Razana ศึกกู้อาณาจักรแห่งเทพ ภาค 3 สงครามกู้อาณาจักร

Razana ศึกกู้อาณาจักรแห่งเทพ ภาค 3 สงครามกู้อาณาจักร

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160604937
ผู้แต่ง: Lady Aoween
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 229.00 บาท 57.25 บาท
ประหยัด: 171.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

 



 

บทที่ 1

ลาจากเพื่อนพบใหม่

ร่างบอบบางในชุดนอนสีหวานคลุมทับด้วยเสือคลุมมิดชิดเดินทอดน่อง เพียงลำพัง ดึกสงัดแล้วแต่เธอก็ยังไม่ง่วงสักนิด แพรไหมสีทองจรดเอวบาง สะท้อนแสงจันทร์วันเพ็ญ ขาเรียวยาวพาเจ้าของร่างไปอย่างไร้จุดหมาย รู้ตัว อีกทีเธอก็มาหยุดอยู่ข้างหอคอยตะวันออกเฉียงเหนือเสียแล้ว

เจ้าหญิงเมนิเอลำ เรโซเนสชิ' คาเวนดิส หรืออีกชื่อคือเมลำ แดแฟนคาร์ส เด็กสาวผู้มีมันสมองเป็นเลิศที่ใช้ชีวิตอย่างธรรมดาสามัญและ ตอนนี้ก็ได้ผันตัวเองกลับมาเป็นสายเลือดขัตติยนารีแห่งราชวงศ์เทพดั่ง ชาติกำเนิด เธอกลับสีชาเมเสียได้สามวันแล้ว หลังจากเข้าพิธีปลดผนึก วันต่อมาก็เป็นวันแห่งการเริ่มต้น สุริยุปราคากลืนดวงอาทิตย์ในบ่ายวันนั้น ตามที่เธอคำนวณไว้

ประ เทศพันธมิตรจึง เริ่ม เคลื่อนไหว คณะที่รวมชาว เลือดสีน้ำ เงินจาก หลากหลายราชวงศ์ก็เป็นอันต้องลาจากกลับถิ่นฐานของตัวเอง นีออนมี ราชองค์รักษ์มารับกลับฟอสซิล มีเน่ก็ต้องอยู่ช่วยงานกษัตริย์ดานิเอล ส่วน เดริกและวัสส์นั้นควบม้ากลับลำพัง เมลำจึงเดินทางกลับชาเมเสียพร้อม คาเอล

 

"ทำไมยังไม่นอนล่ะเมล่า" เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก หันมองเจ้าของเสียง ถามที่ดุ้นเคยกันดี เมื่อเห็นว่าเข้าใจถูกคนก็หันกลับไปนั่งมองมือทั้งสองข้าง ที่วางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนอย่างเลื่อนลอย ตอบคำถามเบาๆ

"นอน'ไม่หลับน่ะ" พรายหนุ่มเจ้าถิ่นเลิกคิ้วสูง เดินอ้อมมานั่งตรงข้าม กับเพื่อนศวา มองใบหน้าสวยที่มีแววครุ่นคิด

"เป็นอะไร มีเรื่อง’ไม่สบาย'ใจหรือ’ไง แล้วนี่พวกวอลคิวรี่ยอมปล่อยเธอ ออกมาคนเดียวได้ยังไงเนี่ย11 คาเอลถามด้วยความเป็นห่วงพลางมองไปรอบๆ ที่มีแสงศว่างจากคบเพลิงและแสงจันทร์นวล นึกแปลกใจที่ไม่เห็นเงาของ เหล่าผู้พิทักษ์ที่มักจะตามติดข้างกายนายลาวไม่ห่างราวกับเงาตามตัว

"ฉันอยากคิดอะไรเงียบๆ คนเดียวน่ะ เลยไม่ให้ตามมา" ตอบด้วย นํ้าเสียงโทนเดิม ไม่ละลายตาจากมือตัวเอง การกระทำนั่นในลายตาของ คาเอลเหมือนกำลังหลบเลี่ยงไม่ให้ใครเห็นความรู้สึกที่ถ่ายทอดทางแววตา "อยากจะเล่าให้ฉันฟังไหม ถึงฉันจะไม่ใช่ที่ปรึกษาที่ดีนัก แต่ฉันก็ยินดี รับฟังนะ" พรายหนุ่มเอ่ยเบาๆ นึกเป็นห่วงเพื่อนลาวที่มีทำทางแปลกไปตั้งแต่ กลับมาถึงชาเมเลีย

"ฉัน...ไม่รู้ลิ..." เสียงหวานมีแววลังเลระคนลับลน ก่อนจะถอนหายใจ "แค่กำลังกังวลกับอนาคตล่ะตั้ง...คิดเรื่องของฉัน...กับเดริกน่ะ11 ท้ายประโยค นั่นนัยน์ตาสีทองที่เคยทรงอำนาจกลับหม่นแลงลง คาเอลฟังแล้วก็เข้าใจทันที

นัยน์ตาสีทองทอดมองร่างสูงของคนรักที่ยืนหันหลังให้ เขากำลังรุ่นวาย กับการเตรียมม้าออกเดินทางกลับเดียฟาเซ่และยังต้องแวะระหว่างทางอีก หลายที่ ตั้งแต่สัญญาณการเริ่มต้นเกิดขึ้น คนที่เงียบขรึมอยู่แล้วก็ยิ่งเงียบ ลงไปอีก ไม่ใช้เธอเท่านั่นที่ลังเกตเห็นความผิดปกตินี้ของเขา เพื่อนคนอื่นๆ ก็แสดงความเป็นห่วงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวัสส์ที่ขมวดคิ้วหน้ายุ่ง คอย มองเจ้าชายของเขาอยู่ตลอดเวลา พฤติกรรมนั่นทำให้ความอดทนของเมล่า หมดลง

'มานี่เลย, เธอว่าพลางออกแรงดิงคนทำตัวเป็นหุ่นยนต์ในฮาราน่าให้

เดินตาม เลี่ยงไปยังที่ลับตาคน (แต่ไม่ลับสำหรับคนที่ลุ้นผลอยู่)

'นายเป็นอะไร, คนถูกถามมองใบหน้าที่แสดงถึงความจริงจังที่หากว่า เขาไม่ให้คำตอบที่น่าพอใจล่ะก็ ไม่แคล้วมีเรื่องแน่ เมล่าจ้องหน้าคนที่ยัง เงียบอย่างเอาเรื่อง แต่ขีดความอดกลั้นนั้นไม่ต้องบอกเลยว่าใครจะมีมากกว่า กัน

'เดริก!, เสียงหวานแหวสูงจนคนที่ว่านิ่งแล้วยังอดสะดุ้งเล็กๆ ไม่ได้ 'นายเป็นอะไรกันแน่ หรือว่าเป็นเรื่องที่บอกฉันไม่ได้ ล้าเป็นอย่างนั้นฉัน จะได้เลิกเจ้าชี้ให้นายล่าบากใจ' ท้ายประโยคนั้นไม่อาจห้ามไม่ให้มันลัน เจ้นเดียวกับดวงตาที่ฉายแววตัดพ้อโดยไม่รู้ตัว เดริกขบกรามแน่นก่อนจะ ตวัดมือรัดเอวบางดึงเข้ามาใกล้ ก้มลงสบตาคนในอ้อมแขน

'ไม่ใช่บอกไม่ได้ แต่เธอเคยคิดถึงอนาคตของเราหรือเปล่า' เมล่าอึ้ง ไปกับประโยคนั้น ทำไมเธอจะไม่คิดเล่า คิดมากกว่าที่เขาคาดด้วยซ้ำ และ ที่สำคัญคิดมานานแล้วด้วย

'คิดลิ คิดมานานแล้ว' เทพสาวตอบเบาๆ ก้มหน้าลงตา ปิดเปลือกตา เพื่อจ้อนแววกังวลไม่ให้ใครเห็น

'แต่ฉันจะรอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน หรือว่าเราจะอยู่ในฐานะ อะไรก็ตาม...ฉันจะรอจนถึงวันนั้น' เสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอกแผ่วเบาแต่ฝัง ลึกลงไปในใจคนฟัง ใบหน้างามชุกซบกับอกกว้างอบอุ่นที่เธอแน่ใจว่ามันเป็น ของเธอคนเดียวเท่านั้น

'ฉันมั่นใจว่าต้องมีวันนั้นแน่' เสียงหวานบอกในระดับเดียวกัน แต่ อีกเสียงในใจก็กรีดร้องด้านพร้อมกัน 'ล้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้วใช่ไหม เลิกทำหน้าเป็นมนุษย์น้ำแข็งลักที คนอื่นเป็นห่วงนายมากนะ' เมล่าผละ ออกเล็กน้อย เงยหน้าชี้นมอง พยายามซ้นเสียง'ให้มีชีวิตซิ'วา แต่รอยยิ้มที่ กระตุกมุมปากของเขานั้นทำให้เธอชักไม่ไว้ใจ

'รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า' เดริกแกล้งถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เทพสาว ยกมือขึ้นทุบลงบนอกกว้างที่เธอใช้ซบหน้าเมื่อครู่เต็มแรง

'ไม่ต้องมาแกล้งเลย' ปลายเสียงนั้นบอกว่าเริ่มจะงอนแล้วนะ ทำให้ คนแกล้งหัวเราะในลำคอเบาๆ ใบหน้างามงองา เข่นเขี้ยวในใจ หมั่นไล้กับ นัยน์ตาสีนํ้าเงินแพรวพราวนั้นเต็มทน ก่อนที่รอยยิ้มอ่อนหวานจะเปิดออก ซบหน้าลงที่เดิม ดีใจที่เขากลับมาเป็นเหมือนเดิม

"ก็คุยกันเข้าใจแล้วนี่ ยังมีอะไร'ให้ต้องคิดงั้นเหรอ" พรายหนุ่มถาม อย่างสงลัย ดูงุนงงกับท่าทางของเพื่อน เมลำถอนหายใจหนักหน่วงกับคำถาม ที่ถูกส่งมา

"ถึงจะพูดว่าจะมีวันนั้นแน่ๆ แต่ฉันก็ยังกลัวคาเอล กลัวเหตุการถ!ใน วันข้างหน้า อนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ ไม่มีอะไรที่แน่นอน เลยคาเอล11 คนฟังนิ่งไปอึดใจก่อนจะท่าท่าเหมือนอยากจะทุ่งชนต้นไม้ตาย ให้รู้แล้วรู้รอด ถามประโยคที่ท่าให้ร่างบางอึ้งด้างไปเกือบนาที

"แล้วเธอไม่มั่นใจในความรู้สึกของเดริกหรือไง กลัวว่าหมอนั้นจะไม่ มั่นคงและรอเธออย่างที่พูดไว้เหรอ" หลังจากตั้งสติได้แล้วเธอก็ส่ายหน้า ท่าไมเธอจะไม่เชื่อในคำสัญญาของเขาล่ะ แต่ก็อดที่จะหวาดกลัวสิ่งที่ยังมา ไม่ถึงอย่างอนาคตไม่ได้ เหมือนมนุษย์ที่หวั่นเกรงต่อความมืดมืด ยิ่งมอง ไม่เห็นหรือสัมผัสไม่ได้ก็ยิ่งจินตนาการไปไกลต่างๆ นานา ทั้งที่ความเป็น'จริง แล้วในความมืดอาจจะมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น

"นายก็รู้'ว่าฉันเซ่อ'ใจเด'ริกมากแค่'ไหน หากฉันจะลังเลคงต้องรอให้ พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก แต่ถ้าตราบที่แสงตะวันยังคงสาดมาจากทาง ตะวันออก ความเชื่อมั่นของฉันก็ไม่มีทางลันคลอน" เทพสาวกล่าวเสียง หนักแน่น ก่อนจะทอดถอนหายใจราวกับปลงตก

"ฉันคงคิดมากไปเอง อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่มี,ใครสามารถ กำหนดหรือหยุดยั้งมันได้เลย แม้แต่เทพอย่างเราๆ ยังต้องอยู่ภายใต้สิ่งที่ เรียกว่าโชคชะตา ไม่อาจปนหรือต่อต้านขัดขืนได้...คงต้องปล่อยให้มันเป็น ไปเท่านั้น" นํ้าเสียงหวานดังแผ่วเบา แต่ดวงเนตรสีทองเปล่งประกายตั้งมั่น ไม่หวั่นเกรง เธอพร้อมรับบททดสอบต่อไปที่โชคชะตาจะล่งมาให้แล้ว พรายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ขยับยิ้ม คลายกังวลไปเปลาะหนึ่งกับความไม่สบายใจ

ของเพื่อนสาว

"ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปนอนเถอะ ป่านนี้พวกพี่รออยู่คงกระวนกระวาย เป็นหนูติดจั่นแล้วล่ะ พรุ่งนี้ยังต้องเข้าประชุมสภาซีโอเนสอีก แต่ละเรื่องเครียดๆ รุ่นวายทั้งนั้น" คนฟังลุกขึ้นยืนถ้าๆ ทำตามความหวังดีของเพื่อนอย่างไม่รีรอ เพราะเริ่มรู้สิกว่าเปลือกตาหน่วงลงมาเมื่อความไม่สบายใจคลายลง

"ราตรีสวัสดิ์คาเอล

"ราตรีสวัสดิ์เมล่า11 คาเอลมองตามหลังร่างที่หายลับ ย้อนคิดเงียบๆ ถึงสิงที่เพื่อนสาวพูด ไม่บ่อยนักหรอกที่คนอย่างเขาจะมานั่งคิดอะไรแบบนี้ แต่สถานการณ์พี่กำลังเผชิญอยู่มันชวนให้ลับสน เกิดปมขึ้นภายในจิตใจ ยิ่ง กับผู้มีภาระยิ่งใหญ่อยู่บนบ่าอย่างคนพี่เพิ่งจากไปด้วยแล้ว เขาคิดไม่ออกเลย ว่าในหัวจะต้องขบคิดอะไรอีก วิถีของแต่ละคนช่างแตกต่างกันจริงๆ ราวกับ เส้นทางพี่ต้องเดินนั้นถูกแยกออกจากผู้คน เผชิญหน้ากับปัญหาพี่จะมีเพียง ตัว เอง เท่านั้นที่ แกได้

อีกฟากของโพ้นมหาสมุทร ห้องบรรทมของเจ้าชายรัชทายาทแห่ง เดียพีาเถ้ยังสว่างไสว และเป็นเช่นนี้ติดกันเป็นคืนที่สองแล้วตั้งแต่เขากลับมา กองเอกสารมากมายตั้งเรียงอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะทำงานไม้มะฮอกกานี สีเข้มตัวใหญ่ จนพื้นพี่พี่ว่ามากแล้วยังแลดูเล็กจนวางไม่พอ ความสูงของ กองเอกสารนั้นแทบจะท่วมเลยความสูงของเจ้าของโต๊ะแล้ว

เดริกต้องสะสางงานทั้งงานของสภาสูง และเรื่องการคิกพี่ เขาต้อง รับผิดชอบเป็นแกนหลักร่วมกับแม่ทัพฮาเดล ผู้คุมกำลังทหารสองในสี่ของ กองทัพ (หนึ่งส่วนขึ้นตรงต่อกษัตริย์ และอีกหนึ่งส่วนขึ้นตรงต่อรัชทายาท) ภาพใบหน้ารูปสลักนึ่งสนิทก้มลงอ่านรายละ เอียดของ เอกสารตรงหน้า มือหนาถือปากกาขนนกสีขาวไม่ละจากการเขียน เป็นภาพพี่ผู้เข้ามา'ใหม่เห็น เจนตาตลอดสองวันพี่ผ่านมา คิ้วหนาดกดำขมวดปมอย่างไม่ชอบใจนัก ใน มือหนาหยาบกร้านถือถาดน้ำชาและของว่างวางบนโต๊ะกลมพี่ล้อมด้วยโซฟา แสงจันทร์สีนวลลาดกระทบจากบานกระจกใสสู่ระเบียงพี่เปิดไว้รับลม

 

"เจ้าชายพักหน่อยเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้วนะฟะย่ะค่ะ" ชายหนุ่มในชุด ราชองครักษ์หน่วยหนึ่งที่มีหน้าที่อารักขาองค์กษัตริย์และเจ้าชายรัชทายาท เอ่ยคล้ายระอา แต่ก็แฝงด้วยความห่วงใยอย่างพี่ชายให้น้องชาย เดริกเงยหน้า ขึ้นมองหน้าคนพูดครู่หนึ่งก่อนจะยอมวางปากกาลง ผละจากโต๊ะทำงานมา ทิ้งกายลงนั่งบนโซฟาตัวยาวสีขาวเรียบๆ แต่หรูหรา ยกนํ้าชาในถ้วยที่อีกฝ่าย ยกมาให้ขึ้นจิบ

"งานข้ายังไม่เสร็จอาเธอร์ เห็นทีคืนนี้คงต้องอยู่ถึงเข้า" เจ้าชายหนุ่ม บอกเสียงเรียบ มุมปากของอีกฝ่ายคล้ายจะกระตุก

"ร่างกายจะแย่เอานะฟะย่ะค่ะ ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้ทรงพักเลย วัสส์ ก็อีกคน วิ่งไปนั่นมานี้ให้วุ่นไปหมด อย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนฟะย่ะค่ะ เกิดประชวร ขึ้นมาจะทำยังไง" นักฆ่าผู้ผันตัวเองมาเป็นองครักษ์กล่าวเสียงขรึม นัยน์ตา สืรัตติกาลวาววับบอกอารมณ์ เดริกเหลือบมองคนที่เขานับถือเหมือนพี่ชาย แวบหนึ่ง ลอบปล่อยลมหายใจโดยไม่ให้คู่สนทนารู้ตัว

"เพราะมันเป็นเรื่องเร่งด่วนถึงผัดผ่อนไม่ได้ ต้องรีบจัดการ" ไม่บ่อย นักที่เขาจะโต้ตอบกับใครหลายๆ ประโยคแบบนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั่น พลัน ความรู้สึกคิดถึงก็พุ่งขึ้นจุกอกอย่างไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าสวยของใครบางคน ฉายชัด เส้นผมลิ,ทองนุ่มล้อมดวงหน้าหวาน เนตรสีเดียวกันทอประกายละมุน รอยยิ้มที่ล่งมาให้ยังติดตรึง

ใบหน้ารูปสลักทันออกไปล่ระเบียง สายลมเบาบางหอบเอาความเย็น จากเหมันตฤดูเข้าปะทะ เส้นผมสีเงิน,ซอยระต้นคอพลิ้ว’ไหว นัยน์ตาสีไพลิน ทอดมองไร้จุดหมายผ่านม่านสีดำของฟากฟ้า ผ่านดวงดาวเปล่งประกายอวด แสง ผ่านแสงจันทราเหลืองนวล ปรารถนาให้ได้เห็นคนที่ใจคิดถึง จากกัน เพียงสามวันใจเขาก็พะวงคิดถึงอยู่ตลอดเวลา

อาการที่แปลกไปของนายเหนือหัวเรียกความแปลกใจให้กับคนที่มองอยู่ เป็นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นอาการแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่เคย เห็น จะมีที่คล้ายคลึงคือยามที่บุคคลตรงหน้าอยู่หน้าป้ายสลักหน้าพระศพ ขององค์ราชินี แต่ก็ต่างจากครั้งนี้ตรงที่ดวงเนตรสีน้ำเงินอันเย็นชาจะหวน รำลึกถึงอดีต ไม่ใช่เหม่อลอยฉายแววห่วงหาเช่นนี้ ประโยคบอกเล่าจากปาก น้องชายอีกคนผ่านเข้ามาในหัวอีกครั้ง

'พี่อาเธอร์ ดูเดริกหน่อยนะ ถ้าอยู่ว่างๆ ก็อย่าให้เหม่อคิดถึงสาวล่ะ ท่าทางจะอาการหนักไม่ใช่เล่น, เขาท่าหน้าราวกับไม่เชื่อ เป็นไปได้หรือพี่ เจ้าชายนํ้าแข็งจะคิดถึงสาวตามพี่ราชองครักษ์รุ่นน้องบอก

'คิดถึงสาวเนี่ยนะ เข้าใจผิดรึเปล่า' เขาถามราวกับสมองแล่นข้าลง กว่าครึ่ง

'จริงสิ เมล่าน่ะ เมล่า แดแฟนคาร์ส หรือพี่พี่อาจจะได้ยินจากองค์ แดราเฟ่ในชื่อเจ้าหญิงเมนิเอล่านั่นแหละ' อีกฝ่ายยืนยันเสียงหนักแน่น นัยน์ตาสินิลของเขาเบิกขึ้น ออกจะงุนงงนิดๆ

'เจ้าหญิงเทพองค์นั้นน่ะเหรอ'

'ถูกต้องแล้วครับผม ถ้าพี่ได้รู้จักเมล่าจะไม่สงสัยเลยล่ะ...ยังไงก็ดูด้วย แล้วกันนะ เดี๋ยวจะกลายเป็นต้นไม้เหี่ยวขาดนํ้า' หนุ่มรุ่นน้องทิ้งท้ายก่อน จากไปท่าภารกิจพี่ได้รับมา

อาเธอร์ดึงตัวเองออกจากการทวนความจำ มองนายเหนือหัวพี่ยังคง เหม่อไปนอกระเบียง นํ้าชาในถ้วยพี่ถือค้างเย็นชืดจากความหนาวของอากาศ ปล่อยลมหายใจออกมาหนักหน่วง ไม่รู้ว่าควรจะท่าอย่างไรให้เจ้าชายของ เขาหายจากความคิดถึงของคนมีความรักพี่ต้องเผชิญยามจากคนรักมาไกล เขารึก็ไม่มีประสบการณ์แบบนี้เสียด้วย เพราะอยู่มาจนชีวงกลางของอายุเลข สามแล้วก็ยังไม่เคยมีความรักกักที (ซึ่งคงเป็นเพราะตัวเองนั่นล่ะพี่ไม่ยอม มองหาใครจริงจัง)

"มีอะไรอยากจะรับกังเล่าให้กระหม่อมฟังไหมพ่ะย่ะค่ะ ถึงกระหม่อม จะไม่ใช่คนให้คำปรึกษาพี่ดีนัก แต่ก็ถือว่า เป็นคนฟังพี่สามารถรับฟังได้ทุก เรื่องนะพ่ะย่ะค่ะ" ชายหนุ่มทอดเสียงอ่อนโยน ราวกับประโยคนั่นไปกระชาก คนเหม่อให้กลับมาสู่โลกปัจจุบันอีกครั้ง เดริกหันมาสบตากับคนพูด ระบาย ลมหายใจออกมาแผ่วเบา ซึ่งหากมันบั่นทอนอายุของเขาได้คงจะลดลงหลาย ปีแล้วในจันสองจันพี่ผ่านมานี้

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

‘เมล่า แดแฟนคาร์ส’ กับสหายรักได้ติดตามเสาะหาเก้าวอลคิวรี่ผู้พิทักษ์จนพบ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเธอคงรอช้าไม่ได้ เพราะฝ่ายจอมปีศาจนั้นกล้าแกร่งขึ้นทุกวัน หนำซ้ำยังไม่เคยออมมือเลยแม้แต่น้อย ดีแต่คอยส่งลูกสมุนตัวป่วนมาบ่อนทำลายและพาให้กองกำลังฝ่ายเธอล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ
 
เมล่านึกอยากให้เรื่องวุ่นวายทั้งหมดจบลงเร็วๆ เสียเหลือเกินจึงเร่งจัดทัพขึ้นมาทันที โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าพันธมิตรผู้อยู่เคียงข้างฝ่ายเทพอย่างเธอมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ พราย ก็อบลิน เอลฟ์ คนแคระ ฯลฯ ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้ง สงครามกู้อาณาจักรราซาน่า... อาณาจักรแห่งเทพ แต่กลับถูกยึดครองโดยจอมปีศาจผู้โหดร้ายคงต้องอุบัติขึ้นในเร็ววัน!
 
ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า... มีสามสิ่งที่ไม่สามารถเรียกกลับคืนได้ หนึ่งคือคำพูด สองคือเวลา และสามคือโอกาส... ดังนั้น ไม่ว่าผลของศึกครั้งนี้จะเป็นเช่นไร เมล่าก็ขอใช้ทั้งสามสิ่งนี้ให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเสียใจในภายหลัง และหากต้องตาย... เธอก็ไม่คิดเสียดายชีวิต!

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (66 รายการ)

www.batorastore.com © 2024