L Club S (คดีพิเศษ)....เคหาสน์ (ไม่) ขาดรัก

L Club S (คดีพิเศษ)....เคหาสน์ (ไม่) ขาดรัก

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786110601707
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 159.00 บาท 39.75 บาท
ประหยัด: 119.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทที่ 1

 

“ผมให้นักสืบดูแล้วว่าเมียผมมันสวมเขาให้ผม ผมต้องการฟ้องหย่าแล้วแบ่งสมบัติกันให้เร็วที่สุด ก่อนที่มันจะเอาสมบัติผมไปปรนเปรอชายชู้จนเกลี้ยง!”

นายอธิบโยนรูปถ่ายที่ได้มาจากนักสืบเอกชนนอกบริษัทลงบนโต๊ะกลางชุดรับแขกในโถงชั้นล่างของบริษัทสำนักกฎหมาย นับสืบ และ รักษาความปลอดภัยนพเดชา

มองหน้าลูกความรายแรกที่วิชญะมีโอกาสได้สอบถามรายละเอียดก่อนรับงานแบบบินเดี่ยวแล้ว เขาจำได้แม่นเลยว่าคนคนนี้เป็นสามีของนางประณีตที่เพิ่งจ้างให้ฝ่ายสืบไปดูว่านายอธิบมีบ้านเล็กเป็นทันตแพทย์หญิงจริงหรือไม่

วิชญะเคยไปช่วยจิรพนธ์สืบเรื่องนี้แล้วโดยการแฝงตัวไปเป็นลูกค้าในคลินิกทำฟัน และแม้จิรพนธ์จะไม่บอกรายละเอียด วิชญะก็พอเดาเรื่องได้จากการสะกดรอยตามทันตแพทย์หญิงผู้นั้นไปจนถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง แล้วนายอธิบก็เรียกพรรคพวกอีกสองสามคนตามเข้าไปโดยหญิงสาวมีท่าทีไม่เต็มใจจนนายอธิบต้องข่มขู่ และจากการแอบฟัง ทั้งเขาและจิรพนธ์ได้ยินเต็มสองหูเลยว่านายอธิบอ้างถึงเรื่องราวตั้งแต่หนหลังเมื่อครั้งเธอยังเรียนไม่จบ

สรุปแล้วนายอธิบไม่ได้ใช้วิธีที่ดีในการก้าวเข้าไปในชีวิตของพวกเธอ อาจจะแบล็กเมล์...หรืออะไรก็ตามที่ทำให้พวกเธอผู้อ่อนต่อโลกและยากจนจำใจต้องยอมรับความเมตตากรุณาจอมปลอมจากชายวัยกลางคนที่ท่าทางไม่เคยมีเรื่องดีๆ ฝังอยู่ในหัวผู้นี้ มิหนำซ้ำปัจจุบันนายอธิบยังกระทำตัวเป็นนักบุญที่คอยแต่จะทวงบุญคุณจากผู้ที่ตนบอกว่าอุปถัมภ์ค้ำชูจนเรียนจบ บังคับให้มีความสัมพันธ์ด้วย...ด้วยรสนิยมแบบคู่นอนหมู่...ซึ่งเหยื่อสาวรับไม่ได้

อย่าว่าแต่ฝ่ายหญิงเลยที่รับไม่ได้ วิชญะได้ยินยังอยากเข้าไปทำให้พวกมันสูญพันธุ์

‘เข้าไปช่วยเธอเถอะคุณจีน’

‘อย่าวู่วาม...’ จิรพนธ์ห้ามเสียงขรึม หน้าเครียด ‘เขารู้จักกันมานานกว่าพวกเรานะคุณยะ...ถ้าผู้หญิงเขาอยากให้เป็นเรื่อง เขาคงไม่รอมาจนบัดนี้หรอก’

อาจจะดูใจดำ ทว่าวันนั้นวิชญะพอทำใจได้และยอมรับเหตุผล เนื่องจากหลักฐานที่พวกเขาได้มาคงเป็นประโยชน์กับภรรยาที่โดนสามีนอกใจก่อน และผลสุดท้ายทันตแพทย์หญิงผู้นั้นจะหลุดพ้นบ่วงอัปยศไปเอง ทว่าสิ่งที่วิชญะไม่เคยเผื่อใจไว้ก็คือการที่นายอธิบมาที่ Law Club เพื่อจ้างทนายให้ช่วยฟ้องแบ่งสมบัติกับภรรยา...ทั้งที่สมบัติพัสถานทั้งหลายทั้งปวงหลังแต่งงานนั้นไม่ได้งอกเงยจากน้ำมือมันเลย

วิชญะหยิบรูปถ่ายขึ้นดู ทั้งหมดเป็นรูปของนางประณีตในอิริยาบถต่างๆ โดยมีชายหนุ่มอายุน้อยกว่านางราวสิบปีเคียงข้างแนบชิดทุกรูป

“นังนี่มันสวมเขาให้ผม มันไปเอาไอ้หนุ่มคนนี้มาเป็นคู่ชู้ มีรูปที่มันนอนกันด้วย ถ้าคุณทนายอยากดู...”

นายอธิบทำท่าจะล้วงรูปถ่ายที่ยังเหลืออยู่ในซองเอกสารสีน้ำตาลออกมา ทว่าวิชญะห้ามไว้

“ยังไม่ต้องหรอกครับคุณอธิบ...”

ทนายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์ที่วิ่งวนแบบแปลกๆ ในอก...

เขาไม่ใช่คนดีนักหรอก แต่ในชีวิตนี้ก็ไม่คิดจะช่วยคนเลวทำร้ายคนอื่น ในเมื่อเรื่อจริงคือนายอธิบเป็นผู้ชายอัปรีย์ หลอกลวงและขู่บังคับให้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยามาตกนรกอยู่กับพฤติกรรมอันชั่วร้าย เขาก็ไม่พร้อมที่จะเริ่มชีวิตนักกฏหมายด้วยคดีอัปยศ

“...ผมคงรับทำคดีให้คุณไม่ได้หรอกครับ”

“ทำไมล่ะคุณทนาย” นายอธิบขมวดคิ้วมุ่น หน้าอูมๆ เหมือนสุกรตกมันยิ่งดูเหมือนหมูสกปรกเข้าไปใหญ่ “กับแค่ฟ้องหย่าให้ผม เพราะเมียผมมีชู้นี่มันยากอะไรตรงไหนเฮอะ”

“มันไม่ยากหรอกครับ ถ้าคุณอธิบจะบอกกับเราอย่างตรงไปตรงมาว่าเรื่องราวที่แท้จริงมันเป็นยังไง ใครนอกใจใครก่อน ใครทำอะไรไว้ แล้วอีกอย่าง...เท่าที่ผมดูรูปถ่าย ผู้ชายคนนี้คงเป็นพนักงานในสถานบริการ เท่ากับภรรยาคุณไปเที่ยว ไม่ได้สวมเขาให้คุณ”

“ทำไมจะไม่ใช่!” นายอธิบตบโต๊ะดังปังหลังอดทนฟังคำพูดที่ไม่ต้องการฟังมานาน

เขาต้องการทนายมาช่วยฟ้องหย่าแล้วแบ่งสมบัติกับภรรยา ไม่ใช่คนที่พูดเหมือนล่วงรู้ความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ถูกล่ะ...เขามีความลับและมันก็ทำให้เขาเกลียดคนที่รู้...หรือทำเป็นรู้

วัวสันหลังหวะที่ไหนชอบให้กามาบินโฉบใกล้แผลเล่า ในเมื่อเขาเอาเงินมาให้ เขาย่อมต้องการฟังสิ่งที่ถูกใจ ไม่ใช่...แบบนี้!

“เมียอั๊วะมันไม่ใช่แค่ไปเที่ยว เข้าใจไหม มันเอาไอ้หนุ่มคนนี้ออกไปไหนต่อไหนด้วย มันควงกันเย้ยอั๊วะ มันซื้อนาฬิกาให้ ให้รถขับ ให้เงินก้อนโต ลื้อไม่รู้อะไรแล้วพูดออกมาได้ยังไงว่ามันฟ้องหย่าไม่ได้ อั๊วะถามเพื่อนมาแล้วว่าถ้ามันยกย่องคนอื่นออกหน้าออกตาขนาดนี้ อั๊วะฟ้องหย่าแบ่งสมบัติกันได้ ทำไมลื้อว่าไม่ได้หา ทนายที่นี่มันปัญญาอ่อนเหมือนลื้อหมดหรือเปล่าวะ แทนที่จะก้มหน้าก้มตาทำงานให้ลูกค้า กับแค่ฟ้องหย่าแค่นี้ทำไม่ได้ จะไปทำอะไรกิน!”

ยิ่งทีเสียงนายอธิบยิ่งดัง หากวิชญะไม่ล่วงรู้มาก่อนว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นคนเลว เขาคงยอมฟังเหตุผล แต่มันไม่ใช่ มันเป็นไอ้บ้า ไอ้หมูอ้วน ไอ้อาชญากรที่ซ่อนตัวอยู่ในสังคมในคราบคนมีเงิน!

เมื่อเช้าเขารีบมาทำงานจนยังไม่ได้กินข้าวเลยไม่รู้หรือ เขาหิวจนจุดเดือดต่ำกว่าปกติ มันคงไม่รู้หรอกว่าการหิวมันทุกข์ มันหงุดหงิดแค่ไหน เพราะมันมีข้าวกินและมีเวลาเหลือเฟือจนสามารถหาเรื่องทำเลวทำชั่ว คนอย่างมันก็เหมือนคุณย่านั่นแหละ มีเงินและมีเวลาเหลือพอจะหาเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อน ถือว่ามีเงินก็คิดจะข่มคนอื่น คนอื่นไม่ใช่คน ไม่เห็นใจคนจน มีแต่พ่นคำพูดที่คอยแต่จะทำให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ!
“ที่ผมไม่คิดจะทำคดีฟ้องหย่าให้คุณ เพราะผมไม่อยากเสียค่าโง่มหาศาล” วิชญะตอกกลับเสียงเครียด “เวลาขึ้นศาลฟ้องหย่ากัน คิดหรือว่าฝ่ายนั้นจะไม่จ้างทนาย ลองให้เขาล้วงไส้คุณดูสิ คุณจะได้รู้ว่าไอ้หน้าอย่างคุณน่ะจะเอาเก็บไว้ที่เดิมได้ไหม อย่านึกนะว่าคนอื่นเขาไม่รู้ว่าคุณซ่อนความชั่วไว้แค่ไหน ถ้าอยากให้เขารู้ว่าคุณแบล็กเมล์ผู้หญิง...”

พูดไม่ทันจบดีก็มีแฟ้มเอกสารสีดำแฟ้มหนึ่งเลื่อนลงมาปิดหน้าเขา ทำเอาวิชญะสะดุ้ง ชะงักคำพูด ครั้นหันขวับไปดูก็พบคนที่ทำให้เขาหุบปากสนิทได้โดยไม่ต้องเอ่ยปากห้ามสักคำเดียวยืนอยู่ด้านหลัง

อเนชา นพเดชา ทายาทคนโตของบริษัทสำนักกฎหมายนพเดชา ผู้สุขุม ใจเย็น และมีรอยยิ้มประดับอยู่บนดวงหน้าเข้มคมเสมอ

“ต้องขอโทษคุณอธิบด้วยจริงๆ นะครับที่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น” ผู้มาใหม่เอ่ยอย่างนอบน้อม มีรอยยิ้มอ่อนใจที่เลือกใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ “ถ้ายังไงให้ทางเราได้แสดงความจริงใจที่จะขอโทษด้วยการให้ทนายความที่เชี่ยวชาญเรื่องคดีครอบครัวเป็นอันดับหนึ่งของบริษัทมาพูดคุยกับท่านเถอะนะครับ”

“ไม่ต้อง ผมจะกลับแล้ว บริษัทนี้มันอะไรกันวะ เฮงซวยสิ้นดี!”

นายอธิบเก็บรวบรวมหลักฐานรูปถ่ายบนโต๊ะอย่างหัวเสีย ทว่าอเนชากลับไม่มีท่าทีเดือดร้อนกับการที่อาจจะต้องเสียลูกค้าไปต่อหน้าต่อตาเลยสักนิด เพราะเพียงแค่เขาเอ่ยอีกสองประโยค...นายอธิบก็ชะงักกึก

“ด้วยเกียรติของบริษัทกฎหมายที่ได้รับความน่าเชื่อถือที่สุดในประเทศ ทางเรายินดีที่จะเก็บความลับของท่านไว้โดยไม่มีวันแพร่งพรายต่อเลยนะครับ ไม่อย่างนั้นท่านคงต้องพูดเรื่องในครอบครัวซ้ำๆ กับสำนักกฎหมายอื่นอีก”

ในชั่วเสี้ยววินาทีที่นายอธิบเพิ่งโกรธจนหน้าดำหน้าแดง...เตรียมตัวจะกลับ ทายาทคนโตของนพเดชาที่วิชญะไม่ใคร่ได้คลุกคลีด้วยกลับสามารถเปลี่ยนใจอีกฝ่ายได้ในพริบตาเดียว

ใช่...นายอธิบเป็นคนมีลับลมคนใน ย่อมไม่ต้องการให้ใคร่ล่วงรู้ความลับมากไปกว่านี้ ครั้นนิ่งไปอึดใจหนึ่งนายอธิบก็เปลี่ยนท่าที

“ถ้างั้น...มีที่ที่เราจะคุยกันมิดชิดกว่านี้ไหมคุณทนาย”

อเนชายิ้มโล่งอก...มีแววปีติและประจบ...อย่างที่ลูกค้าเห็นแล้วต้องปลาบปลื้ม เมื่อลูกค้าเอนเอียง เขาก็รีบหันไปพยักหน้ากลับประชาสัมพันธ์สาวและสั่งการด้วยวิธีที่สามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นพระเจ้ามากขึ้นอีก

“คุณไหมช่วยเชิญคุณอธิบไปที่ห้องวีไอพีด้วยนะครับ แล้วเรียกคุณอินไปพบคุณอธิบด่วน จะทำอะไรอยู่ ติดลูกความคนอื่นอยู่หรือเปล่า ให้ยกเลิกให้หมดแล้วไปพบคุณอธิบภายในสามนาที”

“ค่ะคุณเนตร”

“อ้อ แล้วอย่าลืมกาแฟชั้นดีกับของว่างที่ผมได้มาจากญี่ปุ่นด้วย ถ้ายังไงรบกวนท่านนั่งรอทนายความมือดีที่สุดของเราที่ห้องก่อนนะครับ” เขาหันไปหานายอธิบตอนท้ายประโยค

ว่าที่ลูกความที่อารมณ์ดีขึ้นลุกขึ้นยืน “ผมจะได้คุยกับทนายมือดีที่สุดของคุณแน่ใช่ไหม”

“แน่นอนครับ ท่านอาจจะต้องตกใจนิดหน่อยนะครับ เพราะทนายคนนี้ของเรายังหนุ่มอยู่เลย เขาจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านกฎหมายที่สุดในเมืองไทย จบเนติฯ ด้วยคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง และตั้งแต่ว่าความมายังไม่เคยแพ้เลย ประวัติไม่เคยด่างพร้อย ขอให้วางใจได้ครับ”

“แหม ดูไปดูมาผมว่าคุณน่าจะมือดีที่สุดในบริษัทเสียแล้วมั้ง” นายอธิบตบไหล่อเนชาพร้อมหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะชำเลืองลงมองวิชญะที่ยังนั่งหน้าเครียดอยู่ที่เดิม “...แล้วทนายความของคุณคนนี้ล่ะไปขุดมาจากไหน”

“เด็กใหม่ครับ อาจจะไฟแรงไปหน่อย คงต้องค่อยๆ หัดกันไป คราวนี้คงได้ประสบการณ์ไปไม่มากก็น้อย แล้วผมจะตักเตือนทำโทษให้นะครับ”
“อือ” นายอธิบพยักหน้าแล้วเดินตามแพรไหม ประชาสัมพันธ์สาวสวยของบริษัท เข้าไปยังห้องกระจกท้ายโถงสำหรับรับรองแขกพิเศษซึ่งมีอยู่สามห้องด้วยกัน

อเนชามองตามนายอธิบจนลับหายเข้าไปในห้อง ก่อนเดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อดึงกระดาษชำระอย่างดีที่ใช้เช็ดหน้าด้วยมาหนึ่งแผ่น...ใช้มันเช็ดตรงจุดที่นายอธิบจับเมื่อครู่แล้วขยำมันโยนลงในถังผงหลังเคาน์เตอร์...โดยแพรไหมซึ่งเพิ่งออกมาจากห้องรับรองพิเศษและวิชญะไม่ทันเห็น

“คุณไหม ช่วยเรียกคุณจีนให้ไปพบผมที่ห้องด้วย ส่วนคุณ...คุณวิชญะ ตามผมมา ผมมีเรื่องจะคุยด้วยเป็นการส่วนตัว” เขาสั่งแล้วออกตัวเดินนำไปที่บันไดทางขึ้นชั้นสองทันที

วิชญะเม้มปากแล้วระบายลมหายใจพรวด เพราะนึกรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาจะโดนอบรม

ชายหนุ่มหยุดทบทวนจิตใจตัวเองว่านอกจากโมโหหิวแล้ว อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาหมดความอดทน

เรื่องมันคงจะเริ่มตั้งแต่สามเดือนก่อนหน้านี้...ก่อนหน้าที่เขาจะล้าจนแทบไม่เหลือกำลังใจไว้สู้รบตบมือกับใคร

 

‘ที่ย่าเรียกตัวยะกลับมาเพราะต้องการให้ยะหมั้นกับหลานสาวคุณหญิงทิพย์ หรือไม่ก็แต่งงานเสียเลย เพราะคุณหญิงทิพย์เธออยากมีเหลนไว้ดูเล่นตั้งแต่ยังอายุไม่มาก ส่วนแม่เราน่ะ ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรหรอก’

นางศจีกล่าวอย่างเนิบนาบหากน้ำเสียงเด็ดขาด ขยับพัดไม้จันทน์เล่มงามไล่ร้อนและแทบจะมองหลานชายคนสุดท้ายที่เกิดจากลูกชายคนเดียวของตนด้วยหางตา

วิชญะจำไม่ได้แล้วว่าสีหน้าของตนตอนนั้นเป็นอย่างไร รู้แต่เขาโกรธคุณย่าอย่างที่ไม่เคยโกรธใครได้เท่านี้มาก่อน

เขาไม่ใช่หลานทั้งสามคนที่เกิดจากภรรยาคนแรกของพ่อ แต่เป็นลูกชายคนเดียวของนางวราพร เมียรองซึ่งเป็นผู้หญิงธรรมดาและไม่ได้รับการยอมรับสถานภาพนานนับสิบปี เขาจึงไม่ใช่เด็กในโอวาทของนางศจี คุณย่าผู้เป็นประมุขของตระกูลศิลป์สงคราม

ตลอดเวลาที่เกิดและเติบโตขึ้นอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ กับแม่เพียง

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นในประเทศนี้ เมื่อสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เจริญก้าวหน้าไปอย่างมาก รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าหลายๆ สายก็เริ่มสร้างเพิ่มแล้ว แต่ทำไมคุณหญิงย่ายังไม่ยอมเลิกการคลุมถุงชนให้ลูกหลานเสียที หนุ่มนักเรียนนอกอนาคตไกล หัวสมัยใหม่อย่าง "วิชญะ" รับไม่ได้กับสิ่งโบราณ คร่ำครึเหล่านี้ จึงตัดสินใจยอมละทิ้งมรดก ตัดขาดจากครอบครัวตัวเอง แล้วไปเริ่มต้นชีวิตอดมื้อกินมื้ออย่างคุณชายตกยากที่สำนักงานกฎหมาย L Club และคนเบื้องบนอาจคิดว่าเขายังลำบากไม่พอ ถึงนำอุบัติเหตุมาใส่ในตารางชีวิตของเขาอีก โดยอุบัติเหตุนั้นได้นำพาให้เขากับหญิงแปลกหน้าผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันต้องความจำเสื่อมด้วยกันทั้งคู่ แถมเขายังต้องช่วยเธอคลี่คลายคดีซับซ้อนอีก ติดตรงที่เขาเองก็เป็นคนความ-จำ-เสื่อม เหมือนกันนะ !! แล้วเรื่องราวจะดำเนินไป และมีบทสรุปอย่างไร? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยายโรแมนติก "L Club S (คดีพิเศษ)...เคหาสน์ (ไม่) ขาดรัก" เล่มนี้

เขียนโดย "ปราณธร"

 

256 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (64 รายการ)

www.batorastore.com © 2024