือดนั้นดูเข้าท่า (ฟิลลิปจดเมนูนี้ลงกระดาษด้วยเผื่อใช้ในนิยาย) สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นช่องข่าวซึ่งเป็นข่าวเศรษฐกิจที่น่าเบื่อ ดวงตาสี่คู่เริ่มปรือจนเกือบปิด โชคดีที่โทรศัพท์ส่งเสียงดังก่อนเขาจะหลับจริงๆ ฟิลลิปรีบหารีโมตเพื่อกดปิดโทรทัศน์ บนจอในขณะนั้นนักข่าวกำลังจะรายงานเรื่องกลุ่มก่อการร้ายพอดี

เปโดรเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนรู้ มันคาบโทรศัพท์มาให้เจ้านายโดยที่เขาไม่ต้องบอก

"ขอบใจ" ฟิลลิปเอ่ย

โจนาธานนั่นเองที่โทรมา

เขาทักทาย อีกฝ่ายชักชวนให้ออกไปหาอะไรดื่มด้วยกัน ตอนแรกฟิลลิปจะปฏิเสธแต่พอนึกได้ว่าถึงจะนั่งอยู่ตรงนี้ก็ทำอะไรไม่ได้จึงตอบตกลง

เวลาหกโมงครึ่งฟิลลิปเลือกสวมเสื้อยืดแอนดรูว์แอนด์มอลลี่สีเขียวเข้ม เสื้อนี้เป็นแบรนด์ทำมือ (หรือขา) ของครอบครัวอาราโนของเขาเอง มันถักทอจากใยแมงมุมที่มีความเหนียวนุ่ม นอกจากจะใส่สบายและยืดหยุ่น มัน ยังมีลวดลายเฉพาะอีกด้วย ดังนั้นเสื้อแบบนี้จึงมีจำนวนน้อยและราคาสูง

เขาจัดเสื้อบริเวณที่ขาทั้งแปดลอดออกมาให้เข้าที่ ทุกครั้งที่เขาสมองตัน และเห็นเสื้อตัวนี้ก็มักจะนึกถึงพ่อกับแม่ ครั้งนี้ก็เช่นกัน พวกท่านอยากให้เขามารับช่วงต่องานนี้มากกว่าเป็นนักเขียนนิยาย พ่อมักพูดเสมอว่าการถักทอมันอยู่ในสายเลือด ฟิลลิปไม่ปฏิเสธเรื่องนั้นแต่เขารักงานเขียนมากกว่า

แมงมุมรีบสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดสับสนพวกนั้น เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นเปโดรคาบกระเป๋าสะพายสีฟ้าอ่อนมารอแล้ว ฟิลลิปยัดโทรศัพท์มือถือกับกระ เป๋าเงินลงไป จากนั้นอีกสิบห้านาทีต่อมา เขาก็ออกจากบ้านขึ้นรถแท็กซี่ ไปที่ร้านประตูสีฟ้าซึ่งอยู่ที่ถนน 52 ร้านนี้เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์สไตล์โบราณ บรรยากาศสงบและเรียบง่าย นั่นเป็นเหตุผลที่เขารักร้านนี้ แมงมุมน่ะไม่ชอบเสียงอะไรที่ดังๆ ถ้าจะให้ไปผับที่มีเสียงแบบนั้นขอตายเสียดีกว่า

คุณนายบลูเจ้าของร้านทักทายเขาทันทีที่ก้าวเท้าแรกเข้าไป เธอเป็นมนุษย์ อายุเลยสี่สิบแล้วแต่ยังดูมีเสน่ห์

"เอาเหมือนเดิมใช่ไหม" เธอรู้ใจเขา

"เหมือนเดิม" ฟิลลิปยืนยัน

จากนั่นฮันนี่ไซเดอร์แก้วเล็กที่เหมาะสมกับขนาดของฟิลลิปก็ถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว

"ช่วงนี้คุณเป็นไงบ้าง" เธอชวนคุย

"ก็ดี..." ฟิลลิปว่า "ไม่นับเรื่องงานนะ"

"คุณเพิ่งจะประสบความสำเร็จนะที่รัก" คุณนายบลูหัวเราะคิกคัก "ฉันอ่านนิยายของคุณ มันสุดยอดมากจนฉันไม่อยากเชื่อว่ามันมีพื้นมาจากเรื่องจริงในชีวิตเรา ฉันภาวนาให้มีคนซื้อเรื่องนี้ไปทำเป็นภาพยนตร์เร็วๆ และถ้าเป็นจริงคุณต้องบอกพวกเขานะว่าพระเอกแวมไพร์ในเรื่องต้องเป็นโลแกนมาเรียนเท่านั้น"

"โลแกน มาเรียนก็เหมาะดีนะ” โลแกนเป็นแวมไพร์จากตระกูลเก่าแก่ที่เพิ่งเข้าท่างานในฮอลลีวูดได้ประมาณสามปี เขาโด่งดังเป็นพลุแตกจากบทสุภาพบุรุษแวมไพร์ในภาพยนตร์รักคอมมิดี้

"คุณรู้ไหมฉันอ่านบทความในโลกของฟินด์ เขาว่าปีที่ผ่านมามนุษย์ผู้หญิงแต่งกับหนุ่มแวมไพร์มากขึ้น"

"อิทธิพลของหนังน่ะ"

"มันชี้ให้เห็นว่าฟินด์กับมนุษย์อยู่ร่วมกันได้" เธอกล่าวแล้วเว้นช่วงไป ฟิลลิปรู้ได้ว่าเธอกำลังเกริ่นนำเพื่อจะเข้าเรื่องสำคัญบางอย่าง ตอนนั้นเองที่กระดิ่งตรงประตูร้านดังแล้วโจนาธานก็ปรากฏตัว ผมสีดำขลับของเขาดู ยุ่งเหยิง ส่วนดวงตาสืรเขียวเป็นประกายเหมือนเช่นเคย

"ขอโทษที" เขาว่า "ผมจะออกจากบ้านแล้วแต่แอนนาเปิดข่าวนั้นพอดี"

แอนนาคือคู่หมั้นของโจนาธาน แต่ข่าวนั้นที่ว่าคือข่าวอะไร

"คุณหมายถึงข่าวนั้นใช่ไหม" คุณนายบลูทำตาโต เธอยกค็อกเทลเลือดสังเคราะห์กรุ๊ปโอมาเสิร์ฟให้ ฟิลลิปหรี่ตา แมงมุมไม่ชินทุกครั้งที่เห็นเพื่อนสนิทที่เป็นฟินด์พ่อมดชอบดื่มเมนูของพวกแวมไพร์ แม้ตอนเขียนเรื่องฟินด์สกับยีนส์เขาค้นข้อมูลแล้วพบว่าพวกแวมไพร์ต้องดื่มเลือดเพื่อแก้ปัญหาภาวะ โลหิตจาง ส่วนมนุษย์หรือฟินด์อื่นๆ บางกลุ่มนิยมดื่มเพราะเป็นความชอบ

"ใช่แล้ว" โจนาธานพยักหน้า เขาดูตื่นเต้นมาก เลือดไหลมารวมที่ใบหน้าจนเห็นผิวเป็นสีชมพูเข้ม

"ข่าวอะไรเหรอ" ฟิลลิปถามออกไปจนได้

คุณนายบลูปิดปาก ทำตาโตอีกครั้ง โจนาธานอุทานว่า "หา!"

"คุณไม่ได้ดูข่าวเลยเหรอ" พ่อมดถาม

"ผมดู!" ถ้าฟิลลิปมีคิ้วมันคงจะขมวดจนเป็นปมแล้ว "แต่ผมนึกไม่ออกว่า ข่าวไหน"

"มีข่าวเดียวที่เป็นที่พูดถึงกันในตอนนี้" คุณนายบลูบอก รู้สึกลมหายใจสะดุดเพราะยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น เธออยากจะพูดเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนโจนาธานจะเข้ามาขัดจังหวะแล้วว่า "ฟีนิกซ์ตายแล้ว"

คราวนี้เป็นตาฟิลลืปตกใจบ้าง

ไม่มีใครไม่รู้จักฟินิกซ์ ฟินิกซ์ในที่นี้ไม่ใช่นกไฟที่จะเห็นได้ในตู้กระจกของสวนสัตว์แต่มันเป็นตำแหน่ง เป็นคำที่ใข้เรียกผู้อยู่จุดสูงสุดของกลุ่มหัวรุนแรงที่เรียกร้องสิทธิการปกครองโดยฟินด์ หากพูดให้ชัดก็คือเป็นหัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้ายซึ่งรัฐบาลทุกประเทศต้องการตัวมากที่สุด คุณจินตนาการได้ไหมว่าพวกนี้น่ากลัวแค่ไหน พวกนี้น่ากลัวมาก! บ้าไปแล้วที่ต้องการให้ โลกนี้ถูกปกครองโดยฟินด์เท่านั้น! ว่ากันว่าเหตุการณ์ร้ายแรงที่มีมนุษย์ตายเป็นจำนวนมากล้วนเป็นฝีมือของกลุ่มฟินิกซ์

 

"มันตายแล้วเหรอ" ฟิลลิปใช้ ,มัน, เพราะไม่มีใครรู้ว่าฟินิกซ์เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

"รัฐบาลเพิ่งแถลงการณ์ยืนยัน" โจนาธานดูข่าว นั่นเป็นสาเหตุให้เขามาสาย "และรู้ไหมว่าเป็น 'เขา, ผมคิดมาตลอดว่าเป็น 'เธอ, ซะอีก"

"จะเขาหรือเธอก็ไม่สำคัญแล้ว" คุณนายบลูยิ้มกว้าง "เราคงต้องฉลอง บางทีฉันอาจจะเลี้ยงทั้งร้านในคืนนี้”

"ผมยินดีรับความมีน้ำใจนั้นนะ" ฟิลลิปกล่าว "แต่ผมเกรงว่ามันจะสูญเปล่า เราต่างก็รู้ว่าท่าไม"

"เหมือนฟินิกซ์" โจนาธานรู้

"เหมือนฟินิกซ์" ฟิลลิปพยักหน้า "นกอมตะที่เผาตัวเองแล้วกลับมาเกิดใหม่ หัวหน้าเก่าตายไป หัวหน้าใหม่ก็ขึ้นมาแทน"

นั่นเป็นกฎหลักของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ใครๆ ก็รู้เช่นกัน

"ถึงยังงั้นฉันก็คิดว่าต้องฉลองอยู่ดี” คุณนายบลูยืนยัน "แด่ความสงบสุขชั่วคราวและชัยชนะในครั้งนี้” เธอยกแก้วเหล้าของเธอ

ฟิลลิปยกแก้วชนแผ่วเบา

 

พวกเขาออกจากร้านประมาณสี่ทุ่ม หลังจากแยกกับโจนาธานที่ด้านหน้า ตอนแรกฟิลลิปตั้งใจจะขึ้นแท็กซี่เลยแต่เปลี่ยนใจเมื่อคิดว่ากลับไปต้องนั่งทำงานต่อ บวกกับอากาศคืนนี้ค่อนข้างดีจึงเปลี่ยนเป็นเดินเล่นสักพัก

ฟิลลิปพบว่าเขาคิดผิดก็ตอนที่เจอกับกลุ่มคนที่เพิ่งออกมาจากผับใกล้ๆ พวกนี้เมาและส่งเสียงดัง เขาเกือบตกไปบนถนนเพราะชนกับชายที่เดินสวนมา แมงมุมถอนหายใจ เตรียมจะโบกรถแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน

"เฮ้!"

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (65 รายการ)

www.batorastore.com © 2024