พลิกแผน... แฟนจำเป็น (Cookie)
ประหยัด: 126.75 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 4 รายการราคา 89.00 บาท - 106.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของคิมคยองฮวันลูกชายคนเดียวของโครยอกรุ๊ปได้สามวัน ทนายฮันซึ่งเป็นทนายประจำตระกูลก็ได้รับอนุญาตจากประธานคิมให้มาเปิดพินัยกรรมท่ามกลางสมาชิกในครอบครัวที่ยังคงอยู่ในชุดดำไว้ทุกข์ ประธานคิมผู้สูญเสียลูกชายกล้ำกลืนความโศกเศร้าเอาไว้ภายในก่อนจะพยักหน้าให้สัญญาณ ทนายฮันจึงกระแอมเบาๆ แล้วเริ่มพูด
“ทุกคนคงจะทราบดีนะครับว่าคุณคิมเป็นห่วงบริษัทจนวาระสุดท้ายท่านรักบริษัทนี้มาก”
คำพูดของทนายฮันทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นพยักหน้าพร้อมกัน ยกเว้นคิมกอนฮยองเพียงคนเดียวที่กลับยิ้มบางๆ เขาเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบสามปี ลูกชายนอกกฏหมายของคิมคยองฮวัน
รักบริษัทนี้มากงั้นเหรอ น่าขำชะมัด สิ่งที่คนอย่างพ่อรักมีมากมายจนนับไม่ถ้วน อย่างเดียวที่พ่อเกลียดคือการหาเงิน ใครๆ ก็รู้ว่าพ่อเจ้าชู้มากเพราะทั้งหล่อทั้งมีเสน่ห์ แต่ตอนนี้ทุกคนในห้องคนกำลังจินตนาการถึงมรดกที่พ่อทิ้งเอาไว้ให้สินะ คงกำลังคาดหวังจะมีชื่อของตัวเองอยู่ในพินัยกรรมบ้าง
รอยยิ้มของกอนฮยองทำให้บรรยากาศในห้องเงียบกริบ แจฮยอนซึ่งเป็นลูกชายจากภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของคิมฮยองวันจึงหันไปมองหน้าพี่ชายต่างมารดา กอนฮยองสัมผัสได้ว่าในแววตานั้นแฝงความโกรธไว้ คงเพราะเขาแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกมา แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรสักนิด เขาจึงยังคงยิ้มและจ้องน้องชายกลับไป จนแจฮยอนต้องหลบตาเสียเอง
ทนายฮันกระแอมอีกครั้งเพื่อเรียกความสนใจจากทุกคน จากนั้นก็หยิบพินัยกรรมขึ้นมาจากโต๊ะ
“บ้านในเขตพยองชันดงและหุ้นทั้งหมดของบริษัท ขอยกให้กับคุณคิมกอนฮยองลูกชายคนโต ส่วนหุ้นของมหาวิทยาลัยคยองฮวัน ขอมอบให้กับคุณโอยอนฮีภรรยาและคิมแจฮยอนลูกชายคนเล็ก...”
“ว่าไงนะคะ ไม่ได้นะ”
“ยกมรดกให้กับลูกชายนอกกฏหมายที่ไม่รู้ว่าแม่เป็นใครด้วยซ้ำ...”
ยังไม่ทันที่ทนายฮันจะพูดจบ เสียงอื้ออึงก็ดังไปทั่วห้อง เพราะทุกคนต่างไม่พอใจกับพินัยกรรมที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอยอนฮี แม่ของแจฮยอน ทั้งๆ ที่เธออุตส่าห์อดทนกับลูกนอกกฏหมายของสามีมาตลอด แต่สามีกลับเย้ยหยันเธอจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยวิธีนี้
“คุณพ่อคะ หรือว่านี่เป็นความคิดของคุณพ่อคะ” โอยอนฮีถามด้วยแววตากรุ่นโกรธ
“นี่ตั้งใจถามรึเปล่า”
คำถามที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจของลูกสะใภ้ทำให้ประธานคิมย้อนกลับไปด้วยสีหน้าราบเรียบ โอยอนฮีจึงต้องส่ายหน้า
“ขอโทษค่ะ”
ตลอดมาสามีของเธอไม่เคยฟังใครยกเว้นประธานคิมเพียงคนเดียว แม้การแต่งงานกับเธอก็เป็นการทำตามคำสั่งของประธานคิม การที่ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวของหุ้นส่วนธุรกิจนั้นช่วยทำให้ประธานคิมสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ สามีของเธอได้รับอิสระ ส่วนเธอก็มีแจฮยอน...เพียงแค่นั้น
คนเลว สารเลว ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ไม่ยอมยกสมบัติส่วนใหญ่ให้กับแจฮยอนที่เป็นลูกที่ถูกต้องตามกฏหมาย แต่กลับยกสมบัติให้...”
โอยอนฮีจ้องมองกอนฮยองด้วยแววตาโกรธแค้น ความอดกลั้นทำให้เธอพูดไม่จบประโยค คำสุดท้ายที่เธออยากพูดคือ ‘ลูกนอกกฏหมาย’
“แกคงจะดีใจจนเนื้อเต้นล่ะสิ” คำพูดกระแหนะกระแหนของโอยอนฮี ไม่ได้ทำให้กอนฮยองรู้สึกอะไรเลย เขายังคงทำหน้านิ่งก่อนตอบ
“ก็ไม่เลวนะครับ”
แต่เพราะคำถามนั้นไม่ได้ต้องการคำตอบ ดังนั้นการตอบออกมาจึงเป็นการยั่วโมโหโอยอนฮีมากขึ้นไปอีก เธอเงื้อมือขึ้นแล้วตบหน้ากอนฮยองอย่างแรง เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นทั่วห้อง แต่พอประธานคิมกระแอมเสียงดัง ทุกคนก็เงียบเสียง ยกเว้นกอนฮยอง
“แค่นี้คงไม่ได้ทำให้คุณสบายใจมั้งครับ แต่ผมหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก ผมจะไม่อยู่เฉยแล้วนะครับ”
“นี่แกขู่ฉันเหรอ”
“ผมไม่ทำนิสัยแบบ ‘คุณแม่’ หรอกครับ”
กอนฮยองเน้นคำว่า ‘คุณแม่’ น้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึกนั้นทำให้โอยอนฮีตัวสั่นเทา ตอนนี้ลูกชายนอกกฏหมายของสามีเธอไม่ใช่เด็กอมมืออีกต่อไปแล้ว
“พินัยกรรมยังไม่จบนะครับ ขอให้ทุกคนใจเย็นและทำตามความต้องการของผู้เสียชีวิตด้วย”
ทนายฮันเรียกสติของทุกคนกลับคืนมาก่อนจะอ่านพินัยกรรมต่อจนจบ ระหว่างนั้นสายตาของกอนฮยองกับแจฮยอนก็ประสานกัน แววตาของแจฮยอนเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น ผิดกับแววตาของกอนฮยองที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ สุดท้ายแจฮยอนก็เป็นฝ่ายหลบตาก่อนเหมือนเคย ประธานคิมมองทั้งสองแล้วยิ้มอย่างขมขื่น
ถึงแม้ว่าตอนมีชีวิตอยู่ แกจะเป็นลูกที่ไม่เอาไหน สร้างแต่ปัญหา แต่ตอนแกตาย แกก็ยังรู้จักทำพินัยกรรมที่เหมาะสมออกมา
แจฮยอนถือหุ้นของคุณตาซึ่งเคยทำธุรกิจร่วมกับโครยอกรุ๊ป ดังนั้นถ้าแจฮยอนได้รับหุ้นของพ่อทั้งหมด อำนาจเด็ดขาดของทั้งบริษัทก็จะตกอยู่ที่แจฮยอนเพียงคนเดียว แม้ว่าการมอบหุ้นทั้งหมดของบริษัทให้กอนฮยองจะเป็นการหยามหน้าภรรยา แต่พ่อของแจฮยอนก็ต้องการจะรักษาบริษัทเอาไว้
กอนฮยองมีสีหน้านิ่งเฉย เขาไม่เสียใจที่สูญเสียพ่อ และไม่ดีใจที่ได้รับมรดก ประธานคิมมองหลานชายแล้วคิดว่าการยกมรดกให้กอนฮยองเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
กอนฮยองเป็นคนเก่ง เด็ดเดี่ยว และเกิดมาเพื่อเป็นนักธุรกิจ ไม่เหมือนพ่อของเขาที่ไร้ความสามารถ และไม่เหมือนแม่ที่เป็นคนไม่จริงจัง แต่การดูแลบริษัทด้วยความสามารถเพียงอย่างเดียวนั้นก็เป็นเรื่องที่อันตรายมาก
หลังจากที่ทนายฮันอ่านพินัยกรรมจบ ทุกคนก็เดินออกไปจากห้องด้วยท่าทางไม่สบายใจ เมื่อรอจนทุกคนออกไปหมดแล้ว ประธานคิมก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหากอนฮยอง
“จะทำยังไงต่อไป”
“ผมก็อยากถามเหมือนกันครับ จะให้ผมดูแลโครยอกรุ๊ปของคุณปู่ได้เหรอครับ”
กอนฮยองถามอย่างจริงจัง สีหน้าของเขายังคงราบเรียบ ประธานคิมไม่เข้าใจว่าทำไมคนหนุ่มอย่างเขาถึงเย็นชาได้ขนาดนี้ ตอนอายุเท่าเขาประธานคิมเองยังมีความขี้เล่นและโลดโผนอย่างวัยรุ่นมากกว่าหลานชายคนนี้ด้วยซ้ำ
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ปู่จะบอกแกได้ในตอนนี้ เพราะแกต้องเริ่มทำมันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
กอนฮยองลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับ แต่ประธานคิมกดไหล่ของเขาให้นั่งลง
“คุณปู่มีเรื่องจะพูดกับผมอีกเหรอครับ”
“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก ตอนแรกปู่กับพ่อแกก็ลำบากใจเหมือนกันว่าจะยกหุ้นให้ใครดี แต่ตอนนี้แกต้องรับผิดชอบมันให้ดีที่สุดนะ”
พอพูดจบ ประธานคิมก็หันไปส่งสายตาให้คุณนายฮวังภรรยาผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขของเขา คุณนายฮวังจึงลุกขึ้นไปหยิบภาพถ่ายใบหนึ่งออกมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงานแล้วยื่นให้กอนฮยอง
ในภาพถ่ายสีซีด...ผู้ชายคนหนึ่งกำลังโอบกอดผู้หญิงท้องซึ่งกำลังยิ้มหวาน กอนฮยองมองภาพถ่ายใบนั้นอยู่นาน
“น้องอีกคนของผมเหรอครับ”
“เหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ”
“คุณปู่จะให้ผมตามหาเหรอครับ”
“คิดว่าต้องเป็นอย่างนั้น”
“ถ้าคุณปู่ต้องการ ผมก็จะตามหา แต่ถ้าตามหาเจอแล้วมาทิ้งขว้างกันเหมือนผม ผมก็จะไม่ช่วยครับ” กอนฮยองตอบด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก “ก็ได้ครับ ผมจะลองตามหาดู”
กอนฮยองลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
มนุษย์ที่เขาเรียกว่าพ่อเป็นคนที่ไม่เอาไหน ส่วนมนุษย์ที่เขาเรียกว่าแม่ก็เอาเขามาทิ้งไว้ การให้เขาไปตามหาสายเลือดอื่นนั้นถือเป็นการขอร้องที่ไร้เหตุผล
หลังจากกอนฮยองออกไปแล้ว คุณนายฮวังก็หยิบภาพถ่ายขึ้นมาดูอีกครั้ง แม้สายตาของเธอจะพร่ามัวจนอ่านหนังสือไม่ค่อยได้แล้ว แต่เธอก็ยังคงจดจำข้อความที่อยู่ข้างหลังภาพถ่ายได้ดี
‘สบายดีมั้ยคะ ถ้าลูกหน้าเหมือนคุณก็คงจะดีนะคะ เหมือนความรักของเรา’
เด็กในท้องของผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นลูกอีกคนของลูกชายของเธอ เด็กคนนี้จะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดขนาดไหน และต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะเยียวยาความเจ็บปวดนั้นได้กันนะ
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน
บทที่ 1
ประกาศหาคู่ชีวิตในที่สาธารณะ
“เกือบถึงแล้วค่ะ”
จองวอนตะโกนตอบกลับปลายสายผ่านเอียร์โฟน ขณะขี่จักรยานโดยมือข้างหนึ่งถือดอกไม้ช่อใหญ่ที่ได้จากเรือนเพาะชำมาด้วย
ถ้าขี่จักรยานไปโรงอาหารจะใช้เวลาประมาณสิบนาที อยู่ๆ ฝนไล่ช้างก็หยุดตก หยดน้ำฝนที่หลงเหลืออยู่ในแสงแดดกำลังฟุ้งกระจายไปทั่ว กลิ่นหญ้าและกลิ่นดินโชยอยู่ท่ามกลางอากาศที่เปียกชื้น จองวอนชื่นชอบกลิ่นของเฟิร์นในห้องเพาะชำกับกลิ่นสดชื่นหลังฝนตกแบบนี้ ก่อนหน้านี้อากาศปรวนแปรมากจนกระทั่งสัปดาห์ที่แล้ว แม้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่อากาศกลับหนาวมากแถมยังมีหิมะตก แล้วอยู่ๆ อากาศก็ค่อยๆ อุ่นขึ้น ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีฟ้าเข้ม ตามภูเขาและเนินเขาก็มีต้นหญ้าและดอกไม้เจริญเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์
จองวอนรักฤดูใบไม้ผลิ เธอหลงรักมุมที่เชื่อมต่อระหว่างซอยเล็กๆ กับกำแพงที่มีตะไคร่น้ำปกคลุม หญิงสาวจอดจักรยานแล้วจ้องมองเนินดอกยาแซ็งฮวาที่มีชื่อว่า ‘ฮวันอีวอน’ มันเป็นสถานที่ที่สวยที่สุดในมหาวิทยาลัยอันกว้างขวางแห่งนี้ หญ้าสีเหลืองโผล่พ้นกองหิมะขึ้นมา รอบๆ
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)