Hate at first sight ร้ายแรกพบ

Hate at first sight ร้ายแรกพบ

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160600472
ผู้แต่ง: ปุยฝ้าย
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 249.00 บาท 62.25 บาท
ประหยัด: 186.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

"เกียรติตำรวจของไทยแต่โบราณ...ปกบ้าน! ป้องเมือง! คุ้มเหย้า! เสียเลือด! เสียเนื้อ! มิใช่เบา! หน้าที่เรารักษาสืบไป..." เสียงเพลงดังขึ้นท่ามกลางความสงบเรียบร้อยภายในโรงพัก...และหากเจ้าตัวขยันสังเกตดูสักนิดก็จะพบว่าสีหน้าของคนฟังแต่ละคนล้วนแปลกไม่ต่างไปจากเสียงร้องที่ดังก้องไปทั่วสักเท่าไหร่นัก

"อารมณ์ดีเหลือเกินนะจ่า" หมวดเต็มใจที่เพิ่งกลับจากการออกตรวจพื้นที่เหลือบสายตาไปยังนักร้องลูกคอทองคำที่จับเอาเนื้อร้องจากเพลงโน้นเพลงนื้มามิกช์กันจนมั่วไปหมด พลางขยับมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างปลดปลง...เสียงก็ใช่ว่าจะดีอะไรนักหนา แต่พี่แกก็ยังจะกล้าร้องออกมาเสียลั่นโรงพัก

"แหม ก็ใครจะหน้านิ่งเป็นพระประธานแบบผู้กองรุจได้ทั้งวี่ทั้งวันล่ะครับ ผมว่าน่าอึดอัดออก" พูดยังไม่ทันจบประโยคดี ร่างสูงสง่าขององค์พระประธานก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า คิ้วเข้มขมวดตึงและท่าทางเตรียมพร้อมจะออกปฏิบัติงานเป็นผลให้ลูกน้องทั้งสองรีบกลืนคำพูดลงคอไปแทบไม่ทัน

"จ่าหมวด...เราต้องไปท่าเรือเดี๋ยวนี้! อีกสองชั่วโมงพวกมันจะส่งของล็อตใหม่แล้ว" ภานุรุจบอกเสียงเข้ม มือขวาก็กระชับด้ามปืนที่กระเป๋าข้างให้เข้าที่ไปด้วย ท่าทางกระฉับกระเฉงของเขาดูแล้วช่างขัดแย้ง กับลูกทีมอีกสองคนที่ดูเหมือนจะยังชาร์จไฟเข้าไม่เต็มที่สักเท่าไหร่

"ดะ...เดี๋ยวนี้เลยเหรอครับผู้กอง" จ่าเคร่งที่ดูเหมือนจะยังปรับระบบประสาทให้กลับคืนสู่สภาพเดิมไม่ได้กะพริบตาขึ้นลงอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง...เออเว้ย งานเข้ามันง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ

"ไงล่ะจ่า คราวนี้ยังจะร้องเพลงออกอีกมั้ย" ร้อยตำรวจโทเต็มใจถามเสียงเย้ย

จ่าเคร่งได้แต่ส่งยิ้มจืดเจื่อนออกไปแทนคำพูดให้อีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะตั้งสติได้เร็วกว่า

แล้วนายตำรวจทั้งสองก็ต้องอ้าปากค้างพร้อมๆ กันเมื่อหัวหน้าทีมได้เดินนำลิ่วออกไปก่อนโดยไม่สนใจเสียงต่อปากต่อคำของลูกน้องทั้งสองที่ดูเหมือนจะจบไม่เป็นเสียทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"ไปกันได้แล้วจ่า ผู้กองไปโน่นแล้วเห็นมั้ย!!" หมวดเต็มใจร้องบอกพลางชี้ไปยังรองสารวัตรหนุ่มที่บัดนี้รัศมีความเคร่งเครียดแผ่กำจรจายออกมาชวนให้หวาดหวั่นเป็นที่สุด

"ครับๆ เดี๋ยวนี้ครับหมวด เร็วที่สุดในชีวิตตำรวจไทยเลยครับ" ร่างอ้วนตะลีตะลานคว้าตลับลูกกระสุนในลิ้นชักออกมา ก่อนจะรีบโกยอ้าวตามผู้กองภานุรุจออกไปด้วยความเร็วปานติดจรวด นึกหงุดหงิดกับหน้าท้องที่ยื่นออกมาเล็กน้อยของตนเป็นกำลัง เพราะมันกำลังบั่นทอนความคล่องตัวของเขาให้ลดน้อยลงกว่าแต่ก่อนเกือบครึ่งเลยทีเดียว ก็นั่นแหละนะ เขาเองก็ไม่แน่ใจตัวเองเท่าไหร่นักว่าเป็นเพราะความตะกละส่วนบุคคล หรือเป็นเพราะตัวขี้เกียจในเส้นเลือดมันรุมเร้าจนไม่รุ้จักออกกำลังกายตามที่รัฐบาลกำลังรณรงค์

"ขืนยังชักข้าอยู่อย่างนี้ผู้กองได้แหกอกเราสองคนแน่ เอ้า! เร็วสิจ่า อย่ามัวแต่เดินทอดน่อง" หมวดเต็มใจร้องบอกพลางกดหัวคิ้วลงเล็กน้อยอย่างปลดปลง สงสัยว่าจ่าเคร่งคงได้เวลาที่จะต้องเข้าคอร์สลดน้ำหนักที่กรมตำรวจจัดขึ้นสำหรับนายตำรวจในสังกัดอย่างเป็นทางการแล้วกระมัง...

 

ปัง! ปัง!

"จ่า! หมอบลง!" ภานุรุจวิ่งหลบวิถีกระสุนไปอีกทางพลางตะโกนบอกจ่าสิบตำรวจเอกเคร่ง ฉํ่ายิ้มที่มัวแต่เล็งกระบอกปีนไปยังผู้ต้องหาด้วยใจจดจ่อแต่กลับไม่ปล่อยลูกกระสุนออกไปเสียที และความสะเพร่าในครั้งนี้ก็เกือบจะนำมาซึ่งหายนะ

ปัง! ปัง!

โชคดีที่ไหวพริบปฏิภาณของภานุรุจยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม และสามารถยุติการโจมตีของพวกมันด้วยการเล็งปากกระบอกปีนไปยังคานเหล็กที่เต็มไปด้วยคราบสนิม ก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นปูนเสียงดังสนั่นขวางทางพวกมันเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที

สภาพโดยรอบอาจบ่งชี้ว่าที่แห่งนี้คือโกดังเก็บของเก่าซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของท่าเรือใหญ่ที่หากดูเผินๆ แล้วเหมือนจะเป็นโกดังร้าง ทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยสินค้าและของหนีภาษีนานาชนิด

"ตำรวจมีแรงจูงใจอย่างนึงในการทำงานนะครับผู้กอง" นายตำรวจร่างท้วมยังมีแก่ใจชวนคุย ขณะที่กำลังกลิ้งตัวไปหลบอยู่หลังราวเหล็กที่ใช้กั้นถังบรรจุของเหลวเข้มข้นเอาไว้เพื่อใช้เป็นที่กำบังกระสุนจากฝ่ายตรงข้าม

"แรงจูงใจอะไรจ่า"

"ภรรเมียยังไงล่ะครับ" จ่า (ไม่) หนุ่มสมาสคำอย่างชำนิชำนาญ และครู่ต่อมารอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นก็เริ่มจางหายลงไปตามกาลเวลาเมื่อเหลือบไปเห็นแสงสะท้อนจากกระบอกปีนของพวกมันที่พยายามเล็งมายังเขาอย่างหมายมาด

รองสารวัตรหนุ่มยิงสวนออกไปที่มุมขวาของโกดังเมื่อเห็นหลังไวๆ ของพวกมันกำลังหมอบหลบไปยังบันไดเหล็กที่วางกองระเกะระกะ ไม่ได้นึกขันไปกับคำพูดของอีกฝ่ายแต่อย่างใด จ่าเคร่งเป็นแบบนี้เสมอ ชอบทำเรื่องจริงจังให้เป็นเรื่องขำขันจนบางครั้งก็เกือบจะต้องไปขำต่อในโลง!

สำหรับชายชาติบุรุษ...ถ้าแรงจูงใจในการทำงานคือเมีย...ก็อย่ามาเรียกเขาว่าผู้กองภานุรุจเลยจริงๆ ให้ตาย

"...แต่สำหรับผม แรงจูงใจในการทำงานคือ 'ประชาชน' " รองสารวัตรหนุ่มเอ่ยเสียงหนักก่อนจะกลิ้งตัวหลบไปอีกทางเมื่อพวกมันยิงสวนกลับมาแบบเฉียดฉิว และนั่นทำเอาคนฟังถึงกับอ้าปากค้างกับคำคมเวอร์ชั่นเสียดสีของท่านรองสารวัตร...ลืมไปเสียสนิทว่ากำลังอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่สำคัญ

"อ้าว ไหงเป็นงั้นล่ะครับผู้กอง...เฮ้ย!"

มารู้ตัวอีกที จ่าเคร่งก็เกือบจะได้ลูกกระสุนมาเป็นของสมนาคุณจากการหลงลืมในครั้งนี้

ปัง!

"...ไอ้พวกกระจอกเอ๊ย! คิดจะเล่นทีเผลอกับอั๊วเหรอวะ!" จ่าเคร่งสบถออกมาอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนที่ภานุรุจจะช่วยยิงสวนออกไปได้อย่างทันท่วงที เมื่อเห็นว่าลูกทีมตัวป้อมของเขาดูเหมือนจะยังไม่สำเหนียกถึงความประมาทของตัวเองเมื่อครู่

ปัง! ปัง!

เคร้ง!!

จ่าเคร่งเห็นดังนั้นก็รีบยิงสวนออกไปบ้าง เมื่อฝั่งตรงข้ามยิงเฉียดถังใบใหญ่ที่วางเรียงซ้อนกันจนสูงเสียดเพดานอยู่ข้างๆ เขาไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด น้ำเชื่อมกลิ่นผลไม้เข้มข้นที่บรรจุอยู่ภายในพุ่งเป็นสายออกมาตามรูรั่วจนเจิ่งนองไปทั่วพื้นปูนที่เต็มไปด้วยคราบฝุ่น กลิ่นหวานๆ ลอยขึ้นมาแตะปลายจมูกจนกลายเป็นฉุนกึกชวนให้รู้สึกวิงเวียน...

จ่าเคร่งตวัดสายตามองอย่างนึกสมเพช ไอ้หัวเชื้อน้ำผลไม้พวกนี้มันบดบังอาชีพชั่วๆ ของพวกเอ็งไม่ได้หรอกโว้ย!!

ในที่สุดทีมของภานุรุจก็สามารถนำกำลังเข้าล้อมโกดังเอาไว้ได้ทุกทิศ จนผู้ต้องหารวมทั้งหมดสี่คนจ่าต้องยอมมอบตัวแต่โดยดี ทว่าครู่ต่อมาภานุรุจก็ต้องกุมขมับอีกครั้งเมื่อดำเกิง...หัวหน้าทีมของพวกมันที่จงรักภักดีต่อนายของมันยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเอง เพื่อหลบเลี่ยงการเป็นพยานปากเอกในการสืบสาวไปยังต้นตอที่แท้จริง

 

''ผู้กองไหวมั้ยครับ" จ่าเคร่งตรงเข้าช่วยประคองเมื่อเห็นหัวไหล่อาบเลือดของรองสารวัตรหนุ่ม สีหน้าของเขาดูหวั่นวิตกยิ่งกว่าเจ้าของแผลเสียด้วยซ้ำ...

"เรื่องเล็กน่าจ่า" ท่านรองสารวัตรโบกมือไปมาน้อยๆ สีหน้าบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์ยังปกติดีสำหรับเขา แผลแค่นี้!ไกลหัวใจนัก

"ผู้กองครับ ริบไปโรงพยาบาลเถอะครับ ทางนี้เดี๋ยวพวกผมจัดการกันต่อได้" ร้อยตำรวจโทเต็มใจช่วยคะยั้นคะยออีกแรง แม้จะรู้ว่ามันไม่เป็นผลกับเจ้านายของพวกเขาก็ตามที

"ควบคุมตัวพวกมันเอาไว้ใหัดีอย่าให้หนีรอดไปได้ เดี๋ยวผมจะตามกลับไปสอบปากคำพวกมันเอง" ภานุรุจสั่งลูกน้องเสียงเข้ม

จ่าเคร่งกับหมวดเต็มใจได้แต่สบตาส่ายหน้าให้กันอย่างเอือมๆ ก็เป็นเสียอย่างนี้ทุกทีสิน่าผู้กองภานุรุจ...

"แต่ผู้กองครับ..." สีหน้าของหมวดเต็มใจดูเป็นกังวลเมื่อเห็นเลือดสีแดงฉานที่ไหลออกมาจากบาดแผลของเขามากขึ้นเรื่อยๆ นั่นอาจเป็นเพราะบาดแผลมีการฉีกขาดเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

ผู้กองหนุ่มเหลือบมองลูกน้องอย่างรู้เท่าทันความคิด

"ผมไม่ตายง่ายๆ หรอกน่าหมวด งานยังไม่เสร็จจะให้ผมทิ้งไปได้ยังไงกัน" เขาว่าก่อนจะพาตัวเองออกจากการพยุงของจ่าเคร่งไปยังรถกระบะที่บัดนี้มีพวกมันทั้งสี่คนถูกจับใส่กุญแจมือนั่งรออยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ช่วงไหล่ผึ่งผายและท่วงท่าการเดินที่มั่นคงทุกย่างก้าวราวกับคนปกติทำเอาพวกผู้ร้ายถึงกับหน้าซีดปากสั่นด้วยความหวั่นเกรง

"อย่าคิดหนีเป็นอันขาด ไม่อย่างงั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน" สายตาคมกริบอย่างข่มขู่จ้องเขม็งไปที่พวกมันซึ่งทยอยหลบดวงตาดุดันนั้นไปทีละคนๆ เลือดที่หัวไหล่ยังคงไหลซึมออกมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาดูอ่อนแรงลงแต่อย่างใด

จ่าเคร่งได้แต่ท่าหน้ายู่ ส่ายหัวไปมาเบาๆ กับความแมนเกินร้อยของเจ้านาย เฮ้อ ถ้าเป็นเขาหน่อยล่ะไม่ได้ จะแกล้งสำออยขอลาไปพักฟื้นสักวันสองวันให้ฉํ่าอุราไปเลยทีเดียว

 

ตลอดทางลูกน้องทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะลอบมองผู้กองของพวกเขาผ่านกระจกข้างเป็นระยะๆ ที่ถึงขนาดยอมลงทุนไปนั่งท้ายกระบะกับพวกมันเพื่อป้องกันการหลบหนี จนกระทั่งเดินทางมาถึงโรงพัก พวกมันถูกควบคุมตัวอย่างแน่นหนาลงมา และถูกนำตัวเข้าไปสอบปากคำเดี่ยวอีกกว่าสองชั่วโมง...

"ใครจ้างพวกแกมา"

"พะ...พี่เกิงครับ" ดำเกิง...หัวหน้าของพวกมันที่ชิงฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดทิ้งภาระอันหนักอึ้งเอาไว้ให้ลูกน้องสี่คนที่เหลือ ซึ่งเป็น พวกมือปืนรับจ้างชั่วคราวที่ไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย

"แล้วหัวหน้าไอ้เกิงเป็นใคร"

"มะ...ไม่รู้ครับ"

ภานุรุจหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามันกำลังพยายามเลี่ยงที่จะสบตากับเขาระหว่างการให้ปากคำ มือใหญ่ตบโต๊ะเสียงดังลั่น

"ไม่รู้!!? ไม่รู้ได้ยังไง"

"ผมไม่รู้จริงๆ ครับ พี่เขาไม่ได้บอกอะไรผมเลย บอกแค่ว่าจะให้มาคุมคนงานขนของลงจากท่าเรือ" เสียงลั่นๆ และสำเนียงแปร่งๆ ของมันละลํ่าละลักบอกออกมาเมื่อเห็นสีหน้าดุดันเอาเรื่องของรองสารวัตรหนุ่ม

ภานุรุจยังไม่อยากปักใจเชื่อนักว่าไอ้เดนตายพวกนี้จะเป็นลูกน้องที่แค่จ้างมาเพี่องานนี้เพียงงานเดียว สังเกตได้จากการหลบหนีอย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งการปะทะกับเจ้าหน้าที่อย่างไม่กลัวเกรง แสดงให้เห็นว่าพวกมันมีประสบการณ์พอตัว

"ถ้าให้การที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ โทษหนักจะลดเป็นเบา"

แววตาของมันกลอกไปมาอย่างลังเล ภานุรุจจับสังเกตได้จึงพูดกดดันต่ออย่างไม่ยอมลดละ ตั้งใจว่าจะต้องทำให้มันคายความจริงออกมาให้ได้ แม้จะเป็นเพียงบางส่วนก็ตาม แต่อย่างน้อยก็จะทำให้คดีสามารถดำเนินต่อไปได้บ้าง

"หรือว่าอยากจะนอนในคุกนานๆ ต้องการแบบนั้นใช่มั้ย"

"ผมพูดไม่ได้ครับ นายเอาพวกผมถึงตายแน่"

"พวกแกยิงตอบโต้! ขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่! และทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานจนได้รับบาดเจ็บ! ...แล้วถ้าสมมติว่าทางโรงพักจัดฉากว่าพวกแกยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจตายขณะปฏิบัติหน้าที่ไปหนึ่งคน คิดเหรอว่าจะพ้นโทษประหาร"

ผู้ต้องหาหน้าเสี้ยมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น สับสนอย่างหนักกับความจริงที่อัดแน่นอยู่ภายใน ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยเสียงลั่นออกมาเมื่อคิดว่าโทษในครั้งนี้อาจถึงขั้นประหารชีวิต

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (63 รายการ)

www.batorastore.com © 2024