Love Addiction เลือกติดรักให้ตรงใจ (ชุด Valentine's design of love)
ประหยัด: 141.75 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 3 รายการราคา 45.00 บาท - 80.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
We all know that our lives have its own choices,
but only a single choice we could pick.
ชีวิตทุกคนมีทางเลือกเสมอ...
แต่เราสามารถเลือกเดินได้เพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น
บทนำ
ณ ร้านมนต์จันทรา...
เย็นย่ำก็ฮัมเพลง...
ทว่าฉันกลับโดนยัยเอสกับยัยเอ็มสองสาวเพื่อนซี้ที่ชื่อคล้ายกันแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันทางสายเลือดจับแขนคนละข้างแล้วลากตัวฉันไปตามทางเดิน
“อุ๊ย พี่โอเปี้ยมนี่นา”
“ใช่จริงๆ ด้วย สวัสดีค่ะ”
“อ๊ายยย... พี่เค้ายิ้มตอบด้วยล่ะ”
ระหว่างที่พวกมันลากตัวฉันผ่านพวกรุ่นน้อง ม.4 ม.5 หรือ ม.อะไร สัก ม. กลุ่มหนึ่ง (เพราะยัยเด็กกลุ่มนั้นเรียกฉันว่าพี่) ยัยเด็กกลุ่มนั้นต่างส่งเสียงทักทายและทำหน้าปลาบปลื้มใส่ฉันอย่างเต็มประดา ขณะที่ฉันได้แต่หันหน้ากลับไปส่งยิ้มให้เล็กน้อยพอเป็นพิธี ก่อนจะโดนเพื่อนของตัวเองฉุดกระชากลากตัวไปตามทางเดินต่อ
ปั้ก! ด้วยกำลังช้างสารของยัยเอสกับยัยเอ็ม เล่นเอาฉันเดินตามขาแทบจะขวิดกัน สุดท้ายข้อเท้าฉันเลยกระแทกเข้ากับหินก้อนหนึ่งจนได้...
พวกมันจะตั้งหน้าตั้งตาลากตัวฉันไปถึงไหนเนี่ย
“พวกแกจะพาฉันไปไหนเนี่ย”
“เอาเหอะน่าโอเปี้ยม... ไม่ได้หลอกไปขายซักหน่อย”
“เออ... เราแค่อยากรู้เท่านั้นแหละ... ว่าผู้หญิงดวงแข็งอย่างเธอเมื่อไหร่จะพบรักซักที”
“หา?”
พอฉันเอ่ยปากถาม ยัยเอสกับยัยเอ็มกลับเอาแต่อดยิ้มตอบยียวนแบบขอไปทีแทน
ชิ! เอาฟะ... ไปไหนก็ไป ยอมให้พวกมันสองตัวสักวัน
“เข้าไปเหอะน่า”
ยัยเอสกับยัยเอ็มผลักฉันลงจากรถแท็กซี่ ก่อนจะลากตัวฉันไปยังหน้าร้านอะไรสักอย่าง... ดูเหมือนจะเป็น... ไม่น่า... คงไม่ใช่หรอกมั้ง...?
“เอ่อ... เราพาเพื่อนมาดูดวงค่ะแม่หมอ”
แต่มันกลับเป็นอย่างที่ฉันคิด... เมื่อยัยเอสกับยัยเอ็มช่วยกันเปิดประตูร้านให้กว้าง แล้วลากตัวฉันเข้าไปในร้าน ก่อนจะบังคับให้นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับยัยหมอดูลูกแก้วในชุดยิปซีสีเขียวอย่างกับพระรามกำลังประกาศตามหานางสีดาที่สูญหาย
“ชื่ออะไร”
ยัยหมอดูงี่เง่าไม่มีการพูดพร่ำทำเพลงอะไรสักอย่าง นอกจากโพล่งถามชื่อแซ่ฉันเฉยๆ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“หมอดูเค้าให้บอกชื่อกันด้วยเหรอ”
เพราะงั้น... ฉันก็เลยเชิดหน้าขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะมองกลับด้วยหางตา...
หมอดูดวงงั้นเหรอ... ก็ไม่วายเป็นแบบเดียวกับพวกต้มตุ๋นนั่นแหละ จะแม่นแค่ไหนกันเชียว ไม่ใช่แมมดหมอผีสักหน่อย จะได้มาทำนายอนาคตชาวบ้านเขาได้แม่นยำขนาดนั้น
“ชื่อเกี่ยวพันกับโชคชะตา”
แต่ยัยหมอดูหรือหมอเดากลับเชิดหน้าตอบกลับมาแบบนี้
“เออ... แกบอกๆ ไปเหอะน่าโอเปี้ยม”
แต่พฉันทำหน้าจะหาเรื่อง... ยัยเอสกับยัยเอ็มที่ยืนขนาบข้างเลยกระทุ้งไหล่ยกใหญ่พร้อมกับบอกให้ฉันยอมๆ ไปหน่อย... แต่เอาเหอะ ไหนๆ หลวมตัวมาแล้ว.. เล่นๆ กับพวกมันสักหน่อยคงไม่เสียหายหรอกน่า
“โอเปี้ยม... อิชยา พิพรรษพรสกุล”
“ชื่อประหลาดจริง แล้วอยากให้ดูเรื่องอะไรล่ะ”
ฉันตัดสินใจบอกชื่อแซ่ตัวเองไปตามคำขอ แต่พอบอกปุ๊บ ยัยหมอดูนี่พูดกัดฉันปั๊บ แหม มันน่าจับลูกแก้วยัดปากจริงๆ ยัยหมอดูปากชวนตี
“เอ่อ เรื่องอนาคตของมันค่ะ”
ไฟพิโรธโหมกระพือ ฉันเกือบจะได้ถกแขนเสื้อท้าตีกับยัยหมอดูนี่แน่ๆ ถ้าไม่ใช่ว่ายัยเอสจับไหล่ฉันเอาไว้แน่น ส่วนยัยเอ็มรีบยิงคำถามเบี่ยงเบนความสนใจจากไอตะคุ่มๆ ของฉันเสียก่อน
“อนาคตเหรอ”
ยัยหมอดูแต่งตัวอย่างกับพระรามเขียวปี๋ทวนคำถามพลางเอามือวนไปวนมารอบลูกแก้วใสๆ ตรงหน้า แล้วเพ่งมองดูมันครู่หนึ่ง ก่อนจะทำหน้าตาแบบว่าประหลาดใจเหลือหลาย...
ชิ! ยัยหมอนี่ดูนี่เห็นอะไรน่ะ ฉันเห็นแต่ลูกแก้วใสๆ ไม่เห็นจะมีอะไร ขี้โม้เก่งจังนะ เดี๋ยวสักพักคงทายประมาณว่าอนาคตฉันจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแหงๆ
“...อนาคตของเธอจะมีทางเลือกเกิดขึ้นมากมาย”
“เหอะ”
นั่นไงล่ะ! ฉันว่าแล้วไม่มีผิด หมอดูย่อมสนุกกับการกอดคอเรียกเงินคนโง่คู่กับหมอเดา
“ไม่ใช่แบบนั้น...”
“...”
“ชีวิตทุกคนย่อมมีทางที่ต้องเลือกอยู่แล้ว”
แต่พอเห็นฉันมองแบบไม่เชื่อถือ ยัยหมอดูนี่เลยต่อความยาวสาวความยืดต่อ อ่ะนะ...อาจจะมีส่วนตรงได้สักหนึ่งในสิบ นิ่งๆ ฟังไปก่อนแล้วกัน
“ชีวิตทุกคนมีทางเลือกเสมอ... แต่เราสามารถเลือกเดินได้แค่เพียงเส้นทางเดียว”
“...”
“อีกเส้นทางที่ไม่ได้เลือกเดินไป เราไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นอย่างไร แม้จะอยากรู้ แม้จะอยากย้อนเดินกลับไป แต่สิ่งที่เลือกไปแล้วย่อมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นอกเสียจากว่าปล่อยให้มันเป็นสิ่งที่ต้องผ่านเลยไป....”
หรือบางที ฉันกำลังเข้าเรียนจริยธรรมนำคุณอยู่
“เส้นทางที่ไม่ได้เลือกอาจมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ตัดสินใจจุดหนึ่งของอนาคต แต่จงจำเอาไว้ว่าเธอสามารถเลือกทางเดินนั้นได้เพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น”
แต่อ่ะนะ... จะว่าไปแล้ว ยัยหมอดูแต่งตัวอย่างกับพระรามเขียวอื๋อ อาจจะมั่วหรือไม่มั่ว...ฉันไม่รู้ แต่คำพูดของยัยหมอดูนี่แอบฟังดูน่าเชื่อดีเหมือนกันแฮะ
ชีวิตของทุกคนต้องมีทางเลือกเสมอ...แต่เราเลือกได้เพียงแค่ทางเดียว...
และบางทีทางที่เราตัดสินใจเลือกเดินนั้น... ทำให้เราไม่ได้เห็นถึงอีกทางหนึ่งซึ่งอาจจะดีกว่าหรือแย่กว่าก็เป็นได้...
“มีอะไรอีกมั้ยจ๊ะ”
“หา ทำนายแค่นี้เหรอ”
“เอ่อ... ไม่มีค่ะๆ”
ฉันถามโพล่งออกไปทันที เพราะหลังจากยัยหมอดูนี่ร่ายจริยธรรมเสร็จ หล่อนก็เล่นพูดจาเหมือนไล่กันเลย แถมยัยเอ็มยังฉกเงินในกระเป๋าสตางค์ฉันไปจ่ายก่อนด้วย
แง พามาทำอะไรงี่เง่า แล้วยังเอาเงินในกระเป๋าสตางค์ฉันไปจ่ายอีกเนี่ยนะ
“ถามอีกเรื่องสิ”
“...”
“ทางเลือกที่ว่าพวกนั้นจะมีผลต่อชีวิตฉันมากรึเปล่า”
ดังนั้น ก่อนที่จะโดนลากตัวออกจากร้านดูดวงงี่เง่าแห่งนี้ ฉันรีบหันกลับไปทำตาขวางถามยัยหมอดูนี่อีกรอบเพื่อให้รู้สึกว่าคุ้มค่าขึ้นมาอีกสักสิบบาทก็ยังดี
“ทุกทางเลือกย่อมมีผลต่ออนาคตเสมอ”
“แล้วฉันควรเลือกทางไหนดี”
หึๆ ฉันไม่ได้ถามเพราะอยากให้ใครมาชี้ทางเดินให้หรอกนะ ชีวิตฉันมันต้องเลือกทางเดินเองแหงๆ อยู่แล้ว... ไม่ว่ามันจะผิดจะถูก หรือต้องวนอ้อมแค่ไหน ฉันต้องเลือกเองแน่ๆ
แค่อยากทดสอบความแม่นยำของการดูดวงจากยัยหมอดูนี่ต่างหาก กินเงินไปตั้งร้อยห้าสิบบาท แต่กลับได้ประโยคกำกวมมาประโยคเดียวกับจริยธรรมยาวเหยียดแทน...
“ฉันชี้ทางให้คนเดินไม่ได้หรอก เพราะคนเดินเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินใจเลือกทางนั้นเอง”
“เฮอะ ก็ลงที่อีหรอบเดิมสินะ”
ชิ! แล้วสุดท้าย... หมอดูย่อมสนุกกับการกอดคอเรียกเงินคนโง่คู่กับหมอเดานั่นแหละ!
1
ผีขี้แกล้งข้างบ้าน
ฉันเปิดประตูเข้ามาในบ้านตัวเองซึ่งไม่มีสิงสาราสัตว์ที่ไหนอาศัยอยู่ร่วมด้วยแม้สักตัว ทั้งๆ ที่บ้านหลังนี้มีสองชั้น สองห้องนอน สามห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องโถง...
พอเหอะ ไม่ได้มาพล่ามประกาศขายบ้าน
เข้าเรื่องดีกว่า แน่ล่ะ... จะมีใครอยู่กับฉันได้ยังไงกัน ในเมื่อตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งไอ้น้องชายตัวแสบต่างพากันย้ายสำมะโนครัวหนีจากไปอยู่เยอรมันกันหมดแล้ว เหลือแต่ฉันคนเดียวหัวโด่ที่ยืนยันทำตาขวางใส่ทุกคนที่พยายามจะลากฉันไปอยู่ที่นั่นด้วยว่ายังไงๆ จะขออยู่ที่นี่สักระยะ
อย่างน้อยแค่ให้จบชีวิต ม.ปลาย ก่อนเหอะนะ... เห็นว่าเป็นปีสุดท้ายแล้วด้วย
“เฮ้อออ...”
ฉันเปิดประตูห้องนอนและปล่อยมันอ้าค้างเอาไว้แบบนั้น โยนกระเป๋านักเรียนไปทางขวา โยนเสื้อสูทไปด้านซ้าย ก่อนจะกระโดดหงายหลังลงบนเตียงนอนนุ่มๆ พลางแหงนหน้าเอาลูกตามองเพดานเล่นๆ แก้เบื่อ...
วันนี้ไม่น่าเสียเวลาให้ยัยเอสกับยัยเอ็มที่อยู่ๆ มาทำหน้าระรื่น แล้วกระดี๊กระด๊าลากตัวฉันไปร้านดูดวงงี่เง่าอะไรนั่นเลย ทั้งๆ ที่ฉันยืนยันกับตัวเองก่อนหน้านี้ว่าอยากจะไปเดินซูเปอร์ฯ เพื่อหาของกินมาตุนไว้ในตู้เย็นแท้ๆ แถมยัยหมอดูลูกแก้วจอมมั่วดวงนั่นยังทำนายอะไรต๊องๆ บ้าบอ ทำให้ฉันต้องกลับมานั่งครุ่นคิดเรื่องพวกนั้นให้เปลืองเซลล์สมองอีก
จ๊อกกก...
เสียงท้องร้องดังได้อุบาทว์ที่สุดในโลก เพราะยัยเอสกับยัยเอ็มแท้ๆ นอกจากจะไม่ได้อะไรลงท้องแล้วยังเสียเงินโดยมิใช่เหตุอีกต่างหาก
จ๊อกกก...
พอเสียงท้องร้องดังขึ้นอีกรอบ ทำให้ฉันต้องลุกจากเตียง ตั้งใจจะลงไปหาอะไรกินตามประสาที่ห้องครัว...
โอ๊ย! แต่พอจะลุกปุ๊บ ไอ้ข้อเท้าสำอายกลับรู้สึกเจ็บขึ้นมาปั๊บ ความจริงตอนที่ข้อเท้ากระแทกกับหินก้อนนั้น ฉันไม่ยักรู้สึกเจ็บอะไรมากนัก ฉันค่อยๆ นั่งลงกับเตียงอีกครั้งก่อนจะถอดถุงเท้าแล้วยกข้อเท้าขึ้นมาดู... ปรากฏว่ามันเป็นรอยช้ำสีม่วงๆ อย่างเห็นได้ชัด... สำออยจริ๊งงงง ชิ!
แต่ความหิวต้องมาก่อน ดังที่กล่าวไว้ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง! ดังนั้นฉันเลยฝืนสังขารตัวเองลุกจากเตียง เดินกระย่องกระแย่งลงบันไดไปที่ห้องครัว เปิดตู้เย็นแล้วควานๆ หาพวกของกินท่ามกลางความมืด แหม อยู่คนเดียวแถมยังชินทางแบบนี้ ฉันจะเปิดไฟทำไมให้เปลืองล่ะ โอ๊ย แต่การเดินไกลๆ แบบนี้ มันทำให้ไอ้ข้อเท้าสำออยเจ็บมากขึ้นนะ
ทว่า...บ้าเอ๊ย! ในตู้เย็นไม่มีของกินอะไรอย่างอื่นนอกจากไข่สองฟองกับนมจืดที่เหลือครึ่งขวดเพราะฉันดื่มทุกวันตอนเช้า!
อ๊ากกกก! เพราะยัยเอสกับยัยเอ็มแท้ๆ ทำให้ฉันไม่เหลือของกินอะไรอย่างอื่นในตู้เย็นเลย! ทั้งๆ ที่วันนี้ตอนแรกกะว่าจะไปซูเปอร์ฯ เพื่อหาของกินมายัดใส่ตู้เย็น
เฮ้ออออ..
สุดท้าย... ฉันตัดสินใจหยิบไข่ในตู้เย็นออกมาหนึ่งฟอง (เหลืออีกหนึ่งฟอง) จำได้ว่ามีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ในตู้กับข้าวเกือบสิบโหลได้ (เผื่อเอาไว้ยามขาดแคลน) แหะๆ งั้นกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่โปรตีน (ไข่ไก่) ไปก่อนแล้วกัน
ไม่นานนัก พอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ไข่ของฉันได้ที่ กลิ่นหมูสับหอมฉุยชวนให้น้ำลายไหลทันที ชิ! จริงๆ เพราะหิวต่างหากล่ะ เฮ้อ ฉันกินของแบบนี้ล้างท้องมาไม่รู้กี่รอบแล้วตั้งแต่วันแรกที่ตัวเองยืนกรานว่าจะอยู่เมืองไทยจนเรียนจบ ม.6 เสียก่อน ทั้งๆ ที่ฉันทำกับข้าวไม่เป็นเลยสักอย่าง
“โอ... เปี้ยม...”
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)
รีวิว (1)
18/07/2014
Love Addiction เลือกติดรักให้ตรงใจ นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานของพี่ก้อยออกเมื่อนานมามากๆแล้วแต่สภาพหนังสือเราใหม่มากฮ่าๆๆๆเก็บอย่างดี เรื่องนี้เราจำได้ว่าเป็นโปรเจคที่ออกช่วงวาเลนไทน์พร้อมกับอีกหลายๆเล่มเป็นเรื่องที่เราสามารถกำหนดตอนจบได้เราอ่านนิยายโปรเจคนี้ทั้งเซตแล้วชอบมากๆมีความรู้สึกว่ามันแปลกใหม่ตรงที่เราสามารถกำหนดตอนจบได้ว่าเราอยากให้เรื่องจบแบบไหนโดยที่ภายในเล่มมันจะมีคำถามแล้วก็เหมือนมีช้อยให้เลือกอ่ะแล้วเราก็ต้องไปตามอ่านตรงหน้าที่กำหนดไว้ตอนที่เราเลือกช้อยคำตอบแล้วเราว่ามันแปลกดีบางเรื่องที่เคยได้อ่านมีจบแบบเศร้าๆก็มีอ่ะแต่สุดท้ายแล้วเราก็วนกลับมาอ่านอีกคำตอบที่เราไม่ได้เลือกอยู่ดีเพราะว่าอยากรู้ตอนจบแล้วก็การดำเนินเรื่องเพราะคำตอบที่เราเลือกมันจะมีผลต่อการดำเนินเรื่องด้วยเพราะมันจะไม่เหมือนกันตอนซื้อนิยายเรื่องนี้เพราะเป้นนิยายของพี่ก้อยเนี่ยแหละเลยซื้อเราชอบหน้าปกเห็นหน้าแล้วเดาเนื้อเรื่องออกเลยอ่ะว่ามันต้องมาแนวรักสามเศร้าชัวๆแล้วก็จริงๆด้วยแต่เนื้อหาสนุกดีนะเล่มนี้นางเอกหนึ่งคนกับชายหนุ่มอีกสองคนหนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิทมาแนวรักสามเศร้าอ่ะอ่านแล้วก็สงสารถ้าเป้นเราๆก็สองจิตสองใจหล่อทั้งคู่อ๊ากกกพล็อตตัวละครเด่นดีมันชัดเจนดีอ่ะค่ะว่าตัวละครตัวไหนสำคัญแต่อ่านเรื่องนี้ก็เหมือนนักเขียนปูทางมาบ้างนะเพราะอ่านแล้วก็เดาตอนจบได้อีกแหละอย่างน้อยก็ต้องมีคู่คืออ่านแล้วก็เดาฉากต่อๆไปนี้เพราะนิยายแนวนี้จะมาประมาณนี้เนื้อเรื่องเดาไม่ค่อยยากเราว่ามันไม่ค่อยหักมุมเท่าไหร่แต่โดยรวมเราชอบเรื่องนี้นะอ่านแล้วตื่นเต้นดีรักตัวละครทุกตัวเรื่องนี้ขอไม่เจาะจงเป็นกลางดีกว่าแต่การดำเนินเรื่องสนุกดีค่ะน่าติดตามทั้งเรื่องแม้ว่าจะเดาตอนต่อไปได้บ้างคือเราชอบลักษณะการแต่งนิยายการดำเนินเรื่องของพี่ก้อยอยู่แล้วด้วยก้เลยรู้สึกว่านิยายพี่ก้อยสนุกทุกเรื่องซึ่งเราก็ติดตามแทบทุกเรื่องเราว่านิยายเล่มนี้พล็อตเรื่องมันน่าสนใจตรงเลือกตอนจบได้เนี่ยแหละเพราะบางทีเราก็เดาไม่ออกใช่ไหมว่าสรุปตอนจบเป็นยังไงมันเลยทำให้ไม่ค่อยเบื่อนิยายเรื่องนี้โรแมนติกดีค่ะชอบฉากกุ๊กกิ๊กของพี่ก้อบแทบทุกเล่มฉากกุ๊กกิ๊กนี่มาแนวเดียวกันเกือบหมดเลยอ่านจนเดาออกอ่ะฮ่าๆๆแต่เราก็ซื้อเก็บทุกเล่มเห็นหน้าปกเรื่องนี้ก็ชอบแล้วนะค่ะหน้าปกเรื่องนี้ตัวละครน่ารักมากเราชอบนักวาดท่านนี้เพราะวาดหน้าปกนิยายให้พี่ก้อบแทบทุกเล่มเลยจนเดาสไตล์พระเอกออกอ่ะค่ะ