Don t อย่ามองนะถ้าไม่อยากตกหลุมรัก (ชุด Ugly Duckling) (เจ้าปลาน้อย)
ประหยัด: 104.25 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 5 รายการราคา 79.00 บาท - 105.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
"พ่อกับแม่ตัดสินใจแล้ว"
"ตัดสินใจอะไรคะ"
ฉันขยับปี๊บที่ครอบหัวอยู่เพื่อให้สามารถตักบัวลอยที่แม่ซื้อมาจากร้านเจ้าอร่อยเข้าปากได้
"อาทิตย์หน้าลูกต้องไปโรงเรียน"
"ใช่ ลูกฟังไม่ผิดหรอก พ่อกับแม่จะให้ลูกไปเรียนหนังสือ"
เหมือนฟ้าถล่มดินทลาย มันให้ความรู้สึกเหมือนพ่อกับแม่กำลังหักหลังฉันอย่างเจ็บปวดและเจ็บแสบ ฉันทุบโต๊ะก่อนจะปัดถ้วยบัวลอยตรงหน้าจนหกเลอะเทอะ
"พ่อกับแม่ก็รู้นี่คะว่าหนูไม่อยากไปโรงเรียน เราตกลงกันแล้วนี่"
"แต่พ่อทนไม่ได้อีกแล้วที่จะเห็นเราหมกตัวอยู่แต่ในบ้านและมีการ์ตูนเน็ตเวิร์กเป็นเพื่อนคู่คิด คนเรามันต้องมีสังคม..."
"หนูไม่ต้องการ"
"ลูกจะอยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ไม่ได้นะลูก..." แม่พยายามเกลี้ยกล่อม แต่ฉันอาละวาดด้วยการเอามือเคาะปี๊บที่ครอบหัวจนเสียงมันดังปึงปังราวกับมีคนมาตีฉาบที่ข้างหู
"ต้องอยู่ได้สิคะ หนูไม่สามารถไปโรงเรียนด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ได้หรอก พ่อกับแม่ไม่เห็นเหรอคะว่ามีอะไรติดอยู่บนหัวของหนูเนี่ย!"
"ปี๊บใบนั้นไม่ใช่อุปสรรคต่อการเรียนของลูกหรอก"
"จะไม่เป็นได้ยังไง คนที่ไหนเอาปี๊บมาคลุมหัวกันคะ"
"ก็ถ้าลูกเอาออก..."
"กรี๊ด!!!"
ฉันกรี๊ดดังลั่นบ้าน แม่ที่เห็นว่าชักจะไปกันใหญ่ก็เข้ามากอดโอ๋ฉันด้วยความเป็นห่วงเป็นใย มีเพียงพ่อเท่านั้นที่ยืนดูเหตุการณ์ด้วยความใจแข็ง แล้วพูดอย่างเด็ดขาดที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินออกมาจากปากพ่อเลยก็ว่าได้
"ยังไงก็ต้องไปโรงเรียน แม้จะคลุมปี๊บก็ต้องไป!!!"
1
อดีตของแมวน้ำ
โรงเรียน...
สถานที่ที่ฉันไม่ได้มานานมากแล้ว ภาพของเด็กนักเรียนที่แต่งตัวมาเรียนในตอนเช้าพร้อมด้วยกลิ่นโคโลญอ่อนๆ เสียงเจี๊ยวจ๊าวจากพวกที่เล่นพุ่ตบอลกันในสนาม ฉันห่างหายไปจากบรรยากาศแบบนี้นานมากแล้ว...
แต่สิ่งที่ไม่เคยห่างไปจากชีวิตของฉันเลยนั้นก็คือสายตาที่แต่ละคนจ้องมองมาเหมือนกับเห็นตัวประหลาดที่ออกมาเดินตามท้องถนน ทำไมกันยะ! ไม่เคยเห็นคนมีความมั่นใจในแบบฉบับของตัวเองหรือไงกัน
ป๊อง!
"โอ๊ย!"
เสียงก้องๆ จากการถูกใครสักคนมากระแทกกับปี๊บบนหัวทำให้ฉันหันไปมองตาเขียว คนตัวสูงสวมหมวกกันน็อคปิดหน้าปิดตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับสแกนกรรม
"อยู่ในนั้นแล้วมีความสุขไหม"
"ในไหน"
"ในปี๊บนะ"
"ก็คงให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในหมวกนั้นแหละ อุ๊บส์ ฉันไม่คุยกับนาย พ่อแม่บอกไม่ให้ฉันคุยกับคนแปลกหน้า"
"เธอน่ะหน้าแปลกกว่าฉันอีก
"นายมองเห็นหน้าฉันด้วยเหรอ!" ฉันกระโดดถอยหนีไปสามก้าว "เป็นไปไม่ได้ ฉันมั่นใจมากว่าปี๊บใบนี้ปกปิดใบหน้าทุกส่วนของฉันยกเว้นดวงตาแล้วนี่นา"
''ฉันหมายถึงปี๊บพิกาจูบนหัวเธอ มันแปลกตาดี ทำไมต้องใส่ไว้อย่างนั้นด้วย"
"นายจำเป็นต้องรู้เรื่องของทุกคนบนโลกนี้ด้วยหรือไงกัน"
"ก็ถ้ารู้ได้มันคงเป็นอะไรที่ดีสำหรับฉัน"
"ฉันไม่คุยกับคนไม่รู้จัก"
ฉันทำท่าจะเดินหนีแต่ก็ถูกดึงคอเสื้อเอาไว้ด้วยฝืมีอของคนที่เสียมารยาทอย่างร้ายกาจ
"เดี๋ยวเราก็รู้จักกัน"
"ฉันจะไปรู้จักกับนายทำไม"
"เธอมองเข้าไปในโรงเรียนนี้เพราะอยากเรียนหนังสือไม่ใช่เหรอ"
"ฉันไม่ได้อยากเรียนหนังสือ ฉันถูกบังคับเรียน มันต่างกันมากนะ คำว่า 'อยาก, กับ 'ถูกบังคับ, น่ะ"
"ถ้าเธอไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียนก็ได้นี่''
"แต่ฉันถูกบังคับ! ยังไงพ่อก็จะให้ฉันเรียนโดยไม่ดูความพร้อมของลูกสาวอย่างฉันเลย"
"ถ้าอย่างนั้นเราอาจจะได้รู้จักกัน เพราะฉันก็กำลังจะเข้าเรียนที่นี่เหมือนกับเธอ เธอผิดกับฉันเลยล่ะ...ฉันอยากเรียนหนังสือ ฉันว่าที่นี่คงให้ประสบการณ์อะไรกับฉันเยอะแยะเลย"
"ถ้านายโดดเด่นล่ะก็มันจะให้ประสบการณ์อะไรกับนายเยอะ แต่ถ้านายต่ำต้อยด้อยค่าไร้ราคาน่าเหยียดหยาม โรงเรียนก็คือนรกดีๆ นี่เอง"
"เธอนี่อคติกับโรงเรียนจังเลยนะ”
"นายไม่เคยเจออะไรเลวร้ายแบบฉันก็พูดได้ ใส่หมวกกันน็อคคุยกันอย่างนี้แปลว่านายก็ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ,,
"เปล่า ฉันแค่ขี้เกียจถอด"
"ไม่ต้องถอด! ฉันไม่ได้อยากเห็น...ฉันมาเรียนที่นี่โดยไม่คิดจะคบใครเป็นเพื่อนทั้งนั้น ลาก่อน"
พอเห็นว่าเขาทำท่าจะถอดหมวกฉันก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาอย่างประหลาด พอลองสมมติว่าเป็นตัวฉันเองที่ถอดปี๊บนี่ออกก็รู้สึกเข่าอ่อนและ อยากจะลมใส่ให้รู้แล้วรู้แรดไป (=_=) ฉันเดินหนีจากไอ้หมวกกันน็อคนั่นมาโดยไม่บอกลาอะไรสักคำ แน่ล่ะ! เขาเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับฉัน ไม่จำเป็นต้องทำตัวมีปฏิสัมพันธ์กับคนเพิ่งเคยพบกัน!
เออ! ฉันรู้ว่าตอนนี้หลายๆ คนกำลังมองว่าฉันเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย แต่ถ้าใครไม่เคยเจอมาอย่างฉันจะไม่มีวันรู้ได้เลยว่าทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้ ฉันก็อยากเป็นเหมือนคนปกตินั่นแหละ เดินกลับบ้านโดยไม่ต้องมีอะไรมาวางบนหัวให้มันหนักเล่น อยากจะอวดทรงผมสวยๆ แบบที่ไปตัดที่ร้าน เลือกทรงผมให้ช่างตัดได้โดยมองที่กระจก อยากจะมีเพื่อนคุยกันทางโทรศัพท์ ฉันอยากจะมีทุกอย่างแต่ฉันมีไม่ได้ จิตแพทย์ฉันก็ไปพบมาแล้ว แต่นอกจากพังเสียงกบไม้ดังแกรกๆ ก็ไม่เห็นว่าฉันจะสามารถเอาปี๊บออกมาจากหัวกบาลได้ไม่ว่าวิธีไหน ฉันว่าไม่มืใครบนโลกนี้สามารถเยียวยาจิตใจฉันได้แล้วล่ะ TOT
ถามว่าตอนนอนฉันทำยังไง ฉันก็นอนเหมือนคนปกติทั่วไปด้วยการถอดปี๊บออก
ก็ถอดได้นี่? เปล่า...ถ้าฉันจะถอดปี๊บ ที่ตรงนั่นต้องไม่มีอะไรที่สะท้อนให้เห็นตัวของฉันได้อย่างเช่นกระจก เปียโน หรืออะไรต่างๆ ที่สะท้อนเป็นเงา สิ่งเหล่านี้ห้ามอยู่ในห้องของฉันเด็ดขาด ในบ้านฉันนอกจากห้องนอนพ่อกับแม่แล้วไม่มีกระจกสักบาน เพราะฉันไม่สามารถทนมองเห็นหน้าตัวเองแล้วรู้สึกสมเพชได้!
คำถามสำคัญ...ทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้
มันสืบเนื่องมาจากอดีตกาลล้านปีแสง หรือก็คือสมัยฉันเป็นเด็กประถมผู้มีทุกอย่างเหมือนคนปกติทั่วไป ร่าเริง แจ่มใส...
ย้อนอดีตไปห้าปีที่แล้ว...
สมัยนั้นฉันเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่เกิดจะชอบเพื่อนห้องเดียวกัน >///< จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันวาเลนไทน์ ทุกคนจะมีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจแล้วไล่แปะเด็กผู้ชายที่ตัวเองชอบ จากนั้นเราก็จะเขินเวลามีใครมาชอบเราหรือรู้สึกดีที่เพื่อนมักจะเชียร์และจับคู่ให้เราชอบกัน และฉันเองก็มีคนที่ตัวเองแอบปลื้มปริ่มในใจเช่นกัน
จำได้ว่าฉันเก็บหอมรอมริบเพื่อไปซื้อคุกกี้ที่สุดแสนอร่อย ตั้งใจจะให้เพื่อนประถมคนนั้น ที่ที่เขามักจะอยู่ประจำก็คือสนามบอลเด็ก ที่นั้นมีเด็กผู้ชายมากมาย การจะเข้าไปสารภาพรักกับเด็กผู้ชายต่อหน้าเพื่อน แน่นอนว่าจะต้องถูกล้อ
แต่ฉันกล้า!!!
ฉันมุ่งมั่นเดินฝ่าสนามหญ้าแล้วก็เรียกให้เพื่อนผู้ชายคนนั้นมาหา พร้อมทั้งบอกความในใจทั้งหมดออกไป
'เราชอบเธอมานานแล้ว นื่คือคุกกี้ที่เราตั้งใจเก็บเงินซื้อมาให้, ฉันยื่นคุกกี้ให้เด็กผู้ชายคนนั้นอย่างเขินอาย เขารับไปด้วยใบหน้าบูดบึ้งเพราะเพื่อนที่ยืนกันเต็มสนามต่างเป่าปากและตะโกนแซวไม่หยุดไม่หย่อน
'อืม’
'เราชอบเธอจริงๆ นะ เป็นแฟนกับเราได้มั้ย'
และเมื่อทุกคนในสนามได้ยินต่างก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก บ้างก็ตะโกนแซว 'จูบเลย' จากหนึ่งคนเพิ่มเป็นสองและเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่หยุดจนกลายเป็นเสียงดังเซ็งแซ่ทั่วราชอาณาจักรไทย อาจจะด้วยความอายและความขี้โมโหของเขาที่ถูกแซว เด็กผู้ชายคนนั้นก็เลยปากระป๋องคุกกี้ทิ้งแล้วเอาเท้าเหยียบ
'ไร้สาระ ฉันไม่ชอบกินขนมแบบนี้หรอก เอาไปให้หมากิน’
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
รีวิว (2)
17/08/2014
Don’t อย่ามองนะถ้าไม่อยากตกหลุมรัก นิยายชุด Ugly Ducklin นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายอีกเรื่องที่เรามองว่าเป็นเนื้อหาน่ารักกุ๊กกิ๊กตามประสาวัยรุ่นอารมณ์แบบรักครั้งแรกอ่ะค่ะนิยายเรื่องนี้เป็นผลงานของเจ้าปลาน้อยค่ะเราชอบทุกเรื่องในเซตนี้นะอารมณ์แบบบอกความอัปลักษณ์ของนางเอกอ่ะแต่เราอ่านแล้วเรามองว่าน่ารักมากกว่าอย่างเช่นนิยายของพี่มิลพลัสนางเอกจะขี้หลงขี้ลืมเป็นชีวิตจิตใจส่วนเรื่องของพี่ปลาน้อยนี่นางเอกจะออกแนวไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาตัวเองด้วยความที่เคยฝังใจกับรักครั้งแรกเพราะคำว่าอัปลักษณ์ก็เลยทำให้ต้องสวมปิ๊บคลุมหัวมาโรงเรียนทุกวันจนได้มาเจอกับฮีโร่หัวหมวกกันน็อตซึ่งก็คือพระเอกของเรานั่นแหละเราอ่านเรื่องนี้แล้วเราชอบนะเรากลับมองว่าการที่นางเอกสวมปิ๊บมาเรียนเป็นเรื่องที่น่ารักซะมากกว่าไม่ร็ดิอาจจะเพราะด้วยความที่เจ้าปลาน้อยเขาบรรยายเรื่องมาสนุกแล้วก็บรรยายถึงนางเอกเรื่องนี้น่ารักด้วยแหละเราเลยรู้สึกชอบถึงแม้ว่าเล่มจะบางไปแต่อ่านแล้วรู้สึกสนุกมากค่ะชอบทุกเรื่องในเซตเลยค่ะอ่านแล้วนึกถึงตัวเองตอนสมัยเรียนมัธยมอ่ะเพราะตัวละครในเรื่องนี้เขาก็ยังเป็นเด็กกันทุกคนเลยอารมณ์แบบความรักแบบวัยรุ่นอ่ะค่ะอ่านแล้วถึงแม้ว่าจะขัดกับตัวเองไปบ้างนะเพราะว่าเราโตแล้วแต่เราก็ร็สึกชอบเรื่องนี้มากค่ะอ่านเรื่องนี้บอกเลยว่าค่อนข้างที่จะเดาเนื้อเรื่องได้เลยว่าตอนต่อไปจะเป้นอย่างไรบ้างแล้วใครเป็นพระเอกเพราะเรื่องนี้นางเอกเขาต้องไปพัวพันกับผู้ชายสองคนแต่พระเอกคือคนที่ทำให้นางเอกกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่งเราว่าพระเอกเรื่องนี้โผล่มาทีนี่เหมือนฮีโร่ของนางเอกเลยอ่ะเราเลยคิดว่าคาแร็กเตอร์พระเอกเรื่องนี้น่ารักดีค่ะอ่านแล้วยิ้มตามทั้งเรื่องบอกเลยเสียดายที่เล่มบางไปหน่อยแต่ก็ไม่ทำให้เสียอัถรสในการอ่านแน่นอนค่ะเราแนะนำว่าเป็นนิยายอีกเรื่องที่น่าอ่านนะค่ะเพราะเนื้อเรื่องเขาใสจริงๆเหมาะกับวัยรุ่นสมัยนี้มากๆแถมเนื้อเรื่องก็น่ารักมุ้งมิ้งมากเลยขนาดเราโตแล้วมาอ่านยังร็สึกถึงความน่ารักของเรื่องอ่ะก็เลยอดไม่ได้ที่จะลองอ่านในเซตนี้ที่ชอบจริงๆอีกเรื่องก็คือเรื่องของพี่มิลพลัวนะเรื่องนั้นนางเอกก็อารมณ์นี้แหละแต่นางเอกเป็นคนที่ขีลืมมากๆขนาดบอกเลิกยังลืมไปเลยว่าตัวเองโดนบอกเลิกเนื้อหาน่ารักเหมือนเรื่องนี้เลยค่ะอ่านแล้วรู้สึกว่าโลกเป็นสีขาวรู้สึกชอบมากๆอ่านแล้วรู้สึกมีความสุขแนะนำค่ะเป็นนิยายที่น่ารักมากจริงๆตัวละครน่ารักมุ้งมิ้งทุกตัว
14/08/2014
เรื่อง Don’t อย่ามองนะถ้าไม่อยากตกหลุมรัก เป็นนิยายของสำนักพิมพ์แจ่มใส่ที่เป็นขวัญใจของวัยรุ่นสาวส่วนใหญ่ แต่งโดย “เจ้าปลาน้อย” ปกติที่เราเคยอ่านของเจ้าปลาน้อยจะอกแนวเศร้า อ่านไปเสียน้ำตาไป (หรือเราเลือกมามีแต่เศร้าๆ รีป่าว ฮาๆ) แต่พอมาเจอเรื่องนี้ ก็สนุกสนานซักส่วนใหญ่นะ แต่ก็มีเนื้อหาส่วนที่เศร้าเคล้าน้ำตาบาง ไม่ได้เศร้าไปทั้งหมด เนื้อหาจะออกเป็นแบบชีวิตความอกหักที่มาพร้อมกับความอับอายของนางเอกในวัยเรียนที่เป็นจุดกำเนิดที่ทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด อ่านไปก็นึกถึงชีวิตรักสดใสไร้เดียงสาของตัวเองในสมัยวัยเด็กเลยอะ วัยเด็กก็อย่างนี้แหละรักใครชอบใครก็แบบใสๆ ไม่มีอะไรก็บอกรักกันไปมา นางเอกของเราก็เหมือนกัน ดันไปบอกรักคนที่แอบชอบโดยไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิง เป็นเพศที่ไม่สมควรจะบอกรักผู้ชายก่อน ซึ่งจริงๆแล้วสังคมไทยเราก็มีประเพณีที่ผู้หญิงควรจะรักนวลสงวนตัว ฝ่ายที่ควรจะมาบอกควรจะเป็นหน้าที่ของผู้ชายซะมากกว่า แต่แล้วนางเอกของเราก็ดันไปบอกรักผู้ชายในวันวาเลนไทม์ซะก่อน แล้วก็โดนฝ่ายชายตอกกลับมาด้วยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของนางเอกของเราอย่างถึงที่สุด เออ ลืมบอกไปว่า นางเอกของเราชื่อน่ารักมากอะ ชื่อ “แมวน้ำ” ฮาๆ น่ารักสุดๆ ต่อๆ ก็คำพูดที่ผู้ชายคนนั้นตอกกลับมามันก็คือคำว่า “อัปลักษณ์” ทำร้ายความรู้สึกนางเอกแมวน้ำของเราได้บาดลึกถึงหัวใจเลย ก็พี่แกเล่นพูดต่อหน้าคนอื่นหลายๆที่อยู่ในโรงเรียนเลยละสิ แถมยังบอกว่าให้ไปเอาปี๊บคุ้มหัวอีก หลังจากวันนั้นแมวน้ำของเราก็ไม่ได้ไปเรียนอีกเลยจ้า แถมยังเอาปี๊บมาคุ้มหัวอยู่ตลอด ของอะไรที่เป็นกระจกหรือสะท้อนให้เห็นตัวเองในห้องก็เอาออกหมด เพราะเวลานอนนางถอดนะ ไม่ได้ใส่ ฮาๆๆ แมวน้ำจะได้ไม่เห็นหนาตัวเองไง เป็นแบบนี้อยู่ห้าปี จนพ่อแม่ทนไม่ไหวเลยจะส่งแมวน้ำไปเรียนโรงเรียนแล้ว แมวน้ำจำใจจะต้องโรงเรียน (ห้าปีที่ผ่านมานางเอกแมวน้ำของเราเรียนที่บ้านนะ จ้างครูมาสอน มีตังป่ะละ หุหุ) จนทำให้แมวน้ำต้องไปเจอกับนายหมวกกันน็อค (คือใส่หมวกกันน็อคตอนเจอกัน) นายอันธพาล หนึ่งในสองคนนี้คือพระเอกของเรานั้นเอง นายสองคนนี้เข้ามาในชีวิตของแมวน้ำ ทำให้ชีวิตแมวน้ำเปลี่ยนไป แมวน้ำเลยต้องถอดปี๊บออก แล้วหนึ่งในสองคนนี้ก็มีคนหนึ่งที่แอบชอบนางเอกตั้งแต่แรก และอีกคนก็เป็นปผู้ชายคนนั้นที่ทำให้แมวน้ำต้องใส่ปี๊บ เรื่องราวจะดำเนินยังไง ใครเป็นใครทำไมกันแน่ ไปหาอ่านแล้วมาฟินตามๆกันนะคะ รับรองว่าสนุกไม่แพ้นิยายเรื่องอื่นๆเลย เชียร์ๆ