Danger Sign! สัญญาณอันตรายบอกหัวใจว่ารัก เล่ม 01 (AoFFii)
ประหยัด: 55.65 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
I AM BLACK BUTTERFLY…
ฝนหลงฤดูที่ตกลงมาตอนเที่ยงคืนอย่างวันนี้ทำให้ทุกหลังคาเรือนพากันล็อกกลอนปิดไฟนอนตั้งแต่หัวค่ำ มีเพียงเสียงเพลงแว่วดังมาจากบ้านไม้หลังหนึ่งเท่านั้น แสงไฟสลัวจากถนนและสายฝนที่เทกระหน่ำไมได้ทำให้กลุ่มผู้ชายวัยรุ่นราวสามสิบกว่าคนที่ยืนอยู่ในสนามฟุตบอลสะทกสะท้านได้เลย
“พวกแกแน่ใจแล้วใช่มั้ยถึงอยากจะหาเรื่องกับฉัน”
‘จีโอ’ หัวหน้าแก๊งสายฟ้าตะโกนก้องผ่าเสียงฟ้าร้องที่ดังอย่างต่อเนื่อง
“ถ้าฉันไม่แน่ใจก็คงไม่นัดมาวันนี้หรอก ขอแค่พวกแกรักษาสัญญาที่ให้ไว้ก็แล้วกัน”
คราวนี้เป็นเสียงของชายหนุ่มอายุประมาณสิบแปดปี สูงประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตร เขาก้าวมายืนอยู่ด้านหน้าสุดเพื่อเผชิญหน้ากับหัวหน้าแก๊งฝ่ายตรงข้าม ขยับข้อมือที่มีรอยสักรูปผีเสื้อตัวใหญ่อยู่ที่หลังมือทางด้านซ้ายไปมาอย่างเซ็งๆ เสื้อผ้าชุดนักเรียนเปียกไปด้วยเม็ดฝนที่เทกระหน่ำเข้าใส่ แต่ดวงตาคมเข้มที่จับจ้องคู่อริที่ยืนตรงข้ามยังคงแน่วแน่และบ่งบอกว่าเขาไม่มีความกลัวเลยสักนิด
“แน่นอน คนอย่างจีโอพูดคำไหนคำนั้น ถ้าแกเอาชนะฉันได้ พื้นที่แถบนี้จะเป็นของพวกแบล็กบัตเตอร์ฟลายทั้งหมด และฉันกับลูกน้องก็จะไม่มาเหยียบหรือข้องเกี่ยวกับที่นี่อีกต่อไป”
“ก็ดี ถ้าแกยืนยันแบบนั้นฉันก็จะเชื่อ แต่คงรู้นะว่าถ้าแกผิดคำพูดโทษจะเป็นยังไง”
เพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ด้านขวาของหัวหน้าแก๊งแบล็กบัตเตอร์ฟลายเอ่ยขึ้น เขามีดวงตาสีฟ้าอ่อน ใบหน้าออกฝรั่งอย่างชัดเจนตามเชื้อสายแคนาดาที่ได้มาจากมารดา มือข้างซ้ายกำหมดที่ใส่สนับมือเอาไว้แน่น
“แต่พวกแกก็อย่าลืมเหมือนกัน ถ้าแพ้เมื่อไรพวกแกจะต้องออกไปจากพื้นที่นี้ แล้วอย่าลืมว่าจะต้องคลานลอดขาฉันเหมือนหมาพร้อมกับเห่าไปตลอดทางด้วยนะโว้ย ฮ่าๆ ก๊ากๆ”
ลูกน้องของจีโอพากันตะเบ็งเสียงหัวเราะเอาใจลูกพี่กึกก้องสนาม
“งานนี้ไม่มีคำว่าปรานี ใครพลาดก็เตรียมตัวตายได้เลย”
จีโอพูด กระตุกยิ้มเย้ยหยันอย่างมั่นใจว่ายังไงซะตัวเองก็จะไม่มีวันแพ้แน่นอน
“งั้นจะรออะไรอยู่เล่า” ชายหนุ่มผิวขาวที่ยืนอยู่ด้านซ้ายของหัวหน้าแก๊งผีเสื้อดำตะโกน เขาสวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนเอวต่ำเพียงคนเดียว “ลุยกันเลย!”
“เฮ!!!”
สิ้นเสียงตะโกนก้องของพวกบ้าพลังทั้งหลาย หัวหน้าแก๊งแบล็กบัตเตอร์ฟลายยิ้มอย่างเลือดเย็น ก่อนจะพุ่งเข้าไปเป็นคนแรกตามด้วยลูกน้องของตัวเอง นั่นจึงเป็นการเปิดฉากสงครามกลางเมืองของวัยรุ่นต่างแก๊งที่ต้องการยึดครองพื้นที่ว่างเปล่าให้เป็นฝ่ายของตน ขยายอำนาจของกลุ่มให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
ผัวะ!!! พลั่ก!!! ผัวะ!!!
แรงหมัด แรงเท้า และอาวุธทุ่นแรงสารพัดก่อให้เกิดเสียงของการต่อสู้ดังไปทั่วทุกพื้นที่
“ฉันจะจัดการแกให้สิ้นซาก แล้วทุกคนจะได้รู้ว่าหัวหน้าแก๊งผีเสื้อดำบ้าๆ นี่ถูกฉันคนนี้เด็ดปีกจนขาดด้วยน้ำมือของฉันเอง ฮ่าๆๆ แล้วพวกแกที่คลานเหมือนหมาก็จะต้องอับอายขายขี้หน้าจนอยู่ที่นี่ไม่ได้”
“งั้นเหรอ ลองดูก็ได้ง่าใครจะถูกกำจัดไปก่อนกัน หึ!”
จีโอ หัวหน้าแก๊งสายฟ้าคำรามอีกครั้งก่อนจะชกไปยังเป้าหมายที่อยู่ตรงหน้า แต่ทว่าชายหนุ่มกลับหลบทัน ทั้งคู่กอดรัด แลกทั้งหมดทั้งเท้าและอุปกรณ์ช่วยออมแรง เช่นสนับมือและไม้เบสบอลกับอีกฝ่ายจนบาดเจ็บกันถ้วนหน้า หัวหน้าแก๊งผีเสื้อดำตวัดขาเกี่ยวเอาจีโอล้มลงกระแทกพื้นแล้วประเคนหมัดหนักๆ เข้าที่โหนกแก้ม ร่างสูงกระตุกยิ้มที่มุมปาก กระชากคอเสื้อของจีโอขึ้นมาจากพื้น
“ฝีมือมีแค่นี้เองเหรอ น่าเบื่อจะตายชัก อย่างแกน่ะถึงหลับตาฉันก็ฆ่าได้!!”
ผัวะ!!! โครม!!!
ชายหนุ่มร่างสูงปล่อยหมัดใส่จีโอที่เบ้าตาเต็มแรง ส่งผลให้เจ้าตัวกระเด็นล้มลงไปกลิ้งกับพื้นหญ้าอีกครั้ง ก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืนแล้วดึงเอามีดปลายแหลมจากลูกน้องที่ต่อสู้อยู่ข้างๆ มาถือไว้ ตั้งใจจะใช้มีดเล่มนั้นทำให้หัวหน้าแก๊งผีเสื้อดำสิ้นชื่ออย่างที่ปากพูดเอาไว้ให้ได้จริงๆ
หัวหน้าแก๊งแบล้กบัตเตอร์ฟลายหลีกและหลบอย่างแม่นยำ ปลายมืดจากคู่อริที่ส่ายอยู่ตรงหน้าแฉลบเข้าที่แขนด้านขวาจนเลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากแขนเสื้อนักเรียน
“ฮ่าๆๆ คราวนี้แกไม่รอดแน่” จีโอลำพอง
“ถ้าแกมั่นใจก็ลองดู!”
ชายหนุ่มถ่มน้ำลายลงพื้นแล้วพุ่งเข้าใส่จีโออย่างบ้าเลือด มันจ้องมองเขาด้วยความตกใจ ตวัดมีดเตรียมจะป้องกันตัวอย่างกล้าๆ กลัวๆ หัวหน้าแก๊งผีเสื้อดำรออยู่แล้ว เขาใช้จังหวะที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาเบี่ยงตัวหลบแล้วจัดการเตะเข้าที่ท้องจีโอด้วยรองเท้าคอนเวิร์สคู่ละห้าพันที่เพิ่งถอยออกมาหมาดๆ
ร่างสูงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เขาตรงเข้าไปเตะอัดที่ท้องจีโออีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง โดยที่แต่ละครั้งรุนแรงเกินกว่าที่จีโอคาดคิดเอาไว้ รอบข้างยังคงส่งเสียงเอะอะวุ่นวาย ร้องตะโกนกันอย่างคึกคะนอง ทุกคนสู้กันอย่างไร้ซึ่งความปรานี รุนแรง และเดือดร้อนบ้าพลัง บ้างล้มบ้างลุก ชายหนุ่มกวาดสายตามองเพื่อนของตัวเองที่สนุกสนานและพอใจที่ได้ออกแรงตะลุมบอนกับศัตรูอย่างเบื่อๆ
“ขอโทษที ฉันขี้เกียจเห็นพวกแกเล่นสนุกกันแล้ว ถึงเวลาปิดบัญชีสักที”
ชายหนุ่มพูดกับตัวเองแล้วก้มลงมองร่างที่นอนตาเหลือกอยู่บนพื้น จีโอกระเถิบตัวหนีอย่างหวาดกลัว เขาเคยได้ยินเรื่องความโหดร้ายของหัวหน้าแก๊งแบล็กบัตเตอร์ฟลายในเวลาต่อสู้มามาก แต่ตอนนี้มันเทียบไม่ได้เลยกับความจริงที่อยู่ตรงหน้า หัวหน้าแก๊งผีเสื้อดำก้าวเท้ายาวๆ คว้าไม้เบสบอลที่วางอยู่แถวนั้นขึ้นมาถือไว้
“ยะ...อย่านะ! อย่านะโว้ย อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
“หมดเวลาร้องขอชีวิตแล้ว ในเมื่อแกคิดจะฆ่าฉัน แกก็ตายไปรออยู่ในนรกก่อนแล้วกัน”
ผัวะ!!!
ชายหนุ่มหวดไม้เบสบอลเข้าที่ใบหน้าของจีโอ เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากริมฝีปากซีด
“แกแพ้แล้ว”
“อ๊ากกกกกกกกก!!”
จีโอสะดุ้งเฮือกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมดสติไป ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยเลือด ลมหายใจรวยระรินอ่อนแรง เลือดสีแดงไหลลงมาจากสนับมือข้างขวา ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเหยียบรองเท้าผ้าใบไปยังหน้าอกของคนที่นอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น จ้องเขม็งไปยังร่างใต้ฝ่าเท้าก่อนจะเอ่ยเบาๆ ให้สายฝนเป็นพยาน
“Game Over หึๆ”
จำเอาไว้ให้ดี ถ้าฆ่าฉันไม่ตาย แกต้องตาย!!!
1
14 กุมภาพันธ์ 25XX
ทันทีที่สัญญาณออดเลิกเรียนดัง นักเรียนในห้องที่ตาปรือคล้ายจะหลับไม่หลับแหล่ตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาก็สะดุ้งตื่นขึ้นราวกับโดนเข็มนับสิบเล่มทิ่มแทงไปตามร่างกาย ข้าวของที่เกลื่อนบนโต๊ะนักเรียนถูกเก็บเข้ากระเป๋าตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เดินออกจากห้อง ทุกคนตื่นเต้นและรอคอยเวลาเลิกเรียนเพื่อจะได้ไปเจอแฟนตัวเอง บางคนก็ไปเจอคู่เดตที่เลือกเอาวันวาเลนไทน์เป็นจุดเริ่มต้นการคบหา
ฉันเท้าคางมองยาหยีเพื่อนสนิทที่ยกตลับแป้งขึ้นมาส่องเป็นรอบที่ร้อยกว่าๆ ตลอดวัน
“ถ้ากระจกพูดได้ มันคงจะบอกว่าฉันเบื่อหน้าเธอแล้ว”
“ช่างสิ ฉันไม่สนหรอก ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องดูดีที่สุดไว้ก่อน ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะที่จะชวนพี่อาก้าไปกินกระเพาะปลาด้วยกันเย็นนี้ได้อ่ะ”
พี่อาก้าเป็นนักกีฬาเทควันโดของโรงเรียน ยัยนี่แอบชอบพี่เขามาปีกว่าแล้ว เพราะเขาเป็นชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาขาวตี๋ดูดีมีสกุล เป็นผู้ชายที่ Noแอลกอฮอล์ Noน้ำอัดลม ช่างรักษาสุขภาพดีแท้
“คงเป็นเดตที่สยองน่าดู” ฉันทำท่าขนลุก “ดื่มดำกับกระเพาะปลา”
“ว่าแต่ฉัน แล้ววันี้เธอไม่มีนัดไปไหนกับนายเพนท์รูปหล่อหรือไง อย่าบอกนะว่าเขาไม่ว่าง แล้วเธอก็จะต้องแห้งเหี่ยวเฉาตายอยู่บนเตียงที่บ้านตัวเองอ่ะ”
“เอ่อ...ก็ไม่รู้สิ”
“ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ”
“อืม นิดหน่อย”
ฉันพยักหน้ารับส่งๆ ที่จริงแล้วมันก็ไม่นิดหน่อยหรอก เราทะเลาะกันหนักมากเมื่อวันก่อนนู้นด้วยเรื่องที่เขาชอบไปมีเรื่องชกต่อยทะเลาะวิวาทกับคนอื่นจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต หลังจากวันนั้นเราก็ยังไม่ได้คุยกันอีก พอโทรเข้ามือถือของเพนท์ก็เจอแต่ยัยผู้หญิงคนเดิมที่บอกให้ฝากข้อความ
“แย่จังเลยนะ เอางี้ ถ้าไม่อยากเฉาตาย ฉันอนุญาตให้เธอไปกับฉันก็ได้”
“ไปเป็นก้างขวางคอเธอกับพี่อาก้าน่ะเหรอ ไม่ล่ะ เชิญตามสบายเถอะ ฉันจะกลับไปซักผ้า”
“โอว ฉันว่าวาเลนไทน์ปีนี้ของเธอน่าหดหู่กว่าฉันอีกนะ”
ฉันพ่นลมหายใจออกจากปากจนผมหน้าม้าปลิวไสว รูดซิปปิดกระเป๋านักเรียน โบกมือลายาหยีทันที เย็นนี้เราคงไม่ได้กลับบ้านพร้อมกัน เพราะยัยนี่จะต้องรอพี่อาก้าซ้อมเทควันโดเสร็จก่อน ซึ่งนั่นก็ตั้งห้าโมงเย็น
“แล้วเจอกันยาหยี ขอให้มีความสุขนะจ๊ะ”
“ถ้ามีอะไรคืบหน้าแบบว่าตื่นเต๊นตื่นเต้น ฉันจะโทรไปหาเธอคืนนี้” ยาหยีทำหน้ากระดี๊กระด๊าสุดๆ
“โอเค บ๊ายบาย”
ตึง ตึ่ง ตริ๊งงงงง
สัญญาณเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือสั่นครืดพร้อมกับเสียงโบราณๆ ดังขึ้น ฉันกดเปิดข้อความทั้งที่ขายังคงเดินออกจากโรงเรียน ไม่แม้แต่จะส่งสายตามองรอบข้างที่ส่งเสียงเซ็งแซ่พูดคุยโปรแกรมเที่ยวในวันวาเลนไทน์
‘เจอกันหน่อยสิ รอที่ร้านเดิม-เพนท์’
ฉันรีบเปลี่ยนเส้นทางกลับบ้านมาเป็นอีกทางอย่างรวดเร็ว เพนท์ไม่ชอบรอนาน เขาไม่ค่อยมีความอดทนในเรื่องนี้นัก และก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อดอกกุหลาบดอกเล็กๆ ที่ขายอยู่ริมถนนหนึ่งดอก เพนท์ไม่ค่อยชอบอะไรที่ดูเว่อร์ๆ เขาเป็นคนไม่โรแมนติกเลยตลอดเวลาสองปีที่คบกันมา เพราะฉะนั้นดอกเดียวก็พอแล้วล่ะ สีแดงด้วย ความรักของเราจะได้สดใส ร้อนแรง และเบิกบานตลอดไปไง อ๊าย! เขินจังแฮะ
กริ๊ง!
ร้านเดิมที่เพนท์บอกในข้อความใช้เวลาเดินทางไม่นานเพราะอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนเท่าไร ที่นี่คือร้านกาแฟชื่อว่า ‘หอมกรุ่น’ ทั้งที่เราสองคนไม่ดื่มกาแฟ แต่ที่นี่ก็เป็นร้านประจำของเราสองคน เพราะมันคือร้านของพี่แพท พี่สาวสุดสวยของเพนท์น่ะสิ
“สวัสดีค่ะพี่แพท”
ฉันทักทายพี่สาวคสวยที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ เธอเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วส่งยิ้มให้
“อ้าว ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะจ๊ะสีน้ำ”
นี่คือชื่อที่แสนจะไพเราะของฉันค่ะ ‘สีน้ำ’
“นั่นสิ ไม่ค่อยได้เจอกันเลย แหะๆ” อาจเป็นเพราะฉันทะเลาะกับน้องชายพี่บ่อยเกินกว่าจะแวะมาที่นี่ได้มั้งคะ “เพนท์มาหรือยังคะ เขานัดน้ำมาวันนี้ ไม่บอกกันมาก่อนล่วงหน้าเลยค่ะ”
ฉันยิ้มให้กับพี่สาวของเพนท์อีกที ไม่รู้ทำไมฉันถึงสังเกตเห็นท่าทีกังวลแล้วก็ทุกข์ใจบนใบหน้าของพี่แพทได้อย่างชัดเจน หรือว่าเธอจะเหนื่อยนะ วันนี้ลูกค้าเยอะซะด้วย
“มาแล้วจ้ะ นั่งอยู่ตรงนู้นน่ะ”
“งั้นน้ำไปหาเพนท์ก่อนนะคะ”
ฉันซ่อนดอกกุหลาบไว้ด้านหลัง เดินตรงไปยังโซฟาสีแดงริมหน้าต่างที่เพนท์นั่งรออยู่ เพียงแค่เห็นจากด้านหลังฉันก็จำได้ทันทีว่าคนคนนี้แหละคือแฟนของฉัน
“เพนท์”
เสียงเรียกของฉันไม่ได้ทำให้เขาหันมา ฉันยืนมองเขาอย่างงงๆ ก่อนจะตัดสินใจเรียกอีกที เพนท์หันมาช้าๆ ช้ามากจนฉันคิดว่าชีวิตของฉันกำลังอยู่ในช่วงสโลว์โมชั่นหรือเปล่า ใบหน้าของเขามีร่องรอยบาดแผลใหม่ พลาสเตอร์สีฟ้าลายโดราเอมอนแปะอยุ่ตรงหน้าผากด้านซ้าย ริมฝีปากบวมเจ่อ
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ทำให้ความหล่อของเขาลดลง แต่มันก็ทำให้ฉันแทบ
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)