Dark Bride ปริศนาเจ้าสาวจากแดนมืด

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160602056
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 149.00 บาท 117.71 บาท
ประหยัด: 31.29 บาท ( 21.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ในวันที่บานประตูลายกะโหลกสีดำได้เปิดออกกว้าง ข้ามักจะได้ยินเสียงกรีดร้องโหยไห้คร่ำครวญเจียนขาดใจของเหล่าดวงวิญญาณคนบาปแว่วกระทบโสตสัมผัสอยู่หลายครั้ง ซ้ำๆ ซากๆ เนิ่นนานจนชาชิน...

กลิ่นอายสิ้นหวังแห่งดินแดนหลังความตายที่ไม่เคยหมุนเวียนเปลี่ยนฤดูกาลทำให้ข้าไม่อาจรับรู้ถึงคืนวันที่ผันผ่าน ประตูสีดำทะมึนบนฟากฟ้าอึมครึมเปิดแล้วก็ปิด แล้วก็เปิดใหม่อีกครั้ง วนเวียนเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมๆ กับดวงวิญญาณที่ถูกพิพากษาจากดินแดนในอีกมิติหนึ่งทยอยร่วงหล่นลงมาเพื่อรอรับการลงทัณฑ์ยังดินแดนพิภพโลกันตร์ ทิวทัศน์แวดล้อมดังเดิมจนแม้ไม่ต้องมองด้วยตาข้าก็ทราบได้ว่ายามเมื่อประตูบานนั้นเปิดออกจะเกิดเหตุการณ์ตามมาเช่นไร

แต่แล้ววันหนึ่งตัวข้าและใครๆ ต่างก็ไม่คาดคิดว่าบานประตูลายกะโหลกสีดำบนฟากฟ้าที่คุ้นเคยเพียงการชักพาดวงวิญญาณจากอีกมิติหนึ่งลงมา บัดนี้กลับปลดปล่อยดวงวิญญาณที่กำลังรับการลงทัณฑ์กลับขึ้นไปใหม่อีกครั้ง ราวกับเข็มนาฬิกาได้หมุนทวนกระแสเวลา ทุกคนแม้แต่ท่านพ่อของข้าก็ยังตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ถ้วนหน้า

หากแต่ในตอนที่กำลังโกลาหลกันอยู่นั้น กลับมีเพียงข้า... ที่มองเห็นว่าสุดปลายทางแห่งแสงสว่างซึ่งปรากฏอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของบานประตูนั้น มีร่างของชายหนุ่มผู้มีเนตรจันทราสีสวยหยัดกายอย่างสง่างามภายใต้ละอองแสงอ่อนที่เปี่ยมล้นด้วยอำนาจรัศมีเรืองรองอันงดงามน่าจับตามากเพียงใด...

 

บทนำ

 

ท่ามกลางดินแดนแห่งความมืดมิด สรรพเสียงกรีดร้องร่ำไห้ฟังไม่ได้ศัพท์ เงาร่างสีดำของมวลหมู่ทวิบาทโผบินเหนือท้องฟ้าอันคลาคล่ำไปด้วยก้อนเมฆขมุกมัว ประกายสายฟ้าแลบแปลปลาบเป็นระยะ

บุรุษสามคนนั่งประจันหน้ากันภายในห้องรับรองของปราสาทแก้วอันเป็นสถานที่พำนักเพียงแห่งเดียวของผู้เป็นใหญ่ในแดนอเวจี สองคนในนั้นมีสีหน้าเคร่งเครียดหลังเพิ่งจบบทสนทนาสำคัญอันอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของแดนนรกภูมิ หากแต่บุรุษคนที่สามซึ่งอ่อนเยาว์กว่าสองคนแรกมาก และเป็นบุคคลสำคัญในหัวข้อสนทนากลับนั่งรับฟังอย่างสงบโดยไม่มีอาการหวั่นไหวแต่อย่างใด

เวลาเดียวกันภายในห้องข้างเคียง หญิงสาวผมดำยาวหยักศกหน้าตาน่ารักในชุดกระโปรงลูกไม้ลายหวานกำลังบิดผ้าเช็ดหน้าแน่น รอคอยคำตอบที่จะออกมาจากปากของบุรุษผู้เยาว์วัย เพราะนั่นหมายถึงอนาคตในภายภาคหน้าของเธอทั้งชีวิต กระจกบานใหญ่เบื้องหน้าที่ควรจะสะท้อนภาพของหญิงสาวกลับปรากฏเป็นภาพของชายหนุ่มผิวขาว ผมดำยาว ผู้มีนัยน์ตาสีจันทราสุกสกาวซึ่งกำลังตกเป็นเป้าหมายของทุกสายตาว่าเขาจะทำเช่นไรต่อไป

“เจ้าคิดอย่างไรกับข้อเสนอที่ข้ายื่นให้ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็จงตอบตามความคิดของเจ้า ไม่จำเป็นต้องเกรงใจว่าข้าจะพอใจหรือไม่ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดหาใช่ความพอใจของข้า แต่เป็นความสุขชั่วชีวิตของนาง” ชายคนแรกซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงจ้าวแห่งนรกภูมิถาม เรือนผมยาวสีเข้มมัดสะเปะสะปะอย่างลวกๆ แต่กลับเข้ากันได้ดีกับเครื่องหน้าขรึมสมวัย นัยน์ตาสีเขียวสดเปล่งประกายชวนมองขณะพิจารณาชายหนุ่มผู้ถูกตั้งคำถามอย่างละเอียดลออ

ไร้คำตอบจากผู้ถูกถามถึง ชายหนุ่มอ่อนวัยผู้มีนัยน์ตาสีจันทรายังคงไม่ยอมเอ่ยวาจาใดๆ ดังเช่นตลอดช่วงเวลาแห่งการสนทนา ชายอีกคนผู้มีเส้นผมและดวงตาสีดำขลับเฉกเช่นห้วงท้องนภายามรัตติกาลซึ่งนั่งข้างกายเขาจึงต้องกล่าวเร่งรัดเนื่องจากอยากทราบคำตอบเช่นกัน

“ท่านหญิงมิเรย์เป็นคนน่ารัก นิสัยดี ยสถาบรรดาศักดิ์และวัยก็ใกล้เคียงเหมาะสมกับเจ้า ถ้าหากเจ้าชอบนางก็เป็นการดี แต่ถ้าไม่...พวกเราก็จะไม่บังคับเจ้า ดังนั้นจงตัดสินใจห้ดีอย่างที่ใจของเจ้าต้องการเถอะ”

“ท่านพ่ออาเรฟ...”

บุรุษผู้เยาว์วัยกว่าเหลือบมองเสี้ยวหน้าของชายข้างกายผู้เป็นบิดาบุญธรรม

“ผมทราบว่าท่านหญิงมิเรย์เป็นคนน่ารักและนิสัยดี ตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่ได้รู้จักกัน ผมมีความสุขมาก แต่ว่าผมมองเธออย่างน้องสาวไม่เคยคิดเกินเลยมากกว่านี้ ดังนั้นเรื่องข้อเสนอของท่านจ้าวนรก...” เขากล่าวแผ่วเบา “ผมคงต้องบอกว่าผมขอโทษและเสียใจที่ไม่อาจรับข้อเสนอได้”

“หมายความว่าเจ้าปฏิเสธการแต่งงานกับลูกสาวข้า” จ้าวนรกถอนใจเฮือกใหญ่

แม้จะเดาได้ล่วงหน้าว่าการเอ่ยเรื่องแต่งงานกับชายหนุ่มวัยสิบเก้าปีคนนี้คงจะเร็วเกินไปและต้องถูกปฏิเสธกลับมาเป็นแน่ แต่เขาก็ยังถามเพราะหวังว่าจะช่วยเป็นกำลังใจให้กับความรักข้างเดียวของบุตรสาวได้ แต่ลองอีกฝ่ายปฏิเสธออกมาชัดเจนขนาดนี้ ดูท่าว่าบุตรสาวของเขาคงกำลังร้องไห้เสียใจอยู่ในห้องข้างๆ แล้วกระมัง

“ต้องขอโทษด้วยครับ ผมเสียใจจริงๆ” ชายหนุ่มอ่อนวัยกล่าว

จ้าวนรกโบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจ

“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ดีแล้วที่ตอบออกมาตรงๆ เพราะข้าไม่อยากบังคับฝืนใจใคร ขืนเจ้าตกลงแต่งงานกับลูกสาวข้าทั้งที่ไม่เต็มใจสิ แทนที่นางจะมีความสุข คงต้องกลายเป็นช้ำใจเป็นแน่ ต้องโทษลูกสาวข้าเองที่ไม่มีความสามารถมากพอจะมัดใจเจ้าได้” จากนั้นกล่าวกับชายผมดำที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม “น่าเสียดายนะอาเรฟ ทั้งที่ข้านึกอยากเกี่ยวดองเป็นญาติกับท่านตั้งนานแล้ว แต่ลูกชายของท่านไม่ยอมให้ความร่วมมือบ้างเลย”

“ข้าเป็นเพียงพ่อบุญธรรม หาใช่พ่อแท้ๆ ของเขา ถึงเขาตอบตกลงก็เป็นญาติกับท่านไม่ได้อยู่ดี” ชายผมดำนามว่าอาเรฟตอบ มือหนาคลึงแก้วไวน์สีสดยกขึ้นสูดกลิ่นหอม ก่อนจิบเบาๆ ลิ้มรสชาติความหวานละมุนซึ่งแฝงอยู่ภายใน

ชายหนุ่มอ่อนวัยขยับรอยยิ้มกับถ้อยคำสัพยอกของทั้งคู่

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับไปยังแดนมนุษย์ก่อนนะครับ วันนี้ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ท่านจ้าวนรกอุตส่าห์เชิญมา เพื่อเป็นการชดเชยการเสียมารยาทของผมในวันนี้”

“หึๆ ไม่ต้องมาพิธีหรอก แค่เจ้าติดตามอาเรฟมานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับข้าบ้างเป็นครั้งคราวก็พอแล้ว ใครจะกล้าเรียกใช้เจ้าผู้มีศักดิ์เป็นถึงลูกชายบุญธรรมของเบื้องบนแห่งโลกวิญญาณ แถมยังเป็นหลานชายแท้ๆ ของพระเจ้าด้วย”

“ผมเป็นเพียงยมทูตธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น”เขาค้อมกายคารวะคนทั้งสองก่อนผันตัวเองอออกไปจากห้องรับรอง ระหว่างนั้นเขาเดินผ่านกระจกเงาบานใหญ่ซึ่งเชื่อมติดกับผนัง สะท้อนภาพร่างสูงโปร่งของยมทูตหนุ่มขณะสืบเท้าบนผืนพรมเนื้อดี เส้นผมดำยาวจรดกลางหลังทิ้งตัวพลิ้วไหวเป็นจังหวะตามการขยับกายภายใต้ชุดเสื้อแขนยาว คอปิดสีดำและกางเกงขายาวสีเดียวกัน สวมทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวอีกชั้นอันเป็นเครื่องแบบเฉพาะของยมทูต ช่วยขับผิวขาวเนียนให้เปล่งประกาย นัยน์ตาสีทองอร่ามดั่งดวนจันทราอันมีเสน่ห์ชวนหลงใหลบนใบหน้าใสเหลียวมองกระจกเงาแวบหนึ่ง ครั้นแล้วจึงเอ่ยเสียงเบา

“ขอโทษนะครับ”

บานประตูปิดลงพร้อมการจากไปของผู้ชายพรากเอาดวงใจธิดาจ้าวนรกไปตั้งแต่แรกเห็น หญิงสาวทรุดลงร่ำไห้หลังบานกระจกอีกฟากด้วยความเสียใจกับรักครั้งแรกที่จบลงอย่างรวดเร็ว

 

บทที่ 1

 

แดดร้อน...

ชายหนุ่มวัยรุ่นร่างสูงสมส่วนยกมือปาดเหงื่อที่ไหลหยดข้างแก้ม มืออีกข้างถือสมุดโน้ตเล่มบางพัดวีสร้างลมเย็นให้แก่ตนเอง ขณะที่สองเท้าก็ก้าวยาวๆ อย่างรีบเร่งหมายหลบลี้จากแสงอาทิตย์ร้อนเรง เขาปลดกระดุมเม็ดบนของเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางออกเพื่อคลายความอบอ้าว นัยน์ตาสีเข้มทอประกายหงุดหงิดเมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศในยามสายที่ตนแสนเกลียดจับใจ

นึกถึงเหตุการณ์ในช่วงเช้าวันนี้ที่ทำให้ตนต้องเข้ามหาวิทยาลัยช้า เพราะคุณแม่ที่แสนดีของเขานั่นแหละดันพูดเรื่องไม่เข้าท่าขึ้นมา

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด บวกกับอากาศร้อนตับแลบ เขาตัดสินใจเบนฝีเท้าจากตึกเรียนคณะที่ตั้งใจจะไปในทีแรก มุ่งตรงไปยังซุ้มขายอาหารและเครื่องดื่มในมหาวิทยาลัยเพื่อดับอารมณ์โทสะที่คุกรุ่น ในจำนวนนั้นมีร้านหนึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักศึกษา ตัวร้านมีชั้นเดียว ด้านหน้าเป็นกระจกใส มองจากข้างนอกสามารถเห็นภายในร้านได้อย่างทั่วถึง พลันนั้นเองเขาก็พบกับใครบางคนคุ้นหน้าคุ้นตากำลังนั่งใช้บริการอยู่ภายในร้านอย่างสบายใจ

ชายหนุ่มผลักประตูก้าวเข้าไปในร้านอย่างไม่รอช้า จากนั้นจึงร้องเรียก

“ไอ้จิ

คนถูกทักเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็ถูกส่งสายตาขุ่นเคืองให้วงใหญ่ก่อนจะสวดสรรเสริญเพื่อนรักแทนคำทักทาย “นึกว่าถูกนักเลงหัวไม้ที่ไหนดักตีหัวเล่นงานกลางทางแล้วซะอีก ทำไมมาเอาจนสายป่านนี้วะไอ้แมน แกพลาดเลกเชอร์ช่วงเช้าไปแล้วรู้ไหม”

“อ้อเหรอ” น้ำเสียงคนถูกต่อว่าถึงแม้จะหงุดหงิดแต่กลับไม่แฝงวี่แววของความหนักใจเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่าว่าแต่มาสายเลย ต่อให้วันนี้เขานึกอยากโดดเรียนทั้งวันจริงๆ เจ้าคนตรงหน้าเขาที่เป็นซะยิ่งกว่าหุ่นจดสมุดเลกเชอร์เดินได้ก็ต้องมีผลงานประจำวันของมันมาเผื่อแผ่เขาทุกครั้งอยู่ดีนั่นแหละ

แมนนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับเพื่อนสนิทสมัยเด็กของตน และยังไม่ทันที่ก้นจะร้อน อีกฝ่ายก็โยนสมุดโน้ตของตัวเองส่งมาให้ก่อนอย่างที่คิดแล้ว หากแต่สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดยามนี้ก็คือการหาอะไรใส่ท้องที่กำลังร้องครวญครางอยู่นี่มากกว่า

“แกจะนั่งอยู่ที่นี่นานไหม ฉันจะได้กินข้าวไปพร้อมกันเลย”

จิยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “นี่ยังไม่เที่ยง”

“มีกฏหมายข้อไหนห้ามกินข้าวก่อนเที่ยงหรือไงล่ะ” แมนแยกเขี้ยวใส่ก่อนหันไปส่งเครื่องดื่มและของกินหลายอย่างกับพนักงาน จนเพื่อนร่วมโต๊ะที่ได้ฟังเมนูอดไม่ได้ต้องปรามให้เพลาๆ ลงบ้าง

“ไปตายอดตายอยากมาจากไหนวะถึงสั่งซะเยอะแยะ บ้านก็เปิดร้านอาหารแท้ๆ ไม่มีกินหรือไง”

“ใครจะเหมือนคุณหนูอย่างแกล่ะ ไม่ต้องทำอะไรก็มีกินมีใช้ไปทั้งชาติ ฉันมันลูกแม่ค้า วันๆ เอาแต่โดนใช้งาน ไม่ทำก็ไม่มีกิน”

จิย่นคิ้วกับวาจาประชดประชันของเพื่อนชาย แถมยังมีธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นของตัวเองอย่างแม่ของเจ้าคนนี้ขี้หงุดหงิดตรงหน้าเขาน่ะหรือ

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (70 รายการ)

www.batorastore.com © 2024