หมูแดง (วราภา)

หมูแดง (วราภา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742534011
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 330.00 บาท 82.50 บาท
ประหยัด: 247.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เสียงหวูดรกไฟตังใกล้หัวโค้งข้างหน้ามาหาทุกที พาให้จิตใจของคนใน

บริเวณนั้นซึ่งส่วนมากเป็นเด็กในวัยไม่เกินสิบห้าปีเป็นอย่างมากเต้นรัวราว

กับจะแข่งกับเสียงหวูด ล้อเหล็กบดรางดังฉึกฉัก เมื่อใกล้จะกึงหัวโค้ง

ความเร็วก็ลดลง และในช่วงวินาทีนี้เองร่างเด็กรุ่นหนุ่มสามคนก็วิ่งลาหน้า

พวกที่คอยอยู่ขนานไปกับตัวรกไฟ...ด้วยฝีเท้ารวดเร็วและสายตาที่จ้องจับ

อยู่แล้ว เด็กทั้งสามเหนี่ยวตัวจับเหล็กราวเหล็กข้างตัวรถ โหนขึ้นไปเกาะแน่น

ราวกับตุ๊กแก ท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของเด็กข้างล่าง...

“อูย...โอ๋ยโย่...!.”

เด็กหญิงวัยแปดขวบ...ซึ่งจะดูเป็นเพียงเด็กหญิงคนเดียวในกลุ่มเด็กชาย

ซน ๆ เหล่านั้นร้องพลางยกปิดตาด้วยท่าทางน่าขัน เสียงร้องนั้นหำให้เด็กชาย

อีกคนหนึ่งผิวคล้ำจัดขยับจะวิ่งต้องหันมามองแล้วก็งอข้อศอกกระแทกตัวเด็กหญิง

เบา ๆ พลางตวาดว่า

“กลัวแล้วมาทำไม หา...ยายเหม็น!”

ก็...อยากดูนี่นา...” เด็กหญิงเถียง ความตื่นเต้นจากภาพเมื่อสักครู่ ทำ

ให้ลืมสรรพนามที่ถูกเรียกว่า ‘ยายเหม็น’ ไปชั่วขณะ เด็กชายหำสีหน้าดูถูก

“ขี้ขลาดชะมัดเลย เอ้า วิ่งตามมาเร็วๆ เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก”

คำสั่งนั้นทำให้เด็กหญิงนึกชิ้นมาไต้ ดังนั้นเวลาต่อมาร่างสองร่างก็วิ่งตาม

กันไปอย่างรวดเร็ว

“พอฟาริคเขาโยนไก่ลงมา เราต้องรีบตะครุบให้อยู่มือเทียวนะ อย่าปล่อย

ให้หลุดล่ะ จับขาได้ก็ดึงขา...จับปีกได้ก็ดึงปีก

“แล้วถ้ามันกัดฉันล่ะ ดาวุด?”

“บา! ไก,กัดมีเรอะ”

“เอ้อ มันจิก...” เด็กหญิงแอ้ ชักจะหอบเล็กน้อย แอ้มขาวๆแดงจัดเป็น

ลูกตำลึง

“ฉันกลัวเจ็บ เหมือนอ้นนี่”

“เกิดเป็นคนตัวโตกว่าไก่เป็นกอง กลัวถูกจิก...ทุเรศ!

“เฮ่อ...!” เด็กหญิงร้องอย่างเจ็บใจ “ฉันอยากให้ฟาริคเขาโยนหมูลงมา

แทนไก่เสียจริง จะได้ดูแขกจับหมูละเอ้อ...”

นี่เป็น'จุดที่เด็กทั้งสองชอบยั่วแหย่กัน ฟาริคและดาวุดเป็นมุสลิมและก่อน

 ข้างเคร่งในธรรมเนียม แต่เด็กชายทั้งสองมีความแก่นแก้วอยู่ไม่น้อย  ในละแวก

นั้นฟาริคได้เป็นหัวหน้าพวกเด็ก ๆด้วยความสามารถในเรื่องเขามีมือ ‘ตัดไก่’ เป็น

เยี่ยม ฟาริคจะล่วงรู้ราวกับเขามีตารางประจำวันว่า รถไฟขบวนไหนจะผ่านหัวโค้ง

นั้นเวลาเท่าใด เขาจะไม่สนใจกับรถตันอื่น นอกเสียจากรถสินค้าซึ่งจะบรรทุกพวก

สัตว์ปีกเช่นเป็ดและไก่มาอย่างน้อยก็ในราวสองสามตู้รถเสมอ และเมื่อนั้นเขาจะ

ใช้มือที่เหนียวหนับราวกับมือตุ๊กแกเกาะไปกับรถ ดึงมีดสปาร์ตาคมวาบยื่นเข้าไป

ทางช่องหายใจเพื่อกรีดปากเข่ง แล้วออกแรงดึงไก่ออกมาถูลู่ถูกัง โดยไม่ไยดีกับ

เสียงร้องเซ็งแช่ เพื่อนของเขาที่เกาะตู้รถถัดไปก็ทำเหมือนกันเช่นนี้ ทุกคนมักจะ

สวมเสื้อตัวใหญ่ผูกปมเพียงปลายเสื้อเป็นขมวด ปล่อยอกหราเพื่อบรรจุไก,ที่จะดึง

ออกมาได้...

“โอ้ย...พอแล้วโว้ย...”

ตะโกนก้องบอกกล่าวกัน แล้วฟาริคก็ปล่อยตับลงมาอย่างรวดเร็ว เขา

ชำนาญในการทิ้งตัวพอที่จะไม่ให้รถไฟดูดเข้าไปอยู่ใต้ล้อ

                “ออกอะไร? หัวหรือก้อย...ข้างหน้าหรือข้างหลัง?”

เด็กชายมองดูพี่ชายอย่างตื่นเต้นแกมภาคภูมิ ส่วนเด็กหญิงเอียงคอน้อย ๆ

“อะไร...หัว...ก้อย...?”

“เช่อ...” เด็กชายหันมาว่าให้ตรง ๆ คราวนี้เด็กหญิงมิได้ยินยอมเช่นที่แล้ว

มาอีก ใบหน้า'ขาวผุดผ่องบูดบึ้งด้วยความโกรธ และก่อนที่เด็กชายจะหันระวังตัว

เด็กหญิงก็ยกเท้าเหวี่ยงไปถูกเด็กชายเต็มแรง

            “นี่แน่ะ!”

“โอ๊ย! ยายเหม็นเตะฉัน”

“ยายเหม็น...เรื่องอะไรมาเรียกฉันอย่างนี้” เด็กหญิงแผดเสียง

“คอยดูนะทีหลังเขาจะไม,มาดูอะไรกะตัวอีกแล้ว แล้วเขาจะไปฟ้องมะตัวด้วย

ละว่าตัวพูดหยาบ ๆ แล้วเขาก็ไม่เอาขนมอร่อย ๆ มาให้กินอีก คอยดู!”

“อะไรกัน...อะไร?” ฟาริคซึ่ง เดินยอนกลับมาตะโกนถามพลางกอดไก่ที่ซ่อน

ในเสื้อแน่น

“ไอ้ไก่พวกนี้อยู่เฉยหน่อยก็'ไม่ได้ เดี๋ยวจับไปถอนขนเสียให้หมดเลยนี่ ป้อม

...ได้กี่ตัว”

“สอง...ก้อนแน่ะมันได้ตั้งสาม

“สามกี่ยี่สิบบาท ฉันก็ได้สองตัวเท่านั้น เป็นห่วงดาวุดกับคุณหมูแดงเขา

แตกลังดีละ ตัวละแปด แปดสองสิบหก ก้อนมันแน่ เออ ไม่ต้องรอฉันหรอก

นายเอาไปขายเจ๊กโกเลยซิ บอกไอก้อนเข้าหลังร้านนะอย่าทะเล่อทะล่าอีกเดี๋ยวก็

ซวยกันหมด แล้วก็บอกโกด้วยว่า เดี๋ยวเราไป ของเราได้สองตัว

“ฟาริค เร็วเข้า...ริ้ว

“อะไร คุณหมูแดง''

“ดาวุดซิ...เขามาด่าฉัน

“อ้าว!” ฟาริคร้อง เขาดึงไก่ที่กำลังร้องอ้อก ๆ แอ้ก ๆ ส่งให้น้องชายตัวหนึ่ง

“ไปว่าคุณหมูแดงทำไม?”

“ก็...เขา...เตะฉันด้วยนี่”

“อ้าว!” ครางอีก “แล้วคุณไปเตะเขาทำไมล่ะ?”

“เขาอยากเรียกฉัน...ยายเหม็นทำไม แล้วเขาก็ว่าฉันเซ่อด้วย ฉันเก๊าะ

เตะซิ”

“ดาวุด...งั้นนายละก็ผิดแน่ๆ จำไดไหม มะสั่งว่าอะไร?”

“ไม่รู้เรอะ ก็ฉันไม่อยากเรียกนี่ ชื่อตั้งเยอะแยะทำไมมาชื่อหมูแดง” เขา

ทำจมูกย่น เด็กหญิงจึงลอยหน้าลอยตาถามว่า

“ดีซิชื่อหมูแดง หมูแดงอร่อยออก ตัวกินหมูไม่เป็นแล้วมาว่าเขา ฉันจะ

ไปฟ้องมะตัวละ”

“คุณหมูแดง” ฟ้าริคร้องเรียกค่อนข้างร้อนใจ เมื่อเห็นท่าทางเอาจริงของ

เด็กหญิง ถ้าเธอทำตามคำพูดคือไปฟ้องมารดาเขา เรื่องก็อาจยืดยาวไปจนถึง

เรื่องที่เขามา ‘ตัดไก่’ ด้วยก็ได้ มะเคยขอร้องแล้วให้เขาทำตัวเป็นเด็กดี แต่ราคา

เงินที่ได้ช่างล่อใจเขาเสียเหลือเกิน...เขาพูดว่า

“อย่าไปฟ้องมะเลยนะ ผมขอโทษแทนดาวุดก็แล้วกัน ทีหลังเขาจะไม่กล้า

ว่าคุณหมูแดงอย่างนี้อีกแน่ๆ ผมรับรอง”

“จริงนะ!” เด็กหญิงคาดคั้น

“จริงสีฮะ เอานี้ไหม ถ้าตกลง ผมจะพาคุณหมูแดงไปทานขนมที่ตลาด

ด้วย ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหรือข้าวมันไก่ก็ยังได้นา”

“ข้าวมันไก่...” เด็กหญิงทวนคำ “ไก่ที่จับไปขายถูก ๆ พวกนี้นะเหรอ...ยี้!

ไม่กินหรอก สงสารมันออก”

“อ้าว!” ฟาริคหน้าแหยไปเล็กน้อย “ไม่ใช่หรอก คนละร้านนี่ผมเอาไป

ขายเจ๊กโกเขาเลี้ยง”

“เลี้ยงให้อ้วนแล้วก็ฆ่ามันน่ะซี ไม่เอา...ปล่อยมันไปดีกว่า...ซิ ฟาริค แล้ว

ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ฟ้องนะเธอจริง ๆ”

สัญญาแลกเปลี่ยนข้อนั้น ทำให้ฟาริคนิ่งอั้นด้วยความเสียดาย เขาอุตส่าห์

ใช้ความพยายามอย่างยิ่ง แต่แล้วเมื่อคาดว่าจะได้เงินคุ้มกับความเหนื่อย ก็กลับ

ต้องมีอันหลุดลอยเสียเช่นนี้ ทำให้ถึงกับพูดไม่ออกทีเดียว

                “นะ ปล่อยมันไป...”

                “เอ้า ก็ได้ ผมจะเอามันไปปล่อยที่วัดเอง”

                “ไม่ดีหรอก ปล่อยวัดคนอื่นมาเห็นก็จับไปอีก ฟาริคเอาไก่สองตัวมาให้ฉัน

ดีกว่า ฉันจะเอากลับไปเลี้ยงที่บ้านเอง ดูซิ...ตัวมันอ้วนน่ารักเชียว”

                เด็กคนนี้ฉลาดไม่เลว...ฟาริคคิดขณะส่งไก่ให้ด้วยความเสียดายแกแกมโมโห

เล็กน้อย

                “แล้วจะถืออย่างไรไหว คุณหมูแดงเอาไปตัวเดียวก็พอ”

                “ไม่เป็นไร...ฉันอุ้มได้ โถ...ขนเขินร่วงหมด น่าสงสารจริง ขอบใจนะ”

ฟาริคนะ ฉันกลับบานละ”

‘กลับเสียได้ก็ดี’ เด็กหนุ่มนึกในใจแต่สีหน้าภายนอกลังยิ้มแย้มเป็นอย่างดี

แต่พอลับตาเขาก็ดึงทึ้งต้นหญ้าคาเป็นการใหญ่

“ชวดเลยโว้ย สิบหกบาทอดไต้เลยเพราะไอแกคนเดียวปากเสีย...ฉันสั่งแล้ว

มะก็บอกแล้วว่าจะพูดจะเล่นกับลูกผู้ดีก็พูดให้มันเพราะ ๆ หน่อย แล้วนี่เห็นไหมเกิด

เรื่องจนได้ ไก่ของฉันสองตัวอ้วนกว่าของไอ้ป้อม ไอ้ก้อนเป็นไหน ๆ อย่างน้อย

ฉันก็เกี่ยงไอ้โกได้ถึงเก้าหรือสิบบาท เพราะนาย.เพราะนายคนเดียวแท้ ๆ

               

“เพราะฉันเมื่อไหร่ พี่เองอยากไปคุยโม้ให้เขาฟังทำไมว่าพี่เก่งนัก เขาก็เลย

มาดูน่ะซี ดี...สมน้ำหน้า...

“เดี๋ยวเถอะ ดาวุด!”                โล้/'

ผู้เป็นพี่ตวาดอย่างโมโห แต่น้องชายหัวเราะทำหน้าล้อเลียน

“เยิ้ว! เยิ้ว! อดได้ตังเอิงเงย ไม่มีตัวกินหนมเอิงเงยสมน้ำหน้า”

“เออ ไม่ต้องมาพูดดี เราขอหนมมะกินก็ได้...”

เด็กหนุ่มเดือดจัด เขาก้มลงหยิบก้อนหินขนาดย่อม ๆ ขึ้นมา  แต่พอเงย

หน้าก็เห็นว่าน้องชายจอมเซียนวิ่งหนีไปไกลแล้ว เขาจึงขว้างก้อนหินทิ้ง แล้วเดิน

หน้ามุ่ยเอื่อยๆมาคนเดียว

“เอ๊ะ!”    

เสียงอุทานของบุตรี ทำให้สตีเหลียวมองมาอย่างประหลาดใจ

อะไรหรือ ลูกพิกุล?

พิกุลแล้ว วัชราพันธุ์ สตรีสาวน้อยในวัยสิบแปดปีอมยิ้มน้อยๆ ดวงตา

ดำคมงดงามมีร่องรอยของความขบขันเมื่อชี้ให้มารดาดูว่า

“คุณแม่ดูนั่นชีคะ ใช่ยายหมูแดงหรือเปล่า”

คำว่า ‘ยายหมูแดง’ ทำให้สดีหูผึ่งขึ้นมาทันที เธอมองตามมือชี้ของบุตรสาว

แล้วก็ตบอกผาง

“ตายแล้ว...ตายแล้ว จะมีใคร่ก็นั่งลูกเจ๊กคนนี้แหละ ดูชี...นั่นมันทำทุเรศ

อะไรอีกล่ะอุ้มไก่เดินกะเร้อกะรัง ใครๆมองตามเป็นแถว ฉันเห็นแล้วจะเป็นลม

นี่ละน้าเขาว่าสัญชาติไพร่ให้อยู่กับผู้ดีอย่างไร มันก็ไม่มีวันเป็นคนติกับเขาขึ้นมาได้”

คำพูดของมารดา ทำให้พิกุลแก้วนิ่วหน้าเล็กน้อย แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ

เสีย เธอเอ่ยว่า

“รับแกไปด้วยไหมคะ?”

“อุ๊ย! ลูกพิกุลพูดอะไรอย่างนั้น” สติทำเสียงเหมือนไม่เชื่อหู “และยิ่งมัน

ทำท่าบ้าๆบอๆ คนเขาจะนึกว่ามันสำคัญอย่างไรถึงกับเราต้องหยุดรถรับ ไม่ละจ้ะ

...เหม็นสาบ!”

พิกุลแก้วถอนหายใจเบาๆ เอนหลังพิงเบาะรถตามเดิม อ่อนใจกับความ

จงเกลียดจงชังที่มารดามีต่อเด็กหญิงเล็ก ๆ ผู้นั้น เธอคิดว่าหากสตีจะไม่ถูกกับ

การะเกดมารดาของเด็กหญิงหมูแดงนั่นก็เป็นการถูกต้อง เพราะการะเกดเข้ามาอยู่

ในบ้าน ‘วัชรา’ ในฐานะภรรยาอีกผู้หนึ่งของบิดาเธอ...พิษณุ วัชราพันธุ โดยมี

เด็กหญิงหมูแดงเป็น ‘ลูกติด’ มาด้วย แต่ทั้งสตีและการะเกดก็ไม่เคยมีเรื่องที่ต้อง

ประจันหน้าหรือปะทะคารมใด ๆ กันเลย เพราะการเข้ามาของการะเกดนั้นมิได้เข้า

มาถึง ‘ตึกใหญ่’ ทว่าหยุดยั้งเพียงตึกเล็กข้าง ๆ ที่มีประตูออกอีกด้านหนึ่งไม่ปะปน

ก้นเสียด้วยซ้ำ อาณาเขตบ้าน ‘วัชรา’ แม้จะไม่กว้างขวางมากมาย แต่ก็ใหญ่โต

พอสำหรับบ้านสามหลัง ซึ่งเรือนไม้อีกหลังนั้น ‘คุณย่า’ ของพิกุลแก้ว หรือ ม.ล.

ระกับ วัชราพันธุ อาศัยอยู่อย่างสงบเงียบมานานแล้ว พิกุลแก้วเคยพบปะการะเกด

อย่างที่เรียกว่าเป็นการ จังหน้า ก็ที่เรือนของคุณย่า ถึงแม้การะเกดจะมิได้สนใจ

ไยดีกับความ ‘เป็นเอก ของสติ แต่การะเกดก็ทำถูกอยู่อย่างในการที่อ่อนน้อม

ลดตัวให้กับหม่อมระยับ และดูราวกับว่าการะเกดก้นหม่อมระกับจะเคยได้รู้จักกัน

มาก่อนด้วยซ้ำ ในสายตาของพิกุลแก้ว การะเกดเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยนุ่มนวล

คนหนึ่ง เธอไม่คำ!แต่ก็สามารถช่วย ‘คุณย่า’ เจียนหมากได้อย่างคล่องแคล่ว

โดยไม่สนใจว่าพิกุลแก้วจะแสดงทำอีหลักอีเหลื่อเมื่อพบว่า ‘ภรรยาใหม่ของพ่อ’

กำลังอยู่กับคุณย่าจนกระทงหม่อมระกับด้องหันมาบอกเธอว่า

“ยายพิกุล...'จะนั่งก็นั่งลง อย่ายงโย่ยงหยกอยู่อย่างนั้น  แล้วก็รู้จักแม่

การะเกดหรือกัง?”

คำว่า ‘รู้จัก...หรือยัง?’ ของคุณย่า เท่ากับเตือนให้พิกุลแก้วรู้ว่าเธอจะ

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024