Heartlessly in Love ปลุกชีพจรหัวใจไม่ให้ไร้รัก (Mimoza)
ประหยัด: 80.15 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 2 รายการราคา 99.00 บาท - 189.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
Sweet as sugar…Cold as ice
Hurt me once, I’ll kill you twice.
บทนำ
14 กุมภาพันธ์ 25XX, 10.14 P.M.
ปาร์ตี้หน้ากากถูกจัดขึ้นที่หอประชุมของมหา’ลัย Arcadia โดย Shadow Scar ชมรมที่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งรวมนักศึกษาที่มีอำนาจที่สุดในมหา’ลัย ชมรมที่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งรวมนักศึกษาที่มีอำนาจที่สุดในมหา’ลัย แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าเบื้องหลังของการจัดงานเลี้ยงสุดเลิศหรูนั้นมีความเป็นมาอย่างไร
ฉันขยับหน้ากากสีขาวนิดหนึ่งเมื่อรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก หน้ากากโคลัมบิน่าสีขาวประดับขนนกอันนี้ถูกส่งมาพร้อมดอกกุหลาบสีแดงและบัตรเชิญสีดำซึ่งมีข้อความแปลกๆ อยู่ข้างใน มันเขียนไว้ว่า ‘Heart Stealer’ ซึ่งไม่ได้มีความหายพิเศษอะไรกับฉันเลย
ความจริงแล้วฉันเองก็ไม่ได้อยากมาร่วมงานเลี้ยงแสนไฮโซนี่หรอก หากแต่ไม่อยากมีเรื่องกับทางชมรมผู้จัดงาน ลองต่อต้านพวกเขาดูสิ ชีวิตนี้คงไม่มีทางได้พบกับคำว่า ‘ความสุข’ แน่นอน
เสียงเพลงบรรเลงฟังดูครื้นเครงไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศสักเท่าไหร่ แม้ว่าจะเป็นปาร์ตี้หรูหรา แต่ก็มีคนไม่มากนัก คิดว่างานที่จัดโดยชมรม Shadow Scar จะสนุกรื่นเริงอย่างที่มีคนเล่าขานไว้ซะอีก ดูเหมือนว่าเกือบจะทุกคนที่เดินสวนกับฉันจะหยุดมองฉันอย่างหวาดระแวง จากนั้นก็จะรีบเดินหนีไป มีบางคนที่แอบอยู่ในมุมมืด งานเลี้ยงที่ฉันจินตนาการเอาไว้ว่าคงสนุกสนานกลับกลายเป็นเหมือนงานเลี้ยงแห่งความลับดาร์กๆ ซะได้
ฉันจิบน้ำส้มผสมแชมเปญในมือนิดหน่อยก่อนจะเบ้ปากเพราะรสชาติของมัน เอาเถอะ ยังไงฉันก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานสักเท่าไหร่ แค่ถือไว้ให้ดูดีเหมือนกับคนอื่นๆ ก็พอแล้วมั้ง
การแสดงบัลเลต์บนเวทีนั้นดึงดูดความสนใจได้มากทีเดียว น่าแปลกนะ ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นคนเดียวที่หยุดชมการแสดงบนเวทีอย่างจริงจัง คนอื่นก็เอาแต่หลบมุมกันทั้งนั้น
หลังจากที่การแสดงบัลเลต์จบลงแล้ว วงออเคสตราที่เลื่องชื่อของมหา’ลัยก็บรรเลงเพลงต่อ ฉันเป็นคนไม่ค่อยชอบฟังเพลงแนวนี้เท่าไหร่เลยไม่รู้ว่าพวกเขากำลังบรรเลงเพลงอะไร แต่ที่แน่ๆ มันให้ความรู้สึกระทึกใจดีจริงๆ ให้ตายเถอะ สงสารคนเป็นโรคหัวใจหน่อยก็ดีนะ
จบการบรรเลงเพลงไฟในงานก็ค่อยๆ มืดลง จากนั้นสปอตไลต์ก็ส่องไปทางเวที ฉันจ้องร่างสูงในชุดสูทสีขาวแล้วแอบลืมหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง เรื่องหน้าตาของคนในชมรมนี้มันเป็นตำนานของมหา’ลัยมาช้านานแล้ว แต่ฉันไม่เคยรู้ว่าพวกเขาจะดูดีขนาดที่ว่าสวมหน้ากาทับไว้ครึ่งใบหน้าแล้วยังสามารถขโมยลมหายใจผู้ชมที่อยู่ข้างล่างอย่างฉันไปได้
อันตรายจริงๆ ทำแบบนี้ได้ไม่ใช่คนแล้วนะ นี่มันปีศาจในร่างเทพบุตรชัดๆ!
“ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่ปาร์ตี้ในคืนนี้อย่างเป็นทางการ และผมหวังว่าทุกคนจะยินดีที่ถูกรับเชิญให้มาเป็นแขกคนสำคัญของงานนี้” เสียงนุ่มลึกกล่าวขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไรฉันถึงได้รู้สึกเย็นวาบกับเสียงของผู้ชายคนนั้น
“และขอให้ทุกคน...สนุกกับการถูกไล่ล่าความลับในคืนนี้”
เขาเหยียดยิ้มเยียบเย็นจนฉันรู้สึกเหมือนมีก้อนน้ำแข็งกำลังไหลผ่านหัวใจ ฉันไม่ได้หวั่นไหวกับคำพูดของเขาหรอกนะ หากแต่เป็นวิธีการพูดและน้ำเสียงของเขามากกว่า ฉันไม่มีความลับอะไรจะให้พวกเขาไล่ล่าอยู่แล้ว
“ผมหวังว่าพวกคุณจะกุมความลับของตัวเองไว้ได้จนกว่าปาร์ตี้ในคืนนี้จบลง”
ฉันมองใบหน้าคมคายของผู้ชายบนเวทีก่อนจะถอนหายใจยาว
ถ้าอย่างนั้นมันก็จบลงแล้วล่ะ!!
เพราะฉันไม่เคยมีความลับ!!
1
The Cut That Will Bleed Forever.
‘กุมความลับเอาไว้ให้ได้’ อย่างนั้นเหรอ
ไร้สาระสิ้นดี! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะไปงานเลี้ยงบ้าบอนั่นทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่เคยมีความลับ เสียเวลานอนไปตั้งสองสามชั่วโมง
“ฮ้าวว” ฉันอ้าปากหาวอย่างง่วงๆ ก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็กดูเวลาอีกครั้ง ฉันนั่งอยู่ในโรงพยาบาลมาตั้งยี่สิบนาทีแล้ว นี่ยัยลูกศรเข้าไปหาหมอหรือไปทำคลอดกันแน่นะ ทั้งๆ ที่ใช้เส้นแซงคิวคนอื่นแล้ว (เด็กดีห้ามทำตามนะจ๊ะ) ยังต้องรอนานขนาดนี้ หรือว่ายัยนั่นจะไปเกี้ยวพาราสีคุณหมอ...คงไม่ใช่หรอกมั้ง
“มาแล้วๆ ขอโทษที่ทำให้รอนาน” พอตั้งท่าจะงีบ ยัยเพื่อนตัวดีก็วิ่งแจ้นเข้ามา ฉันมองหน้ายัยนี่อย่างเซ็งๆ อยากจะพูดประชดประชันสักหน่อย แต่เมื่อเห็นจมูกที่บวมเป่งของลูกศรแล้วก็เลยต้องส่ายหน้าไปมาแทน
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่จมูกของเธอไม่เป็นไรแน่นะ”
“อืม...ก็แค่แพ้อาหารทะเลน่ะ มิน่าล่ะ กินปูอัดทีไรคันจมูกทุกทีเลย” ลูกศรใช้นิ้วเขี่ยปลายจมูกตัวเองนิดๆ
“เธอนี่น้า ปกติก็ดูสวยอยู่แล้ว ไม่รู้จะไปเสริมทำไมไอ้ดั้งซิลิโคนเนี่ย”
“ก็เพราะมีเธอเป็นเพื่อนนั่นแหละ ใครใช้ให้เธอเกิดมาสวยล่ะ เดินไปกับเธอฉันไม่เคยได้เกิดเล้ยยย”
“แล้วฉันจะอยากเกินไปทำไมล่ะ ฉันมีแฟนแล้วนะ”
“นั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ฉันอยากมีแฟนหล่อเหมือนแฟนเธอ ถ้าไม่สวย หนุ่มหล่อก็ไม่แลอ่าดิ”
“แล้วก็ต้องมานั่งทนทุกข์ทรมานอย่างนี้เนี่ยนะ”
“เฮ้อ ก็ไม่ได้อยากจะทรมานสักหน่อย ทำไมฉันถึงไม่เกิดมาเป็นลูกครึ่งฝรั่งหน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนเธอบ้าง
ฉันกลอกตาให้กับประโยคนี้เป็นรอบที่แสนที่ล้านแล้วก็เลือกที่จะไม่พูดต่อ ไม่เช่นนั้นยัยนี่ก็จะขนเอาคำพูดเดิมๆ ที่เคยพูดกลับมาพูดอีกและมันก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ทั้งวัน
ฉันชื่อลิฟา เดล โรซาลิโอ ทั้งชื่อและนามสกุลสุดแสนจะฝรั่ง แต่ความจริงฉันเป็นลูกครึ่งฟิลิปปินส์-ออสเตรเลีย พ่อของฉันซึ่งเป็นนายแพทย์ผู้ชำนาญเรื่องการผ่าตัดหัวใจพาย้ายมาเมืองไทยหลังจากที่แม่เสียเพราะมีเพื่อนเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่นี่ มาเมืองไทยทั้งๆ ที่พูดไทยแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ บางทีพ่ออาจจะเสียใจมากที่เสียแม่ไปเลยไม่อยากอยู่ที่ออสเตรเลียอีกต่อไป...แล้วฉันจะพูดเรื่องนี้ทำไม มันไม่ได้เกี่ยวกับสาเหตุที่จมูกของยัยลูกศรบวมสักหน่อย
เราสองคนเดินออกมาจากอาคารหลักของโรงพยาบาลเอกชน St. Michael ฉันเดินนำยัยลูกศรไปยังที่จอดรถอย่างชำนาญเส้นทาง พ่อของฉันเป็นแพทย์ผ่าตัดประจำอยู่โรงพยาบาลนี้ ฉันเดินเข้าออกที่นี่ตั้งแต่สิบขวบได้เลยมั้ง
“อย่ามายุ่งกับผม!!!” เสียงของเด็กผู้ชายคนหนึ่งร้องลั่นอย่างโมโหจัดจนฉันกับลูกศรถึงกับต้องหยุดหันไปมอง นางพยาบาลคนหนึ่งพยายามหยุดเด็กชายต้นเสียง แต่เขาก็สะบัดมืออกและวิ่งหนีมาทางฉันกับลูกศรแทน
“นี่...” ฉันหยุดเด็กผู้ชายคนนั้นเอาไว้เมื่อเขาวิ่งมาถึงตัว แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตา ฉันถึงกับผงะไปชั่วขณะ
ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาเต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์ ถึงแม้จะเป็นแผลที่แห้งและตกสะเก็ดแล้วก็เถอะ ถ้าไม่เป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงก็อาจจะโดนทำร้ายมาก็ได้ คิดถึงเรื่องอุบัติเหตุแล้วมันก็สะเทือนหัวใจของฉันนิดหนึ่ง เพราะคุณแม่ของฉันเสียด้วยอุบัติเหตุ แต่ถ้าเด็กคนนี้โดนทำร้ายมันก็คงเป็นเรื่องแย่มาก เรื่องอุบัติเหตุมันเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครคาดฝันว่าจะเกิดขึ้น แต่เรื่องโดนทำร้ายนี่มันเหมือนกับจงใจชัดๆ คนที่จะทำร้ายเด็กคนหนึ่งได้ขนาดนี้ต้องโหดร้ายมาก
ชั่วขณะหนึ่งฉันตกอยู่ในความทรงจำในวัยเด็ก
เมื่อก่อน...ตอนที่ฉันอยู่ออสเตรเลีย ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตของพ่อเลยก็ว่าได้มั้ง แม่เพิ่งเสีย...ฉันเองที่เป็นโรคหัวใจพิการมาตั้งแต่กำเนิดก็มีทีท่าว่าจะไม่รอดอยู่แล้ว ฉันพบกับเด็กผู้ชายประหลาดคนหนึ่งที่โรงพยาบาล ตามตัวของเขามีบาดแผลถูกทำร้าย ดวงตาของเขานั้นคละสี คนปกติจะมีดวงตาสีเดียวกัน แต่ของเด็กคนนั้นข้างหนึ่งสีน้ำตาล และอีกข้างเป็นสีฟ้า
ตอนนั้นฉันเพิ่งได้รู้ความจริงว่าตัวเองคงจะมีชีวิตรอดต่อไปได้อีกไม่นานจึงรู้สึกเศร้ามาก ฉันออกมาร้องไห้ที่สวนและเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเด็กชายประหลาดคนนั้นเข้ามาปลอบฉัน เขาไม่พูดอะไรกับฉันเลย ทำเพียงแค่ลูบหัวเบาๆ แล้วก็วิ่งหนีไป มันก็ไม่ได้เป็นความทรงจำที่สวยงามล้ำค่าอะไรมากหรอก ฉันแค่รู้สึกว่าเด็กผู้ชายที่ก้าวร้าวบางทีพวกเขาอาจจะมีหัวใจที่อ่อนโยนก็ได้
“อะไร...ปล่อยนะ!!” เด็กผู้ชายคนนั้นร้อง เสียงโวยวายของเขาดึงสติฉันคืนมา เขาสามารถึงแขนของตัวเองออกไปได้
“เดี๋ยว...” ฉันพยายามจะหยุดเด็กคนนั้นเอาไว้ แต่เขาก็วิ่งหนีหายลับไปจากสายตา โดยมีนางพยาบาลวิ่งแจ้นตามไปทันที
“นี่เธอพยายามจะสั่งสอนพวกเด็กๆ อีกล่ะสิ” ลูกศรพูดอย่างรู้ดี
“ก็มันเป็นงานประจำของฉันไปแล้วนี่นา” ฉันบอกพลางยักไหล่ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วที่ฉันมักจะตามพ่อมาโรงพยาบาลและช่วยกำราบพวกเด็กๆ ที่ทำตัวมีปัญหาหรือไม่ก็มาพูดคุยกับคนป่วยที่โรงพยาบาลแห่งนี้ มันเป็นอีกวิธีที่ทำให้ฉันเรียนรู้ภาษาไทยได้เร็วขึ้นตอนย้ายมาใหม่ๆ และตอนนี้ก็ทำจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว
“ฉันไม่เห็นว่าลูกของแพทย์คนอื่นๆ จะทำเหมือนเธอเลย”
“พวกนั้นไม่ได้ใช้เวลาอยู่โรงพยาบาลตลอดเหมือนกับฉันนี่” พอได้ยินแบบนี้ลูกศรก็เงียบไป ฉันเคยเล่าให้ยัยนี่ฟังว่าตอนเด็กๆ ฉันเกือบจะไม่รอด แต่โชคดีที่มีคนมาบริจาคหัวใจให้ได้ทันเวลาพอดี จึงทำให้ฉันมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ใช่ว่าฉันจะแข็งแรงเหมือนคนปกติหรอกนะ ฉันก็ต้องมาเช็กสุขภาพอยู่ทุกเดือนหรือทุกครั้งที่พ่อฉันต้องการนั่นแหละ
“เอาล่ะ...เธอแน่ใจนะว่าจะไปลุยต่อสภาพนี้?” ฉันเปลี่ยนเรื่องคุยขณะเดินนำไปที่รถ ลูกศรยักไหล่น้อยๆ เป็นเชิงบอกว่าช่วยไม่ได้
ความจริงแล้วก่อนที่จะมาโรงพยาบาลแห่งนี้เราสองคนอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า แต่ยัยลูกศรดันไปกินทาโกะยากิและเกิดอาการแพ้จนจมูกที่เพิ่งไปทำมาบวมเป่ง ฉันเลยต้องรีบพายัยนี่มาที่โรงพยาบาล
“ก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา แค่จมูกบวม”
“ฉันไปเดินคนเดียวก็ได้ ไม่เห็นต้องเป็นห่วงเลย”
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงเธอ ฉันอยากไปเดินดูของด้วยนี่นา”
“ก็ได้ๆ ถ้าคิดว่ายังไหวจะไปก็ได้” ฉันยอมจำนน ทั้งที่อยากพายัยนี่กลับไปนอนพักผ่อนมากกว่า
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเราก็กลับมายังห้างสรรพสินค้าที่เดิม แถมยังได้ที่จอดรถที่เดิมด้วยนะ
“ฉันจะไปซื้อของให้พี่ซากิก่อน” ฉันรีบบอกทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปข้างในห้างสรรพสินค้า เพราะไม่เช่นนั้นยัยลูกศรก็จะลากฉันไปดูนู่นนั่นนี่ที่เธอสนใจก่อน ฉันมาที่นี่เพื่อซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์ให้แฟนสุดที่รักนะ ไม่ได้พายัยบ้านี่มาเที่ยวเล่น
“รู้แล้วน่า ถึงอยากจะไปลองเครื่องสำอางแต่ตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว” ลูกศรบอกเสียงบูด ฉันรู้สึกว่าโชคดีที่จมูกของยัยนี่บวมก็ตอนนี้ล่ะ
“โอเคๆ งั้นไป Emporio Armani ก่อนนะ”
“โอ้โห...อะไรจะทุ่มทุนขนาดนั้น” ลูกศรร้องอย่างทึ่งๆ ขณะที่เดินตามฉันมา
“ก็เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์แรกของเรายังไงล่ะ” ฉันตอบพร้อมกับยิ้มหวาน ฉันกับพี่ซากิคบกันมาเพียงแค่สิบเดือนเท่านั้น เขาเป็นแฟนคนแรกของฉันเพราะฉะนั้นของขวัญวาเลนไทน์ชิ้นแรกก็เลยต้องพิเศษหน่อย
“แต่วาเลนไทน์มันก็ผ่านมาแล้วนะ"
เรื่องนั้นฉันรู้หรอกน่า ฉันเองก็อยากจะให้ของขวัญในวันวาเลนไทน์เหมือนกัน แต่ฉันรู้มาก่อนแล้วว่าพี่ซากิต้องไปขึ้นวอร์ดในวันวาเลนไทน์และจะไม่ได้เจอเขาจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ เมื่อวานฉันก็มัวแต่กังวลเรื่องงานปาร์ตี้ลึกลับของชมรม Shadow Scar เลยลืมนึกถึงเรื่องของขวัญไป
“จะให้วันไหนมันก็เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์เหมือนกันล่ะน่า” ฉันตัดบทและผลักประตูเข้าไปในร้าน Emporio Armani ขณะที่สายตากำลังกวาดหาของขวัญที่อยากได้ อยู่ๆ ยัยลูกศรก็ส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้นออกมาพร้อมกับกระตุกแขนเสื้อของฉันอย่างแรง
“อ๊ายยย ลิฟา...ดูผู้ชายคนนั้นสิ หล่อชะมัด”
“นี่เธอยังไม่ชินกับพวกคนหล่อๆ จากมหา’ลัยอีกรึยังไง” ฉันพูดอย่างไม่สนใจ แต่ยัยนี่ก็ยังไม่หยุดกระตุกแขนเสื้อของฉันสักที
“ดูก่อนค่อยพูด พวกนี้ไม่เหมือนอย่างในมหา’ลัยเลยสักนิด”
ฉันหันไปมองตามที่ลูกศรบอกอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เพราะถ้าไม่หันยัยนี่คงจะไม่ยอมหยุดกระตุกแขนเสื้อของฉันแน่
อีกมุมหนึ่งของร้าน มีผู้ชายร่างสูงกำลังยืนเลือกเข็มขัดอยู่ ผมของเขามีสีน้ำตาลสว่าง ฉันมองไม่เห็นรูปหน้าเพราะเขายืนหันหลังอยู่
“ฉันไม่เห็นหน้าของเขา” ฉันกลับมาสนใจเนกไทในตู้กระจกต่อ
“งั้นปดูใกล้ๆ กันเถอะ คนนี้อาจจะเป็นเนื้อคู่ของฉันก็ได้นะ”
ฉันยังไม่ได้พูดอะไรก็โดนยัยลูกศรลากเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้นแล้ว โอ๊ย ให้ตายเถอะ ถ้าอยากจีบผู้ชายก็ไปจีบคนเดียวสิยัยบ้า ตอนนี้ฉันมีความต้องการอย่างเดียวคือหาซื้อของขวัญวาเลนไทน์ให้พี่ซากิเท่านั้น พรุ่งนี้ฉันก็จะได้พบหน้าเขาในรอบอาทิตย์หนึ่งแล้ว นานๆ ฉันจะได้เจอหน้าแฟนสักที ทำไมยัยเพื่อนบ้านี่ถึงไม่เข้าใจนะ!!
“เห็นมั้ยลิฟา เขาหล่อจริงๆ โอ้มายบอยยย” ลูกศรแอบกระซิบบอก
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
รีวิว (1)

24/07/2014
Heartlessly in Love ปลุกชีพจรหัวใจไม่ให้ไร้รัก นิยายเรื่องนี้เป้นผลงานของพี่โมชอบมากๆโดยปกติติดตามผลงานของพี่โมมาทุกเล่มค่ะตั้งแต่เล่มเซตสามโรงเรียนแล้วเรื่องนั้นเป็นอะไรที่ชอบมากๆติดตามมาตั้งแต่ยังเรียนมัธยมอ่ะช่วงนั้นเป็นอะไรที่มีความรู้สึกว่านิยายของพี่โมเป้นอะไรที่ป็อบปี้เลิฟมากๆค่ะประทับใจมาตั้งแต่เล่มแรกที่พี่โมออกกับสำนักพิมพ์แจ่มใสคือเรื่องของพาสต้ากับซี้อิ้วแล้วก็ติดตามของพี่โมเรื่อยมาเลยเคยมีโอกาสได้คุยพี่พี่โมด้วยถึงแนวการเขียนนิยายของพี่โมพี่โมเป็นคนที่แต่งนิยายพล็อตไม่มีอะไรมากเอาแบบเรียบง่ายแต่เนื้อหาคงความสนุกถ้าเรามีความสุขเราก็จะแต่งนิยายออกมาสนุกด้วยหลากหลายอารมณ์อ่ะยิ่งเวลาพี่โมเขียนฉากดราม่านี่คือชอบมากๆประทับใจทุกเล่มค่ะตามเก็บทุกเรื่องนะโดยเฉพาะเซตสามโรงเรียนเราเก็บครบเลยค่ะนิยายเรื่องHeartlessly in Love ปลุกชีพจรหัวใจไม่ให้ไร้รักเราว่านิยายเรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆที่พี่โมเคยเขียนค่ะคือเนื้อหามันไม่เด็กจนเกินไปอ่ะดูโตขึ้นแต่แนวก็แปลกไปจากเดิมแต่คงความสนุกเหมือนกันอ่ะค่ะแต่เหมือนปรับมุมมองในการเขียนเรื่องนี้อ่านแล้วสนุกดีอีกอย่างเนื้อเองไม่ดราม่าจนเกินไปด้วยค่ะชอบคาแร็กเตอร์นางเอกตรงที่เธอดูไม่อ่อนแอจนเกินไปหมายถึงว่าก็น่าถนุถนอมแต่ในทางเดียวกันเธอก็เข้มแข็งอีกอย่างเลยที่คิดว่าเนื้อเรื่องถูกใจคือการดำเนินเรื่องไม่รวดเร็วจนเกินไปค่ะเป้นอะไรที่ประทับใจตรงนี้แหละอยากได้นิยายแนวแบบนี้อีกคือเล่มนี้เนื้อเรื่องเป็นอะไรที่แบบหนานะตอนแรกเห็นแล้วคือท้อในการอ่านมากแต่พอได้มาอ่านจริงๆคือกลับอยากให้เนื้อเรื่องหนาขึ้นไปอีกแปลกม่ะฮ่าๆๆๆชอบค่ะคาแร็กเตอร์ตัวละครรวมไปถึงเนื้อเรื่องดูแล้วคือมันสมจริงอ่ะค่ะไม่ดำเนินเรื่องแบบรวบรัดจนเกินไปเนื้อหาค่อยเป็นค่อยไปนิยายบางเรื่องรวมรัดเร็วเกินไปจนดูแบบงงๆค่ะว่าพระนางรักกันยังไงอะไรประมาณนี้แต่นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่เลยไม่เสียดายเงินที่ซื้อด้วยเพราะเรื่องนี้แพงอาจจะเพราะความหนาของเล่มด้วยฮ่าๆๆสนุกมากๆค่ะแต่แอบอยากให้มีฉากความมากกว่านี้อ่ะพวกฉากโรแมนติกเพราะมีความรู้สึกว่าพระเอกแสดงความรู้สึกน้อยไปนิดๆฮ่าๆๆแต่ว่าเรื่องอื่นคือโอเคมากอ่ะบรรยายเนื้อเรื่องแบค่อยเป็นค่อยไปจนรู้สึกว่าเนื้อหาน่าติดตามทั้งเล่มค่ะอ่านแล้ววางไม่ลงเลยเหมือนมันมีฉากตื่นเต้นดึงดูดคนอ่านอยู่ตลอดเวลาสนุกและก็ประทับใจค่ะอยากให้พี่โมแต่งนิยายแนวแบบนี้ออกมาอีกค่ะสนุกมากๆและก็ยังรอคอยนิยายเล่มอื่นๆของพี่โมอยู่นะค่ะเซตสามโรงเรียนตอนนี้ตัวละครยังโผล่ออกมาไม่หมดเลยรอติดตามอยู่ค่ะ