
First Class, Last Love (Cookie)
ประหยัด: 29.19 บาท ( 21.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 1 รายการราคา 83.40 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทที่ 1
ขณะนี้เครื่องบินกำลังบินฝ่าความมืดที่ระดับความสูงสามหมื่นฟุต
ชั้นเมฆลอยอยู่ใต้ท้องเครื่อง นอกหน้าต่างมีเพียงผืนฟ้าดำสนิท เมื่อสิบนาทีที่แล้วพระจันทร์ที่เกือบจะเต็มดวงยังอวดโฉมอยู่ที่หน้าต่าง ตอนนั้นชั้นเมฆสีดำเป็นประกายวิบวับราวกับถูกทาเนย ลำแสงสีน้ำเงินเข้มส่องทะลุชั้นเมฆสีดำสนิทและชั้นเมฆสีเงินยวงที่ตัดกันอย่างชัดเจน
ไฟลต์จากเมืองเกาะขนาดใหญ่ในทวีเอเชียสู่เมืองตอนเหนือของยุโรปนี้เป็นไฟลต์แรกนับจากซันนี่ หวงได้เลื่อนขั้นเป็นพาร์เซอร์
ปีที่เธออายุยี่สิบสองและเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอฝ่าด่านอรหันต์ในการสอบเข้า Global Happiness Airlines อย่างเลือดตาแทบกระเด็น จากนั้นก็เข้ารับการอบรมและเทรนบนเครื่องบินเป็นเวลาห้าเดือน โดยเริ่มจากการเป็นแอร์โฮสเตสมือใหม่ที่ไม่รู้อะไรเลย
Global Happiness Airline เป็นบริษัทลูกของบริษัทอิตาลี รหัสสายการบินคือ GH และด้วยความที่เป็นบริษัทต่างชาติ เงินเดือนเริ่มต้นและสวัสดิการจึงดีกว่าสายการบินประจำชาติ หลังบินครบสามปีซันนี่ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นซีเนียร์
จากความรู้ที่สืบทอดกันมา พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเมื่อทำงานครบสามปีมักจะพากันลาออก
แอร์โฮสเตสชาวไต้หวันที่เข้าทำงานรุ่นเดียวกับซันนี่มีทั้งหมดสามสิบแปดคน พอถึงฤดูลาออก็พากันแต่งงาน คลอดลูก หรือไม่ก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ เปลี่ยนสายงาน บางคนที่มีเงินเก็บและมีช่องทางก็ผันตัวเองไปเป็นเถ้าแก่ สุดท้ายแอร์โฮสเตสรุ่นเดียวกันที่มีทั้งหมดสามสิบแปดคนก็ลาออกไปกว่าครึ่ง
แต่ซันนี่ยังอยู่ เพราะนอกจากเงินเดือนพื้นฐานแล้ว เธอยังได้ค่าเบี้ยเลี้ยงเมื่อบินไปต่างประเทศและค่าชั่วโมงบิน ซึ่งถ้าชั่วโมงบินในแต่ละเดือนสูงกว่าชั่วโมงบินมาตรฐาน จำนวนชั่วโมงที่เกินมาจะมีการคิดให้เป็นสองเท่า บางครั้งหากขายสินค้าปลอดภาษีบนเครื่องบินได้เยอะ บริษัทก็จะให้โบนัสอีก อาศัยแค่ปริญญาสาขาวิชาภาษาต่างประเทศ ไม่มีประสบการณ์การทำงานก็ได้เงินเดือนสูงขนาดนี้ จะให้ซันนี่ลาออกจากงานจึงไม่ง่าย เพราะถึงอย่างไรงานนี้ก็ทำให้เธอสามารถหาเงินส่งเสียน้องชายคนโตและน้องสาวฝาแฝดสองคนเรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้ หลังจากพ่อและแม่เสียชีวิตไปในอุบัติเหตุทั้งคู่ หลายปีมานี้เธอยังแอบเก็บเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นทุนตั้งตัวสำหรับพวกน้องๆ ด้วย
นอกจากบุคลิกเรียบร้อยแล้ว ‘นิสัยลูกสาวคนโต’ ที่มีมาตั้งแต่เกิดทำให้เธอเคยชินกับการดูแลคนรอบข้าง เธอมีอีคิวสูงเป็นพิเศษ ทั้งมุมานะและอุตสาหะ งานรับส่งแขกบนเครื่องบินจึงค่อนข้างเหมาะกับเธอ ในเมื่อทำได้ดีเธอจึงยิ่งไม่มีเหตุผลจะลาออก
ซันนี่คิดว่าเธอคงได้กลายเป็น ‘แอร์ฯ พันปี’ อย่างที่เขาว่ากัน ยึดอาชีพให้บริการแบบนี้ไปทั้งชีวิตจนกว่าจะเกษียณ
หลังจากได้เลื่อนขั้นเป็นซีเนียร์แล้ว สามปีต่อมา GH ก็เปิดรับสมัครพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชาวไต้หวันเป็นจำนวนมากเพื่อขยายเส้นทางบินระหว่างยุโรปกับเอเชีย เพอร์เซอร์รุ่นพี่ที่อยู่ทีมเดียวกันผลักดันให้ซันนี่ได้เป็นเทรนเนอร์ของแอร์โฮสเตสรุ่นใหม่ด้วย เธอจึงมีหน้าที่เทรนแอร์โฮสเตสรุ่นใหม่ที่ประจำที่ไต้หวันร่วมกับรุ่นพี่แอร์โฮสเตสและสจ๊วตคนอื่นๆ
ปีนี้ชั่วโมงบินของเธอย่างเข้าปีที่เจ็ดแล้ว ฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาบริษัทเลื่อนตำแหน่งให้พนักงานส่วนหนึ่ง เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
หลังเลื่อนตำแหน่ง แม้ซันนี่จะยังให้บริการอยู่บนเครื่องบินเหมือนเดิม แต่หน้าที่รับผิดชอบของเธอกลับต่างไปจากเดิมมาก ตลอดช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาไฟลต์ของเธออยู่ในสถานะ ‘On Job Training’ เธอต้องเริ่มเรียนรู้ทุกอย่างใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยมีแอร์โฮสเตสและสจ๊วตที่เป็นเพอร์เซอร์ประจำเคบินสอนงานให้
ทว่าวันนี้ในที่สุดเธอก็ได้เป็นเพอร์เซอร์นำทีมลูกเรือบินไปยุโรปด้วยตัวเอง
ไฟลต์ช่วงแรกของคืนนี้ปกติดี อากาศบนเครื่องไหลเวียนอย่างสม่ำเสมอ เครื่องไม่ส่ายมากนัก สถานการณ์ในห้องผู้โดยสารก็ปกติดี มีเหตุขัดข้องเพียงสองสามเรื่องเท่านั้น
เรื่องแรก ระหว่างเสิร์ฟอาหาร ผู้โดยสารชั้นประหยัดสองคนแย่งห้องน้ำจนมีปากเสียงกัน แต่สถานการณ์ก็คลี่คลายแล้ว เรื่องที่สอน เคบินชั้นธุรกิจมีผู้โดยสารสัญชาติอเมริกันที่ตัวใหญ่กว่านักซูโม่ชาวญี่ปุ่นอย่างอาซาโซริว เขาไม่พอใจที่ที่นั่งแคบไปและเข็มขัดนิรภัยคาดไม่ถึง ซึ่งแอร์โฮสเตสที่ดูแลเคบินนั้นได้จัดทำรายงานเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว และสำหรับชั้นเฟิร์สต์คลาสในวันนี้มี ‘มิสเตอร์วีน’ ผู้โดยสารชาวเดนมาร์กที่ขึ้นชื่อของ GH เป็นลูกค้า
มิสเตอร์วีนมีมุมปากตก รูจมูกเชิดขึ้น ดูเหมือนอายุราวๆ ห้าสิบ แต่คนยุโรปมักจะแก่เร็ว ดังนั้นไม่แน่ว่าอายุเขาอาจอ่อนกว่าหน้าก็ได้
มุมปากของหญิงสาวกระตุกขึ้นเล็กน้อยขณะไล่ดูข้อมูลผู้โดยสารที่ได้มาจากพนักงานต้อนรับภาคพื้นดิน ชื่อของมิสเตอร์วีนถูกวงด้วยปากกาสีแดงเข้มและมีตัวหนังสือ ‘Caution’ อยู่ด้านข้าง แถมยังมีเครื่องหมาย ‘!’ สองขีดด้านหลังที่เขียนอย่างออกแรงจนกระดาษแทบขาด ดูท่าคนคนนี้คงจะก่อเรื่องไว้ตอนจองทีนั่งแหละโหลดสัมภาระไม่น้อยทีเดียว
หลังบอร์ดดิ้งแล้ว เขาก็ไม่ไว้หน้าบรรดาแอร์โฮสเตสเช่นกัน
กับคนประเภทนี้ ซันนี่มีประสบการณ์ที่สั่งสมไว้ไม่น้อย เธอผ่านการฝึกฝนมาเยอะจนจิตใจมีความแข็งแกร่ง ไม่กลัวการถูกทำร้าย ในเมื่อรับเงินมาแล้วก็ต้องช่วยขจัดหายนะ งานทุกอย่างล้วนมีความท้าทายโดยเฉพาะงานบริการอย่างเธอ เพื่อเงินเดือนที่แสนดึงดูด เธอยินดีบริการเต็มที่ เธอจะพยายามทำตามความต้องการของผู้โดยสารให้มากที่สุด ตราบใดที่ข้อเรียกร้องนั้นยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้ ขอเพียงอย่ามากเกินไป ทนได้ก็ทน
สายตาของเธอกวาดมองไปยังที่นั่งผู้โดยสารชั้นเฟิร์สต์คลาสต่อไป
บนผังที่นั่งมีนามสกุลของผู้โดยสารระบุไว้เพื่อให้พนักงานต้อนรับสามารถให้บริการแบบรายบุคคลได้อย่างสะดวก ซันนี่ตั้งใจมองผังที่นั่งในมือ ในที่สุดสายตาก็หยุดลงที่นามสกุลแปลกประหลาดบนผังที่นั่งฝั่งขวาด้านหลังสุด
‘Mr. Afulen’
มิสเตอร์อัฟลัน เขาเป็นผู้โดยสารชั้นประหยัดที่ถูกอัพเกรดขึ้นมา
ผู้โดยสารอื่นที่ได้อัพเกรดเหมือนเขามีคู่สามีภรรยาสูงอายุรูปร่างล่ำเตี้ย เด็กชายและเด็กหญิงอายุประมาณสิบเอ็ดสิบสองขวบ ทั้งห้าคนล้วนได้อัพเกรดมาอยู่ชั้นเฟิร์สต์คลาส
คู่สามีภรรยากับเด็กสองคนใช้นามสกุลเดียวกัน แสดงว่าน่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน อีกทั้งยังมีผิวสีเหลืองค่อนไปทางน้ำตาล ตาชั้นเดียว ดวงตาเรียวยาว ดูออกชัดเจนว่าเป็นชาวเอเชีย เมื่อกี้เธอเช็กข้อมูลดูแล้ว หลังจากเครื่องลงจอดที่กรุงโคเปนเฮเกน พวกเขาทั้งห้ายังต้องเปลี่ยนเครื่องโดยมีจุดหมายสุดท้ายที่เกาะกรีนแลนด์
เกาะกรีนแลนด์เชียวนะ!
ดูจากหน้าตาแล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่าคู่สามีภรรยาและเด็กๆ จะเป็นชาวอินูอิตหรือที่เรียกง่ายๆ ว่าชาวเอสกิโม
ส่วนมิสเตอร์อัฟลันคนนี้มีผมดำ ผิวสีแทน ดูออกว่าเป็นชาวเอเชีย แต่รูปร่างของเขาค่อนข้างสูง และผิวสีน้ำตาลของเขาดูไม่เหมือนเป็นสีผิวที่แท้จริง แต่น่าจะเกิดจากการทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานมากกว่า และเขาเป็นลูกครึ่ง แต่เป็นลูกครึ่งอะไรนี่สิที่ยังฟันธงไม่ได้
ซันนี่จ้องนามสกุลของเขาที่ต่างจากคู่สามีภรรยาและเด็กสองคนพลางพยายามคาดเดาความสัมพันธ์ของทั้งห้า สมองพลันปรากฏใบหน้าของเขา
ความจริงเธอสังเกตเห็นเขาตั้งแต่บอร์ดดิ้งแล้ว
ตอนนั้นเธอนำแอร์โฮสเตสสองคนยืนต้อนรับผู้โดยสารอยู่ตรงทางเข้าเครื่องบิน เขาเดินอยู่ด้านหลังนักธุรกิจที่สวมชุดสูท รูปร่างสูงโปร่งโดดเด่นนั่นยังไม่เท่าไร แต่พอเขาเดินเข้ามาใกล้ เธอถึงเห็นการแต่งกายของเขาอย่างชัดเจน
แจ็กเก็ตหนังเก่าๆ กางเกงหนังเก่าๆ เข็มขัดหนังเก่าๆ บูตหนังเก่าๆ เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายลายสก็อตสีเข้มตัวในเปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นผิวเนื้อสีทองแดงตรงแผงอกที่แน่นเปรี๊ยะ
หนังบนตัวเขามีสีเข้มจางไม่เท่ากัน ไม่มีความวาววามแม้แต่นิดเดียว ดูออกว่าเป็นของเก่าที่มีประวัติในตัวไม่น้อยแต่ยังคงได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ของบางอย่างมีค่าก็ตรงความเก่าแก่ของมันนี่ล่ะ เขาดูเหมาะกับการแต่งกายแบบนี้มาก ดิบเถื่อน ดั้งเดิม ติดดินแบบไม่ได้ตั้งใจ แค่แต่งไปตามใจชอบก็ได้สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เอาเป็นว่าเท่สุดๆ ในสายตาเธอ
พอถึงช่วงเวลาว่างก่อนเสิร์ฟอาหาร เธอก็ไปทักทายกับลูกค้าวีไอพีทั้งสิบสองคนในฐานะเพอร์เซอร์ของไฟลต์ คู่สามีภรรยากับเด็กอีกสองคนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ เพียงไม่กี่คำ และสื่อสารกับเธอโดยใช้ภาษามือและรอยยิ้มเป็นส่วนใหญ่ ส่วนมิสเตอร์อัฟลันกลับนิ่งเฉยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ใบหน้าของซันนี่แต่งแต้มรอยยิ้มแบบมืออาชีพ เธอพูดกับเขาด้วยสำเนียงอ่อนหวานที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะมิสเตอร์อัฟลัน ขอต้อนรับสู่เที่ยวบิน GH950 ฉันชื่อซันนี่ เป็นเพอร์เซอร์ของไฟลต์นี้ค่ะ” เธอชี้ไปที่ป้ายชื่อบนอกซ้าย “อีกเดี๋ยวเราจะบริการอาหารและเครื่องดื่ม รายการอาหารและเครื่องดื่มอยู่ในกระเป๋าด้านหน้าที่นั่งนะคะ คุณลองศึกษาดูก่อนได้ หากต้องการอะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งพวกเราได้ทันทีค่ะ”
มิสเตอร์อัฟลันไม่ตอบอะไร เขาเอาแต่จ้องเธอนิ่ง ปล่อยให้เธอพูดบทอยู่คนเดียว
เธอไม่รู้ว่าตัวเองก็จ้องตอบเขาเหมือนกันหรือเปล่า หลายวินาทีทีเดียวที่เธอรู้สึกสมองว่างเปล่าไปหมด
ตาชั้นเดียวและดวงตาเรียวยาวแบบชาวเอเชียของเขาดูลึกล้ำดำมืด แทบจะไม่เห็นตาขาว ขนตายาวและหนาบดบังแววตา เธอสูดหายใจเข้ารู้สึกเย็นวาบที่สันหลังและสมมอง แต่ในอกกลับร้อนรุ่ม...เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกไฟช็อต
“อืม”
เมื่อเธอสลัดความวิงเวียนออกไปได้และตั้งท่าจะใช้ภาษาใบ้กับเขา เขาถึงได้ขานรับมาหนึ่งคำให้เธอรู้ว่าเขาเข้าใจแล้ว ก่อนจะเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
ดีนะ...ยังนับว่าเขามีมารยาท
ซันนี่หน้าร้อนผ่าว ในใจแอบหัวเราะตัวเอง บินมาตั้งหกปีไม่ง่ายเลยที่เธอจะรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต
แต่มีความรู้สึกก็เรื่องหนึ่ง เก็บไว้ชื่นชมเองในใจก็พอ
เมื่อก่อนรุ่นพี่ที่เทรนเธอเคยบอกว่าช่วงเวลาตอนสาวๆ มีค่า ต้องรู้จักตักตวงความสุขเมื่อโอกาสมาถึง โดยเฉพาะคนที่ทำงานบนเครื่องบินอย่างพวกเธอที่รับแขกมาส่งแขกไป หากมีโอกาสต้องรีบคว้า เจอผู้ชายหุ่นดีให้คว้ามาเป็นคู่ควงเล่น ถ้ากระเป๋าหนักหน่อยให้เป็นพ่อบุญทุ่มก็ได้ แต่คนที่จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เป็นอันขาดคือคนที่จะมาเป็นเนื้อคู่ ขอแค่หาให้เจอ แค่คนเดียวก็พอ เท่านี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว
คิดถึงคติของรุ่นพี่คนนั้นแล้ว รอยยิ้มตรงมุมปากของซันนี่ยิ่งกดลึก ดวงตาปรากฏแววครุ่นคิด
ตักตวงความสุขเมื่อโอกาสมาถึงกับ...เนื้อคู่งั้นหรือ
ขณะอยู่ในภวังค์ความคิด มือก็ขยับไปเปิดผ้าม่านเองก่อนจะแอบมองออกไปข้างนอก
เนื่องจากเป็นการบินตอนกลางคืน หลังเสิร์ฟอาหารและขายสินค้าปลอดภาษีเสร็จแล้ว แสงไฟในเคบินทั้งหมดจะถูกหรี่ลง ผู้โดยสารที่ต้องการอ่านหนังสือสามารถใช้ไฟดวงเล็กประจำที่นั่งของตัวเองได้ แต่ช่วงเวลานี้ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะนอนเสียมากกว่า พนักงานต้อนรับก็เริ่มผลัดกันพักผ่อน
ซันนี่หลบอยู่ในห้องเตรียมอาหาร ตอนนี้เธอทิ้งงานเอกสารในมือไปแล้วและกำลังแอบมองความเป็นไปในเคบินผ่านรอยแยกของผ้าม่านด้านนอกมืดสลัว หญิงสาวกะพริบตาเพื่อปรับสภาพสายตาก่อนจะสอดส่ายสายตาไปมา แล้วสายตาก็เบนไปทางด้านซ้ายโดยไม่รู้ตัว
อุ๊ย! มีความเคลื่อนไหว
มิสเตอร์อัฟลันไม่อยู่ที่ที่นั่ง เขากำลังหันหลังให้เธอ เงาร่างสูงใหญ่อยู่เหนือที่นั่งของคู่สามีภรรยาสูงอายุ เขาก้มตัวลงเล็กน้อย
การกระทำของเขาถูกที่นั่งด้านหน้าบดบัง แต่แม้จะมองไม่เห็น เธอก็เดาได้ว่าเขาคงกำลังห่มผ้าให้สองตายาย เขาคงเห็นสองตายายหลับไปแล้วจึงลุกขึ้นมาตรวจดู เพราะกลัวว่าอุณหภูมิบนเครื่องจะเย็นเกินไปจนทำให้คนแก่เป็นหวัด
จากมุมที่เธอยืนดูอยู่ ไหล่ของเขากว้างมาก แผ่นหลังที่ไร้แจ็กเก็ตปกปิดปรากฏเป็นรูปสามเหลี่ยมกลับหัว เส้นผมตรงยาวที่เขารวบไว้ส่ายไปมาอยู่บนแผ่นหลัง จากการคาดเดา เธอคิดว่าผมของเขาน่าจะยาวกว่าเธอเสียอีก และไม่แน่ว่าอาจจะนุ่มสลวยกว่าเธอด้วยซ้ำ เหมาะกับการถ่ายโฆษณาแชมพูสุดๆ
อุ๊ย!
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)