Deadly Game...เกมรักมรณะ (ศรัณญ์ชล)

Deadly Game...เกมรักมรณะ (ศรัณญ์ชล)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160604203
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 129.00 บาท 32.25 บาท
ประหยัด: 96.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

Deus vult!

God wills it!

ด้วยความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า!

 

…Protect the weak, defenseless, helpless, and fight for the general welfare of all.

…ปกป้องผู้อ่อนแอ ไร้ทางสู้ หมดสิ้นหนทาง และต่อสู้เพื่อความผาสุกของส่วนรวม

นั่น...มิได้เป็นเพียงคำสาบานตามพิธีการที่มอบให้แก่เจ้าชีวิต เมื่อข้าเลือกที่จะดำรงตำแหน่ง ‘อัศวิน’ ของอาธอเรียส...เจ้าชีวิตของข้า แต่เป็นความตั้งใจที่ฝังรากลึกในวิญญาณของข้ามาตั้งแต่เยาว์วัยด้วย

ข้ารักผืนแผ่นดินอันงดงามเหล่านี้ ข้ารักพืชพันธุ์ที่เบ่งบานและร่วงโรยตามฤดูกาลที่เปลี่ยนผัน ข้ารักเหล่าเพื่อนมนุษย์และสัตว์โลกที่แตกต่างกันอย่างมีเอกลักษณ์ ข้ารักกลิ่นอายของสายลมที่พัดโชยและโหมกระหน่ำ ข้ารักสีสันเลื่อมพรายที่ธรรมชาติรังสรรค์

เนื่องเพราะ...ทั้งหมดคือความอัศจรรย์

และ...ความหวังของข้าคือการทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักษาสิ่งเหล่านี้ให้ยืนยงตลอดไป

ความโกรธเกรี้ยวของข้าจึงลุกโชนประดุจเพลิงไฟที่เผาไหม้ เมื่อได้รู้ว่าคนกลุ่มหนึ่งซึ่งถือตนเป็นผู้วิเศษเหนือทุกสิ่งละเลยกฏความสมดุลแห่งชีวิต กำลังพยายามใช้เวทมนตร์เปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้บิดเบี้ยวไปจากที่เป็นอยู่ เพียงเพื่อสนองความทะเยอทะยานของตน

กลุ่มคนที่เรียกตนเองว่าอัลคีมิสต์ (Alchemist) หรือนักเล่นแร่แปรธาตุ

นอกจากการเปลี่ยนเหล็กให้เป็นทองคำแล้ว พวกเขายังเหิมเกริมในวิชาจนเปลี่ยนคนให้เป็นสัตว์ เปลี่ยนสัตว์ให้เป็นคน เปลี่ยนสัตว์บกให้เป็นสัตว์ปีก เปลี่ยนสัตว์ปีกให้กลายเป็นสัตว์น้ำ

มันเป็นการขบถต่อพระผู้เป็นเจ้า

เป็นความบ้าคลั่งอันน่ารังเกียจ

พวกมันมีอยู่มากมาย กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ใช้ชีวิตด้วยใบหน้าเรียบเฉยราวกับว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งๆ ที่จิตใจมีแต่ความโสมมเน่าเฟะ

น่าขยะแขยงเกินทน!

‘รู้เช่นนี้แล้ว...เจ้าจะนิ่งดูดาย ปล่อยให้คนเหล่านี้ทำลายสิ่งที่เจ้ารักต่อไปอย่างนั้นหรือ’ เป็นคำถามจากอาธอเรียสหลังจากเล่าสิ่งเลวร้ายที่เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุทำให้ข้าฟัง

‘ไม่’ ข้าตอบอย่างหนักแน่นโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้สักเสี้ยววินาที มือทั้งสองของข้ากำแน่น เล็บกดลึกจนห้อเลือดด้วยความร้อนรุ่ม ‘ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ข้าจะหยุดยั้งพวกมันให้ได้’

‘ดีแล้ว’

ข้ารู้สึกได้ถึงความพึงพอใจจากคำพูดสั้นๆ นั้น และมันก็ทำให้หัวใจของข้าพองโตด้วยความปลื้มปิติ ข้าเทิดทูนเจ้าชีวิตของข้าดว้ยเลือดทุกหยด ด้วยทุกลมหายใจเข้าออก

ความปรารถนาของอาธอเรียสเป็นยิ่งกว่าบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้า

สิ่งที่ข้าต้องทำคือ...หยุดความฟั่นเฟือนของพวกมัน ชะลอความเสียหายให้เกิดขึ้นช้าที่สุด

‘ข้าควรเริ่มต้นจากผู้ใด’

ข้าถามอย่างกระตือรือร้นและได้รับคำตอบเป็นชื่อของนักเล่นแร่แปรธาตุ

‘ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง’

ข้ากล่าวลาอาธอเรียสและออกเดินทางทันที

 

เมื่อสวมชุดเกราะอันสร้างจากห่วงเหล็กร้อยเรียงเข้าด้วยกันอันหนักหน่วงและหมวกที่ปกป้องใบหน้า ถือดาบเล่มยาวประดับอัญมณีล้ำค่า ข้าก็พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

มันคือความภาคภูมิใจและศรัทธาอันไม่มีวันสั่นคลอน

เหยื่อรายแรกของข้าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง เมื่อข้าไปถึงหน้าบ้านของนางและอ้างชื่อของอาธอเรียส นางเปิดประตูรับข้าเข้าไปข้างในโดยไม่อิดเอื้อน แม้ว่าจะไม่เต็มใจนักก็ตาม ทันทีที่ประตูถูกปิดลง ปลอดภัยจากสายตาของผู้ไม่เกี่ยวข้อง ข้าก็ชี้หน้านางพร้อมกับข้อกล่าวหา ด้วยความตั้งใจว่าหากแววตาของนางมีความรู้สึกผิดและต้องการแก้ไขสักเล็กน้อย ข้าจะไว้ชีวิตของนาง

ทว่า...ข้าเห็นเพียงความตื่นตระหนกและหวาดกลัวความผิดในดวงตาทั้งสองข้างนั้น มันทำให้ข้ารู้สึกขยะแขยงและคลื่นเหียนจนอยากอาเจียนออกมา

ข้าเงื้อดาบขึ้นและพุ่งปลายแหลมของมันไปยังเป้าหมายท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน การอ้อนวอนขอชีวิตสลับเสียงสะอื้นไห้

แต่...โอกาสของนายได้ผ่านพ้นไปแล้ว ข้ากวัดแกว่งดาบไปมาหลายครั้ง ส่งผลให้เศษเสื้อผ้า เศษเนื้อ กระจุยกระจายไปทั่ว ข้ายุติทุกอย่างลงด้วยการเสียบปลายดาบทะลุคอหอยและกระชากออกมา เลือดสีแดงสดสาดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ มันอุ่นจัดและมีกลิ่นคาวผสมกลิ่นขมฝาดของเหล็ก

ข้ายืนมองร่างนั้นล้มลงจมกองเลือดอย่างเงียบงัน ตวัดปลายดาบของข้ากรีดลงบนแผ่นหลังของนางห้าครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินกลับออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกอีกครั้ง

ข้าก้มลงมองมือเปื้อนเลือดทั้งสองข้างด้วยจิตใจปลอดโปร่งอย่างประหลาด ร่างกายเบาโหวงราวกับกำลังลอยขึ้นไปบนอากาศ สายลมโอบกอดข้าเอาไว้ ข้ารู้สึกว่าพระผู้เป็นเจ้าอยู่ใกล้จนเกือบสัมผัสได้

ริมฝีปากของข้าคลี่ออกเป็นรอยยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิ

ข้าทำได้สำเร็จ!

ข้ารู้แล้วว่านี่คือเส้นทางชีวิตที่ข้าเสาะหามาตลอด เส้นทางศักดิ์สิทธิ์ที่พระผู้เป็นเจ้าลิขิตให้ข้าก้าวเดินต่อไปจวบจนลมหายใจสุดท้าย

...เส้นทางของอัศวิน

 

บทที่ 1

 

อนัญญาเม้มริมฝีปากแน่น ยกมือขึ้นทาบหน้าอก ณ ตำแหน่งอันเป็นที่ตั้งของหัวใจซึ่งกำลังเต้นแรงด้วยความคาดหวัง ก่อนจะชะเง้อมองผ่านกระจกหนาของร้านกาแฟบนถนนกลอสเตอร์เข้าไปด้านใน เมื่อได้เห็นศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีดำหยักศกเป็นลอนยุ่งเหยิงและแผ่นหลังกว้าง ริมฝีปากของเธอก็คลายออกเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างดีใจ หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วยิ่งเพิ่มความเร็วเป็นพายุกระหน่ำ

หญิงสาวยกมือที่สั่นน้อยๆ ผลักประตูให้เปิดออกและก้าวเข้าไปด้านใน เดินช้าๆ ตรงไปยังเคาน์เตอร์ สั่งกาแฟและรับใบเสร็จเรียบร้อย แล้วก็ยืนรออยู่ตรงนั้นพร้อมกับภาวนาให้เขาเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านอยู่ แต่สิ่งที่เขากำลังอ่านอยู่นั้นคงดึงดูดความสนใจเขามาก เพราะเขาอ่านมันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และหัวคิ้วขมวดน้อยๆ เธอรับกาแฟที่สั่งไวพร้อมกับระบายลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างผิดหวัง

ขณะกำลังลังเลว่าจะเข้าไปทักเขาที่โต๊ะหรือเดินไปหาที่นั่งอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ลดหนังสือพิมพ์ลง ใช้มือขวายกแก้วกาแฟขึ้นจิบ และสบตากับเธอเข้าพอดี

ดวงตาสีเขียวเข้มของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางขยับขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ เอ่ยทักเธอเบาๆ ด้วยน้ำเสียงดีใจระคนไม่แน่ใจ

“อัญญ่า...”

เจ้าของชื่อตะลึงค้างไปหลายวินาทีกว่าจะนึกได้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป เธอพยักหน้าน้อยๆ อย่างประหม่า และยิ้มตอบ

“คุณดีน”

“คุณเป็นยังไงบ้าง”

น้ำเสียงที่เจือความห่วงใยทำให้ก้อนแข็งๆ ลอยขึ้นมาในลำคอ พร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมาในดวงตา เธอตอบไม่เต็มเสียงนัก

“ก็...ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”

ดีนกวาดตามองไปรอบๆ ร้าน และเมื่อเห็นว่าเกือบทุกโต๊ะในร้านมีคนนั่งอยู่ เขาจึงเอ่ยชวน

“นั่งไหมครับ”

“รบกวนคุณหรือเปล่าคะ” อนัญญาถามด้วยความเกรงใจ

“ไม่เลยครับ” เขาตอบพร้อมขยับแล็ปท็อปและรวบเอกสารต่างๆ ที่วางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะไปฝั่งหนึ่ง เปิดพื้นที่ว่างฝั่งตรงข้ามให้เธอ

“ขอบคุณค่ะ”

“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเป็นเชิงชวนคุย

“ค่ะ”

หญิงสาวตอบเพียงสั้นๆ เสยกแก้วกาแฟของตัวเองขึ้นจิบ คนตรงหน้าไม่มีทางรู้เลยว่าความคิดที่ว่าจะได้พบกับเขาบรรเทาความหวาดกลัวในการกลับมาประเทศอังกฤษของเธอมากแค่ไหน

...เขา...คนที่เคยดูแลและปลอบใจเธอ

...เขา...คนที่รู้ว่าเธอได้เผชิญกับสิ่งเลวร้ายอะไรมา

 

อนัญญาเห็นดีนครั้งแรกเมื่อต้นเดือนธันวาคมของปีที่แล้ว ไม่ใช่ที่ลอนดอนนี่...แต่เป็นที่ ‘ปราสาทวินเดอร์เมล’ ชานเมืองเรดดิ้งซึ่งอยู่ห่างจากลอนดอนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ใช้เวลาขับรถประมาณสี่สิบห้านาที

ปราสาทวินเดอร์เมลเป็นปราสาทขนาดเล็กตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีและป่าโปร่ง มันถูกสร้างขึ้นในยุคกลางและตกทอดแก่ทายาทของขุนนางผู้เป็นเจ้าของรุ่นแล้วรุ่นเล่า ก่อนจะถูกขายให้กับเศรษฐีชาวอเมริกันซึ่งซื้อเอาไว้เป็นสถานที่พักผ่อนยามเขาและครอบครัวมาเที่ยวประเทศอังกฤษปีละหนึ่งหรือสองครั้ง นอกเหนือเวลานั้นเขาได้มอบหมายให้บริษัทหนึ่งดูแล และบริษัทนั้นก็เปิดปราสาทให้บุคคลทั่วไปเช่าใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงและกิจกรรมต่างๆ

หนึ่งในกิจกรรมนั้นก็คือลาร์พ (LARP หรือ live action role-playing game) สไตล์ยุโปรยุคกลาง ซึ่งก็เมหือนกับการเล่นอาร์พีจี (RPG หรือ Role-Playing game) บนหน้าจอ มีเกมมาสเตอร์ (Gamemaster) เป็นผู้เขียนพล็อตตั้งฏและกติกาในแต่ละครั้ง โดยมากจะแบ่งผู้เล่นออกเป็นสองทีม ผู้เล่นแต่ละทีมสวมบทบาทเป็นใครก็ได้ตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหญิง เจ้าชาย แม่มด ผู้วิเศษ นักฆ่า อัศวิน ฯลฯ ใส่ชุดแสดงบทบาทนั้นๆ พร้อมกับอาวุธประจำกาย แต่ละบทบาทมีข้อได้เปรียบและเสียเปรียบไม่เหมือนกัน เป้าหมายการเอาชนะฝ่ายตรงข้ามก็ต่างกันออกไปด้วย ขึ้นอยู่กับว่าเกมมาสเตอร์กำหนดให้เกมในวันนั้นเป็นอย่างไร

อนัญญาไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนพูดถึงการเล่นเกมแบบนี้เป็นคนแรก แต่นักศึกษาปริญญาเอกทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องทำงานเดียวกันต่างอยากลองเล่นดูว่าเป็นอย่างไร คาร์เตอร์และกาเรธจึงรับเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดทริปเล่นเกมนี้ และวันที่พวกเธอไปถึง เกมมาสเตอร์กำหนดให้มีการเล่นเกมหลายด่าน ไม่ว่าจะเป็นแข่งวิ่งเร็ว ฟันดาบ ขี่ม้า ยิงธนู ผสมสูตรยา และอื่นๆ ผู้ชนะแต่ละด่านจะได้รับคำใบ้สำหรับไขปริศนา ทีมไหนไขปริศนาได้และหา ‘สมบัติแห่งมังกร’ พบก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ

กลุ่มพวกเธอทั้งหมดเก้าคนอยู่ทีมเดียวกันพร้อมกับมีผู้เล่นจากที่อื่นมาสมทบอีกสามคน อีกทีมก็มีผู้เล่นจำนวนสิบสองคนเท่ากัน

หญิงสาวสะดุดตากับ ‘อัศวิน’ ของฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าเขา

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (69 รายการ)

www.batorastore.com © 2024