Bloodline SS สงครามรักร้ายสุดท้ายคือเธอ!

Bloodline SS สงครามรักร้ายสุดท้ายคือเธอ!

7 รีวิว  7 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160606351
ผู้แต่ง: silly sis
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 149.00 บาท 37.25 บาท
ประหยัด: 111.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

“หนึ่ง...ศูนย์...หนึ่ง...สาม”

ฉันก้มลงมองกระดาษเหี่ยวๆ สีขาวในมือสลับกับตัวเลขที่สี่ตัวที่ทำจากอะลูมิเนียมซึ่งถูกติดอยู่ที่หน้าประตูห้องพลางพึมพำกับตัวเองเบาๆ เพื่อความมั่นใจว่าไม่ได้มายืนอยู่ผิดที่ผิดทาง เอาน่ะ!...มันจะไปผิดได้ยังไงกัน ก็ฉันมาตามแผนที่ทุกอย่างแล้วนี่

กริ๊ก!

ทันทีที่เสียบลูกกุญแจเข้าไปในรูของลูกบิดแล้วหมุนไปทางขวา ประตูที่ถูกล็อกไว้ก็เปิดออก กลิ่นอับจากในห้องปะทะเข้าจมูกเล็กน้อยเมื่อฉันพยายามแทรกตัวเข้าไปในสภาพที่มีกระเป๋าเดินทางอยู่เต็มสองมือ

ฉันเปิดไฟขึ้นทีละดวงทำให้มองเห็นสภาพห้องที่เป็นอยู่ในตอนนี้ น่าแปลกที่ภายในห้องกลับดูเหมือนว่ายังมีคนอยู่ พ่อบอกว่านี่เป็นห้องเดียวที่หาได้ในตอนนี้ อือ เอาเถอะ...เจ้าของห้องที่ให้เช่าอาจจะยังจัดของไม่เรียบร้อยดีก็ได้

ฉันวางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตัวเองลงบนพื้นหน้าประตูห้องก่อนจะเริ่มสำรวจบรรดาเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกจัดวางเอาไว้ภายในอย่างเรียบร้อย ที่นี่ให้ความรู้สึกแปลกๆ...เหมือนกับว่า...มันเป็นห้องที่ยังมีคนอยู่...อย่างนั้นแหละ

คำพูดของพ่อกับแม่ก่อนที่จะให้ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันยังจำมันได้อย่างชัดเจน

‘ลูกควรจะฝึกทำอะไรด้วยตัวเองซะบ้างนะ ขนมขิง’

ตอนที่พ่อบอกว่าจะให้ฉันมาอยู่ที่นี่คนเดียว บอกตามตรงนะว่าฉันลืมนึกไปเลยว่าตัวเองเป็นคนไม่เอาอ่าวขนาดไหน ฉันแทบไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเองสักอย่าง แต่ฉันก็ยังคิดว่าถ้าได้อยู่คนเดียวจริงๆ ก็ดีน่ะสิ มันคงเป็นอะไรที่อิสระน่าดู ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าทำอะไรไม่เป็นเลย ไม่ว่าจะเป็นกวาดบ้าน ถูพื้น ซักผ้า หรือแม้กระทั่งล้างจาน ฟังดูน่าอนาถใช่มั้ยล่ะ มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ดีพอที่พ่อกับแม่ให้ฉันลองฝึกการอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ก็ฉันอยู่ตั้ง ม.ปลาย แล้วนี่ ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่มีหวังคงไม่โตกันสักที การที่พ่อกับแม่ตัดสินใจให้ฉันแยกออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้มันก็น่าจะถูกแล้ว

ฉันรูดซิปกระเป๋าเดินทางสีชมพูใบใหญ่ออกเพื่อที่จะจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง แต่ทันทีที่เปิดกระเป๋า เศษกระดาษเล็กๆ แผ่นหนึ่งก็ปลิวออกมาร่วงลงบนพื้น ฉันเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ๆ ก็พบว่ามันถูกเขียนด้วยปากกาสีดำซึ่งเป็นลายมือของแม่นั่นเอง

ขนมขิง...แม่หวังว่าการที่พ่อกับแม่ให้ลูกออกไปอยู่คนเดียวจะเป็นการฝึกให้ลูกได้ลองทำอะไรต่อมิอะไรด้วยตัวเอง ต่อจากนี้ไปลูกต้องดูแลตัวเองเพราะพ่อกับแม่ไม่ได้อยู่กับลูกตลอดไป แม่ถือว่านี่เป็นการผจญภัยอย่างหนึ่งของลูก และแม่คิดว่าในขณะที่ลูกได้อ่านข้อความนี้ พ่อกับแม่ก็คงจะไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทยแล้ว ใช่แล้วจ้ะ...ตอนนี้เราสองคนกำลังเดินทางไปฮันนีมูนกันที่มัลดีฟส์ กว่าจะกลับก็คงอีกเดือนสองเดือน หรืออาจจะสามเดือน นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงอยากให้ลูกไปอยู่คอนโดฯ เพราะแม่รู้ว่าถ้าอยู่บ้านหลังใหญ่ๆ คนเดียวลูกคงจะกลัว พ่อกับแม่ก็เลยจัดการให้ลูกได้อยู่คอนโดฯ ที่ใกล้โรงเรียนและเดินทางสะดวกกว่าบ้านของเรา ดังนั้นถ้ามีปัญหาอะไร ไม่ต้องโทรมานะจ๊ะ หวังว่าลูกจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ด้วยวิธีของตัวเองและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี แล้วเจอกันจ้ะ

ป.ล. เรื่องเงินไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ แม่โอนเงินใส่บัญชีของลูกไว้แล้ว

รักเสมอ

แม่+พ่อ

หะ...หา? อะไรนะ! ฉันพลิกเศษกระดาษในมือพร้อมกับสะบัดมันไปมาอย่างบ้าคลั่ง หวังว่าจะมีอะไรสักอย่างหรือข้อความอะไรที่มากกว่านี้ แต่ไม่! มันไม่มีอะไรอีกแล้ว นอกจากคำว่า ‘ถ้ามีปัญหาอะไร ไม่ต้องโทรมานะจ๊ะ’ หรือ ‘หวังว่าลูกจะแก้ปัญหาด้วยวิธีของตัวเองและเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี’ ของแม่

ไม่จริงงงงง! พ่อกับแม่ทำแบบนี้มันปล่อยเกาะฉันชัดๆ เลยนะ ตอนแรกที่ยอมมาอยู่ที่นี่คนเดียวก็เพราะคิดว่ามันคงไม่มีอะไร ถ้ามีปัญหาก็แกล้งโวยวายขอกลับบ้านก็ได้ แต่ที่ไหนได้ พ่อกับแม่ทิ้งฉันแล้วววว โฮ แล้วฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงกัน! อีกอย่าง แต่งงานกันมาตั้งกี่สิบปีแล้ว ทำไมเพิ่งจะมาฮันนีมูนมิทราบบบ!!!

 

1

I Will Survive…

 

“กรี๊ดดดด แก พระเอกเรื่องนี้น่ารักมากเลยอ่ะ ดูดิๆๆ”

“T^T”

“เฮ้ย ขนมขิง! นี่ๆๆ หันมาดูสิ” ยัยเพื่อนซี้ฝาแฝดทั้งสองของฉันพยายามคะยั้นคะยอยัดนิตยสารในมือมาให้ดู ในขณะที่ฉันกำลังไม่มีอารมณ์ร่วมใดๆ ทั้งสิ้น

“แกเป็นบ้าอะไรของแกเนี่ย ดูสภาพเข้าสิ ดูไม่ได้เลย อย่างกับไปตกท่อที่ไหนมา ผมเผ้าก็ยุ่งอย่างกับยุงตีกัน” ยัยพะเพื่อนหรือที่ฉันมักจะเรียกสั้นๆ ว่าเพื่อน มองหน้าฉันอย่างพินิจพิจารณา ก็แหงล่ะ ปกติฉันมาโรงเรียนด้วยรถของพ่อ แต่วันนี้กลับต้องนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาเอง ครั้งจะนั่งแท็กซี่มามันก็ออกจะเปลืองตังค์ไปหน่อย กลัวว่าไอ้เงินที่แม่ให้มามันจะไม่พอยาไส้ขึ้นมาก็จะเดือดร้อนเอาตอนหลังอีก แต่จะนั่งรถเมล์ก็ไม่รู้อีกว่าต้องนั่งสายอะไร

“นั่นสิ ทำไมวันนี้แกดูมอมแมมผิดปกติ” พะแพงถามบ้าง

“ปะ...เปล่านี่ ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่หกล้มนิดหน่อยเอง” ฉันปฏิเสธที่จะบอกทั้งสองคนเกี่ยวกับเรื่องที่บ้านด้วยความกลัวว่าพวกเธอจะต้องมาเป็นกังวลเรื่องของฉันแล้วมันจะวุ่นวายไปกันใหญ่

“แน่ใจนะ” แพงหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด

“แน่สิ!”

“...งั้นก็ดูนี่ซะ! หนังรักเรื่องใหม่มาแรง ดูหน้าพระเอกซะก่อนแล้วแกจะอึ้ง!” หลังจากทั้งสองเลิกสนใจที่จะตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวฉันแล้วก็รีบยัดนิตยสารใส่มือฉันทันที ซึ่งที่หน้าปกของนิตยสารนั้นเป็นรูปโปสเตอร์ของหนังเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า ‘Bloodline’ และข้างใต้ตัวอักษรใหญ่เบ้อเริ่มก็เป็นภาพของดาราหนุ่มหล่อลูกครึ่งชื่อดังในตอนนี้

“เห็นหรือยังแก! นี่น่ะ ฟรานซ์เชียวนะ หล่อหลุดโลกเลยใช่ป่ะ” ยัยเพื่อนทำหน้าเพ้อฝันเสียเต็มประดาราวกับว่ามีฟรานซ์ตัวเป็นๆ มายืนอยู่ตรงหน้า

“นี่ อีกสองอาทิตย์กว่าๆ หนังเรื่องนี้ก็จะเข้า ถึงตอนนั้นเราไปดูกันเถอะนะ” ส่วนยัยแพงก็เขย่าแขนฉันไปมา

“ยังไงก็ได้” ฉันตอบพวกเธอไปแบบส่งๆ ขณะที่ในใจคิดเพียงแต่ว่าจะเอายังไงต่อไปดีกับการเริ่มต้นชีวิตแบบตัวคนเดียวในวันแรก อาจารย์เดินเข้ามาในห้องแล้ว แต่จิตใจของฉันกลับล่องลอยไปไหนต่อไหน...จดหมายที่แม่เขียนทิ้งไว้ให้ฉันยังคงจดจำมันได้ดีทุกตัวอักษร นี่พ่อกับแม่คิดจะเอาจริงใช่มั้ย

 

หลังเลิกเรียน ฉันเดินไปซื้อโจ๊กที่ขายอยู่หน้าโรงเรียนเพื่อเอากลับไปกินเป็นข้าวเย็น ยังไงช่วงนี้ก็คงต้องพึ่งอาหารจากร้านแถวๆ นี้ไปก่อน ทำไงได้ ก็ฉันไม่เคยทำอาหารเลยนี่นา แต่ก่อนกลับบ้าน ฉันยังไม่ลืมที่จะแวะไปเซนต์ปิแอร์ โรงเรียนเพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนแคโรไลน์ที่ฉันเรียนอยู่เท่าไหร่นัก เดินไปประมาณสามสี่ป้ายรถเมล์ก็ถึง และแม้จะบอกว่าทั้งสองโรงเรียนเป็นโรงเรียนเพื่อนบ้านกัน แต่ความจริงแล้วนักเรียนของเซนต์ปิแอร์และแคโรไลน์ไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่ ไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะมีข่าวลือแว่วๆ ว่ามีกลุ่มนักเรียนจากทั้งสองโรงเรียนชกต่อยกัน แต่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนกลางคืนและไม่มีพยานหรือผู้รู้เห็น อาจารย์จึงไม่มีหลักฐานที่จะมายืนยันเพื่อทำโทษนักเรียนกลุ่มนั้นได้ อา...แต่ก็โชคดีแล้วล่ะ เพราะว่าหนึ่งในกลุ่มของเซนต์ปิแอร์ที่มีเรื่องชกต่อยกันน่ะ มีคนที่ฉันชอบอยู่ด้วยน่ะสิ และเขาก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฉันต้องแวะมาที่โรงเรียนนี้ทุกวันก่อนกลับบ้านยังไงล่ะ

“อ๊ะ...เธออีกแล้วเหรอเนี่ย” พี่คนสวนที่คอยเล็มหญ้าริมรั้วเป็นประจำทักขึ้นเมื่อเห็นหน้าฉัน

“แหะๆ” ฉันได้แต่ส่งยิ้มกลับไปให้เขาก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเกาะรั้วเพื่อมองหาคนคนนั้นต่อไป

“มามองหาใครกันทุกวัน หรือว่าเธอมีแฟนอยู่โรงเรียนนี้” เขาถามพลางใช้กรรไกรเล็มกิ่งไม้ที่ไม่เป็นทรง

“ปะ...เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่...เอ่อ...มีคนที่แอบปลื้มนิดหน่อย” ฉันตอบอย่างเขินๆ จนลืมตัวบิดถุงพลาสติกที่ใส่โจ๊กในมือไปมา

“งั้นเหรอ...ฮ่าๆ วัยหนุ่มสาวนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง ขอให้โชคดีก็แล้วกัน” พี่คนสวนโบกมือให้ฉันก่อนจะเดินไปเล็มต้นไม้ตรงอื่นต่อ

อา...นั่นสิ คิดแล้วก็เขินแฮะ นี่ฉันแอบชอบเขาคนนั้นมาตั้งสี่ปีแล้วนี่นา ชอบโดยที่เขาไม่เคยรู้จักฉันเลยด้วยซ้ำ คนอย่างฉันจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขาบ้างหรือเปล่าน้า...หรือว่าจะต้องคอยแอบมองอยู่อย่างนี้ตลอดไปก็ไม่รู้ ฉันเคยได้ยินคนหลายคนพูดว่าถ้าชอบใครสักคนก็ให้บอกเขาไปเลยตรงๆ ถ้าเก็บไว้เขาก็ไม่มีทางรู้หรอก แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ง่ายอย่างนั้นสักหน่อย คนที่ไม่ได้แอบชอบใครคงจะไม่เข้าใจหรอกว่า อารมณ์ที่ไม่กล้าบอกน่ะมันเป็นยังไง อีกอย่าง...ฉันเป็นผู้หญิงนะ ขืนบอกไปแบบนั้นฉันจะกล้ามองหน้าเขาได้ยังไง

“โอ๊ยยย...ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย ตอนนี้พี่ซีนอนกับพี่เรดอนก็มีแฟนกันหมดแล้ว เหลือแต่พี่อาร์กอนคนเดียวที่ยังไม่มี พอเป็นแบบนี้พี่อาร์กอนก็เลยยิ่งฮอตสุดๆ ไปเลย ให้ตายสิ! ฉันแอบเล็งพี่อาร์กอนเอาไว้ตั้งนานกลายเป็นว่ามีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง”

ระหว่างที่ฉันยืนรอการปรากฏตัวของคนที่ฉันแอบปลื้มอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างเด็กเซนต์ปิแอร์สองคนเข้า อ๊ะ...ได้ยินชื่อคนที่พวกเธอพูดถึงไม่ค่อยถนัดเลย

“เอาน่า...ถ้าเธอชอบเขาก็ไปบอกเขาเลยสิ ไม่แน่แจ็กพ็อต เขาอาจจะตอบรับก็ได้”

“จะบ้าหรือไง เธอก็รู้ว่าที่ผ่านมาเขาไม่จริงจังกับใครสักคน ขนาดเขาคิดอะไรก็ยังไม่มีใครรู้เลย ดูสิ...หน้านิ่งออกจะขนาดนั้น”

“ไม่หรอกน่า...ฉันว่าช่วงนี้เขาไม่ค่อยจะมีข่าวกับพวกผู้หญิงสักเท่าไหร่ หรือว่าเสื้อจะทิ้งลายไปแล้วก็ไม่รู้” อยากรู้จังว่าสองคนนี้กำลังพูดถึงใครอยู่ ไม่ค่อยได้ยินเลย

“ก็น่าอยู่หรอก เขาเข้าไปอยู่กลุ่มอีควอลแล้วนี่นา เห็นว่ากลุ่มนั้นเป็นกลุ่มพิทักษ์ความเสมอภาคระหว่างชายหญิง คงจะถูกควบคุมพฤติกรรมอยู่ล่ะมั้ง...”

“แต่ถ้าอยากจะไปเที่ยวด้วยกันก็ได้เสมอนะ” ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ที่ร่างสูงโผล่มาจากทางด้านหลัง ก้มลงกระซิบที่ข้างหูของทั้งสองคน ฉันที่มองอยู่ไกลๆ พยายามหรี่ตาเพื่อให้เห็นเจ้าของร่างนั้นได้ชัดขึ้น

“...พะ...พี่..”

“เสือน่ะ มันไม่ทิ้งลายหรอก จะมีก็แต่ซ่อนลายเอาไว้เท่านั้น...”

ร่างสูงยืดตัวขึ้นอีกครั้ง และนั่นทำให้ฉันมองเห็นว่าเขาเป็นใคร! ผมสีดำสนิทซอยเป็นทรงเท่ๆ เข้ากับเรียวหน้า จมูกโด่งเป็นสันบวกกับริมฝีปากได้รูป และที่ดึงดูดที่สุดคงจะหนีไม่พ้นดวงตาเรียวที่ซ่อนนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจนเกือบจะเป็นสีดำอยู่ข้างใน ไม่ผิดแน่! ผู้ชายคนนี้ที่ฉันแอบมองเขามาตลอดสี่ปี...

“พี่อาร์กอน...” เสียงนั้นไม่ได้ดังออกมาจากริมฝีปากของฉัน แต่เป็นริมฝีปากของหนึ่งในเด็กเซนต์ปิแอร์สองคนที่เดินคุยกันอยู่เมื่อครู่ ทั้งสองได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคนที่ทั้งสองพูดถึงก็คือพี่อาร์กอน คนเดียวกันกับที่ฉันมาแอบยืนมองอยู่ทุกวันนั่นเอง

“อย่าลืมล่ะ...” เขาพูดทิ้งท้ายด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ก่อนจะเดินจากมา ซึ่งทางที่เขาเดินมานั้นสวนกับฉันที่ยังคงยืนเกาะรั้วอยู่ที่เดิม นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองมาทางฉันเล็กน้อยแล้วจึงกลับไปมองทางข้างหน้า แค่เพียงเสี้ยววินาทีที่ดวงตาคู่นั้นมองมา แต่ฉันกลับรู้สึกราวกับว่าเราได้สบตากันนานกว่านั้น ร่างกายไม่สามารถขยับไปไหนได้ ตรงข้ามกับหัวใจที่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง! นี่ฉันฝันไปหรือเปล่าเนี่ย สี่ปีที่แอบชอบเขามาไม่เคยได้เฉียดเข้าใกล้มากเท่าวันนี้มาก่อน ตั้งแต่แอบมองเขามามีวันนี้นี่แหละที่คุ้มที่สุดแล้ววว..

แผละ!

เพราะมัวแต่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ฉันก็เลยเผลอปล่อยถุงโจ๊กที่ถืออยู่ตกลงบนพื้น ทำให้มันแตกกระจาย ไม่นะ! แล้วอย่างนี้เย็นนี้จะกินอะไรล่ะ

ฉันจำใจต้องเดินกลับไปซื้อโจ๊กมาใหม่อีกรอบแล้วค่อยกลับบ้านด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้างเหมือนตอนเช้า ในใจยังคงคิดถึงหน้าพี่อาร์กอน ถึงแม้ว่าถุงโจ๊กจะแตกแต่มันก็ทำให้ฉันได้เห็นเขาในระยะประชิด เขินจัง ตอนที่เขามองมาฉันเผลอทำหน้าตาประหลาดไปหรือเปล่านะ

เมื่อกลับมาถึงที่ห้อง ฉันก็จัดการเตรียมข้าวเย็นของตัวเองทันที หิวจะตายอยู่แล้ว ขอให้มีอะไรลงท้องก่อนเถอะ!

แต่ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับถุงโจ๊กที่แกะหนังยางไม่ได้สักที จู่ๆ ก็มีเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นที่หน้าต่าง ฉันวางถุงโจ๊กไว้บนโต๊ะแล้วเงี่ยหูฟังเสียงนั้นอย่างตั้งใจ

แป๊กๆ...

คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง...ฉันหยิบถุงโจ๊กขึ้นมาอีกครั้ง แต่เสียงนั้นก็ดัง


(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

กรี๊ด! พ่อกับแม่ทำแบบนี้ได้ยังไงค้า~ =O= หนีลูกสาวสุดแสนน่ารักคนนี้ไปฮันนีมูน (รอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้) กันสองต่อสองอีกแล้ว แถมคราวนี้ยังมาเหนือชั้น เพราะท่านแอบไปเช่าคอนโดฯ ให้ฉันใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง เพื่อที่ว่าฉันจะได้โตเป็นผู้ใหญ่และดูแลตัวเองได้ซะที ฮือๆๆ ลูกแหง่ 'ขนมขิง' ขอร้องไห้โฮดังๆ เลยได้มั้ยล่ะ T^T น้อยใจนะแต่ไม่แสดงออก แง้~ และเมื่อฉันย้ายเข้าไปอยู่ที่คอนโดฯ นั้น ฉันก็พบว่าเจอแจ็กพ็อตเข้าให้แล้ว เพราะเจ้าของห้องน่ะยังไม่ได้ย้ายออกไปซะหน่อย แถมเขาคนนั้นก็คือ...ฟืดดด~ (เสียงสูดหายใจเข้าลึกๆ เพราะความตื่นเต้น) คือ...'พี่อาร์กอน' รุ่นพี่ต่างโรงเรียนที่ฉันแอบชอบมาหลายปี! แถมยังแอบไปด้อมๆ มองๆ พี่เขาที่หน้าโรงเรียนบ่อยๆ ด้วย! อ๊าย~ แบบนี้จะเรียกว่าโชคดีได้มั้ยนะ ฉันเขินมือไม้สั่นและพูดไม่เป็นภาษาคนไปหมดแล้วเนี่ย >///<


รีวิว (7)

เขียนรีวิว

SCR. | 7 รีวิว
15/01/2015

เป็นหนังสือที่น่ารักมากๆเลยค่ะ เป็นเรื่องราวของขนมผิงกับพี่อาร์กอน รุ่นพี่สุดหล่อที่ขนมมผิงแอบชอบมาตั้งนาน เรื่องคือพ่อและแม่ของขนมผิงได้หนีขนมผิงไปฮันนีมูน และด้วยความเป็นห่วงลูกมากๆ กลัวว่าลูกที่น่ารักคนนี้จะทำอะไรด้วยตัวเองเป็น(ช้าเกิน) ก็เลยได้เช่าคอนโดไว้ให้ และที่นี่ได้ทำให้ขนมผิงได้มาเจอกับอาร์กอน รุ่นพี่สุดหล่อที่ขนมผิงแอบชอบ และหลังจากนั้น ไม่ว่าขนมผิงจะทำอะไรก็จะต้องมีอาร์กอนเข้ามายุ่งเกี่ยวเสมอ ซึ่งขนมผิงก็ดูออกจะเต็มใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของอาร์กอนด้วยเหมือนกัน แต่แปลกที่อาร์กอนมักจะชอบทำหน้าขรึมและเย็นชาใส่เธอเสมอ ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย จนสุดท้ายเธอก็รู้ความจริงเมื่อฟรานซ์ปรากฎตัวขึ้น ซึ่งฟรานซ์ก็คือน้องชายของอาร์กอนนั่นเอง และผู้เฉลยความจริงก็คือซีนอน เพื่อนรักของอาร์กอนนั่นเอง ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้สารภาพรักต่อกันและจบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งค่ะ รู้กสึกชอบขนมผิงมากๆเลย เป็นตัวละครที่พูดอะไรตรงกับใจไปหมด ชอบอาร์กอนก็บอกว่าชอบอาร์กอนเพียงคนเดียว ทั้งที่ความจริงแล้วเธอน่าอิจฉามาก มีแต่ผู้ชายหล่อๆมาแย่งกันจีบ จะเลือกใครก็คงไม่ผิดเนอะ นายอาร์กอนก็เหมือนกัน ชอบก็ไม่ยอมพูด ทำตัวเป็นผู้เสียสละอยู่ได้ แต่ที่ฉันชอบสุดๆก็ค’จะเป็นซีนอนผู้เคลียร์ทุกอย่างให้กระจ่างค่ะ คนอะไรแมนมากๆ ทนเห็นเพื่อนไม่มีความสุขไม่ได้ ตัวละครไม่มากมายค่ะ แต่เนื้อหาชุลมุนวุ่นวายสนุกมากๆ
phattaraporn | 7 รีวิว
13/08/2014

Bloodline SS สงครามรักร้ายสุดท้ายคือเธอ! นิยายเรื่องนี้น่ารักมากๆค่ะผลงานเรื่องนี้จำได้ว่าตีพิมพ์ออกมานานแล้วแต่ไม่ได้ซื้อเพราะไปเช่ามาอ่านสำหรับเรื่องนี้ถ้าไม่ได้มาเห็นพอดีคงลืมไปแล้วว่าเคยอ่านเพราะอ่านนิยายเยอะมากๆฮ่าๆๆแต่ชอบนะค่ะเรื่องนี้เราไม่ค่อยได้อ่านผลงานของนักเขียนท่านนี้เยอะนะค่ะแต่มีความรู้สึกว่าชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษที่เคยอ่านผลงานของนักเขียนท่านนี้มาเพราะพล็อตเรื่องนี้น่ารักมากๆค่ะเป็นเรื่องราวของขนมผิงกับพี่อาร์กอนคือเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าพล็อตค่อนข้างโรแมนติกนะอ่านแรกๆจะไม่ค่อยรู้สึกถึงความโรแมนติกของเนื้อเรื่องหรอกต้องอ่านจนจบอ่ะถึงจะรู้ว่าเนื้อเรื่องมันพลิกปมขนาดไหนสมกับเป็นนิยายแนวเลิฟซีรี่มากๆค่ะเพราะสำหรับเรานิยายเรื่องนี้ใสสมวัยมากอ่านแล้วร็สึกชอบถึงความน่ารักสดใสของนางเอกเลยค่ะชอบตั้งแต่หน้าปกเพราะหน้าปกพระเอกกับนางเอกนางเอกน่ารักมากเรียกได้เลยว่าโดนภาพหน้าปกดึงดูดให้มาอ่านฮ่าๆๆๆชอบมากๆอ่ะเรื่องนี้อ่านตอนแรกนึกว่าพี่อาร์กอนไม่ได้เป็นพระเอกนะคิดว่าน้องชายเป็นพระเอกอะไรงี้เห็นว่าโผล่มาทีหลังแล้วก็อีกอย่างเลยคือดูท่าว่าพี่อาร์กอนไม่มีทีท่าว่าจะชอบขนมผิงเราก็เลยเข้าใจไปแบบนั้นไม่คิดว่าว่ามันจะมาพลิกปมตอนท้ายแต่ชอบพระเอกนะเวลาเขาปกป้องนางเอกอ่ะบอกเลยว่าอ่านเรื่องนี้เราลุ้นทั้งเรื่องอ่ะค่ะที่ลุ้นก็คือเดาเนื้อเรื่องไม่ค่อยออกขนาดพระเอกยังเดาไม่ค่อยออกเลยว่าใครเป็นพระเอกแอบเดาผิดไม่เล็กน้อยแต่ชอบตรงที่มารู้ทีหลังว่าแท้จริงแล้วอาร์กอนรักนางเอกขนาดไหนอ่านแล้วซึ้งอ่ะจะร้องไห้รู้สึกเสร้าแล้วก็ซึ้งไปกับตัวละครนักเขียนบรรยายมาค่อยข้างดีนะค่ะเพราะทำให้คนอ่านลุ้นตามไปกับเนื้อเรื่องนี้สำหรับเรื่องนี้ก็เป้นนิยายแนวเลิฟซีรี่อีกเรื่องที่อยากแนะนำนะค่ะเนื้อหาดีมากจริงๆอ่านแล้วรู้ซึ้งถึงความโรแมนติกแน่นอนเนื้อหาน่าติดตามทั้งเรื่องนะค่ะเป็นนิยายอีกเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกลุ้นไปกับเนื้อเรื่องเดาเนื้อเรื่องตอนต่อไปไม่ค่อยออกแต่ลุ้นตลอดอ่ะว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพระเอกบ้างทำไมอยู่ดีๆน้องพระเอกโผล่มาอะไรประมาณนี้ตัวละครไม่เยอะมากแต่มันชัดเจนดีอ่ะค่ะว่าใครเด่นสุดอะไรประมาณนี้โยรวมแล้วชอบค่ะถึงแม้ว่าจะติดตามผลงานของนักเขียนท่านนี้ได้ไม่หมดแต่ก็ประทับใจทุกเล่มที่อ่านนะค่ะมีความรู้สึกว่านิยายของนักเขียนท่านนี้มันใสสมวัยกับคนอ่านดีอ่ะค่ะพล็อตเรื่องน่ารักด้วยอีกทั้งดำเนินเนื้อเรื่องสนุกด้วยค่ะ
อโนมา | 7 รีวิว
31/01/2014

แค่อ่านชื่อเรื่องก็น่าอ่านมากเลยคะก็แหม่มันก็คงคล้ายๆกับการต่อสู้เพื่อเอาชนะนั้นแหละคะแต่นิยายเรื่องนี้เนื้อหามันมากกว่านั้นนะสิคะก็เรื่องราวต่างๆมันไม่ใช่แค่การพนันแต่เป็นการเดิมพันด้วยที่ทั้งสองมาอาศัยอยู่ด้วยกันชั่วคราวและใช้ชีวิตด้วยกัน โอ๊ยยยยอะไรจะขนาดนั้นกันนะ ขอเป็นแทนได้มั้ยคะ อิอิ อืมยิ่งอ่านก็ทำให้สนุกและลุ้นได้ตลอดก็เพราะแต่ละฉากนะสิคะมันโดนอ่ะ โดยเฉพาะที่พระเอกสุดหล่อได้อยู่กับนางเอกในห้องพักสองต่อสอง อืมมมมันจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ได้โปรดอย่าเป็นแบบที่คิดไว้เลยนะ นางเอกจะโชคดีอะไรขนาดนั้นกันได้มาอยู่ร่วมห้องกับรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบชอบมานานแสนนาน เอ่อโชคมักเข้าข้างมากนางเอกมากับดวงจริงๆเลยคะ อิจฉา ชิชิ เมื่อวันเวลาที่ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันมันก็ทำให้ทั้งสองสนิทและช่วยเหลือกันที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องหัวใจนั้นแหละคะที่ทั้งสองหวั่นไหวทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกันแต่แล้วอะไรกันล่ะเนี่ยเมื่อพระเอกหลงรักนางไปแล้ว อืมมมนางเอกเนี่ยยยโชคสองชั้นจริงๆๆเลย ชาติที่แล้วนางเอกทำบุญด้วยอะไรมาน่ะชาตินี้ถึงได้โชคดีขนาดนี้ เฮ้อออคิดแล้วก็สงสารตัวเองโคตรๆๆเลยอ่ะ เซ็งๆๆคะ ชีวิตความจริงมันไม่ง่ายเหมือนในนิยายเลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งอ่านก็ยิ่งอิจฉานางเอกเรื่องนี้มากเลยแต่ก็สนุกมากนะคะ เอ่อเพราะเหตุใดกันจากที่เป็นสงครามระหว่างโรงเรียนที่ต้องตัดสินว่าโรงเรียนไหนมีดีกว่ากันจากสงครามที่มันจะกลายเป็นการนองเลือดแต่มันกลับกลายมาเป็นสงครามรักที่อ่อนหวานและพร้อมที่จะปกป้องเธอให้พ้นจากเกมบ้าๆบอๆนี้สักที อืมมมสุดท้ายความรักก็เอาชนะทุกอย่างจริงๆเนอะดีจังฮึ๋ยยยยตื่นเต้นๆเมื่อพระเอกไปยกเลิกการต่อสู้ที่เคยพนันกันไว้มันไม่มีอะไรหรอกที่คนอย่างเขาจะทำไม่ได้นะ อืมมเป็นคนที่มีอำนาจสูงเนี่ยยยมันก็ดีแบบนี้สิน่ะ เมื่อทุกอย่างจบแล้ว มีเรื่องหนึ่งที่ต้องดำเนินการต่อไปก็เรื่องหัวใจนะสิคะเพราะปัจจุบันนี้มันเป็นเรื่องระดับชาติไปแล้วคะ เวอร์ๆๆนิดนึงหน่า อิอิ เมื่อสิ่งที่ลุ้นๆๆมาโดยตลอดเรื่องก็มาถึงจนได้ เย้ๆๆๆอยากโดนบอกรักบ้างจัง หวู้ววว์แค่คิดก็เขินแล้วล่ะคะ ฮ่าๆ สนุกจริงๆค่ะ
มัตติกา | 7 รีวิว
30/12/2013

เรื่องวุ่นที่เกิดขึ้นกับเด็กสาวตัวเล็กๆอย่างขนมขิงก็เมื่อพ่อกับแม่ของเธอได้ให้มาอาศัยอยู่ที่คอนโดคนเดียวเพราะมีเหตุผลที่ว่าลูกสาวทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่างเลยต้องให้หัดมาอยู่คนเดียวทำอะไรเองทุกอย่างตามลำพังแต่แล้วเหตุของวันแรกที่ขนมขิงได้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดที่พ่อของเธอติดต่อไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้วก็เพราะว่าห้องที่ขนมขิงจะมาอยู่ก็ดันมีใครคนหนึ่งเหมือนจะยังไม่ได้ย้ายออกไปขนมขิงก็ต้องตกใจไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าคนที่อยู่ในห้องนั้นจะเป็น เป็น พี่อาร์กอน รุ่นพี่ต่างโรงเรียนที่ขนมขิงแอบชอบมาตั้งสี่ปีจะมายืนอยู่ตรงหน้าของเธอแต่แล้วก็เกิดเรื่องราวต่างๆเข้ามาในชีวิตของขนมขิงที่มีพี่อาร์กอนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอยู่ตลอดเวลาเมื่อโรงเรียนทั้งสองมีเรื่องเคืองกันแทบจะมีเรื่องกันทุกวันแต่ครั้งดันมาเดิมพันด้วยการที่ตัวฉันมีเอี่ยวทำไมฉันถึงเป็นผู้โชคร้ายในเกมบ้าบออะไรนี้ด้วยนะแต่ในความโชคร้ายมันก็มีความโชคดีอยู่บ้างเมื่อคนอย่างขนมขิงต้องเข้าไปอยู่ในชีวิตของพี่อาร์กอน “ขนมขิงคิดในใจ” แต่แล้วเมื่อเวลาได้ผ่านไปมันก็ยิ่งทำให้ขนมขิงหลงรักอาร์กอนมากขึ้นจากที่รักมาอยู่แล้วเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาอาร์กอนได้ช่วยเหลือจากอันตรายต่างๆที่เกิดขึ้นกับขนมขิงแต่ทำไมขนมขิงถึงได้รู้สึกว่าอาร์กอนช่างดูเย็นชากับเธอเหลือเกินและวันหนึ่งก็มีฟรานซ์ชายหนุ่มซึ่งเป็นดาราชื่อดังได้เข้ามาในชีวิตของขนมขิงและขนมขิงกับฟรานซ์ก็ได้รู้จักกันจนมาวันหนึ่งทั้งพี่อาร์กอนและฟรานซ์ได้มาเจอกันขนมขิงถึงกับอึ้งเพราฟรานซ์ได้เรียกพี่อาร์กอนว่า “พี่” และจากวันนั้นอาร์กอนก็ได้อธิบายทุกอย่างให้กับขนมขิงฟังว่าเขาและฟรานซ์เป็น “พี่น้อง” กัน ผ่านไปได้ไม่กี่วันฟรานซ์ก็ได้มาชวนขนมขิงไปดูหนังเรื่องที่เขาได้เล่นและได้บอกอีกว่าเรื่องนี้จะบอกความรู้สึกทุกอย่างที่ฟรานซ์มีต่อขนมขิงนั้นเองแต่ขนมขิงก็ได้ปฏิเสธฟรานซ์ไปแล้วยังบอกอีกว่าเธอน่ะรักอาร์กอนแค่คนเดียวเท่านั้นแต่แล้วก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาพร้อมกับอาร์กอนนั้นก็คือซีนอนเพื่อนสนิทของเขานั้นแหละได้มากระชากแขนของขนมขิงออกมาแล้วก็มาพูดเรื่องของอาร์กอนทุกอย่างและความรู้สึกของอาร์กอนให้ขนมขิงฟังว่าอาร์กอนนั้นแอบชอบขนมขิงมานานมากแล้วขนมขิงได้ยินเช่นกันก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่เธอดีใจมากต่างหากเพราะคนที่เธอแอบชอบมาตั้งนานก็ชอบเธอมานานแล้วเหมือนกันแต่ที่อาร์กอนทำเป็นเฉยชากับขนมขิงเพราะว่าเขาก็รู้ว่าน้องชายก็ชอบผู้หญิงคนเดียวกันและยังสัญญากันไว้อีกว่าถ้าใครมีหน้าที่การงานมั่นคงที่จะสามารถดูแลขนมขิงได้คนคนนั้นก็จะได้ขนมขิงไปและฟรานซ์ก็ได้มาทวงคำสัญญานั้นจากพี่ชายและอาร์กอนก็ได้ทำตามสัญญาและเสียสละแม้ตัวเองจะเจ็บปวดก็ตามแต่ถึงฟรานซ์จะพยายามแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางที่จะทำให้ขนมขิงเปลี่ยนใจจากพี่ชายมาเป็นเขาได้เลยฟรานซ์จึงตัดสินใจยอมยกขนมขิงให้กับพี่ชาย อาร์กอนและขนมขิงก็ได้สารภาพและบอกรักกันท่ามกลางบรรยากาศที่มันโรแมนติกจริงๆ เรื่องนี้ยิ่งอ่านก็ยิ่งทำให้ลุ้นได้ทุกตอนก็แม้พระเอกในเรื่องนี้น่ะเล่นเป็นรุ่นพี่ซึ่งมันก็เข้ากับชีวิตเสียจริงทั้งหล่อน่ารักง่ายๆคนอะไรเกิดมาจะหน้าตาดีได้ขนาดนั้นกันเป็นเรื่องที่สนุกมากกกกกกถ้ารุ่นพี่จะหล่อขนาดนี้เรื่องหน้าขอเป็นนางเอกบ้างน่ะ พลีสสสสสสสสส
อารยา | 7 รีวิว
23/09/2013

ยืมเพื่อนมาอ่านแล้วก็พบว่าเรื่องนี้ เป็น 1 ในซีรี่ SS ซึ่งมีพระเอกสามคน แต่เราไม่ได้อ่านเล่มก่อนหน้านี้เลยคิดว่า จะอ่านรู้เรื่องไหมเนี่ย ><" แต่สุดท้ายแล้วก็พบว่าสนุกมากๆ โดยเฉพาะนางเอกที่มีนิสัยสุดจ่ะ... และเราชอบเนื้อเรื่องตอนท้ายที่มีการสรุปเรื่องคู่อื่นๆด้วย ถึงแม้เราจะยังไม่ได้อ่านมันก็เถอะ เด๋วต้องไปอ่านเรื่องของ เรดอน กับ ซีนอน ย้อนหลังก่อนล่ะเด้อ *0*
ดาริกา | 7 รีวิว
18/05/2013

เป็นเรื่องราวของสาวน้อยจากนอกโลก(?)ที่เวลาเจอหน้าพระเอกแล้วจะพูดเป็นภาษาเอเลี่ยนเพราะเธอแอบชอบเขามา 4 ปีแล้ว แต่ได้แต่ด้อมๆมองๆ เขาโดยที่ไม่เคยได้คุยด้วยเลย แต่บังเอิญที่สาวน้อยได้ไปเช่าห้องที่บังเอิญอีกว่าดันเป็นห้องของพระเอก แถมยังมีดาราที่อยู่แถวๆนั้นมาแอบชอบนางเอกอีก ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนเป็นเช่นไร และเรื่องราวจะจบลงแบบไหน โปรดติดตามได้ใน ซีรี่สุดท้ายของ silly sis จ้าาาา
สริฐา | 7 รีวิว
18/05/2013

เรื่องนี้นางเอกโก๊ะสุดๆอ่ะ ^^

สินค้าที่ใกล้เคียง (67 รายการ)

www.batorastore.com © 2024