Deadline ขีดเส้นตายบอกหัวใจยังไงก็ใช่เธอ!
ประหยัด: 111.75 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
When you kiss me, you make me know that
I can leave everything to touch you again.
เมื่อเธอจุมพิตฉัน มันทำให้ฉันรู้ทันทีเลยว่า
ฉันสามารถละทิ้งทุกสิ่งเพื่อที่จะได้สัมผัสเธออีกสักครั้ง
บทนำ
“หึๆ...พวกผู้หญิงนี่หลอกง่ายชะมัด...ไม่ว่าจะคนไหนก็ไร้สมองเหมือนกันหมด”
“นาย...นายหลอกฉัน...นายจูบฉันแล้วคิดจะทิ้งกันง่ายๆ อย่างนี้น่ะเหรอ รู้หรือเปล่าว่าสำหรับผู้หญิง...จูบน่ะมันสำคัญแค่ไหน”
เด็กสาวจ้งอมองมาที่เด็กหนุ่มอย่างเจ็บปวด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย
“หึ..แล้วไง ก็แค่จูบ คิดว่าถ้าฉันจูบเธอแล้วฉันจะคบกับเธอหรือไง”
เด็กหนุ่มเหยียดริมฝีปากอย่างเย้ยหยัน ในความคิดของเขาสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอและน่าสมเพชที่สุดก็คือผู้หญิงนี่แหละ และทั้งที่รู้สึกขยะแขยงแต่เขาก็จำเป็นต้องทำแบบนี้
“ทะ...ทำไม...ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนอย่างนี้”
“เธอก็เห็นจุดประสงค์ของฉันแล้วนี่...จูบของเธอ ฉันจะไปหาจากไหนก็ได้ทั้งนั้น!”
น้ำตาของเด็กสาวไหลออกมา เธอรู้สึกคับแค้นใจและเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าของเด็กหนุ่มก็ยังคงไม่เปลี่ยนไป
“เฮ้ย! ไอ้ซีนอน นี่แกไม่พูดเกินไปหน่อยเหรอ” เด็กหนุ่มอีกคนพูดขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนของตนพูดกับเด็กสาวตรงหน้า
เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อซีนอนไม่ตอบอะไร เขาลุกขึ้นยืน แต่ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดินออกจากห้องเรียน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง
ปัง!
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ไม่ว่าไอ้หน้าไหนที่ทำร้ายจิตใจของหญิงสาว ฉันไม่มีวันให้อภัย! เดดไลน์ วันนี้ฉันจะปิดบัญชีกับพวกนาย!”
1
สามวันก่อนเกิดเหตุ
“นะ...ขอร้องล่ะดีไนน์ เธอมาช่วยเข้ากลุ่มพิทักษ์สิทธิสตรีในโรงเรียนให้หน่อยเถอะ”
ฉันมองประธานนักเรียนผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งกำลังอ้อนวอนฉันจนแทบจะลงไปกราบอยู่กับพื้น ความจริงแล้วเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเองแหละ เราถึงพูดจาสนิทสนมกันได้
“ไม่! นายจะบ้าเหรอ ให้ฉันเข้าอะไรนะ...กลุ่มผู้พิทักษ์สิทธิสตรี หน้าฉันดูเหมือนเจ๊ปวีณามากเลยหรือไง”
“ถ้าไม่ใช่เธอ ฉันก็ไม่รู้จะไปหาใครแล้วนะ ถ้าคนไม่ครบก็ตั้งกลุ่มไม่ได้ด้วย”
“แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะฮะ คนอื่นมีถมเถ นายไปลากตัวมาสักคนเขาก็คงเป็นให้แหละ”
“ก็เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ทำแบบสอบถามของโรงเรียนแล้วบอกว่าอยากให้มีกลุ่มผู้พิทักษ์สิทธิสตรีนี่นา”
อีตาประธานหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่เครื่องหมายถูกซึ่งฉันติ๊กไว้ตรงช่องของกลุ่มผู้พิทักษ์สิทธิสตรีเองกับมือ มันคือแบบสอบถามที่ว่าถ้าเลือกได้...คุณอยากให้โรงเรียนมีกลุ่มผู้พิทักษ์สิ่งใดต่อไปนี้
“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นคนทำแบบสอบถามแผ่นนั้น ในเมื่อแบบสอบถามมันไม่มีให้ลงชื่อสักหน่อย”
“ใครว่าล่ะ ลองดูที่มุมขวาบนให้ดีสิ มันมีรอยดินสอเขียนเอาไว้ว่า ‘ดีไนน์’ แถมยังมีเลขาห้าตัวเล็กๆ อยู่ข้างๆ ด้วย ถือว่าโชคดีที่รู้ว่าใครเป็นคนทำแบบสอบถามแผ่นนี้”
โชคร้ายต่างหากล่ะ! ฉันเพ่งมองตามนิ้วของประธานแล้วก็เห็นชื่อของตัวเองอย่างที่เขาบอกจริงๆ โอ๊ย..อยากจะบ้าตาย ทำไมถึงมีชื่อฉันอยู่ตรงนั้นได้เนี่ย! ไอ้เบื๊อกที่ไหนมันมาเขียนเอาไว้ ฉันนึกย้อนไปตอนที่หัวหน้าห้องแจกแบบสอบถามเมื่อสองวันก่อน...
‘แบบสอบถามที่ฉันแจกให้น่ะ รีบๆ ทำแล้วก็ส่งคืนมาด้วยนะ ฉันเช็กชื่อทุกคน เพราะงั้นใครไม่ส่ง...ตาย!’
เสียงหัวหน้าห้องตะโกนบอกเพ่อนๆ ที่ไม่ได้ใส่ใจฟังที่เธอพูดเท่าไหร่นัก รวมถึงฉันด้วย แต่ถ้าอย่างนั้นพอทำแบบสอบถามเสร็จฉันก็รีบส่งคืนให้หัวหน้ากับมือตัวเองเลยนะ เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวก่อน ฉันว่าฉันนึกออกแล้วล่ะ ตอนที่หัวหน้าเช็กชื่อคนที่ส่งแบบสอบถาม ยัยนั่นดันเขียนชื่อคนส่งซึ่งก็คือฉันลงไปในแบบสอบถามด้วยนี่นา พอฉันถามว่าทำไมต้องเขียนชื่อกับห้องไปด้วย ยัยหัวหน้าก็ตอบว่า
‘ฉันจะได้รู้ไงล่ะว่าใครมันบังอาจไม่ส่งแบบสอบถามให้ฉัน เขียนไว้แบบนี้แหละดีแล้ว จะได้เช็กชื่อได้ง่ายๆ ด้วย ส่วนห้องน่ะเขาเขียนมาให้ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะพวกกรรมการนักเรียนเขาจะเช็กจำนวนคนของแต่ละห้องว่าได้แบบสอบถามกันครบหรือเปล่า’
ฉันลืมไปได้ยังไงกันเนี่ย! เพราะยัยหัวหน้านั่นแท้ๆ เลยที่ไม่ได้ลบชื่อคนทำแบบสอบถามออกก่อนจะส่งคืนให้ประธาน ถ้าลบไปอีตาประธานก็ไม่รู้แล้วว่าคนที่ทำแบบสอบถามแผ่นนี้ก็คือฉันเอง
“ไม่จริง! อาจจะมีใครใส่ร้ายเขียนชื่อฉันลงไปก็ได้นี่” ฉันยังคงปากแข็งไม่ยอมรับถึงแม้จะมีหลักฐานชี้ชัดว่าไอ้แบบสสอบถามแผ่นนี้มันเป็นของฉันก็ตาม
“แล้วคนคนนั้นจะทำไปเพื่ออะไร ไม่ล่ะ...ฉันรู้นะว่าเธอเป็นคนยังไง ดีไนน์ อย่าลืมสิว่าเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน แค่นี้เธอช่วยฉันไม่ได้เหรอ”
ฉันรู้สึกจนมุม ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี ทำไมยัยหัวหน้านั่นถึงทำอะไรสะเพร่าอย่างนี้นะ งี่เง่าชะมัด
“ฮึ่ย! ในเมื่อมีฉันคนเดียวที่เลือกช่องนั้น แล้วพวกนายจะก่อตั้งไอ้กลุ่มบ้าๆ นี่ขึ้นมาทำไมกันเล่า!”
“ก็กลุ่มอื่นมันไม่เป็นประโยชน์กับโรงเรียนเท่ากลุ่มนี้นี่นา”
“แล้วพวกนายจะทำแบบสอบถามขึ้นมาทำแป๊ะอะไรล่ะยะ”
“ก็ทำให้มันดูเท่ๆ ไปอย่างนั้นเอง อีกอย่างพวกอาจารย์เป็นคนสั่งให้ทำนี่นา”
“ฮึ่ย! มันน่า!”
“ดีไนน์...เธอเป็นความหวังเดียวของฉันนะ เอาอย่างนี้ ถ้าเธอเข้ากลุ่มล่ะก็ ฉันจะแถวลิ่วล้อให้อีกสองคน” ลิ่วลออะไรกันยะ เห็นฉันเป็นยากูซ่าหรือไงถึงต้องมีพวกลูกน้องด้วยเนี่ย
“ไม่เอา! ต่อให้นายเพิ่มให้อีกสิบคนก็ไม่เอา เข้าใจมั้ย!”
ฉันตะโกนเสียงดังอย่างหนักแน่น ชื่อของฉันคือดีไนน์ที่ออกเสียงคล้ายกับคำว่า deny ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่าปฏิเสธเชียวนะ เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องมีพลังในการปฏิเสธมากกว่าคนอื่นสิ! ถึงแม้ว่าชื่อของฉันจะไม่ได้มาจาก deny ที่แปลว่าปฏิเสธก็ตาม แต่ก็เอาเถอะ...แม่ฉันเป็นคนตั้งมันขึ้นมาและบอกอีกว่าอยากให้ชื่อของฉันสะกดคำว่า ‘ดีไนน์’ (Denine) มากกว่า เพราะมันแปลกไม่เหมือนใครดี
“เธอแน่ใจเหรอว่าจะไม่เข้า”
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่ นายบอกว่ามีลิ่วล้อให้สองคนใช่มั้ย ก็นี่ไงสมาชิกกลุ่มของนาย มีตั้งสองคนแล้วนี่”
“ต้องมีสามคนขึ้นไปถึงจะตั้งกลุ่มได้น่ะ มีแตงไทยกับไผ่หวานแล้วก็จริง แต่ก็ยังขาดอีกคนนึงอยู่ดี”
“นายก็อยู่เองเลยเด้” ฉันแนะนำ
“ฉันเป็นประธานนักเรียนนะ อีกอย่างฉันเป็นผู้ชายด้วย”
ชิ...อีตาประธานจอมยัดเยียด
“ฮึ่ย...”
ในห้องเงียบลงทันทีหลังจากที่ฉันกับอีตาประธานบ้านี่หยุดเถียงกัน เขาทำหน้าครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างพลางควงปากกาในมือไม่หยุด เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด
“เอางี้...” เขาพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่
“ฉันมีข้อเสนอใหม่”
“ก็บอกแล้วไงว่า...”
“เดี๋ยว ฟังให้ดีก่อนแล้วค่อยปฏิเสธิสิ” ฉันนิ่งไปพักหนึ่งแล้วยอมให้เขาพูดต่อไป
“ข้อเสนอมีอยู่ว่า...ถ้าเธอยอมตกลงเข้ากลุ่มผู้พิทักษ์สิทธิสตรีล่ะก็...ฉันจะให้เธอเป็นประธานนักเรียนหนึ่งวัน”
“ไม่เอา!”
“สองวัน”
“ไม่!”
“สามวัน”
“เอ่อ...”
“หนึ่งอาทิตย์ไปเลยเอ้า!”
เฮ้ย! ปะ...เป็นประธานนักเรียนหนึ่งอาทิตย์ นั่นมัน! สุดยอดไปเลย! ใครๆ ก็รู้ว่าประธานนักเรียนแห่งเซนต์ปิแอร์น่ะมีอำนาจมากแค่ไหน ถ้าได้เป็นล่ะก็ จะทำอะไรก็ได้ไม่มีใครว่า ได้อยู่ในห้องประธานนักเรียนที่แสนสบาย แอร์เย็นฉ่ำ มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แถมถ้าอยากจัดกิจกรรมอะไรในโรงเรียนก็ทำได้ ถึงแม้จะบังคับให้คนอื่นทำตามใจเราไม่ได้ก็เถอะ แต่ถ้าแลกกับการต้องเข้าร่วมกลุ่มผู้พิทักษ์สิทธิสตรี แค่นี้ก็คุ้มสุดๆ แล้ว
“ตะ...ตกลง ฉันเข้ากลุ่มด้วยก็ได้”
ฮ่าๆ คอยดูเถอะ ฉันจะ อ่า...ทำอะไรดีน้า...เวลาตั้งหนึ่งอาทิตย์แน่ะ
“เธอตกลงแล้วนะ ต้องเซ็นสัญญาด้วยล่ะ อ้อ...ที่สำคัญ ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครนะ”
“ได้เลย”
อีตาประธานเลื่อนสัญญาที่อยู่บนโต๊ะมาตรงหน้าฉัน ฉันคว้าปากกาที่อยู่ใกล้มือมากที่สุดขึ้นมาก่อนจะเซ็นลงไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องอ่านเลย
“ว่าแต่...ทำไมนายถึงอยากให้มีไอ้กลุ่มผู้พิทักษ์สิทธิสตรีอะไรนี่นักล่ะ”
“ก็เพราะว่าจู่ๆ ช่วงนี่พวกผู้ชายเริ่มชอบรังแกพวกผู้หญิงน่ะสิ”
“แล้วทำไมถึงเป็นช่วงนี้ล่ะ”
“ก็ตั้งแต่มีกลุ่มเดดไลน์ขึ้นมา พวกผู้หญิงก็ถูกหลอกแต๊ะอั๋ง ถูกลวนลามจนเป็นเหมือนแฟชั่นของพวกผู้ชายในโรงเรียนไปแล้ว”
อ๋อ...ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง
“แล้วไอ้พวกเดดไลน์อะไรนี่มันทำไปเพื่ออะไรล่ะฮะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอถึงต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้ยังไงล่ะ”
“อะไรนะ! ฉันเรอะ”
“ใช่ ก็เธอเซ็นสัญญาแล้วไง ปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะ เธอก็รู้ดีว่า ถ้าผิดสัญญากับประธานแล้วจะเป็นยังไง”
ไอ้บ้าประธานรีบดึงสัญญากลับไปทันที เฮ้ย..นี่มันหลอกใช้กันเห็นๆ เลยนี่หว่า แล้วถ้าฉันไม่ทำตามสัญญาล่ะก็จะต้องถูกประจานและโดนคว่ำบาตรทั้งโรงเรียนด้วย ฉันเคยเห็นคนที่โดนแบบนั้นมาแล้ว น่ากลัวมากเลยล่ะ
“นาย...นายมัน...ก็ไหนตอนแรกบอกว่าแค่เข้ากลุ่มไงล่ะ!”
“นั่นมันก็ส่วนหนึ่งที่ใช้บังหน้ากลุ่มผู้พิทักษ์สิทธิสตรี แต่หน้าที่ที่แท้จริงของเธอก็คือ...กวาดล้างเดดไลน์ไงล่ะ แล้วก็นี่...รายชื่อและหน้าตาของพวกเดดไลน์ ฉันไปก่อนล่ะ อ้อ...แล้วก็...ถ้าเธอพร้อมจะเป็นประธานนักเรียนเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้เลยนะ”
พูดจบไอ้ประธานบ้านั่นก็เดินจากไป ปล่อยให้ฉันนั่งอยู่กับเอกสารที่มีรูปผู้ต้องหาสามคนทำหน้าตากวนประสาทอยู่ เฮอะ...ไหนๆ ก็ถูกหลอกให้เข้ามาแล้ว งั้นขอดูหน้าหน่อยก็แล้วกัน
เดดไลน์ (DEADLINE) พวกชอบลวนลามงั้นเรอะ...สมาชิกมีสามคนก็ไม่เท่าไหร่นี่นา ซีนอน เรดอน อาร์กอน นะ...นี่มันชื่อก๊าซเฉื่อย ธาตุหมู่ที่แปดในตารางธาตุชัดๆ แค่เห็นชื่อก็ขนลุกขึ้นมาเลยแฮะ หน้าตาก็เรียกได้ว่า...โคตรหล่อ ดูจากประวัติการลวนลามแล้ว...ฉันควรจะใส่ชุดมนุษย์อวกาศไปจัดการคนพวกนี้ใช่มั้ยเนี่ย
เวลานี้...
ฉันยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องเรียนกับแตงไทยและไผ่หวาน เตรียมตัวรับศึกกับพวกเดดไลน์เต็มที่ เพราะฉันได้เบาะแสมาว่าไอ้พวกนั้นกบดานกันอยู่ในห้องดนตรีชั้นสามนี่ ฉันเตรียมตัวมาสามวันเชียวนะ ฉันยืนทำใจอยู่ห้านาทีก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไป
ปัง!
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ไม่ว่าไอ้หน้าไหนที่ทำร้ายจิตใจของหญิงสาว แนไม่มีวันให้อภัย! เดดไลน์ วันนี้ฉันจะปิดบัญชีกับพวกนาย!”
เบาะแสที่ฉันได้มาถูกต้องตรงเผง พวกเดดไลนือยู่ในห้องครบสามคนพอดี และมีนักเรียนหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาด้วย ที่สำคัญดูเหมือนว่าเธอกำลังร้องไห้ แต่ทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้ามา พวกนั้นกลับเงียบกริบไม่พูดอะไรเลยสักคำ แถมยังมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว
“ฮ่าๆ...พวกนาย...เงียบกันทำไมล่ะ หรือว่ากลัวฉันจนพูดไม่ออกเลยล่ะสิ หึๆ จงยอมจำนนต่อกลุ่มผู้พิทักษ์สิทธิสตรีซะโดยดี ต่อไปนี้ห้ามลวนลามผู้หญิงอีก!”
ฉันตัดสินใจพูดเพื่อทำลายความเงียบและความประหม่าของตัวเอง
“ว่าไงนะ อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆ ยัยบ้านี่เป็นใครวะ โคตรตลกเลย ใส่หมวกกันน็อคกับกะลามะพร้าวด้วย”
“นั่นดิ ฮ่าๆๆ”
“ชิ! แล้วมันหนักส่วนไหนของพวกนายไม่ทราบฮะ! นายซีนอนจอมขโมยจูบ นาย...อาร์กอนจอมลูบไล้ แล้วก็นาย...เรดอนจอมปิ๊บๆ”
ใช่แล้ว...ที่ฉันต้องใส่หมวกกันน็อคแล้วก็เอากะลามะพร้าวมาครอบ
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)