เรือนริษยา

เรือนริษยา

2 รีวิว  2 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165020015
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

“เข้ามาสิวะ ไปยืนอออยู่ทำไม ไอ้พวกนี้นี่”

เสียงพ่อเฒ่าดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันทั้งที่บนเรือนมีผู้คนมากมาย

ทั้งชายหญิงวัยตั้งแต่สาวแรกรุ่นไปจนถึงใกล้แย้มฝาโลงยืนเบียดเสียดกันตรง

ประตูหน้าพร้อมกับมองเข้ามาด้วยความสนใจ แต่กลับไม่มีใครกล้าก้าวเข้ามา ในห้องเลยสักคน

พ่อเฒ่าเป็นชายรูปร่างผอม ผิวสองสี ดวงหน้าซูบเต็มไปด้วยรอยยับย่น

เบ้าตาโป้ลึก ดวงตาปูดโปน สูงชะลูด กะประมาณจากสายตาแล้วไม่น่าจะตํ่า

กว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร เขายังเดินเหินคล่องแคล้วผิดกับวัยร่วมเจ็ดสิบปี

ทว่าเสียงกลับแหบแห้งจนชวนขนลุกขนพอง

ชุดขาวซึงประกอบด้วยเสือแขนลันทรงกระบอกติดกระดุมหน้าสีเม็ดกับ กางเกงขายาวผ้าด้ายดิบราคาถูกสีหม่นไปมากเพราะสัมผัสทั้งกลิ่นธูป ทั้งควัน เทียน แต่คนสวมไม่ได้นำพา เขาเดินไปนั่งประจำที่ของตนระหว่างที่บรรดา

ลูกศิษย์ลูกหาเริ่มทยอยเข้ามานั่งหน้าสลอนในห้องขนาดหน้ากว้างราวสิบเมตร เพียงไม่นานห้องโล่งก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที,นั่งพับเพียบเรียบร้อยกันหน้าองค์พระ โดยมีพ่อเฒ่านั่งอยู่หน้าสุด

ภายในห้องอากาศถ่ายเทไม่ค่อยสะดวก เพราะมีหน้าต่างเพียงสองบาน ซึ่งถูกเปิดแง้มไว้เล็กน้อย แต่หน้าองค์พระเต็มไปด้วยควันจากธูปเทียนจำนวน มากมาย ตัวพ่อเฒ่านั่งอยู่ในกลุ่มควันอย่างไม่สะทกสะท้าน มีหนำซํ้าหลังจาก จุดธูปเทียนบูชาพระเสร็จ เขายังมีแก่ใจจุดยาสูบอีกเก้ามวนแล้วอัดควันเข้าปาก พร้อมกันแถมท้ายให้อีก

“อ้าว! ว่ายังไง มาทำไมกันมากมายนักวันนี้”

พ่อเฒ่าถามขึ้นเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะคนที่มาเกือบทั้งหมดไม่ใช่ ชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง

ตามปกติพ่อเฒ่าจะเปิดเรือนให้ชาวบ้านเข้ามาได้เพียงเดือนละครั้งเท่านั่น ดือในช่วงบ่ายของวันแรมสิบห้าคํ่า ซึ่งเป็นวันที่พ่อเฒ่าถือว่า ‘แรง’ ที่สุดในรอบ เดือน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพ่อเฒ่าไม่เคยสนใจในทรัพย์สินเงินทอง เพราะ นับตั้งแต่เขาได้ค้นพบความจริงบางอย่างในชีวิต เขาก็ปวารณาตัวที่จะช่วยเหลือ ชาวบ้าน ฉะนั่น การเปิดให้ชาวบ้านเข้ามาพูดคุยด้วยจึงไม่เคยมีการกระทำใดๆ ที่เข้าข่ายการรับบริจาคแต่อย่างใด

จริงอยู่ ต่อให้ไม่เรียกร้อง แต่หากเกี่ยวเนื่องกับความศรัทธาแล้วละก็ คน ให้ย่อมยินดีให้ด้วยความเต็มใจ แต่สำหรับพ่อเฒ่าวัยไม้ใกล้ฝังซึ่งอยู่ตัวคนเคียว ไม่มีลูกเมียให้เป็นห่วงเป็นกังวลนั่น เพียงมีเรือนให้อยู่ มีข้าวปลาอาหารให้กิน ครบสามมื้อ เขาก็พอใจแล้ว

กฎข้อแรกในการเข้ามาในเรือนของพ่อเฒ่าดือ ห้ามบริจาค เพราะพ่อเฒ่า ไม่ใช่ขอทาน หากอยากทำทานให้ไปทำที่อื่น ตามแต่ศรัทธาของตน

ไม่มีใครรู้ว่าพ่อเฒ่ามาจากไหน ไม่มีใครสนใจว่าพ่อเฒ่ามาตั้งแต่เมื่อไร สิ่งเดียวที่ทุกคนสนใจก็คือสิงที่พ่อเฒ่าจะบอกเท่านั่น

“อยากจะมาขอเลขเด็ดไปทำทุนสักสองตัวขอรับ” ชายคนแรกประจบ เสียงอ่อนเสียงหวาน จึงได้หางตาพิฆาตของพ่อเฒ่าไปแทน

“เอาไปทำอะไร เลขเด็ดน่ะ”

คนขอหัวเราะแหะๆ อย่างไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ในเมื่อเขาก็พูดอย่าง ชัดเจนแล้ว

“ไม่มีให้โว้ย อยากได้เลขก็ไปเรียนหนังลือเอาเอง วิชาคณิตศาสตร์น่ะ

 

รู้จักไหม เรียนแล้วจะได้ไม่โง่ แล้วก็จะได้คิดออกเสียทีว่าทำงานหาเงินดีกว่า

เล่นหวยหวังรวย”

คนขอถึงกับหน้าเสีย แต่พ่อเฒ่าไม่สนใจ หันไปถามสาวใหญ่ที,นั่งข้างๆ

แทน

“แล้วเอ็งล่ะ มาทำไม”

“ผัวอิฉันหายไปจากบ้านสามวันแล้วเจ้าค่ะ เป็นห่วงมันเหลือเกิน ไม่รู้ หายไปไหน อยากให้พ่อเฒ่าช่วยดูให้หน่อย”

“เกี่ยวอะไรกับข้า คนหายก็ไปแจ้งความสิวะ ข้าไม่ใช่ตำรวจนะโว้ย”

สาวใหญ่หน้าม้านไปอิกราย แต่ยังไม่ยอมแพ้

“แจ้งแล้วเจ้าค่ะ แต่อิฉันสงสัยว่ามันจะแอบไปอยู่บ้านเมียน้อย เพราะ

มันเจ้าชู้เหลือเกิน”

“มันเลวนักก็เลิกไปเสีย จะได้ไม่ต้องวิ่งโร่เอาความฉิบหายในบ้านไป

เที่ยวประจานให้คนอื่นเขารู้ไปด้วย สมองมีน่ะหัดใช้เสียบ้าง”

พ่อเฒ่าตอกกลับไปอิกคน ทำเอาสาวใหญ่หน้าชาไปทั้งแถบ นางจึงลุก ขึ้นยืนชนิดไม่เกรงใจเจ้าของเรือนก่อนจะสะบัดก้นเดินออกจากห้องไป

คนที่เหลือมองหน้ากันไปมาคล้ายจะมีคำถามเดียวกันเกิดขึ้นในใจว่า คิด ดีแล้วหรือที่มาพบพ่อเฒ่า แต่กลับไม่มีใครกล้าเดินตามออกไปแม้แต่คนเดียว

ชาวบ้านอิกนับสิบรายได้คำตอบไม่ต่างจากที,ผ่านมาสักเท่าใดนัก โดย มากคำแนะนำของพ่อเฒ่าก็เหมือนกับทางออกทั่วไปที่เจ้าตัวสามารถคิดได้เอง ทั้งนั้น บางคนจึงถึงกับโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี

“โธ่เอ๊ย! กูอุตส่าห์นั่งรถมาตั้งลี่ชั่วโมง นี่น่ะหรือพ่อเฒ่าบุญญาที่เขาลือ

กันว่าแม่นนักแม่นหนา ที่แท้ก็ไอ้ขี้แพ้ปากหมา หาเงินซื้อเหล้าดองยากินละว้า เสียเวลาทำมาหากินกูจริงๆ”

ชายหนุ่มเลือดร้อนคนหนึ่งยืนขึ้นชี้หน้าด่าพ่อเฒ่า นี่หากไม่ติดว่าอีกฝ่าย เป็นเพียงชายแก่วัยใกล้ลงโลง เขาคงจะตรงเข้าไปซัดหน้าเหี่ยวๆ นั่นให้คาง เหลืองนอนหยอดนํ้าข้าวต้มไปอิกหลายวันเข้าให้แล้ว แต่ที่ยังไม่ทำก็เพราะ

ไม่อยากทำร้ายคนแก่ไม่มีทางสู้เท่านั้น

แทนที่พ่อเฒ่าจะโกรธหรือแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เขากลับนั่งเฉยอยู่

ที่เดิม แต่จ้องชายหนุ่มเลือดร้อนไม่วางตา

คนในห้องนั่งเกร็งไปตามๆ กัน ในที่สุดพ่อเฒ่าก็เอ่ยต่อด้วยเสียงอัน

แหบแห้งชวนสยองเช่นเดิม

“เห็นแก่ที่มึงไม่ทำอะไรกู กูจะบอกจะเตือนอะไรสักอย่าง วันหนึ่งข้างหน้า มึงจะต้องตายเพราะปากของมึง เพราะใจคิดคดอกุศลของมึง ไอ้หนุ่ม ถ้ามึงยัง เลวไม่หยุดหย่อนอยู่อย่างนี้ มึงจะต้องตายอย่างทรมานแสนสาหัสชนิดที่ต้อง

ครํ่าครวญว่าไม่น่าเกิดมาบนโลกใบนี้เลย”

สินเสียงพ่อเฒ่า ชายหนุ่มเลือดร้อนก็หน้าแดงกํ่า พลางกำมือแน่นจน

คนในห้องต่างคิดว่าเขาต้องตรงเข้าไปกระทืบพ่อเฒ่าให้ตายคาเท้าเป็นแน่ แต่

ผิดคาด เขากลับเดินกระแทกเท้าจากไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความโล่งใจของ ทุกคนเท่านั้น

หลังจากเหตุการณ์ชวนระทึก ทุกอย่างก็กลับสีภาวะปกติอีกครั้ง และก็

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่มีใครได้คำตอบที่ ‘คาดว่าจะได้’ กลับไปเลยสักคน

พอย่างเข้าห้าโมงเย็น เรือนของพ่อเฒ่าก็กลับมาเงียบสนิทและร้างไร้

ผู้คนอีกครั้ง เจ้าของเรือนเก็บธูปเทียนที่เพิ่งดับไปทิ้งตามปกติ ขณะก้มๆ เงยๆ

อยู่นั้น ชายหนุ่มคนเดิมก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง

   “มีอะไรอีก”

“ผมช่วย”

เขาขันอาสาพร้อมกับคุกเข่าลงช่วยเก็บกวาดขยะทั้งหลายแหล่ด้วย

กิริยาเบามือผิดกับเสียงก่นด่าเมื่อช่วงบ่ายลิบลับ

พ่อเฒ่าถอยหลังออกมาเพื่อปล่อยให้ชายหนุ่มท่างานที่อาสาโดยไม่

แม้แต่จะหันไปมอง แล้วเดินตรงดิ่งลงเรือนโปหาน้ำเย็นๆ ในตุ่มดื่มดับกระหาย

 ซากธูปเทียน เศษยาเส้น ไปจนถึงขยะที่พวกชาวบ้านทิ้งไว้ถูกกำจัดอย่าง

รวดเร็วด้วยผีเมือของชายหนุ่ม โดยมีพ่อเฒ่าเจ้าของเรือนนั่งเปิบข้าวเหนียว

 หมูย่างและไข่ต้มที่มีคนเอามาให้อย่างสบายอารมณ์

หลังจากกำจัดขยะเรียบร้อย ชายหนุ่มก็บิดผ้าขี้ริ้วดำปิดปีมาเช็ดพื้น

 ถูเรือนแถมให้อีก

พอเสร็จงานท่าความสะอาด พ่อเฒ่าก็จัดการอาหารมื้อเย็นของตัวเอง เสร็จพอดี คนมาช่วยจึงเดินตรงรี่มาหาพร้อมยกมือขึ้นไหว้พ่อเฒ่า

“ผมขอโทษที่พูดจาไม่ดีกับพ่อเฒ่า”

 

กระทุ่มไหว้ของเขาไม่ถึงกับงดงาม แต่ก็ไม่แข็ง'ขืน แสดงความจริงใจที่ มีให้ ทว่าคนรับกลับมองลึกลงไปกว่านั้น

“อย่าขอโทษถ้าเอ็งมไม่ได้สำนึกผิด การขอโทษแต่วาจาไม่ได้ช่วยให้เกิด

การอโหสิได้”

“ผมไม่ได้หวังจะให้พ่อเฒ่าอโหสิ”

“แต่เอ็งก็ไม่อยากให้ข้าโกรธใช่ไหมล่ะ”

ชายหนุ่มผงะไปอีกครั้ง จริงอยู่ เมื่อตอนบ่ายเขาโกรธมาก ร้อนรนดั่งไฟ แต่พอเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มหวั่นระแวง หากพ่อเฒ่าไม่ ‘ดีจริง’ คงไม่มีคนมาหา

จนล้นเรือน ประกอบกับเขาไม่อยากผูกใจเจ็บหรือสร้างสัตรู ที่สำคัญ เรือนของ พ่อเฒ่าเลื่องชื่อนักในแถบลังหวัดชายแดนเขมร ตัวพ่อเฒ่าเองก็ดูจะคล้ายพวก เล่นของ และมีอาคมไม่น้อย ดังนั้นเขาขอปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกว่า เพราะยัง

ไม่อยากมีหนังควายอยู่ในท้อง

“ผมเก็บกวาดเรือนให้แล้ว ก็ถือว่าเลิกแล้วต่อกันนะพ่อเฒ่า ผมลาละ”

ชายหนุ่มไม่ได้ยกมือไหว้อีก เพราะรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต้องมาสวม

หน้ากากไหว้คนไปตามมารยาททั้งที่ในใจไม่เคยเคารพยำเกรง

“เดี๋ยวก่อน ข้ามีอะไรจะให้เอ็ง”

ชายหนุ่มหยุดเหมือนติดเบรก หูผึ่งไปด้วยความกระหายใคร่รู้ แต่พยายาม กักเก็บมันไว้เมื่อยามพ่อเฒ่าหันมา

พ่อเฒ่าเดินกลับขึ้นเรือนโดยมีชายหนุ่มเดินตามไปติดๆ

“ว่ากันว่าโอกาสในชีวิตมีไม่มาก บางคนมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เอ็งก็ เหมือนกันไอ้หนุ่ม โอกาสครั้งเดียวของเอ็งมาไวไปไว เอ็งไม่มีวันตามทัน”

“พ่อเฒ่าหมายความว่ายังไง ผมจะมีโอกาสอะไร”

“ก็แล้วอะไรล่ะที่เอ็งอยากได้นักหนา”

พ่อเฒ่าย้อนถาม ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมรับในที่สุด

“ผมอยากรวย รวยเป็นมหาเศรษฐี”

“นั้นละ เอ็งมีโอกาสงามรออยู่ตรงหน้า”

“จริงหรือพ่อเฒ่า ผมจะรวยใช่ไหม”

“อาจจะ”

“ทำไมถึงอาจจะ”

“เพราะเอ็งมันชั่วน่ะสิวะ นรกไม่เคยปรานีคนชั่ว คนชั่วไม่มีวันได้ดี”

ชายหนุ่มหัวเราะเยาะชนิดที่ไม่ต้องปกปิดอะไรอีกแล้ว

“ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไปนะพ่อเฒ่า” เขาพูดติดตลก แต่คน

ฟังย่อมรู้ดีว่าเขาเชื่อ เขายึดมั่นตามนั้นจริงๆ

“ข้าจะเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะไอ้หนุ่ม ถ้าเอ็งอยากเปลี่ยนใจเป็นคนดีกับ เขาบ้าง ตอนนี้ยังทัน”

“ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ละพ่อเฒ่า ดีที่สุดแล้ว”

“ระวังไว้เถอะ กรรมที่เอ็งก่อจะทำให้ลูกสาวของเอ็งต้องเดือดร้อนไปด้วย คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการทำให้วิญญาณบริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อนอีกแล้ว”

“พ่อเฒ่าพูดอะไร ผมยังโสด ไม่มีลูกไม่มีเมีย แล้วชาตินี้ก็ไม่คิดว่าจะมี

ด้วย ลูกสาวมาจากไหนกัน ไม่มีทาง!”

เขาเบ้ปากตอบพ่อเฒ่า ประสบการณ์ชีวิตในวัยเด็กของเขาเป็นเหมือน

ขุมนรก เขาซึมซับมันจนซาบซึ้ง และไม่มีวันยอมปล่อยให้ตัวเองต้องมีทายาท

เพื่อเสี่ยงต่อการตกอยู่ในนรกขุมนั้นอีกเป็นอันขาด

ผู้หญิง...สำหรับเขาคือสิงบำบัดความใคร่ และแน่นอน...เขาไม่เคยพลาด ให้กับผู้หญิงคนใด ไม่ว่าเธอจะเป็นหญิงสูงศักดิ์เพียงใดก็ตาม

คนอย่างเขาทำเพื่อตัวเอง เขาไม่มีวันจะหาห่วงมาผูกคอให้ต้องคอยเป็น กังวลเป็นอันขาด

“อีกไม่นานหรอกไอ้หนุ่ม เอ็งจะได้ทุกอย่างที่เอ็งต้องการ ได้มา...เพราะ ความสารเลวโฉดชั่วของเอ็งเอง แล้วสุดท้ายทุกอย่างที่เอ็งสร้างมาจะไม่มีอะไร เหลือเพราะผู้หญิงแพศยาเพียงคนเดียว”

“พูดผิดแล้วพ่อเฒ่า คนอย่างผมไม่เคยหลงผู้หญิงคนไหน”

“สามคน...ชีวิตนี้เอ็งจะหลงใหลหญิงสาวถึงสามคน คนหนึ่งเป็นเมีย คน หนึ่งเป็นลูก อีกคนเป็นนางมารร้ายมาเกิด เลวชาติโฉดชั่วเสียยิ่งกว่าที่เอ็งเป็น

เขาถึงได้ว่ากรรมตามสนอง”

เขาหัวเราะแหะๆ ใส่พ่อเฒ่าอย่างไม่รู้จะโต้ตอบว่าอย่างไร หากยืนกราน ว่าไม่มีทางเป็นไปได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นการผูกรัดตัวเองมากเท่านั้น

พ่อเฒ่ามั่งให้เขานั่งคอยที่หน้าองค์พระ แล้วเดินหายเข้าไปในห้องติดกัน ทว่ายังส่งเสียงมาเป็นระยะๆ

“กรรมของเอ็งหนักนัก เป็นกรรมที่เอ็งสร้างขึ้นเองโดยแท้ ข้ารู้ว่าข้าบอก

ให้เอ็งกลับตัวกลับใจไม่ได้ ข้าจึงแค่อยากจะเตือนไว้เท่านั้นว่า ทุกครั้งก่อนที่เอ็ง จะทำเลวกับคนอื่น อย่าลืมเตือนตัวเองด้วยว่า การกระทำนั้นจะคืนกลับไปหา

เอ็งกับลูกสาว และท้ายที่สุดแล้วเอ็งจะต้องตายอย่างทรมาน”

ชายหนุ่มชักเหงื่อตก หน้าผากชุ่มไปหมด อยากเอ่ยปากเถียงแต่ก็จน ปัญญา เขาแค่อยากรู้ว่าพ่อเฒ่าจะให้ ‘ของดี’ อะไรเท่านั้น

พ่อเฒ่าเดินกลับมาแล้ว ดวงตาปูดโปนเพ่งมองชายหนุ่มราวกับสามารถ มองเจาะทะลุเข้าไปถึงตับไตไส้พุงได้

“รับนี่ไป แล้วเอ็งจะกลายเป็นเศรษฐีสมใจอยาก”

ชายหนุ่มซึ่งกำลังยกมือขึ้นปาดเหงื่อหน้าตาสดใสขึ้นท้นใดเมื่อเห็น

พ่อเฒ่ายื่นห่อผ้าขาวมาตรงหน้า เขาอยากรู้แทบขาดใจ ว่ามันจะคุ้มค่าไหมกับ การทนนั่งฟังคำทำนายอนาคตชวนสยองของตัวเอง

แต่แล้วพ่อเฒ่าก็หดมือกลับไม่ยอมให้ชายหนุ่มสัมผัสห่อผ้า แล้วเอ่ยต่อ ด้วยเสียงยานคาง

“ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ทุกอย่างต้องแลกเปลี่ยน”

“พ่อเฒ่าต้องการเท่าไหร่” เขาถามเหยียดๆ

“ข้าไม่ต้องการอะไรจากเอ็ง นอกจากเอ็งต้องเลือก ถ้าเอ็งใช้ของในห่อนี้ เอ็งจะกลายเป็นเศรษฐีเหมือนอย่างที่ฝันไว้ แต่เอ็งจะต้องแลกด้วยความตาย

อันแสนจะทรมานของตัวเอ็งเอง กับอนาคตของลูกสาวที่ต้องดับวูบลงเพราะ ความโลภโมโทสันของเอ็ง”

“แล้วอีกทาง...” เขาถาม

“อีกทาง เอ็งก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน เลิกประพฤติตัวเลวทราม ตํ่าช้า ข้ารับรองว่าไม่เกินยี่สิบปี เอ็งจะรํ่ารวยเช่นกัน รวยด้วยตัวเอง ได้มีเมีย

มีลูก และใช้ชีวิตนั้นปลายตอนอายุเถ้าสิบ ท่ามกลางลูกหลานบริวารมากมาย”

 พ่อเฒ่าหยุดพูดเพื่อให้อีกฝ่ายได้มีเวลาคิด ทว่าชายหนุ่มกลับทำท่าจะ

คว้าห่อผ้าเอาดื้อๆ

“คิดให้ดีไอ้หนุ่ม โอกาสครั้งเดียวในชีวิตเอ็งมาถึงแล้ว”

สินเสียงพ่อเฒ่า ชายหนุ่มก็คว้าห่อผ้ามาเปิดออกดู...

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (2)

เขียนรีวิว

Boa Hancock | 2 รีวิว
11/08/2014

เรือนริษยา เป็นนิยายอีกเรื่องหนึ่งนะคะที่ตัวผู้อ่านเองสนใจที่จะซื้อหามาอ่านหลังจากที่ได้ชมเป็นละครโทรทัศน์ เนื้อเรื่องจะออกเป็นแนวประมาณเกี่ยวกับการฆาตกรรมเพื่อแย่งชิงสมบัติอะไรทำนองนี้แหละค่ะ ตัวเรื่องจะมีเล่าถึงตอนอดีตของรุ่นพ่อแม่ด้วย และก็มีเหตุการณ์ปัจจุบันของรุ่นลูกที่ต้องมาสืบหาความจริงว่าใครกันแน่ที่เป็นฆาตกร เริ่มเรื่องก็จะมีการเล่าถึงตอนอดีตที่นายลิตรนั้นได้พบพ่อเฒ่าคนหนึ่งซึ่งท่านก็ได้เตือนว่าให้กลับตัวเป็นคนดีแล้วจะไม่มีเรื่องเดือดร้อน และอีกทางเลือกหนึ่งคือใช้ของศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านให้แล้วจะรวยขึ้นมาอย่างเร็ววัน แต่ก็จะต้องแลกกับความสุขทั้งหมด แล้วก็จะต้องมีเรื่องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงสามคน แล้วก็ขอตัดมาในตอนปัจจุบันเลยแล้วกันนะคะ ในงานศพของนายลิตร นันทนัชผู้เป็นลูกสาวได้กลับมาจากเมืองนอกเพื่อร่วมงานศพ ซึ่งเธอได้รับจดหมายลึกลับส่งมาให้ และไม่เชื่อว่าการตายของพ่อเธอนั้นเกิดจากอุบัติเหตุแต่คิดว่าฤทัยผู้เป็นแม่เลี้ยงนั้นเป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อเธอและจัดฉากให้เหมือนกับการฆาตกรรม แต่ว่าผลชันสูตรดันออกมาว่านายลิตรเกิดอาการหัวใจล้มเหลว นันทนัชจึงต้องกลับมาเพื่อสืบหาความจริง หาหลักฐานเพื่อจับแม่เลี้ยงเข้าคุกให้ได้ ตั้งแต่วันแรกที่กลับมาก็มีแต่เรื่องเกิดขึ้นตลอดมีคนมาจ้องจะทำร้าย และก็เกิดเรื่องวุ่นวายอีกมากมายเมื่อเธอได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเรือน รัตนะ แห่งนี้ จนได้มารู้จักกับกฤตพนธ์ ทั้งคู่ได้ช่วยกันสืบคดีนี้จนเกิดเป็นความรักของทั้งสองคน แต่เรื่องราวมันก็ไม่ได้ว่าจะจบง่ายๆนะคะ เพราะดันมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีกตัว คือ ทิพย์ น้าสาวที่เลี้ยงดูนันทนัชมาตั้งแต่เล็กเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย สรุปแล้วตัวผู้อ่านเองคิดว่าอ่านหนังสือสนุกน้อยกว่าในละครนิดหนึ่งค่ะ เพราะมีการบรรยายเนื้อเรื่องจะเป็นประมาณวกไปวกมานิดนึง ยังเชื่อมเหตุการณ์ต่างๆไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ได้อีกอารมณ์หนึ่งนะคะแถมอ่านไปแล้วก็ยังได้คิดตามและลุ้นไปด้วยว่าสรุปใครกันแน่ที่เป็นฆาตกรเพราะยังไงแล้วเท่าที่อ่านตอนแรกๆดูท่าว่าจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากฤทัยแม่เลี้ยงที่จ้องจะเอาสมบัติใช่มั้ยล่ะคะ แต่เนื้อเรื่องก็มีการพลิ๊กล็อกไปอีกนะ แถมยังมีบางตอนที่พระเอกนางเอกแอบหวานน่ารักๆใส่กันด้วยแหละค่ะ มีทั้งการหนีคนร้ายแถมนางเอกยังยิงปืนเป็นด้วยนะคะเก่งสุดๆ คาดว่าคุณผู้อ่านที่ชอบนิยายแนวสืบสวนค้นหาความจริง มีการบู๊หน่อยๆอะไรทำนองนี้น่าจะชอบนะคะ เพราะก็ถือว่าน่าอ่านให้จบภายในทีเดียวจริงๆค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
ฐาปนัส | 2 รีวิว
26/07/2014

ผู้เขียน Neananok สำนักพิมพ์ Sugar beat จำนวนหน้าหนังสือ 384 หน้า ตอนแรก ผมเห็นชื่อละคร "เรือนริษยา" นึกภาพออกเลย มันจะต้องเป็นละครไทยแนวพีเรียด ประเภทที่ว่ามีท่านเจ้าคุณเลี้ยงเมียไว้หลาย ๆ คน แล้วก็มาตบตีแย่งชิงสมบัติ ฆ่าผัว ฆ่าเมีย จนเห็นทีเซอร์ละครออกมา อ้าว ไม่ใช่อย่างที่คิด มันก็ละครสมัยใหม่นี่นา ทำไมใช้ชื่อแบบนั้นละ ? ด้วยความสงสัยเลยยอมนั่งดูละครครับ ดูไปได้ครึ่งเรื่อง มันก็โอเคดี เป็นละครแนวสืบสวนสอบสวน คล้าย ๆ ของอกาธา คริสตี้ แต่ที่เหมือนกับที่ผมคิดไว้ทีแรกคือ พ่อนางเอกมีเมีย 4 คน ตายไป 2 เพียงแต่พ่อนางเอกไม่ได้เป็นท่านเจ้าคุณหรือหลวงอะไรสักอย่าง เท่านั้นเองครับ ผมเลยลองไปหาหนังสือมาอ่าน เพราะคิดว่าบางทีปมในหนังสือมันอาจจะซับซ้อนกว่านี้ หรืออาจจะไม่เหมือนละครไปก็ได้ ซึ่งหลังจากอ่านจบ เรื่องราวก็คล้าย ๆ กัน แต่ผมว่าในละครดูสนุกกว่าเยอะนะครับ หนังสือเล่มนี้จะแบ่งเป็น 2 พาร์ท คือพาร์ทอดีต กับพาร์ทปัจจุบันครับ พาร์ทอดีตตคือพาร์ทของ นายลิตร พ่อของนางเอก ที่ได้กำหนดชีวิตและโชคชะตาตัวเองด้วยการทำงานที่ไม่สุจริตและผิดศีลธรรม เพื่อเงินทองและความมีอำนาจ และโชคชะตาก็ทำให้ลิตรได้แต่งงานกับ เรไร สาวแก่ที่ร่ำรวย ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าลิตรแต่งเพราะอะไร เรไรพาลิตรเข้ามาอยู่ใน "เรือนรัตนะ" ในฐานะคุณผู้ชายของบ้าน แต่แล้วลิตรก็ไปตกหลุมรัก รำเพย น้องสาวของเรไร ทั้งคู่ลอบเป็นชู้กันโดยที่รำเพยไม่ได้เต็มใจนัก เพราะไม่อยากทำผิดศีลธรรมแม้จะรักนายลิตรมากแค่ไหน ทั้งคู่ต้องแอบอยู่กันอย่างหลบ ๆ ซ่อน จนกระทั่งรำเพยให้กำเนิด "นันทนัช" เรไรจึงจับได้ว่าทั้งคู่แอบเป็นชู้กัน และสั่งให้คนรถมาฆ่ารำเพยเสีย ลิตรที่แอบรู้เรื่องจึงชิงฆ่าเรไรก่อน เมื่อรำเพยรู้เรื่องจึงเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ลิตรจึงได้เจอผู้หญิงคนใหม่คือ ทิพย์ ที่แอบหลงรักลิตรมาตั้งแต่ลิตรยังยากจน สุดท้ายรำเพยก็ฆ่าตัวตาย ทิพย์จึงกลายเป็นคนเลี้ยงนันทนัชมาตลอดระยะเวลา 15 ปี โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าทิพย์เป็นเมียคนหนึ่งของลิตร และรู้เรื่องทุกอย่างที่ลิตรทำ ลิตรไปเจอผู้หญิงคนใหม่คือ ฤทัย และได้พาเข้าบ้าน สร้างความไม่พอใจให้กับนันทนัชมาก ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างหนัก สุดท้ายลิตรจึงตัดสินใจส่งนันทนัชไปเมืองนอก จบพาร์ทแรกครับ พาร์ทปัจจุบัน เมื่อลิตรเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ แม้จะไม่ค่อยลงรอยกับพ่อ แต่นันทนัชก็ตั้งใจจะกลับมาทวงคืนความยุติธรรมให้กับพ่อ เพื่อแสดงความกตัญญูเป็นครั้งสุดท้าย และยังจับพลัดจับพลู ได้นายทหารหนุ่มรูปหล่อมาเป็นผู้ช่วยและพัฒนาเป็นคนรู้ใจด้วย ซึ่งเมื่อใกล้ความจริงเข้าไปมากเท่าไร ชีวิตของนันทนัชก็ยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากเท่านั้น และเมื่อทุกคนรู้ความจริง ไม่มีใครคาดคิดได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ ในครั้งนี้ จะเป็นคนที่ทุกคนไม่เคยให้ความสนใจเลย รวม ๆ ก็เป็นหนังสือที่ซับซ้อน ดราม่าดีครับ จะเบา ๆ ลงไปบ้าง คือวิญญาณนายลิตรโผล่มาดูลูก แล้วก็บ่น ๆ มันดูตลกดีครับ แต่ภาษาและสำนวนที่บอกเล่าเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ทำออกมาได้ไม่ค่อยดี มันดูเหมือนเด็ก ๆ เลยตัดคะแนนตรงนี้ครับ นอกจากนี้ในหนังสือ การเชื่อมเหตุการณ์ยังทำออกมาได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร คือมันไม่ค่อยสมเหตุสมผล เพราะฉะนั้น การที่ละครสามารถแก้ต่างตรงจุดนี้ได้ ทำให้ละครออกมาสนุกกว่าหนังสือมากครับ

สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024