Kiss of Mars ปฏิบัติการยึดรัก ข้ามดวงดาว
ประหยัด: 141.75 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
Men are from Mars, Women are from Venus
But… why he always says
‘I come from Jupiter’…?
บทนำ
ฉันเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งมาตั้งแต่เด็ก...
หนังสือที่เปรียบเปรยเอาไว้ว่าผู้หญิงกับผู้ชายต่างมาจากคนละดวงดาว...ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ส่วนผู้หญิงมาจากดาวศุกร์ ตอนแรกที่อ่านฉันว่ามันก็เฉยๆ แต่จนกระทั่งเริ่มโตขึ้นถึงได้เข้าใจว่ามันน่าจะเป็นความจริง
‘ดาวศุกร์ หรือ Venus’ ดาวที่เปรียบกับเพศหญิง...
ดาวเคราะห์ที่ถัดออกมาจากพระอาทิตย์เป็นอันดับที่สองรองจากดาวพุธ ดาวเคราะห์ที่สุกสว่างที่สุดบนท้องฟ้า มีความสว่างเป็นรองแค่ดวงจันทร์กับพระอาทิตย์เท่านั้น ใครๆ ก็เชื่อว่าดาวศุกร์คือเทพธิดาแห่งความรัก และเพราะอย่างนั้นจึงเปรียบได้กับเพศหญิง
‘ดาวอังคาร หรือ Mars’ ดาวที่เปรียบกับเพศชาย...
ดาวเคราะห์สีแดงที่อยู่ถัดไปจากโลก เป็นดวงดาวลำดับที่สี่ในกาแล็กซี่ทางช้างเผือก ดาวที่ใครๆ ต่างก็เชื่อกันว่าเป็นเทพแห่งสงครามและการสู้รบ หรือเรียกง่ายๆ ว่าเทพที่นิยมใช้ความรุนแรงประมาณนั้น ในดาวอังคารยังมักมีพายุลูกใหญ่ๆ พัดปกคลุมบ่อยครั้ง แม้ว่ามันจะอยู่ห่างไปจากโลก แม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กกว่าโลก แต่ก็ยังอุตส่าห์จะถูกนำมาเปรียบเทียบว่าใกล้เคียงคล้ายคลึงกับโลก
ฉันว่า...พวกผู้ชายก็เหมือนกับพวกมนุษย์ต่างดาวที่มาจากดาวอังคารนี่แหละ
แม้ว่าหน้าตารูปร่างจะดูเหมือนมนุษย์โลกทั่วไป แต่กลับเป็นพวกบ้าเลือด ชอบใช้ความรุนแรง ชอบการสู้รบแข่งขัน แถมยังอารมณ์ขุ่นๆ เหมือนมีพายุเป็นระยะ ดังนั้นพวกผู้ชายจึงเป็นสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่น่ารำคาญมากที่สุดเลยก็ว่าได้ พอได้มาอยู่บนโลกจริงๆ ก็ยิ่งทำตัวดี๊ด๊าเจ๊าะแจ๊ะ ไม่น่าไว้ใจกันหมด
เอาเถอะ...ฉันก็มีเหตุผลของฉันนะ
และเพราะแบบนั้น ฉันเลยย้ายมาเรียน มงปลาย อยู่ที่โรงเรียนสตรีมารีอาซึ่งเป็นโรงเรียนสตรีล้วนเพื่อป้องกันตัวเองจากบรรดามนุษย์ดาวอังคารที่น่ารำคาญทั้งหลายจากโลกภายนอก
หวังแต่ว่า...สถานที่พักพิงและชีวิตสงบสุขของฉันจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกนานๆ นะ...
1
มนุษย์ดาวอังคารมีอยู่จริง
“อืม สั่งอะไรดีน้อ”
เสียงแจ๋วๆ แสนสดใสของปั้นชาเพื่อนสนิทของฉันดังขึ้น หลังเลิกเรียน ปั้นชา รุ้ง และฉันนัดกันออกมากินไอศกรีมในห้างเพื่อเลี้ยงฉลองที่นานๆ ปั้นชาจะมีวันหยุดจากการทำงานพิเศษแล้วได้ออกมาเที่ยวกับเพื่อนบ้าง
“อันนี้น่ากันจิง เอามิกซ์เบอรี่ค่ะ”
“คุกกี้แอนด์ครีมซันเดค่ะ”
ฉันกวาดตามองเมนูในมือไปมาพร้อมกับฟังเสียงสดใสของเพื่อนสั่งออเดอร์ไปด้วย
เมื่อกี้ฉันบอกว่าเรามากินไอศกรีมเพราะฉลองที่ปั้นชาไม่ต้องไปทำงานพิเศษใช่มั้ย ไม่ต้องแปลกใจหรอก แบบว่างานที่ปั้นชาทำอยู่มันเป็นงานพาร์ตไทม์ยามเย็น คืองานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้าน Evening Café น่ะ
อย่างว่า...มันเป็นงานที่ฉันเคยพยายามห้ามเอาไว้แล้วล่ะนะ
“ขอชาเขียวปั่นแล้วกัน”
“ค่ะ”
ฉันสั่งเป็นคนสุดท้ายและยื่นเมนูไปให้พนักงานร้านเก็บไปก่อนจะถอนหายใจยาว
“หือ? ถอนหายใจอะไรของเธอน่ะเพลงขลุ่ย”
“เปล่า”
รุ้งถามพร้อมส่งสายตาอาฆาตมาให้ แต่ฉันส่ายหน้าปฏิเสธแล้วแกล้งทำเป็นก้มอ่านหนังสือเล่นๆ
เฮ้อ...ฉันไม่ชอบออกมากินไอศกรีมที่นี่เลยสักนิดแต่กลับโดนรุ้งลากมาซะได้ จะปฏิเสธขนาดไหนก็ไม่เคยสำเร็จซะด้วยสิ สุดท้ายก็ต้องเลยตามเลยมาด้วยอยู่ดี
ปั้นชาก็อีกคน ตอนที่ไปทำงานพิเศษช่วงแรกๆ ฉันออกจะเห็นเป็นทุกข์เหลือทน แต่ไหงไปๆ มาๆ พอได้เวลาเย็นใกล้เลิกเรียนทีไรต้องนั่งฮัมเพลงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวตลอดเวลา อย่างกับรอเวลาไปทำงานจนห้ามใจไม่อยู่อย่างนั้นแหละ
ฉันชื่อเพลงขลุ่ย เป็นชื่อที่ปั้นชาชอบบ่นให้ฟังเสมอว่ามันยาว แถมยังตัดเป็นคำๆ เป็นชื่อเพลงหรือชื่อขลุ่ยไปก็ได้... ชื่อฉันยาวก็จริง แต่ฉันว่ามันก็เพราะนะ แถมฉันว่าชื่อปั้นชาก็ไม่ได้สั้นไปกว่าชื่อเพลงขลุ่ยเลยสักนิด
“...”
ฉันเงยหน้าขึ้นจากการพยายามอ่านหนังสือในมือทั้งที่ไม่ได้อ่าน เห็นรุ้งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกวาดตาสำรวจไปมารอบร้านอย่างแสนสุขสม ฉันกับปั้นชาเลยหันมองตามสายตาของรุ้งไปบ้าง
“มองอะไรน่ะ”
สายตาของรุ้งคงน่าสงสัยเป็นพิเศษ แม้ว่าจะพอรู้คำตอบอยู่แล้วก็เถอะว่ารุ้งมองอะไร แต่ปั้นชาเพื่อนผู้ใสซื่อของฉันก็ยังหันหน้าไปถามกับรุ้งอย่างสงสัย
“แหม มองอาหารตาไง หุๆ”
คำตอบนั้นมาพร้อมสายตาที่ดูแฮปปี้มากเป็นพิเศษเหลือเกิน เมื่อมุมหลายมุมยามที่รุ้งกวาดตาไปมองนั้นมีผู้ชายหน้าตาดีๆ ยืนอยู่ทั่วไปหมด
เฮ้ออออ...การได้มาอยู่ในดงมนุษย์จากดาวอังคารพวกนี้มันมีความสุขมากเลยหรือไงกันนะ
“นี่ๆ ปั้นชา เพลงขลุ่ย ผู้ชายคนนั้นก็หล่อใช่เล่นแฮะ”
รุ้งชี้นิ้วไปที่พนักงานเสิร์ฟชายคนหนึ่งด้วยสายตาหื่นๆ เฮอะ...หน้าตาดีจริงอยู่หรอก แต่เก๊กหล่อจนเหมือนเกย์ไปนิด ซ้ำยังดูท่าจะกันคิ้วจนโก่งอีก นั่นผู้ชายแน่เหรอ แหยะ
“หล่อเนอะ ผู้ชายอะไรดูดีน่าซบน่าไซ้”
“น้อยหน่อยเถอะ โรคหอบหื่นขึ้นแล้วหรือไง”
เฮ้อออ... ฉันล่ะกลุ้มใจกับเพื่อนตัวเองจริงๆ
“อุ๊ย ปั้นชา เพลงขลุ่ย นายคนนั้นหันมาโบกมือให้ฉันล่ะ สงสัยใจตรงกันแหง หุๆ”
“แกมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอรุ้ง”
ดูท่าว่าปั้นชาจะรับเพื่อนไม่ได้เช่นเดียวกับฉันล่ะนะ
“แหม อย่าเพิ่งพูดถึงหมอนั่น พอดีฉันโสดเสมอเมื่อชาติต้องการน่ะสิ อ่ะโฮะๆ”
“อุ๊ย ทักทายเขาตอบดีกว่านะ”
รุ้งเริ่มยกมือขึ้นโบกไปมากลับไปให้พร้อมกับจีบปากจีบคอหัวเราะปากจู่ๆ เหมือนบรรดาคุณนายไฮโซทักทายเพื่อนฝูง
นี่สาบานว่าเธอมีแฟนแล้วนะ
“อุ๊ย เดินมาแล้วล่ะ อ่ะโฮะๆ”
รุ้งยังคงโบกมือยู่แบบนั้นพร้อมกับส่งเสียงพูดออกจากปากโดยที่ไม่ขยับให้ปากผิดรูปไปจากรอยยิ้มจู๋ๆ ของตัวเอง ก็จริงแฮะ...พนักงานเสิร์ฟคนนั้นทำท่าเดินมาที่โต๊ะของเราจริงๆ แล้วจะเดินมาทำไมกัน...หรือเพราะนึกว่ารุ้งจะสั่งอะไรเพิ่ม
“ไม่เห็นนานเลยนะครับเนี่ย”
แต่ไม่ใช่แบบนั้น...เมื่อพนักงานเสิร์ฟหน้าใสเหมือนเกย์คนนั้นเดินเข้ามาส่งยิ้มทักทายรุ้งก่อนเอ่ยถามด้วยประโยคเหมือนรู้จักกันดีมาก่อน เดาเอาก็รู้ว่ามุกตื้นๆ เก่าๆ เน่าๆ ควรเก็บเอาไปทิ้งชัดๆ
“อ้อ...พอดีวันนี้ว่างน่ะค่ะ เลยมา หุๆ”
ยัยรุ้งก็ดันทำท่าเหมือนรู้จักกันตอบกลับไปด้วยนะ แล้วว่างตรงไหนเหรอ...ได้ข่าวว่าอาจารย์เพิ่งสั่งการบ้านมาล้นหัวเลยนะ
“แล้วนี่สั่งอะไรกันเหรอครับ”
“คุกกี้แอน์ดครีมซันเดจ้า”
“มิกซ์เบอรี่”
“อ้อ...แล้ว...”
นายพนักงานเสิร์ฟนั่นถามรุ้งกับปั้นชาที่จำต้องตอบตามมารยาทเสร็จก็หันหน้ามาทางที่ฉันยังไม่ตอบคำถามพร้อมผายมือและเว้นช่องว่างเอาไว้ให้เติมคำ
“ห้องน้ำ”
“หา?”
รุ้ง ปั้นชา และนายหน้าเหมือนเกย์นั่นร้องครางพร้อมกัน เนื่องจากฉันเพิ่งตอบคำถามที่ว่าฉันสั่งอะไรไปว่า ‘ห้องน้ำ’
“ฉันจะไปห้องน้ำ”
“อ้อ...เออ ไปสิ”
ฉันพูดต่อให้เต็มประโยค รุ้งเลยพยักหน้ายินยอมให้ไปแต่โดยดี
เฮ้อออ...ฉันไม่ชอบร้านนี้เลยจริงๆ นะ
รุ้งกับปั้นชาชอบหัวเราะฉันเสมอเวลาที่ถามฉันว่าไม่อยากมีแฟนบ้างเหรอแล้วฉันส่ายหน้าบอกว่าไม่อยากข้องเกี่ยวกับพวกดาวอังคาร ปั้นชากับรุ้งก็ได้แต่หัวเราะหึๆ ในความคิดฉัน บอกว่าฉันอาจจะขึ้นคานตายได้เพราะความคิดแบบนี้นั่นแหละ
แต่ทำไงได้ในเมื่อฉันรู้สึกเกลียดผู้ชายจริงๆ นี่นา คนพวกนี้ไว้ใจไม่เห็นได้สักคน ถ้าให้มองก็คงมีแต่พวกมนุษย์ดาวอังคารเต็มไปหมด อย่างนายหน้าเกย์เมื่อกี้ก็คนหนึ่ง ดูชีกอเจ๊าะแจ๊ะไม่เข้าเรื่อง ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
“หือ?”
เพราะความรีบร้อนไปนิด พอจะล้วงเอาโทรศัพท์ออกมากดให้ลุงชาติขับรถมารับ ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋ากระโปรงก็ดันหลุดออกมาด้วย และฉันก็คว้าเอาไว้ไม่ทันจนมันปลิวไป...
ปลิวไป...ตกลงพอดีตรงหน้ารองเท้าของใครคนหนึ่งที่เพิ่งเดินผ่านมา แถมยังดูท่าว่าจะเป็นเท้าของพวกมนุษย์ดาวอังคารอีกต่างหาก (ดูจากรองเท้าหนังของผู้ชาย)
และมันก็จริงอย่างที่คิด เมื่อคนที่ฉันเงยหน้าขึ้นไปสบตาด้วยเป็นผู้ชาย...เขาสมควรได้รับคำว่า ‘มนุษย์ดาวอังคาร’ เพราะนายนี่เป็นผู้ชายที่มีหน้าตากวนอารมณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบเห็น ใบหน้าดูนิ่งๆ แต่นิ่งแบบเหมือนพร้อมจะหาเรื่อง มีอยู่สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันยังคงมองหน้านายนี่ต่อไปอีกหน่อย นั่นก็เพราะความประหลาดใจเมื่อได้เห็นดวงตาสีน้ำเงินเหมือนกับน้ำทะเลคู่นั้น...
“...”
“...”
ฉันกับนายนี่จ้องหน้ากันโดยที่ฉันไม่ได้พูดอะไร หมอนั่นก็ไม่ได้พูดอะไร ความเงียบเกิดขึ้นอยู่พักใหญ่ก่อนที่มนุษย์ดาวอังคารตาสีน้ำเงินนี่จะปริปากพูดออกมาก่อน
“ทิ้งมาทำไม”
“...”
“จะเก็บก็ไม่เก็บ ถ้าไม่เก็บฉันจะเหยียบล่ะนะ”
ฮึ่ยยย...หมอนี่กล้าดียังไงเนี่ยยย!!!
ปกติถ้าเป็นของของคนอื่นที่ไปตกอยู่ตรงปลายเท้าตัวเอง เป็นใครก็ต้องช่วยหยิบมาให้สิ! แถมนายนี่ยังเป็นผู้ชาย ส่วนฉันเป็นผู้หญิง มันควรจะมีมารยาทต่อกันให้มากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ แต่นี่มันอะไรกัน มองหน้าฉันหน้าตาเฉยแล้วบอกว่า ‘ไม่เก็บฉันจะเหยียบล่ะนะ’ เนี่ยนะ! อีตามนุษย์ดาวอังคาร!
“ไม่เก็บสินะ”
“...”
หมอนั่นพูดพึมพำต่ออีกรอบ เพราะความโกรธที่พุ่งปรี๊ดๆ อยู่เต็มอกตอนนี้ ฉันเลยได้แต่มองหน้านายนี่เขม็ง
“...”
เขายังไม่ได้เดินเหยียบผ้าเช็ดหน้าของฉันอย่างที่บอก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างนอกจากจ้องหน้าฉันด้วยสีหน้านิ่งๆ ของเขา แต่มันช่างยั่วอารมณ์ที่หงุดหงิดอยู่แล้วให้หงุดหงิดมากขึ้นไปอีกไม่รู้กี่เท่า
“ไม่เก็บสินะ...” สุดท้ายนายนี่ก็เอ่ยถามฉันอีกรอบด้วยสีหน้าลอยๆ เหมือนอยากจะหาเรื่อง
“ฉันไม่เก็บ อยากเหยียบก็เชิญ”
“...ก็ดี”
อะ...อะไรนะ
นายนี่เพิ่งจะพูดออกมาว่า ‘ก็ดี’ เนี่ยนะ
ดาวอังคาร! นี่แหละผู้ชาย! ผู้ชายอะไรกัน หยาบคายได้ไม่มีที่สิ้นสุด!
ตุ้บ...
แล้วก็ไม่ใช่แค่หยาบคายสามัญธรรมดาด้วย...เมื่อหมอนั่นทำอย่างที่บอกจริงๆ คือการก้าวเท้าเดินต่อไปแล้วเหยียบไปเต็มๆ ผ้าเช็ดหน้าของฉัน!
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)
รีวิว (1)
18/09/2016
ปลื้มมากๆคะไม่ผอดหวักับสินค้าที่ได้จริงๆคะ ทั้งหนังสือคุณภาพดี เหมือนใหม่ และได้รับของเร็วมากๆคะ