Angel and Demon เมโลดี้หัวใจให้นายมาดนิ่ง (ลูกชุบ)

Angel and Demon เมโลดี้หัวใจให้นายมาดนิ่ง (ลูกชุบ)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160611140
ผู้แต่ง: ลูกชุบ
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 189.00 บาท 47.25 บาท
ประหยัด: 141.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

                  ณ Middleton High School

                ฉันชะเง้อคอมองหาเขาจากชั้นสาม นี่มันได้เวลาที่พวกเกรดเก้าจะเดินเข้าห้องเรียนกันแล้ว เขาไปไหนนะ หรือว่าวันนี้เขาจะไม่มาเรียน เมื่อวานเขาเดินตากฝน วันนี้เขาอาจจะไม่สบายก็ได้ ฉันเม้มริมฝีปากอย่างเป็นกังวลและไล่มองเพื่อนๆ ของเขาทีละคน อ๊ะ นั่นไง เขากำลังเดินมาแล้ว...

                ยูเจเดินผ่านสนามหญ้าตรงมาที่อาคารเรียนพร้อมกับคนอื่นๆ เขาขยี้ตาท่าทางง่วงนอนเหมือนทุกวัน ผมสีดำสนิทยาวปรกหน้าลงมา แต่จากตรงนี้ฉันมองเห็นดวงตาสีฟ้าของเขา ฉันไม่เคยสบตาเขาตรงๆ หรอกนะ ฉันไม่กล้าหรอก ใครจะไปทนสบตากับแววตาคู่สวยนั้นได้ คนที่กล้าสบตาเขาได้เกินสามวินาทีต้องเป็นผู้กล้าแน่ๆ ฉันไม่รู้ว่าเขามีเชื้อสายอะไร ฉันเคยพยายามถามจากคนรู้จักแล้ว ทว่าไม่มีใครรู้เลย แต่อย่างว่าน่ะนะ คนรู้จักของฉันก็นับได้ด้วยมือข้างเดียว จะไปได้ข้อมูลเยอะแค่ไหนกันเชียว ฉันขยับตัวเดินตามเขาที่อยู่ชั้นล่าง แต่ฉันอยู่ชั้นสาม ฉันทำแบบนี้ทุกๆ วัน มันเหมือนว่าฉันได้เดินไปพร้อมกับเขา แม้ว่าเขาแทบจะไม่รู้ว่าฉันมีตัวตนก็ตาม

                มันมีอะไรเกี่ยวกับเขาที่ไม่เหมือนคนอื่น ไม่ใช่เพราะว่าเขาหน้าตาดี ดูดี นั่งรถราคาแพง แต่เป็นเพราะเขา...โดดเด่น ไม่เหมือนเด็กวัยรุ่นเดียวกัน เด็กผู้ชายคนอื่นๆ ยังกระโดดโลดเต้น โวยวาย ตัวเหม็น และชอบพูดจาไม่ดีใส่ฉัน แต่เขากลับไม่ใช่ เขาเป็นผู้ใหญ่ เขาพูดแทบนับคำได้ (อันที่จริงแล้วฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดเลยด้วยซ้ำ) ไม่ใช่ฉันแค่คนเดียวหรอกที่ตกหลุมรักเขาข้างเดียวอย่างน่าสมเพชแบบนี้ แต่ฉันรู้ด้วยว่าฉันต้องเป็นคนที่น่าสมเพชที่สุด คนดีๆ ที่ไหนกันเขาจะตกหลุมรักคนที่ไม่เคยพูดคุยอะไรด้วยแม้แต่คำเดียวล่ะ...

 

                Talent Show 20XX

                ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันว่าแล้วว่าฉันทำไม่ได้หรอก

                ฉันหันหน้าเดินหนีจากเวทีและกอดกีตาร์ของตัวเองไว้แน่น ฉันไม่น่าเออออตามแม่และยอมให้แม่จับลงประกวดทาเลนต์โชว์อะไรนี่เลย มันไม่ใช่เรื่องถนัดของฉันอยู่แล้ว ไอ้การที่ต้องถูกคนอื่นมองน่ะ ถ้าฉันเดินออกไป ฉันอาจจะสะดุดล้มและทำอะไรให้ตัวเองขายหน้าก็ได้ ดีไม่ดีฉันอาจจะอ้วก ใช่ๆ ฉันต้องอ้วกแน่ๆ เคยดูในหนังใช่มั้ยล่ะ เวลาที่ตื่นเต้นมากๆ จนอ้วกออกมาน่ะ มันมีจริงๆ นะ ฉันไม่รอดหรอก ฉันไม่มีทางจะร้องเพลงได้จบแน่

                “โมเน่ต์...โมเน่ต์ มาแอบอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ” ฉันสะดุ้งและหันไปสบตาแม่ที่เดินมาพร้อมกระดาษในมือ แม่ฉันเป็น

คุณครูฝ่ายกิจกรรมของโรงเรียนนี้ และแม่ก็เป็นคนสอนฉันเล่นกีตาร์ตั้งแต่เด็ก ฉันเข้าใจดีว่าทำไมแม่ถึงอยากให้ฉันออกไปโชว์ความสามารถใสครั้งนี้จัง แต่ฉัน..ฉันยังไม่พร้อมนี่นา

                “แม่ หนูไม่อยากออกไปแล้ว”

                “อะไรนะ” แม่ถลึงตาด้วยความประหลาดใจก่อนจะเดินเข้ามาหาฉันที่ยืนหลบอยู่หลังม่าน “ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้เปลี่ยนใจล่ะ”

                “หนูทำไม่ได้หรอก หนูต้องอ้วกแน่ๆ”

                “ใจเย็นๆ โมเน่ต์ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย แค่งานทาเลนต์โชว์เล็กๆ ของโรงเรียนเองนะ”

                “จะงานเล็กหรืองานใหญ่หนูก็ทำไม่ได้ทั้งนั้นล่ะ ถ้าเกิดพวกเขาไม่ชอบเพลงที่หนูแต่ง หรือหนูร้องเพลงเพี้ยนแล้วโดนพวกเขาโห่ไล่ขึ้นมาล่ะหนูจะทำหน้ายังไง” ฉันพรั่งพรูคำพูดออกมาด้วยความกังวล แม่ยิ้มบางๆ พร้อมกับลูบศีรษะฉันเบาๆ

                “ไปเอาความกังวลพวกนี้มาจากไหนเนี่ย”

                “แม่ยอมรับเถอะว่าลูกสาวแม่ต้องทำแม่ขายหน้าแน่ๆ”

                “แม่ไม่สนใจหรอกว่าใครจะคิดยังไง” แม่หัวเราะพร้อมกับตบกีตาร์ฉันเบาๆ “แม่แค่อยากให้คนอื่นๆ ได้ฟังเพลงที่หนูเล่นเท่านั้นเอง เชื่อเถอะว่าถ้าพวกเขาได้ฟังจนจบแล้วจะต้องไม่มีใครโห่ หรือไม่ชอบเพลงนั้นแน่ๆ”

                “แต่...ถ้าหนูเล่นผิดล่ะ”

                “ลูกซ้อมตั้งเป็นร้อยรอบ ไม่มีทางที่ลูกจะเล่นผิดได้หรอก”

                “จริงเหรอ” ฉันพึมพำ แม้ฉันจะรู้ว่าแม่อาจจะพูดผิด และสิ่งที่แม่พูดอาจจะไม่เกิดขึ้น แต่น้ำเสียงของแม่ทำให้ฉันใจเย็นลงได้จริงๆ

                “โมเน่ต์ ลูกไม่อยากให้เขาได้ยินเพลงนี้เหรอไง”

                “เขาไหน” ฉันเลิกคิ้วใส่แม่

                “เขาที่ลูกแต่งเพลงนี้ให้ไง”

                “แม่! ไม่มีเขาคนนั้นสักหน่อย หนูก็แค่แต่งเพลงนี้ขี้นมาเฉยๆ” ฉันรีบบอกพร้อมกับผลักแม่ออกเบาๆ อย่างหงุดหงิดนิดๆ

                “ทำไมแม่จะไม่รู้ ลูกสาวทั้งคนกำลังตกหลุมรักใครบางคนอยู่เชียวนะ แม่จะไม่สังเกตเห็นได้ยังไง”

                “แม่ หนูอายุสิบสี่แล้วนะ เลิกแซวเรื่องอะไรแบบนี้ได้แล้ว”

                “จ้าๆ โตซะเหลือเกินนะ” แม่ตีหัวฉันเบาๆ ก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง “ตกลงว่าจะไม่ออกไปเล่นจริงๆ เหรอ ทั้งๆ ที่สมัครประกวดและซ้อมมาเป็นเดือน แถมวันนี้ยังอุตส่าห์แต่งตัวมาซะสวยด้วย”

                ฉันสบตาแม่แล้วเบ้ปากอย่างลังเล มันก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากออกไปหรอกนะ แต่ถ้าเกิดฉันทำพลาดล่ะ หรือถ้าเกิดพวกเขาไม่ชอบเพลงของฉัน แย่ไปกว่านั้นคือถ้าเกิด ‘เขา’ ไม่ชอบเพลงของฉันล่ะ

                “โมเน่ต์ ใกล้ถึงคิวแล้วนะ จะเอายังไง” แม่ขมวดคิ้วมองฉันด้วยความกังวล

                “กะ...ก็ได้ค่ะ” ฉันพยักหน้าแม้จะยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ก็ตาม ชั่ววูบหนึ่งฉันคิดว่าทำๆ ไปเถอะ ฉันไม่พลาดหรอก แต่อีกชั่ววูบหนึ่งก็นึกกังวลขึ้นมา ฉันไม่มีโอกาสได้ตัดสินใจแล้ว เพราะแม่คว้าแขนฉันแล้วพาเดินไปเตรียมตัวออกไปหน้าเวทีแล้ว คนที่แสดงไปก่อนหน้าฉันกำลังเดินกลับเข้ามาพร้อมกับได้รับเสียงปรบมือเปาะแปะซึ่งนับว่าไม่แย่เท่าไหร่

                ฉันยังคงกอดกีตาร์ของตัวเองไว้แน่นตอนที่พิธีกรกำลังประกาศชื่อฉันและชื่อเพลงของฉัน...

                “ต่อไปเป็นตาของโมเน่ต์จากห้อง 8-B แล้วนะคะ โมเน่ต์จะมาโชว์ความสามารถในการร้องเพลงและการเล่นกีตาร์ไปด้วย ที่พิเศษไปก่วานั้นคือเพลงนี้เป็นเพลงที่โมเน่ต์แต่งเองอีกด้วย เตรียมพบกับโมเน่ต์ได้เลยจ้า กับเพลง Hey, Hi I Love You”

                แม่ตบไหล่ฉันเบาๆ ก่อนจะก้มหน้ามากระซิบข้างหู “บางทีเขาอาจจะรู้ก็ได้นะว่ามันหมายถึงเขา สู้ๆ!” แล้วแม่ก็จัดการดันหลังฉันให้เดินออกมาจากข้างเวที

                ฉันแอบสะดุดเบาๆ แต่ไม่ถึงกับหน้าคะมำ ทีมงานเอาเก้าอี้กับขาไมค์สองอันมาตั้งไว้ให้แล้วสำหรับฉันและสำหรับกีตาร์โปร่งสีแดงของฉันด้วย คนในฮอลล์ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้น้อยจนเกินไป สำหรับฉันแล้วมันเปรียบเหมือนคนทั้งโลกกำลังจ้องมองฉันอยู่อย่างนั้นล่ะ ฉันก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นเวทีไปนั่งบนเก้าอี้อย่างเก้ๆ กังๆ เสียงพูดคุยจากกลุ่มคนดูดังขึ้นให้ได้ยินเบาๆ แต่นั่นก็ยังดังสู้เสียงหัวใจฉันที่เต้นตุบๆ ไม่ได้ ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามนึกถึงคอร์ดเพลงและเนื้อเพลงวนไปวนมาเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่พลาดตรงไหนไป

                ฉันเล่นเพลงนี้มาเป็นร้อยๆ รอบแล้ว ฉันไม่พลาดหรอก เธอทำไม่พลาดหรอกโมเน่ต์ ฉันบอกตัวเองแบบนั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองกลุ่มคนดู ฉันชะงักไปทันทีที่เห็นดวงตาสีฟ้าคู่สวยกำลังมองมาที่ฉัน ในมือเจ้าของดวงตาคู่นั้นถือเป็นกล่องป็อปคอร์นขนาดเล็กๆ เอาไว้ เขาถูกรายล้อมไปด้วยเพื่อนๆ เกรดเก้าด้วยกันที่กำลังมองตรงมาที่ฉันพอดี ฉันสบตาเขาและได้แต่นิ่งค้างอยู่แบบนั้น

                ‘บางทีเขาอาจจะรู้ก็ได้นะว่ามันหมายถึงเขา สู้ๆ!’

                บางทีเขาอาจจะรู้งั้นเหรอ...รู้ว่าฉันนั่งจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับเขาและเพ้อเจ้อออกมาเป็นเพงเนี่ยนะ รู้ว่าฉันที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคือใครแต่งเพลงนี้ให้ และรู้ว่าฉันชะ...ชะ...ชอบเขา...

                ฉันไม่อยากให้เขารู้! ฉันพอใจที่จะอยู่ในเงาและแอบมองเขาแบบนี้ต่อไป ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันคือใคร หรือรู้ว่าฉันชอบเขา พราะนั่นอาจจะทำให้เขาปฏิเสธฉัน หลีกเลี่ยงที่จะเจอฉัน และพานไม่ชอบฉันไปเลย ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น ฉันพอใจที่จะได้แอบมองเขาอยู่แบบนี้ล่ะ ฉันไม่อยากให้เขา...ไม่อยากให้เขา...

                “จ้องอะไรแกวะ” เพื่อนของเขาคนหนึ่งพูดขึ้นมาและมองฉันกับ ‘ยูเจ’ สลับกันไปมา คนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเขาก็เริ่มมองตาม เพราะในฮอลล์มันเงียบมาก แค่มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาก็ได้ยินกันหมดแล้ว ยูเจิเลิกคิ้วพร้อมกับชี้หน้าตัวเองอย่างงงๆ

                หยุดมอง...หยุดมองเขาได้แล้วโมเน่ต์! ฉันตะโกนบอกตัวเองในใจ แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี ฉันยังคงจ้องเขาอยู่ ให้ตายเถอะ ร่างกายนี้มันไม่ใช่ของฉันเหรอไง ทำไมฉันถึงควบคุมมันไม่ได้นะ

                “จ้องแกใหญ่เลยว่ะ ฮ่าๆๆ” เพื่อนของเขาพูดต่อ และคนอื่นๆ ก็เริ่มหัวเราะตาม

                “ฉันรู้แล้วๆ เพลงที่เธอแต่งจะต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับเขาแน่ๆ เลย ใช่มั้ยๆ” ผู้หญิงผมสีน้ำตาลเข้มที่นั่งอยู่หน้าสุดพูดขึ้นก่อนจะหัวเราะคิกคัก

                ฉันเผลอทำปิ๊กกีตาร์หล่นลงที่พื้นด้วยความตกใจ จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นตามมา

                “ร้องเพลงสิ ฉันอยากฟังนะ เพลงนี้แต่งให้หมอนี่ใช่มั้ย” เพื่อนอีกคนของยูเจตะโกนขึ้นพร้อมกับปรบมือแปะๆ ฉันก้มหน้าลงด้วยความอับอาย หน้าของฉันร้อนผ่าวไปหมด ฉันลุกจากเก้าอี้แล้วรีบวิ่งออกจากเวทีทันที จากนั้นก็ผลักแม่ที่ยืนรออยู่ให้พ้นทาง เสียงหัวเราะดังแว่วมาให้ได้ยิน แต่ฉันไม่อยู่ทนฟัง ฉันกอดกีตาร์ของตัวเองพร้อมกับวิ่งหนีไปเรื่อยๆ แม้ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปไหนก็ตาม

                แมไม่น่าสนับสนุนให้ฉันขึ้นไปโชว์บนนั้น ฉันไม่น่าบ้าจี้ตามเลย ไม่น่าคิดว่าตัวเองจะทำได้จริงๆ ท้งๆ ที่ความเป็นจริงฉันทำมันไม่ได้หรอก แล้วจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ พวกนอื่นๆ จะต้องล้อเลียนฉัน ฉันคงไม่ได้อยู่ที่นี่อย่างสงบอีกต่อไป

                แล้วเขาจะคิดยังไง เขาจะต้องเกลียดฉันและไม่ชอบเรื่องที่ฉันแอบชอบเขาแน่ๆ

 

                “ยังไงวันนี้ลูกก็ต้องไปเรียน โมเน่ต์”

                “แม่ไม่เข้าใจหรอกว่ามันแย่ขนาดไหน” ฉันจับเบาะรถไว้แน่นเพื่อเป็นการยืนยันว่าจะไม่ลงไปจากรถเด็ดขาด เมื่อเช้านี้ฉันก็ไม่ได้อยากมาหรอก แต่พ่อเป็นคนลากฉันมาขึ้นรถน่ะสิ

                “ลูกขาดเรียนไปสามวันแล้วนะ ยังไม่พออีกเหรอไง” แม่ถอนหายใจก่อนจะดับเครื่อง

                “แม่ดับเครื่องทำไม แม่ต้องขับกลับไปส่งหนูที่บ้านก่อนสิ”

                “แม่ไม่ไปส่งลูกที่ไหนทั้งนั้นล่ะ”

                “แต่แม่...”

                “ยังไงวันนี้ก็ต้องไปเรียน แม่ยอมลูกมาสามวันแล้วนะ”

                “...” ฉันขมวดคิ้วหงุดหงิดที่แม่ขึ้นเสียงใส่แบบนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดแม่เหมือนกันน่ะล่ะ ถ้าแม่ไม่คะยั้นคะยอให้ฉันขึ้นไปแสดง ไม่พูดประโยคนั้นออกมาก่อนที่ฉันจะขึ้นเวที เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้

                “เลิกทำตัวเหมือนเด็กได้แล้วโมเน่ต์ ลูกเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอไงว่าตัวเองโตแล้ว ถ้าคิดว่าโตแล้วก็หัดทำตัวให้เหมือนคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วหน่อยสิ” แม่ว่าอีกครั้ง

                “...” ฉันพ่นลมหายใจก่อนจะกอดกระเป๋าเป้ตัวเองแล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถไป

                “ดีมาก ถ้าแบบนี้ก็...”

                แม่ยังพูดไม่ทันจบ ฉันก็ปิดประตูใส่แม่แล้วหันหลังเดินปึงปังหนีมาเลย แม่ก็พูดได้สิ ตัวเองไม่ใช่คนที่ขึ้นไปทำขายหน้าบนเวทีนี่ ฉันต่างหากที่ต้องแบกรับความอับอายทั้งหมดไว้ ฉันเปลี่ยนเป็นเอากระเป๋าเป้ขึ้นสะพายแล้วเดินก้มหน้าออกจากลานจอดรถอาจารย์ไปที่อาคารเรียน ฉันโมโหแม่เกินกว่าที่จะทำตัวดื้อด้านต่อไปบนรถ และอีกอย่าง ฉันก็รู้ด้วยล่ะว่าจุดจบแล้วยังไงฉันก้ต้องลงจากรถมาอยู่ดี

                ท่าทางว่าเรื่องของฉันจะไม่ใช่ข่าวใหญ่อย่างที่คิด เพราะยังไม่มีใครทำอะไรแปลกๆ ใส่ฉันเลย หรือบางทีฉันจะกังวลมากไปเองจริงๆ นะ ฉันมองซ้ายมองขวาขณะที่ก้าวข้นบันไดไปยังห้องเรียนของพวกเกรดแปด ทุกคนก็เดินผ่านฉันไปแบบปกตินี่นา หรือฉันจะอ่านการ์ตูนมากไปเอง

                ฟุ่บ

                ฉันถึงกับสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีประกาศอะไรสักอย่างแผ่นหนึ่งปลิวมาหล่นลงตรงหน้าพอดี ฉันรีบคว้ามันไว้เพราะเหมือนจะเห็นชื่อตัวเองแวบๆ และมันก็...มันก็เป็นชื่อฉันจริงๆ ด้วย

 

                ‘Monet’s Big Crush’


                โอ้พระเจ้า...ฉันอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูกอยู่นาน เพราะนั่นเป็นชื่อของฉัน แถมยังมีรูปนักเรียนของฉันโชว์หราอยู่บนนั้นอีกต่างหาก ที่แย่ไปกว่านั้นคือมีลูกศรลากจากรูปฉันไปที่รูปนักเรียนของยูเจที่ดูเท่มากด้วย ไม่น่าเกลียดเหมือนรูปฉันเลยแม้แต่นิด แล้วไอ้รูปหัวใจหลายๆ ดวงที่อยู่เต็มประกาศแผ่นนี้มันคืออะไร ฉันมือสั่นหงึกๆ ขณะที่ปากก็พะงาบๆ อ่านเป็นประโยคไม่ได้

                ฉันว่าแล้ว...ฉันว่าแล้วว่าเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้น!! คนชอบยูเจเยอะจะตายไป ฉันจะไม่โดนอะไรแบบนี้ได้ยังไง ฉันมองซ้ายมองขวาอย่างละล้าละลังว่าจะทำยังไงต่อไปดี ฉันควรจะวิ่งไปหลบตรงห้องเก็บไม้กวาด

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

รีวิวจากบรรณาธิการ batorastore.com

Angel and Demon เมโลดี้หัวใจให้นายมาดนิ่ง

ผู้เขียน – ลูกชุบ

Angel and Demon เมโลดี้หัวใจให้นายมาดนิ่ง เรื่องราวของ ‘โมเน่ต์’ สาวช่างฝัน ที่นึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรัก ”เขาคนนั้น” มากมายขนาดนี้ แถมชอบเขาถึงขั้นแต่งเพลงรักให้ด้วยซ้ำ แต่แล้ววันนึงอยู่ๆ เขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นมาโมเน่ต์ก็ไม่สามารถแต่งเพลงรักได้จบเลยสักเพลง จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอบังเอิญได้พบกับ ‘ยูเจ’ ท่วงทำนองที่เคยบรรเลงอยู่ในหัวก็กลับมาโลดแล่นได้อีกครั้ง  เธอถึงได้เข้าใจว่าเขานี่แหละคือเมโลดี้และแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอแต่งเพลงรักได้จนจบ แม้ที่ผ่านๆ มาจะแทบไม่เคยได้ยินเสียงพูดคุยของเขาเลยด้วยซ้ำ การได้กลับมาเจอกันแบบนี้มันจะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

เชื่อว่าในช่วงชีวิตนึงของสาวๆ ก็ต้องมีช่วงที่ได้แอบรักใครสักคนแน่ๆ เรื่องนี้ก็เหมือนกันค่ะ นิยายแนวแอบรักนี่ยังมีมาอยู่เรื่อยๆได้ตลอด เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสนุกดีค่ะ นางเอกน่ารักดี ออกจะเปิ่นๆโก๊ะๆ เสียเซลฟ์เพราะโดนจับได้ว่าแต่งเพลงให้หนุ่มที่ชอบ เจ้าหล่อนเลยอายจนไม่กล้ามาโรงเรียนอยู่หลายวัน แต่พอกลับมาโรงเรียนก็ได้รู้ว่าชายหนุ่มที่เธอแต่งเพลงให้เขาไม่ได้รู้สึกโกรธเธอด้วยซ้ำ ในขณะที่เธอเริ่มจะสานความสัมพันธ์กับเขา เขากลับลาออกจากโรงเรียนไป ทิ้งให้เธอรู้สึกเศร้าเพราะคิดว่าเธอเป็นต้นเหตุ จนกระทั่ง 3 ปีผ่านไป เธอก็ได้พบกับเขาอีกครั้ง ส่วนพระเอกเป็นคนพูดน้อยค่ะ แทบจะนับคำได้เลยทีเดียว แต่ว่าเน้นการกระทำมากกว่า เขาเป็นคนที่รักและเทคแคร์นางเอกดีมากเลย เวลาพระเอกกับนางเอกออกมาทีก็ฟินตัวแตกกันไปที (ยิ่งตอนใช้แขนเสื้อเช็ดคราบไอติมที่ติดอยู่ที่ปากของนางเอกให้นี่ กับตอนที่เขียนคำว่า “ขอโทษ” ที่มือนางเอกนี่ น่ารักน่าโฮกมาก) ซึ่งแอดมินชอบนะ ความสัมพันธ์แบบนี้ มันค่อยๆเป็น ค่อยๆไป อบอุ่นละมุนละไมอยู่ในทุกตอนที่อ่าน ไม่ต้องมีฉากอะไรให้มันหวือหวาหัวใจวายมากนัก แถมการที่นางเอกเป็นนักแต่งเพลง ก็เลยทำให้อยากฟังเพลงที่นางเอกแต่งเพื่อพระเอกด้วยนะคะ คงออกมาเพราะน่าดู (อีกเพลงก็เพลงโฆษณาผ้าอ้อมที่นางเอกรับงานฟรีแลนซ์เอาไว้ ท่าทางจะติดหูดี เหนอะหนะ เหนอะหนะ เหนอหนะ~) สำหรับใครที่กำลังตามหานิยายนุ่มๆ หอมหวานประหนึ่งคุณกำลังละเลียดโตเกียวบานาน่าไส้ครีมพร้อมชาหอมกรุ่นล่ะก็ แนะนำเรื่องนี้เลยค่ะ


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

6-Six | 1 รีวิว
23/01/2015

แนวเปิ่นๆโก๊ะๆบ๊องๆเอ๋อๆ ของนางเอกค่ะ(ฮา) ว่าด้วยรักแรก แรกรัก รักคือแรงบัลดาลใจรักคือความเพ้อฝัน รักคืออะไรถ้าบอกว่ารักในภาษาไทย สะกดอักษร ล ลิงหัวใจ(ไม่ใช่ละ) นางเอกโมเน่ต์ที่ใช้ความรักเป็นแรงผลักดันและชอบแต่งเพลงให้หนุ่มคนหนึ่งมาตลอด แต่จู่ๆเขากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โมเน่ต์ก็ได้แต่เศร้าเพียงลำพังจนในที่สุดเธอก็ได้พบกับ “ยูเจ” ชายหน้านิ่ง มาดนิ่ง นิสัยนิ่งๆเข้า แต่น่าแปลกนางเอกแทบไม่เคยได้พูดคุยกับเขาเลย(ไปแอบรักได้ไงฟะ หรือเป็นรักแรกพบกันเอ่ย ไปอ่านในเล่มเน้อ) เมื่อเธอประสบพบเจอกับยูเจ งานนี้เลยต้องมีเฮเข้าไปตีสนิทเพื่อให้พูดคุยกับได้มากกว่าเก่าที่แทบไม่ได้ยินเสียงกันแล้วล่ะ คราวนี้หวังว่าโมเน่ต์คงได้แต่งเพลงจนจบ และไม่ปล่อยให้รักหลุดลอยไปอีกแล้วนะ อ่านแก้เครียดดีค่ะไม่ค่อยเห็นมาม่า ดราม่าให้เราต้มกินกันเท่าไหร่คลายเครียดได้ดีเชียวล่ะ นักอ่านหลายท่านก็ชอบก็ฟินกับเรื่องนี้กันถ้วนหน้า ชอบชุดสีน้ำเงินของนางเอกในหน้าปกมากกกก คิดว่าคงมีหลายคนคิดเหมือนกันแถมยังเอาใจคนรักแมวอีกมาหลายตัวเชียว มันดูเลิฟลี่ดี นางเอกก็บรรยายเติมเต็มคำพูดอันน้อยนิดของพระเอกได้หมดเลย ดูลงตัวดีค่ะแนวนี้วัยรุ่นก็ชอบด้วย อยากรู้ว่านางเอกจะเข้าหาพระเอกยังไงตอนได้อ่านบทแนะนำเรื่อง คงไม่เปิ่นๆโก๊ะๆนะหวังว่า

สินค้าที่ใกล้เคียง (68 รายการ)

www.batorastore.com © 2024