ปริศนาแห่งหัวใจ (เพชรน้ำค้าง)

ปริศนาแห่งหัวใจ (เพชรน้ำค้าง)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742535148
สั่งจองสินค้า (ต้องการสินค้า)
ราคา: 335.00 บาท 83.75 บาท
ประหยัด: 251.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตารเกศเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ในทันทีที่เสียงกริ่งดังกังวานขึ้น

“ฮัลโหล…”

“มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่ง จะเอาเด็กมาฝากเข้าเรียนค่ะ”

“ให้เชิญเข้ามาได้”

หล่อนวางหูโทรศัพท์ลงเพียงนั้น เลื่อนเอกสารเบื้องหน้าไปทางหนึ่ง

จากนั้นก็หยิบแฟ้มที่อยู่มุมสุดของโต๊ะมาเปิด

ประตูกระจกถูกเคาะเบาๆ

“เชิญค่ะ”

กังวานเสียงนั้นแจ่มใส ประตูถูกผลักเข้ามา เด็กหญิงวัยสี่ขวบคนหนึ่ง

ถลันเข้ามาก่อน ผมหยิกหย็องสีดำสนิท และผิวขาวดุจหยวกกล้วยกับแก้ม

ยุ้ยสีแดงจัด ทำให้หญิงสาวอดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้

“เชิญค่ะหนู”

“สวัสดีคุณครูก่อนสิลูก”

เสียงห้าวๆ ที่สำทับขึ้นทำให้ตารเกศเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบร่างสูงในสูท

สีขรึมยืนสงบนิ่งอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้านั้นขาวจัดดุจไม่ใช่ผิวของคนไทย

ตาสงบที่ทอดมองตรงมานิ่งๆ ทำให้ตารเกศถึงกับตะลึงงัน หล่อนผุด

ลุกขึ้นยืนทันควัน ใบหน้าขาวซีด

“สวัสดีค่ะ คุณครู”

เด็กหญิงกระพุ่มมือไหว้ท่าทางเก้งก้าง รอยยิ้มกว้างจนเห็นตาเล็กยิบหยี

อย่างเชื่องช้าที่ตารเกศทรุดตัวลงนั่งตามเดิม สิ่งต่างๆ ตรงหน้าดูจะ

พร่าเลือน แต่เพียงครู่เดียวหล่อนก็รวบรวมสติของตนเองได้ หญิงสาวยิ้ม

น้อยๆ

“เชิญนั่งสิคะ”

ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่ง โดยมีเด็กหญิงกระโดดขึ้นนั่งตัก

“จะฝากเข้าเรียนในชั้นไหนคะ”

“คงเป็นอนุบาลหนึ่งกระมัง ลูกของผมไม่รู้ภาษาไทยเลย เราเพิ่งมา”

“อ้อ!”

หล่อนไม่ยอมสบตาคมคู่นั้น จึงไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นว่า เขามองหล่อน

อย่างเพ่งพิศและดื่มด่ำ

“ขอทราบนามค่ะ…ดิฉันหมายถึงลูกของคุณ”

“ตนุเกศ”

คำตอบนั้นเป็นไปเรียบๆ ตารเกศเขียนข้อความกรอกลงไปในแฟ้มตรง

หน้าช้าๆ

“คุณล่ะคะ!”

“คัมภีร์!”

“นามสกุลด้วยค่ะ”

“กลธวัน”

“ภรรยาล่ะคะ?”

“ฮิเดโกะ…นามสกุลด้วยไหม?”

“อ๋อไม่จำเป็นค่ะ”

ช่วงไหล่นั้นตั้งตรง ผมเกล้าสูงของหล่อนดูสง่าและภูมิฐาน หล่อน

ประสานสายตากับเขาด้วยแววตาที่แน่แน่วมั่นคง

“เด็กเกินสามขวบเราคิดเป็นเทอมนะคะ เทอมละพันสองค่าอาหารพร้อม

ส่วนค่ารถรับส่งต่างหาก เดือนละสองร้อย”

“ผมจะรับส่งเอง”

ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าเงินนับเงินมาวางไว้บนโต๊ะ ตารเกศเขียนใบเสร็จ

พลางยื่นส่งให้

“จะฝากไว้วันนี้เลยหรือคะ?”

“ครับ…ผมมีงานต้องทำ”

เขาผุดลุกขึ้นยืน แต่เด็กหญิงผวาตาม ส่งภาษาที่ตารเกศไม่เข้าใจ แต่

เขาอธิบายสั้นๆ เพียงว่า

“ป๋าต้องทำงาน หนูต้องอยู่กับคุณครู”

ตารเกศเอื้อมมือไปกดกริ่ง เพียงครู่เดียว ครูสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามา

“ช่วยพาหนูคนนี้ไปด้วยค่ะ…”

เด็กหญิงอิดเอื้อนอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อได้รับฟังคำพูดหลอกล่อก็วิ่งตาม

ไปอย่างง่ายดาย

ตารเกศผ่อนลมหายใจยาว หล่อนก้มหน้าเก็บแฟ้มใส่ลิ้นชัก พอเงย

หน้าขึ้นมาก็ยังเห็นชายหนุ่มยังยืนอยู่ที่เดิม ตายาวรีมีประกายลึกล้ำ

“ตารเกศ…คุณไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากยากเย็น

“ค่ะ…อาจเป็นเพราะว่าดิฉันไม่ใช่คนเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ”

“ครั้งหนึ่งคุณเคยเรียกตัวเองว่าเกศ”

“นั่นมันครั้งหนึ่งค่ะ และผ่านมาแล้ว ขอโทษคุณมีงานต้องทำไม่ใช่

หรือคะ ดิฉันก็กำลังยุ่งเหมือนกัน!”

ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากเข้าหากันน้อยๆ จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจยาว

“ผมกลับก่อนละ…เราคงได้พบกันอีก”

ร่างสูงนั้นผละจากไป ตารเกศซุกศีรษะกับพนักดุจจะผ่อนพักความ

เครียดทั้งมวล

เพียงครู่เดียวหล่อนก็สลัดทุกสิ่งทุกอย่างออกจากสมองและเริ่มงาน

ต่อไปดุจไม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงนาทีที่ผ่านมา…

* * *

ดึกแล้วแต่ตารเกศยังนอนมองออกนอกหน้าต่างห้องซึ่งเห็นแสงดาว

พราวระยิบระยับ ครู่ใหญ่หล่อนจึงพลิกตัวเปิดโคมไฟที่หัวเตียง ควานมือ

หยิบกล่องพลาสติกสีชมพูอ่อนมาเปิดดู ภายในบรรจุจดหมายปึกบางๆ ซึ่ง

พับเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ หล่อนดึงจดหมายฉบับแรกออกมาอ่านทบทวน

อีกครั้งอย่างใจจดใจจ่อ

15 Roppongi 5 chome,

Mina to-ku Tokyo, 106 Japan.

10/2/72

เกศจ๊ะ

เขียนถึงเกศในวันแรกที่มาถึง คงไม่ต้องบอกนะว่าผมเหงาสักแค่ไหน

เพิ่งรู้รสของชีวิตยามไกลบ้านก็ตอนนี้เอง

ยังจำภาพเกศได้ทุกบททุกตอน ตอนมาส่งผมที่สนามบิน เป็นครั้งแรก

ที่ผมเห็นคนใจแข็งอย่างเกศร้องไห้ มันทำให้ผมใจหายจนบัดนี้

ใจจริงผมอยากแกล้งสอบตกมหาวิทยาลัยอีกสักสองปีเพื่อรอเกศ เรา

จะได้มาเรียนพร้อมๆ กัน ไม่แน่เราอาจมาแต่งงานกันที่นี่ก็ได้

ผมเปิดฟังเทปที่เกศให้มาทุกวัน โดยเฉพาะเพลง

“มองเห็นโดมวิไล จำร้างไกลแสนเศร้า ประทับใจของเรา ฝากเงาไว้

ในสายตา

ใช่…ผมมีเงาของเกศอยู่ในสายตาตลอดเวลา จำได้ทุกเวลาที่เรานั่งอยู่

ใต้ต้นจำปีริมฝั่งเจ้าพระยา ฝันถึงอนาคตร่วมกัน ฝันถึงทุกสิ่งทุกอย่าง

เกศสัญญากับผมได้ไหมว่า ในทันทีที่เรียนจบศิลปศาสตร์ เกศจะบิน

ตามผมมาที่นี่เพื่อเรียนต่อและเราจะแต่งงานกัน

ตารเกศพับจดหมาย ก่อนที่หล่อนจะอ่านจบ ดวงตาของหล่อนแห้ง

ผากขณะหยิบจดหมายฉบับสุดท้ายของเขาขึ้นมาอ่าน

15/12/72

เกศที่รัก

อาจเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ที่เกศจะอนุญาตให้ผมได้ใช้คำพูดนี้กับเกศ ผม

ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดอย่างไรถึงการสารภาพผิดของตัวเอง

ให้ผมพูดง่ายๆ เถอะนะ ขณะนี้ผมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแต่งงานกับ

ผู้หญิงญี่ปุ่นคนหนึ่ง เธอเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเดียวกับผม เรากำลัง

จะมีลูกด้วยกัน

ตารเกศยิ้มเย็นๆ ให้กับตัวเอง ขณะบรรจงกรีดจดหมายฉบับนั้นใส่กล่อง

ไว้ตามเดิม

จำได้ว่าหล่อนไม่ได้ตอบจดหมายฉบับนี้ และเขาก็ไม่เคยเขียนถึงหล่อน

อีก สายใยสัมพันธ์ขาดสะบั้นลงเพียงนั้น

หล่อนสอบตกหลายวิชาในปีสุดท้ายแต่ก็ประคับประคองซ่อมจนได้

ปริญญา กาลเวลาช่วยสมานแผลหัวใจของหล่อนได้เมื่อเวลาผ่านไป ๕ ปีเต็ม

มันเป็นเวลา ๕ ปีที่หล่อนไม่เคยได้ข่าวคราวของเขาอีก

บัดนี้เขากลับมาเมืองไทยพร้อมลูก ซึ่งหมายรวมไปถึงภรรยาของเขา

ด้วย เพราะเหตุใดเขาจึงเจาะจงเอาลูกมาฝากในโรงเรียนอนุบาลของหล่อน

เขาต้องการจะทำร้ายจิตใจของหล่อนให้มากไปกว่าที่เคยทำมาแล้วกระมัง?

เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังกังวานขึ้น ทำให้หล่อนควานมือไปรับสาย

“ฮัลโหล…”

“คงไม่ต้องบอกนะว่าใคร?”

ตารเกศหัวเราะไปตามสาย

“โธ่…จำได้ค่ะ นอกจากคุณจักวันแล้วจะมีใคร ว่าไงคะโทร. มากู๊ดไนต์

อีกหรือไง”

“ก็เช่นเคยน่ะครับ ยังนึกอยู่เหมือนกันว่าป่านนี้คุณตารเกศคงหลับแล้ว”

“วันนี้ยุ่งค่ะ”

“ทำอะไรอยู่หรือครับ?”

“ก้อ…คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

“พรุ่งนี้ไปทานอาหารค่ำกับผมสักวันได้ไหมครับ?”

“เนื่องในโอกาสอะไรคะ?”

“ทำไมจะต้องมีโอกาสด้วยล่ะครับ”

ตารเกศหัวเราะไปตามสาย

“ถ้าเช่นนั้นก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ เป็นอันว่าตกลงค่ะ กี่โมงดีคะ?”

“หกโมงเย็นเลิกงานแล้วผมจะไปรับดีไหม?”

“ตกลงค่ะ”

“งั้นเจอกันพรุ่งนี้ ฝันดีนะครับ”

“ค่ะ ฝันดี”

หญิงสาววางหูโทรศัพท์ลงอย่างเงียบเชียบตะแคงกายปิดไฟที่หัวเตียง

พลางหลับตาสนิท พยายามตัดสิ่งที่หมกมุ่นออกจากสมอง แต่ถึงกระนั้น

ใบหน้าขาวจัดที่มีดวงตาดำคม ก็ยังตามมารบกวนความรู้สึกส่วนลึกไม่

สร่างซา…

* * *

“คุณครูขา…”

ร่างกลมป้อมผิวขาวจัดที่มีแก้มยุ้ยเป็นพวงสีแดงวิ่งกระหืดกระหอบเข้า

มากอดขาตารเกศเอาไว้แน่น หญิงสาวแตะฝ่ามือกับศีรษะที่มีผมหยิกหย็องสี

ดำสนิทอย่างนึกเอ็นดู

เด็กหญิงคนนี้แข็งแรง ไม่มีเค้าหน้าของคัมภีร์แม้แต่น้อย หล่อนคง

สวยเหมือนมารดาของหล่อนนั่นเอง

“เดี๋ยวป๋ามารับค่ะ คุณครู”

“อ้อ…”

“อีกหน่อยมาม่าก็มารับ ตอนนี้มาม่าอยู่ญี่ปุ่น ป๋าบอกว่าอีกสองวัน

มาม่าจะตามมา”

“อ้อ…”

หัวใจวูบวาบด้วยความรู้สึกผิดแปลกในใจ…เขามีแล้วครอบครัวที่อบอุ่น

ก็ไม่ใช่ครอบครัวเช่นนี้ดอกหรือที่เขาเคยฝันร่วมเอาไว้กับหล่อน ฝันด้วยความ

เชื่อมั่นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

หัวใจโหวงเหวงสุดประมาณ มือที่แตะศีรษะเล็กๆ นั้นสั่นระริก

“หนูคงคิดถึงมาม่าแย่”

“คิดถึงค่ะ หนูรักมาม่ามากที่สุดในโลก”

รถสีฟ้าแจ่มใสเคลื่อนเข้ามาจอดในบริเวณบ้านอย่างเชื่องช้า

“ป๋ามาแล้วค่ะ คุณครู”

“จ้ะ…หนูไปได้แล้ว…”

เด็กหญิงกระพุ่มมือไหว้ก่อนจะวิ่งกระโปรงปลิวไปที่รถ ตารเกศหมุนตัว

เดินกลับเข้ามายังห้องทำงาน ซุกศีรษะแนบกับพนักเก้าอี้ตาปิดสนิท

ความอะไรหนอที่มันเกิดขึ้นในจิตใจของหล่อน ความเปล่าเปลี่ยวและ

ความโหยไห้กระมัง หล่อนไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว มันเพิ่ง

เกิดขึ้นเพราะการกลับมาของบุรุษนั้นเพียงคนเดียว

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น หล่อนออกปากอนุญาตทั้งๆ ที่ยังหลับตา

สนิทอยู่เช่นนั้น

เสียงประตูเปิด ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหนักๆ ทำให้หญิงสาวรีบลืมตา

ขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบนั่งตัวตรง

“ขอโทษที่เข้ามารบกวน”

ร่างสูงยืนอยู่หน้าประตู

“มีธุระอะไรหรือคะ?”

เสียงของตารเกศเย็นชา

“ผมอยาก…เชิญคุณไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อ มีเรื่องสำคัญบางอย่าง

จะคุยด้วย”

“คุยที่นี่ไม่ได้หรือคะ เย็นนี้ดิฉันมีนัด”

“ตารเกศ ขอเวลาให้ผมเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง เพื่อปรับความเข้าใจกับ

คุณ”

หญิงสาวยิ้มเยือกเย็น ประสานมือไว้บนอก

“เราเข้าใจกันมาเนิ่นนานแล้วค่ะ ทุกสิ่งไม่จำเป็น ดิฉันเข้าใจดีและ

ไม่คิดจะมีคำถามใดๆ กับคุณทั้งสิ้น ดิฉันยินดีที่ได้พบคุณอีก ยินดีที่ได้รู้จัก

กับครอบครัวของคุณ เห็นไหมคะไม่มีอะไรเลยในหัวใจของดิฉัน ขณะนี้ดิฉัน

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024