Camelot No.9 เขียนโน้ตหัวใจไขปริศนารัก

Camelot No.9 เขียนโน้ตหัวใจไขปริศนารัก

2 รีวิว  2 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160606641
ผู้แต่ง: TheLittleFinger
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 169.00 บาท 42.25 บาท
ประหยัด: 126.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

หนึ่งสิ่งที่ใครๆ ก็มักจะบ่นใส่ฉันเสมอคือ...ยอดมนุษย์ขี้ลืม และฉันก็มิสามาถปฏิเสธมันได้ซะด้วยสิ ในเมื่อ...

“น่านะ ลุงยามจ๋า ให้หนูเข้าไปเหอะน่า”

“เฮ้ออออ เห็นว่าเอาบัตรนักเรียนมาให้ดูนะเนี่ย” ลุงยามประจำประตูโรงเรียนถอนหายใจก่อนคืนบัตรนักเรียนประจำโรงเรียน ‘คาเมล็อต’ ให้กับฉัน ก่อนเปิดประตูเล็กของรั้วให้ แต่ไม่วายบ่นต่อท้าย “แล้วอย่าขี้ลืมบ่อยนักล่ะหนู”

นั่นไงล่ะ...ขนาดลุงยามหน้าโรงเรียนยังไม่วายจะใช้คำว่า ‘ขี้ลืม’ มาปั๊มใส่หน้าผากฉันเลย

ถือว่าเป็นโชคดีมากๆ ที่บ้านฉันอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน นั่งรถมาแค่ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว แต่...แฮกๆ ให้ตายสิ...เพราะว่าดันมาเอานอกวันเวลาราชการ ลิฟต์ในอาคารก็เลยไม่เปิด และมันก็ทำให้ฉันต้องลิ้นแทบห้อยถึงพื้นตอนเดินจากชั้นล่างขึ้นมายังชั้นแปด ค่อยยังชั่วที่โทรศัพท์ที่ลืมเอาไว้ใต้โต๊ะรียนยังอยู่ดี ไม่หายไปไหน

หลังจากนั่งอู้แก้เหนื่อย ฉันก็ค่อยๆ เดินกินลมชมวิวลงไปยังชั้นล่าง เพราะไม่จำเป็นต้องรีบอะไรมากมาย อีกอย่างฉันไม่ใช่คนกลัวสิ่งลี้ลับอะไรทำนองนั้นด้วยน่ะนะ โรงเรียนในวันหยุดแบบนี้มันเลยเหมือนสวรรค์ชัดๆ อากาศดีๆ วิวสวยๆ แถมไม่มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจวุ่นวาย

หือ?

แต่พอเดินลงมาถึงชั้นห้า ฉันกลับได้ยินเสียงดนตรีเบาๆ ลอยมากับกระแสลม...เสียงนั่นมัน...เสียงเปียโนเหรอ

ฉันพยายามเงี่ยหูฟัง...จะว่าลุงยามเปิดเสียงตามสายก็ไม่น่าจะใช่ แถมฉันไปเงี่ยหูฟังข้างล่างลำโพงก็ไม่ยักได้ยิน แต่มันเหมือนลอยมากับลมมากกว่า...

จริงสิ! ชั้นสามของตึกนี้มีห้องดนตรีนี่นา!

ทันทีที่นึกออกฉันก็รีบวิ่งลงมาตามบันได และมันก็จริงอย่างที่คาดไว้ เมื่อเสียงเปียโนที่ดังแผ่วมาตามลมเมื่อครู่มันค่อยๆ ดังขึ้นจนชัดเจน...

ใช่จริงๆ ด้วย...

ใครบางคนกำลังเล่นเปียโนอยู่ในห้องดนตรี...

ฉันค่อยๆ ก้าวเข้าไปตามเสียงนั่นช้าๆ ก้มหัวลงต่ำ ก่อนแอบมองผ่านกระจกใสบานยาวบนประตูไม้หนาเข้าไปภายในห้อง...

หน้าต่างห้องดนตรีเปิดออก นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียงเปียโนหลุดลอดออกมา...เสียดายที่แสงแดดยามสายซึ่งส่องผ่านเข้ามายังบานหน้าต่างทำให้ฉันเห็น ‘คนคนนั้น’ เป็นแค่เงามืดที่มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจนเท่านั้น

ผีเหรอ! ไม่ใช่หรอก...เก็บความคิดนั้นไปเลย...ผีที่ไหนกันจะเล่นเปียโนได้เพราะขนาดนี้กันล่ะ ฉันพยายามมองหาช่องที่จะทำให้มองเห็นคนที่นั่งอยู่หน้าเปียโนนั่นให้ชัดเจนมากขึ้น แต่สงสัยทางที่ดีที่สุดคือ ไม่เปิดประตูเดินเข้าไปเอง ฉันก็ต้องไปปีนหน้าต่างตึกชั้นสามแล้วแอบมองเอา

แย่ชะมัด...ความอยากรู้ไม่เคยปรานีคนอย่างฉันซะด้วยสิ

วะ...เหวอ จู่ๆ โทรศัพท์ในมือที่เงียบอยู่นานก็ร้องดังลั่นจนฉันหัวใจแทบวายยิ่งกว่าผียื่นหน้ามาหลอก

“ใครน่ะ” เสียงตะโกนถามที่ดังจากในห้องปลุกปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกายทันใด

เหวอ...โดนจับได้แหงๆ

ฉันรีบลุกพรวดพราดก่อนวิ่งหนีลงมายังบันไดชั้นล่างแบบแทบไม่หายใจและไม่ทันรอให้สมองตรึกตรองด้วยซ้ำ...

ใช่เลย...ไม่ทันได้ใช้สมองตรึกตรอง...เพราะถ้าใช้ ฉันคงไม่วิ่งหนีลงมาแน่ๆ

ในเมื่ออยากรู้จะขาดใจ...แล้วฉันจะวิ่งหนีลงมาทำบ้าอะไรเนี่ย

 

1

แบบนี้มันต้องพิสูจน์!

 

“พูดใหม่ดิ๊”

“ปลายพู่กันจุ่มสีน้ำเงินที่ยังเยิ้มๆ สะบัดชี้มาที่หน้าฉันจนเอี้ยวหัวหลบหยดสีแทบไม่ทัน

“อะไรอีกล่ะ” ฉันถอนหายใจ ยกมือปัดปลายพู่กันที่ตอนนี้เกือบจะแยงเข้ามาในรูจมูกได้อยู่แล้วออกจนพ้นหน้า แต่ดูเหมือนยัยไหมเพื่อนซี้ยังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

“ฉันบอกให้แกพูดใหม่ไงเล่าไอ้ยะหยา เมื่อกี้แกกล้าเถียงว่าผีไม่มีจริงเรอะ”

“ก็มันไม่มีจริง”

“มันมีจริงเว้ย แกไม่เจอกับตัวต่างหาก เลยทำมาเป็นไม่เชื่อ”

“มันไม่มีจริง” ฉันเถียงอีกรอบ

“มันจะไม่มีจริงได้ไง โรงเรียนเรามีข่าวตั้งหลายอย่าง ตั้งแต่ผีในห้องน้ำที่เวลาอยากเจอให้เคาะประตูห้องน้ำห้องที่สามถัดจากด้านในสุดแล้วจะมีผีมาหลอก”

“อันนั้นมันตำนานผีหลอกของญี่ปุ่นต่างหาก คุณซาดาโกะอะไรนั่นน่ะ”

“เฮอะ แล้วยังมีกลางคืนให้นับขั้นบันไดตอนขึ้นลง ขั้นจะเพิ่มขึ้น”

“...นั่นก็เจแป๊น เจแปน ฮู้ว พอเหอะน่า” ฉันตอบปัดพลางลงสีในส่วนของตัวเองต่อ ความจริงคาบบ่ายวันนี้ทุกคนต้องมีเรียนนะ แต่เพราะพวกอาจารย์เห็นว่างานนิทรรศการของโรงเรียนใกล้เข้ามาทุกที เพราะงั้นอาจารย์เลยประชุมกันแล้วลงความเห็นให้ยกเลิกคลาสวันนี้ เพื่อให้ทุกห้องได้เตรียมกิจกรรมที่จะทำในวันนิทรรศการโรงเรียนได้เต็มที่ และฉันกับยัยไหมรวมทั้งเพื่อนอีกสี่ห้าคนก็รับหน้าที่ลงสีในฉากที่จะเอาไปใช้ประดับงานของห้องเราในวันนิทรรศการ

...แต่ดูเหมือนเราจะลงสีได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็นนิดหน่อย เพราะประเด็น ‘ผีมีหรือไม่มีในโลก’ ที่ฉันกับไหมกำลังเถียงกันอยู่นี่แหละ

“ไม่ๆๆ...ฉันจะไม่ยอมจนกว่าแกจะยอมรับ”

...นั่นไง ดูท่าจะไม่จบประเด็นง่ายๆ ซะด้วยเพื่อนฉัน

“เอางี้” แล้วไหมก็เริ่มต่อ “เรื่องล่าสุดที่ฉันไปฟังมาจากเพื่อนอีกที”

“อะไรล่ะ”

“เปียโน!”

...หือ?

“เปียโนในห้องดนตรีที่ชั้นสามของตึกนี้ วันดีคืนดีมันจะดังขึ้นเป็นเพลงเองโดยที่ไม่มีคนเล่นไงล่ะ มีคนเคยได้ยินหลายคนแล้วเหมือนกันนะยะ”

“เปียโนเหรอ” ฉันครางเบาๆ เมื่อนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาได้...

และเมื่อครางไปแบบนั้น ยัยไหมที่นั่งหน้าบู้อยู่ก็ร้องเสียงใส ทำตาวาวแววลุกขึ้นทิ้งแปรงพู่กันหันมาเขย่าคอฉันแทนทันใด

“หือ? แกก็เคยได้ยินงั้นเหรอ จริงสิ แกมันพวกขี้ลืม ต้องกลับมาเอาของที่โรงเรียนบ่อยๆ นี่นา แกเคยได้ยินใช่มั้ยยะหยา ตอบฉัน ตอบฉันมา!”

“เออ เคย”

“เห็นมั้ยล่ะ!!”

“แต่ฉันว่ามันไม่ใช่ผีหรอก”

“หมายความว่าไง”

“...ฉันเคยได้ยินนะ แล้วก็เลยย่องไปที่ห้องดนตรี เห็นมีคนเล่นอยู่ข้างใน ไม่ใช่ผีแน่ล่ะ”

“เฮอะ ขี้โม้ ไม่เชื่อหรอก นี่แกพยายามโน้มน้าวฉันอยู่ล่ะสิยะหยา”

“บ้าเหรอ ฉันเห็นจริงๆ ว่ามีคนเล่นอยู่ ปัญหาคือฉันไม่รู้ว่าใคร เพราะแดดมันส่องย้อนแสงเข้ามาพอดี”

“โกหก”

“ฉันจะโกหกให้ได้อะไร รางวัลออสการ์รึไง”

“แกขี้โม้เพื่อจะได้เถียงชนะฉันต่างหาก มาโดนลงโทษซะยัยขี้แพ้”

“เฮ้ย ฉันเปล่าขี้โม้นะ”

ฉันพยายามร้องห้ามยัยเพื่อนจอมโหด แต่สุดท้ายยัยนี่ก็เอาพู่กันแต้มสีน้ำเงินนั่นมาขีดหน้าฉันจนเป็นหนวดบางๆ ที่แก้มข้างละสองเส้นได้อยู่ดี แถมยังหัวเราะร่าหลังได้แก้แค้นสำเร็จอีกต่างหาก

“ฮ่าๆๆๆ โทษฐานที่โกหกฉัน จงเป็นกระต่ายไปซะ”

“ไม่ใช่แมวหรอกเหรอ” ฉันส่องกระจกโอดครวญชนะเปิดกระจกส่องหน้าตัวเอง หน็อยแน่ ยังดีนะที่เป็นสีโปสเตอร์

“กระต่ายย่ะ คิดจะดูถูกฝีมือวาดฉันรึไง เดี๋ยวเอาสีส้มมาวาดเป็นแครอตให้คาบซะหรอก”

“พอๆ” ฉันยกมือห้ามอย่างเจ็บปวด “ฉันจะไปล้างหน้าล่ะ”

“แหม ทำมาจะหนีเลย ระวังให้ดีล่ะ...ห้องน้ำห้องที่สามจากริมสุด ฮูวววว ฮูววว”

...ยังไม่เลิก

ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะไปล้างหน้าที่ห้องน้ำชั้นล่าง แต่เพราะแทบทุกห้องพากันมาทำงานที่ชั้นล่างของตึก ห้องน้ำมันเลยแออัดไปด้วยบรรดาสาวๆ ที่ทั้งมาล้างพู่กัน มาเข้าห้องน้ำ มาเติมลิป และสารพัดมา...เพราะงั้นฉันเลยคิดว่ามาเข้าห้องน้ำที่ชั้นสองน่าจะดีกว่า

หือ?

แต่พอเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง เสียงเปียโนทำนองคล้ายกับที่เคยฟังมากลับลอยเข้าประสาทหูฉันอีกหนจนต้องรีบกระดิกหูรับ และเมื่อแน่ใจว่ามันคือเสียงเปียโนแน่ๆ ฉันก็คิดแผนปฏิบัติการออกทันใด

...แค่มีหลักฐานยืนยันใช่มั้ย หึๆๆ

ฉันค่อยๆ ย่องขึ้นไปยังชั้นสาม เดินย่องไปตามประหนึ่งตัวเองเป็นนินจาโดยไม่ลืมปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้ก่อน กันเหตุไม่คาดคิดเหมือนคราวก่อนนั้น

และยิ่งขยับตัวใกล้เข้าไป เสียงไพเราะของบทเพลงที่สร้างขึ้นจากเปียโนก็ยิ่งชัดเจนขึ้น และความกระหยิ่มยิ้มย่องของฉันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หึๆ ยัยบ้าไหมวาดหน้าฉันเป็นกระต่าย...เพราะงั้นฉันจะแก้แค้นเป็นอะไรดีนะ รอยย่นของยายแก่อายุสักแปดร้อยปีดีมั้ยนะ

ฉันย่องมาถึงหน้าบานประตู ก้มตัวนั่งลงต่ำเพื่อไม่ให้คนด้านในมองเห็น ก่อนควักเอาโทรศัพท์ออกมาหาโปรแกรมบันทึกภาพวีดีโอ เพื่อที่จะเอาไปใช้เป็นหลักฐานให้เพื่อนหัวดื้อจอมโหดต้องอ้าปากค้างยอมรับความจริงบ้าง

แกรก...

หือ? เสียงอะไรแปลกๆ ดังขึ้น และก่อนที่ฉันจะได้ตั้งหลักมันก็...

โครมมมม!!

...ประตูฟาดดั้ง! แอนตาซิลจ่ายเลยสามพัน...แง!

“ตายล่ะ โทษที ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” น้ำเสียงทุ้มต่ำค่อนข้างร้อนรนแบบรู้สึกผิดดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงของใครสักคนที่ทิ้งตัวลงมาสำรวจสภาพฉัน

“ไม่เป็นไรบ้าอะไรล่ะ ดีเท่าไหร่แล้วที่เลือดกำเดาไม่ไหลน่ะ...โอ๊ะ...โอวววว”

ความจริงฉันตั้งใจจะโวยใส่ให้เต็มที่ แต่พอเงยหน้าขึ้นไปประสบพักตร์อีกฝ่ายเท่านั้น คำด่าที่คิดเอาไว้มันก็จางหายไปหมดทันใด คงเหลือแต่อาการตาค้างกับสิ่งที่อยู่ห่างไปแค่เอื้อมมือ

ใช่แน่ๆ ถึงฉันจะไม่ใช่พวกในวงการมากแต่ก็ไม่มีทางจำผิดแน่นอนล่ะ ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวระต้นคอ ดวงตาคมแบบเหยี่ยวสีดำที่ซ่อนเอาไว้ใต้แว่น แล้วยัง...รอยยิ้มใจดีที่สุดยอดอภิมหาภารตะแห่งความดูดีนี่...

“มะ...มาครอส”

ให้ตาย นายนี่คือ ‘มาครอส’ หนึ่งในสิบอันดับหนุ่มฮออตของคาเมล็อตนี่นา!

ตายล่ะ นี่ฉันเจ็บตัวเพราะเขางั้นเหรอ...ฉันควรจะทำไงดีล่ะ แกล้งเจ็บกว่าเดิม เอานิ้วแหย่จมูกให้เลือดกำเดาไหล เรียกร้องความสนใจเป็นค่าเสียหาย หรือว่า...

“จริงๆ เธอควรจะด่าตัวเองมากกว่านะ ว่ามานั่งทำลับๆ ล่อๆ อะไรที่หน้าห้องนี่”

อ้าว เวรกรรม...มาครอสไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกเหรอ

ฉันเงยหน้ามองต้นเสียงที่สำเนียงไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่ด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กๆ ตั้งใจจะแอบโวยวายใส่ด้วยซ้ำถ้าหมอนี่หน้าตาไม่ดีพอกับการรบกวนเวลาเคลิ้มชั่วครู่ของฉัน

โอ๊ะโอ...แต่หมอนี่...ก็ใช่ย่อยเลยแฮะ ผมสีดำสนิท ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน คิ้วเข้มหนา โครงหน้าคมคายแบบหนุ่มเกาหลีสุดๆ เดี๋ยวก่อน! ฉันว่าฉันจำเขาได้นะ...นายนี่ชื่อ...ชื่อ...

“เอ่อ...โทษที นายชื่ออะไรนะ”

และสุดท้ายฉันก็คิดไม่ออก! น่าอายจริงๆ แล้วดันเผลอถามไปตรงๆ แบบนั้นอีกนะ ดูสายตาหมอนี่ที่มองกลับมาสิ จะฆ่าฉันแล้ววว

“ให้ตายเหอะ..ยัยแมวนี่เด็กนายแหงๆ มาครอส เฮอะ มามุกแปลกๆ จะได้ให้จำได้รึไง คิดตื้นชะมัด”

แล้วอีตาหน้าเกาหลีนี่ก็โน้มตัวลงมายกนิ้วจิ้มใส่หน้าผากฉันจนแทบหงายไปด้านหลัง

ว่าแต่... ‘แมว’ งั้นเหรอ

...ประมวลความจำ...

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

โอ๊ย!‘ยะหยา’เธอจะขี้ลืมเอาโล่หรือยังไงก๊านนน~ทำไมถึงลืมโน่นลืมนี่ได้ตลอดเลยนะ นี่ถ้ามีการแจกรางวัลล่ะก็ ฉันคงได้รางวัล ‘ยอดมนุษย์ขี้ลืม’ มานอนกอดสิบปีซ้อนแน่นอน =[]= และทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุด แต่ฉันก็ต้องออกจากบ้านไปเอาของที่ลืมไว้ที่โรงเรียน ระหว่างเดินอยู่นั้น ฉันก็ได้ยินเสียงเปียโนไพเราะเพราะพริ้งลอยออกมาจากห้องดนตรี เห! ใครกันน่ะ O_o ความสอดรู้ เอ๊ย อยากรู้อยากเห็นไม่เข้าใครออกใคร ฉันเลยย่องๆ ไปแอบมองที่หน้าห้องนั่น แต่เสียงโทรศัพท์ดันดังขึ้นซะก่อน ฉันจึงตกใจและวิ่งหนีลงมาซะงั้น โธ่ ก็เลยไม่รู้ว่าเป็นใคร (-_-*)
 
และเมื่อเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทฟัง ยัยนั่นก็บอกว่าฉันเจอผีห้องดนตรีเข้าแล้วล่ะ จะบ้าเหรอ ฉันไม่เชื่อเรื่องหลอกเด็กพวกนี้หรอก T^T ไปรอถ่ายคลิปให้เพื่อนดูดีกว่าว่าคนที่เล่นเปียโนน่ะไม่ใช่ผีแน่ๆ แต่... โครม! อ๊าย~ใครมันเปิดประตูห้องดนตรีฟาดดั้งฉันเนี่ย เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ฉันก็พบหนุ่มฮอตแห่งคาเมล็อต ‘มาครอส’ และ ‘ฮันยูล’ นั่นเอง พอฉันถามว่าได้ยินเสียงเปียโนกันมั้ยเอ่ย พวกเขาก็ปฏิเสธและทำท่าแปลกๆ พิกล นี่อย่าบอกนะว่าวันก่อนฉันเจอผีจริงๆ น่ะ =O=
 

รีวิว (2)

เขียนรีวิว

อโนมา | 2 รีวิว
31/01/2014

นิยายเรื่องนี้อ่านแค่ชื่อเรื่องก็ทำให้อุ่นไปทั้งหัวใจแล้วก็แหม่พระเอกในเรื่องเนี่ยยยน่ะเล่นเปียโนได้เก่งโคตรๆๆอ่ะเล่นเก่งยังไม่พอนะหน้าตายังหล่ออกระชากใจเลยยจะเพอร์เฟกไปไหนกันคะคุณชายอยากจะกรี๊ดดดดหล่ออมากกกคะ(อิจฉานางเอกจุงเบย)ได้พระเอกหล่อเล่นดนตรีเก่ง(อยากได้ผู้ชายแบบนี้จังเลยย)ยิ่งอ่านก็ยิ่งทำให้หัวใจอบอุ่นตอนที่พระเอกได้เล่นเปียโนและร้องเพลงอืมมเสียงเพราะมากกอ่ะไปประกวดเดอะสตาร์10ในปีนี้ไม่ต้องเดาเขาได้ที่หนึ่งแน่ๆๆแหม่หล่ออย่างนี้เล่นดนตรีเก่งร้องเพลงเพราะคนอะไรน่าจับมาเป็นสามีเสียจริงฮ่าๆๆๆ(ล้อเล่น)น่ะแต่หากได้จริงก็จะดีนะอิอิช่างเป็นความโชคดีอะไรของนางเอกเรื่องนี้นะที่ได้มาพบเจอกับสุดหล่อและยังได้เข้ามาในชีวิตของเขาอีกด้วยและด้วยเหตุใดกันเล่าที่ทำให้ทั้งคู่ต้องมาพบเจอกัน(อิจฉานางเอกมากกก)เรื่องราวก็ผ่านไปได้ด้วยดียิ่งอ่านก็ยิ่งอยากได้ผู้ชายคนนี้ฮ่าๆๆๆก็ชีวิตของเขานะซับซ้อนไปมั้ยยยอ่านไปอ่านมาก็สงสารพระเอกอ่ะก็เขาน่ะดันมีอดีตที่ไม่ค่อยน่าจดจำสักเท่าไหร่จนทำให้ต้องเลิกเล่นเปียโนเสียดายความสามารถอ่ะเสียดายจริงๆแต่เมื่อนางเอกได้เข้ามารู้จักและได้รู้ประวัติของเขาก็ทำให้ทราบถึงเรื่องราวต่างๆและจากนี้เองที่นางเอกจะมาช่วยพระเอกได้กลับมาเล่นเปียโนอีกครั้งอ่านไปหัวใจก็เต้นแรงๆขึ้นเรื่อยเลยอ่ะแหม่ก็คนมันอิจฉานิที่นางเอกน่ะได้ใกล้ชิดสนิททำตัวเหมือนแฟนกัน พระเอกเนี่ยยยก็ช่างโรแมนติกโคตรๆอ่ะบอกรักโดยการเล่นเปียโนและร้องเพลงให้นางฟังฮึ๋ยยยยอิจฉาจนเลือดขึ้นตาเลยก็น่ะพระเอกก็ต้องคู่กับนางเอกอยู่แล้วเรามันก็แค่ตัวอิจฉานอกหนังสือ(ต้องทำใจๆๆๆท่องไว้)นิยายเรื่องนี้พระเอกน่ารักมากค่ะและก็ชอบพระเอกมากๆด้วยเพราะพระเอกเล่นเปียโนเก่งมากๆเลย(โดยส่วนตัวแล้วชอบผู้ชายเล่นดนตรีค่ะ)
มัตติกา | 2 รีวิว
31/12/2013

เรื่องวุ่นวายต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิตของยะหยาหญิงสาวขี้ลืมกับชายหนุ่มสุดฮอตอย่างฮันยูลที่เลิกเล่นเปียโนกับอดีตที่ฝังใจเขาแล้วยะหยาก็ได้เข้ามาทำให้ฮันยูลต้องกลับมาเล่นเปียโนอีกครั้งเพราะเหตุใดกันเล่าก็เรื่องมันก็มีอยู่ว่าหลังจากที่เลิกเรียนยะหยาได้ลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องเรียนยะหยาได้กลับมาเอาโทรศัพท์แต่กลับได้ยินเสียงดนตรีดังขึ้นๆเรื่อยๆจนชัดเจนได้ว่าเป็นเสียงเปียโนตอนแรกยะหยาคิดว่าเป็นผีแต่ที่ไหนได้พอได้ยินเสียงคนที่เล่นเปียโนอยู่หยุดเล่นแล้วหันหน้ามาก็ได้รู้ว่านั้นคือฮันยูลนั้นเองแต่เธอก็ยังสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาเล่นในที่ๆไม่มีใครอยู่หรือว่าเขาไม่อยากให้ใครรู้กันนะยะหยาได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเอาไว้ในขณะที่เขาเล่นเปียโนอยู่แต่ฮันยูลได้เดินเข้ามาหายะหยาแล้วถามว่าเธอมาแอบดูเขาทำไมแล้วกำลังทำอะไรฮันยูลพยายามแย่งมันเพื่อที่จะลบมันทิ้งแต่แล้วก็ต้องเกิดเรื่องขึ้นจนได้เมื่อมีพวกแอบดูถ่ายรูปเอาไว้แล้วข่าวก็ได้แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนว่าเขาทั้งสองเป็นแฟนกันซึ่งทั้งคู่ตกใจกันไม่น้อยแต่ความคิดของฮันยูลนั้นมันกำลังบอกว่าเรื่องนี้สนุกแน่และเขาก็ประกาศว่าเขากับยะหยากำลังคบหากันซึ่งมันก็แค่เป็นเกมที่ทั้งคู่ตั้งมาเท่านั้นเองขณะที่ทั้งคู่ได้พบกันมากขึ้นได้ทำอะไรหลายๆอย่างร่วมกันนั้นเลยทำให้หัวใจของทั้งคู่เริ่มเปลี่ยนไปแต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อยะหยาถูกกลุ่มคนร้ายลักพาตัวไปนั้นเลยทำให้ฮันยูลต้องออกตามหายะหยาทันทีและเมื่อสวรรค์ยังเป็นใจทำให้ฮันยูลตามหายะหยาจนเจอและช่วยเธอออกมาได้สำเร็จแต่ทว่าเรื่องก็เกิดขึ้นในขณะที่กำลังออกมานั้นยะหยาได้ถูกคนร้ายใช้มีดแทงเข้าที่ข้างหลังทำให้เธอหมดสติฮันยูลรีบพายะหยามาที่โรงพยาบาลทันทีและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฮันยูลนึกถึงเรื่องอดีตที่มันเคยเกิดขึ้นกับน้องชายของฮันยูลมาแล้วนี่มันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ฮันยูลเลิกเล่นเปียโนไปเลยแต่น้องชายของยะหยาได้มาพูดให้ฮันยูลฟังว่าพี่ยะหยานั้นอยากฟังเสียงเปียโนที่พี่ฮันยูลเล่นอีกแต่ฮันยูลบอกกับตัวเองว่าจะไม่เล่นมันอีกแต่เมื่อยะหยาได้ฟื้นขึ้นมาทำให้ฮันยูลดีใจมากและก็ทำให้เขาคิดได้ว่าอดีตก็คืออดีตปัจจุบันสิสำคัญกว่าและฮันยูลก็จะทำปัจจุบันให้ดีที่สุดจะทำให้ยะหยามีความสุขหลังจากที่ยะหยาออกจาโรงพยาบาลฮันยูลก็ได้ทำเอายะหยาตกใจเมื่อฮันยูลได้บรรเลงเสียงดนตรีตัวโน๊ตด้วยเครื่องเปียโนอันแสนไพเราะและฮันยูลก็ได้สัญญากับยะหยาว่าจะดูแลและรักเธอไปตลอดทั้งคู่ก็ได้บอกรักกันและสบตากันท่ามกลางเสียงเพลงอันแสนไพเราะ เรื่องอ่านแล้วรู้สึกสนุกและได้รอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาพระเอกในเรื่องนี้ก็หล่อมากกกกแล้วอีกอย่างเป็นผู้ชายที่เล่นเปียโนได้เพอร์เฟคในเรื่องนี้เล่นได้ดีเวอร์เลยนะคะเป็นคนที่ขี้โมโหนิดหน่อยแต่ความหล่อของเขาก็ทำให้สาวๆใจละลายเลยหากดูเขาในแต่ละมุมก็จะรู้ว่าเขาเป็นคนที่อ่อนโยนน่ารักสามารถสะกดหัวใจสาวๆได้เป็นอย่างดี

สินค้าที่ใกล้เคียง (70 รายการ)

www.batorastore.com © 2024