Con Amore...พรายฝันวันรัก

Con Amore...พรายฝันวันรัก

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789745761773
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 269.00 บาท 212.51 บาท
ประหยัด: 56.49 บาท ( 21.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

สนามบินใหญ่แห่งหนึ่งของยุโรปดูวุ่นวายด้วยผู้คนสัญจรมากมายขวักไขว่ แต่ก็เป็นความวุ่นวายที่มีทิศทางเป็นของตัวเองค่อนข้างชัดเจน รถเข็นกระเป๋าที่แล่นตามแรงผลักของผู้คนสวนกันไปมา  ท่ามกลางนักเดินทางที่ส่วนใหญ่เป็นชาวตะวันตก มีหญิงไทยเคลื่อนไปตามกระแสผู้คนเหล่านั้นพร้อมเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่มองเผินๆ ทั้งสีผิวและหน้าตาแทบไม่ต่างจากเจ้าของประเทศแห่งนี้ แต่หากสังเกตให้ดี เธอก็มีบางส่วนคล้ายผู้ที่กำลังจับจูงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

“แม่เขา...เมืองไทยเป็นยังไงคะ” เด็กหญิงตัวน้อยกระตุกมือมารดาเท่าที่แรงของเธอจะทำได้พร้อมถาม ในมือข้างหนึ่งจับหูเจ้าตุ๊กตากระต่ายลากตาม ผู้เป็นมารดาหันไปส่งยิ้มอ่อนโยนในขณะที่พาก้าวขึ้นไปบนบันไดเลื่อน

“เป็นประเทศที่สวยมากๆ และไม่หนาวจัดเหมือนที่นี่ไงแคลร์ ลูกจะไปเที่ยวทะเลได้ทั้งปี แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่ากลางคืนจะนอนหนาวเพราะเราลืมเปิดฮีตเตอร์ไงล่ะ” คุณนลินตอบลูกสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ทะเล...น้ำ แคลร์ไม่ชอบ ทำไมเราไม่อยู่ที่นี่ล่ะคะ ทำไมเราต้องไปเมืองไทย” ดูเหมือนเด็กน้อยจะอาลัยสถานที่ที่อยู่ในยามนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

“แต่ที่โน่นแคลร์จะมีเพื่อนเยอะแยะนะลูก ไม่ต้องเหงาอยู่บ้านคนเดียวไงจ๊ะ”

“ที่เมืองไทยแม่ไม่ต้องทำงานเหรอคะ”

“ทำสิจ๊ะ แต่ว่าที่เมืองไทยแคลร์จะมีใครหลายคนมาคอยอยู่เป็นเพื่อน...ช่วยแม่ดูแลแคลร์ไงลูก”

“ที่นี่แคลร์ก็มี...มีเพื่อน” เด็กน้อยแย้งและดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลของมารดาสักเท่าไรนัก ในขณะที่คนถูกชักหน้าเผือดเปลี่ยนสีทันที

บันไดที่เลื่อนพามาจนถึงปลายทางทำให้การสนทนาระหว่างแม่ลูกจำต้องหยุดชะงัก กระเป๋าสัมภาระที่ขยับผิดตำแหน่งทำให้ลากลำบาก คุณนลินจึงต้องละสายตาจากลูกสาวหันไปจัดการเสียก่อน พอเรียบร้อยและหันกลับมามองอีกครั้งก็เห็นเด็กน้อยยืนนิ่ง มองย้อนกลับไปยังทิศที่เพิ่งจากมา

“แคลร์” คุณนลินเรียก แต่เมื่อไม่เห็นว่าลูกสาวจะได้ยินและขยับตัวตามมาจึงสาวเท้าไวเข้าไปหา “มองอะไรลูก”

“พี่เค้ามาค่ะ แต่หายไปแล้ว...” เสียงสุดท้ายของเด็กน้อยแผ่วเบา แต่ก็ทำเอาคนเป็นแม่มือเย็น รีบกุมมือลูกสาวกระชับแน่น

“ไปกันเถอะลูก เดี๋ยวตกเครื่อง” คุณนลินสีหน้าไม่ดี รีบจูงมือลูกสาวให้ก้าวตาม แม้ดินแดนแห่งนี้จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำล้ำค่าของท่านกับสามีผู้ล่วงลับ แต่เรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวก็ทำให้ท่านอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้

‘ความผูกพันข้ามภพชาติ...ลูกสาวของคุณมีสายใยผูกพันเหนียวแน่นอยู่กับผู้คนในดินแดนที่ห่างไกลด้วยกาลเวลา และเขากำลังเฝ้าคอย...ต้องการให้เธอกลับไปสู่คืนวันที่เกิดขึ้นเนิ่นนานมาแล้ว เมื่อถึงเวลาเธอต้องเลือก คุณจะรั้งเธอไว้ไม่ได้ ต้องปล่อยให้เธอเลือกเส้นทางของตัวเองแม้ว่าสักวันเธอจะจากคุณไป’ หมอดูยิปซีที่คุณนลินอยากเชื่อว่าการได้พบคือความบังเอิญบอกเอาไว้หลังจากมองหน้าลูกสาวของท่านนิ่งนาน

แรกทีเดียวคุณนลินแค่ฟังผ่านหูไม่สนใจสักเท่าไหร่ แต่เหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้นกับลูกสาวของท่านในเวลาต่อมา แม่หนูน้อยเริ่มฮัมเพลงทำนองแปลกๆ ที่ท่านไม่รู้จักจนติดปาก พอถามก็บอกว่ามีพี่ชายคนหนึงสอน ทั้งๆ ที่พี่เลี้ยงทั้งหมดที่คุณนลินจ้างมาดูแลในยามที่ท่านไม่สะดวกเป็นผู้หญิงทั้งหมด คุณนลินเคยนึกสงสัยว่าพี่เลี้ยงที่จ้างมาอาจแอบพาคนรักเข้ามาในบ้านลับหลังท่าน จึงติดต่อขอเปลี่ยน แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนกี่ครั้งลูกสาวตัวน้อยก็ยังคงเล่าถึงพี่ชายคนเดิมจนท่านเริ่มวิตก จึงตัดสินใจติดตั้งกล้องบันทึกภาพระหว่างที่ท่านไม่อยู่เอาไว้ แล้วสิ่งที่ตามมาก็ทำให้ไม่สบายใจนัก

ลูกสาวตัวน้อยชอบนั่งเล่นไม่ก็พูดอยู่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นคือพี่เลี้ยงที่จ้างไว้ให้ช่วยดูแลพากันพูดเป็นเสียงเดียวว่าเห็นวิญญาณชายหนุ่มชาวยุโปรในเครื่องแต่งกายที่ไม่ใช่ปัจจุบันวนเวียนใกล้ๆ เด็กหญิงอยู่เสมอ

ครั้งสุดท้ายที่ทำเอาคนเป็นแม่หัวใจแทบหยุดเต้นและคิดว่าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้วคือลูกสาวของท่านหายตัวไปเกือบค่อนคืน แล้วจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในบ้านราวกับไม่เคยหายไปไหนทั้งๆ ที่ท่านแทบจะพลิกผืนพรมค้นหาแต่ก็ไม่พบ บอกว่าพี่ชายคนเดิมพาไปเที่ยวในที่ที่ไม่มีอะไรเหมือนกับปัจจุบัน

ในคืนนั้น...ที่ได้ลูกสาวคืนกลับมา ท่านคล้ายจะเห็นร่างโปร่งแสงของชายหนุ่มคนหนึ่งในเครื่องแต่งกายแบบขุนนางยุโรปโบราณใช้มือที่เหมือนเงาวูบผ่านของเขาไล้สัมผัสใบหน้าของลูกสาวที่นอนหลับใหลอย่างสบาย เพราะล้าจากการผจญภัย ทำให้ท่านตื่นตระหนก มันย้ำเตือนให้ท่านคิดถึงคำทำนายของหมอดูยิปซี

ความหวาดหวั่นที่จับขั้วหัวใจว่าอาจจะต้องสูญเสียลูกสาวไปทำให้คุณนลินตัดสินใจหันหลังให้กับประเทศนี้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันเท่ากับเป็นการละทิ้งสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ท่านรู้สึกว่าสามีที่รักยังอยู่ข้างกาย แต่คุณนลินอยู่ไม่ได้จริงๆ ชีวิตท่านเหลือแค่ลูกสาวเท่านั้น และจะไม่ยอมให้ใครหรือความผูกพันใดๆ มาพรากเธอไปเด็ดขาด

“แคลร์อยากให้พี่เค้าไปด้วย ไม่ได้เหรอคะแม่” เด็กหญิงทำหน้าหมองถามมารดา คุณนลินทรุดตัวลงมาให้ใบหน้าเสมอได้ระดับกับลูกสาว

“แคลร์ เราไปกันแค่สองคนไม่ได้เหรอลูก แค่แม่กับแคลร์ไง”

“ถ้าอย่างนั้นแคลร์ก็จะไม่ได้พบพี่เค้าอีกแล้ว พี่เค้าจะลืมแคลร์ไหมคะ” เด็กหญิงเอียงคอถามมารดา

“แคลร์จะมีเพื่อนอีกเยอะเลยลูกที่เมืองไทย ไม่เป็นไรนะแคลร์...ลืมทุกอย่างที่นี่ไปเสียนะลูกนะ” คุณนลินบอกลูกสาวด้วยความหวัง สูดลมหายใจลึก

...จะต้องไม่มีอะไรมาแผ้วพานลูกสาวของท่านได้อย่างเด็ดขาด...

เสียงเรียกเตรียมขึ้นเครื่องทำให้แม่ลูกต้องขยับตัวไวขึ้นอีก คุณนลินไม่ทันเห็นว่าลูกสาวเบือนหน้ากลับไปมองสบตาชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังทอดมองมาด้วยสายตาอาลัยรัก

“บ๊ายบาย” เด็กน้อยยกมือเล็กๆ โบกลา

ชายหนุ่มคนนั้นยืนนิ่ง มองภาพของคนทั้งคู่กลืนหายไปกับฝูงชนก่อนที่ร่างซึ่งดูแปลกแยกของเขาจะค่อยๆ เลือนรางหายไป

ลาก่อน...ชั่วคราว...มายเลดี้...มีเพียงเสียงทอดอาลัยเศร้าสร้อยแผ่วเบาที่หลงเหลืออยู่ในกาลเวลาแล้วก็จางหาย ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าเท่านั้นเช่นกัน

 

บทที่ 1

 

คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ที่บางตัวอักษรซึ่งพิมพ์ติดอยู่เลือนไปพอสมควรเคาะรัวอย่างต่อเนื่องจากปลายนิ้วเรียวยาวที่เล็บตะไบจนมนได้รูป แล้วจู่ๆ ก็นิ่งสนิทเพราะผู้ที่เคาะรัวอยู่ละปลายนิ้วจากแป้นพิมพ์เลื่อนไปแตะปลายคางของตัวเอง คิ้วได้รูปขมวดมุ่นเข้าหากัน สุดท้ายแล้วมือที่จับปลายคางก็ขยับอีกครั้งไปหาเมาส์ จัดการคลิกเปิดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่อเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ต

ก๊อกๆ “แคลร์ ขอแม่เข้าไปหานะลูก” ประตูห้องส่วนตัวที่ถูกเคาะและเสียงเรียกที่ตามมาไม่ทำให้คีรานัทธ์หรือแคลร์สนใจหันไปมองหรือแม้แต่จะส่งเสียงตอบรับ เธอยังคงมุ่งความสนใจอยู่แค่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในขณะที่ปลายนิ้วขยับเลื่อนเมาส์เพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการไปเรื่อยๆ จากอินเตอร์เน็ต

ไฟในห้องสว่างพึ่บเมื่อผู้เป็นมารดาก้าวเข้ามา อดไม่ได้ที่จะบ่นไปด้วย “ทำงานมืดๆ อีกแล้ว ตาจะเสียนะลูก”

แก้วน้ำผลไม้ปั่นเย็นจัดจนไอเกาะถูกวางลงบนโต๊ะใกล้มือของคีรานัทธ์ ก่อนที่มือขงคนนำมาส่งจะวางลงบนไหล่

“วันนี้แคลร์ยังไม่ออกไปทานข้าวเลยนะลูก แซนด์วิชที่อรเอามาให้ก็ยังไม่แตะเลยเหมือนกัน” คุณนลินปรายสายตาไปมองจานแซนด์วิชที่ตอนนี้ผิวขนมปังแห้งเพราะตากอากาศมาเป็นเวลาพอสมควร
“แคลร์ยังไม่หิวค่ะ แม่กลับมาเมื่อไรคะ” ภาพในหน้าเว็บไซต์ที่คลิกเข้าไปซึ่งในเวลานี้กำลังอยู่ในระหว่างการโหลดจากระบบ ยังไม่อาจแสดงผลได้เต็มที่ ทำให้คีรานัทธ์ยอมละความสนใจจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หันไปหามารดาพร้อมกับส่งยิ้มเอาใจเพราะรู้ดีถึงความห่วงใยของท่าน

“ได้สักครึ่งชั่วโมงแล้ว อรบอกว่าแคลร์ยังไม่ออกจากห้อง แม่เลยเป็นห่วงปั่นน้ำผลไม้มาให้นี่ไง ดื่มหน่อยนะลูก...แม่ทำกับมือเลยนะ” คุณนลินคะยั้นคะยอลูกสาว คีรานัทธ์เอื้อมมือไปยกแก้วน้ำเข้ามาใกล้ ทำท่าดื่มอย่างเอร็ดอร่อยเอาใจจนได้เห็นรอยยิ้มของมารดา

คุณนลินมองเลือดเนื้อเชื้อไขหนึ่งเดียวของท่านด้วยความรัก ใบหน้าขาวเนียนรูปไข่ มีดวงตากลมโต จมูกโด่งเป็นสัน และขนตางอนยาวในยามกะพริบปิดเปลือกตาจะเรียงเป็นแพสวยได้รูปโดยไม่จำเป็นต้องปัดมาสคาร่าหรือดัดให้โค้งงอ ริมฝีปากบางเฉียบรับกัน ยามที่ขัดใจก็มักจะเม้มแน่นเป็นสีชมพูระเรื่อตามธรรมชาติโดยไม่ต้องแต่งเติมเครื่องประทินโฉมใดๆ ทุกส่วนที่ประกอบเป็นคีรานัทธ์นั้น แค่มองเผินๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่สายเลือดเอเชียร้อยเปอร์เซ็นต์ จะให้มองเป็นตะวันตกทั้งหมดก็ไม่ใช่ หากเป็นหญิงสาวจากสายเลือดที่แตกต่างแต่ผสมอย่างลงตัวจนทำให้มองดูกลางๆ ไม่ใช่แบบใดแบบหนึ่งจนสุดโต่งมากกว่า แต่ในเวลานี้สำหรับคนเป็นมารดา ท่านไม่มีแก่ใจชื่นชมความงามของลูกสาวมากนัก

“บางทีแม่ก็ไม่ค่อยชอบชีวิตนักเขียนของแคลร์เลย รู้ไหมลูก ดูสิ ทำอะไรไม่เป็นเวลาเหมือนชาวบ้านปกติเค้า กินก็ไม่ตรงเวลา นอนก็ไม่ตรงเวลา” คุณนลินบ่นถึงวิถีชีวิตของลูกสาวที่ยึดเอาอาชีพนักเขียนซึ่งทำตั้งแต่สมัยเรียนมาเป็นอาชีพหลัก จนพานไม่ยอมเริ่มต้นทำงานบริษัทในโลกปกติอย่างที่ใครๆ เขาทำกัน

คีรานัทธ์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ เธอเป็นคนรักอิสระและพอใจจะใช้ชีวิตที่ไม่ต้องวุ่นวายแข่งขันกะบใคร ขอแค่ให้ได้มีวันเวลาที่เป็นของตัวเอง แบกเป้ใบหนึ่งท่องเที่ยวไปมองโลกกว้างอย่างนักท่องเที่ยวที่รักสันโดษ ไม่ก็อยู่ตามลำพัง อ่านหนังสืออยู่ในซอกมุมเล็กๆ ที่เงียบสงบเป็นวันๆ หรือนั่งนิ่งหมมดเวลาไปกับการมองท้องฟ้าเนิ่นนานอย่างไม่อนาทร นิสัยชอบอยู่กับตัวเองทำให้เธอมีเพื่อนน้อยมาก แม้แต่ญาติพี่น้องก็ไม่สนิทกับใครอย่างจริงจังสักคนทั้งๆ ที่รากเหง้าของมารดาเป็นครอบครัวใหญ่

หลายคนตัดสินและปรามาสว่าคีรานทธ์เป็นพวกไร้กฏเกณฑ์ ชอบใช้ชีวิตไร้สาระไม่มีแก่นสาร หนักเขาก็ลามปามไปกระทบกระเทียบบิดาชาวต่างชาติที่เสียชีวิตไปแล้วของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งป้ามุกดา

‘ลูกฝรั่ง เลี้ยงยังไงก็ยังมีแต่เลือดฝรั่ง พูดอะไรสอนอะไรมันไม่ฟังหรอก ไอ้พวกดื้อหัวแข็ง สรรหาสารพัดเหตุผลเอาไว้เถียงผู้ใหญ่ ไม่ค่อยจะยอมฟังใคร ดื้อด้าน!’

ป้ามุกดา พ่สาวคนโตของมารดาเธอและว่าไปคือผู้มีอาวุโสสูงสุดที่ยังมีชีวิตอยู่ของครอบครัวไม่ค่อยชอบใจน้องเขยต่างชาติสักเท่าไรแม้จะมีเวลาทำความรู้จักกันน้อยนิด ซึ่งน่าจะเป็นเพราะคุณยายของเธอไม่เคยยอมัรบการแต่งงานของลูกสาว กระทั่งล้มป่วยและลือกันว่าท่านตรอมใจตายเพราะคุณนลินตัดสินใจจะตั้งรกรากอยู่ที่ยุโรปกับสามี แต่นั่นเป็นความผิดมากมายถึงกับอภัยให้กันไม่ได้แม้ว่าคุณยายและบิดาของเธอจะเสียชีวิตไปแล้วทั้งคู่เชียวหรือ

คีรานัทธ์น้อยใจแทนบิดาและสงสารมารดาที่ต้องลำบากใจทนฟังป้ามุกดา ผู้ไม่เคยยอมทิ้งโอกาสที่จะได้ต่อว่าพาดพิงไปถึงผู้มอบสายเลือดอีกครึ่งหนึ่งให้กับคีรานัทธ์เสมอมา จนครั้งหนึ่งเธอทนไม่ได้ ลุกขึ้นเถียงท่านอย่างที่ไม่เคยมีลูกหลานคนไหนกล้ามาก่อน

คุณนลินถึงกับหน้าเสีย วางตัวไม่ถูก ในขณะที่ป้ามุกดาโกรธจนแทบลมจับ กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตราวกับคีรานัทธ์เป็นกบฏอะไรสักอย่าง ในตระกูล ซึ่งจะถามว่าคีรานัทธ์เดือดร้อนแค่ไหน ก็ต้องตอบว่าเดือดร้อนเท่าที่ความไม่สบายใจของมารดาก่อตัว ไม่ใช่เดือดร้อนเพราะตัวเองกลาย

 

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (64 รายการ)

www.batorastore.com © 2024