Cruella's Fairy Tale เผด็จการร้ายให้หัวใจก่อการรัก
ประหยัด: 134.25 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 3 รายการราคา 69.00 บาท - 110.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
If you can imagine it, you can achieve it.
If you can dream it, you can become it.
ถ้าคุณจินตนาการถึงมันได้... คุณก็จะเข้าถึงมัน
ถ้าคุณวาดฝันถึงมันได้... คุณก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน
-William Arthur Ward-
Please welcome to…
‘Another Side of Fairy tale’
Part : Cruella de Vil
From : 101 Dalmatians
บทนำ
Once Upon a Time
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...
โรเจอร์ ชายหนุ่มผู้ชื่นชอบในสุนัขพันธุ์ดัลเมเชี่ยน ได้พบรักกับแอนนิตา หญิงสาวผู้ชื่นชอบในสุนัขพันธุ์เดียวกัน เขาและเธอ อีกทั้งสุนัขดัลเมเชี่ยนต่างเพศของพวกเขาต่างหลงรักกันและกัน
วันหนึ่ง แอนนิตา ลูกน้องของครูเอลล่า เดอ วิล ดีไซเนอร์ใหญ่ผู้หลงใหลในชุดขนสัตว์ทั้งหลาย ได้ออกแบบลายชุดให้เหมือนขนของสุนัขดัลเมเชี่ยนที่เธอรัก ทำให้ครูเอลล่าเจ้านายของเธอจุดประกายความคิดที่อยากจะได้เสื้อโค้ตซึ่งทำมาจากขนของสุนัขดัลเมเชี่ยนจริงๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ผ้าพิมพ์ลายเท่านั้นขึ้นมา
เมื่อสุนัขดัลเมเชี่ยนของโรเจอร์และแอนนิตาคลอดลูกออกมาเป็นจำนวนมาก ครูเอลล่าได้ติดต่อขอซื้อลูกสุนัขเหล่านั้น แต่ทั้งสองกลับปฏิเสธ เธอไล่แอนนิตาออกจากงานทันที และเปลี่ยนแผนการใหม่ เธอกับลูกสมุนลงมือขโมยลูกสุนัขเหล่านั้นเอาไปรวมกับสุนัขดัลเมเชี่ยนตัวอื่นๆ ที่มีอยู่ เพื่อให้เพียงพอแก่การทำ ‘เสื้อโค้ตขนสุนัขดัลเมเชี่ยน’ ที่เธอคลั่งไคล้อยากได้มากเสียเหลือเกิน
ทว่าทุกอย่างไม่เป็นดังหวัง เมื่อโรเจอร์ แอนนิตา เหล่าสุนัขดัลเมเชี่ยนและสัตว์ชนิดอื่นๆ ต่างกีดกันครูเอลล่าออกจากสุนัขดัลเมเชี่ยนเหล่านั้น ช่วยให้พวกมันหนีพ้นเงื้อมมือของครูเอลล่าผู้โหดเหี้ยมไปได้
ครูเอลล่ากับลูกสมุนจึงถูกจับ โรเจอร์และแอนนิตาตัดสินใจรับอุปการะลูกสุนัขดัลเมเชี่ยนที่ถูกครูเอลล่าขโมยมาทั้งหมดร่วมหนึ่งร้อยหนึงตัว อีกทั้งโรเจอร์ยังสามารถทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากการดีไซน์เกมขึ้นมาโดยได้แรงบันดาลใจมาจากการหลบหนีครูเอลล่าของลูกสุนัขดัลเมเชี่ยนเหล่านั้น จนพวกเขาได้กลายเป็นมหาเศรษฐี ส่วนครูเอลล่ากลับต้องชดใช้กรรมของเธอต่อไปในคุก
อืม... นั่นคือเนื้อเรื่องของเทพนิยายเรื่องหนึ่ง
ทว่า... ถ้าลองมอง ‘อีกด้านหนึ่งของเทพนิยาย’ ล่ะ...?
1
‘I don’t do fashion, I am fashion.’
Coco Chanel
‘Dressing is a way of Life’
นั่นคือสุดยอดคีย์เวิร์ดที่ Yves Saint Laurent สุดยอดของดีไซเนอร์ระดับโลกได้บอกเอาไว้ และมันก็เป็นประโยคที่ฉันคนนี้ยึดมั่นถือมั่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
“เฮ้อ แย่จังนะครับ อากาศทึมๆ แบบนี้ตลอดเลย หน้าหนาวนี่แย่จริงๆ” เสียงจากคนขับรถส่วนตัวที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มสีเทาอ่อนแบบพวกกัปตันขับเครื่องบินเอ่ยข้นเบาๆ ภายในโรลสลอยส์สุดหรูที่ยังไม่ได้เลื่อนกระจกกั้นระหว่างคนขับกับห้องโดยสารด้านหลังขึ้น
แน่นอน... ว่าคำพูดของเขาทำเอาฉันเกือบปรี๊ดปรอทแตก
“หน้าหนาวสิดี!” ฉันเอ่ยเสียงห้วน ขัดใจน้อยๆ กับคนขับรถที่ทำงานมาร่วมสองเดือนแต่กลับไม่ยอมรู้ใจฉันสักที “ฉันอยากให้ที่นี่มีแต่ฤดูหนาวตลอดทั้งปีเลยด้วยซ้ำไป ยิ่งหิมะตกได้ยิ่งดี”
“หิมะตก... เอ่อ คุณเอลล่าอยากให้มีหิมะตกหรือครับ”
“ใช่!” ฉันเชิดหน้าตอบอีกหน ปรายสายตาผ่านกระจกออกไปมองบรรยากาศอึมครึมไร้แสงแดดด้านนอก และ... โอ๊ะ! พระเจ้าฟังคำขอฉันอยู่แหง! ดูสิ! หิมะบางๆ โปรยลงมาแล้ว!!!
“โอ้... ให้ตาย หิมะตกส่งท้ายหน้าหนาว... เฮ้อ สมใจคุณเอลล่าแล้วล่ะครับเนี่ย” คนขับรถเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ฟังยังงั้ยก็หดหู่พิกล
“แหงล่ะ สมใจฉันแน่” ฉันพูดพร้อมกลอกตาเบาๆ ฉันว่าอีตาคนขับนี่ต้องมีปมบ้าบออะไรฝังใจกับฤดูหนาวแหงๆ บางทีอาจจะเคยถูกเมียทิ้งตอนคืนหิมะตกล่ะมั้ง ชิ!
“นั่น... ประหลาดจัง เอ่อ! คือกระผมหมายถึง ทำไมคุณเอลล่าถึงชอบให้หิมะตกล่ะครับ”
“เพราะการใส่โค้ตขนสัตว์ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น มันช่างเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดน่ะสิ”
ฉันตอบพลางขยับโค้ตขนสัตว์แสนอบอุ่นและหรูหราไม่ว่ามองมุมไหนไปมา วันนี้นำเสนอโค้ตตัวใหม่เอี่ยมอ่องจากขนชินชิลลา ขนสัตว์ที่นุ่มยิ่งกว่ากำมะหยี่ ทั้งเบาและเย้ายวน เวลาฉันก้าวเดิน ขยับตัวไปมา หรือกระทั่งมีลมแรงๆ พัดสักหน่อย ขนพวกนี้ก็จะเปลี่ยนสีได้อีกด้วย อย่างวันนี้ฉันใส่ตัวสีเทามา แต่พอถูกลมแรงๆ จากด้านนอก ขนชินชิลลาก็จะพลิ้วไหวแล้วเปลี่ยนเป็นสีฟ้า! โอ้ ฉันมีโค้ตขนชินชิลลาอยู่ในตู้เสื้อผ้าตั้งเจ็ดตัวเชียวนะ ราคาของโค้ตพวกนี้ใช่ย่อยที่ไหนกัน เฮ้อ! นี่แหละคือความหรูหราที่ควรคู่กับคนอย่างฉันที่สุดในปฐพีน่ะ! ตลอดหน้าหนาวคราวนี้ฉันได้คอลเล็กชั่นโค้ต เดรส แล้วก็ผ้าคลุมไหล่ที่ทำจากขนสัตว์เพิ่มมาตั้งหลายรายการ... ทว่าน่าเสียดายจริงๆ ที่ฤดูหนาวกำลังจะผ่านไปแล้วและความอบอุ่นกำลังจะมาแทนที่ โอกาสใส่โค้ตกำลังจะจางไป เหลือแค่โอกาสใส่ผ้าคลุมไหล่แทน
“นะ...นั่นสินะครับ” อีตาคนขับในชุดกัปตันเครื่องบินพยักหน้าหงึกรับ
ภายในรถเงียบไปพักใหญ่เมื่อบทสนทาระหว่างฉันกับคนขับรถจบลง ปล่อยให้ฉันมีเวลานั่งภาคภูมิใจกับโค้ตขนชินชิลาของตัวเองต่อไป ช่างโชคดีเหลือเกินที่วันนี้ฉันเลือกใส่มัน หิมะโปรยปรายวันแรกของปี...ช่างเหมาะกับโค้ตราคาแพงระยับของฉันยิ่งนัก
จะว่าไปแล้ว...ถ้าวันนี้ฉันเข้าคลาสเลตสักนิดก็น่าจะดีนะ อุตส่าห์ใส่โค้ตตัวใหม่มาทั้งที ถ้าเข้าคลาสไว ทุกคนในห้องก็ไม่ได้ชื่นชมในความงามของมันน่ะสิ แต่ถ้าเข้าเลต ทุกคนในห้องจะได้เห็นตอนที่ฉันเดินไปยังที่นั่งตัวเองด้านหลัง...
เพอร์เฟ็กต์!! ทีนี้ทุกสายตาจะต้องหยุดอยู่ที่เฟอร์บนโค้ตตัวใหม่ของฉันแหง!
เพียงแต่...
“ไหงรถมันติดแหง็กนานนักล่ะ”
จำได้ว่าวินาทีก่อนที่ฉันจะหลับตาแล้วเริ่มละเมอเพ้อพกแบบเมื่อครู่คือราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมงก่อน ซึ่งรถก็ติดอยู่แถวๆ หน้าซอยที่สิบหกบนถนนแบรนด์
และตอนนี้... รถก็ยังติดแหง็กอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย! ให้ตายยยย!! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย แถวนี้มีขบวนพาเหรดแฟนซีอะไรทำนองนี้รึไง! โอ๊ยยยย เมื่อวานฉันไม่น่านึกชอยากไปนอนพักที่บ้านตากอากาศริมเขาเลยเชียว แต่ใครจะไปรู้ล่วงหน้าล่ะว่าวันนี้ถนนเข้าสู่ตัวเมืองเส้นหลักรถจะติดขนาดนี้น่ะ!
“เอ่อ สงสัยข้างหน้าจะมีอุบัติเหตุอะไรรึเปล่าครับคุณเอลล่า”
“อุบัติเหตุเหรอ บ้าแล้ว จะมาเกิดอุบัติเหตุอะไรตอนนี้กันล่ะ” ฉันโวยวาย แค่นี้ฉันก็เข้าเลตไปเกือบๆ สิบห้านาทีแล้วนะ นี่ถ้าขืนยังติดอยู่แบบนี้ ฉันไปเรียนไม่ทันแน่ อาจารย์ประจำคลาสนี้ยิ่งเฮี้ยบๆ อยู่ มาช้าเกินครึ่งชั่วโมงก็ไม่อนุญาตให้เข้าเรียนแล้วนะ!
อ๊ะ... ไม่ได้นะ! วันนี้ทั้งวันฉันมีเรียนแค่คลาสเดียวด้วย ถ้าพลาดเรียนวันนี้ล่ะก็... ฉันก็อดโชว์โค้ตขนชินชิลลาตัวใหม่น่ะสิ!
ตายๆๆๆ เอลล่าอยากกรีดร้อง!!
“เอ่อ... ถ้าด้านมากจริงๆ ผมขออนุญาตแนะนำให้คุณเอลล่าลงเดิน...”
“จะบ้ารึไง” ฉันกรีดร้องเสียงกระเส่าเลยทีเดียว “ให้เดินไปเนี่ยนะ ไกลเป็นโยชน์เลยนะยะ”
“เอ่อ น่าจะโทรไปบอกให้รถอีกคันจากคฤหาสน์มารับ...”
“ไม่! มันก็ไม่ใช่โรลสลอยส์คันนี้น่ะสิ ฉันไม่มีทางไปมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้ก้าวลงจากโรลสลอยส์คันนี้ที่หน้าตึกแน่ๆ เพราะรถคันอื่นไม่คู่ควรกับโค้ตตัวนี้เลยสักนิด!”
แหม ความจริงน่ะ ทางมหาวิทยาลัยควรปูพรมแดงยาวตั้งแต่จุดที่ฉันลงรถไปจนถึงตึกเรียนด้วยซ้ำ เผื่อวันไหนฉันนึกอยากหยิบเฟอร์ขนเซเบิลสีเงินหรือเสือขาวที่ราคาแพงบรรลัยกัลป์มาน่ะ!!
“ตะ...แต่ว่าความจริงถ้าเดินไปอีกแค่ราวๆ สิบห้านาที ก็จะถึงถนนอีกเส้น...”
“บอกว่าไม่ก็ไม่ไงล่ะ!” ฉันตวาดลั่นรถจนคนขับหดหัวลงในชุดยูนิฟอร์มนั่นแทบไม่ทัน ก่อนจะกดปุ่มข้างเบาะนั่งเพื่อเปิดโทรทัศน์ตรงหน้าดูฆ่าเวลา
(สำหรับการไปของดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลกอย่างจอร์ช เตอมาร์ค จะมีงานอำลาเป็นครั้งสุดท้ายวันที่สิบเจ็ดนี้ ที่ร้านเตอมาร์ดสาขาใหญ่ ในกรุงปารีส คาดว่ามีผู้ร่วมงานครั้งนี้กว่าพันคน...)
โถๆๆ ข่าวที่น่าสะเทือนใจ ฉันเคยพบจอร์ช เตอมาร์คอยู่ครั้งสองครั้ง ในงานแฟชั่นโชว์เปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ของเขาที่ปารีสน่ะ มันน่าเสียดายจริงๆ ที่เขาต้องมาด่วนจากไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะเดินทางไปหาอินสไปเรชั่นที่โรมน่ะ...
อ๊ะ! วันที่สิบเจ็ดงั้นเหรอ เยี่ยมเลย วันนั้นฉันว่างพอดี บางทีฉันน่าจะไปร่วมงานอำลาของเขา... โอเค ฉันต้องจดไว้แล้วล่ะ... ‘อย่าลืมให้โทบี้จองคิวเครื่องบินส่วนตัวไว้ให้ฉันวันนั้น’ต ...ส่วนที่พักไม่ต้อง เพราะคงรีบไปรีบกลับ... อ๊ะ! บางที... ช็อปปิ้งต่อก็ไม่เลว... ฉันน่าจะอยู่อีกสักวัน... ไม่ๆ ให้โทบี้บอกแม่บ้านเตรียมบ้านพักตากอากาศในปารีสไว้เลยดีกว่า ไปพักสักสามวันเลยละกัน แค่วันเดียวมันจะไปพออะไรกับการช็อปปิ้ง หลังจากที่ไปร่วมงานนั้นน่ะ นั่นมันปารีสนะไม่ใช่แอฟริกาใต้
(ข่าวต่อไป... กระแสต่อต้านยังคงมาแรงสำหรับเสื้อขนสัตว์ ล่าสุดเวทีแฟชั่นโชว์ต้อนรับฤดูหนาวของปิแอร์เกือบต้องล้มเลิกงานกลางคัน เพราะถูกกลุ่มนักต่อต้านลุกฮือประท้วงอยู่หน้าทางเข้า เพียงแค่ได้ข่าวว่าคอลเล็กชั่นใหม่ของเขาคือเสื้อขนเฟอร์...)
กรี๊ดดดด ว่าไงนะ! เสื้อขนเฟอร์งั้นเหรอ! เสียดายชะมัด นี่ฉันพลาดแฟชั่นโชว์งานนี้ไปได้ไงกันน่ะ!!
(...แต่เมื่อปิแอร์ออกมายืนยันว่าแฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่นนี้ไม่มีชุดใดๆ ที่ทำมาจากขนสัตว์จริงๆ เลย อีกทั้งยอมลงนามในการเป็นดีไซเนอร์ที่ร่วมต่อต้านการนำขนสัตว์จริงมาตัดเป็นเสื้อผ้าด้วย กลุ่มผู้ต่อต้านจึงยอมถอนตัวออกไปอย่างสงบ...”
ว่าไงนะ!! ประสาท!! ประสาทไปแล้วววว! ลากปิแอร์ไปลงนามต่อต้านการนำขนสัตว์มาตัดเป็นเสื้อผ้าเนี่ยนะ โอ้ โลกาวินาศรึไงเนี่ย แล้วไอ้เสื้อโค้ตขนมิงก์ที่ฉันให้เขาดีไซน์และตัดเย็บเองกับมือเมื่อสองปีก่อนในตู้นั่นคืออะไรยะ! ต่อไปเขาจะไม่รับดีไซน์เสื้อขนสัตว์ด้วยรึเปล่าเนี่ย ฉันต้องได้อายุสั้นลงเพราะความหดหู่ไปอีกหนึ่งปีเต็มแหงๆ!
“ถึงมหาวิทยาลัยรึยังเนี่ย!” ฉันปิดโทรทัศน์ด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ ก่อนตะโกนถามข่าวจากคนขับ เมื่อมันหาได้มีข่าวอะไรชวนให้ใจครึกครื้น
“เอ่อ... เราเพิ่งขยับมาได้แค่ครึ่งอันเองล่ะมั้งครับ”
ว่าไงนะ! ครึ่งคันรถเนี่ยนะ ไม่ถึงสองเมตรจากที่เดิมเลยงั้นสิ นี่มันขับรถหรือขี่เต่าขากุดกันแน่เนี่ย
“แล้วรู้รึยังว่ามันติดเพราะอะไร”
“เอ่อ... ไม่ทราบเลยครับคุณเอลล่า”
“ให้ตายสิ ไม่ได้เรื่องเลย” ฉันพ่นลมหายใจพรืดก่อนกระชับโค้ตขนชินชิลลาให้เข้าที่ “ฉันจะลงไปดูเอง”
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
เรื่องราวอลวนของ "เอลล่า ดี มิลเซนต์" สาวไฮโซระดับเอลิสต์ ผู้หลงใหลแฟชั่นชุดขนสัตว์ขั้นจัดหนัก ขนาดเพื่อนๆ ที่มหา’ลัยกลุ่มหนึ่งออกตัวต่อต้านรสนิยมของเธอสุดฤทธิ์ เธอยังไม่แคร์! แน่นอนว่าในงานฉลองประจำปีของมหาวิทยาลัยที่กำลังจะเกิดขึ้น เธอต้องเจิดจรัสสุดๆ ในชุดขนสัตว์อีกตามเคย งานนี้จะเป็นขนอะไรได้เล่าถ้าไม่ใช่ขนสุนัขดัลเมเชี่ยน!!! เหตุเพราะเพื่อนตัวแสบคนหนึ่ง ได้พูดประชดประชันให้เธอเอาขนหมามาตัดชุด แล้วไหนจะนาย "เฮย์เด็น สเปนเซอร์" ที่เคยแย่งเอาโค้ตสุดรักของเธอไปใช้ช่วยชีวิตกวางตัวหนึ่ง นอกจากจะไม่ยอมคืนแล้ว ยังมีหน้าเอาไปใช้ทำเป็นผ้ารองนอนให้เจ้าลายจุดของเขาอีก คนหนึ่งก็ปากดี ส่วนอีกคนก็หยามเกียรติกันเกินไป งานนี้มีเค้าว่าต้องวุ่นวายแน่ๆ แล้วเรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร และมีบทสรุปอย่างไร..!? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามพร้อมกันใน "Cruella's Fairy Tale เผด็จการร้ายให้หัวใจก่อการรัก" เล่มนี้
เขียนโดย "TheLittleFinger"
254 หน้า