A Lie Diary รักไม่หลอกแต่หยอกเล่น (CRAZE)

A Lie Diary รักไม่หลอกแต่หยอกเล่น (CRAZE)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160601042
ผู้แต่ง: CRAZE
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 149.00 บาท 37.25 บาท
ประหยัด: 111.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

หากเวลาสามารถย้อนกลับคืนได้...

สิ่งที่ฉันอยากจะทำ...

คือการพูดความจริง...

 

“เราจบกันแค่นี้เถอะ!”

หยาดน้ำตาค่อยๆ หลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยของเจ้าของคำพูดเมื่อสักครู่ เธอไม่สามารถยื้อสิ่งที่ควรจะเป็นต่อไปได้ ทั้งๆ ที่ใจไม่อยากจะเอื้อนเอ่ยคำนั้นออกมา

“ไม่! ผมไม่ยอม” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าบีบแขนขวาของเธอพร้อมกับเขย่าอย่างเต็มแรง รอยจ้ำเล็กๆ สีแดงปรากฏขึ้นที่แขนเนื่องจากถูกนิ้วมือทั้งห้ของเขากดแน่น

“เราเลิกกันเถอะ! ฉันทนคุณไม่ได้อีกต่อไป!!!”

หญิงสาวสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม แล้วรีบวิ่งออกไปจากที่ตรงนั้นทันทีโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย...

 

บทนำ

 

คอนโดฯ แสนหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร เมืองแห่งแสงสีและความศิวิไลซ์ เมืองที่ผู้คนใฝ่ฝันอยากจะมาอยู่ เมืองที่มีแต่ความหลอกลวงของผู้คนหลากหลายประเภท

และที่นี่ก็อีกเช่นกัน...

ห้องหนึ่งในคอนโดฯ แห่งนี้...

ยังมีความหลอกลวงที่ไม่มีวันสิ้นสุด...

“ก๊ากกกกกกกกก! ฮ่าๆ ตลกเป็นบ้าเลยว่ะ!!!”

เสียงระเบิดหัวเราะของสาวประเภทสองอายุสามสิบนามว่าเจ๊หมี่ได้ดังขึ้นก้องไปทั่วห้องนี้ เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะเรื่องที่ฉันได้เล่าไปทั้งหมดนั่นไงล่ะ มันน่าขำตรงไหนกัน! แต่มันก็มีส่วนขำอยู่นะ...

“โอ๊ยเจ๊! ไม่อยากจะคุย! ตอนที่ฉันพูดออกไปเนี่ยนะ หน้างี้เหลือสองนิ้วเลยอ่ะ จะว่าไปก็น่าสงสารนะเนี่ย”

“นี่! ยัยชะนีหอยเสียบ เราทำงานแบบนี้ไม่ควรจะไปสงสารใครเข้าใจมั้ย”

ที่เจ๊หมี่พูดมามันก็ถูก ฉันทำงานตรงจุดนี้ ไม่มีการสงสารใครทั้งนั้น จิตใจเข้มแข็งประดุจหินผา ไม่มีการปรานีอะไรใดๆ ทั้งสิ้น แต่บางครั้งฉันก็มีหัวใจที่อยากจะรักใครเป็นเหมือนกัน

“ไหนแกลองนับซิแพนเดีย เราทำงานแบบนี้มากับกี่คนแล้ว”

ฉันลองนั่งนึกเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาทำงานเส็งเคร็งแต่รายได้ดีในกรุงเทพฯ ช่วงแรกๆ ที่ผ่านมามันก็...

“แปดคนมั้งเจ๊ ทำไมเหรอ”

“แล้วตอนนี้แกมีเงินเก็บอยู่เท่าไหร่”

ถ้านับๆ ดูแล้ว ตอนนี้ในธนาคารก็คงจะ...

“เหลืออยู่แสนกว่าๆ เองอ่ะเจ๊ เอาเงินมาซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ให้ดูหรูหราก็ปาไปเท่าไหร่แล้วล่ะ”

ตอนนี้บนตัวฉันมีแต่แบรนด์เนมที่ผู้ชายพวกนั้นต่างพากันรุมซื้อให้ เอาไปขายแล้วก็เยอะอยู่ เลือกเก็บเอาไว้ก็มีเฉพาะที่สวยๆ ข้าวของเครื่องใช้ที่หลอกเอามาได้ก็ล้วนแต่ยึดมาเป็นของตัวเองทั้งนั้น ทำไมรู้สึกว่าตัวเองนิสัยชั้วชั่ว

“แกอยากเลิกทำมั้ย”

เจ๊หมี่พูดจุดประกายในสิ่งที่ฉันคิดอยู่ตลอดขึ้นมาทันที ดวงตาสดใสกำลังลุกวาวด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า หญิงไทยยุคใหม่ความปรารถนามันสูงนะยะจะบอกให้ ไม่มีสิ่งไหนสะกิดต่อมอยากในหัวฉันได้เท่านี้มาก่อน ใจหนึ่งฉันก็อยากเลิกทำ แต่อีกใจหนึ่งฉันก็ยังอยากได้เงินมารักษาแม่ที่กำลังป่วยอยู่...

“ก็อยากนะ แต่...”

“ฉันมีรายสุดท้ายให้แกทำ...เอารูปไปดู เดี๋ยวฉันกลับก่อนล่ะ”

เจ๊หมี่ยื่นรูปมาให้ฉันแล้วเอามือปัดๆ ก้นอันน่าพิศวงของแกเพราะเพิ่งจกกินข้าวโพดคั่วที่ฉันซื้อมาฝากจากตลาด ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันที

อาชีพนักตุ้มตุ๋นแบบนี้ฉันก็ไม่อยากจะทำสักเท่าไหร่ แต่ก็มีอยู่แค่หนทางเดียวที่มันจะทำให้ฉันอยู่รอดได้ในเมืองศิวิไลซ์แบบนี้

คุณสงสัยกันใช่มั้ยคะว่าฉันทำอาชีพอะไร...

เรื่องมันก็มีอยู่ว่าแค่ฉันแกล้งทำตัวรวย ไฮโซ กุ๊กกรู้ ทำเป็นเหมือนมีคนมากมายรู้จัก ฉันก็จะสามารถเข้าไปในงานเลี้ยงสำคัญๆ ดังๆ ได้ จากนั้นก็ตามหาเหยื่อซึ่งก็คือพวกผู้ชายที่รวยแต่โง่ ชอบโชว์พาวเวอร์กันยกใหญ่ว่าใครกระเป๋าหนักกว่ากัน ใครกระเป๋าหนักมากๆ สมองก็มักจะหนักขี้เลื่อยตามไปด้วย

และหลังจากฉันปอกลอกจนหมด...

ฉันก็ทิ้งพวกเขาไป...

จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้เราทำกันเป็นขบวนการ ถ้าทำตัวคนเดียวก็คงจะไม่มีใครเชื่อหรอก เริ่มแรกเจ๊หมี่ได้ตัวฉันมาจากสถานีรถไฟแห่งหนึ่ง ที่ฉันยอมทำงานนี้ก็เพราะต้องการหาเงินไปรักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งอยู่พอดี และงานสมัยนี้ก็หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร แม้ว่าตอนนี้ฉันจะอยากเลิกทำอาชีพนี้แล้วเต็มทน แต่ฉันก็ยังต้องหาเงินส่งไปให้แม่รักษาตัวอยู่ทุกๆ เดือน ฉันเลยต้องทนทำร้ายจิตใจของคนอื่นอยู่แบบนี้

ฉันก้มมองรูปของเหยื่อรายสุดท้ายที่เจ๊หมียื่นมาให้...

คนในรูปนี้...

ก็หล่อดีเหมือนกัน...

 

1

Start Lie

 

งานเลี้ยงต้อนรับท่านทูตไทยประจำสวิสถูกจัดขึ้นมาอย่างโอ่อ่าและหรูหรา การแทรกตัวเข้ามากลมกลืนในงานนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่จิ๊บจ๊อยมากสำหรับฉัน ก็บอกแล้วไงว่าเครือข่ายของฉันมันเยอะนักแล

“อย่าลืมนะแพนเดีย คนนี้คือรายสุดท้ายนะ แกต้องทำให้ดีที่สุด แล้วก็หลอกเอาเงินมาให้มากที่สุด เข้าใจ๋!”

ยัยเจ๊หมี่เหลืองพยายามกระซิบกระซาบให้เบาที่สุด แต่ยิ่งมันเบามากเท่าไหร่ น้ำลายเจ๊ก็ยิ่งเต็มหูฉันมากขึ้นเท่านั้น บ้านเจ๊แกผลิตต่อมน้ำลายหรือไงนะ มันถึงได้ผลิตออกมาหนักหน่วงทุกครั้งเวลาคุยกับฉันใกล้ๆ

“แปรงฟันบ้างป่ะเนี่ยเจ๊ หรือไม่ก็ลองเอาเกลือถูๆ ฟันบ้างก็ได้” ฉันเหน็บไปเล็กน้อยแต่พองาม

“ทะลึ่งละหล่อน!”

ฉันหัวเราะในลำคอนิดหน่อย การได้ผ่อนคลายแบบหยอกล้อไปมาก็ดีเหมือนกัน ทำให้ฉันคลายความเครียดลงได้บ้าง ชีวิตนี้มีอะไรต้องเครียดอีกล่ะแพนเดีย เสี่ยงตายมาหลายรูปแบบแล้วนะยะ เรื่องหมี่แห้งแค่นี้จิ๊บจ๊อย

“เหยื่อแกอยู่ตรงนั้น”

เจ๊หมี่ชี้นิ้วไปทางผู้ชายหน้าหล่อๆ ร้ายๆ ที่อยู่ในสูททักซิโดทำผมทรงเกาหลีแบบไม่ได้ตั้งใจ เหมือนกับโดนบังคับให้ตัดอย่างนั้นแหละ แต่มันก็ดูเหมาะกับใบหน้าเขาดี เขากำลังยืนจิบไวน์อยู่ใกล้ๆ กับประตูทางเข้า แต่สีหน้าของเขาดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะมาร่วมงานสักเท่าไหร่เลย นี่มันงานของพ่อตัวเองแท้ๆ นะ

“ลูกชายเจ้าของงาน ชื่อทรานส์ เหมือนว่าเพิ่งกลับมาจากนอกเสียด้วยนะ”

“บ้านนอกเหรอเจ๊”

“เขาไม่ได้ไถนาขายควายเหมือนแกนะยะ มือแกนี่หยาบกว่าหน้าแข้งเขาเสียอีก”

โดนยัยเจ๊หมี่แห้งกัดตอบบ้าง เดี๋ยวนี้ฉันพัฒนาแล้วนะจ๊ะ ใช้ครีมทาส้นเท้ามันก็แก้มือหยาบกระด้างได้นะ!!! (เด็กๆ อย่าเลียนแบบกันล่ะ”

“เขาเป็นคนยังไงกันเจ๊”

ฉันเลยเบี่ยงประเด็นออกมา แต่ไม่ยอมเบี่ยงเบนทางเพศเหมือนนังเจ๊หมี่แน่นอน

“อันนี้เจ๊ก็ไม่รู้”

อ้าว! เป็นอย่างนี้อีกแล้วไง! ความรอบคอบหามีไม่จริงๆ หางานมาให้โดยไม่สืบข้อมูลเนี่ย ฉันก็ย่ำแย่สิคะแบบนี้

“แกก็ลองดูๆ เขาไปก่อน ถ้าเขาดูเหมือนจะจับไต๋แกได้เมื่อไหร่ก็รีบชิ่งทันที โอเคนะ”

“ของหมูๆ น่าเจ๊”

ฉันหวานให้เจ๊หมี่ทันที หล่อนตบบ่าฉันสองป้าบก็เดินออกไปจากงาน พร้อมกับหันมาขยิบตาส่งให้ฉันนิดๆ เป็นการบอกว่าควรจะเริ่มลงมือได้แล้ว ดูท่าทางรายนี้อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้วสิ

แผนการขั้นแรกก็แค่หยิบไวน์ขึ้นมาแล้วก็เดินตรงเข้าไปหาทันที แอ่นก้นเล็กน้อยเพื่อให้ดูเป็นผู้ดี หน้าอกก็ดันๆ ขึ้นมานิดหนึ่ง แต่ไม่ได้ดันจนเหมือนพวกคุณนายทั้งหลายในงานนี้ ไม่ทราบว่านมหรือแก้มก้นกันแน่

ทำเป็นชายตามองทางอื่นอย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะ...

ซ่า!!

“เฮ้ย!! อะไรกันเนี่ย!”

ทำน้ำหกใส่สูทของเขา เพื่อที่เราจะได้รู้จักกัมากขึ้นกว่าเดิม แผนที่หนึ่งใกล้ชิด สนิทสนม เพื่อจะได้ทำตัวกลมกลืน

“คือ...ฉัน..ฉะ..ฉันขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันเดินไม่ดูเองค่ะ”

ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูหวานแหววถูกดึงออกจากร่องอกของฉัน และถูกนำไปเช็ดที่สูทของเขาทันที เป็นไง! เซ็กซี่ป่ะละ เป้ย ดังป๊าดชิดจวา อึ้มชราภาพชิดซ้าย พรหล้ายังต้องหยุดนิ่งอึ้งเลย

“นี่คุณ! พอเลยๆ ยิ่งเช็ดสูทผมยิ่งเลอะ”

เขาปัดมือของฉันออกจากสูทของเขาแล้วหันหลังเดินออกไปจากงานทันที!

ชิ!

นี่มันอะไรกันเนี่ย!

ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเมินใส่ฉันแบบนี้เลยนะ อย่านึกว่าตัวเองหล่อเสียเต็มประดาสิ หล่อกว่านี้ฉันก็เคยควงมาแล้วย่ะ! เอาเถอะๆ คนนี้เป็นรายสุดท้าย แต่ดูท่าทางว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด คิดว่างานนี้มันคงสนุกพิลึกล่ะ

 

ฉันแกล้งทำเป็นเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกงาน แต่ความจริงฉันก็ตามเขาออกมานั่นแหละ และเพื่อให้แนบเนียนแนต้องไปยืนอยู่คนละฝั่งกับเขา แล้วก็บรรยายความในใจของตัวเองออกมาให้เขาฟัง เท่านี้ก็เหมือนในละครที่ฉันเคยดูอยู่บ่อยๆ แล้วล่ะ

“เฮ้อ...ค่อยยังชั่วหน่อย! อยู่ในนั้นร้อนชะมัดเลย คุณพ่อนะคุณพ่อชอบพามางานแบบนี้อยู่เรื่อย”

“..”

“แล้วยังเรื่องเมื่อกี้อีก ก็บอกแล้วว่าเราไม่ได้ตั้งใจ ยังจะมาตีหน้ายักษ์ใส่ คนอะไรเนี่ย นิสัยเสียที่สุด!”

“...”

หางเสียงขึ้นจมูกนิดๆ ทำให้ดูเป็นคนรั้นๆ พอฉันพูดถึงเรื่องนี้ปั๊บ ก็พยายามเบือนหน้าไปดูทางเขาว่ามีปฏิกิริยาอะไรบ้าง แต่ผลที่ได้รับคือไม่มีอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ทำไมไม่เหมือนในละครเลยนะ! หรือว่าหมอนี่จะหูตึง อย่างนี้ต้องด่า

“คนแบบนี้ ประสาทชัดๆ เลย! ทุเรศ!”

“นี่คุณ! น่ารำคาญ ไปพูดคนเดียวไกลๆ ได้มั้ย”

จู่ๆ อีตานี่ก็เดินมายืนอยู่ข้างฉันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมคำพูดด้านบนนั่นเขายังพูดมากรอกใส่หูฉันเสียงดังอีก! รวยซะเปล่า ที่บ้านไม่เคยสอนเรื่องมารยาทใช่มั้ย บ้านเลี้ยงด้วยหญ้าแห้งหรือไงนะ

“นี่นาย! มารยาทหัดมีซะบ้างสิ คนก็ขอโทษแล้วนะ ยังจะเอาอะไรอีก”

“คุณพยายามจะตีสนิทผมใช่มั้ย อย่านึกว่าไม่รู้นะ!”

ฉันหน้าชาไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง เหอะ! มือระดับนี้แล้ว

“นายนั่นแหละพยายามจะตีสนิทฉัน อยากให้ฉันทะเลาะด้วยใช่มั้ยล่ะ เห็นฉันสวยล่ะสิ!

อีตาทรานส์ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพูดตอกหน้าฉันกลับมา

“ยัยโรคจิต”

ไอ้ผู้ชายคนนี้...มันเหลือเกินจริงๆ

น้ำมนต์ของผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายกระวนกระวายได้ก็คือ...

น้ำตา...

การบีบน้ำตามันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉันเลยแม้แต่นิดเดียว

“ฮึกๆ ไอ้บ้า ฮือๆ นายมันบ้า”

“เฮ้ยๆ อะไรเนี่ย อย่ามาทำต่อมน้ำตาแตกแถวนี้นะ เดี๋ยวคนจะหาว่าผมทำอะไรคุณ”

“แงงงงงง!!!! นายมันทุเรศ!!! ไอ้คนทุเรศ!!!”

ทรานส์เอามืออุดปากฉันพร้อมกับลากไปนั่งที่ม้านั่งข้างๆ โรงแรมทันที เห็นฉันเป็นตัวอะไรเนี่ย ลากอย่างกับฉันไม่ใช่คน แต่ฉันไม่สะทกสะท้านหรอก ก็บอกแล้วไงอยู่บ้านนอกทำงานมาเยอะ มือฉันกร้านกว่าหน้าแข้งเขาอีก

 

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

phattaraporn | 1 รีวิว
22/12/2014

A Lie Diary รักไม่หลอกแต่หยอกเล่น นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานของนักเขียนนามปากกาCRAZEค่ะ จำได้ว่าเคยอ่านนิยายเรื่องนี้นานแล้ว ชอบมากๆเลย เพราะเนื้อเรื่องสนุกแล้วก็ซึ้ง อ่านแล้วรู้สึกสงสารตัวละคร นิยายเรื่องนี้เท่าที่จำได้เป็นนิยายที่อ่านแล้วรู้สึกว่าได้หลากหลายอารมณ์มากมาย มีการพลิกเรื่อง และเนื้อหาที่ยากจะคาดเดาอ่ะค่ะ อ่านเรื่องนี้ช่วงต้นๆเรื่องนี่รู้สึกสงสารนางเอกมากมายที่ต้องดิ้นรนกับชีวิตของตัวเอง เนื้อหาในเรื่องส่วนใหญ่เน้นมาจากเรื่องราวที่สามารถเกิดขึ้นจริงในชีวิตจริงได้ค่ะ เลยรู้สึกว่าอ่านแล้วเราอินมากมายอีกอย่างที่ชอบก็คือ ชอบหน้าเพราะเพราะพี่วิกเป็นคนวาดแถมยังวาดได้ตรงคาแร็กเตอร์ตัวละครในเรื่องสุดๆ หลงรักพระเอกเรื่องนี้เลยเราจำได้นักเขียนดำเนินเรื่องได้กระชับแล้วก็น่าติดตามตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่องเลยค่ะ อ่านแล้วไม่งงแถมยังอินไปกับตัวละครทั้งเรื่องเลย แม้ว่าจะเป็นนิยายที่ออกมานานแล้วแต่ก็แนะนำให้อ่านค่ะเพราะเรื่องราวสนุกจริงแถมยังน่าติดตามตั้งแต่ต้นเรื่องเลย พล็อตเรื่องอาจจะดูธรรมดาแต่เราว่าคนแต่งเค้าดำเนินเรื่องได้น่าสนใจแล้วก็ลุ้นไปตามๆกันค่ะ ใครที่ยังไม่เคยได้อ่านนิยายเรื่องนี้ต้องลองอ่านค่ะ หลังๆมานี้ไม่ค่อยเห็นนักเขียนท่านนี้แต่งนิยายออกมาเลยเมื่อก่อนติดตามอ่านแทบทุกเล่มค่ะหรือว่าแต่งออกมาแต่เราไม่ได้อ่านก็ไม่รู้ อีกอย่างที่ชอบก็คือการดำเนินเรื่องโดยใช้สำนวนที่ยากจะคาดเดาว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปค่ะสำหรับเรื่องนี้ ต้องลองอ่านดูค่ะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (67 รายการ)

www.batorastore.com © 2024