หนังสือชุด หิมวันต์รัญจวน : ร่ายรักกินรา
มีสินค้าในสต็อค
ประหยัด: 84.00 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 2 รายการราคา 119.00 บาท - 239.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
พบเจอ
ณ เขาจันทบรรพตอันงดงามและร่มรื่น ที่แฝงตัวอยู่ในป่า
เร้นลับทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือถัดจากสระอโนดาต มาหลายโยชน์
เป็นที่ตั้งของเมืองจันทกินนร
แต่กินนรนั้นมิได้เป็นเหมือนกันหมด พวกกินนรและกินรีถูกแบ่ง
ประเภท แบ่งถิ่นฐานที่อยู่อย่างชัดเจน กินนรหมายถึงอมนุษย์ครึ่งนกเพศ
ชาย ส่วนกินรีนั้นหมายถึงอมนุษย์ครึ่งนกเพศหญิง
สูงสุดของพวกกินนรเรียกว่า เทวกินนร เป็นกินนรกึ่งเทพ มีร่างท่อน
บนเป็นเทพ สวมพัสตราภรณ์งดงามด้วยเครื่องทรงอย่างเทวะและท่อน
ล่างเป็นนก อาศัยอยู่ในเมืองเทวนาทกินนรบริเวณเชิงเขาไกรลาสซึ่ง
ปกครองโดยท้าวสคเรศ ต่ำลงมาคือพวกจันทกินนรมีร่างเป็นมนุษย์และ
มีปีก อาศัยอยู่บนยอดเขาจันทบรรพต ปกครองโดยท้าวประทุมเรศ
แล้วก็ยังมีกินนรและกินรีอีกห้าประเภทด้วยกันที่อาศัยอยู่บนเขา
แห่งนี้ อันได้แก่ ทุมกินนร กินนรซึ่งอาศัยอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ ทัณฑมาณ
กินนรอาศัยอยู่แถวสระบัว โกนตกินนร, สกุณกินนร, กัณณปาวรุณกินนร
ซึ่งชอบบินอยู่ทั่วไปในป่าที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติและความอัศจรรย์ที่ถูก
เรียกว่า ป่าหิมพานต์
ภูเขาสูงเรียงตัวสลับซับซ้อน ต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมทั่วผืนป่า ใบไม้
แต่ละใบเขียวขจี ผลไม้ทั่วทั้งพื้นป่าส่งกลิ่นหอมกำจายฟุ้ง ท้องฟ้าสีใส
ราวกับมีเพชรส่องประกายอยู่ด้านบน ผืนน้ำเบื้องล่างระยับเหมือนแก้ว
มรกต สรรพสัตว์ทั้งหลายมีรูปกายแปลกประหลาดและใหญ่โต บ้าง
น่ากลัว บ้างชวนมอง บ้างชวนให้พิศวง
ป่าหิมพานต์ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนและมีสัตว์หลายจำพวก ซึ่ง
อาศัยอยู่ในเขตแดนของตนเอง โดยมีสระอโนดาตที่กล่าวกันว่าน้ำในสระ
จะไม่มีวันแห้งเหือดเป็นจุดศูนย์กลางของป่า โดยบริเวณริมสระอโนดาต
มีท่าน้ำอยู่ทั้งสี่ทิศ ท่าน้ำแต่ละทิศมีรูปร่างเป็นใบหน้าสัตว์ อันได้แก่ หน้า
สิงห์ หน้าช้าง หน้าม้า หน้าวัว ที่เรียกกันในชื่อ สีหมุข หัตถีมุข อัสสมุข
และอุสภมุข
ผู้ที่สามารถลงอาบน้ำ ณ ท่าน้ำเหล่านี้ได้ก็คือเหล่าเทวะ นักบวช
นักสิทธิ์และวิทยาธร สายน้ำจากสระอโนดาตจะไหลออกจากภายใน
โดยผ่านออกไปทางปากของรูปสัตว์ทั้งสี่ ไหลเวียนวนไปรอบสระอโนดาต
ก่อนจะไหลลงสู่มหาสมุทรทั้งสี่ทิศ
ส่วนสัตว์หิมพานต์นั้นก็จะอยู่กันเป็นหลักแหล่งของตนเอง พวกช้าง
หรือครึ่งช้างจะอาศัยอยู่ทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พวก
ครึ่งม้าก็จะอยู่ทิศตะวันตก ทิศใต้จะเป็นพวกวัว กวาง ส่วนพวกสิงห์และ
ครึ่งสิงห์ รวมทั้งมักกะลีผลจะอยู่ในป่าทิศตะวันออก ทั้งหมดนี้คือส่วนผสม
ที่กลายเป็นป่าหิมพานต์
ป่าแห่งนี้สงบสุข เรียบง่าย แต่บางครั้งก็เกิดเรื่องราววุ่นวายได้โดยที่
ไม่มีใครคาดว่าจะเกิด อย่างเช่นตอนนี้ที่เมืองจันทกินนรกำลังเกิดข้อถก
เถียงกันเรื่องการตัดสินใจเด็ดขาดของท้าวประทุมเรศผู้ครองเมือง
ภายในพระตำหนักฝ่ายในซึ่งอยู่ในเขตพระราชวังของเมืองกินนร
ณ พระตำหนักด้านในสุด อันเป็นพระตำหนักเดิมของเจ้าหญิงมาลี
เยาวเรศพระขนิษฐาของท้าวประทุมเรศ แต่เพราะอภิเษกสมรสกับกินนร
ซึ่งเป็นราชองครักษ์และได้ออกจากพระราชวังไป ธิดาที่ถือกำเนิดมาจึงไม่ได้
รับพระยศใดนำหน้า แต่สองปีต่อมาเจ้าหญิงมาลีเยาวเรศกับราชองครักษ์
หนุ่มเสียชีวิตลงในป่าลึก เนื่องจากหมดอายุขัยการเป็นชาวหิมพานต์
เทพารักษ์จึงพาธิดาตัวน้อยมาส่งให้ที่เมืองจันทกินนรด้วยความสงสาร
ท้าวประทุมเรศรับธิดาตัวน้อยมาอยู่ด้วยและให้อยู่ที่พระตำหนัก
เดิมของเจ้าหญิงมาลีเยาวเรศผู้เป็นพระมารดา แล้วนับตั้งแต่นั้นมา กินนร
และกินรีในวังก็รู้จักนางในฐานะท่านหญิงมาลัยเยาวเรศ พระราชนัดดา
ของท้าวประทุมเรศ ที่โปรดไม่ต่างอะไรกับพระธิดาทั้งสิบสองของพระองค์
เลย
ทว่าบัดนี้รับสั่งของท้าวประทุมเรศกลับทำให้ท่านหญิงน้อยกลืน
ไม่เข้าคายไม่ออก
“พระมาตุลา3 !” ท่านหญิงน้อยร้องเสียงหลงกับข้อสรุปและรับสั่ง
ของพระมาตุลาที่ทำให้หล่อนแทบล้มทั้งยืน เมื่อท้าวประทุมเรศรับสั่งให้
หล่อนเข้าพิธีดูตัวและหมั้นหมายในวันพรุ่งนี้
“เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ยกเว้นแต่พระองค์จะทรงยืนยัน
เหมือนเช่นที่ผ่านมา เจ้าก็รู้นี่หลานรักว่าพระองค์ทรงเป็นเทวกินนร แต่
พวกเราไม่ใช่”
“แต่หม่อมฉัน...”
“ไม่มีแต่ มาลัยเยาวเรศ”
ท้าวประทุมเรศทรงยืนกราน มาลัยเยาวเรศฟังแล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบ
ไปจนกระทั่งท้าวประทุมเรศเสด็จออกจากพระตำหนักไป หล่อนยังนั่งนิ่ง
อยู่ที่เดิมด้วยความคิดที่สับสนวุ่นวายไปหมด เพราะการถูกสั่งให้เข้าพิธี
ดูตัวและหมั้นหมายกับผู้ที่ได้สมญานามว่า ‘มายาจันทรคราส’ มันไม่ใช่
เรื่องน่าพิสมัยเลยแม้แต่นิดเดียว
หล่อนจำได้ดีถึงภาพครั้งยังเยาว์วัย ตอนที่ได้เห็นเจ้าชายเทวกินนร
ผู้นั้นในระยะไกลในงานฉลองของเมืองจันทกินนรที่ท้าวสคเรศกับพระชายา
และเจ้าชายอิลวราชเสด็จมาด้วย แม้เห็นพระองค์ในระยะไกล แต่เสี้ยว
พระพักตร์ด้านข้างก็ทำให้ชวนนึกถึงสมญานามว่าคงเป็นเรื่องจริง แล้วยัง
วันที่เสด็จมาอีกในครั้งหลังและหล่อนได้เห็นความโกรธของพระองค์กับตา
แม้จะไกลเพียงนั้นก็ดูน่ากลัวแล้ว
“ไม่เอาหรอก ยังไงก็ไม่เอา ข้าไม่ยอมดูตัว ไม่หมั้นเด็ดขาด กับ
เทวกินนรผู้นั้น ทรงน่ากลัวเกินไป!” หล่อนบอกแล้วหันไปทางนางข้าหลวง
ที่เข้ามาปลอบใจ
“โธ่ ท่านหญิงเพคะ เข้าพิธีดูตัวเถอะเพคะ บางทีอาจเป็นเหมือน
กับคราวที่ผ่านมาก็ได้นะเพคะ” นางจันทากินรีนางข้าหลวงเอ่ยและอ้าง
ถึงกรณีที่ผ่านมา เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท้าวสคเรศกับท้าวประทุมเรศมี
ดำริเรื่องการอภิเษกสมรสของเจ้าชายและเจ้าหญิงเมืองกินนรทั้งสอง แต่
มันเป็นครั้งที่สิบสามแล้ว ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมากับพระธิดาทั้งสิบสอง
พระองค์ของท้าวประทุมเรศ ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง เพราะเจ้าชาย
อิลวราช เทวกินนรผู้นั้นทรงไม่ยอมอภิเษกสมรสง่ายๆ แม้จะแค่ให้มาดูตัว
ว่าที่พระคู่หมั้นคู่หมายก็ยังไม่เคยเสด็จมาเลยด้วยซ้ำ
แต่ท้าวประทุมเรศก็มิเคยโกรธเคืองแม้แต่น้อย เพราะศักติของ
เทวกินนรที่สูงกว่าย่อมมีสิทธิ์เลือกกินนรที่อยู่ระดับชั้นเหนือกว่าเสมอ แต่
ด้วยความที่ทรงเป็นพระสหายต่อกัน ระหว่างท้าวสคเรศผู้ปกครองเมือง
เทวนาทกินนรกับท้าวประทุมเรศผู้ครองเมืองจันทกินนร ก็ทรงหารือกัน
บ่อยครั้งว่าด้วยเรื่องการจับเจ้าชายอิลวราชอภิเษกสมรสและต้องทำให้
สำเร็จให้ได้ด้วย แต่ดูเหมือนว่าจะหาสำเร็จไม่ เพราะแค่ท้าวสคเรศเอ่ยปาก
เตรียมทาบทาม เจ้าชายอิลวราชก็เผ่นหนีหายไปเสียทุกครั้ง จนหลายฝ่าย
คิดว่าหากท้าวสคเรศกับท้าวประทุมเรศไม่ได้เป็นพระสหายกันมาก่อน คง
ได้ขุ่นข้องหมองพระทัยกันเป็นแน่แท้ ที่เจ้าชายอิลวราชทรงทำเหมือนกับ
ระธิดาของท้าวประทุมเรศไม่ดีพอสำหรับพระองค์!
“ไม่เอาหรอก เจ้าก็รู้ว่าพระองค์น่ากลัวเพียงใด” คนไม่ยอมดูตัว
ไม่ยอมหมั้นยืนยันท่าเดียว
“ท่านหญิงเคยเห็นเจ้าชายหรือเพคะ”
“เคยสิ...” หล่อนตอบแล้วลดเสียงลง “แต่เห็นแค่แวบเดียว ไกลๆ
นะ”
“แต่พวกเทวกินนรบอกว่า เจ้าชายอิลวราชมีพระสิริโฉมงดงามยิ่ง
นะเพคะ” นางจันทาพยายามหว่านล้อมเต็มที่ทั้งที่ดูก็รู้แล้วว่าไม่สำเร็จแน่
ถ้าเจ้าชายอิลวราชทรงมีความคิดเป็นของพระองค์เองมากเพียงใด ท่าน
หญิงมาลัยเยาวเรศก็มีความคิดของนางเองมากเช่นนั้น แล้วพอบวกกับ
ความกลัวจากการกล่าวขานของพระธิดาทั้งหลายที่เคยเล่าประทาน
เกี่ยวกับเจ้าชายพระองค์นั้นให้ฟังก็ยิ่งไปกันใหญ่
ทั้งเรื่องที่ทรงดุดัน ทั้งเรื่องที่ทรงเข้าร่วมการศึกในศึกครุฑยุดนาค
กับท้าวสคเรศ จนได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากจอมพญาแห่ง
ฉิมพลี ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ท่านหญิงมาลัยเยาวเรศกลัวเจ้าชายอิลวราช
มากขึ้นไปอีกเท่าตัว
“ไม่ว่าจะมีพระสิริโฉมงดงามเพียงใด แต่เมื่อทรงได้ชื่อว่าเป็น
‘มายาจันทรคราส’ ย่อมน่ากลัวอยู่ดี”
นั่นคือการสรุปสุดท้ายของท่านหญิงมาลัยเยาวเรศ โดยไม่มีใคร
คาดคิดเลยว่า กินรีน้อยผู้แสนโสภาจะกล้าหาญถึงขั้นหนีออกจากเมือง
จันทกินนรและหนีออกจากป่าหิมพานต์ไปในเวลาต่อมา เพียงเพราะ
ไม่ต้องการหมั้นหมายกับเจ้าชายผู้น่าหวาดหวั่นพระองค์นั้น!
ยามสนธยาท้องฟ้าเหลือบสีสันงดงาม ธรรมชาติที่ซ่อนเร้น
ได้เผยตัวตนอีกด้าน มิติที่เหลื่อมซ้อนกับบานประตูที่ผู้คนต่างค้นหา แต่
กลับไม่เคยมีผู้ใดได้พานพบ
แสงหนึ่งสว่างวาบออกมาจากแนวป่าทึบห่างจากน้ำตกอันงดงาม
ที่อยู่ในเขตผืนป่าเดียวกันไปไม่มาก ซึ่งเป็นบริเวณภูเขาอันอุดมสมบูรณ์
ของกาญจนบุรี ภายในบริเวณลึกลับที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้เลยว่าพื้นที่รัศมี
โดยรอบจากน้ำตกกินพื้นที่หนึ่งกิโลเมตร จะมีความเร้นลับซ่อนตัวอยู่
เสียงแหวกอากาศดังแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆ ทวีความดังมากขึ้น
พร้อมกับร่างที่บินโฉบลงมาเหนือหลังคารถที่จอดอยู่ ปลายเท้าที่เหมือน
กับขานกยักษ์มีอาภรณ์ทองคำประดับข้อเท้า ค่อยแปรเปลี่ยนเป็นรองเท้า
บูตและเหยียบลงบนหลังคารถ แม้ไม่แรงแต่ก็ทำให้รถยนต์อเนกประสงค์
สะเทือนได้พอประมาณ หัวเข่าอีกข้างคุกเข่าลงเพื่อช่วยพยุง ‘การลงจอด’
ก่อนที่ร่างนั้นจะยืดกายขึ้นยืนตรงและอาภรณ์ทั้งหมดก็เปลี่ยนไปกลาย
เป็นเสื้อผ้าของมนุษย์ แต่ท่วงท่าของผู้มาเยือนนั้นบ่งบอกถึงความยโส
โอหังชัดเจน
ใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลเป็นสิ่งที่แปลกที่สุด
สำหรับมนุษย์ แต่คงไม่เท่ากับปีกสีเขียวเลื่อมอำพันที่กางอยู่บริเวณช่วง
สะโพกดูอ่อนช้อยและงดงามระยิบระยับ ยิ่งยามที่ส่องสว่างเรืองรอง
ท่ามกลางบรรยากาศที่มืดลง ก็ยิ่งดูงดงามจับตาเข้าไปใหญ่
คนบนหลังคายิ้มแล้วจึงบินโฉบลงมา ยามเมื่อคนที่ยืนกอดอกอยู่
ใกล้ๆ รถยนต์หันมาหา เพราะรับรู้ได้ถึงการมาของเขา ชายคนนั้นดัน
ดั้งแว่นขึ้นพร้อมกับเปรยออกมาคำแรก
“ช้าจริงนะอิลวา”
เจ้าของนามอิลวากระตุกยิ้มแล้วยื่นมือไปตรงหน้า ใช้นิ้วชี้และ
นิ้วกลางแตะลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายแล้วหลับตาเพื่อถ่ายทอดบางอย่าง
ให้อีกฝ่ายรู้ถึงเหตุผลการมาช้าของตนเอง มโนภาพต่างๆ ถูกป้อนเข้าใส่
ทั้งหมดและเมื่อภาพดับวูบลง เสียงเปรยอย่างหนักใจของคนถูกฉายภาพ
ให้เห็นก็ดังตอบมา
“เจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนนะอิลวา”
“ข้านึกว่าเจ้าชินแล้วเสียอีก เหมราช...” ชายหนุ่มผู้มีปีกงดงาม
ตอบกลับก่อนจะหุบปีก ทำให้มันหายไปด้วยอำนาจวิเศษที่พอเก็บความ
ลี้ลับของอำนาจวิเศษไว้ เขาก็กลายเป็นหนุ่มหล่อที่ทำให้หัวใจของสาวๆ
ต้องหลอมละลายได้เลยทีเดียว
“ข้าคงชินได้ยาก ตราบใดที่เจ้ามาพร้อมปัญหาทุกครั้ง...อิลวราช”
หนุ่มแว่นผู้ชื่อเหมราชและมีดีเป็นถึงดอกเตอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านพืช
สวนและนักวิจัย เอ่ยนามเต็มของอีกฝ่ายออกไปแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
อีกระลอก ก่อนจะเริ่มสิ่งที่ทำให้คนที่เพิ่งหุบปีกตัวเองไปหมาดๆ ต้องยกนิ้ว
ข้างหนึ่งขึ้นอุดหูตนเอง
“เจ้าคิดว่าหนีมาถึงตรงนี้แล้วจะรอดไปได้จริงๆ หรืออิลวา ถึงเจ้า
จะรอดมาแล้วสิบสองครั้ง แต่อาจไม่มีครั้งที่สิบสามก็ได้ กี่ปีแล้วนะที่เจ้า
ปฏิเสธ โอ้! ใช่ ข้านึกออกแล้ว หนึ่งร้อยสิบเก้าปีของหิมพานต์ ข้าว่าก็
สมควรแล้วที่เจ้าจะโดน ‘เด็ดปีก’ เสียบ้าง”
เหมราชบอกแล้วทำหน้าบึ้งใส่คนที่ยังเอามือข้างหนึ่งอุดหูไว้ด้วย
ท่วงท่าจงใจยั่วประสาทชัดเจน แถมยังมีหน้าโต้กลับมาด้วยอีกว่า
“พูดแบบนี้หรือว่าเจ้าอยากโดน ‘ดึงหาง’ บ้าง ข้าจะได้รีบไปเป็น
พยานให้เลย”
คำพูดของอิลวาที่เน้นชัดไปถึงรูปลักษณ์แท้จริงของอีกฝ่าย เหมราช
ได้แต่ทำเสียงฮึในลำคอก่อนจะตอบต่อถ้อยคำนั้นกลับไป
“ข้าดูเหมือนคนอยากมีห่วงผูกคอหรือไง”
ดอกเตอร์หนุ่มสวนกลับแล้วเดินอ้อมท้ายรถไปเพื่อเปิดประตู เขา
กดรีโมตให้ปลดล็อกแล้วจึงเปิดประตูด้านคนขับขึ้นไปนั่งระหว่างรอให้
อีกฝ่ายตามขึ้นมาบนรถพร้อมกับคำตอบที่ถามค้างไว้ถูกส่งมา
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)
รีวิว (1)

26/06/2014
“ร่ายรักกินรา” เป็นเรื่องของ “อิลวราช” เจ้าชายชนชั้นสูงสุดของพวกกินนรค่ะ เพราะมีศักดิ์เป็นถึงเทวกินนร พระเอกโดนคลุมถุงชนจับให้หมั้นหมายกับ “มาลัยเยาวเรศ” เจ้าหญิงกินรี แต่ดันดื้อไม่อยากแต่งงาน เลยหลบหนีการดูตัวไปได้ทุกครั้ง หารู้ไม่ว่านางเอกก็กลัวเขาเช่นกัน เพราะเคยได้ยินว่าเขามีนิสัยมุทะลุ เพราะเคยไปช่วยครุฑรบในศึกครุฑยุดนาค แล้วบินผ่านพระจันทร์ก่อเกิดภาพเงามืดดูน่ากลัว จนเกิดเสียงร่ำลือถึงความโหด จนได้สมญานาม “มายาจันทรคราส” ทั้งคู่ต่างหลบหนีไปยังโลกมนุษย์ แต่หนียังไงก็หนีไม่พ้นเมื่อทั้งคู่ได้พบกันโดยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร นางเอกก็ปลอมตัวเนหญิงสาวชาวมนุษย์ นามว่า “มะลิ” แต่พระเอกเราที่เป็นถึงเทวกินนรไม่ใช่ไก่ก่อนให้หลอกง่ายๆ เลยรู้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนธรรมดา จึงวางแผนสืบหาความจริง สืบไปสืบมาทั้งคู่กลับหลงรักกันโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่ยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริง ความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไรต้องไปติดตามอ่านในเล่มค่ะ นิยายเรื่องนี้แปลกกว่าเรื่องอื่นๆในชุด เพราะพระเอกกับนางเอก เป็นสัตว์หิมพานต์ทั้งคู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความเหมาะสมหรืออายุขัย ช่วงแรกๆของเรื่องจะบรรยายถึงการที่ทั้งคู่หนีการดูตัว มาอยู่บนโลก พระเอกนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะชอบหนีเที่ยวเป็นประจำอยู่แล้ว แถมยังเป็นเป็นเทพอีก เลยเข้าออกโลกมนุษย์ได้เป็นว่าเล่น ผิดกับนางเอกที่ไม่ได้มีพลังอำนาจเหมือนพระเอก ไม่เคยมาเยือนโลกมาก่อน เธอเลยดูตื่นกลัวกับโลกแปลกใหม่ค่ะ แต่ขนาดหนีจากป่าหิมพานต์มายังไม่พ้นโคจรมาเจอกันอีก ทั้งคู่ไม่เคยเห็นกันมาก่อนเลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร พระเอกรู้แค่นางเอกไม่ได้เป็นคนปกติเพราะนางเอกมีออร่าไม่เหมือนพวกมนุษย์ แต่แกล้งแอ๊บไม่รู้ ใช้โอกาสแอ๊บตีเนียนเข้าใกล้นางเอกเพื่อสืบหาความจริง ใกล้ชิดกันไปมาเลยตกหลุมรักกันทั้งคู่ มีหลายครั้งค่ะ ที่พระเอกและนางเอกเกือบจะรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่าย แต่พลาดตลอด กว่าจะรู้ความจริงลุ้นจนตัวโก่ง อีกคู่ที่ดิฉันชอบของเรื่องนี้คือคู่เพื่อนสนิทพระเอกซึ่งเป็นสัตว์หิมพานต์เหมือนกันแต่หนีมาพำนักอยู่บนโลก กับสาวข้างบ้าน แซบเว่อร์ไม่แพ้คู่หลัก สารภาพเลยว่าบางช่วงอ่านแล้วฟินกว่าคู่พระเอกค่ะ 555 กลับเข้าเรื่องมาที่พระเอกนางเอกต่อ พอรู้ความจริงพระเอกก็โกรธนะคะที่นางเอกปิงบัง นางเอกก็ตกใจเมื่อต้องมารักคนที่ตัวเองพยายามหนีมาตลอด ลึกๆดิฉันว่านางเอกยังแอบกลัวๆ พระเอกอยู่ และเพราะอยู่บนโลกนานๆทำให้นางเอกร่างกายอ่อนแอ พระเอกเลยต้องพากลับป่าหิมพานต์ การหนีออกจากป่าหิมพานต์สำหรับพระเอกอาจจะไม่เป็นไรเพราะเป็นถึงเทพ ส่วนนางเอกมีศักดิ์ต่ำกว่า เลยต้องถูกลงโทษค่ะ ฉากนี้น่าสงสารนางเอกมากๆ T-T อุปสรรคความรักยังไม่หมดแค่นั้น เพราะนางเอกไม่ยอมรับกับคนอื่นว่ารักพระเอก พระเอกเลยต้องหาวิธีทำให้นางเอกยอมรับหัวใจตัวเองให้ได้ แผนการของพระเอกคืออะไร แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ว่าบทสรุปสุดท้ายยังไงเธอก็หนีไม่รอด เพราะโดนเทวกินนรวางแผนหลอกล่อหวัทั้งงตัวและหัวใจของเธอ