Don't Be Afraid หากหัวใจไม่ไร้รัก (Piano)

Don't Be Afraid หากหัวใจไม่ไร้รัก (Piano)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160607266
ผู้แต่ง: piano
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 179.00 บาท 44.75 บาท
ประหยัด: 134.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

ท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังเดินขวักไขว่ หญิงสาวคนหนึ่งในชุดนักเรียน ม.ปลาย วิ่งมาทางชายหนุ่มซึ่งกำลังเดินหนีเธออย่างไม่พอใจด้วยเรื่องอะไรบางอย่าง

'เป็นอะไรไป ทำหน้างอนเหมือนผู้หญิงไปได้,

'ยังโกรธไม่หายรึไงเรื่องที่ฉันนัดให้นายไปพบพ่อกับแม่ของฉันวันเสาร์นี้ ก็แหม พวกท่านอยากเห็นหน้าผู้ชายที่ทำให้ลูกสาวของพวกท่านเอาแต่ยิ้มหน้าบานเวลาที่ต้องไปโรงเรียนนี่นา'

'แต่เธอก็น่าจะถามฉันก่อน'

'นายไม่อยากไปพบพวกท่านเหรอ'

เธอคล้องแขนเขาไว้ทันทีที่เดินมาทัน พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วส่งมอบรอยยิ้มแสนดีที่ไม่เคยจางหาย นั่นทำให้เขาอึกอักพูดไม่ออก

'ก็...เปล่า'

'งั้นก็แปลว่าตกลง เสาร์นี้นายต้องมาบ้านฉันนะ แม่ของฉันท่านเตรียมทำขนมไว้รอต้อนรับนาย'

'ส่วนพ่อของฉันท่านก็ไม่ดุหรอก ท่านใจดีจะตาย เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องกลัว,

ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ที่ริมพุ่ตบาธเพื่อรอข้ามถนนไปนั้นรถเมล์อีกฝั่ง ใบหน้าของเขาครุ่นคิดอย่างหนัก จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเรียกชื่อเธอ

'หลิน,

'ว่าไง'

'ฉันคิดว่า...'

หญิงสาวเขย่งปลายเท้าขึ้นทันทีเพื่อหอมแก้มเขา ชายหนุ่มชะงักไป ก่อนที่เธอจะผละใบหน้าออกเพื่อบอกบางสิ่ง

'เราจะไม่ทิ้งกันใช่มั้ย'

'เราจะรักกันอย่างนี้ตลอดไปใช่มั้ยเฟียส นายจะไม่ทิ้งฉันไช่มั้ย'

ได้ยินอย่างนั้นทำให้ชายหนุ่มถึงกับนิ่งอึ้ง เขาหันหน้าไปอีกทางเพื่อหลบเลี่ยงสายตาเชื่อมั่นของหญิงสาว เธอมั่นใจว่าเขาต้องรักเธออย่างที่เธอรักเขา แต่นั่นเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบเมื่อแรกเจอ ในตอนนั้นเขาคิดว่า เขาคงรักเธอเข้าให้แล้ว ทว่าความรู้สึกของเขาในตอนนี้ที่มีต่อเธอนั้น...ได้เปลี่ยนแปลงไป

'หลิน' เขาตัดสินใจเรียกชื่อของเธออีกครั้ง

เธอผละตัวออกจากเขาเหมือนรู้ทันว่าเขากำลังจะพูดอะไร

'ในวันนั้นนายต้องแต่งตัวให้หล่อที่สุดเลยนะ อย่าทำให้ฉันขายหน้าเชียว'

'ฉัน...' เขาพูดเสียงอ่อน 'ฉันคิดว่าเราสองคนอาจไม่เหมาะที่จะเป็น...'

เป็นอีกครั้งที่คำพูดของเฟียสถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อหลินเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อจูบเขาที่ริมฝีปากเบาๆ อย่างไม่อายสายตาของใครที่กำลังมองอยู่ แต่เพียงไม่นานเธอก็ผละใบหน้าออกมา เฟียสมองเห็นหยาดน้ำตาใสๆ ที่เอ่อคลอนัยน์ตาของเธอ ทว่าเธอก็ยังคงส่งยิ้มให้เขา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

รอยยิ้มของเธอเหมือนเมื่อครั้งแรกที่ได้เจอกับเขา รอยยิ้มที่ดูจริงใจ มั่นคง และไม่สั่นคลอน

'วันเสาร์เก้าโมงเช้านะ ฉันจะรอ” พูดจบหญิงสาวก็วิ่งข้ามถนนเมื่อเห็นว่ารถสองคันที่อยู่เลนซ้ายสุดยังคงจอดนิ่งสนิทเพราะสัญญาณไฟจราจรยังเป็นสีแดง แต่แล้วเธอก็หันกลับมามองเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่เคยจางหาย

'เฟียส' เธอตะโกน 'อีกไม่กี่เดือนพวกเราก็จะเข้ามหา,ลัยกันแล้วนะ แม้ว่าพวกเราจะได้เรียนต่อในมหา'ลัยคนละที่กัน แต่เราก็จะยังเป็นเหมือนเดิมใช่มั้ย'

'เราจะไม่ทิ้งกันใช่มั้ยเฟืยส นายจะไม่ทิ้ง...ฉัน'

เอี๊ยดดด!

ปึง!

'กรี๊ดดดดดด'

เสียงต่างๆ มากมายพากันกรีดร้องดังอื้ออึงไปหมดจนแยกไม่ถูกว่ามันคือเสียงอะไรบ้าง ทว่าภาพที่เฟียสเห็นตรงหน้าคือรถเก๋งติดฟิล์มดำมืด คันหนึ่งห้อตะบึงส่ายไปมาอย่างน่ากลัวทางเลนขวาสุดแล้วฝ่าสัญญาณไฟจราจรสีแดงพุ่งเข้าชนร่างบอบบางของหญิงสาวแสนสดใสจนร่างของเธอกระเด็นลอยออกไปแล้วหล่นลงกระแทกพื้นเหมือนกับว่าร่างกายของเธอไร้ซึ่งนํ้าหนักและเบาหวิว ในขณะที่เขาเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง แข้งขาอ่อนจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ท้องไส้ของเขาปั่นป่วนเหมือนจะขย้อนอาหารกลางวันออกมา แล้วเสียงของใครคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นฝ่าทุกเสียงที่ดังอื้ออึงรอบตัวเหล่านั้น 'หลิน!'

เสียงที่แหบห้าวและบาดลึกนั้นแทบจะไม่ใช่เสียงของเขา แต่ที่สุดแล้ว เขาก็พบว่ามันคือเสียงของเขานั้นเอง เขามองเห็นตัวเองวิ่งเข้าหาร่างของหลินอย่างบ้าคลั่งด้วยความรู้สึกต่างๆ หลากหลายที่โหมกระหน่ำ ทว่า ความรู้สึกหนึ่งที่เขารู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจนที่สุดคือเขารู้สึกผิด เขาผิดเองที่กำลังจะบอกเลิกเธอทั้งที่เธอรักเขามากมายเหลือเกิน เขาตั้งใจจะทิ้งเธอ

เขาทำให้เธอเสียใจ เขาเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ทุกอย่างเป็นความผิดของเขาคนเดียว

'ฉันขอโทษ! ขอโทษ! หลิน ฉันขอโทษ!,

เอี๊ยดดด!

ปึง!

'กรี๊ดดดดดด'

'หลิน!'

'ฉันขอโทษ! ขอโทษ! หลิน ฉันขอโทษ!'

'ไม่! หลิน ม่ายยย!'

ฟุ่บ!

เตียงนอนหนานุ่มไหวเอนเมื่ออยู่ๆ ร่างของคนที่กำลังนอนหลับลึกก็ผุดตัวลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความมืดสลัวในยามค่ำคืน ใบหน้าหล่อชุ่มชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมาตามรูขุมขน เขาหอบหายใจถี่เหมือนเหน็ดเหนื่อยมาจากความฝันที่ไม่มีวันสิ้นสุด มือหนึ่งถูกยกขึ้นลูบใบหน้าช้าๆ เพื่อปรับตัวให้รับรู้ว่าภาพเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ความฝัน ...ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเขาตลอดสามปีที่ผ่านมา ฝันร้ายที่ไม่มีวันปล่อยเขาไป เขาจะไม่มีวันได้เป็นอิสระจากความผิดที่เขาเคยก่อไว้ เธอจะไม่มีวันปล่อยให้เขาพ้นไปจากฝันร้ายนี้...ไม่มีวัน

"ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉัน...ขอโทษ"

ชายหนุ่มเอ่ยคำพูดนี้ออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เขาพูดมันออกมาราวกับว่าตัวเองไม่ได้อยู่ ณ ที่แห่งนี้คนเดียว ซึ่งเขาเองก็รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ได้อยู่แต่เพียงลำพัง หากแต่มีบางสิ่งอยู่ข้างๆ เขา บางสิ่งที่ติดตามเขาไปในทุกๆ ที่ที่เขาอยู่ บางสิ่งที่ตามหลอกหลอนเขาไม่ต่างจากฝันร้าย

...บางสิ่งนั้นเองที่คอยยํ้าเตือนว่าเขาคือคนผิด

 

1

 

เสียงฝีเท้าที่เดินลงบันไดมาอย่างไม่เร่งรีบเหมือนทุกวันทำให้หญิงสาวที่กำลังนั่งกินแซนด์วิชอยู่ที่โต๊ะอาหารถึงกับหันหน้าไปมองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะถามออกไปอย่างที่ใจคิด

"วันนี้พี่ริวไม่ได้มารับเหรอ พี่ถึงได้มีแรงเฉื่อยมากขนาดนี้นะพี่ลั้ลลา"

"ใช่"

เสียงตอบมาพร้อมการปรากฏตัวของหญิงสาวร่างบางในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัย เธอสวมกระโปรงพลีตแม้จะอยู่ชั้นปีที่สองแล้วก็ตาม ใบหน้าเรียวเล็กน่ารักปราศจากเครื่องสำอางแต่งแต้มทำให้เธอดูหน้าเด็กเกินกว่าอายุที่แท้จริง ดวงตากลมโตมองไปที่น้องสาวของเธอที่นั่งกินแซนด์วิชอยู่ ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปหาอย่างหงอยๆ

"เกิดอะไรขึ้นล่ะ พี่ริวมีธุระหรือว่าพี่เกิดติสต์แตกอยากโหนรถเมล์มากกว่าจะนั่งเฉิดฉายบนรถเบนซ์เหมือนทุกวัน เอ๊ะ? หรือว่าทะเลาะอะไรกันอีกแล้ว"

"ข้อสุดท้ายคือคำตอบที่ถูกต้อง"

ฟ้าใสพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะถามต่อ

"เรื่อง?"

"เรื่องเดิม"

"คราวนี้เป็นผู้ชายคนไหนอีกล่ะ"

ลั้ลลาถอนหายใจยาว "ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่บัญหามันอยู่ที่ความขี้หึงของพี่ริวที่นับวันฉันชักจะทนไม่ไหวแล้ว"

"ก็เข้าใจพี่ริวหน่อยสิ เขาน่ะเป็นแฟนของพี่นะ เป็นมาจนจะครบหนึ่งเดือนแล้วด้วย"

"นี่ขนาดเป็นแฟนกันยังไม่ครบเดือนยังขี้หึงขนาดนี้ ถ้าต่อไปฉันคงไม่กล้ามองหน้าผู้ชายคนไหนอีกแล้วล่ะเพราะกลัวว่าพี่ริวจะเข้าไปชกปากคนอื่นเขา"

"อะไรกัน ครั้งนี้พี่ริวถึงขนาดลงไม้ลงมือเลยเหรอ"

"ก็เกือบไปนั่นแหละ แต่ดีที่ฉันดึงพี่ริวออกมาจากเพื่อนคนนั้นทันเวลา"

ลั้ลลาบอกพลางถอนหายใจเบาๆ ด้วยความหนักใจในความขี้หึงของแฟนหนุ่มที่นับวันจะเพิ่มมากขี้นทุกที

"เค้าว่าเดี๋ยวพี่ริวก็คงมาง้อพี่เหมือนเคยนั่นแหละ เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกซะเมื่อไหร่ เดี๋ยวพอพี่ริวมาง้อเข้าหน่อยพี่ก็หายโกรธแล้ว คนอย่างพี่โกรธใครได้ไม่นานหรอก เอาน่า อย่าวางฟอร์มนักเลย ถ้าพี่ริวโกรธขึ้นมาจริงๆ จนขอเลิก พี่จะมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่ได้นะ"

"ไม่เห็นจะง้อเลย ต่อให้ไม่มีแฟน ฉันก็อยู่คนเดียวได้ย่ะ,,

"กัดฟันพูดล่ะสิ,,

"ชิ,,

ฟ้าใสส่ายหน้าไปมาพลางยิ้มอย่างนึกขำกับท่าทางของพี่สาว ก่อนจะคว้ากระเป๋านักเรียนของตัวเองในขณะที่พูด "ผู้ชายอย่างพี่ริวใช่จะหาได้ง่ายๆ นะ ถ้าลืมเรื่องความขี้หึงของเขาไปซะ เค้าว่าพี่ริวเนี่ยคือผู้ชายในฝันของสาวๆ เลยแหละ ทั้งหล่อ ทั้งรวย นิสัยก็แสนดี ช่างเอาใจ และที่สำคัญเขารักพี่มากเลยนะ ไม่งั้นคงไม่พยายามตามจีบพี่มาได้เป็นเดือนๆ จนพี่ตกลงใจเป็นแฟนกับเขาหรอก เค้ารู้นะว่าใจจริงพี่เองก็รู้สึกดีกับพี่ริวมากๆ เหมือนกันใช่มั้ยล่ะ"

"อย่ามาทำตัวเป็นผู้รู้ไปหน่อยเลยน่า”

"เค้าพูดจริงๆ นะ พี่ริวเนี่ยเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดแล้ว พี่ก็อย่างอแงกับเขาให้มากนักสิ เห็นว่าเขาตามใจเข้าหน่อยล่ะเอาใหญ่เชียว"

"ไปเรียนเลยไป”

"โธ่เอ๊ย พอพูดจี้ใจดำเข้าหน่อยล่ะทำเป็นไล่ให้ไปเรียน เชอะ ไปก็ได้" ฟ้าใสพูดอย่างนึกหมั่นไส้ "อย่าให้เค้ามีแฟนหล่อบ้างก็แล้วกัน เค้าจะไม่ทำตัวเหมือนพี่แน่ :P"

"ระวังเอาไว้เถอะ คนหล่อแต่นิสัยโรคจิตก็มีให้เห็นอยู่เยอะแยะ ฉันขอเตือนเอาไว้เลยนะ อย่าหลงแค่หน้าตาของคนเข้าใจมั้ย"

"โห นี่ขนาดพ่อแม่อยู่ไกลถึงเชียงใหม่ พี่ยังทำตัวได้เหมือนกับว่าพวกท่านมาอยู่ตรงหน้าของเค้าเลยนะเนี่ย,,

"ฉันถามว่าเข้าใจมั้ย”

"เข้าใจแล้วค่า" ฟ้าใสรีบบอกเมื่อเห็นพี่สาวเริ่มเข้าโหมดดุ เพราะความที่ฟ้าใสเป็นคนที่ติดลั้ลลามาก เมื่อลั้ลลาสอบเข้า มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ได้ น้องสาวที่ติดพี่อย่างเธอจึงขอย้ายเข้ามาเรียนมัธยมปลายในกรุงเทพฯ ด้วยอีกคน ซึ่งพ่อกับแม่ของเธอก็วางใจให้สองสาวเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ โดยซื้อบ้านหลังหนึ่งให้แทนที่จะให้สองสาวเช่าคอนโดฯ ซึ่งในความคิดของผู้ใหญ่นั้นการได้อยู่ในบ้านของตัวเองน่าจะให้ความสะดวกสบายและอบอุ่นกว่าไปเช่าคอนโดฯ อยู่กับคนหมู่มาก

"งั้นเค้าไปล่ะนะ" ฟ้าใสบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วเดินอ้อมโต๊ะมาหอมแก้มพี่สาวของเธอเบาๆ "บายค่ะพี่สาว"

ลั้ลลาลูบหัวน้องสาวของเธออย่างรักใคร่แล้วพยักหน้าให้นิดหนึ่ง จากนั้นจึงมองฟ้าใสที่ค่อยๆ เดินออกไป ส่วนเธอก็เริ่มลงมือกินแซนด์วิช ฝีมือน้องสาวของตัวเองที่อยู่บนจานตรงหน้าอย่างไม่รีบเร่งเหมือนทุกวัน

 

ปกติช่วงเวลาแบบนี้ลั้ลลาต้องได้ขึ้นรกแท็กซี่แล้ว แต่ทำไมวันนี้การจะหารถแท็กซี่ว่างๆ สักคันมันถึงได้ยากเย็นนักนะ เธอเลยต้องใช้บริการรถเมล์ที่แน่นอย่างกับปลากระป๋อง มันทำให้เธอถูกเบียดจนต้องไปยืนอยู่ทางด้านหลังของรถเมล์ อากาศบริเวณรอบตัวของเธอก็ไม่ค่อยจะสดชื่นเท่าไหร่นักเพราะน้ำหอมจากเสื้อผ้าของใครหลายคนต่างผสมปนเปกันจนกลายเปีนกลิ่นที่ทำให้เธอเริ่มรู้สึกคลื่นเหียนจนแทบอยากอาเจียนออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด

ตั้งแต่ที่เธอตกลงเป็นแพ่นกับริว เธอมักจะได้นั่งสบายๆ มาในรถเบนซ์ของแฟนหนุ่มสุดหล่อ ไม่ต้องเสียเงินค่ารถแท็กซี่อีกต่อไปและไม่ต้องพาตัวเองมาเป็นส่วนหนึ่งของปลากระป๋องเหมือนอย่างในตอนนี้นั้นทำให้เธอเริ่มรู้สึกเสียดาย ความสัมพันธ์ของเธอกับริวขึ้นมาตงิดๆ

"เฮ้อ" เวลานี้เธอทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าถอนหายใจออกมาอย่างนึกเซ็ง

ในขณะที่หญิงสาวกำลังเซ็งกับชีวิตของตัวเองอยู่นั้น ความรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังเสียดสีที่บั้นท้ายของเธอก็ทำให้หญิงสาวเกร็งตัวขึ้น

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ -*- เมื่อ ‘ริว’คนรักของฉันดันเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับ ‘เฟียส’ผู้ชายที่ฉันไม่ชอบขี้หน้าแบบสุดๆ แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็หน่ายขี้หน้าฉันไม่แพ้กันเรื่องที่ไปกล่าวหาว่าเขาเป็นไอ้โรคจิต แต่ดูเหมือนข้อกล่าวหาที่ว่าจะเป็นจริง ก็อยู่ๆ เขาดึงฉันเข้าไปจูบในที่ลับตาคนทำไมล่ะ >///<
 
แต่สิ่งที่ทำให้ ‘ลั้ลลา’คนนี้ช็อกมากกว่า O_O เห็นจะเป็นวิญญาณของหญิงสาวที่กำลังเฝ้ามองเราสองคนอยู่ หลังจากคืนนั้น นอกจากฉันจะยิ่งไม่ชอบขี้หน้าเฟียสหนักกว่าเดิม >O< ฉันยังรู้สึกหวาดกลัวต่อสิ่งลี้ลับที่ดันไปมองเห็นเข้า T^T เพราะวิญญาณดวงนั้นยังคอยตามติดฉันอยู่ไม่ห่าง หรือว่า... เธออยากจะบอกอะไรบางอย่างกับฉัน ริวกับเฟียสต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยใช่มั้ย!

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (66 รายการ)

www.batorastore.com © 2024