La vie En Rose กุหลาบแห่งรัก (Fata Amore , OResia)

La vie En Rose กุหลาบแห่งรัก (Fata Amore , OResia)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789745826571
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 139.00 บาท 34.75 บาท
ประหยัด: 104.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

Do you believe in Destiny?

And… Do you believe in love?

 

หิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายลงมาไม่ขาดสายตั้งแต่เช้า ส่งผลให้มงต์ปาร์นาสส์เต็มไปด้วยสีขาวโพลน ตึกอาคารในย่านนี้ไม่หนาแน่นเหมือนใจกลางเมือง แต่ก็เป็นย่านที่มีชื่อเสียงทางศิลปวิทยาการของปารีส

ในตรอกแคบๆ ที่เงียบสงัดไร้ผู้คน เงาทะมึนของชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังเดินโซชัดโซเซฝากรอยเท้าหนักๆ เป็นทางยาวบนกองหิมะ กลิ่นเหล้าฉุนคละคลุ้งทั่วร่างบ่งบอกถึงสติอันเสือนรางจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้

ร่างสูงทรุดฮวบลงหน้าประตูอพาร์ตเมนต์เก่าๆ ดวงตาแดงกํ่าหรี่ปรือขณะเจ้าตัวจะหยิบล้วงพวงกุญแจออกมาจากเสื้อโค้ตตัวหนาด้วยมืออันสั่นเทา เขาพยายามอยู่พักหนึ่งกว่าจะไขเปิดมันสำเร็จ

ภายในห้องปิดไฟมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไร แต่เหมือนชายหนุ่มจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี เขาไม่สนใจสวิตช์ไฟบนฝาผนังใกล้ๆ แต่พุ่งตรงไปยังห้องเล็กๆ ซึ่งอยู่ติดมุมริมหน้าต่างและล้มกายลงนอนบนเตียงโครมใหญ่ จนได้ยินเสียงสะท้อนขึ้นมาจากเบาะแข็งๆ

บนโต๊ะข้างหัวเตียงมีแอปเปิลสองลูกและมีดปอกผลไม้ ดวงตาที่พร่าเลือนด้วยม่านหมอกมีแววรำลึกจางๆ ...ภาพที่เห็นชินตามาหลายเดือน แอปเปิลเขียวสองลูก ...ถูกชื้อมาใหม่สับเปลี่ยนทุกครั้งที่มันเน่าเสียเพื่อที่จะถูกทิ้งให้เน่าต่อไปเรื่อยๆ เพราะคนที่ชอบปอกมันป้อนเขาไม่อยู่ซะแล้ว

...โซเฟืย เมื่อไหร่คุณจะกลับมา ผม...ยังรอคอย...ยังหวังในตัวคุณนะ แม้วันนี้...คุณจะทรยศต่อผมโดยสิ้นเชิง

เขาหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ก่อนจะแหงนมองผ่านหน้าต่างบนหัวเตียง

...พระจันทร์เต็มดวงทอแสงลึกลับวังเวงบนฉากหลังของท้องฟ้าอันมืดสนิท...

...และมันเป็นภาพสุดท้ายที่เขาเห็น...ก่อนสติจะดับลง

 

เสียงสุนัขเห่าหอนปลุกให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ร่างสูงผวากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงหายใจหอบถี่ ชายหนุ่มสะบัดศีรษะสองสามทีก่อนมองไปยังนอกหน้าต่างอีกครั้ง ...ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท

สายตาตวัดกลับมายังนาฬิกาบนผนัง ชายหนุ่มพยายามเพ่งตามอง พบว่าเข็มสั้นและเข็มยาวซ้อนทับกันบอกเวลาเที่ยงคืน เขานึกแปลกใจตัวเองที่สติยามนี้กระจ่างชัดอย่างที่หาได้ยากนักเวลาสร่างเมา หลงเหลือเพียงอาการมึนศีรษะหนึบๆ ที่ขมับสองข้าง

และนั่นเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มไม่ต้องการ เมื่อสติและความทรงจำกลับคืนมา ...ความเจ็บปวดเองก็เช่นกัน

เขาชื่อวิลเสียม เทมส์ เป็นนักเขียนชาวอังกฤษที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ที่ปารีสแห่งนี้ได้หลายปีแล้ว สาเหตุที่เขามาพำนักที่เมืองนี้เนื่องจากชื่อเสียงบรรยากาศของนครแห่งความโรแมนตักช่างเหมาะกับนวนิยายรักของเขานัก และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือเขาชอบผู้หญิงฝรั่งเศส พวกเธอผิวสวย ดวงตาคม พูดจามีเสน่ห์และชาญฉลาด รวมทั้งยังมีภาษาที่ฟังแล้วเสนาะหูราวกับบทเพลง

นอกจากงานเขียน เขาก็ยังมีงานอดิเรกดังเช่นศิลปินอื่นๆ วาดภาพ แต่งเพลง ร้องเพลง ใช้ชีวิตอิสระแบบที่เขาหลงใหล แม้เพื่อนฝูงจำนวนมากจะเคยคัดค้านว่ามันคือความไม่มั่นคง ผลงานของเขาจัด ได้ว่า 'มีเอกลักษณ์' ในตัวเอง ทรงคุณค่า แต่ไม่เจาะตลาดเหมือนนวนิยายรักของนักเขียนชื่อดังหลายๆ คน แต่เขาก็พอใจกับมันในระดับหนึ่ง ถึงไม่รํ่ารวย แต่ก็ทำให้อิ่มท้องหาเลี้ยงชีพได้ไปวันๆ

สองปีก่อนเขาได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ร้านกาแฟไม่ไกลจากห้องพักนัก เธอชื่อเวโรนิก้า โซเฟีย หญิงสาวที่ยามเมื่อเขาสบตาครั้งแรกก็ไม่อาจถอนสายตาจากเธอได้เลยโซเฟียสวยอย่างนางในฝันที่เขาเคยจินตนาการ อ่อนหวานกว่านางเอกนวนิยายเรื่องที่เขาชอบที่สุด แน่นอน เทมส์ไม่มีวันยอมปล่อยเธอผ่านไป เขาเข้าไปทักทายทำความรู้จัก และจบด้วยการยืมไวโอลินของเจ้าของร้านเพื่อบรรเลงเพลงโปรดให้เธอฟัง ...La Vie En Rose เพลงที่บ่งบอกถึงชีวิตสีชมพูอันโรย ด้วยกลีบกุหลาบ

เขาและเธอเข้ากันได้ดี จำไม่ได้ว่าวันนั้นพูดอะไรกันไปบ้าง รู้แต่ว่ามันเป็นวันที่เขาหัวเราะได้มากที่สุด และใช้เวลาในร้านกาแฟนานที่สุด คำพูดของเธอที่ยังติดหูเขาจนบัดนี้คือเธอบอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่โรแมนติกที่สุด

โซเฟียเล่าให้ฟังว่าเธอเป็นนักแสดงน้องใหม่ของวงการ ตอนนั้นเธอยังไม่โด่งดังนัก พวกเขานัดพบกันเรื่อยๆ จนตกลงคบกัน และต่อมาหลังจากภาพยนตร์เรื่องแรกที่เธอเล่นเป็นนางเอกออกฉาย ชื่อของ เวโรนิก้า โซเฟียก็กลายเป็นชื่อที่ไม่มีใครในฝรั่งเศสไม่รู้จัก

ในขณะที่โชเฟืยรับงานแสดงมากขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายงานเขียนของเขากลับตกตํ่าลงทุกวันๆ แฟนผลงานกลุ่มหนึ่งบอกว่าแนวการเขียนของเขาเปลี่ยนไป พวกเขากล่าวหาว่ามันไม่ 'บริสุทธิ์' ดังเดิม

เวลาว่างของเขามากขึ้นเมื่อตัดสินใจวางปากกาสักพัก แต่โซเฟียกลับยิ่งมีเวลาให้เขาน้อยลง เธอมีคิวถ่ายละครหลายต่อหลายเรื่อง ออกรายการสัมภาษณ์หรือกระทั่งเป็นพรีเซ็นเตอร์รถยนต์ชื่อดัง และทุกๆ วันที่เขากางหนังสือพิมพ์ออกมาอ่าน จะพบข่าวบันเทิงที่พาดพิงตัวเธอกับหนุ่มดารานักร้องหน้าหล่อทั้งหลายที่รุมเข้ามาขายขนมจีบ

เทมส์เชื่อมาตลอดว่าความรักที่เขามอบให้จะยึดเหนี่ยวความรักของเธอไว้ได้ เขาอยากจะเชื่ออย่างนั้นต่อไป แต่แล้วสุดท้ายเขาก็ต้อง ตื่นขึ้นมาเพื่อพบกับความจริงอันโหดร้าย

มันเป็นไปไม่ได้ที่ดาราสาวแสนสวยดังก้องฟ้าอย่างเวโรนิก้า โซเฟียจะคบกับนักเขียนกระจอกๆ อย่างเขา เธออาจจะเคยรู้สึกดีที่อยู่กับเขา แต่นั่นคืออดีต ...ในยามที่เธอไม่ได้มีเจ้าชายหนุ่มหล่อเหลาและเพียบพร้อมด้วยฐานะรายล้อมเหมือนทุกวันนี้ วันที่เธอบอกเลิกกับเขา เขายังจำคำพูดนั้นได้ดี

'ฉันไม่ได้หมดรักที่มีต่อคุณ และเราเดินไปด้วยกันไม่ได้ถ้าคุณไม่ยอมเข้าใจเส้นทางของฉันเลย'

เขาเจ็บแสนเจ็บ แต่ยังฝืนถามกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

'เข้าใจอะไรเหรอโซเฟีย เข้าใจที่คุณไม่รับโทรศัพท์ผมเลยตลอดสามวันนี้เหรอ'

'ก็คุณโทรมาตอนที่ฉันถ่ายหนัง โอ เทมส์ ฉันบอกคุณแล้วว่า ฉันไม่ได้เอามือถือติดตัวตอนทำงาน'

นั่นคงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขากับเธอทะเลาะกัน ยิ่งโซเฟียดังเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งไกลจากเขาไปเรื่อยๆ ...ความรักโรแมนติกในอมตะนิยายไม่มีจริง เขาเผาหนังสือเรื่องโรมิโอแอนด์จูเลียตทิ่งในวันนั้น

และวันนี้...เขาไปพบกับโซเฟียอีกครั้งโดยบังเอิญที่ใกล้กับสุสานมงต์ปาร์นาสส์ ความที่เขาจงใจปิดหูปิดตาไม่สนใจข่าวของเธออีกเลยหลังจากเลิกรากัน ทำให้เขาไม่รู้เลยว่าชีวิตเธอสุขสบายดีหรือไม่

เขาแอบคาดหวังว่าเธอคงเสียใจ ช่วงเวลาที่ห่างกันคงทำให้เธอหวนนึกถึงความทรงจำเก่าๆ และพระเจ้าได้นำพาเธอมาพบกับเขาอีกครั้งเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่

นั่นคงเป็นตอนจบในนวนิยายสักเรื่องที่เขาเคยแต่ง แต่ความจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น

โซเฟืยยื่นการ์ดใบหนึ่งให้เขา มันเป็นการ์ดสีชมพูสวย ซึ่งมีรูปเธอกับผู้ชายอีกคนตระกองกอดกัน

ลมหายใจเขาแทบขาดห้วง เธอกำลังชวนเขาไปงานแต่งงานของเธอกับผู้ชายคนอื่น ชวนด้วยรอยยิ้มและแววตาอ่อนโยนที่เคยเป็นของเขาคนเดียว

อาการเจ็บปวดในอกกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง มันอึดอัดแผ่ซ่านจน เทมส์ต้องยืดกายสูดหายใจลึกๆ ชูเคร เพื่อนนักเขียนเคยบอกให้เขา เซ็กสุขภาพบ้าง แต่ตัวเขาเองก็รู้ได้ว่าไม่มีหมอวิเศษคนไหนรักษา เขาได้ มันเป็นอาการของคนใจสลาย ...และจะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเขาคิดถึงเธอ

เทมส์ประคองกายลงจากเตียง ก่อนไปทรุดนั่งบนโต๊ะตัวเตี้ย มือเอื้อมไปกดเปิดโคมไฟ แสงสีนวลส่องออกมาให้เขาพอเห็นอัลบั้มรูปที่กองบนโต๊ะ กับจดหมายเก่าๆ สามสี่ฉบับที่พับเก็บในซองเป็น อย่างดี แม้ร่องรอยยับย่นจางๆ จะแสดงให้เห็นว่ามันถูกเปิดอ่านซ้ำไปซ้ำมาบ่อยครั้ง ที่ตัวซองมีรอยย่นเป็นวงกลมเล็กๆ หลายแห่ง เทมส์แค่นยิ้มให้ตัวเอง จำไม่ได้ว่าจดหมายฉบับนี้ทำให้เขาเสียน้ำตามาแล้วกี่ครั้ง

ครั้งหนึ่งเขาเคยเสนอให้เธอกับเขาส่งจดหมายถึงกันสัปดาห์ละครั้ง ถึงจะเป็นเรื่องน่าตลกเพราะตอนนั้นเธอก็มาหาเขาออกบ่อย เรื่องหวานๆ ระหว่างเขาและเธอถูกจารึกเอาไว้ให้รำลึกถึงในภายภาคหน้า

'ถึงเทมส์ที่รัก

นี่เป็นจดหมายฉบับแรกที่ฉันส่งถึงคุณสินะ ฉันนึกสงสัยจริงๆ ว่าคุณโรแมนติกกับผู้หญิงแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า วันนี้ฉันมีคิวถ่ายโฆษณาตอนบ่าย ช่วงเช้าเลยว่างพอจะมานั่งทบทวนว่าเมื่อคืนคุณทำอะไรไว้บ้าง

จูบแรกของเราไม่เลวเลยว่ามั้ย ต่อหน้าฟงแตน เดอ เมดิซี ฉันรู้สึกว่ามันศักดิ์สิทธิ์เละคงไม่มีวันลืมมันจนวันตาย

บ้าจัง ฉันเขินนะเนี่ย อยู่ต่อหน้าคุณฉันคงไม่กล้าพูดแบบนั้นแน่ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้แปดโมง ฉันจะลุกขึ้นมาดื่มกาแฟและคิดถึงคุณด้วย

ป.ล. ฉันเริ่มชอบไอเดียส่งจดหมายของคุณแล้วล่ะ เอาไว้ตอนแก่จะได้บอกลูกๆ ว่าคุณพ่อของพวกเขาสมัยหนุ่มๆ เป็นสุดยอดของความโรแมนดิกแค่ไหน ...ฉันรักคุณค่ะเทมส์'

 

เทมส์ระงับอาการสั่นจนมือเกร็ง มันเหมือนภาพยนตร์เศร้าๆ ที่ฉายเมื่อไหร่ก็เรียกน้ำตาได้ทุกครั้ง เขาแหงนหน้าข่มหยาดน้ำที่หางตาให้ไหลกลับลงหัวใจ หลงเหลือเพียงความชื้นอุ่นๆ ที่ยํ้าเตือนว่าคนที่ไม่เคยลืมเลือนคือคนโง่ๆ ตรงนี้ต่างหาก

เหมือนคนที่รู้ว่าก้นเหวเต็มไปด้วยหนามแหลม แต่ก็ยังเต็มใจกระโดดลงไป ...ทั้งที่รู้ว่าเจ็บแต่เขาก็ยังเปิดอัลบั้มรูปถ่ายเก่าๆ ดูเหมือนทุกคืนที่ไม่เมามาย ...รูปถ่ายที่มีแค่เธอกับเขา

มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะฝังใจ โซเพียเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารัก เขาเชื่อในปาฏิหาริย์รักแรกพบอย่างที่ศิลปินผู้แต่งนวนิยายรักโรแมนติกจะเชื่อ คนที่เพียงสบตาก็ได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา ผิดเหรอ หากเขาจะเชื่อว่าเธอและเขาเกิดมาเพื่อกันและกัน ความเจ็บปวดทรมานกัดกินจนชายหนุ่มต้องงอตัว ฟันที่เรียงเป็นซี่สวยกัดแน่นราวกับการกระทำนั้นจะช่วยบรรเทาความรู้สึกได้ อวัยวะภายในเหมือนจะบิดมวนขาดออกในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง เทมส์คิดว่าเขาคงถูกอารมณ์นี้ฆ่าตายในไม่ช้าหากยังอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำแห่งนี้ เขาตัดสินใจคว้าเสื้อโค้ตคลุมร่างและผลักประตูเดินโซชัดโซเชออกไป

อากาศยามเที่ยงคืนหนาวเหน็บยิ่งกว่าหัวคํ่าชะอีก แต่สำหรับเทมส์มันเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยเมื่อเทียบกับความอ้างว้างในห้องอุ่นๆ ที่จากมา เขาเดินไปเรื่อยๆ... เรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย สมองคิดแต่อยากหนีให้ไกลจากสภาพแวดล้อมที่ยิ่งเตือนให้คิดถึงเธอ

ไกลเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ ชายหนุ่มไม่ได้สนใจร้านรวงข้างทางนัก แต่สายตาของเขากลับไปสะดุดกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนพิงอยู่บริเวณมุมอาคารเก่าๆ เบื้องหน้า แล้วแสงจันทร์นวลก็ดูจะจงใจส่องทาบทาให้ร่างสูงโปร่งนั้นดูลึกลับขึ้น

ดึกดื่นแบบนี้ ในตรอกชอกซอยหากมีคนจรจัดนอนอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ชายหนุ่มที่เขาเห็นมีลักษณะโดดเด่นน่าสนใจจริงๆ ชายคนนั้นสวมชุดสูทสิดำสุดหรู เนกไทสิเดียวกันผูกที่คออย่างเรียบร้อย บนศีรษะมีหมวกทรงสูงเหมือนนักมายากล มือที่กำลังกอดอกสวมด้วยถุงมีอสีขาวทั้งคู่

เทมส์กะพริบตาอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด จะว่าเป็นภาพหลอนจากการเพิ่งสร่างเมาก็ไม่น่าใช่

ชายคนนั้นเดินตรงมาหา แสงจันทร์ยามคํ่าคืนส่องให้เทมส์เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดขึ้น

เขามีใบหน้าหล่อเหลาเอาการทีเดียว ดวงตาสีฟ้าเข้มพราวระยับแทนดวงดาวยามราตรี ก่อนเจ้าตัวจะกล่าวแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงสุภาพ พร้อมยื่นมือออกมา

"สวัสดีครับ เมอร์ซิเออร์วิลเลียม เทมส์ ผมชื่อรีเกต์ เป็น 'คนกลาง'

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (74 รายการ)

www.batorastore.com © 2024